คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #70 : CHAPTER 69 สับสน
…ผมนิ่ง....
เหมือนที่อีกฝ่ายก็ยืนนิ่งจ้องหน้าผม..
เขาเป็นผู้ชายตัวโต..ตัวโตเหมือนพี่ปีใหม่ที่สูงใหญ่เป็นเสาไฟฟ้า อยู่ในชุดเสื้อโค้ทนอกราคาแพงสีดำสนิท ผิวขาวซีดเหมือนกระดาษตัดกับสีผมสีขนกาที่หวีเรียบเปล้เหมือนนักธุรกิจ ดวงตาสีอ่อนแต่ขอบตาแดงคล้ำก้มต่อลงมามองผม แสงไฟจากด้านหลังฉายให้สันจมูกโด่งโตเป็นเงาวาบน่าเกรงขาม
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมถัดขาถอยหลังด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ..
"เดี๋ยว!"
เสียงแหบนั้นพูดออกมา ไม่ได้ดังจนน่ากลัวแต่กลับมีอะไรบางอย่างที่ดูดให้ผมต้องเฉยตาม..
ทั้งกำหมัดแน่นด้วยความตื่นกลัว...
ผมจ้องหน้าเขา..จ้องเข้าไปในดวงตาว่างเปล่าคู่นั้น..
เขามองหน้าผมนิ่ง..นิ่งจนบรรยากาศรอบตัวผมพลันหนักอึ้ง..
"……เหมือนจริงๆ...."
จู่ๆ..เสียงนั้นก็พูดขึ้นต่อ...
"…ทั้งๆที่หวาดกลัว..แต่กลับไม่ยอมหลบตา..."
เขาหลุบตาลงต่ำ แก้มตอบจนซูบทำให้ผมรู้ว่าตัวเขาผอมแค่ไหน..เพียงแค่ชุดที่สวมใส่ใหญ่โตเทอะทะเกินร่างกายก็เท่านั้น..
"…ขอโทษ…"
น้ำเสียงที่ใช้พูดก็เบาลงไปอีก ทั้งๆที่ไม่มีการขยับของร่างกายเลยแม้แต่น้อย
"…ทั้งเธอ..ทั้งกันย์..ทั้งเมษา.."
ผมชะงักกับชื่อของพ่อและของอา..
"คุณ?"
..แต่เชื่อเถอะครับ..ไม่ว่าเขาจะเป็นคนรู้จักของพ่อหรือไม่ก็ตาม..ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ากลัวนั้นลดหย่อนลงไปเลย..
"เดียร์!!!"
ฉับพลันเสียงไอ้บูมก็ดังขึ้นจากมุมระเบียง (เพิ่งมาถึงหรอไอ้บ้า!!) มันรีบจ้ำพรวดเข้ามาประชิดตัวเราสองคน..แอบแทรกตรงกลางเข้ามาเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นนิดนึง
ผมไม่ต้องพูดอะไร เขาก็ไม่พูด และมันก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูด..
แต่เรื่องที่ผมแปลกใจคือการที่เขายอมปล่อยให้บูมพิจารณาเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าทั้งใบหน้าเฉยชา..และไม่มีการขยับอะไรทั้งสิ้น..
บูมหันมามองผมเป็นเชิงถามว่า 'ใคร?'
ผมส่ายหน้ากลับไปว่า 'ไม่รู้'
เพื่อนผมหันกลับไปอีกครั้งเพื่อมองร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจ
"คุณเลือดออก!!"
..ผมก็เพิ่งรู้ตอนที่มันตะโกนเนี่ยแหละ..
และคำพูดนั้นก็ทำให้เขากระตุกยิ้มบางครั้งแรก ยกมือใหญ่กร้านแตะที่สีข้างตัวเอง..แล้วแบมือออกให้เห็นคราบสีแดงปื้นหนึ่ง..ไม่มากจนน่าตกใจ..แต่ก็ไม่ได้น้อยเกินกว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย
"…ฉันถูก 'ทำลาย' ลงแล้ว...."
เขาพูดเรียบๆ
"…แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ..."
บูมกับผมยืนนิ่ง..ทั้งมึนงง ทั้งพูดอะไรไม่ออก..
"เรียกรถพยาบาลมั้ย?" มันถามผม
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ..
..ใจของผมบอกได้เลยว่าไม่ควรเรียก ไม่อยากเรียก..
….ความเลวในตัวผมมันร่ำร้องว่า..ตายๆไปซะ...
…….ทั้งๆที่ยังไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ....
ผมชั่วช้าขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่...
บูมมองหน้าผมพร้อมหมุ่นคิ้วสงสัย..ผมมั่นใจว่าถ้าเป็นมัน..คงไม่รีรอที่จะร้องขอความช่วยเหลือหรือเรียกใครสักคนมาปฐมพยาบาล...
….แต่ผม...ไม่ใช่มัน....
"ถ้า…"
ผมรู้ตัวว่าเสียงผมสั่น..สั่นมาก..
"…ถ้าไม่มีธุระอะไร...ก็กลับไปซะ..."
"เฮ้ย!"
คนข้างตัวผมร้องออกมาอย่างตกใจระคนงุนงงสับสน
แต่ผมไม่สนใจมัน..
ดวงตาสีจางคู่นั้นก้มลงมองผม เขาถอยเท้าโค้งให้เพียงเล็กน้อยแล้วหมุนตัวเดินกลับไปพร้อมแข้งขาโซเซ..ข้อเท้าเขาคงจะแพลงหรือไม่ก็โดนใครสักคนทุบอย่างแรงที่หน้าขา ส่วนมือขวาที่เอาแต่สอดใต้เสื้อโค้ทคงพยายามห้ามเลือดที่สีข้างของตัวเองอย่างสุดกำลัง..
..เขาไม่พูดอะไร..
แม้แต่จะอ้อนวอนให้ผม 'อภัย' ให้..ขู่คำรามใส่ผม..งัดปืนออกมายิงเปรี้ยงปร้าง..
สภาพเขาน่าสมเพชเกินกว่าที่ผมจะรู้สึกสงสาร...
…แต่น้ำตาที่ไหลออกมานี่คือความเจ็บใจในชะตากรรมของตัวเอง...
"เดียร์.."
"ผม..!!!!"
ผมโพล่งออกไปอย่างสุดจะทน พร้อมยกหลังมือทั้งสองข้างถูเช็ดน้ำตาจนเจ็บแก้ม
"…ไม่มีวันให้อภัย..!!!!"
ตะโกนออกไปตรงหน้า..สู่นอกระเบียงที่ไม่มีใครยืน..
โดยที่ผมไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าผมตะโกนออกไปเพราะอะไร.....
..รู้ทั้งรู้ว่าคนที่กำลังยืนรอลิฟท์อยู่ตรงนั้นต้องได้ยินเต็มสองรูหู..
"ไม่มีวันให้อภัยคนแบบนั้น!!!! ไม่มีวัน!!!…..ต่อให้......!!!!!"
"เดียร์! มึงเป็นไรเนี่ย!"
ผมปิดตา ไม่ฟังเสียงไอ้บูมที่กำลังพยายามจับข้อมือผมที่เอาแต่ปาดน้ำตาตัวเอง
"ต่อให้เอาชีวิตมาแลกก็ไม่มีทาง!!!!"
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
…สิ่งที่แย่กว่าความโกรธ..คือความเกลียดอย่างสุดขั้วหัวใจ...
วันรุ่งขึ้นประกาศพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ขึ้นเด่นหรา..ถึงการฆ่าตัวตายของบุรุษปริศนาที่ผมกับไอ้บูมพบเมื่อคืน..พร้อมหลักฐานการทำความผิดทางกฏหมายแทบทุกชนิดตั้งแต่การค้ายา ค้าประเวณี ขนสินค้าหนีภาษี ยันฆาตรกร...
ไอ้บูมใจหายพอสมควร มันคงกำลังสับสนอยู่.....แต่น่าแปลก..ที่ผมกลับรู้สึกเฉยๆ..
..ผมรู้ว่าเขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งค์นั่น..และก็คุณอา..
..ในตอนสายพี่ปีใหม่ก็โทรเข้ามาหา บอกผมว่าหลายๆเรื่องคงไม่เป็นไรแล้ว ส่วนพี่ดาวเสาร์ก็จะส่งเครื่องบรรณาการเป็นเก้าอี้นุ่มเอามานั่งนอกระเบียงอ่านหนังสือให้..และผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ใครคนไหนฟัง...ซ้ำยังกำชับไอ้บูม(จอมปากมาก)ไว้อีกเกือบสิบรอบว่าอย่าบอกใคร...
..ตอนบ่ายไอ้ไวน์ไอ้เอ็กซ์ก็เดินทางมาถือหอด้วยความเริงร่าเกินคาด...
แต่มันก็ต้องวางก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นเจ้าดังไว้บนโต๊ะครัวด้วยความเงียบ แล้วนั่งดูหนังกันนิ่งๆ..
…เพราะผมเอาแต่นอนจมกองหนังสืออยู่บนเตียง...ขีดๆเขียนๆข้อความแลคเชอร์...ท่องจำศัพท์นานาชนิด...และทำแบบฝึกหัดทั้งข้าวไม่ได้แตะสักมื้อ...
…ผมจะอ่านหนังสือทำไม...
…..แต่มันก็คงดีกว่านั่งอยู่เฉยๆเพื่อคิดฟุ้งซ่านเรื่องไม่เป็นเรื่อง..หรือยกอะไรๆออกมาโทษตัวเองทั้งที่อีกใจกลับห้ามไว้ให้นึกสมน้ำหน้า...
..สมน้ำหน้าในทั้งผม..และก็คนๆนั้น...
"เดียร์.."
ไวน์เรียกผมเสียงอ่อน
"..ใจคอมึงจะเอาแต่อ่านหนังสือจริงๆหรอวะ? มึงเป็นอะไรกันแน่เนี่ย? ข้าวปลาไม่ยอมกินมาสองวันแล้วนะ!"
"..กูกินแล้ว.."
"ซื้ออะไรมาก็กินยังกับแมวดม! ปกติมึงไม่ใช่แบบนี้ไม่ใช่รึไง?" เอ็กซ์เถียงต่อ แล้วลงมานอนเท้าคางบนเตียงกับผม "เรื่องกินทิ้งกินขว้างนี่มึงชอบดุกูตลอดไม่ใช่รึไง? มาทำเองแบบนี้มันไม่สวยนะว้อย!!"
ไม่ว่าเปล่า ชี้นิ้วไปที่ก๋วยเตี๋ยวหลอดที่นอนแผ่น่ากินอยู่บนโต๊ะ ที่พวกมันลงทุนไปซื้อกันมาถึงตลาดเพื่อเอาใจผม..
ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นไปตักมันกิน2-3คำ แล้วหยิบฝาชีเล็กมาครอบปิดไว้พอเป็นพิธี ก่อนจะกลับลงมานั่งตามเดิม
…และเสียงพวกมันถอนหายใจก็หนักกว่า...
"..ทำแบบนี้แล้วสีครามจะว่าไงละ? นี่คิดถึงมันจนกินไม่ได้นอนไม่หลับรึไง?"
ผมส่ายหน้าเนือยๆ ใจอยากจะตะโกนเถียงออกไปว่า 'ไม่ใช่!' แต่แม่งไม่มีอารมณ์..
…ได้ยินเสียงพวกมันถอนหายใจออกมาอีกรอบ...
"แล้วนี่สีครามกลับวันไหน?"
"วันมะรืนมั้ง.."
"ติดต่อกลับมามั่งป่ะ?"
ผมลดหนังสือในมือลง ..เออจริงว่ะ..กูปิดมือถือตั้งแต่คืนนั้นนี่หว่า..
เมื่อคิดได้ดังนั้นเลยลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังมือถือสีแดงสดที่นอนพับอยู่ข้างโคมไฟ พอเปิดดูเจอหน้าจอมืดๆก็นึกอยากสบถตัวเอง แบบนี้สีครามโทรมาไม่โกรธตายก็ให้มันรู้ไป..เพราะเอ็กซ์กับไวน์มาค้างที่หอเลยไม่ค่อยเหงาน่ะสิเลยไม่กังวล..
นิ้วโป้งผมแช่ค้างอยู่ที่ปุ่มเปิดเครื่อง..ไม่นานไฟก็ติดวาบพร้อมเสียงเปิดพร้อม..
"มึงลืมเปิดมือถือเรอะ!?" ไอ้เอ็กซ์เริ่มโวยวาย
"มิน่า..กูโทรหาเลยไม่ติด แสรดดดด"
"นี่ก็เปิดอยู่นี่ไง..."
"สีครามเลยไม่โทรมาใช่ป่ะ?"
"………ไม่ยู้..."
ผมว่าเสียงอู้อี้แล้วเดินถอยกลับมานั่งบนเตียง วางโทรศัพท์เจ้ากรรมไว้ข้างๆกองหนังสือ..โดยรู้เลยว่าพวกมันมองผมตาไม่กระพริบ..
"….กูเป็นสีคราม..กูเสียใจตาย..." เอ็กซ์ว่า
"ผิดแล้ว ถ้ามึงเป็นสีคราม..มึงคงปรี่กลับมาตั้งแต่ที่โทรไม่ติดในสายแรกแล้วล่ะ...กลับมาเพื่อตบไอ้เดียร์นะ ไม่ใช่มาง้อ..."
"สัสไวน์..น้อยๆหน่อยเหอะ..เดี๋ยวปั๊ด!"
"รึกูพูดไม่จริง?"
"ห่าน! มานี่เลยมา!"
สิ้นคำร่างไอ้เอ็กซ์ก็กระโจนข้ามตัวผมไปตะครุบไอ้ไวน์..เป็นที่แน่นอนว่าไวน์มันรู้ทันกระโดดไปหน้าประตู แล้วหันมาแลบลิ้นตบตูดป้าบๆก่อนจะพาลวิ่งหนีออกไปข้างนอก
เสียงเอะอะโวยวายคงจะดังลั่นตึกหอ โชคดีที่ปิดเทอมไม่ค่อยมีคนอยู่นะ..ไม่งั้นโดนด่าตาย...
ผมถอนหายใจกับการกระทำเด็กๆของพวกมัน จะขำก็ขำแหละ..แต่มันก็ซนไปหน่อยละนะ..ถ้าเทียบกับสีครามแล้วโดนด่าแค่นั้นคงแค่สะกิดเข็มจิ้มๆ แล้วก็มาเง้างอดง้ออยู่ข้างๆ.......
'..เธอ..ขอให้เธอจำเอาไว้...จากนี้ทุกลมหายใจ..'
นั่น..ไม่ทันขาดคำ..โทรเข้าพอดีเด๊ะ..
ปิ๊บ
"ฮัลโหล"
((ครับ กานดา..2-3วันมานี่โทรหาไม่ติดเลยนะ ลืมชาร์จแบตหรอ?))
"อือ ก็..ประมาณนั้นแหละ" ผมเส "เป็นไงมั่งอ่ะ?"
((ไม่เป็นไรมากจ้ะ ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดการ...อยากกลับไปหาที่รักใจจะขาดอยู่แล้วเนี่ย!))
"ปากหมา!"
((..ฮะๆ ปกติเค้าต้องบอกว่า 'ปากหวาน!' ไม่ใช่หรอ?))
"แล้วมันหมามั้ยล่ะ...ไอ้บ้าเอ้ย"
((อืมม~ งั้นตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ?))
"อ่านหนังสือ..เอ็กซ์กับไวน์เพิ่งเล่นวิ่งไล่จับออกไปนอกห้อง ตอนนี้อยู่คนเดียว"
((อ่าฮะ แล้ว….เหงารึเปล่า?))
..นั่นคือคำถามหยอด..และออดอ้อนให้ผมตอบกระมัง..
"ไม่"
..ชัดเจนพอมั้ยละ? ฮ่าๆ
((งั้นหรอ? แต่ผมน่ะ...เหงาเป็นบ้า...อยากกอดจนแทบบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย))
..แล้วไหงกลายเป็นผมที่หน้าแดงละเนี่ย..
"ไม่รู้! ก็ไม่อยากกลับมาเองไม่ใช่รึไง?"
((ใครว่าไม่อยากกลับล่ะครับ อย่าพูดอย่างนั้นสิคนดี...รู้มั้ยว่าทำแบบนี้มันน่ารักมากๆเลยนะ))
"ไอ้…!!! ฮ่วย!" ผมสบถออกมาอย่างขัดใจ ใครแม่งไปล้างสมองไอ้บ้านี่ให้ทำตัวแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย!
เราพูดกันต่ออีกไม่กี่ประโยคหรอกครับ เพราะเขาเข้าใจว่าผมไม่ชอบคุยโทรศัพท์นานๆ..อีกทั้งยังเสียค่าโทรข้ามประเทศด้วยนะ..มันเปลือง..โทรมาสั้นๆแต่เป็นประจำก็พอแล้ว..เอาแค่พอให้หาย...เอิ่ม...คิดถึง...ไปวันๆ...
….และผมก็ไม่ได้บอกสีครามเรื่องที่เกิดขึ้น...
ผู้ชายที่มาขอโทษผมก่อนที่เขาจะตาย..
หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ผมต้องไปเรียนต่อเมืองนอก..
……
…ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว...
ทำไมผมต้องไปเรียนต่อด้วยล่ะ?
ผมวางหนังสือในมือลงบนตัก แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องไปที่กำแพงว่างเปล่าประหนึ่งเพิ่งนึกขึ้นได้
"สีคราม!!"
((เอ๊ะ..ครับ?))
"…เออะ..เปล่า ช่างมันเหอะ"
…แล้วผมจะบอกให้มันรู้ทำไมล่ะเนี่ย...
((กานดา? เป็นอะไรรึเปล่า? ดูแปลกๆนะ...))
"ป-เปล่านี่..."
((..โกหกอีกละ))
"ม-ไม่มีอะไรสักหน่อย!"
..ผมไม่ได้โกหกนะ ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่! ก็เรื่องที่ผมต้องไปน่ะผมยังไม่ได้บอก..แล้วผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปอะไรอีกแล้ว..จะบอกว่า 'กูจะไปเรียนเมืองนอก แต่คิดอีกทีกูไม่ไปแล้ว' มันก็กระไรอยู่ใช่มั้ยล่ะ?
ผมรู้ตัวว่ากลบเกลื่อนเรื่องดังกล่าวไม่เก่งอะไรเท่าไหร่..แต่สีครามที่นิ่งไปก็ยอมรับออกมา
((โอเค ไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร..))
"…ไม่..ไม่มีอะไรจริงๆนะสีคราม ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ก็ไอ้เอ็กซ์ไอ้ไวน์ก็กลับมาแล้วด้วย..เนอะๆ ใช่มะๆ? อีกอย่าง..เดี๋ยวมึงก็กลับมาแล้วไง แล้วก็...."
((……….ร้องไห้ได้นะครับ))
"เอ๊ะ?"
ผมอึ้งกับคำอนุญาตแบบแปลกๆนั่น..ก้อนอะไรบางอย่างก็ไหลปรี๊ดขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอยจนกลืนน้ำลายลำบาก สุดท้ายก็ทำได้แค่การอ้ำๆอึ้งๆไม่อาจเอ่ยคำใดออกไปอธิบาย
และเสียงอันอ่อนโยนของเขาก็ยังคงลอดมาตามสาย
((กานดาน่ะ..จะพูดเยอะจนผิดปกติเวลาที่อยากร้องไห้..))
จริงหรอ?
ผมถามตัวเองในใจ..และไม่ได้คำตอบออกมา
((..ถ้ามีอะไร..ก็บอกได้นะ..ระบายได้......ไม่อยากให้เก็บเรื่องแบบนั้นไว้คนเดียว..))
"….กู…" ผมขึ้นไว้แค่นั้น รู้สึกได้ว่าขอบตาร้อนผ่าวเพราะคำพูดของเขา "….กูไม่รู้....ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน..."
((กานดา?))
"…สีคราม..."
ผมครางเรียกชื่อเขา พร้อมยกเข่าตัวเองขึ้นมาชัน..แล้วซบหน้าลงบนนั้น
"…อยาก…………."
((ครับ..?))
"อยากเจอที่สุด..ไม่ไหวแล้ว..อยากเจอ.......อึก..."
((..กานดา..))
"…ม-ไม่ได้หมายถึงให้รีบกลับมานะ! กลับมาตามกำหนดการน่ะแหละ! ไม่-ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น.......แต่.........แค่มันรู้สึก.....แปลกๆ.....แค่คิดว่าถ้ามึงอยู่ตรงนี้ด้วย....ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้...."
((…ที่รักครับ...ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็กลับไปแล้ว))
"อืม รู้แล้ว.." ผมว่า..ทั้งเสียงสะอื้นเต็มๆถูกกรอกเข้าไปในสาย "รู้มั้ยว่าตอนนี้กูรำคาญตัวเองเอามากๆ.....รำคาญที่....รู้สึกว่าเป็นตัวถ่วงของ 'เรา' ขนาดนี้.....ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่อง..กูก็รู้ว่ามันผิด แต่ก็ยังทำ...ยังสับสน...ยังไม่เข้าใจตัวเอง..."
((ครับๆ ผมเข้าใจ))
"มึงไม่เข้าใจหรอก!"
((เข้าใจสิ!))
"ไม่-มี-ทาง-!!"
ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ ((..จ้ะๆ ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ...พูดต่อสิ))
"ไม่! ถ้ากูพูดหมดเดี๋ยวมึงก็เกลียดกูพอดี..."
((อะไรน่ะ? จะเกลียดได้ยังไงกันละครับ? พูดมาเถอะ))
"…หรือมึงอาจจะเกลียดตัวเองที่ต้องมาทนอยู่กับคนเลวๆแบบนี้..."
((ไม่เกลียดหรอก ไม่มีทางด้วย))
"ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยนะ! โธ่!!"
ผมคราง แล้วพลิกตัวลงซุกหน้ากับหมอน ร้องไห้แบบขำๆกับสิ่งที่ตัวเองคิดไปเมื่อครู่..ผมคิดออกไปได้อย่างไร้สาระที่สุดว่าเขาจะเกลียดผม จะโกรธผม..ไอ้ที่ไร้สาระไม่ใช่เพราะเขาเกลียดนะ..แต่ไร้สาระตรงที่ว่าผมเอาเวลาอันแสนจะมีค่ายิ่งมานั่งพะวงถึงเรื่องดังกล่าวต่างหาก...
"..กูรู้ว่ามันผิด..แต่ว่า....ก็ยังไม่รู้สึกผิดเลย ตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึก...กูแปลกใจ..."
((ไม่เป็นไรหรอก..คนเราก็เป็นแบบนั้นทั้งนั้นแหละ ผมก็เคย))
"จริงอ่ะ? อย่างมึงอ่ะนะ?"
((แน่นอนสิ! แล้วที่พูดมาเนี่ยเรื่องอะไรกันแน่ครับ? อยากรู้จัง..))
"พูดแบบนั้นทำเอาไม่อยากเล่าแล้ว"
((ง่ะ! ไหงงั้นอ่าา))
"ไม่รู้ด้วยแล้ว!"
((กานดา~~))
ผมถอนหายใจกับเสียงเง้างอดแบบนั้น ทำเอานึกใบหน้าหล่อๆของมันยิ้มหวานๆทั้งที่คิ้วขมวดแบบขำๆตอนที่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดออกเลย..
"เมื่อคืนก่อน.." ผมตัดสินใจเล่า..เล่าเพื่อระบายความรู้สึกผิดของตัวเอง "มีคนมาหา"
((คน? ใครน่ะ?))
"ไม่รู้เหมือนกัน"
((อ่าว…))
"แต่เค้าท่าทางจะรู้จักกับอาเมษ รู้จักกับพ่อ..." ผมเอนหลังนอนหงายเล่นบนเตียง "…ท่าทางจะเป็นคนของแก๊งค์นั้น..."
((เอ๊ะ!?))
เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ ผมเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นช้าๆ..ออกแนวขำๆมากกว่า..ส่งเสียงหัวเราะออกไปทั้งหัวใจบีบคั้นจะเป็นจะตาย...
"..กูไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นยังไงกับแก๊งค์นั้น อยู่ในฐานะอะไร...แต่รู้สึกแค่ว่าให้อภัยไม่ได้........เลยพูดคำที่คล้ายๆกับว่า 'ตายๆไปซะ!' ออกมา....ฮะๆ...ตลกดีนะ เพราะวันต่อมาข่าวก็ขึ้นหนังสือพิมพ์หราเลยว่าเขาตายไปแล้ว....น่าขำใช่มั้ยล่ะ?"
((…………))
ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย..ผมรู้ว่าสมองฉลาดๆของมันกำลังประมวลผลคำพูดบ้าๆของผมอยู่..
"..แล้ววันนั้นพี่ดาวเสาร์ก็โทรมาหา..บอกว่าแก๊งค์นั้นถูกทำลายไปจริงๆแล้ว...หลังจากที่กูอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง น่าคิดเหมือนกัน...ว่าผู้ชายคนนั้นเกี่ยวข้องกับแก๊งค์นั่นขนาดไหน...ประโคมข่าวกันอื้อซ่าแต่เสือกจับนักการเมืองไม่ได้สักตัว...น่าขำจริงๆ ฮ่าๆ"
..แม้จะรู้ว่าเสียงหัวเราะผมแหบแห้งแค่ไหน..แต่เขาก็ยังเรียกชื่อผมด้วยเสียงนุ่มๆแบบเดิม..
ว่า… ((..กานดา..))
"แต่คิดดูนะ ถ้าหากว่าหมอนั่นเป็นคนเลวจริงๆก็สมควรอยู่ใช่มั้ยล่ะ? ทำกับอากู..ครอบครัวกู..จับกูไปบ้างอะไรบ้าง ไหนจะลาล่า..ไหนจะเพื่อนคนอื่นๆ ตามึงก็ต้องไปรักษาแพงๆถึงเมืองนอกเมืองนา...แค่ 'ตาย' น่ะยังรู้สึกว่าน้อยไปด้วยซ้ำ......."
((กานดา..))
เขาเรียกอีกครั้ง..เพื่อสงบเสียงหัวเราะบ้าๆของผม..
((..ใครจะตาย..มันก็ไม่ดีหรอกนะ..))
"กูรู้แล้วน่า!!!!!!!!!"
ผมเถียงควับ ทั้งห้วน..ตวัดเสียงขึ้น..และยังตะโกนออกไปสุดเสียง..
"กูบอกเค้าไปเองว่า 'ถึงตายก็ไม่ให้อภัย!'...บอกเค้าไปเองว่าเค้าผิด และกูโกรธ..กูแค้น!! ทุกสิ่งที่อย่างที่พวกนั้นทำ! ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกช่วงชิงไป!..."
((…เดียร์….))
"....กูเป็นคนสั่งให้หมอนั่นไปตาย!!!!!"
ผมร้องออกมาอย่างสุดจะกลั้น...
น้ำตาที่ถูกเก็บขังไว้เกือบตลอด3วันเต็มๆหลั่งทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมยอมรับว่าแต่ก่อนไม่ใช่คนที่ร้องไห้อะไรบ่อยๆขนาดนี้..แต่พักหลังๆหลายเรื่องมันตีกันจนผมปวดหัว..และรู้สึกอยากระบายมันออกมาด้วยน้ำตา......
ผมขดตัวนอนกลมอยู่บนเตียง..ปล่อยให้น้ำใสๆไหล่อาบลงตามแรงโน้มถ่วงเปื้อนผ้าปูที่นอนเปียกชื้น..ปล่อยเสียงสะอื้นที่ยากจะกลั้นลอดไปตามสายโทรศัพท์.....ที่ปลายสายเอาแต่เงียบงัน...
..และจากความเงียบนั้น...
ทำให้ผมรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไร...
ผมเลื่อนนิ้วโป้งกดปุ่มวางสายโดยไม่มีคำบอกลา แล้วยกหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นแนบริมฝีปาก..พยายามปิดสวิตซ์ต่อมน้ำตาจนไหล่สั่นสะท้าน..
"…กูไม่ได้อยากให้เค้าตาย...."
เสียงผมเบา..เบาจนเลือนลาง...
"กูไม่ได้อยากให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้..."
…สีครามจะทำยังไง...
….ถ้ารู้ว่าคนที่เขารัก.....
…….เป็นแค่ 'ไอ้ฆาตรกร' ………..
ความคิดเห็น