คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 1
Distorted dayTime
“ตกลงเลือกได้หรือยังจ๊ะ ว่าจะเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหน?”
“เอ่อ คือ….”
คนถูกถามได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเจ้าของคำถาม ซอนยอลเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มงานเล่มโตที่หล่อนใช้เวลากับมันมานานหลายชั่วโมง จ้องมองใบหน้าขาวใสของลูกชายคนเล็ก คิ้วบางขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจกับกิริยาท่าทางแบบนั้นของบุตรชาย หรือว่ายังเลือกไม่ได้…
“ว่าไงจ๊ะ ตกลงชานยอลจะต่อที่ไหน หรือว่ายังเลือกไม่ได้ นี่มันก็ใกล้จะครบกำหนดการสมัครเข้าเรียนต่อ
แล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าลูกจะเรียนมหาฯลัยเดียวกันกับพี่ซูโฮเลย พี่เขาจะได้ดูแลหนูด้วย แม่จะได้เบาใจ”
เมื่อเห็นว่าลูกชายคนเล็กไม่ยอมเอ่ยอะไรเธอจึงแนะนำวิธีที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับเขา การที่ลูกทั้งสองเรียนมหาฯลัยเดียวกันเป็นสิ่งที่เธอหวังว่ามันจะเกิดขึ้น จะได้ง่ายต่อการดูแลความปลอดภัย เพราะอย่างน้อยชานยอลจะมีพี่ชายของเขาดูแลในยามขับขัน
“ชานยอลเรียนมหาฯลัยเดียวกันกับพี่ซูโฮก็ได้ฮะ …แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไรจ๊ะ …”
“เอ่อ ชานยอลขอเรียนคณะนิเทศได้มั้ยฮะ?”
ใบหน้าอ่อนใสของเด็กหนุ่มเงยขึ้นสบตากับผู้เป็นแม่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องนี้ ดวงตากลมโตมีน้ำสีใสเอ่อคลอเต็มเบ้าตาพร้อมจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อ
“ทำไมจ๊ะชานยอล หนูนึกยังไงถึงอยากจะเรียนคณะนิเทศ ?”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ หล่อนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอนาคตเมื่อลูกชายทั้งสองเรียนจบ จะเข้ามาช่วยทำงานในบริษัท แต่ชานยอลจะเรียนคณะนิเทศ แล้วมันจะช่วยบริษัทได้ยังไงกัน
“ชานยอลอยากเรียนฮะแม่ ชานยอลไม่ชอบเรียนบริหาร แม่ฮะ แม่ให้ชานยอลเรียนเถอะฮะ”
พูดจบน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลกลิ้งลงมากระทบแก้มใสอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ชานยอลก้มหน้าหลบสายตาผิดหวังที่ถูกส่งตรงมาจากมารดาผู้เป็นที่รัก
เด็กหนุ่มไม่ได้ต้องการจะขัดใจแม่ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยขัดความประสงค์ของผู้เป็นแม่เลย ด้วยคำนึงเสมอว่าแม่ต้องทำงานหนักเพื่อเขาและพี่ชายมาโดยตลอด เขาไม่อยากทำตัวให้เป็นปัญหาทำให้แม่ต้องคิดมาก เหมือนที่พี่ชายเคยบอกเขาเสมอมา แต่จะให้เขาเรียนคณะบริหารที่เขาไม่ถนัดก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ
“………..”
หญิงสาวได้แต่นั่งอึ้งเมื่อได้รับฟังเหตุผลของผู้เป็นลูก น้ำตาของลูกชายสุดที่รักทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่ปวดร้าวยิ่งนัก
ชานยอลที่เคยเป็นเด็กดีเชื่อฟังหล่อนเสมอมากำลังจะขัดความต้องการของหล่อนเป็นครั้งแรก หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับเอนกายลงกับโต๊ะผ้านวมตัวใหญ่ ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
อากัปกิริยาของผู้เป็นมารดาทำให้ชานยอลที่เช็ดน้ำตาจนแห้งหายไปจากใบหน้าต้องรีบลุกขึ้นมา เดินตรงไปหามารดาก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นข้างๆเก้าอี้ที่หญิงอันเป็นที่รักนั่งอยู่ ซบหน้าลงกับเข่าเล็กนั้น
“แม่ฮะ แม่อย่าโกธรชานยอลเลยนะฮะ ถ้าแม่ไม่อยากให้ชานยอลเรียน ชานยอลไม่เรียนก็ได้ ชานยอลจะเรียนกับพี่ซูโฮนะฮะแม่ ฮื่ออ แม่ฮะ”
ซอนยอลก้มหน้าลง จ้องมองร่างของคนที่นั่งอยู่กับพื้น ร่างของบุตรชายกำลังสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นเห็นอย่างนั้นแล้วหญิงสาวก็อดใจอ่อนไม่ได้ ได้แต่ถอดถอนใจคิดไม่ตกว่าอนาคตต่อไปของบริษัทจะเป็นอย่างไร
“ถ้าชานยอลไม่เรียนบริหาร แล้วใครจะมาทำงานช่วยแม่ล่ะจ๊ะลูก”
มือบางพยุงร่างของลูกชายให้ลุกขึ้นกอดร่างที่กำลังเจริญเติบโตสมวัยไว้แนบอก สูงขึ้นอีกแล้วนะชานยอล
“พี่ซูโฮไงฮะ พี่ซูโฮเก่งจะตาย”
เจ้าของร่างในอ้อมกอดตอบออกไปอย่างใจคิด พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
“พี่ซูโฮคนเดียวจะดูแลยังไงไหว บริษัทเราออกจะใหญ่โต ไม่กลัวพี่ชายของลูกจะเหนื่อยหรือไงจ๊ะ”
“………………..กลัวฮะ ชานยอลไม่อยากให้พี่ซูโฮเหนื่อย”
ริมฝีปากบางที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวยคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนใจ ชานยอลเป็นเด็กจิตใจดี ขี้สงสาร แถมรักเธอกับพี่ชายของตัวเองมากกว่าอะไรทั้งหมด หญิงสาวมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างพลางใช้ความคิดอย่างหนักหน่วง
ตลอดมาชานยอลไม่เคยดื้อกับเธอเลย ไม่ว่าซอนยอลต้องการอะไร หรืออยากให้ชานยอลเป็นแบบไหน ลูกชายก็ไม่เคยขัดถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ตนเองไม่ชอบเลยก็ตาม ลูกชายของเธออยู่ในกรอบที่เธอสร้างขึ้นเสมอมา แต่ตอนนี้ชานยอลกำลังจะเลือกอนาคตของตัวเอง เป็นอนาคตที่เธอไม่เห็นด้วย
“ชานยอลไม่ระ…”
“ตามใจ ถ้าหนูอยากเรียนนิเทศก็ตามใจ”
“จะ..จริงนะครับแม่ แม่ไม่โกธรชานยอลนะฮะ”
“จ๊ะ”
หญิงสาวดันร่างของลูกชายให้ออกห่าง พยักหน้าเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของตน ใบหน้าสวยหวานอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าแสดงออกถึงความดีใจของบุตรชาย ตามใจสักครั้งจะเป็นไรไปเชียว
“ขอบคุณนะฮะแม่ ชานยอลรักแม่ที่สุดในโลก ชานยอลสัญญาว่าต่อจากนี้ชานยอลจะเป็นลูกที่ดีของแม่ ชานยอลจะไม่ขัดใจแม่อีกแล้วจะเชื่อฟังแม่กับพี่ซูโฮ แม่ต้องการอะไรชานยอลจะหามาให้จะทำทุกอย่างให้แม่กับพี่มีความสุข ชานยอลสัญญาฮะ”
เอ่ยคำสัญญาด้วยรอยยิ้มก่อนจะกอดร่างของผู้เป็นมารดาไว้แน่นอย่างแสนรัก ซบหน้าลงกับไหล่บางอย่างที่ตนชอบทำเวลาอ้อนขอความรักจากแม่
ซอนยอลหัวเราะออกมาเมื่อฟังคำสัญญาของลูกชายจบ กระซิบแผ่วเบาข้างๆใบหูเรียวยาวของผู้เป็นดวงใจ
“พูดแล้วห้ามคืนคำล่ะ อย่าลืมสัญญานะจ๊ะ ชานยอล”
“อู๋ฟาน ตกลงว่าลูกจะเรียนบริหารมหาฯลัย….ใช่มั้ย?”
“ครับแม่ ผมยื่นคะแนนไปแล้ว คาดว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไร”
“อื้มมม ดีแล้ว”
เหม่ยหลิงพยักหน้าแสดงความพึงพอใจกับคำตอบของบุตรชายคนเดียวของตน ใบหน้าสวยหวานตามแบบฉบับหญิงจีนยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มแสดงผลกำไรล่าสุดของบริษัทสาขาย่อยที่เลขาเพิ่งนำเข้ามาให้เมื่อครู่นี้
“แม่ครับ ผมคิดว่าว่างๆผมจะเข้ามาดูงานในบริษัทบ้างจะดีมั้ยครับ”
เมื่อจบประโยคของลูกชาย หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มงานเล่มโตทันที ใบหน้ามีแววพึงพอใจประดับอยู่
“ดีสิ ลูกจะได้เก่งๆ แม่จะให้เลขาของแม่คอยดูแลแล้วกัน ว่าแต่ลูกจะเข้ามาดูตอนไหนล่ะ แม่จะได้บอกเพ่ยฟางเขาเตรียมเอกสารไว้ให้”
“เอาเป็นพรุ่งนี้เลยก็ได้ครับ”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืนหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที ไม่รอฟังคำตอบ ในเมื่อเจ้าตัวก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว คนอย่างอู๋ฟานไม่เคยถูกปฏิเสธ
“จ๊ะ”
หญิงสาวตอบรับคำพูดนั้นดวงตาเรียวจ้องมองแผ่นหลังที่เดินออกไปจากห้องจนลับตา
อู๋ อี้ ฟาน ลูกชายคนเดียวของเธอช่างเป็นเด็กหนุ่มที่เต้มไปด้วยพรสวรรค์ อู๋ฟานช่างเหมือนบิดาของเขาหรือเกิน ทั้งใบหน้าที่หล่อเหลาอย่างร้ายกาจ มันสมองที่ขึ้นชื่อถึงความฉลาดดังไปทั่วแผ่นดินใหญ่ เมื่อเด็กชายสอบได้ที่1ในการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมีชื่อระดับประเทศ แม้กระทั้งนิสัยใจคอที่อู๋ฟานได้รับมาจากพ่อ แม้จะไม่เคยได้เห็นหน้า และความเด็ดขาดที่ได้รับจากหล่อนผู้เป็นแม่เต็มๆ
หญิงสาวเบือนหน้าไปมองภาพถ่ายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ อู๋ เหวินหลง สามีที่ลาจากโลกใบนี้ไปแล้วส่งยิ้มบางมาจากในรูป เหม่ยหลิงใช้หลังมือลูบไล้รูปถ่ายใบนั้นอย่างทะนุถนอม รำพึงเพียงเสียงแผ่ว
“เหวินหลง อู๋ฟาน ช่างเหมือนคุณเหลือเกิน ”
4ปีผ่านไป
“เรียนจบแล้วนายจะทำอะไรต่ออ่ะชานยอล”
แบคฮยอนเอ่ยถามเพื่อนรักที่กำลังก้มหน้าก้มตาสนใจอยุ่กับหนังสือเล่มหนาที่เพิ่งยืมมาจากห้องสมุด เดือนหน้าพวกเขาก็จะเรียนจบแล้ว ชีวิตวัยเรียนกำลังจะหมดไป ชีวิตใหม่ที่เขาไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรกำลังจะเดินเข้ามา
“อื้มม ไม่รู้สิ คงจะหางานทำอ่ะ ระหว่างที่รอคงจะช่วยงานพี่ซูโฮไปก่อน”
“ดีจังเลยนะ เฮ้อออ”
“เป็นอะไรอีกล่ะ ถอนหายใจทำไม”
ชายหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างสงสัย คนอย่างพยอน แบคฮยอนมีอะไรต้องกลุ้มขนาดนั้น
“ใจหายอ่ะ จะเรียนจบแล้ว”
“อ้าว ไหนแต่ก่อนนายชอบบ่นว่าตอนไหนจะเรียนจบ ขี้เกียจมาเรียนแล้ว ขี้เกียจทำรายงานอยากนอนอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ นี้ไงเดือนหน้านายก็จะได้นอนทั้งวันแล้ว”
“ก็มันใจหายหนิชานยอล คิดดูอีกทีนอนอยู่บ้านเฉยๆมันก็เซ็ง เฮ้อออ ว่าแต่เย็นนี้นายจะกลับบ้านเลยเหรอ เตะบอลกันก่อนป่าว”
ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยถามเป็นการชักชวน เขาไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้เลย กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ มีเพียงหนังสือการ์ตูนกับเกมส์คอมพิวเตอร์เป็นเพื่อนคลายเหงาเท่านั้น ชีวิตของลูกที่มีพ่อแม่เป็นเจ้าของบริษัทมีเงินทองใช้ ไม่อดอยากนี้มันสบายเสียจนหน้าเบื่อจริงๆ
“เอาไว้วันหน้าดีกว่านะ วันนี้เรารีบกลับพี่ซูโฮจะมารับไปทานข้าวน่ะ”
ชานยอลเอ่ยปฏิเสธพลางอธิบายเหตุผลใบหน้าน่ารักส่งยิ้มขอโทษจากใจให้เพื่อนสนิท มือเรียวหยิบหนังสือยัดใส่กระเป๋าเมื่อรถAUDI สีดำปรากฏสู่สายตา
“จริงอ่ะ โอเคๆ ว่าแต่ทำไมคนงานยุ่งแบบพี่ซูโฮ วันนี้ถึงว่างมารับชานยอลได้ล่ะ”
แบคฮยอนเอ่ยถามอย่างสงสัย จะไม่ให้สงสัยได้ไงนานทีปีหนพี่ซูโฮถึงจะโผล่หน้ามารับน้องชายสุดที่รักที่คณะสักที สงสัยวันนี้คงมีอะไรพิเศษ ไม่ต้องรอให้เพื่อนรักสงสัยนานชานยอลก็พูดเฉลยออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้วันเกิดคุณแม่น่ะ เลยว่าจะไปฉลองวันเกิดที่ร้านอาหาร…เราไปก่อนนะแบคฮยอน พี่ซูโฮมาแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน”
พูดจบร่างของชานยอลก็ลุกขึ้นจากม้านั่งเดินตรงไปหารถที่เพิ่งจอดเทียบกับฟุตบาตทันที ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างดีใจ นานๆทีครอบครัวของเขาจะได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมกันตาแบบนี้สักที
“สวัสดีครับพี่ซูโฮ ทำงานเหนื่อนมั้ยฮะ?”
ส่งเสียงถามขึ้นทันทีที่ปิดประตูรถลง ส่งยิ้มที่ใครๆก็มักจะชมเวลาที่เขาส่งยิ้มไปให้ว่ามันช่างสวยและสดใสเหลือเกิน
“เหนื่อยสิ ทำงานหาเลี้ยงชานยอลเนี้ยมันเหนื่อยมากรู้มั้ย หืออ”
ใบหน้าใจดีของพี่ชายส่งยิ้มตอบกลับมา พร้อมกับมือที่ดึงร่างเขาเข้าสู่อ้อมกอด ซึ่งเจ้าของร่างก็ยินดีให้กอดอย่างไม่เกี่ยงงอน
“พี่ซูโฮอ่ะ อย่าพูดอย่างนี้สิ ชานยอลรู้สึกไม่ดี”
ใบหน้าหวานซบลงกับอกที่คอยให้ความอบอุ่นแทนบิดาที่ลาจากโลกนี้ไป พี่ชายที่คอยดูแลเขายามที่แม่ต้องทำงานหนักไม่มีเวลามาดูแลพวกเขาสองคน
“ฮ่าๆๆ พี่ล้อเล่น ไปกันเถอะเดี๋ยวคุณแม่จะรอนาน”
ซูโฮหัวเราะกับท่าทางและคำพูดของน้องชาย จมูกโด่งสวยจรดลงกับกลุ่มผมสีน้ำตาลของเด็กตัวโต ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับรถที่จะพาให้พวกเขาไปสู่เป้าหมายข้างหน้า
ภายในห้องอาหารที่ถูกจัดอย่างสวยงามบ่งบอกถึงรสนิยมของคนที่เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี เสียงน้ำตกจำลองที่ทางร้านจัดตกแต่งอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถจะละสายตาออกมาจากภาพนั้นได้
“มองอะไรเหรอชานยอล”
“อ่ะ ขอโทษครับพี่ซูโฮ น้ำตกของร้านนี้สวยดี ชานยอลเลยเผลอมองนานไปหน่อย”
“อิ้มม นี้ทำไมคุณแม่ยังไม่มาเสียที พี่นึกว่าจะมารอที่ร้านแล้วนะเนี้ย”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นมา มันกำลังฟ้องว่าพวกเขามารอที่ร้านได้เกือบชั่วโมงแล้วแต่หญิงสาวเจ้าของวันเกิดก็ยังไม่มาเสียที
“สงสัยรถติดมั้งฮะ อ่ะ นั้นไงแม่มาแล้วครับพี่ซูโฮ”
ชานยอลส่งเสียงร้องอย่างดีใจเมื่อเห็นร่างบางของมารดาก้าวเข้ามาในร้านอาหารที่พวกเขานั่งรออยู่ จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงก็อาทิตย์นี้เขายังไม่ได้เห็นหน้าคุณแม่สักครั้งเลย
“โอ้ ขอโทษนะจ๊ะซูโฮ ชานยอล ที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อยน่ะเลยมาช้า นี้สั่งอะไรกันหรือยัง”
ซอนยอลเอ่ยขอโทษลูกชายทั้งสองทันทีเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ที่ลูกชายคนโตเลื่อนให้นั่งข้างกับลูกชายคนเล็กที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา
“ยังเลยครับพวกเรารอแม่”
เป็นชานยอลที่ชิงตอบออกไปพลางหยิบรายการอาหารส่งให้เจ้าของวันเกิดและพี่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ไม่นานอาหารที่สั่งก็ถูกทยอยออกมาจนครบ
“ซูโฮ แม่คิดว่าเดือนหน้าเราคงต้องหาบริษัทจัดการทางด้านเงินบริษัทใหม่เข้ามาดูแลบริษัทเราแล้วล่ะ”
“ทำไมหรือครับแม่”
“แม่คิดว่าบริษัทเรา……..”
ใบหน้าสวยที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยปรากฏความกังวลขึ้นอย่างเห้นได้ชัด บริษัทตอนนี้กำลังมีปัญหาทั้งภายนอกภายในรุมเร้าจนต้องหาทางออกอย่างเร่งด่วน ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร สร้างความไม่พอใจให้แก่คนที่นั่งอยู่ข้างๆตน
“แม่ครับ พี่ซูโฮครับ วันนี้วันเกิดคุณแม่นะครับ เลิกคุยเรื่องงานสักวันได้มั้ย นานๆทีเราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ชานยอลขอนะครับ”
ชานยอลพูดขัดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ วันสำคัญของคุณแม่แท้ๆยังเอางานขึ้นมาคุยบนโต๊ะอาหารอีก แบบนี้มันจะอร่อยได้ยังไง
“เฮ้ออ จ๊ะ แม่ขอโทษนะลูก ชานยอลเรียนเป็นยังไงบ้างล่ะ ใกล้จะจบแล้วไม่ใช่เหรอเรา”
“ครับ เดือนหน้าก็จะจบแล้ว แม่รอรับปริญญาของชานยอลได้เลย”
เมื่อมีโอกาสพูดเรื่องของตนเองชานยอลก้อดจะยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจไม่ได้ เขาเรียนจบตามกำหนดของมหาวิทยาลัยมีชื่อที่ไม่ใช่ว่าใครจะจบกันได้ง่ายๆ
“ดีมากจ๊ะ งั้นเดือนหน้าก็มาช่วยพี่ซูโฮทำงานได้แล้วสิ”
“ได้ฮะ ชานยอลจะทำ”
แม้จะเป็นงานที่เขาไม่ถนัดแต่เมื่อพูดเป็นแม่ร้องขอ มีหรือปาร์ค ชานยอลจะปฏิเสธ
เมืองปักกิ่งประเทศจีน
“อู๋ฟาน ลูกคิดว่าธุระกิจส่งออกอาหารเป็นยังไงบ้าง”
“…..ก็ดี น่าสนใจดีครับ”
เจ้าของชื่อนิ่งคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบคำถามออกไป ดวงตาสีดำเข้มติดแววเย็นชาจ้องมองพนังห้องสีขาวที่มีกรอบรูปสีดำแขวนโชว์ไว้กลางห้อง ภายในมีแผ่นกระดาษขนาดเท่าA4สอดอยู่ ข้อความในกระดาษสีขาวนั้นทำให้เจ้าตัวต้องเหยียดยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ
อู๋ อี้ ฟาน
เกียรตินิยมอันดับ 1
TBC........
tallk:: ผลาง~~~ เปิดฟิกใหม่ รู้สึกว่าเรื่องเก่ายังคงอยู่ในโหล เงิงงง
ดราม่าแน่ๆ มันดราม่าแน่ๆ เรื่องนี้คิดพล็อตไว้นานแล้วในที่สุดก็ได้ลงเสียที
ยังไงก็ช่วยติดตามด้วยนะคะ ฟิกน้ำเน่า เคล้าน้ำตา ชานยอลล่าา น่าสงสารจริงๆ
นักแสดงคนแรกสังกัดค่าย ดีบ้า วิดิโอ ><
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ความคิดเห็น