[1 shot T- ara] ::Tuter; :: [EunSo] - [1 shot T- ara] ::Tuter; :: [EunSo] นิยาย [1 shot T- ara] ::Tuter; :: [EunSo] : Dek-D.com - Writer

    [1 shot T- ara] ::Tuter; :: [EunSo]

    โดย Ham_EunSo

    [1 shot] ::Tuter :: [EunSo]

    ผู้เข้าชมรวม

    1,422

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.42K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 มิ.ย. 53 / 18:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    />

    [1 shot] ::T υ т э я :: [EunSo ;T ara]


     เนื้อหาด้านล่างค่ะ -.,-

     V
    V
    V
    V


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      [1 shot] ::T υ т э я :: [EunSo]

       

       

                      ลมหนาวของเดือนมีนาคมพัดมาปะทะร่าง ส่งผลให้ ฮัม อึนจอง ต้องกระชับเสื้อโค้ทตัวหนาที่สวมใส่อยู่โดยอัตโนมัติ ลมหายใจร้อนๆ ที่พ่นออกมาจากจมูกโด่งๆ เมื่อปะทะกับอากาศอันหนาวเหน็บภายนอกมันจึงกลายเป็นควันจางๆ อยู่ตรงปลายจมูก ใบหน้าขาวจัดที่โผล่ออกมาจากหมวกไหมพรมผมสั้นที่โผล่ออกมาจากหมวก ประกอบกับรูปร่างสูงเพรียว กับท่วงท่าที่ดูสง่างาม เรียกให้สายตาหลายคู่หันมามองหญิงสาวไม่วางตา แต่เจ้าของรอยยิ้มสดใสยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินย่ำไปบนพื้นถนนอันปกคลุมหิมะสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความมั่นคงไม่ใส่ต่อสายตาคนรอบข้าง จุดหมายของเธอมีเพียงหนึ่งเดียวคือตึกสูงที่เห็นอยู่ไม่ไกลตรงหน้า

       

                      อา.... อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว....  อึนจองคิดในใจพลางถูมือตนเองไปมาเพื่อคลายความหนาว เผยรอยยิ้มที่กว้างยิ่งกว่าเคย แม้จะเดินอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ แต่ความทรมานที่ร่างกายได้รับดูเหมือนไม่สามารกลบความดีใจที่เอ่อล้นออกมาจากภายในได้ ยิ่งเข้าใกล้จุดหมายมากเท่าไหร่สองเท้าก็ยิ่งเร่งความเร็วมากขึ้นเท่านั้น ราวกับว่ากลัวตึกตรงหน้าจะหายวับไปก่อนที่เธอจะเดินไปถึง

                     

       

       

                      ตึก..ตึก...ตึก....

       

                      เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นถี่ยิบบนทางเดินที่ทอดยาวของอพาร์ทเม้นท์ชั้นสาม บ่งบอกว่าหญิงสาวร่างสูงเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นดูจะรีบเร่งไม่น้อย ไม่นานนักหญิงสาวก็มาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง 304...... โดยไม่รอช้าเธอรีบเคาะประตูตรงหน้าในทันที

       

                      ก๊อก ก๊อก ก๊อก......

       

                      “หืม ? ”  เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นปลุกให้สาวร่างบางผู้เป็นเจ้าของห้องสะดุ้งน้อยๆ ใบหน้าสวยภายใต้แว่นกรอบหนาหันไปมองประตูห้องด้วยความไม่สบอารมณ์ จมูกเล็กย่นน้อยๆ ให้กับคนหลังบานประตูทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ก่อนจะเก็บหาที่คั่นหนังสือมาคั่นนิยายหน้าที่กำลังอ่านค้างอยู่ มือบางวางหนังสือเล่มนั้นลงข้างตัว แล้วลุกจากโซฟาตัวใหญ่เพื่อไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน หญิงสาวส่องดูคนที่อยู่หน้าห้องผ่านช่องเล็กๆ ที่ติดอยู่กับบานประตู ก็พบกับใบหน้าใสๆ ของใครบางคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี พร้อมรอยยิ้มติดกวนๆ ตามแบบฉบับของเจ้าตัว 

       

      อึนจอง หญิงสาวเอ่ยชื่ออีกคนเบาๆ ก่อนจะเปิดประตูให้อีกฝ่าย

       

                      “โซยอนอา~”  ทันทีที่บานประตูเปิดออกเจ้าของห้องก็โดนรวบตัวเข้าไปกอดแนบแน่นพร้อมทั้งชื่อของเธอก็ถูกเรียวปากสีแดงสดนั้นเอ่ยเรียก

       

                      “อึนจอง ปล่อยก่อน ฉันอึดอัด” ร่างบางผลักคนตัวสูงที่กอดเธอแน่นเพื่อดันให้อีกฝ่ายยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ใบหน้าสวยแดงเรื่อไม่รู้เพราะเกิดจากแรงกอดรัดฟัดเหวี่ยงจากคนตรงหน้าหรือเพราะเลือดที่มันสูบฉีดจากหัวใจดวงน้อยที่มันเต้นรัวอยู่ในอกกันแน่

       

                      “แหะๆ โทษที ดีใจมากไปหน่อย” อึนจองปล่อยร่างของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระพร้อมทั้งส่งยิ้มแห้งๆ และสายตาลุแก่โทษไปให้

       

                      “ไม่เป็นไรหรอก เข้ามาข้างในก่อนสิ” โซยอนว่าหลังจากที่ปรับสีหน้าและเรียกเสียงของตัวเองกลับคืนมาเป็นปกติ ชักชวนอีกฝ่ายเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูล็อคกลอน (=[]=!! ล็อคด้วยเว่ยเฮ่ย) เป็นที่เรียบร้อย

       

       

                      หืม ?  อึนจองอุทานออกมาเบาๆ อย่างแปลกใจเมื่อมือไปโดนปกหนังสือเล่มหนาที่วางอยู่บนโซฟาเข้า เธอถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาเปิดดูขณะที่โซยอนไปจัดหาของว่างมาให้เธอ ...เพลิงรักซาตาน... ชื่อหนังสือนิยายที่ถืออยู่สร้างความแปลกใจให้เธอไม่น้อย ขณะที่กำลังพลิกหน้ากระดาษอ่านเนื้อหาข้างในนั้นคร่าวๆ คิ้วบางๆ ของหญิงสาวค่อยๆ ขมวดเข้าหากันจนเป็นปมอยู่กลางหน้าผาก

       

      นี่มัน.... ฟึ่บ!! ก่อนที่อึนจองจะได้สำรวจเนื้อในของหนังสือเล่มนั้นมากไปกว่านี้ มือของโซยอนก็คว้ามันไปเสียก่อน ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความลับที่ไม่น่าเปิดเผยของเธอเข้า

       

      เอ๋?” อึนจองเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห้องอย่างแปลกใจ และคำตอบนั้นก็ปรากฏหลักฐานอยู่บนใบหน้าใสหลังกรอบแว่น ผิวหน้าที่เคยขาวเนียนบัดนี้ซับสีเลือดน้อยๆ เพียงเท่านั้นคนตัวสูงก็พอจะเข้าใจว่าว่าคนตรงหน้าเธอนั้นกำลังเขินอายที่เธอมาเห็นงานอดิเรกของเจ้าตัว แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความนึกสนุกอึนจองก็อดที่จะแกล้งแซวอีกฝ่ายไม่ได้ 

       

                      “นี่โซอ่านนิยายพวกนี้ด้วยเหรอนิยาย พวกนี้ที่อึนจองพูดถึงนั่นก็คือนิยายอิโรติก ดูจากสีหน้าและแววตาของอึนจองแล้วอีกฝ่ายคงรู้ว่าเธอกำลังอ่านอะไรอยู่ ร่างบางแสร้งทำหน้าดุใส่คนตัวสูงเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย

                     

      ช่างฉันเถอะน่า .....ไหนว่าจะมาติวหนังสือไง เอามาด้วยหรือเปล่าโซยอนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย

       

                      “เอามาสิอึนจองว่าพลางหยิบตำราเรียนเล่มหนาที่อยู่ในกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะกระจกทรงกลมตรงหน้า

       

                      “ว่าแต่....โซชอบอ่านนิยายแนวนี้เหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ยอึนจองยังแซวไม่เลิกจนคนโดนแซวเริ่มจะโกรธขึ้นมาจริงๆ

       

                      “จะติวไหมหนังสือน่ะโซยอนเอ่ยเสียงเข้ม

       

                      “ติวค่ะแม่อึนจองยังไม่วายล้อเลียนคนตรงหน้า ทำให้ใบหน้าสวยบูดบึ้งด้วยความขุ่นเคือง แต่ดูเหมือนตัวต้นเหตุกลับยิ่งชอบใจที่สามารถทำให้สาวแก่เรียนอย่างโซยอนมีอารมณ์กรุ่นโกรธขึ้นมาได้.....  อึนจองขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับโซยอนพร้อมทั้งกางหนังสือเรียนในหน้าที่เธอยังไม่เข้าใจขึ้นมาตรงหน้า มือเรียวหยิบกาแฟร้อนๆ ที่โซยอนชงมาให้ขึ้นมาจิบในขณะที่กำลังนั่งให้อีกฝ่ายติวหนังสือให้ ....อืม รสชาติดีไม่เปลี่ยน...อึนจองชมอีกฝ่ายในใจ ดวงตาคู่คมลอบมองใบหน้าใสที่กำลังติวหนังสือให้เธออย่างเคร่งเครียด มุมปากกดยิ้มบางๆ อย่างพึงพอใจกับความใกล้ชิดที่ได้รับ แต่เหมือนมันยังไม่เพียงพอในความรู้สึกของเธอ ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้โซยอนทีละนิดๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว               

       

                      “ตรงนี้ไม่ค่อยเข้าใจเลยอะ อธิบายใหม่อีกรอบได้ไหมอึนจองวาดแขนไปโอบร่างโซยอนกลายๆ ใบหน้าเคลื่อนเข้าไปใกล้กับแก้มใสขนาดที่กระซิบเบาๆ ยังได้ยินเสียงคนเจ้าเล่ห์อย่างชัดเจน ทำเอาร่างบางตกใจไม่น้อยจากความใกล้ชิดของทั้งคู่ จะหันไปต่อว่าอีกฝ่ายก็ไม่ถนัดใจนัก เนื่องจากสีหน้าอึนจองนั้นไม่มีพิรุธให้เธอจับได้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าขาวใสยังคงจดจ่อกับหน้าหนังสือที่เปิดอยู่อย่างมีสมาธิ

       

                      “ได้สิ ตรงนี้.............โซยอนรับคำพร้อมทั้งอธิบายซ้ำอย่างช้าๆ พลางขยับตัวอย่างอึดอัดในเพราะอึนจองเหมือนจะเบียดกายแนบชิดเข้ามามากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือเปล่านะ หญิงสาวคิดในใจแล้วสะบัดศรีษะไปมาเพื่อไล่ความคิดไร้สาระนั้นออกไป แต่หารู้ไม่ว่าคนข้างๆ กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจที่สามารถแต๊ะอั๋งอีกฝ่ายได้อย่างแนบเนียน.

       

       

                      “โซยอนอา~” เสียงกระซิบเรียกชื่อดังอยู่ชิดริมหู น้ำเสียงนั้นฟังดูออดอ้อนผิดปกติ ทำเอาโซยอนขนลุกทั้งตัว ...ว่าแต่มันใกล้ไปหรือเปล่า?...  เหมือนกับว่าเพิ่งจะรู้ถึงความใกล้ชิดที่มากเกินไปของเธอและอึนจอง แต่มารู้ตัวเอาตอนนี้มันสายไปหรือเปล่า?

       

                      “อ.... อะไรเหรออึนจอง” โซยอนพูดตะกุก พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย ซึ่งสภาพตอนนี้เธอเองแทบจะนั่งเกยอยู่บนตักอึนจองเลยทีเดียว              

       

                      “พักก่อนนะ ฉันเหนื่อยแล้ว สมองมันล้าอะ” อึนจองไม่พูดเปล่าจมูกโด่งๆ ยังคลอเคลียอยู่ข้างแก้มนุ่มพร้อมทั้งถือวิสาสะรวบร่างคนในอ้อมกอดมานั่งซ้อนบนตัก

       

                      “อ๊ะ อึนจอง ทำอะไรของเธอน่ะโซยอนได้แต่อุทานออกมาอย่างตกใจ จะขืนตัวจากอ้อมกอดแน่นหนานั้นก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ทันตั้งตัวกับการกระทำอุกอาจของอีกฝ่าย ซ้ำยังตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเมื่อได้ใกล้ชิดกับอีกฝ่ายแบบแนบแน่นเช่นนี้ด้วยแล้วมือไม้มันอ่อนจนเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ

       

                      “ข้างนอกมันหนาวกอดกันไว้จะได้อุ่นๆ ไง อึนจองลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมั่นไส้ ทั้งๆ ที่ในห้องนี้มันไม่ได้หนาวเหมือนข้างนอก ดูเหมือนว่าข้อแก้ตัวของอึนจองข้อนี้มันจะไม่เข้าท่าเอาซะเลย แต่ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่ดังอยู่ข้างหูบวกกับร่างกายที่แนบชิดกันทำให้สมองของโซยอนคิดหาคำพูดมาโต้ตอบอีกฝ่ายไม่ได้ ได้แต่ทำเสียงอึกอักๆ อยู่ในลำคอราวกับคนเป็นใบ้

       

                      “..........”

       

                      “โซยอนตอนนี้เรามาติวอย่างอื่นกันดีกว่าไหมอึนจองยังคงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูเสียงอ่อนเสียงหวานยิ่งกว่าเดิม พูดแล้วก็ฝังใบหน้าลงกับซอกคอขาวๆ ของคนบนตักสดเอาความหอมจากผิวกายเข้ามาจนเต็มปอดจนเจ้าของร่างต้องหดคอหนีด้วยเพราะรู้สึกจั๊กจี้และร้อนวูบวาบแปลกๆ

       

                      “ติวอะไรอีกล่ะ ปล่อยนะโซยอนออกคำสั่งเสียงเข้มเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย พยายามแกะมือปลาหมึกนั่นออกจากเอว แต่แกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออกสุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ใช่ว่าเธอจะไม่ชอบให้อึนจองกอด ใช่ว่าเธอจะรังเกียจอ้อมกอดนี้ เพียงแต่ทำตัวไม่ถูกที่อีกฝ่ายเปลี่ยนท่าทีเร็วขนาดนี้ อยู่ๆ ก็มากอดมาหอมเธอเองก็ปรับตัวไม่ทัน

       

                      “ก็ ติวเรื่องที่อยู่ในหนังสือที่โซอ่านยังไงล่ะ”  โซยอนมองตามสายตาของอึนจองที่พยักพเยิดไปทางหนังสือนิยายเล่มหนาที่เธออ่านค้างอยู่เมื่อครู่

       

                      “อะ นะ...พูดไม่ทันจบประโยคเสือปืนไวอย่าง ฮัม อึนจองก็พลิกร่างโซยอนให้นอนหงายลงบนโซฟาอย่างรวดเร็วโดยอาศัยจังหวะที่เธอเผลอมองหนังสือนิยายเล่มหนาจัดการเธอเสีย แถมยังส่งยิ้มหวานหยดมาให้เธออีกต่างหาก หวานเสียจนน่าหวั่นใจ โซยอนได้แต่มองตาค้างอ้าปากหวอจะลุกก็ลุกไม่ได้เพราะคนตัวโตทาบทับเธอเอาไว้ทั้งร่าง ข้อมือทั้งสองก็ถูกอีกฝ่ายกดไว้กับโซฟา นับเป็นสถานการณ์ที่เสียเปรียบที่สุดของเธอ

       

                      “วันนี้ฉันจะติวให้เต็มที่เลยดีไหม เพื่อตอบแทนที่โซติวหนังสือให้ฉันอึนจองก้มลงมากระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหู สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดเพียงแผ่ว แต่แปลกที่มันกลับมีอิทธิพลมากขนาดทำให้ใจของโซยอนให้มันสั่นไหวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

       

                      “บ้าน่ะ เลิกเล่นได้แล้วโซยอนต่อว่าอีกฝ่ายเสียงเบาๆ ทั้งๆ ที่คิดว่าเสียงทีเปล่งออกมามันควรจะหนักแน่นและดูจริงจังกว่านี้ แต่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับสายลมแผ่วๆ ที่พัดผ่านมาลูบไล้ผิวกายเพียงแค่ทำให้รู้สึกว่ามันพัดมาเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อคนตัวสูงเลยแม้แต่น้อย

       

                      “ไม่ได้เล่นนะโซยอน ฉันเอาจริงความปรารถนาจากดวงตาคมของอึนจองที่สบมามันยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายจริงจังแค่ไหน ความขี้เล่นที่เคยมีอยู่ในดวงตาคู่นั้นบัดนี้โซยอนมองไม่เห็นมัน มีเพียงความอ่อนหวานเว้าวอนร้องขอที่มันกำลังจะละลายกำแพงในหัวใจเธอให้พังทลายลงในไม่ช้า ดวงตาคู่สวยหลังกรอบแว่นเริ่มไหวระริกด้วยความสบสน ความรู้สึกของโซยอนถูกส่งไปถึงคนที่อยู่เหนือร่าง อึนจองส่งยิ้มบางๆ มาให้ราวกับจะปลอบประโลมให้เธออุ่นใจและไว้ใจว่ามือคู่นี้จะไม่มีวันทำร้ายเธออย่างแน่นอน มือเรียวสวยเลื่อนมาถอดแว่นตากรอบหนาให้พ้นจากใบหน้าสวยอย่างอ่อนโยน

       

                      “โซตาสวยมากรู้ไหมเสียงพึมพำราวกับคนละเมอถูกเปล่งออกมาจากลำคอของคนตัวสูง มือเรียวจับปอยผมที่หลุดลุ่ยไปทัดไว้ข้างหู อึนจองจับจ้องดวงตาคู่สวยไม่วางตา ก่อนที่ใบหน้าคมจะค่อยๆ เคลื่อนลงมาใกล้กับใบหน้าสวย ระยะห่างที่ค่อยๆ หมดไปทำให้ภาพใบหน้าของคนตัวโตพร่าเลือน ร่างบางหลับตาลงพร้อมทั้งกลั้นหายใจเพื่อระงับความตื่นเต้น ด้วยพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรกับเธอ ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดใบหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนต้องหลับตาปี๋ ใจหนึ่งก็อยากจะหนี แต่อีกใจก็อยากจะลิ้มลอง ความสับสนตีกันอยู่ในหัวจนเธอทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นอนนิ่งรอรับสัมผัสจากคนตัวสูง

       

                      ความนุ่มจากริมฝีปากแดงเรื่อทาบทับลงมาแผ่วเบาในคราแรก บดเคล้าหยอกล้อให้คนในครอบครองผ่อนคลายและไว้วางใจตนเอง ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเปิดปากอีกฝ่ายเพื่อที่จะชิมความหวานภายในโพรงปาก ลมหายใจของคนโดนรุกรานติดขัดขาดห้วง ริมฝีปากบางสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ตอบสนองการกระทำของอีกฝ่ายด้วยอย่างกล้าๆ กลัวๆ อึนจองใช้ความชำนาญปลอบประโลมอย่างใจเย็น ปลายลิ้นรุกรานเข้าไปในโพรงปากนุ่มกวาดไปทั่วเพื่อดูดซับความหวานจากคนใต้ร่าง ลิ้นอุ่นรุกไล่เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนร้อนแต่ทุกการกระทำยังเต็มไปด้วยความอ่อนหวานจนคนได้รับจูบแทบสำลักความหวานนั้น

       

                      “อืม~……..” ร่างบางเปล่งเสียงครางหวานออกมาจากลำคออย่างลืมตัว เขนเรียวบางเลื่อนขึ้นมาคล้องคอคนด้านบนตามสัญชาตญาณปลายนิ้วแทรกเข้าไปในกลุ่มผมดำที่ตัดสั้นอย่างประณีตของคนตัวสูง ขยี้เบาๆ ตามอารมณ์ที่อีกฝ่ายนำพา อึนจองเองก็ไม่น้อยหน้ามือทั้งสองข้างสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวหนา ลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียนละมุนมือปลุกเร้าความต้องการให้ลุกฮือขึ้นอย่างรวดเร็ว กายบางไหวสะท้านไม่ใช่เพราะความหนาวเย็น แต่มันมาจากสัมผัสที่พาให้ใจเตลิดเปิดเปิง

       

                      อาการตอบสนองอย่างเงอะๆ งะๆ ไม่ได้ทำให้อึนจองนึกรำคาญแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันทำให้เธอยิ่งหลงใหลคนในอ้อมกอดจนแทบคลั่ง ความหอมหวานที่ได้รับเล่นเอาเธอสติแทบหลุด การควบคุมตัวเองเหลือน้อยลงทุกที ยิ่งได้ลิ้มลองก็ยิ่งที่จะถอนตัวถอนใจจากผู้หญิงคนนี้ .. ใบหน้าเลื่อนลงไปซุกไซร้ซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมละมุนของผิวกาย ลิ้นอุ่นถูกส่งออกมาโลมเลียซอกคอขาวอย่างอดใจไม่ไหว สองมือปลดเปลื้องเสื้อแขนยาวตัวหนาด้วยความร้อนรน

       

                      เมื่อร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าความหนาวเย็นก็แทรกเข้ามาโอบล้อมผิวกายแทนเสื้อผ้า ร่างบางถึงกับผวาเข้ากอดคนตัวสูงแนบแน่น เพื่อแบ่งความอบอุ่นจากร่างสูง อีกเหตุผลก็เพื่อหลบเร้นจากสายตาร้อนแรงคู่นั้นที่มองสำรวจเนื้อตัวของเธอเมื่อครู่ ใบหน้าสวยแดงจัดจนลามไปทั่วตัว ผิวขาวๆ กลายเป็นสีชมพูระเรื่อในเวลาอันรวดเร็ว

       

                      “หน.....หนาว.ร่างบางกระซิบเสียงพร่าข้างหูอึนจอง หญิงสาวหลับตาลงเพื่อค่อยๆ ระงับอารมณ์ร้อนแรงของตนที่ปะทุหนัก เสียงหวานๆ ของโซยอนที่ได้ยินเมื่อครู่ทำให้การควบคุมตัวเองของเธอลดน้อยลงไปทุกขณะ ลำแขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างบางไว้แนบอกเพื่อมอบความอบอุ่นให้อีกฝ่าย ริมฝีปากร้อนๆ ที่ยังฉ่ำๆ เพราะรสจูบเมื่อครู่ประทับลงไปบนไหล่มน ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำปลอบโยน

       

                      “ไม่เป็นไรนะโซ อีกหน่อยก็ไม่หนาวแล้ว ฉันรับรองสิ้นประโยคอึนจองก็รั้งร่างบางออกจากอ้อมกอด ส่งความอบอุ่นผ่านทางสายตาย้ำความมั่นใจให้โซยอน ก่อนละเลื่อนสายตากวาดมองไปทั่วเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า โซยอนมองตามสายตานั้นก่อนจะผินหน้าหนีเพื่อหลบสายตาที่ราวกับจะกลืนกินคู่นั้น แปลกที่อึนจองใช้ดวงตาลูบไล้ผิวกายราวกับสัมผัสด้วยมือของเจ้าตัว เวลานี้เธอเชื่อที่อึนจองบอกแล้วว่าอีกหน่อยก็ไม่หนาวแล้ว มันร้อนแทนด้วยซ้ำ ร้อนรุ่มเข้าไปถึงข้างใน....

       

                      “...” อึนจองกดยิ้มมุมบางอย่างเอ็นดูกับท่าทางเขินอายนั้น ช่างน่ารักน่าชังนักในความรู้สึกของเธอ ใบหน้าใสลดลงไปหาร่างกายคนในครอบครอง เป้าหมายอยู่ที่ทรวงอกคู่งามที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากจูบเบาๆ รอบๆ ฐานอกนุ่มทั้งสองข้าง  ร่างบางผวาน้อยๆ เข้าหาริมฝีปากอิ่มอย่างลืมตัว ใบหน้าสวยหวานแดงซ่านความร้อนแผ่ขยายจากอกอิ่มก่อนจะแล่นไปทั่วเรือนร่าง ยิ่งอึนจองส่งปลายลิ้นออกมาสัมผัสอกคู่สวยช้าๆ เสียงครางแผ่วๆ เริ่มหลุดลอดออกมาจากลำ

       

                      “อา~” หากแต่ไม่นานนักโซยอนก็กลั้นเสียงน่าอายนั่นเอาไว้ ฟันคมๆ กัดริมฝีปากบางจนห้อเลือด ใบหน้าสวยสะบัดเร่าไปมาอย่างทรมาน  เล็บยาวๆ จิกลงไปบนไหล่ลาดของคนด้านบนแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์ แม้จะเจ็บบ้างแต่อึนจองไม่ได้ใส่ใจความเจ็บปวดนั้น เพราะความหวานของคนตรงหน้าทำให้หัวสมองของเธอแทบจะลืมเลือนทุกอย่าง ความยับยั้งชั่งใจก็ไม่มีเหลืออยู่เลย เวลานี้รู้แต่เพียงว่าต้องการครอบครองร่างงามตรงหน้าเร็วๆ  อยากเก็บอีกฝ่ายไว้ชื่นชมเพียงคนเดียวไม่อยากให้ใครได้สัมผัสคนคนนี้อีกแม้เพียงปลายเล็บ

       

                      “ปล่อยมันออกมาเถอะโซยอนอาไม่ต้องกลั้นมันไว้หรอกคนดี” อึนจองกระซิบเบาๆ หวังให้อีกฝ่ายลดความทรมาน เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียก่อน ลมหายใจร้อนๆ พ่นเข้าใส่ผิวบางที่เปียกชื้นจากรสจูบของอึนจอง แค่นั้นก็ยังส่งผลให้โซยอนรู้สึกร้อนรุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะสัมผัสเธอหนักหน่วงหรือแผ่วบาเพียงใดก็ทำให้เธอหวามไหวได้ทั้งนั้น ...ช่ำชองเหลือเกินนะฮัม อึนจอง...

                     

                      ทว่าโซยอนดื้อดึงเกินกว่าจะเชื่อฟังคำแนะนำของผู้หวังดี(?) หญิงสาวยังคงพยายามฝืนความรู้สึกตัวเองอย่าเต็มที่ แม้จะทรมานจนลมแทบจับ แต่ใช่ว่าการต่อต้านเล็กๆ น้อยๆ นี่อึนจองจะยอมแพ้ ปลายลิ้นร้อนๆ ไล้วนตรงเม็ดทับทิมสีสวยช้าเร็วสลับกันไป

       

      อ๊ะ อ๊า~” จนในที่สุดโซยอนก็ต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับอึนจองและอารมณ์เร่าร้อนของตน จำต้องปลดปล่อยเสียงครางแหบพร่าออกมาจากลำคอ เล็บยาวๆ จิกลงไปบนบ่าของอีกฝ่ายแรงๆ จนเลือดซึม แต่เจ้าตัวเหมือนไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะคนที่อยู่ต่อหน้าทำให้ลืมเลือนทุกอย่างแม้กระทั่งความเป็นตัวเองตัวเอง .... ฮัม อึนจอง กำลังลุ่มหลงแม่สาวคงแก่เรียนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

       

                      “อะ อึนจอง เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน...”  โซยอนครางเรียกชื่อผู้รุกรานเบาๆ พร้อมทั้งใช้สองมือที่อ่อนแรงรั้งใบหน้าอีกฝ่ายให้หยุดการเล้าโลมชั่วครู่ แม้จะไม่อยากละจากความหอมหวานที่กำลังลิ้มลองหากแต่ทนเสียงรบเร้าจากโซยอนไม่ไหว จำต้องเงยขึ้นมามองหน้าโซยอนอย่างงุนงง

                     

                      “ทำไมเหรอโซ~” อึนจองเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปให้คนในครอบครอง โซยอนคลี่ยิ้มหวานหยดส่งมาให้อึนจองเช่นกัน ดวงตาคู่สวยหวานหยาดเยิ้มจนคนมองใจเต้นไม่เป็นส่ำ

       

                      “เพี๊ยะ!!” แต่แล้วเสียงดังฝ่ามือกระทบกับแก้มใสก็ดังลั่นห้อง ทำเอาอารมณ์ที่ดูท่าว่าจะไหลลื่นหยุดชะงักลงกลางคัน อึนจองอาปากหวอหน้าชาด้วยความตกใจอยู่ชั่วครู่ที่อยู่ๆ โซยอนก็แผลงฤทธิ์กับเธอเข้าให้ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าตนเองเมื่อรู้สึกถึงความแสบในเวลาต่อมา

                     

                      “โซยอน ทะ ทำไมกัน” หญิงสาวละล่ำละลักถามคนตรงหน้า ทว่าใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มของโซยอนดูเกรี้ยวกราดเหมือนกำลังโกรธเคืองเธอมาสักสิบชาติยังไงอย่างงั้น  พร้อมทั้งเสียงตะคอกเธอดังลั่นห้อง

                     

                      “ปล่อยฉันนะ อึนจอง ...... ไม่ปล่อยใช่ไหม!! แกตาย!!!!!!!!!!”

       

                      ปึ่ก !!! โครม!!!  

       

                      สิ้นเสียงของโซยอนก็มีเสียงอื่นๆ ตามมาในเวลาอันรวดเร็ว อึนจองรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นแถมยังมีอาการเจ็บแปลบๆ ตรงสะโพกและแสบๆ ตรงแก้มข้างซ้ายอีกต่างหาก   หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนเองลงไปนอนอยู่ใต้เตียง .... ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย..

       

      อูย.... เจ็บ” เธอลุกขึ้นนั่งบนพื้นห้อง ครางเบาๆ เพราะความเจ็บปวด ในหัวครุ่นคิดอย่างไม่เข้า สะบัดศรีษะแรงๆ ไล่ความมึนงงออกไป...

                      ดวงตาดำขลับกวาดมองไปทั่วบริเวณที่เธอนั่งอยู่ ห้องนอนเล็กๆ พร้อมเตียงเดี่ยวตั้งอยู่ชิดผนัง ข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้หญิงวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจก ....นี่มันห้องนอนเรานี่...

       

                      “เป็นไง ตื่นแล้วใช่ไหม” เสียงหวานๆที่ฟังดูหงุดหงิดไม่น้อยของเพื่อนร่วมห้องดังขึ้นใกล้ๆ อึนจองหันไปตามเสียงนั้นก็พบว่า ปาร์ค โซยอน รุ่นพี่ในวงเดียวกันกำลังนั่งหน้าบูดอยู่บนเตียงเล็กๆ ซึ่งเป็นที่นอนของพวกเธอ

                     

                      “อะ...มะ มันเกิดอะไรขึ้น พี่โซยอน แล้วทำไมฉันมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ” คนตัวสูงเกาหัวยุ่งๆ ของตนเองพลางลูบแก้มใสข้างที่รู้สึกเจ็บ

       

                      “หึ....โดนฉันถีบยังไงล่ะ” โซยอนสะบัดเสียงตอบใบหน้าหวานยังบูดบึ้งไม่หาย

                     

      อ้าว พี่ถีบฉันทำไมอะ” อึนจองเอ่ยถามด้วยใบหน้างอง้ำ ด้วยกำลังงอนกับการกระทำอันไร้เหตุผลของอีกฝ่าย

       

                      “ก็เธอมัน....ละเมอได้น่าถีบไงล่ะคุณลีดเดอร์” คำตอบนั้นยิ่งทำให้อึนจองงงหนักเข้าไปอีก ใบหน้าใสมีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด

       

                      “พี่หมายความว่ายังไง?”

       

                      “ก็เมื่อกี๊เธอละเมอมาจับหน้าอกฉัน บอกให้ปล่อยเท่าไหร่ก็ไม่ปล่อย ไม่ลงไปอัดซ้ำก็ดีเท่าไหร่แล้ว” โซยอนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด พยายามระงับอารมณ์ที่อยากจะเข้าไปซ้ำอีกฝ่ายไว้อย่างเต็มที่ แต่ขณะที่พูดอยู่นั้นใบหน้าหวานก็ซับสีเลือดจางๆ เพราะความโกรธบวกความเขินอายเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่

       

                      “ฉันเนี่ยนะ” อึนจองชี้นิ้วมาที่ตนเอง ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

       

                      “ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นยีราฟที่ไหนฮะ?”

       

       “เป็นไปได้ยังไง.........แต่นั่นก็แค่ละเมอ พี่ไม่น่าทำถึงขนาดนี้เลยนี่นา ....แล้วที่แก้มฉันแสบอยู่นี่ ฝีมือพี่อีกหรือเปล่า”  อึนจองบ่นพึมพำเบาๆ อย่างน้อยอกน้อยใจ พร้อมทั้งเอ่ยถามในประโยคสุดท้ายถึงสาเหตุแห่งความเจ็บปวดที่แก้มซ้าย โซยอนพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะออกคำสั่ง

       

      คืนนี้เธอห้ามขึ้นมานอนบนเตียงกับฉัน

       

      ไม่นะ ที่พื้นมันแข็งจะตาย ไม่เอาหรอก” อึนจองค้านอย่างเต็มที่

       

      ถ้าไม่นอนที่นี่ก็นู่น หน้าห้อง จะเลือกทางไหนก็ตามใจเธอแล้วกัน นี่หมอนกับผ้าห่ม” โซยอนยื่นคำขาดพร้อมโยนหมอนกับผ้าห่มลงไปให้คนที่นั่งหน้างออยู่บนพื้นห้อง ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วปิดโคมไปเล็กๆ ตรงหัวเตียง ปล่อยให้อึนจองนั่งหน้างอถอนหายใจฟืดฟาดอยู่ในความมืดเพียงลำพัง

                     

                      หลายนาทีผ่านไปโซยอนก็ไม่มีทีท่าว่าจะเรียกเธอให้ขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกัน ในที่สุดอึนจองก็โยนหมอนลงไปบนพื้นแล้วกระฟัดกระเฟียดล้มตัวลงนอน ลากผ้าห่มมาคลุมตั้งแต่ช่วงอกลงไปถึงปลายเท้า ตะแคงข้างหันหลังให้เตียงนอน ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จนหลับไปในที่สุด ...เมื่อกี๊มัน...แค่ฝันหรอกเหรอ... นึกว่าเรื่องจริงซะอีก ชิ  แถมยังโดนตบ โดนถีบฟรีอีก เจริญจริงๆ-*-...


      .
      .
      .

                     รุ่งเช้า.... เมื่ออึนจองตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอรูมเมทของเธออยู่บนเตียงนอนแล้ว ประตูห้องน้ำเปิดแง้มอยู่ ไร้เสียงใดๆ นอกจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ดูท่าว่าโซยอนจะออกไปรวมตัวกับสมาชิกวง T–ara คนอื่นๆ  เพราะได้ยินเสียงดังแว่วๆ เล็ดลอดเข้ามาในห้อง  หญิงสาวอ้าปากหาวหวอดอย่างเต็มที่พร้อมทั้งบิดตัวไล่ความเมื่อยขบ

                     

                      “อ๊ะ เจ็บ T^T มือหนัก เท้าหนักจริงๆ”  อึนจองอุทานออกมาด้วยความเจ็บ ยามที่ขยับตัวแรงๆ ไม่วายบ่นถึงตัวต้นเหตุ ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ

       

                      แอด~..ปัง!

       

                      เสียงประตูห้องนอนที่เปิดออกและปิดลงในเวลาไล่ๆ กัน ฮโยมินที่กำลังเดินผ่านไปหยุดชะงักมองผู้ที่เพิ่งออกมาจากหลังบานประตู

       

                      “พี่.... เอ๋? แก้มพี่ไปโดนอะไรมา” ฮโยมินที่ทำท่าจะทักทายอึนจอง ต้องเปลี่ยนมาเป็นประโยคคำถามแทนเมื่อเห็นรอยแดงๆ เป็นรูปนิ้วมืออปรากฎอยู่บนแก้มหัวหน้าวง คำถามนั้นทำให้คนโดนถามทำท่าทางอึกๆ อักๆ ด้วยความลำบากใจ พยายามซ่อนใบหน้าด้านที่เป็นรอยไว้ ไม่อยากให้ฮโยมินสังเกตเห็นความผิดปกติ

       

                      “เหมือนรอยนิ้วมือเลย” ฮโยมินตั้งข้อสังเกต

                     

                      “ไม่มีอะไรหรอกน่า แค่อุบัติเหตุน่ะ” พูดจบก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงอีกฝ่ายไป แต่โดนรั้งเอาไว้เสียก่อน

       

                      “อย่าเพิ่งไปสิ พี่โดนใครตบมาหรือเปล่า?” อึนจองสะดุ้งน้อยๆ เมื่อรุ่นน้องเดาที่มาของร่องรอยนี้ถูก และโชคร้ายที่อาการดังกล่าวไม่สามารถรอดพ้นสายตาจับผิดของฮโยมินไปได้

                     

                      “ปะ เปล่านี่” ตอบอ้อมแอ้มพร้อมก้มหน้าไม่ยอมสบตากับอีกฝ่าย

                     

                      “ถ้าจะให้ฉันเดา มันเกี่ยวกับพี่โซยอนใช่ไหม” ฉึก!! แต่ละคำนี่ช่างโดนใจดีแท้ฮโยมิน ทำอย่างกับว่าเธออยู่ในเหตุการณ์ด้วยยังไงอย่างงั้น  แต่ความเป็นจริงแล้วมันก็แค่การคาดเดา เพราะตั้งแต่เช้าเธอเห็นโซยอนนั่งหน้าบูดดูเหมือนโมโหใครมาประกอบกับร่องรอยบนใบหน้าของอึนจอง เพียงเท่านั้นเธอก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าเมื่อคืนนี้ทั้งสองคนต้องมีเรื่องอะไรกันแน่ๆ

       

                      “อือ.. ใช่” อึนจองต้องรับสารภาพในที่สุด ด้วยทนสายตาคาดคั้นของฮโยมินไม่ไหว

       

                      “เรื่องราวมันเป็นไงมาไง เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ

       

                      “ได้ แต่เรื่องนี้เธอต้องเก็บเป็นความลับนะ ห้ามบอกใครเด็ดคาด

       

                      “โอเคได้ๆ

                     

                      “คือเมื่อคืน..........

       

                       

                       “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงเหรอ ? พี่ละเมอจับหน้าอกพี่โซยอน!! อุ๊บ” ฮโยมินฟังจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ประโยคที่ตามมาก็ดังไม่แพ้กัน อึนจองต้องรีบตะครุบปิดปากฮโยมินเอาไว้กลัวว่าคนอื่นๆ จะได้ยิน

       

                      “อะไรนะอึนจองจับหน้าอกโซยอนเหรอ” แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะเสียงของคิวริที่ดังแว่วๆ มาก่อนตัวนั้นบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องราวทั้งหมดมันไม่เป็นความลับอีกต่อไป

       

                                      TT^TT ดีเลย สุดท้ายก็รู้กันทั้งวง........... เพราะไอ้ความฝันบ้าๆ นั่นแท้ๆ ....

                                     

       

       

      แต่เสียดายชะมัดไม่น่ารู้ตัวเร็วเลยพี่โซ -,.-

       

       End

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×