ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #71 : CHAPTER 70 ...

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.29K
      14
      28 ม.ค. 55







                    'กูเป็นคนสั่งให้หมอนั่นไปตาย!!!'

     

                    ..เสียงหวานที่ลอดมาตามสายโทรศัพท์นั้นสั่นเครือ..แต่หนักแน่นมากพอที่จะทำให้ผมรู้ว่าเขากำลัง 'โทษตัวเอง'...

                    ที่ผมเงียบไม่ใช่เพราะผมโกรธหรือเกลียดเขา...

                    ผมเงียบ..

                    ..เพราะไม่รู้ว่าจะยกคำพูดสวยหรูอันไหนมาปลอบใจเขา..ปลอบหัวใจดวงน้อยๆของเขาที่ตอนนี้บอบช้ำเสียเกินทน...

     

                    …..ถ้าผมทำได้.....

                    ..ผมอยากจะบินลัดฟ้าข้ามไปดึงร่างบางๆนั่นเข้ามากอด  หรือไม่ก็ลอดตัวเองผ่านสัญญาณดาวเทียมเพื่อเช็ดน้ำตาให้เขา..

     

     

                    ..มันไม่ใช่ความผิดเขาเลย..

     

     

                    ..ปิ๊บ..

     

                    ก่อนที่ผมจะได้ทันเอ่ยอะไรออกไป  เสียงกดวางจากปลายสายก็ดังกระแทกหู

                    ผมนิ่งเพื่อตั้งสติกับเสียง 'ตรู๊ดดด ตรู๊ดดดด' นั่นได้ไม่นาน..ก่อนจะลองโทรกลับเข้าเบอร์ของเขาอีกสักครั้ง..

     

                    'หมายเลขที่ท่านเรียก  ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...'

     

                    ………

     

                    ผมอยาก 'กอด' เขา…..

     

     

     

                    ……………เดี๋ยวนี้เลย!!!

     

     

                    "..หืม?  จะไปไหนน่ะลูก?"

                    คุณยายเปิดประตูเข้าห้องผมหลังจากเสียงเคาะได้ไม่นาน  ผมหันไปฉีกยิ้มบางให้ท่าน..แล้วอธิบาย

                    "มีเรื่องด่วนน่ะครับ..จะซื้อตั๋วกลับคืนนี้"

                    "เอ๋ตายจริง  หลานคนนี้นี่..มาอยู่ได้ไม่นานจะกลับอีกแล้ว.." ท่านเปรยขึ้นนิดหน่อย  แล้วเดินกระท่อนกระแท่นไปแพคยาเม็ดใส่ถุงผ้าอย่างดีแล้วยื่นมาให้ผม

                    "..มาครั้งหน้าผมจะมานานกว่านี้แน่ฮะ  ผมสัญญา"

                    "จ้ะๆ  พ่อหนุ่มปากหวาน...เป็นเสียอย่างนี้สาวติดตรึมเลยล่ะสิ~"

                    ยายหัวเราะเมื่อผมสวมกอดท่านแน่นๆทีหนึ่ง  แล้วหันกลับมาจัดกระเป๋าต่อ

                    "งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ"

                    "จ้ะ  แล้วนี่ไม่รอพ่อกับแม่เค้ากลับมาก่อนหน่อยหรอ?"

                    "อ่อ…คง…ไม่ทันล่ะครับ  เดี๋ยวผมค่อยโทรบอกท่านอีกที"

                    ไม่ว่าเปล่าสะพายกระเป๋าขึ้นบ่า  หันไปบรรจงไหว้บนอกคุณยายครั้งหนึ่ง  เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับกับความเอ็นดูที่ท่านส่งต่อมาให้

                    "เดินทางดีๆนะลูก"

                    คำอวยพร  ที่ผมได้แต่โบกมือรับตอนที่วิ่งออกจากตัวบ้าน

     

                    ครอบครัวทางฝ่ายแม่ของผมมาตั้งรกรากกันที่เบอร์มิงแฮมหลังจากแม่แต่งงานกับพ่อได้ไม่นาน  แต่โดยสัญชาติแล้วตระกูลเราเป็นคนไทยแท้ครับ..ผมน่ะต้องรักษาตาที่พอร์ทแลนด์  มันก็ห่างๆกันอยู่ล่ะ  ขับรถไปหลายชั่วโมงอยู่..แต่ก็ยังดีกว่าเสียค่าโรงแรมล่ะนะ..

                    ผมดันตัวเองขึ้นแท็กซี่เรียกตรงสู่airportโดยแทบไม่กลัวค่ามิเตอร์  ไม่มีสนามบินเป็นของตัวเองมันก็แบบนี้ละครับ..

                    มานั่งคำนวณเวลาดูแล้ว..ตอนนี้มันก็เพิ่งจะสามทุ่มของที่โน่น..ถึงอย่างเร็วที่สุดก็คงเที่ยง  หวังว่าเขาคงหลับฝันดีแล้วค่อยตื่นตอนผมไปถึงนะ.....

     

                    '….Last X'mas, i gave you my heart…..'

     

                    ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู  หน้าจอโชว์เบอร์นอกหรา...ถ้าจำไม่ผิดเนี่ยเป็นของไวน์กระมัง....

     

                    "ฮัลโหล  ว่าไง?"

                    ((สีครามมม!! มึงอยู่ไหนเนี่ย!!))

                    "..หืม? ก็…อยู่บนแท๊กซี่  เดี๋ยวจะกลับแล้ว  คงถึงเช้าพวกมึงอ่ะ"

                    ((เออ! กูจะบอกมึงว่าตอนนี้เดียร์มันปวดหัวหนักมาก! ร้องไห้แล้วก็โวยวายจนพวกกูเกือบเอาไม่อยู่เลย!))

                    "..!! แล้วกานดาเป็นอะไรมากมั้ย!?!?"

                    ((ไม่เป็นไรแล้ว  จับกรอกยาแก้ปวด..แล้วให้นอนไปเมื่อกี้......จะฟ้องด้วยว่าแม่งกินน้อยมาหลายวันละ  ถ้าพ่วงโรคกระเพาะไปด้วยเนี่ยกูไม่แปลกใจเลยนะ...เวลาโทรมาก็สั่งสอนมันดีๆหน่อย....หืม?  แปปนะมึง  ไอ้บูมจะพูดด้วย))

                    "อะ..อืม"

                    ผมนิ่งฟัง  รถแท๊กซี่จอดติดไฟแดงอยู่ครู่หนึ่งตอนที่ผมได้ยินเสียงก่อกแก่กตามสาย..ก่อนเสียงบูมจะดังตามมา

                    ((..ฮัลโหล? สีครามแม่นบ่?))

                    "อืม  กูเอง"

                    ((….เดียร์เล่าให้มึงฟังรึยังเรื่อง 'ผู้ชายคนนั้น'))

                    ผมเลิกคิ้ว "มึงรู้?"

                    ((เอิ่ม..พอดีตอนนั้นกูอยู่ในเหตุการณ์น่ะ...แหะๆ  สรุปแม่งเล่าแล้วใช่ป่ะ?))

                    "..ใช่.." ผมตอบเสียงเบา "….กานดาโทษตัวเองอีกแล้ว"

                    ((..อื้ม..ก็ตามนิสัยมันอ่ะนะ)) มันว่าเหมือนพยายามทำให้เป็นเรื่องตลก  ((มึงรีบกลับมาเร็วๆล่ะกัน))

                    "เออ  กำลังรีบอยู่..."

                    ((แล้วก็คือ...ข่าวดีสุดๆสำหรับมึง!))

                    "หืม?"

     

                    ((…สิ่งที่แม่งกังวลที่สุดไม่ใช่เรื่องโทษตัวเอง  แต่เป็นเรื่องที่กลัวมึงจะมองมันไม่ดี  แล้วก็พาลเกลียดมันต่างหาก...))

     

                    ผมอึ้งกับคำพูดนั้น..

                    ก่อนจะลอบยิ้มออกมา..ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอะไร..

     

                    "…จะเกลียดได้ยังไง...เพราะทำตัวแบบนี้น่ะสิถึงได้รักขนาดนี้..."

                    ((…..คือ…..กูไม่ใช่ไอ้เดียร์  ไม่ต้องมาเลี่ยนใส่กูนะ  ขนลุก..บรื๋ออออ))

                    "ฮ่าๆ"

                    ((แม่งกังวลเรื่องไม่เข้าเรื่องเนอะ....แต่กูรู้สึกเหมือนมันยังปิดบางเรื่องกับกูอยู่ว่ะ......เลยเซ็งนิดหน่อย))

                    "เรื่องไหนหรอ?"

                    ((อ่าวเวร  มึงไม่รู้หรอกเรอะ?))

                    "…เรื่องไหนล่ะวะ?"

                    ((กูจะไปรู้มั้ยละไอ้ห่า..บอกอยู่แหม่บๆว่าไม่รู้ กร๊ากกกกกก))

                    ((เชรี้ย! เปลืองค่าโทรกู!)) เสียงไวน์ลอดออกมาเบาๆ

                    ((เออ รู้แล้วจ้ะ...งั้นแค่นี้ก่อนนะว้อยสีคราม  อย่าลืมของฝากด้วยล่ะ บาย..))

                    "อืมๆ  บายๆ"

     

                    ปิ๊บ..

     

                    …'บางเรื่อง' งั้นหรอ...?

                    ผมเม้มริมฝีปาก  เหลือบตามองไปตามท้องถนนด้านข้าง

     

     

     

                    ..ไม่เป็นไร..

                    ….ถ้าเป็นกานดา...พอถึงเวลาต้องบอกแน่นอน...

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    ผมใช้เวลาบนเครื่องเกือบทั้งหมดไปกับการนอนพักผ่อน  และตื่นขึ้นมาก่อนเครื่องจะลงได้ไม่นาน

                    สาวเท้าออกจากตัวตึกสุวรรณภูมิ  โบกแท๊กซี่หยอยๆอีกรอบเพื่อตรงสู่หออย่างรวดเร็ว

     

                    นาฬิกาบอกเวลาเกือบๆเที่ยง..

     

                    ผมแทบจะกระโจนออกจากรถแท๊กซี่ทั้งยังไม่ได้รับเงินทอน  ก่อนจะพยักหน้าให้ลุงยามนิดหน่อยพอเป็นพิธีแล้วกระโจนพรวดเข้าคานูปปี้..กดลิฟท์..และรอ..

                    ไม่นานเกินชั่วอึดใจก็ระเหินมาถึงหน้าห้องอันแสนคุ้นเคย

     

                    ก๊อกๆ

     

                    ผมเคาะประตู  แล้วหมุนลูกบิดเพื่อเปิดเข้าไปเจอกับใบหน้าเหรอหราของไอ้เอ็กซ์กับไอ้ไวน์ที่หันมามองพอดี

                    "กลับมาแล้วหรอวะแสรด  มันยังไม่หายปวดหัว..กูเพิ่งให้แดกยาแล้วหลับไปตะกี้เลย"

                    ไวน์ทักด้วยน้ำคำไพเราะสุดๆ  ผมยิ้มแล้วพยักหน้าให้มัน

                    ถอดรองเท้า  โยนกระเป๋าไว้ชิดกำแพงด้านหนึ่ง  สาวเท้าเร็วๆเพื่อมาให้ถึงเตียงคู่ที่ยังวางเกะกะไม่เข้าช่องใดสักทีเพราะไม่มีที่นั่น

     

                    ร่างเล็กๆนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มสีครีมอ่อน  ดวงหน้าที่เคยขาวบัดนี้แดงระเรื่อพร้อมขอบตาบวมช้ำ..พอจะรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายร้องไห้หนักมากขนาดไหน..

                    เพียงลมหายใจที่ผ่อนอย่างสม่ำเสมอนั่นก็พอให้ผมอุ่นใจ..

     

                    ผมยกมือเกลี่ยนเส้นผมสีอ่อนที่ปรกข้างแก้มให้เขา  แล้วโน้มหน้าบรรจงจุมพิตบนหน้าผากมนเบาๆเป็นเชิงบอกว่าเขารู้ว่าผม 'กลับมาแล้ว'

     

                    "แล้วนี่ทานไรกันยัง?"

                    ผมหันมาถอดเสื้อโค้ทแขวนไว้ที่ราว  ได้ยินเสียงเอ็กซ์ตอบชัดถ้อยชัดคำ

                    "ยัง! ก็รอคุณชายเสด็จกลับมาเลี้ยงข้าวพวกกูเนี่ยแหละ!!"

                    "ฮะๆ  แล้วไอ้บูมล่ะ?"

                    "เพิ่งขึ้นห้องไปอาบน้ำเมื่อกี้...เดี๋ยวค่อยชวนไอ้เท่าฟ้าไปแดก......มึงจะอยู่ดูเดียร์ใช่ป่ะ?"

                    ผมพยักหน้า..มีแอบอมยิ้มนิดๆให้พวกมันผิวปากแซวกันนิดหน่อย

                    "งั้นกินไรป่ะ  เดี๋ยวพวกกูซื้อมาฝาก"

                    "..อืม..แล้วแต่  ซื้อไรมาทานหมดล่ะ" ผมว่า "เอาแบบที่กานดาทานได้ด้วยนะ"

                    "จ้ะๆ  พ่อคุณทูนหัว  กูละหมั่นไส้จริง!"

                    บทสนทนาดำเนินต่อไปอีกเพียงไม่กี่ประโยค  บูมกับเท่าฟ้าก็ลงมาชวนพวกมันไปทานข้าวข้างนอกกัน  ผมเลยได้ทักทายกันนิดหน่อย..ก่อนที่พวกเขาทั้งหลายจะปล่อยให้ผมอยู่กับคนรักแค่สองคน..

     

                    เสียงปิดประตูดังขึ้นแล้ว..

     

                    ผมเดินอ้อมกลับมาจัดของฝากใส่ตู้เย็น  และจัดเสื้อผ้าเก็บเข้าตู้เหมือนเดิม  ทั้งห้องไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงฝีเท้าผมกับเสียงแอร์ที่ดังหึ่งๆ  อากาศเดือนตุลาคมไม่ได้ร้อนอะไรมากมายนัก(ติดจะเย็นด้วยซ้ำ) แต่ถ้ามีคนไม่สบายอยู่ก็ควรจะทำให้อุณหภูมิคงที่ซะก่อน..

                    เขาคงจะเครียด...และร้องไห้หนักมากแน่ๆ...

                    หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย  ผมก็เดินกลับไปนั่งบนเตียงให้เงียบและเบาที่สุด  สอดมือเข้าไปประคองอุ้งมือน้อยๆของเขาขึ้นมา...ข้อมือดูจะบางกว่าที่ผมเคยเห็น..น้ำหนักเขาลดเพราะไม่ยอมทานอะไรสินะ..

                    ผมจูบบนหลังมือเขาแนบแน่นสักที  แล้วค่อยๆวางมันลงกลางอกเขา...

     

                    "…สี….คราม…"

     

                    ทันใดนั้นเอง..แพขนตาชื้นก็ปรือขึ้นตอนที่ผมไม่ทันตั้งตัว

                    "..-ขอโทษครับ  ทำให้ตื่น..............หรอ......................"

                    ประโยคสุดท้ายกับเสียงขาดๆหายๆเพราะเรือนร่างโปร่งบางนั่นลุกขึ้นมาโอบคอผม  พร้อมซุกศีรษะเข้ากับซอกคอทันทีโดยไม่ให้ทันได้เตรียมใจ..

                    การกระทำที่ทำให้ผมรู้เลยว่า..เขาแค่ละเมอไม่ได้สติ..!!

                    "กานดา?"

                    ผมเรียกชื่อเขา  พร้อมแตะหลังเปราะนั่นยกขึ้นมากอดแน่น

                    "………….อย่า……………."

                    "..ครับ?"

                    "………..อึก……………"

                    เสียงหวานพูดอู้อี้จนผมฟังไม่รู้เรื่อง  ก่อนศีรษะกลมๆนั่นจะส่ายไปมาแรงๆจนผมต้องกดมันไว้

                    "ปวดหัวรึเปล่าครับ?"

                    เขาส่ายหน้า  แล้วใช้สองมือตะกายหลังผม..หวังจะกอดให้แน่นกว่าเดิม

                    ผมจึงสนองตอบเขาด้วยการดึงตัวเขาขึ้นมานั่งตัก..ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเองสักพัก (ผมยอมรับว่าผมก็มีส่วนได้กำไรอยู่บ้างละ...เยอะด้วย...)  ถ้าเป็นกานดาในรูปแบบปกติคงไม่มีทางขึ้นมาอ้อนเหมือนลูกแมวแบบนี้แน่ๆ..

                    "ตัวร้อนรึเปล่า  ไหนดูสิ.."

                    ยกหลังมือแตะบนหน้าผากเกลี้ยง  พบว่าอุณหภูมิไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่นักก็วางใจ

                    "…อึก…"

                    "หืม?  ไม่เอาแล้วคนดีไม่ร้องแล้วนะ  ผมอยู่ตรงนี้แล้วไง"

                    "……อย่าปล่อยนะ"

                    "อืม…ไม่ปล่อยหรอก  นอนพักหน่อยนะครับ"

                    "……อย่าปล่อย......."

                    "…ไม่ปล่อยจ้ะ ไม่ปล่อย  นอนทั้งอย่างนี้แหละเนอะ"

                    ผมว่า  แล้วเอนหลังเข้ากับตัวเตียง  พิงทับหมอนใบโตอีกทีหนึ่ง

                    "….อืม…." อีกฝ่ายหมุนตัวเองเพื่อซบบนไหล่ผม  ส่วนมือก็เลื่อนมาทำแค่กอดเอวผมเอาไว้หลวมๆ

                    ….น่ารักซะจนอดที่จะก้มลงไปจูบปากไม่ได้.....

                    กานดาไม่ได้ดันตัวออกหรืออะไร  ปล่อยให้ผมจูบเบาๆ..แถมยังยื่นหน้าเข้าหาตอนที่จะละออกมาอีก.....น่ารักๆ....

                    ผมปิดท้ายด้วยการจูบบนไรผมชื้นเหงื่อนั่นแทน  แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขาจนมิดไหล่

     

                    "….สีคราม...."

                    "ครับ?"

                    "….ถึงจะรำคาญ..ก็ห้ามปล่อยนะ...."

                    "หืม?  ใครจะกล้ารำคาญคนน่ารักแบบนี้ได้ละครับ?"

                    "….ไม่ยู้.." เขาว่าอู้อี้  แล้วหลับตาลง "….ห้ามโกรธด้วย..."

                    "จ้ะ  ไม่มีทางโกรธเลยล่ะจ้ะ"

                    "…..ถึงจะโกรธ..ก็ห้ามปล่อย...."

                    "ครับๆ"

     

                    "……ห้ามปล่อยจนกว่าจะอนุญาต....."

     

                    ..เอ๊ะ..มันชักจะยังไงละเนี่ย.. "ครับผม  ต่อให้สั่ง..ก็ไม่ปล่อยหรอก"

     

     

                    อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรต่อจากนั้น..

                    ผมดีใจที่เห็นเขาหลับลงไปอีกรอบ  อย่างน้อยก็อยากให้ร่างที่ต้องแบกรับอะไรเกินตัวแบบนี้ได้พักผ่อนบ้างอะไรบ้าง..อย่างน้อยก็แค่ตอนที่อยู่กับผม..

                    ….อยากให้เขาพึ่งพิงมากกว่านี้...

                    มากกว่านี้.....

     

     

     

                    ถ้าเขาไว้ใจผมมากกว่านี้....

     

                    ……คงจะบอกเรื่องที่เขาปิดบังผมออกมากระมัง.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×