ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #41 : CHAPTER 40 ทะเลาะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.22K
      23
      1 ธ.ค. 54

    CHAPTER 40

     

    ทะเลาะ

     

     

     

     

     

     

                    ผมเคยสงสัยมาหลายครั้งหลายหนถึงความสำคัญของการมีอยู่ของรักร้าย

                    รักร้าย’ คือการรวมกลุ่มกันของผู้ชายที่ ‘น่ากรี๊ด’ ที่สุดในแต่ละสายชั้น  รูปร่างหน้าตา บุคลิก อุปนิสัย ฯลฯ เป็นที่ถูกตาต้องใจของสาวๆ  ทำให้เด็กสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นแห่กันมาเข้าที่นี่  และหนุ่มรูปงามที่อยากลองวัดเกรดของตัวเองก็แห่แหนกันเข้ามาเช่นกัน

     

                    จนกลายเป็น ‘ตำนาน’ ..กลายเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคแรกๆที่เปิดโรงเรียนแห่งนี้

     

                    ปัจจุบันเกษรวิทยาเป็นโรงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาทั้งตอนต้นและตอนปลาย  มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งวิชาการ  ความสามารถทางดนตรีและกีฬา  อัตราการแข่งขันสูงในการสอบเข้า  ไม่รวยมาก ก็ต้องเก่งมาก ไม่ก็หัวดีมากเท่านั้น

     

                    ตัวผมเองก็เข้ามาด้วยเรื่องที่ว่ามันเป็นโรงเรียนที่ได้รับการยืนยันระดับโลกล่ะครับ (เว่อร์ไป..แค่เอเชียเองอ่ะ)

     

                    ผมอยากมีอนาคตที่ดีจึงเข้าที่นี่..

     

     

                    ประเดี๋ยวก่อน.. ผมว่าผมชักจะนอกเรื่องไปไกลละ…

     

                    เพราะว่าไอ้บูมกับเท่าฟ้ามันอยู่หอเดียวกับผม เลยกลายเป็นเพื่อนสนิทผมตั้งแต่ม.1  มันสองตัวได้เป็นรักร้ายในรุ่นแรก  ตอนนั้นก็มีไอ้กลอนที่ทำวงกับไอ้บูมด้วย  .2เข้าใหม่ก็เจอไอ้โย  พอขึ้นม.4  ก็มีไอ้เอ็กซ์ไอ้ไวน์เข้ามาแจมอีก  พอม.5ก็เจอสีคราม  พี่สิญจน์ น้องน้ำมนต์  พี่ดาวเสาร์ และอีกมากมาย..

     

                    กลายเป็นวัฏจักรชีวิตของผมวนเวียนอยู่แต่กับหนุ่มหล่อหน้าตาดีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้..

                    (ช่างเป็นวัฏจักรที่น่าอิจฉาซะเหลือเกิ้นนนนนน)

     

     

                    เพราะผมใกล้ชิดพวกแม่งตลอดเวลาเลยไม่ทันรับรู้ได้ว่า  นักเรียนโรงเรียนเราเหมือนจะธรรมดา..แต่พอมองอีกทีก็หาความเป็นคนปกติไม่เจอ..

     

                    คนนึงเป็นดารา

                    คนนึงเป็นนักร้อง

                    คนนึงเป็นเจ้าชาย

                    คนนึงเป็นซูเปอร์แมน

                    คนนึงเป็นแฮคเกอร์

                    คนนึงเป็นเจ้าแม่มาเฟีย

                    คนนึงเป็นลำยอง

                    คนนึงเป็นลูกนายกฯ

                    คนนึงเป็นผู้เสพย์ติดความงาม

     

                    และอีกมากมาย..

     

     

     

     

                    ให้ตาย…………………

     

     

                    ….คนปกติมันหายหัวไปจากเกษรวิทยาหมดแล้วรึไงฟะ!!

     

     

     

     

     

                    ผมนั่งอยู่บนรถลีมูซีนคันหรูของเจ้าแม่มาเฟียที่ว่า  หล่อนกำลังนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอยู่ฝั่งตรงข้ามผมแบบไม่ยี่หระอันใดทั้งสิ้น สตินิ่งแบบไม่น่าเชื่อว่ายังอยู่แค่ม.3  ผมหันไปมองไอ้เท่าฟ้า  มันก็กำลังเป็นแบบผมเนี่ยแหละ  แต่คงเก็บอารมณ์ได้ดีกว่า

     

     

                    ย้อนความไปเมื่อ10นาทีที่แล้ว..

     

                    บูมคุยกับลูกหนูด้วยคำพูดอะไรก็ไม่รู้ที่ผมไม่ได้ยิน  หล่อนก็พยักหน้าหงึกหงักพูดตอบแบบที่ผมไม่ได้ยินเช่นกัน (แล้วมึงจะอธิบายเพรื่อ?)  แล้วฝ่ายชายก็หันมาสั่งผมกับเท่าฟ้าให้เก็บของให้เร็วที่สุด  ผมไม่มีอะไรมากแค่กระเป๋าเรียนใบเดียว..

                    ..แล้วก็มานั่งตัวแข็งทื่อบนรถอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ..

     

                    เดี๋ยวฉันจะเอาพวกนายไปส่งบ้านดาวเสาร์”

                    นั่น..คำอธิบายเรียบๆง่ายๆไม่ได้ทำให้ผมรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติมขึ้นสักนิด  จะว่าไปไอ้การพูดแบบนี้แม่งคุ้นๆเว้ย….ลอกพี่ปีใหม่มาเลยรึเปล่า….

                    ไม่นานการเดินทางที่ผ่านไปชั่วอึดใจก็สิ้นสุดลง  รถลีมูซีนสีดำคันหรูแล่นเทียบกับฟุตบาทโดยมีบุรุษชุดสูทคนนึงเปิดประตูให้เสร็จสรรพ  ผม บูม และเท่าฟ้าพยักหน้างกๆเงิ่นๆลงจากรถ

     

                    บูม!”

     

                    เสียงคุณลูกหนูเรียกออกมาก่อน  เจ้าตัวหันไปหาทำหน้าฉงน

     

                    “……..ถ้าเป็นอะไรไป..ฉันฆ่านายแน่!”

     

                    นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้ไอ้บูมเสือกกระตุกยิ้มหวานราวกับน้อมรับเครื่องประหารหัวตัวเงินตัวทองไปเสียดิบดี

                    “..ฝันดีนะ  คุณลูกหนู”

                    ….มึงชอบหาว่ากูเลี่ยน…มึงไม่เลี่ยนเล้ยยยยยยยยยยยย!!!

                    ผมหันไปหัวเราะกับไอ้เท่าฟ้า  พอรถออกไอ้บูมเลยหันมาค้อนวงใหญ่

                    เอ้า!  ไปได้แล้ว!!”

                    “…..บ้านพี่ดาวเสาร์อยู่ไหนล่ะ?”

                    ผมมองไปรอบด้าน  มีแค่ร้านรวงมากมาย  และเราก็ยืนกันอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อไฟสว่างโล่  ผู้คนก็ติดจะคึกคักเกินกว่าจะจินตนาการได้ว่าแฮคเกอร์คนเก่งของโรงเรียนจะมาใช้ชีวิตอยู่ได้

                    เปล่า  เดี๋ยวมีรถอีกคันมารับ”

                    อ้อ..”

                    เตี่ยไม่ถูกกับพี่ดาวเสาร์  ทำให้เราได้แค่นี้ถือว่าเจ๋งมากแล้ว....และก็……..

    คุณลูกหนูบอกมาว่ามึงอย่าเพิ่งกลับห้อง  เค้ายังเก็บกวาดให้ไม่เสร็จ…”

                    เก็บกวาด?” ผมทวนคำ “นี่มึงหมายถึงคนที่อยู่ในห้องกูตอนนั้นเป็นคุณลูกหนูหรอ!?”

                    เปล่าาาาา  จะเป็นไปได้ยังไงเล่าไอ้บ้า!!!!!”

                    บูมว่า..อันที่จริงคงแค่หาเรื่องตบกบาลผมเท่านั้นแหละ

     

                    “……..ก็บอดี้การ์ดคุณลูกหนูเค้าจัดการพวกที่อยู่ในห้องมึงให้แล้ว……แต่มันยังไม่เรียบร้อย………พรุ่งนี้จะส่งคนมาอีกที…พอเข้าใจป่ะ?”

     

                    ผมรู้สึกเหมือนเลือดไม่ค่อยไปเลี้ยงสมองชอบกล..

                    คุณลูกหนูแก…โหดได้ใจว่ะ….

                    ผมรู้สึกหนาวๆ..วงการนี้เถื่อนเข้าเส้นจริงๆ  ถ้าผมเป็นนักเรียนม.ปลายปกติก็คงไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องพรรค์นี้แท้ๆ…เพราะหนี้ของคุณอาแท้ๆ..โธ่ถัง..

                    เรายืนรอกันอยู่ไม่นานรถCRVสีบลอนด์เงินก็แล่นมาเทียบ  ผมจำได้ลางๆว่ามันคงเป็นของพี่สิญจน์..แต่ไอ้คนขับคือสีครามที่กวักมือเรียกพวกผมให้ขึ้นรถ

     

                    “…..ไง..”

                    ผมทักมันพลางยกมือเกาแก้มตอนที่เปิดประตูรถ  แล้วเบียดตัวเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับ

                    มันเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้  แล้วโน้มคอลงมาวางหน้าผากไว้บนไหล่  ตอนแรกผมจะผลักมันออกแล้วเพราะเส้นข้างถนนมันขาวแดงซะชัด  แต่มันก็พึมพำก่อน

     

                    “..ขอโทษนะ…”

     

                    ผมชะงัก “มึงชอบพูดคำนี้อยู่เรื่อยเลย! ขอโทษเรื่องไรอีกละ?”

                    “……..ถ้าผมอยู่ด้วย..เธอคงไม่กลัวแบบนั้น…”

                    “…………..ไม่ใช่ความผิดมึงนี่…………………”

                    “…..ขอโทษ…..”

                    สีคราม..”

                    “…….ถ้าผมไปด้วยก็คง…….”

     

                    ผมตบที่แก้มเขาเบาๆ  เรียกให้มันเงยหน้าขึ้นมามองผม  แล้วบีบมืออุ่นๆข้างนั้นแน่น

     

                    “…มึงบอกกูมาได้มั้ยว่ามึงทำอะไรอยู่….?”

     

                    มันชะงักไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง  ประกายอะไรบางอย่างไหววูบในดวงตาคู่นั้น  เขาละดวงหน้าออกไปแต่ยังไม่หลบตาผม  มือข้างที่ไม่ได้กุมกันไว้เอื้อมไปวางไว้ส่วนบนของพวงมาลัยรถ  กลีบปากสวยอ้าเตรียมจะพูดอะไรสักอย่าง

                    แต่คนที่พูดมันออกมากลายเป็นไอ้บูม

     

                    มันจ้างพี่ดาวเสาร์ทำลายแก๊งค์นั้น”

     

                    ผมหันควับไปมองบูม  มันเดาะลิ้นสบายๆแล้วพูดต่อ

                    ตอนนี้มึงรู้แค่นั้นก็พอ”

                    ห๊ะ!?” ผมร้อง

                     ให้ตาย..เรื่องนี้แม้กระทั่งไอ้บูมยังรู้  แต่ตัวต้นเหตุอย่างผมจะไม่มีสิทธิรู้เนี่ยนะ  งี่เง่าที่สุด!

     

                    ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของกานดากับแก๊งค์นั่น”

                    สีครามพูดขึ้นมาบ้าง  เขาหันกลับไป..ไม่ยอมสบตาผม  แล้วเลื่อนมือออกมาจากมือผมเพื่อเปลี่ยนเกียร์

     

                    “…แต่เป็นเรื่องของผมกับแก๊งค์นั่น…”

     

                    สีคราม!!”

                    ผมร้องลั่นจนแก้วปรอทแทบแตก  รู้สึกได้เลยว่ารถคันนี้มันกำลังแล่นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

                    มึงจะพูดแบบนั้นได้ยังไง!  มึงบอกพี่ปีใหม่เองว่าเรา ‘ลงเรือลำเดียวกันแล้ว!’  แล้วมึงมาพูดแบบนี้กับกูงั้นหรอ!  จะบอกอีกรึไงว่ากูไม่เกี่ยวน่ะฮะ!!!  ทั้งๆที่กูเป็นต้นเหตุแท้ๆ  ทำไมไม่โทษกู….!!!”

                    “…มันจะไปโทษกานดาได้ยังไงในเมื่อ……”

                    เลิกอ้างสักที!”

                    กานดา”

                    มึงจะทำอะไรอันตรายอีกแล้วใช่มั้ย?  เอาตาไปข้างนึงยังไม่พออีกหรอ  จะให้พิการขาหักแขนหักท่อนล่างเป็นอัมพาตไปเลยรึเปล่าถึงจะสมใจน่ะ!!”

                    มันไม่ใช่แบบนั้น..!!”

     

                    เสียงเขาดูแข็งขึ้นมานิดหน่อย  ไอ้เท่าฟ้ากำลังยกมืออุดหู

                    ผมกลั้นใจ  แล้วตะเบ็งเสียงออกไป

     

     

                    ก็ไหนบอกว่าจะจับมือแล้วเดินไปด้วยกันไม่ใช่รึไง!?!”

     

     

                    เอี๊ยดดดดดดด!!!!!!!

     

                    เสียงเบรคดังลั่นพร้อมตัวผมที่เอนไปด้านหน้า  ยกมือกันหัวตัวเองโขกกับคอนโซลหน้ารถแทบไม่ทัน  เขาก็จับแขนผมไว้เหมือนตั้งใจจะดึงพอดี

     

                    ถึงบ้านพี่สิญจน์แล้ว”

     

                    มันหันไปบอกเสียงเรียบ  พวกแม่งสองตัวไม่ลังเลเลยที่จะกระโดดลงจากรถไปหาพี่สิญจน์ที่โบกมือหยอยๆอยู่หน้าประตูบ้าน  บ้านพี่สิญจน์แทนที่จะเรียกว่าใหญ่โตโอฬารเหมือนบ้านสีคราม  น่าจะเรียกว่าน่าอยู่สุดๆ  เป็นคฤหาสน์หลังเล็กๆ(หรอ??) ที่มีต้นไม้ปกครึ้ม  ทราบมาว่าพี่แกอยู่กับน้องแค่สองคน เพราะพ่อแม่เสียตั้งแต่เด็ก

                    แต่ไอ้พี่สิญจน์ที่กำลังชะโงกหน้ามาทักทายผมนั่นไม่ใช่ประเด็น…

                    “…….บอกกูมาได้รึยัง?”

                    ไม่ได้”

                    มันออกรถ  แล้วผมก็ตะโกนเรียกชื่อมันอีกหน

                    สีคราม!”

                    ไม่ได้”

                    ถ้าจะทำอย่างนั้นก็ปล่อยกูลง  แล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีก”

                    ไม่ปล่อย”

                    “……-อย่ามาเอาแต่ใจนะว้อยยยย!!!”

     

                    ไม่ปล่อย!!  จะไม่ปล่อยมือข้างนี้!!  แล้วก็จะไม่ปล่อยให้กานดารู้ด้วย!!  เข้าใจรึยัง!!!”

     

                สีคราม!!!”

     

                    มันใช้มือซ้ายจับมือของผมไว้แน่น  แน่นจนผมไม่มีแรงพอที่จะดึงมันออก

                    มืออีกข้างมันหมุนพวงมาลัย  แล่นรถไปตามทางลัดจากบ้านพี่สิญจน์ถึงบ้านมัน(ที่ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นว่ามันย่านเดียวกัน..คือย่านคนมีกะตังค์)  ไม่นานก็เห็นเสากรีกรายเรียงริมถนน  แสดงว่าใกล้ถึงแล้ว

     

                    และผม..ก็ยังไม่ได้คำตอบ…

     

     

                    มีเพียงความโกรธที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาเท่านั้นเอง…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×