คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : CHAPTER 6
Distorted Daytime
ชานยอลนั่งอยู่ในห้องทำงานของพี่ชาย ช่วงนี้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตนเองต้องเข้าบริษัทบ่อยกว่าที่เคย ซูโฮจ้องมองน้องชายที่มีรอยยิ้มฝืนอยู่บนใบหน้า ดวงตาที่เคยสดใสกลับเศร้าหมองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คุณเหม่ยหลิงเพิ่งโทรมาบอกคุณแม่ว่าคุณคริสจะมาเกาหลีพรุ่งนี้นะ ชานยอลรู้แล้วใช่มั้ย”
“ฮะ ชานยอลรู้แล้ว”
“ชานยอล พี่ขะ...”
“พอแล้วฮะ พี่ซูโฮ ชานยอลไม่อยากได้ยินคำนั้น พี่ทำงานของพี่ต่อไปเถอะ ชานยอลก็มีหน้าที่ของชานยอลเหมือนกัน”
เขาอยากเห็นหน้าแม่กับพี่ให้บ่อยที่สุด ก่อนที่จะต้องเดินทางไปอยู่ที่ประเทศจีน แต่เมื่อเจอหน้ากันทีไรทั้งสองก็เอาแต่พูดคำว่าขอโทษกับเขา ชานยอลไม่อยากได้ยิน ได้ยินแล้วมันเจ็บพี่เข้าใจมั้ยฮะ
“พี่ทำงานไปเถอะฮะ ชานยอลกลับดีกว่า เย็นนี้พี่ซูโฮกลับบ้านเร็วหน่อยได้มั้ย ชานยอลอยากทานข้าวด้วย”
“ได้สิ แล้วพี่จะซื้อขนมไปฝากนะ”
ชานยอลส่งยิ้มแทนคำขอบคุณไปให้พี่ชาย ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ซูโฮได้แต่จ้องมองแผ่นหลังบางของผู้เป็นน้องชาย ไม่สามารถกล่าวคำที่อยู่ในใจของตนออกมาได้
“พี่ขอโทษนะชานยอล”
เช้านี้ชานยอลรู้สึกไม่สดใสอย่างที่ควรจะเป็น ชายหนุ่มตื่นนอนในตอนสาย อาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอให้ถึงเวลานัด 12.00 น. ที่ห้องอาหารของโรงแรมเชอราตันโซล ดี คิวบ์ซิตี้ เมื่อใกล้ถึงเวลามารดาของเขาก็โทรมาย้ำเตือนว่าเขาไม่ควรจะไปสาย ชายหนุ่มจึงคว้ากุญแจรถ ขับออกไปจากบ้านทันที
“ฮัลโหล ว่าไงแบคฮยอน”
ชานยอลกดรับสายเมื่อหน้าจอโชว์รายชื่อของเพื่อนสนิทกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์
“ฉันกำลังจะไปเจอคุณคริส อื้อ ตามนั้นแหละ ฉันจะลองคุยกับเขาดู อื้ออ แค่นี้ก่อนนะ ฉันขับรถอยู่ ไว้เจอกัน”
ชายหนุ่มกดตัดสายโทรศัพท์ที่เพื่อนรักเพิ่งโทรมาถามข่าวคราววางมันไว้ข้างเบาะ มองนาฬิกาหน้าปัดรถ 11.30 ใช้เวลาไม่ถึง20นาที โรงแรมเป้าหมายก็อยู่ตรงหน้า
ชานยอลยังไม่ลงไปจากรถทันทีที่ดับเครื่อง ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกความเข้มแข็งที่มีอยู่น้อยนิดให้ตัวเอง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงก้าวเท้าลงมาจากรถ เพื่อไปยังห้องอาหารของโรงแรม
แต่สุดท้ายชานยอลก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ ในใจของชายหนุ่มเฝ้าแต่คิดว่าคนที่เขาจะต้องเจอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเป็นคนยังไง จะยอมรับข้อเสนอของเขาหรือไม่
ประตูห้องอาหารของโรงแรมอยู่ตรงหน้า แต่ชานยอลก็ไม่กล้าผลักเข้าไป ชายหนุ่มได้แต่ยืนเก้ออยู่หน้าประตู แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อของตน
“คุณปาร์ค ชานยอลใช่มั้ยครับ?”
“อะ ...ครับ”
ชานยอลตอบคำถามตะกุกตะกัก มองใบหน้าของคนที่ไม่เคยรู้จักอย่างนึกสงสัย ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ รูปร่างสูงโปร่ง มีรอยยิ้มใจดีประดับอยู่บนใบหน้า
“คุณคริสรอคุณอยู่ก่อนแล้ว เชิญด้านในเลยครับ”
พูดจบก็เปิดประตูเดินนำเขาเข้าไปสู่ห้องอาหารที่เป็นจุดนัดพบ ชานยอลรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกลองดังอยู่ในอก ชายหนุ่มกำมือเข้าหากันแน่น พยายามคุมสติของตนไม่ให้แตกกระเจิงไปเสียก่อน เขากำลังตื่นเต้น
“คุณคริสครับ คุณชานยอลมาถึงแล้วครับ”
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาจากแท็บเล็ตเมื่อได้ยินเสียงของลูกน้องคนสนิท คริสใช้ดวงตาสีดำเข้มของตนจ้องมองร่างของผู้มาเยือน ไม่ได้เอ่ยคำทักทายอย่างที่คุณจะเป็นออกมาทันที
ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบจนเกือบจะดูเย็นชา สายตาที่มองเหมือนกำลังสำรวจร่างกายของเขาอย่างไร้มารยาททำให้ชานยอลอยากจะวิ่งออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ แต่ความคิดบ้าๆนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยเชื้อเชิญให้เขานั่ง
“เชิญนั่งลงก่อนสิครับ”
“ขอบคุณครับ”
ชานยอลกล่าวขอบคุณ ย่อกายลงนั่งตามคำเชิญ ส่งยิ้มให้ตามมารยาทแต่ก็ไม่ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา ชายหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนผ่าว กับปฏิกิริยาของคนจากเมืองจีน
“ทานอะไรมาหรือยังครับ”
“ยังครับ ผมยังไม่หิว”
คริสเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือน ปาร์ค ชานยอลไม่ใช่ผุ้ชายรูปร่างเล็กบอบบางเหมือนผู้ชายทุกคนที่เขาเคยควง บางทีความสูงอาจจะเกือบเท่าเขาด้วยซ้ำแต่ใบหน้าที่ประกอบด้วยพวงแก้มกลมสีแดงระเรื่อ จมูกโด่งแต่ไม่รั้นอย่างที่เขาชอบ ริมฝีปากสีแดงสดเหมือนผลเชอร์รี่ ดวงตากลมโตมีแววประหม่า ริมฝีปากบางของชายหนุ่มยกยิ้มอย่างนึกพอใจ
‘ปาร์ค ชานยอลเป็นอย่างที่แม่ของเขาบอกจริงๆ’
“งั้นเหรอครับ”
ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นปฏิเสธรายการอาหารที่ลูกน้องของตนยื่นมาให้ กุมมือทั้งสองข้างไว้บนตัก นั่งไขว่ห้างท่าทางสบาย แตกต่างกับอีกคนที่เอาแต่นั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยหน้าสบดวงตาเข้มคู่นั้น
“หึ.....”
ชายหนุ่มนึกสึกขำกับท่าทางแบบนั้นของคนที่มีอายุอ่อนกว่าเขา2ปี ชานยอลเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคล้ายเสียงหัวเราะ ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่นไม่พอใจกับท่าทางแบบนั้นของคนตรงหน้า
“คุณมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ คุณชานยอล?”
“อะ ..มีครับ..คือ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาสีดำเข้มเป็นครั้งแรก คำพูดที่เขาคิดว่าเตรียมมาดีและสามารถพูดมันได้คล่องหมดแล้วกลับหายวับไปจากสมอง ชานยอลรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเหมือนมีแรงกดมหาศาลกดทับไว้บนหน้าอก
ดวงตาโตสีดำเข้ม จมูกโด่งคมเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงสดไม่ได้ดำคล้ำอย่างที่ควรจะเป็นทั้งที่เขาได้กลิ่นเย็นของบุหรี่จากคนตรงหน้า ผมสีดำเข้มตัดกับสีผิวขาว คุณคริสเป็นชายหนุ่มที่หล่อมากทีเดียว
“ว่าไงครับ เย็นนี้ผมต้องกลับเมืองจีนแล้ว คุณควรจะพูดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”
ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ จ้องมองใบหน้าขาวที่กำลังซีดลงทุกขณะไม่วางตาเหมือนเป็นการกดดันกลายๆให้คนตรงหน้าต้องรีบพูดสิ่งที่คิดออกไป
“คือ เรื่องการแต่งงานของเราที่กำลังจะเกิดขึ้น ....คือ...”
“ทำไมเหรอครับ หรือคุณมีปัญหาอะไร”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัย คนตรงหน้ามีปัญหาอะไรกับการแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นใน2อาทิตย์ข้างหน้า
“คุณช่วยยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมดได้มั้ยครับ”
“ว่ายังไงนะ ?”
ชานยอลถึงกับสะดุ้งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อได้ยินเสียงพูดของคนตรงหน้า ใบหน้าน่ารักก้มงุดลงแทบชิดกับอก ชายหนุ่มรุ้สึกว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ออกไป
“นายคิดว่าเรื่องแต่งงานของเรามันเป็นเรื่องเล่นๆเหมือนเล่นขายของหรือไง ปาร์ค ชานยอล”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้าทำให้คนอายุน้อยกว่าต้องเงยหน้าขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาตึงเข้ม ดวงตาที่ดุอยู่แล้วกลับดูดุดันยิ่งกว่าเดิม ชานยอลสูดลมหายใจเข้าช้าๆ
“เงินที่คุณใช้หนี้ให้บริษัท ผมจะรีบหามาคืนให้เร็วที่สุด”
เขากำลังโกธร คริสรู้สึกอย่างนั้น เด็กคนนี้ช่างไม่รู้อะไรเลย เป็นเหมือนอย่างที่แม่ของเขาพูดไว้จริงๆ ชานยอลไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องธุระกิจเลยสักนิด คิดจะให้เขาใช่หนี้ให้บริษัทของตัวเองฟรีๆอย่างนั้นเหรอ นี้เขาดูเป็นคนดีขนาดนั้นเลยหรือไง
“เงิน20,000ล้านวอน มันไม่ใช่น้อยๆนะครับ ชาติไหนผมจะได้คืน”
“……………..”
“เลิกคิดอะไรไร้สาระได้แล้ว กลับไปจัดการเรื่องการเรียนของคุณให้เสร็จ ปล่อยเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่เขาจัดการกันเอง หรือถ้าคุณไม่พอใจไม่อยากให้การแต่งงานเกิดขึ้น คุณก็ไปคุยกับแม่และพี่ชายของคุณเองก็แล้วกันพวกเขาอาจจะว่าง ผมไม่มีเวลามากพอมานั่งฟังเรื่องเพ้อฝันอะไรของคุณหรอกนะ”
จบคำพูดดูถูกของคนตรงหน้า ร่างของชานยอลก็ลุกขึ้นยืนทันที ชายหนุ่มกำมือเข้าหากันแน่นพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เผลอทำร้ายคนที่กำลังนั่งนิ่งจ้องมองเขา ดวงตาสีเข้มไม่มีแววสำนึกผิดเลยแม้แต่นิดเหมือนบอกเป็นนัยว่าทั้งหมดที่ตัวเองพูดมามันถูกต้องแล้ว
ชานยอลหันหลังกลับ ก้าวออกไปจากบริเวณนั้นทันที ไม่เอ่ยแม้แต่คำลาไม่สนว่าคนที่นั่งอยู่จะมองว่าเขาไม่มีมารยาท จะสนทำไมในเมื่ออีกคนก็ทำตัวไร้มารยาทกับเขาเหมือนกัน แต่เสียงเรียกของคนที่ยังไม่ลุกไปไหนก็ดึงร่างของเขาไว้
“ปาร์ค ชานยอล ไว้เจอกันอีกทีในงานแต่งงานของเราที่เมืองจีนนะครับ ขอให้โชคดี”
“เขาร้ายกาจมากแบคฮยอน เค้าดูถูกฉัน ดูถูกแม่กับพี่ซูโฮ เขาบอกว่าฉันไม่มีทางหาเงินมาคืนเขาได้ สิ่งที่ฉันพูดมันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แบคฮยอน ฉันเกลียดเขา ฉันเกลียดเขา ฮื่ออ…….”
ชานยอลนั่งอยู่ในห้องนอนในบ้านของตัวเอง หลังจากที่เดินออกมาพ้นห้องอาหารของโรงแรมชายหนุ่มก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น เขาโง่เองที่ไม่ฟังคำเตือนของเพื่อน โง่เองที่คิดว่าคุณคริสจะเข้าใจ เขาโง่เองที่เอาเรื่องนี้ไปคุยกับคนแบบนั้น
“เอาน่า ชานยอล อย่าร้องไห้เลย โธ่เว้ย ฉันจะปลอบนายยังไงดีเนี้ย”
แบคฮยอนเอ่ยอย่างกลุ้มใจ ตอนนี้ชายหนุ่มร่างเล็กกำลังนั่งอยู่บนชายหาดริมทะเลแห่งหนึ่งในประเทศแถบอเมริกาใต้ เขาไม่ได้เจอหน้าเพื่อนเลยตั้งแต่สอบเสร็จ อาทิตย์หน้าพวกเขาก็จบการศึกษาจากรั้วมหาลัยโดยสมบูรณ์ คงต้องรอให้ถึงวันนั้นถึงจะได้เจอกันอีกครั้ง
“รีบกลับมานะแบคฮยอน ฉันจะไม่ไหวแล้ว ฉันพูดกับใครไม่ได้เลยฉันไม่อยากให้คนที่บ้านไม่สบายใจ”
ชานยอลร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็ก ทางออกหนึ่งเดียวของเขาถูกปิดตัน วันแต่งงานก็ใกล้เข้ามาทุกที
“โอเคๆ แค่นี้ก่อนนะชานยอล แม่ฉันมาตามแล้ว ทำใจดีๆไว้นะเว้ย เฮ้ออ”
พุดจบสายก็ถูกตัดไปทันที ชานยอลทิ้งร่างลงกับเตียงซุกหน้ากับหมอนใบใหญ่ ร้องไห้ออกมาอย่างหมดหวัง
“นี้เขาต้องแต่งงานจริงๆใช่มั้ย”
นักศึกษานับพันคนเดินขวั่กไขว่ไปมาภายในรั้วมหาลัยชื่อดังระดับประเทศของเกาหลี วันนี้เป็นวันรับใบแสดงผลการศึกษาของนักศึกษามหาลัยแห่งนี้ ครอบครัวปาร์คตกลงใจให้ลูกชายคนเล็กยื่นเรื่องขอให้ทางมหาลัยส่งใบปริญญามาไปให้ที่บ้าน เพราะเจ้าตัวไม่สะดวกมารับด้วยตัวเอง
ข่าวการแต่งงานของลูกชายคนเดียวของบริษัท WU China Internationalของประเทศจีน และ ลูกชายคนเล็กของบริษัท PK Group เจ้าของบริษัทส่งออกอาหารรายใหญ่ของประเทศเกาหลีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอาทิตย์หน้าถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ
ชานยอลกวาดสายตามองหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนของตนนำมาให้ ถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก เขาหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้
“ไปจากตรงนี้กันมั้ยชานยอล คนมองใหญ่เลยว่ะ”
ชายหนุ่มร่างสูงหันไปมองรอบกาย เพื่อประทะกับสายตาหลายคู่ที่มองมายังพวกเขาทั้งสองคน ชานยอลก้มหน้าลงเขาอายเกินกว่าที่จะกล้าเผชิญกับสายตาอยากรู้อยากเห็นพวกนั้น
“ไปสิ”
เพื่อนรักต่างไซด์เดินออกมาด้วยกัน มีใบแสดงผลการเรียนอยู่ในมือของทั้งคู่ รถของแบคฮยอนจอดอยู่ไม่ไกลนัก
“เฮ้ออ หนีมาได้สักที มองอยู่ได้”
“เขาคงไม่เคยเห็นของแปลก” ชานยอลพูดเสียงแผ่ว
“เลิกพูดแบบนี้สักทีน่ะชานยอล ไปสนใจพวกคนนั้นทำไม นายน่ะไม่รู้อะไรเขาพูดกันให้ทั่วว่าการแต่งงานของนายกับคุณคริสเป็นงานแต่งงานแห่งปี”
แบคฮยอนพยายามพูดปลอบใจเพื่อนรักที่วันนี้เอาแต่ทำหน้าเศร้าเหมือนคนจะร้องไห้ตลอดเวลา
เขาไม่ได้โกหกนะ ถึงมันจะเกินจริงไปหน่อย แต่ใครๆก็ว่าทั้งคู่เหมาะสมกันดี ถึงแม้จะแอบบ่นว่าเสียดายที่เป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ
“พวกเขาคงไม่รู้ว่าฉันแต่งงานใช้หนี้”
“โธ่ ชานยอลเลิกพูดทำร้ายตัวเองได้แล้ว ไหนนายบอกว่าจะเข้มแข็งเพื่อแม่กับพี่ซูโฮไง แล้วทำไมถึงอ่อนแอแบบนี้ ดูสิร้องไห้อีกแล้ว”
แบคฮยอนหันหน้ามาจากการจราจรที่เริ่มติดขัด มองใบหน้าน่ารักของเพื่อนสนิทอย่างนึกสงสาร ดวงตากลมโตแดงช้ำ เมื่อคืนคงนอนร้องไห้ทั้งคืนสินะ
“อื้ออ ขอโทษที ฉันจะไม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ”
พุดพลางใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม สูดลมหายใจเบาๆ ส่งยิ้มให้เพื่อนรักที่หันกลับไปตั้งใจขับรถ
“อาทิตย์หน้าฉันจะไปจีนแล้วนะ”
“ห๊ะ ทำไมมันแล้วอย่างนั้น อ้อ นายคงต้องไปเตรียมตัวสินะ”
แบคฮยอนเบ้ปากเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำไมเพื่อนรักต้องรีบไปเมืองจีนขนาดนั้น
“นี้คงต้องไปฝึกอบรมการเป็นแม่บ้านแม่เรือนสินะ แหม แบคฮยอนล่ะนึกภาพไม่ออก”
“อื้อ คุณแม่บอกว่าทางนู้นโทรมาบอกว่าให้ฉันขึ้นไปเตรียมตัวเรื่องงานแต่ง และก็เรียนรู้ประเพณีของจีนรวมถึงการเป็นคู่สมรสที่ดีด้วย”
“โอ้ยตาย ประสาทจะกินหัว ฉันแค่นึกเล่นๆนี้เอาจริงเลยเหรอ การเป็นคู่สมรสที่ดี จริงจังจนาดนั้นเชียว ฉันก็รู้นะว่าประเพณีของทางนู้นมันไม่ค่อยจะเหมือนเราเท่าไหร่ อดทนเข้าไว้นะเว้ย ฉันจะเป็นกำลังใจให้อยู่ที่เกาหลีนี้แหละ ทนไม่ไหวเมื่อไหร่ก็ลัดฟ้ากลับมาแล้วกัน ไม่มีปัญญาตามไป”
ชานยอลอดจะหัวเราะกับท่าทางของเพื่อนไม่ได้ เมื่อไปถึงที่จีนแล้วเขาจะเป็นยังไงบ้างนะ ชานยอลคิดในใจ
เครื่องบินลำใหญ่พาเขาและแม่มาถึงประเทศจีนโดยสวัสดิภาพที่สนามบินมีคนของคุณเหม่ยหลิงมารอรับอยู่ก่อนแล้ว เขาและแม่เข้าพักในโรงแรมในเครือของตระกูลอู๋ ที่นั้นอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ที่เขาต้องไปอาศัยอยู่ในอนาคต
ตอนเช้ารถของโรงแรมก็มารับเขาและแม่ไปพบกับคุณเหม่ยหลิงที่รออยู่ที่บ้าน คุณเหม่ยหลิงที่บังคับให้เขาเรียกหล่อนว่าคุณแม่บอกกับเขาว่าคุณคริสไม่อยู่ ต้องเดินทางไปทำธุระที่ฮ่องกง จะกลับมาถึงก่อนวันตั้งงานหนึ่งวัน
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จคุณแม่ทั้งสองก็ขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงานครั้งนี้โดยตรง ทิ้งให้เขาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่เพื่อเรียนรู้กฎต่างๆและสิ่งที่ต้องทำเมื่อเข้ามาอยู่ที่นี้กับคุณยายหลี่ที่อยู่กับตระกูลอู๋มาตั้งแต่คุณเหม่ยหลิงยังเด็กและหญิงสาวคนหนึ่งที่แนะนำตัวกับเขาว่าชื่อ เพ่ยฟางเพียงลำพัง
“เมื่อคุณชานยอลแต่งงานและย้ายเข้ามาอยู่ที่นี้ คุณชานยอลจะต้องนอนที่ห้องนอนใหญ่ทางปีกขวาซึ่งเป็นห้องนอนของคุณคริส”
ชานยอลยืนฟังสิ่งที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยกำลังพูด ชายหนุ่มเผลอกลืนน้ำลายลงคอ มองบานประตูที่อยู่ฝั่งทางขวา ห้องนอนของเขาในอนาคต ใบหน้าของเพ่ยฟางประดับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
“ตอนเช้าในวันปกติคุณชานยอลต้องปลุกคุณคริสที่ขึ้นชื่อว่าปลุกยากมากในเวลา8.00น. เพราะคุณคริสจะต้องไปทำงานตอน10.00น.”
“คุณคริสปลุกยากเหรอครับ แล้วถ้าไม่ตื่นต้องทำยังไง”
ชานยอลนึกสงสัย ไม่คิดว่าผุ้ชายตัวโตอย่างคุณคริสจะตื่นนอนยากเหมือนเด็ก
“ค่ะ ปลุกยากมากทีเดียว คุณยายหลี่ยังต้องยอมแพ้ ถึงจะปลุกยากยังไงก็ต้องทำให้คุณคริสตื่นให้ได้นะคะ ไม่งั้นจะไปทำงานสายอาจจะทำให้บริษัทต้องมีปัญหาเพราะบางวันคุณคริสก็มีนัดกับลูกค้า”
“อ้อ ครับ”
เพ่ยฟางยิ้มอย่างนึกเอ็นดู คุณชานยอลว่าง่ายทีเดียว เพราะคุณยายหลี่แก่มากแล้วเดินเหินไม่สะดวกจะให้เดินขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านเพื่อบอกสิ่งที่คุณคนใหม่ของบ้านต้องรู้ก็ลำบาก คุณยายจึงมอบหมายให้เธอรับผิดชอบหน้าที่นี้แทน
“ถ้าคุณคริสจะอาบน้ำคุณชานยอลต้องเป็นคนเตรียมน้ำไว้ให้อย่าให้อุ่นเกินไปหรือเย็นเกินไปนะคะ คุณคริสไม่ชอบ”
ชานยอลนิ่งอึ้งกับสิ่งที่หญิงสาวบอก เขาต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ นี้มันหน้าที่ของผู้หญิงชัดๆ
“ตอนเช้าคุณคริสจะรับกาแฟดำแค่แก้วเดียว หรือบางวันถ้าคุณผู้หญิงอยู่รับประทานอาหารด้วยตอนเช้าอาหารจะเป็นข้าวต้มหรือโจ๊กธรรมดา เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วคุณต้องเดินไปส่งคุณคริสที่หน้าบ้าน ส่วนตอนกลางวันกับตอนเย็นก็แล้วแต่วันนะคะ เพราะคุณคริสกับคุณผู้หญิงไม่ค่อยอยู่บ้านเท่าไหร่บางทีก็ติดธุระข้างนอกกลับดึกคุณชานยอลไม่ต้องรอก็ได้แต่ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆก็ควรจะรอนะคะ หน้าที่ของคุณชานยอลก็มีแค่นี้ล่ะคะ”
“…………………..”
ชายหนุ่มไม่สามารถพูดอะไรออกมาอีกได้เมื่อหญิงสาวตรงหน้าเอ่ยจบ พวกเขาเดินลงมาข้างล่างเมื่อเดินดูห้องทุกห้องด้านบนจนครบ หน้าที่ของเขาฟังดูไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายสักทีเดียว
“ส่วนเรื่องทั่วไปนะคะ คุณคริสเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยค่อนข้างจะเข้าใจยาก ถ้าว่างจากการนอนจะชอบอ่านหนังสือ และค่อนข้างจะใจร้อนและขี้หงุดหงิดมากทีเดียวถ้าคุณคริสโมโหคุณชานยอลก็อยู่ห่างๆไว้นะคะแต่ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณชานยอลอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ”
เพ่ยฟางอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี้หล่อนกำลังทำให้คุณชานยอลต้องกลัวหรือเปล่า
“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
นิสัยพวกนั้นเขาเองก็เคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ในการเจอกันครั้งแรกของพวกเขา
“อ้อ อีกอย่างหนึ่งนะคะ คุณคริสไม่ชอบคนดื้อหรือพูดไม่รู้เรื่องคุณชานยอลก็อย่าดื้อกับคุณคริสนะคะ เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ”
“และที่สำคัญ เมื่อแต่งงานกันแล้วภรรยาต้องเป็นสมบัติของสามี”
“คุณยายหลี่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ”
TBC...
ความคิดเห็น