ฝ่าวิกฤตเมืองไทยคนตายเดินดิน (Thailand The Dead Nations) - นิยาย ฝ่าวิกฤตเมืองไทยคนตายเดินดิน (Thailand The Dead Nations) : Dek-D.com - Writer
×

    ฝ่าวิกฤตเมืองไทยคนตายเดินดิน (Thailand The Dead Nations)

    (นิยายซอมบี้ ฉ20+) "ซอมบี้" ได้ถูกกล่าวขานมามากมาย... แล้วประเทศไทยจะเป็นอย่างไร?? หากสถานการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น!! ภัยจากสังคมที่หลบอยู่ จะค่อยๆก้าวออกมากัดกินคุณ!!! ปล.เนื้อเรื่องขยายของฝ่ากรุงเทพ...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,028

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    1.02K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    29
    จำนวนตอน :  7 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  9 มี.ค. 62 / 11:47 น.
    e-receipt e-receipt
    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คำเตือนนิยายเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องมีคำหยาบคายหรืออธิบายในบางฉากที่ไม่เหมาะสม จึงเหมาะกับผู้อ่านที่อายุมากกว่า20ปีขึ้นไป ผู้แต่งมีเจตนาต้องการให้การดำเนินเรื่องเป็นไปตามความเป็นจริง หากกล่าวถึงหรือพาดพิงผู้ใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ ตามจินตนาการของผู้แต่ง... 
                                                                  ลงนาม  HamachiOri

    ป.ล.นิยายเรื่องนี้เป็นการขยายเหตุการณ์บางช่วงของนิยายเรื่อง 
    ฝ่ากรุงเทพฯ...เมืองนรก (ภาค 1-2-3) และอื่นๆ และผู้ที่เข้ามาอ่านจะรู้เลยว่าเหตุการณ์ในเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ...

                                               




    " ปฐมบท "

    21 ก.ค. 25XX  เวลา 13.37
       ห้องพักเล็กๆ ในหอพักเช่า ย่านแขวงคลองตัน เขตคลองเตย
     เสียงพัดลมในห้องพัก ดังแกร็กๆ กับเสียงโทรทัศน์ดังในห้องเล็กๆ 
    ของในห้องพักก็โล่งๆ  นอกจากพัดลมกับโทรทัศน์นั้น ก็มีแค่ตะกร้าแยกใส่เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักกับตู้เย็นเล็กและชั้นวางของเก่าๆ...

       ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอนหลับอย่างสบายแต่ก็ยังมีเหงื่อไหลชุ่มไปทั่วทั้งร่าง บนฟูกขนาดพอดีตัว ด้วยเหตุที่เมื่อคืนนั้นนั่งทำงานจนดึกดื่น ตอนเช้าเลยไม่มีแรงลุกไปทำงาน จึงโทรอ้างไปว่าไม่สบาย... 
                       
       "กี่โมงแล้วเนี่ย ฮ้าวววววว"  เมฆ งัวเงียลุกขึ้นมานั่งแล้วบิดตัวไปมา 

    "อ้าว ตายห่าลืมปิดทีวี เดือนนี้ค่าห้องแพงแน่ๆ..." เขาส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่เมฆจะลุกขึ้นบิดตัวไปมาและเปิดน้ำจากก็อกน้ำมาล้างหน้าสองสามที
     
     แล้วจึงเดินออกมานั่งบนฟูกตัวเดิม

       "ไหนๆก็เปิดอยู่แล้ว มีอะไรให้ดูได้มั้ง" 
    เขาบ่นงึมงัมแล้วหันหน้าไปดูทีวีแล้วเปิดดูช่องนู่นช่องนี้ไปเรื่อยๆ...

         " ทำไมเปิดมามีแต่ข่าวเนี่ย??? ไหนดูสิว่าเป็นข่าวอะไร" เมฆกดปุ่มเล็กๆบนรีโมตไปเรื่อยๆแต่สุดท้ายก็วางมันลงแล้วตั้งใจนั่งฟัง

    " นี้เป็นคำประกาศจากรัฐบาล ขอให้ประชาชนในกรุงเทพมหานครที่ยังสามารถอพยพออกจากเมืองหลวงกรุณาออกโดยด่วนตามจุดอพยพ ขอย้ำ!! โดยด่วน!! กองกำลังทหารราบจะเริ่มทำการปิดพื้นที่ และ เข้าปิดล้อมกรุงเทพฯและปริมณฑล ในเวลา 2-3 ชมต่อจากนี้ "
       
        "กรณีของผู้ที่ไม่สามารถอพยพได้กรุณาอยู่แต่ในที่พักของท่านและกักตุนเสบียงไว้อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์..."  จากนั้นเนื้อหาข่าวก็วนซ้ำอยู่อย่างนั้นไปจนน่ารำคาญ

      " มันเกิดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย??? เรื่องจริงเหรอว่ะ??" เมฆนึกถึงเมื่อ 2-3 วันมานี้ มีแต่คนเต็มหน้า
    ตึกมาลีนนต์ใกล้ๆบ้านจนรถติดไปหมด

        " ลองโทรไปถามคนอื่นดูดีกว่า..."
     เขาขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือของเขาที่วางอยู่ แต่บนหน้าจอกลับไม่ปรากฏแม้กระทั้งสัญญาณมือถือ  แล้วตอนนั้นเองไฟในห้องเล็กๆนั้นก็ดับลงพร้อมกับโทรทัศน์และพัดลมของเขา...

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาคารมาลีนนท์

    "วันนี้มันอะไรนักหนาเนี่ย!!" 
    เมฆลุกขึ้นบ่นแล้วเดินไปบริเวณหน้าต่างของห้อง   
    ข้างนอกนั้นมีผู้คนเดินออกมาดูแล้วเริ่มคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น...
          
                   บึ้ม!!!!!!!

          เสียงระเบิดไกลๆจากหน้าปากซอยแสนสุข ถนนพระราม4 ดังจนถึงที่ว่าอยู่ในซอยลึกขนาดนี้ยังรู้สึกถึงแรงสั้นสะเทือนได้
      ในใจเมฆมีอย่างเดียวคือ ซ่อนตัว!!! 
    "ก่อการร้ายเหรอว่ะ??? หรือ รถชนกันแล้วรถระเบิดเหมือนตอนนั้น" เขานึกถึงเหตุการณ์รถชนกันแถวๆถนนพระราม4 เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน... เขาวิ่งไปส่องดูที่หน้าต่างข้างนอก
       เสียงกรี๊ดร้อง และ เสียงตึงตังเอะอะ ดังมาจากหลังเสียงระเบิดระงมไปทั่ว!!!


        ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง!!!!!
      เสียงเคาะประตูจากหน้าห้องของเมฆดังขึ้น เขากลื้นน้ำลายดังอึก!! ในสถานการณ์อย่างนี้ใครมันจะมาเคาะประตูบ้านคนอื่นได้ละเนี่ย!!  

        แล้วเขาค่อยๆลุกเดินไปส่องที่ช่องตาแมว "เสื้อสีดำ ผมสั้นๆดูเหมือนจะไปจีบสาว ไอ้กันแน่ๆ 

    กันเป็นพนักงานที่เซเว่น คนรู้จักข้างๆห้องของเมฆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ปกติจะเจอหน้ากันตอนค่ำๆหลังจากกลับจากที่ทำงานที่บริษัทใกล้ๆของเมฆ  

         "เห้ยนั้นมันไอ้คนข้างๆห้องนี่หว่า แล้วทำไมมันอยู่บ้าน ผมก็ยุ่งๆ แถมหอบซะดังเชียว" เมฆนึกในใจ..

         "เปิดประตูให้กูทีเมฆ มึงอยู่เปล่าว่ะ!!!" เสียงของเขานั้นสั่นระเรือย และ มีสีหน้าที่กลัวเอามาก ๆ  เมฆกลื้นน้ำลายดังอึ้ก!!
     
        "กุมาแล้วไอ้กัน รอก่อน" หลังจากชั่วแว็บเดียวที่เขาคิดที่จะเปิดประตูให้กันเข้ามาในห้อง ปลายมือของเมฆห่างจากลูกบิดเพียงเล็กน้อย...อ๊าก!!!!!!!

      เพียงแค่ชั่วแว็บเดียวเสียงร้องอันโหยหวนของกันก็ดังไปทั่วบริเวณ เขาค่อยๆถอยห่างออกมาจาก ประตูอย่างช้าๆและไม่คิดที่จะเหลือบมองผ่านช่องตาแมวนั้นอีกเลย...

    2 ชั่วโมงต่อมา 15.48 
         เสียงเอะอะโวยวายและกรี๊ดร้องยังคงดังอยู่เรื่อยๆ... เขาสลบลงบนกองผ้าตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ 
     
     เมฆค่อยๆลืมตาขึ้น ในตอนนี้ในหัวนั้นมีแต่ความสับสน,วุ่นวาย และความกลัว 
     
     "ไอ้กันจะโอเคมั้ยว่ะ" เมฆพูดขึ้นลางๆแล้วมองไปที่ประตู...
     ประสบประการณ์ตลอดระยะเวลา 30 ปี ของเมฆ ได้เริ่มประมวลผล อย่างเป็นขั้นเป็นตอนอย่างช้าๆ...

       สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไรวุ่นวายไปหมดแล้ว  
    จะอยู่ที่นี้ต่อก็ยังไงๆอยู่
       
     สู้หาที่ปลอดภัยไม่ก็ออกจากกรุงเทพฯ
    ไปเลยซะจะดีกว่า เมฆส่ายหัวไปมาแล้วมองไปข้างนอกหน้าต่าง

         "กระเป๋าๆๆๆ " จู่ๆเขาก็ลุกขึ้นแล้วรีบรุดไปเช็คหน้าตะกร้าเพื่อไปหยิบกระเป๋าใบเก่าแต่ใหญ่ของแม่ ที่เอามาฝากให้เมื่อ 3 เดือนก่อน ไม่คิดไม่ฝันจะได้เอามาใช้อีก

         "น้ำกับอาหารแห้ง!!" เมฆเดินไปที่ลังใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่วางไว้ข้างๆกระติกน้ำร้อนแล้วหยิบๆๆๆๆ ใส่กระเป๋าตัวเก่ง 
    พร้อมกับน้ำเปล่า 3 ขวด   เครื่องดื่มชูกำลังอีกหนึ่งขวด  

         "แล้วก็เสื้อผ้าสำรอง 2-3 วัน..." ทั้งบ้านว่ารกอยู่แล้ว ตอนนี้รกหนักกว่าเดิมอีก สภาพเหมือนโจรขึ้นบ้านอะไรอย่างนั้น

         "พร้อมแล้วไปดีกว่า อยู่ที่นี้ต่อไปก็ไม่น่าเวิร์คแล้ว" เมฆสะพายกระเป๋าใบใหญ่ไว้ข้างหลัง พร้อมกับปาดเหงื่อ บนใบหน้าของเขา
    ด้วยรอยยิ้มแบบแหบๆ

        แผนทั้งหมดในหัวของเมฆตอนนี้คือจะออกเดินทางออกนอกกรุงเทพฯ ไปทางถนนพระราม 4 ตัดเข้ากับถนนอาจณรงค์แล้วถึงค่อยเดินทางไปท่าเรือกรุงเทพฯ แต่ตอนนี้คือไปดาดฟ้าเพื่อเช็คสถานการณ์ภายนอกแล้วค่อยหนีจากที่นี้ดีกว่า

         เมื่อเขาค่อยๆเดินมาถึงประตูอย่างช้าๆ กลิ่นเหม็นเน่ากับกลิ่นเลือดได้ตลบอบอวนไปทั่ว ทำเอาจะอ้วกออกมาให้ได้ เขาได้แต่เอามือมาปิดจมูก

      ประตูห้องค่อยๆเปิดออกและทำให้เห็นร่างของผู้ชายที่ชื่อ "กัน" ได้นอนแน่นิ่งอยู่  แผ่นหลังของไอ้หมอนี้นั้นเหวอะหวะไปหมด แต่ที่หนักสุดก็คงเป็นกลิ่นที่โครตจะเหม็นเน่าเหมือนรถขนขยะคว่ำบวกกับกลิ่นเลือดที่กองอยู่อีก
        "กันมึงโอเคมั้ย?"
        "ฮาโหล" กันก้มลงแล้วเอามือไปวัดชีพจรที่คอ.... แต่ผลที่ได้นั้นกลับเงียบกริบ...

                      แฮ่!!!!!!!!!

    จู่ๆ"กัน"นั้นก็หันตัวกลับมาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เมฆ แล้วพุ่งขึ้นค่อมทันที!!!
       "เห้ย!!! กุไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย มึงออกไปจากกุ แล้วมึงไปโดนอะไรมาว่ะ!!!!" 
    บัดนี้ใบหน้าของกันมีรอยแผลเหวอะหวะ เลือดสีดำติดอยู่บนใบหน้า ดวงตาสีขาวขุ่น ไม่หลงเหลือสีดำ เขาพยายามเอามือดันหน้าอกของกันออก และ มันก็ไม่เป็นผลสักเท่าไร

       "มันไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะว่ะ!!!" มันพยายามที่จะกระซวกคอของเขาอยู่สักพักและแรงของเมฆก็ค่อยๆหมดลงอย่างช้าๆ "เอาว่ะ!!!"  เมฆคว้าขวดที่กลิ้งอยู่ไปกระแทกหัวของไอ้กัน ทำเอามันมึนแล้วเซไปข้างๆ 

       "เอาตีนกุไปแดก ย้าก!!!!!" เมฆอาศัยช่วงที่ไอ้กันเซไปเซมาถีบเข้ากลางลำตัวแล้วร่างนั้นก็กระแทกกับกระจกและตกลงไปข้างล่าง... 
      
      กร๊อบ!!!! 

         "กุขอโทษไอ้กัน มึงจะกัดกุเองนะเว้ย" เมฆโผล่หน้าไปข้างนอกดูร่างของกันที่สั่นเหมือนเป็นโรคสันนิบาต ดูแล้วกระดูกน่าจะหักเป็นแน่แท้ ร่างที่โดนกระจกแทงเต็มไปหมด ค่อยๆลุกขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ....  
       "เชี่ยแม่ง!!!! ตกไปขนาดนั้นยังรอดได้ไงว่ะ" เมฆมีสีหน้าตกใจกับไอ้กันที่ตกจากชั้น 3 ลงมาแล้วยังลุกขึ้นมาได้!!!! เขาค่อยๆถอยออกจากกระจกแล้วรีบวิ่งไปบนดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว...

                         

    เรื่องนี้ดูแล้วอาจจะคล้ายกับเรื่องฝ่ากรุงเทพฯ....เมืองนรก (ภาค1-2-3) 
    แต่มันเป็นแค่ไอเดียและแนวคิดที่ได้มาเท่านั้น ไม่มีเจตนาคัดลอก
    และ เรื่องนี้เป็นการเชื่อมหลายๆเรื่อง,กล่าวถึงสิ่งที่กล่าวแต่เพียงนิดเดียว
    เพื่อเชื่อมทุกเหตุการณ์เข้าด้วยกัน เพื่อนำไปสู่เหตุการณ์ที่ใหญ่กว่า

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น