คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : CHAPTER 61
ชานยอลเดินขึ้นมายังชั้นบนของบ้านหลังจากที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อส่งคุณคริสขึ้นรถไปสนามบิน ชายหนุ่มใช้หลังมือขยี้เปลือตาของตัวเอง ปากอิ่มยู่เข้าหากันความรู้สึกง่วงยังครอบครองสติ แล้วขาเรียวก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตน
“คุณชานยอลคะ”
“ฮื่ออ”
“จะทานข้าวกลางวันเลยไหมคะ เดี๋ยวเพ่ยฟางเตรียมไว้ให้”
“ม่ายเอา ง่วง”
“ค่ะ งั้นเดี๋ยวถ้าคุณลงมาให้เด็กอุ่นอาหารให้นะคะ เพ่ยฟางจะสั่งเด็กทำกับข้าวไว้ให้”
“อื้ออ”
ชานยอลพยักหน้าให้หญิงสาวในชุดคลุมท้องที่ยืนส่งยิ้มบางมาให้ตน ชายหนุ่มส่งยิ้มกลับไปให้อย่างง่วงๆก่อนจะหันหลังเดินจากมา เรื่องของเขากับเพ่ยฟางถือได้ว่าดีขึ้นตามวันเวลา เขาไม่ได้คุยกับคนรักของคุณคริสอย่างสนิทใจเหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ถือได้ว่าดีขึ้นกว่าแต่เดิมนักที่เขาไม่ยอมพูดกับหญิงสาวสักคำ บางทีเขาคงต้องยอมปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนอย่างที่เพื่อนสนิทและคุณยายหลี่เคยบอกเขาก็ได้ ถ้าอยากอยู่ในบ้านหลังนี้แบบสงบสุข ใบหน้าหวานยับยู่อยากล้มตัวลงนอนบนเตียงเสียที
แต่เอาเข้าจริงเมื่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในห้องของตัวเองเขากลับนอนไม่หลับเสียอย่างนั้น ร่างโปร่งนอนพลิกตัวไปมาหลายตลบอ้าปากหาววอดก็หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหลับตาลงได้จนต้องเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ในมือกดเล่นอยู่สักพักก่อนจะต้องวางมันลงเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“พี่หลี่ฟง ถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงแล้วสินะ”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาทางจากจมูก บิดกายไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง เลื่อนหาเบอร์ที่ต้องการ ชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะกดโทรออกไป ยกมันขึ้นแนบหูฟังเสียงสัญญาณไม่นานเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น
“ชานยอล”
“พี่หลี่ฟง”
“โธ่ ชานยอล พี่นึกว่าชานยอลจะไม่โทรหาพี่อีกซะแล้ว”
“เอ่อ ขอโทษนะครับพี่ ผมไม่มีเวลาโทรหาพี่เลย”
ใบหน้าหวานถึงกับสลดลงเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายถาม เพียงแค่ได้ยินเสียงชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายดีใจแค่ไหนที่เขาโทรหา เขาไม่น่าทำให้ผู้ชายดีๆอย่างพี่หลี่ฟงเสียใจเลยเขานี้มันเลวเสียจริง ชานยอลได้แต่โทษตัวเองในใจ
“ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจว่าชานยอลคงยุ่ง กลับเกาหลีเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับ สนุกดี”
“คุณแม่สบายดีไหมครับ มีของฝากมาฝากพี่หรือเปล่าหรือว่าลืมแล้ว”
หลี่ฟงถามปลายสีทีเล่นทีจริง ชายหนุ่มรู้สึกใจหายกับอาการเงียบผิดปกติของคนโทรหา เขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไปแม้ไม่ได้เห็นหน้า ลางสังหรณ์แปลกๆเกิดขี้นในใจ
“แม่สบายดีครับ ขอโทษนะครับพี่ ผมไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากพี่เลย ขอโทษจริงๆนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ฮ่าๆๆ ไม่ใช่เรื่อสำคัญหรอก”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากซื้อของมาฝากพี่หลี่ฟงแต่เขาไม่มีโอกาสเลยต่างหากในมือคุณคริสตัวติดกับเขายังกับเงาตามตัวเขาปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย ถ้าเกิดซื้อมาในตอนที่คุณคริสอยู่ด้วย คุณคริสต้องถามแน่ๆว่าเขาซื้อให้ใครถ้าไม่เห็นเขาใช้มัน
“เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวตอบแทนนะครับพี่ เอ่อ วันนี้พี่ว่างไหมครับ ออกมาเจอผมหน่อยได้ไหม”
“ชานยอล ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากเจอเรานะ แต่วันนี้พี่ไม่ว่างจริงๆ ต้องบินไปเจอลูกค้าที่เทียนจิน”
“อ่า เหรอครับ”
ชานยอลครางออกมาอย่างนึกผิดหวัง เขาอยากคุยเรื่องนี้กับพี่หลี่ฟงให้มันจบๆไป แต่ทำไมช่วงเวลาถึงไม่เป็นใจนัก ชายหนุ่มคิด ไม่นึกโทษตัวเองด้วยซ้ำที่ปล่อยให้เวลามันผ่านไปอย่างไร้ค่ามาหลายอาทิตย์
“อื้มม พี่ขอโทษนะ แต่พรุ่งนี้พี่ก็กลับมาแล้วล่ะ เป็นพรุ่งนี้ได้ไหมครับ”
“ก็ได้ครับ ผมว่าง แล้วเจอกันนะครับพี่”
“ครับ พี่คิดถึงชานยอลนะ”
“ครับ…แค่นี้นะครับพี่”
เสียงโทรศัพท์ถูกตัดไปแล้ว หลี่ฟงวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว หลับตาลงช้าๆ รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่
ทราบสาเหตุของร่างโปร่งที่ตนเฝ้าคิดถึง หวังไว้ว่าจะเป็นความรักครั้งสุดท้าย แต่ความรักครั้งนี้กำลังจะหลุดลอยไปจากมือเขาอีกแล้ว
“ยายครับ มีอะไรทานบ้างอ่าครับ”
“อ้าว ยายนึกว่าคุณจะกลับขึ้นไปนอน ยังไม่ได้อุ่นอาหารให้เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งรอ”
ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะอาหารในห้องครัว ร่างโปร่งยังคงอยู่ในชุดนอน วันนี้เขาไม่ได้ออกไปไหนเนื่องจากเป็นวันเสาร์ จันทร์หน้าเขาคงได้ไปเรียนเสียทีหลังจากหยุดไปหลายวัน ตากลมมองดุบรรยากาศในห้องครัวอย่างเพลิดเพลิน คุรยายหลี่กำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารให้เขาโดยมีสาวใช้คอยเดินเข้ามาถามเรื่องงานในครัวอยู่บ่อยๆ ชานยอลยกแก้วน้ำส้มคั้นรสหวานที่เหวินฉีนำมาให้ขึ้นจิบ ไม่นานคุณยายก็ยกข้าวต้มกับอาหารสองสามอย่างมาวางไว้ตรงหน้าให้เขา
“ทานให้อร่อยนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ชานยอลเอ่ยขอบคุณคุณยายพร้อมกับยิ้มตาหยี ชายหนุ่มหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวใส่ปาก กลิ่นอาหารทำให้เขารู้สึกหิวขึ้นมาทันทีทั้งที่คิดว่าตัวเองไม่หิวมากแล้วเชียว คุณยายหลี่มองภาพเด็กหนุ่มที่กำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสายตาเอ็นดูไม่เสื่อมคลาย บ้านหลังนี้ถ้าไม่มีเสียงทะเลาะก็ดูน่าอยู่ขึ้นเยอะ
“เป็นแบบนี้ดีจังเลยนะคะ”
“ครับ?”
“คุณชานยอลดีกับคุณคริสได้นี้ดีจังเลยนะคะ ยายไม่อยากเห็นคุณร้องไห้เลย”
“อ่า ครับ ขอบคุณมากนะครับยาย”
ชานยอลขอบคุณคุณยายหลี่จากใจ ถ้าไม่ได้ยายช่วยไว้ในหลายๆเรื่องเขาคงต้องแย่กว่านี้แน่ๆชายหนุ่มก้มหน้าทานข้าวของตัวเองต่อไปแต่ทานได้สองสามคำ เสียงร้องเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้น เว่ยเจียเดินเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ มันเป้นของเขานั้นเอง
“คุณชานยอลคะ โทรศัพท์ค่ะ คุณคริสโทรมา เว่ยเจียขึ้นไปเก็บห้องพอดี”
“อ่า ขอบใจนะ”ชานยอลรับโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ในมือก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“ครับคุณคริส ถึงแล้วเหรอฮะ”
“อื้อ ตื่นแล้วเหรอ ฉันนึกว่านายจะขึ้นไปนอนเสียอีก”
“ตื่นแล้วครับ พอดีนอนไม่หลับ”
“เหรอ กินข้าวหรือยัง”
“กำลังครับ คุณล่ะ กินหรือยัง ทานนะครับ อย่ามัวแต่ทำงาน”
“รู้แล้วน่า ฮ่าๆๆ”
คริสหัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายเตือนเขาด้วยน้ำเสียงดุๆที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก ทุกวันนี้ช่างกล้าเหลือเกินนะชานยอล ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องทำงานเมืองกวางโจว ยังรู้สึกเหนื่อยจากการเดินทางไม่หาย ถึงมันจะใช้เวลาไม่นานก็เถอะ
“ผมพูดจริง อย่าหัวเราะนะฮะ”
“โอเคๆ ทานข้าวซะ ถ้าง่วงก็ขึ้นไปนอน ฉันจะวางแล้ว”
“ครับ สวัสดีครับ”
คริสกดตัดสายวางโทรศัพท์ลงไว้บนโต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลายังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ ดวงตาคมปิดลงช้าๆบิดกายไล่ความเมื่อยขบ เสียงประตูห้องถูกเปิดออกแล้วกลิ่นกาแฟก็ลอยเข้ามาในจมูกพร้อมกับร่างของเลขาสาวประจำสำนักงานในกวางโจวเธอเดินถือแก้วกาแฟกับหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับเข้ามาในห้องวางมันไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนหญิงสาวจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเธอต้องการพักผ่อนก่อนจะเข้าประชุมในเวลาต่อไป
คริสลืมตาขึ้นช้าๆ กลิ่นหอมของกาแฟทำให้สมองของเขาตื่น มือหนาเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาจิบ ถอนหายใจออกมาช้าๆอาการเมื่อยล้าเริ่มหายไป ชายหนุ่มชายตามองหนังสือพิมพ์ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากันเมื่อชื่อหนังสือพิมพ์นั้นไม่ใช่ชื่อที่เขาอ่านประจำ
คริสหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างเสียไม่ได้ หน้าหนึ่งมีแต่หัวข่าวชาวบ้านทั่วไปไม่ใช่ข่าวธุรกิจอย่างที่เขาต้องอ่านทุกเช้า ชายหนุ่มเปิดหนังสือพิมพ์แต่ล่ะหน้าอ่านมันผ่านๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับหัวข้อข่าวหนึ่งในหน้าข่าวซุบซิบ
แล้วคริสก็ต้องรูสึกชาไปทั้งตัว ตาคมจ้องหนังสือพิมพ์ด้วยใจสั่นรัว ภาพชายหนุ่มสองคนกำลังเดินเล่นในสวนสนุก ใบหน้าทั้งสองเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขสะท้อนออกมาจากรอยยิ้ม เขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย ถ้าคนในหนังสือพิมพ์นั้นไม่ใช่ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ชานยอลกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครกัน? เขารู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายตัวสูงในชุดไพรเวทสีน้ำเงินเข้มอย่างประหลาด แล้วคริสก็รู้สึกเหมือนเลือดในกายของเขาเย็นเชียบก่อนที่มันจะถึงจุดเดือดสูงสุด ไอ้หลี่ฟง หวัง หลี่ฟง คริสขย้ำหนังสือพิมพ์ในมือไว้แน่น ดวงตาคมแข็งกระด้างอย่างน่ากลัว ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ เดือดดานอย่างที่สุด เขามั่นใจว่าไม่เคยต้องรู้สึกโกรธขนาดนี้มาก่อน ชายหนุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ต่อไปยังเลขาคนสนิทที่คอยทำงานให้เขาในกรุงปักกิ่ง
“ครับ…คุณคริส”
“อี้ชิง …ฉันมีงานให้นายทำ”
คริสพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้อ่านในหนังสือพิมพ์และท่าทางทุกอย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมาให้คนสนิทฟัง ตลอดเวลาที่เล่าน้ำเสียงของชายหนุ่มสั่นเป็นบางช่วง บางครั้งก็แข็งกร้าวอย่างน่ากลัว อี้ชิงรับฟังทุกอย่างที่เจ้านายพูดก่อนจะตอบรับคำสั่งทุกอย่างที่คริสต้องการ แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดด้วยน้ำมือของคนโทรหา
“ชานยอล มึง”
ร่างโปร่งเดินออกมาที่ระเบียงหน้าบ้านในชุดเตรียมพร้อมไปเรียน เมื่อสาวใช้เดินมาบอกว่าอี้ชิงพร้อมกับลูกน้องมาเอารถตามคำสั่งของคุณคริสเพื่อนำไปเปลี่ยนล้อให้เป็นแบบที่เขาต้องการ ชานยอลส่งยิ้มพร้อมกับเอ่ยคำทักทายคนสนทิของคุรคริสอย่างอารมณ์ดี
“อี้ชิง มาเอารถไปทำเหรอ”
“อ่า ครับ”
ร่างสูงในชุดสูทสีดำส่งยิ้มเจื่อนให้คู่สมรสของเจ้านาย ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องให้นำรถออกไป ชานยอลมองคนสนิทของคุณคริสด้วยสีหน้างงๆกับอาการที่แปลกไปจากปกติ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจหันไปพูดกับลุงถังที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังบ้าน
“ลุงครับ ไปกันเถอะ ชานยอลสายแล้ว”
“คุณชานยอลจะไปไหนเหรอครับ”
อี้ชิงชิงถามขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งกำลังจะเดินออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่ โดยมีลุงถังเดินตามออกไปเงียบๆ คุณชานยอลหันกลับมามองเขาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ใครได้เห็นก็ต่างบอกว่ามันน่ารักเหลือเกิน
“ไปเรียนอ่ะ ฉันขาดมาหลายวันแล้ว”
“ให้ผมไปส่งไหมครับ พอดีผมจะไปทำธุระแถวนั้นพอดี”
“จะดีเหรอ รบกวนเวลางานอี้ชิงเปล่าๆ เดี๋ยวให้ลุงถังไปส่งก็ได้”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ให้ลุงถังไปพักผ่อนเถอะ วันนี้ต้องล้างรถอีกตั้งหลายคันไม่ใช่เหรอลุง?”
ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มหันไปพูดกับคุณลุงที่มีหน้าที่เป็นคนขับรถและคอยดูแลรถทุกคันของบ้าน แล้วก็เป็นไปอย่างที่อี้ชิงคิดเมื่อลุงถังตอบว่าใช่เพราะวันนี้เป็นวันทำความสะอาดรถของตนพอดี เห้นอย่างนั้นแล้วชานยอลก็ไม่ขัดอีกยอมเดินขึ้นรถไปกับอี้ชิงแต่โดยดี
“ขอบใจมากนะอี้ชิง ต้องรบกวนให้นายมาทำหน้าที่ขับรถให้ฉันอีกแล้ว แต่ครั้งหน้าคงไม่ต้องรบกวนทั้งอี้ชิงหรือลุงถังแล้วแหละ อี้ชิงรู้มั้ยคุณคริสยอมให้ฉันเอารถไปเรียนแล้วนะ”
“อ่า จริงเหรอครับ ดีจังเลยนะครับ”
อี้ชิงครางรับออกมาตอบออกไปพอเป็นพิธี ตาเรียวมองถนนตรงหน้า ทุกอย่างคงจะดีอย่างที่เขาพูดถ้าคุณชานยอลไม่ทำเรื่องแบบนั้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองภาพที่สะท้อนในกระจกมองหลัง คุณชานยอลนั่งยิ้มจนตาแทบปิดอยู่หลังรถ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ
“อ้อ แบบล้อรถฉันวางไว้ข้างหลังเบาะนะ ฉันอยากได้แบบนั้น”
“ครับ ผมเจอแล้ว เอ่อ คุณชานยอลมีอะไรจะพูดให้ผมฟังหรือเปล่าครับ”
“เอ๋ ไม่มีนี้ ทำไมเหรอ?”
คงจะเป็นคราวเคราะห์ของชานยอลจริงๆ ชายหนุ่มถึงไม่ทันฉุกคิดกับคำถามประหลาดของลูกน้องคุณคริส ตากลมมองคนที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอย่างงุดงง ร้อยวันพันปีอี้ชิงไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขา หรือว่ามีเรื่องอะไรนะ
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าบางทีคุณอาจจะอยากบอกอะไรกับผม”
“ฮ่าๆ ไม่มีหรอก พูดอะไรตลกจัง”
คุณชานยอลหัวเราะออกมาคล้ายกับว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่องตลก อี้ชิงปิดปากเงียบลงอีกครั้ง ทั้งที่เขาเปิดโอกาสให้พูดแล้วทไมคุณชานยอลไม่พูดออกมา บอกมาสิว่ามีเรื่องอยากจะสารภาพ บอกมาสิว่าเรื่องของคุณชานยอลกับอดีตเพื่อนสนิทของคุณคริสเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด คุณชานยอลไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น เขาจะได้ช่วยพูดกับเจ้านายไม่ให้อีกแรง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากาลเวลาที่ผ่านมาจะทำให้เด็กหนุ่มใสซื้อบริสุทธิเปลี่ยนไปได้เพียงนี้เชียวหรือ กลายเป็นคนที่…เฮ้ออ ชายหนุ่มคิดกับตัวเอง
“ช่วงนี้คุณได้อ่านหนังสือพิมพ์บ้างไหมครับ”
“ไม่อ่ะ ฉันไม่ชอบอ่านข่าว มีแต่เรื่องน่าปวดหัว”
“เหรอครับ มีแต่เรื่องปวดน่าปวดหัวจริงๆด้วย”
“อี้ชิงมีอะไรหรือเปล่า วันนี้นายแปลกไปนะ”
ชานยอลถามลูกน้องของคุณคริสที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้เขาวันนี้อย่างแปลกใจ วันนี้อี้ชิงพูดอะไรกับเขาแปลกๆหลายเรื่องแล้ว หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้น คนโดนถามเอี้ยวตัวหันไปมองเจ้านายที่นั่งอยู่บนเบาะหลังหลังจากที่ดับเครื่องยนต์อยู่หน้าตึกของคณะบริหาร ชายหนุ่มส่งยิ้มไปให้ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
“ไม่มีอะไรครับ ขอโทษถ้าทำให้คุณไม่สบายใจ”
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก ไปนะ ขอบใจที่มาส่ง”
“ครับ โชคดีนะครับ คุณชานยอล”
ชานยอลหยิบหนังสือขึ้นมาก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายที่มีกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถืออยู่ในนั้นขึ้นมาจากเบาะ ส่งยิ้มให้อี้ชิงก่อนจะเปิดประตูรถลงไป ไม่ได้หันมามองเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์เคลื่อนออกไปจากหน้าตึก เขาเลยไม่รู้ว่ารถยนต์สีดำของตระกูลอู๋ที่อี้ชิงทำหน้าที่ขับไม่ได้จากไปไหนไกล มันจอดอยู่ที่หน้ามหาลัยปักกิ่งนั้นเอง
“พี่หลี่ฟงครับ”
“อ้าว ชานยอล มาถึงแล้วเหรอ”
ร่างโปร่งเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นคนที่เขานัดไว้นั่งก้มหน้าอ่านหนังสือเรียนอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ตึก หลี่ฟงเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ ยิ้มให้ร่างโปร่งในชุดนักศึกษา ดวงตาเรียวมีฉายแววดีใจอย่างปกปิดไว้ไม่มิด จนคนถูกมองต้องรู้สึกระอายใจในสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อไป
“ครับ พี่รอผมนานมั้ย? พอดีรถติดมากเลยครับ”
“ไม่นานหรอก พี่ก็เพิ่งมาถึง”
“อ่า หิวหรือยังครับ วันนี้ผมจะชวนพี่หลบเรียน แหะๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเขินๆ เขากลายเป้นเด็กนิสัยเสียแล้วจริงๆ คนถูกชวนถึงกับทำหน้าประหลาดใจ แต่ก่อนมีแต่เขาที่เป้นฝ่ายชวนหลบ แต่ครั้งนี้ร่างโปร่งกับเป็นฝ่ายเอ่ยปากซะอย่างงั้น หรือว่าเขาจะคิดมากไป เรื่องที่ว่าชานยอลไม่ได้ชอบเขาแล้ว หลี่ฟงฉีกยิ้มกว้าง รีบลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินอ่อนทันที
“ไปสิ จะเลี้ยงข้าวพี่ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆๆ”
“ครับ พี่อยากทานอะไรฮะ บอกมาได้เลย”
ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันออกมาจากตึกเพื่อไปขึ้นรถของร่างสูที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ไม่ไกลนัก บทสนทนาที่หลี่ฟงมักจะเป็นคนเริ่มขึ้นสลับกับเสียงหัวเราะดังกังวาลของชายหนุ่มข้างกายทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“ชานยอล ระวัง!”
“โอ้ยยย พี่หลี่ฟง”
TBC..........
สวัสดีค่ะ มาต่อแล้วนะคะ
คุ้นไหมคะสถานการณ์แบบนี้ฮี่ๆๆ เหมือนที่ชานยอลเคยโดนเลยนะคะ ฮ่าๆ
กงล้อค่อยๆหมุนแล้วค้าาา
สวัสดีค่ะ
ร่วมสกรีมในทวิตรบกวนติด #DDT
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น