คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #155 : CHAPTER 132
หมายเหตุ.... เราจะลบ DDT ตอนที่ 20-40 ออกนะคะ เนื้อหาฉากที่ตัด และ หายไป งดแจกนะคะ >< หาอ่านได้ในเฉพาะรวมเล่มเท่านั้น ขอบคุณค่ะ
ชานยอลหลับตาลงช้าๆหลบหนีความวุ่นวายจอแจ้ในสนามบินนานาชาติอินชอน
ผู้โดยสารมากมายหลายชาติต่างเดินขวั่กไขว้ไปมาเต็มสนามบินแม้จะเป็นเวลาเช้ามากก็ตาม
เมื่อคืนเขาไม่สามารถข่มตาหลับได้ทั้งคืนจนเกือบรุ่งสางเขาจึงผล็อยหลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็รีบเก็บกระเป๋าเดินทางของตัวเองและมารดาทันที
โดยมีเลขาคุณแม่เป็นคนจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่พักให้
โชคดีที่ของตั๋วเครื่องบินไฟท์เกาหลี-จีนช่วง9โมงที่เป็นรอบที่เร็วที่สุดได้ทันเขาจึงไม่ต้องรอนาน
ปล่อยให้บริษัทเป็นหน้าที่ของพี่ซูโฮดูแลไปก่อน
“
ชานยอล”
“ครับ”
“เครื่องจะออกแล้วลูก”
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก ปาร์ค
ซอนยอลถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นดวงตาอิดโรยของลูกชาย
ชานยอลส่งยิ้มให้มารดาก่อนจะบีบฝ่ามืออุ่นที่กุมมือเขาเดินไปตามทางเดินไว้ส่งภาษากายให้คนเป็นแม่ได้สบายใจว่าเขาไม่เป็นอะไร
ไม่รู้ว่าประเทศจีนกับเกาหลีอยู่ห่างกันไม่มากหรือเพราะเขาเอาแต่ใจลอยกันแน่
นั่งอยู่บนเครื่องไม่นานรู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนอยู่บนสนามบินปักกิ่งแล้ว
ชานยอลก้มหน้ามองดทรศัพท์ในมือหลังจากวางสายจากอี้ชิงเขาก็กดเบอร์โทรหาผุ้ชายที่เขากำลังเป็นห่วงสุดใจ
แต่ก็ปลายสายก้ไม่เคยกดรับแม้เขาจะโทรหากี่สิบรอบก็ตาม
“ใครจะมารับเราเหรอลูก ให้แม่เรียกแท็กซี่มั้ย?”
“ไม่ต้องครับแม่ อี้ชิงจะมารับเรา ขอโทษที่ผมไม่ได้บอก”
ชานยอลเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ เอ่ยขอโทษมารดาด้วยความรู้สึกผิด
เขาเอาแต่ใจลอยเป็นห่วงคนที่คฤหาสน์ตระกูลอู๋จนลืมดูแลแม่ที่ตามเขามาเพราะความเป็นห่วง
โชคดีที่แม่เขาเข้าใจเรื่องที่ต้องพักโรงแรมก็เหมือนกัน
การมาจีนครั้งรี้ค่อนข้างฉุกระหุกเขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคุณคริสจะรู้หรือเปล่าว่าเขามาถึงจีน
เขาไม่รุ้เลยจริงๆว่าในเวลานี้ควรจะจัดการเรื่องทุกอย่างยังไง
“นั้นใช่อี้ชิงที่ลูกพูดถึงหรือเปล่าชานยอล”
“อ่ะ ใช่ครับ อี้ชิง ทางนี้”
ชานยอลหันหน้ามองตามนิ้วของซอนยอล แล้วเขาก็เจอร่างของเลขาคุณคริส
ชานยอลยกมือให้ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขาอย่างร้อนรน
อี้ชิงก้มหัวให้ทั้งคู่เป็นการทักทายก่อนจะคว้าเอากระเป๋าเดินทางของสองแม่ลูกมาถือไว้ในมือ
“ไปกันเถอะครับ รถรออยู่ด้านนอกแล้ว”
“อี้ชิง ช่วยไปส่งคุณแม่ที่โรงแรมก่อนได้มั้ย
ฉันอยากให้คุณแม่ได้พักผ่อนก่อน”
หลังจากที่ขึ้นรถแล้วชานยอลก็พูดขึ้น
เขาอยากให้คุณแม่ได้พักผ่อนเตรียมตัวก่อน
ถึงแม้ว่าคุณแม่จะอยากตามเขาไปที่งานศพเลยทันทีก็ตาม และอีกอย่างเขาอยากพูดคุยกับคุณคริสก่อนว่าเรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นได้ยังไง
และเรื่องของเราสองคนมันจะเป็นยังไงต่อไป
คิดถึงเรื่องนี้แล้วชานยอลก็ได้แต่เจ็บแปลบในใจ
“ทำไมถึงไม่พักที่บ้านล่ะครับ ถ้าคุณคริสรู้ว่าผมให้คุณกับคุณแม่พักที่โรงแรมผมต้องตายแน่ๆ”
“คุณคริสรู้หรือเปล่าว่าฉันมาที่นี้”
หลังจากที่ส่งคุณแม่เข้าห้องพักแล้วและบอกคุณแม่ว่าจะให้อี้ชิงมารับทีหลังชานยอลก็ขึ้นรถตรงไปยังโบสถ์กับอี้ชิงทันที
ชานยอลตอบคำถามของอี้ชิงด้วยประโยคคำถาม ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำส่ายหน้า
จ้องมองการจราจรติดขัดตรงหน้าด้วยสายตาเป็นกังวล
“...เปล่าครับ ผมยังไม่ได้บอก ความจริงคือยังไม่มีใครได้พูดกับคุณคริสเลย
เจ้านายเอาแต่นั่งเสียใจอยู่หน้าโลงศพ”
“นั้นแหละ เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงกลัว”
“คุณเป็นภรรยาของคุณคริส ไม่มีอะไรต้องกลัวเลยครับคุณชานยอล”
“รอให้เขาเป็นคนอนุญาตก่อนดีกว่า ฉันกลัวว่าเขาจะเสียใจจนลืมเรื่องของฉันไป”
แล้วชานยอลก็พูดสิ่งที่กลัวในใจออกมา
กลัวว่าคุรคริสจะเสียใจเรื่องเพ่ยฟางจนไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากให้เขาเข้าใกล้
แล้วเขาจะยังมีหน้าเดินเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกเหรอ
ถ้าโดนไล่ออกมาเขาจะทำหน้ายังไง ความร้ายกาจของอีกฝ่ายเขายังจำได้ไม่เคยลืม
“ไม่มีทางหรอกครับ เจ้านายผมรักคุณ”
“ฉันกลัวอี้ชิง ฉันกลัวว่าเขาจะทิ้งฉันอีก ฮึก”
“โถ่ คุณครับ คุณรู้หรือเปล่าตั้งแต่คุรคริสกลับมาจากเกาหลี
เขาก็เอาแต่เพ้อถึงคุณ พูดถึงแต่คุณทุกวัน ต้องโทรหาคุณทุก3ชั่วโมง
ขนาดคุณจะทานข้าวเขายังให้เด็กที่เกาหลีส่งอาหารไปให้คุณถึงที่บ้านหรือบริษัท
แล้วอย่างนี้คุณคริสจะทิ้งคุณได้ยังไง”
พออี้ชิงพูดถึงตรงนี้จะให้เขาเถียงเขาก็พูดไม่ออก สิ่งที่อี้ชิงพูดคือความจริงทุกประการ
แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ตอนที่คุณคริสเลือกเขา เขารู้ดีว่าตอนนั้นคุณคริสยังรักเพ่ยฟางอยู่ถึงจะไม่มากเหมือนเดิมก้ตาม
แล้วเมื่อตอนนี้เธอจากไปคุณคริสจะยังเลือกเขาที่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เพ่ยฟางต้องตายได้หรือเปล่า
“เชื่อในตัวคุณคริสเถอะครับ อย่าคิดมาก แค่คุณอย่าทำร้ายตัวเอง รักตัวเองให้มากๆ
ให้สมที่เลือดในกายของคุณส่วนหนึ่งมีเลือดของคุณคริสอยู่ก็พอแล้ว”
“อะ..อะไรนะ นายพูดว่าอะไรนะอี้ชิง!”
ชานยอลถามอี้ชิงเสียงสั่น คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน กลีบปากอิ่มสั่นระริก
สิ่งที่หลุดออกมาจากปากอี้ชิงมันหมายความว่ายังไงกัน
“จำได้มั้ยครับ? วันที่คุณฆ่าตัวตาย”
“จำได้ ฉันจำมันได้ดี”
เขาจำค่ำคืนที่หนาวเหน็บนั้นได้ดี ค่ำคืนที่ไร้ซึ่งความหวัง
หัวใจเขาแหลกสลาย ชิ้นกระจกวาววับ เลือดสีแดงฉานไหลอออกมาจากบาดแผลที่ถุกกรีดซ้ำ
แค่คิดเขาก็หนาวสะท้านไปทั้งหัวใจ
“วันนั้นคุณเสียเลือดมาก ทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดสำรองเหลืออยู่เลย
เราต้องประกาศรับบริจาค แล้วคุณคริสที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องฉุกเฉินตลอดเวลาก็เป็นคนช่วยชีวิตคุณไว้
เขาเป็นคนบริจาคเลือดให้คุณ”
“ฮึก ฮึก ทำไมไม่มีใครบอกฉัน ฮื่ออ ทำไมไม่มีใครบอกฉัน”
พอได้ฟังเรื่องทุกอย่างจากปากอี้ชิง
น้ำตาเม็ดใสก็ร่วงเผาะออกมาเต็มใบหน้า ชานยอลสะอื้นฮัก
คุณคริสไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเขาเลย แม้พวกเขาจะคืนดีกันแล้วก็ตาม อย่าว่าแต่คุณคริสเลยแม้แต่คุณยายหลี่หรืออี้ชิงก็ไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้ออกมา
พวกเค้าทำแบบนี้ทำไมปิดบังเขาทำไม
“คุณคริสสั่งห้าทุกคนไม่ให้บอกเรื่องนี้กับคุณ”
“ทำไม! ฮื่อออ เขาทำอย่านั้นทำไม”
“คุณคริสกลัวว่าถ้าคุณรู้คุณจะรังเกียจ กลัวว่าคุณจะทำร้ายตัวเองอีกถ้ารู้ว่าเลือดของคุณคริสไหลเวียนอยู่ในตัวของคุณ”
“โง่ โง่ที่สุดเลย! ฮื่ออ”
ชานยอลซุกหน้าลงกับฝ่ามือ สะอื้นจนตัวโย้น
อยากจะกอดเจ้าของอ้อมแขนอุ่นคนนั้นขึ้นมาจับใจ
ผู้ชายที่เคยทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นแต่กลับเป็นคนให้ชีวิตเขาได้เริ่มต้นใหม่
ผุ้ชายที่ทำให้เขาทุกข์ที่สุดและสุขที่สุด อู๋ อี้ฟาน
“อย่าโกรธคุณคริสเลยนะครับ ช่วยเข้าใจเค้าด้วยเถอะ เค้าแค่อยากปกป้องคุณ”
“อื้อ ฮึก”
อี้ชิงละสายตาจากท้องถนนไปมองร่างของภรรยาเจ้านายก่อนที่ชายหนุ่มจะยิ้มออกมา
เมื่อชานยอลพยักหน้ารับแม้จะยังร้องไห้อยู่ก็ตาม
ถึงอี้ชิงจะไม่บอกเขาก็ไม่คิดที่จะเกลียดคุณคริสอีกแล้ว
เพราะที่อี้ชิงพูดและสิ่งที่คุณคริสคิดมันคือความจริง
ถ้าในตอนนั้นเขารู้ว่าคนที่ช่วยเขาจากความตายคือคุณคริส
คนที่ในเวลานั้นเขาทั้งโกรธ ทั้งเกลียด เขาคงต้องทำร้ายตัวเองอีกแน่
ชานยอลนั่งปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติอยู่สักพัก
ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมามองทิวทัศน์สองข้างทาง โบสถ์ที่ใช้จัดงานศพอยู่แถบชานเมือง
แต่อี้ชิงขับรถค่อนข้างเร็ว เพียงครึ่งชั่วดมงเขาก็มาถึงสถานที่จัดงาน
ชายหนุ่มหลับตาลงช้าๆสูดลมหายใจเข้าปอดเตรียมลงไปเผชิญหน้ากับความจริง
ขาเรียวก้าวลงจากรถมีอี้ชิงเดินอยู่ข้างๆ บริเวณรอบโบสถ์เงียบสงบ
มีเพียงเสียงสายลมหน้าหนาวดังบาดแก้วหู ต้นไม้เริ่มผลัดใบ
พร้อมให้ใบไม้ใบใหม่ได้เติบโตทดแทน ชายหนุ่มกระชับเสื้อโค้ทสีดำไว้แนบกาย
เดินก้มหน้าตรงไปตามทางเดิน แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“คุณชานยอล”
“คุณยายหลี่”
ชานยอลเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพบกับใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มใจดีอยู่เสมอแต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศกของคุณยายหลี่
ร่างโปร่งรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างนั้นทันที
น้ำตาที่เพิ่งหายไปกลับไหลออกมาอีกครั้ง
“ยายครับ”
“มาได้ยังไงคะ ทำไมยายไม่รู้เรื่องเลย”
“อี้ชิงเป็นคนโทรไปบอกผมครับ พอรู้เรื่องผมก็รีบมาทันที ฮึก
มันเกิดอะไรขึ้นครับยาย ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“ยายก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฮึก คุณคริสไม่ยอมพูดอะไรเลย
ตอนที่ยายรู้เรื่องเพ่ยฟางก็..ฮึก เพ่ยฟางก็ไม่มีลมหายใจแล้ว”
คุณยายหลี่กุมมือเด็กหนุ่มไว้แน่น ส่ายหน้าร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
ภาพร่างของเพ่ยฟางที่เต็มไปด้วยเลือดมีคุณคริสนั่งร้องไห้กอดร่างไร้วิญญาณนั้นอยู่ข้างถนนทำให้หล่อนแทบสิ้นสติ
พอคุณคริสพาร่างของเพ่ยฟางมาที่โบสถ์คุณชายของหล่อนก้ไม่ยอมพูดกับใครอีกเลย
“เพ่ยฟาง ฮึก เพ่ยฟาง”
“อย่าเพิ่งร้องไห้เลยนะคะ คุณรีบไปหาคุณคริสเถอะ เธอต้องการกำลังใจจากคุณ”
“แล้วยายจะไปไหนครับ?”
“ยายต้องกลับบ้านค่ะ ยายทิ้งคุณหนูเฟิงอี๋ไว้กับเหวินฉี ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง”
“เฟิงอี๋...”
ชานยอลครางชื่อเด็กน้อยขึ้นมาอย่างปวดร้าว สงสารเด็กน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นานก็ต้องกำพร้าแม่แล้ว
เด็กคนนี้จะเป็นยังไงบ้างหนอจะร้องไห้คิดถึงอ้อมกอดของแม่หรือเปล่า
“ค่ะ ยายไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันนะคะคุณชานยอล”
หลังจากที่คุณยายหลี่กลับไปกับลุงถังแล้ว
ชานยอลก็รีบเดินไปยังตัวโบสถ์ทันที แล้วแผ่นหลังของคุณคริสก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา
ร่างสูงในชุดสูทสีดำนั่งหันหลังให้เขาอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาวหน้าโบสถ์
ตรงหน้าของคุณคริสมีโลงศพสีขาวตั้งอยู่ เพ่ยฟางอยู่ในนั้น
“คุณคริส...พี่คริส”
แม้เขาจะหยุดยืนอยู่ข้างๆแต่คุณคริสก็ไม่รู้สึกตัว จนเขาต้องเอ่ยเรียกชื่อร่างสูงด้วยน้ำเสียงสั่นๆคุณคริสถึงยอมหันมา
ใบหน้าซูบตรอบของคนรักทำให้เขาต้องร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
คริสหันหน้าไปตามเสียงเรียกคุ้นหู
ภาพของคนรักที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดเวลาหนึ่งเดือนปรากฏอยู่ตรงหน้า นี้เขาคิดถึงชานยอลมากจนเห็นภาพหล่อนใช่มั้ย
“ชานยอลอ่า”
“คุณคริส ฮื่ออ”
คริสครางชื่อของคนรักเสียงแผ่ว
อ้าแขนออกกว้างรับร่างที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาไว้กอดร่างที่กำลังร้องไห้ไว้แน่นเหมือนกลัวว่ามันจะหลุดหายไป
“ชานยอล มาได้ยังไง”
“อี้ชิงไปรับผมครับ ฮึก ทำไมคุณไม่โทรหาผม ผมโทรมาคุณก็ไม่รับ”
“ชวู่~ อย่าโกรธเลยนะ”
“ฮื่ออ ผมเป็นห่วงพี่แทบบ้า”
“ขอโทษครับ แต่ว่าอย่าร้องไห้เลยนะ”
คริสกระชับอ้อมกอดรัดร่างเด็กขี้แยไว้แน่น โยกกายปลอบโยนร่างนั้นเหมือนเด็ก
ชานยอลซุกหน้าลงบนไหล่หนา ก่อนจะถามถึงสาเหตุของเหตุการณ์เลวจากร่างสูง
แม้เขารู้ว่ามันจะทำให้คุณคริสเจ็บปวดก็ตาม
“คุณคริสครับ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง ทำไมเพ่ยฟางถึง ฮึก”
“..............”
“พี่ครับ ได้โปรด บอกผมเถอะครับ ระบายให้ผมฟัง ผมรู้พี่เสียใจ ฮึก
แต่อย่าเก็บมันไว้คนเดียวเลย”
คริสเล่าทุกอย่างออกมาช้าๆ ดวงตาของร่างสูงเหม่อลอยไร้จุดหมาย
ภาพเหตุการณ์ฉายซ้ำในสมองเหมือนหนังม้วนเก่า
“ฮื่ออออ”
“พี่ทำอะไรไม่ถูก
ได้แต่ร้องไห้วิ่งไปกอดร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอเอาไว้
ตาของเพ่ยฟางจ้องมองหน้าพี่ ฮื่ออ ร่างของเธอกระตุก
คำพูดสุดท้ายที่เธอพูดกับพี่คือ... เฟิงอี๋ แล้วเธอก็ ฮึก เธอก็...”
“พอแล้วพี่! พอแล้ว ฮื่ออ”
ชานยอลร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของเขาไหลออกมาราวทำนบแตก
เขาไม่อาจจะทนฟังมันได้อีก
และเขาก็ไม่อยากจะเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของคุณคริสอีกแล้ว ชายหนุ่มเอื้อมมือไปประครองใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาของคนรักไว้
“อย่าพูดมันอีกเลยครับ”
“…….”
“เธอไปสบายแล้ว ตอนนี้เธอคงกำลังมีความสุขกับบ้านหลังใหม่
พระเจ้าประทานปีกสีขาวให้เธอแล้ว เธอกำลังโบยบินอยู่บนสวรรค์
อย่าทำให้เธอต้องเป็นห่วงอีกเลย”
ชานยอลพูดพร้อมกับหันไปมองโลงศพสีขาวตรงหน้า
พระเจ้าต้องไม่ทอดทิ้งคนดีๆอย่างเพ่ยฟางแน่ คริสมองตามสายตาของคนรักไป
เพราะเพ่บฟางตายด้วยอุบัติเหตุโลงศพสีขาวจึงไม่มีสิทธิแม้แต่จะเข้าไปตั้งอยู่ในโบสถ์
เขาทำสิ่งสุดท้ายให้คนที่รักเขายิ่งกว่าชีวิตได้แค่นี้
“ชานยอล พี่ทำให้เพ่ยฟางต้องตาย”
“อย่าพูดอย่างนั้นครับ ผมเชื่อว่าเพ่ยฟางไม่มีทางคิดอ่างนั้น
ถ้าจะมีคนที่ผิดคือผมเอง”
ชานยอลพูดออกมาตามความรู้สึก
ถ้าเขาไม่บอกให้คุณคริสเลือกเพ่ยฟางคงไม่ต้องออกจากบ้านหลังนี้
ทั้งคู่คงไม่ต้องทะเลาะกัน ถ้าจะมีคนผิดคนๆนั้นก็คือเขา ได้แต่หวังว่าเพ่ยฟางจะอโหสิกรรมให้ในสิ่งที่เขาทำ
“ไม่ ชานยอลไม่ผิด ทุกอย่างที่ผ่านมามันเป็นเพราะพี่เอง
พี่ทำให้คนที่พี่รักต้องเสียใจ พี่ทำให้เพ่ยฟางต้องตาย
แม้แต่ชานยอลก็เคยเกือบตายเพราะพี่”
“แต่พี่ก็เป็นคนช่วยผมไว้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ชานยอล..รู้ได้ยังไง”
“อี้ชิงเป็นคนบอกผมครับ...ไม่ต้องไปว่าเขาเลยนะ ฮึก
คิดจะปิดบังกันไปนานแค่ไหน”
ชานยอลเอ็ดขึ้นมาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นคริสกำลังจะหันไปเอาเรื่องลูกน้องที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ขอโทษ กลัวชานยอลจะรับไม่ได้”
“ถ้าอยากให้ผมหายโกรธ พี่ต้องเลิกร้องไห้ เลิกเสียใจได้แล้ว
เพ่ยฟางฝากเฟิงอี๋ไว้กับคุณ คุณต้องดูแลเขาต่อไปนะครับ อย่าทำร้ายตัวเอง คุณยังมีคนที่คอยคุณอยู่ข้างหลังอยู่”
ชานยอลยกเด็กน้อยพยานรักของคนทั้งคู่ขึ้นมาอ้าง
ขาดแม่ไปแล้วถ้าขาดคุณคริสไปอีกคนเฟิงอี๋จะอยู่ยังไง
“อื้ม พี่จะพยายาม แล้วนี้กินอะไรมาหรือยัง”
“ยังครับ ผมไปส่งคุณแม่ไว้ที่โรงแรมแล้วก็มาหาคุณเลย”
“อะไรนะ ทำไมถึงพักที่โรงแรม ทำไมถึงไม่พักที่บ้าน
หรือว่าคุณแม่ยังโกรธพี่อยู่”
“ไม่ใช่ครับ คือมันฉุกระหุก ผมไม่รู้ว่าบ้านของคุณจะยังต้อนรับผมหรือเปล่า”
“จะบ้าเหรอชานยอล คิดอย่างนั้นได้ยังไง
พี่จะให้เมียกับแม่ไปนอนที่โรงแรมได้ยังไง เดี๋ยวพี่ให้คนที่บ้านจัดห้องไว้ให้แล้วให้อี้ชิงไปรับคุณแม่มาซะ
ชานยอลก็ไปพักเสียนะ เดินทางมาเหนื่อย”
คริสร้องขึ้นด้วยความตกใจ
จัดแจงสั่งให้อี้ชิงโทรไปสั่งคนที่บ้านให้จัดห้องสำหรับคุณแม่กับชานยอล
แล้วให้อี้ชิงไปรับคุณแม่แทนเขาด้วย
“พี่ก็ต้องไปกับผมสิครับ”
“พี่ยังต้องให้ปากคำกับตำรวจ และอีกอย่างพี่ไม่อยากปล่อยเพ่ยฟางให้อยู่คนเดียว”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจัดการเรื่องแม่เสร็จแล้วผมจะมาหานะครับ”
ชานยอลพยักหน้าเข้าใจกับเหตุผลของอีกฝ่าย
เพ่ยฟางอยู่ข้างนอกท่ามกลางอากาศหนาวเย้นแบบนี้คงหนาวหน้าดู
“พี่คริสครับ”
“มีอะไรเหรอ”
“พี่อย่าทิ้งผมนะ”
แล้วชานยอลก็พูดสิ่งที่กลัวในใจออกมา
พอได้เห็นกับตาว่าคุณคริสเศร้าโศกกับการจากไปของเพ่ยฟางมากแค่ไหน
ก็เหมือนตอกย้ำสิ่งที่เขากลัวในใจ ถึงคุณคริสจะแสดงออกว่ารักเขามากเพียงใด
ดีกับเขามากแค่ไหน แต่แววตาวูบไหวเหมือนเหนื่อยล้ากับทุกสิ่งในโลกนี้ก็ทำให้เขากลัว
กลัวว่าความเจ็บปวดที่เกิดจะทำให้คุณคริสไม่อยากมีความรักอีกต่อไปแล้ว
“เด็กโง่ พี่จะทำอย่างงั้นได้ยังไง”
แม้คำตอบของอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มจะพยายามปลอบใจเขาอยู่ก็ตาม
แต่เขาก็ไม่สามารถคลายความกลัวนั้นได้เลย
ความคิดเห็น