ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ*by ozaka

    ลำดับตอนที่ #42 : CHAPTER 41 คิด(งี่เง่า)! พูด(งี่เง่า)! ทำ(งี่เง่า)!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.15K
      19
      1 ธ.ค. 54


    CHAPTER 41

     

    คิด(งี่เง่า)! พูด(งี่เง่า)! ทำ(งี่เง่า)!

     







    ผมยกมือสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ของสีครามได้หยาบกระด้างที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมา

                    ปฏิเสธการทานอาหารเย็น  แล้วเดินเร็วๆจนเกือบเรียกได้ว่าวิ่งเพื่อให้ถึงห้องโดยทิ้งมันไว้เบื้องหลัง  เปิดประตูบานใหญ่หน้าห้องไว้อ้าซ่า  เพื่อตรงมากระชากกระเป๋าตัวเอง  กวาดเสื้อผ้าจากตู้ใส่กระเป๋าเสื้อ  เก็บของทุกอย่างทุกชิ้นลงกระเป๋าสะพาย

                    ..อะไรของแม่งวะเนี่ย..

                    ..หอกู..กูก็กลับไม่ได้..

     

                    แล้วยังมาทำอะไรไร้สาระสัสๆขนาดที่จะออกจากบ้านหลังนี้เลยรึไง..

     

                    ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า

                    รู้สึกที่ตัวเองกำลังคิดจะทำเมื่อครู่เพราะอารมณ์ชั่ววูบมัน..งี่เง่า

                    ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น  มีกระเป๋าอยู่มือละใบ

                    ……..เอาไงดีวะ…

                    ขนาดผมหนีไปห้องไอ้บูมไอ้เท่าฟ้า..แม่งยังเดือดร้อนเพราะผมเลย…

                    ถ้าไปบ้านไอ้ไวน์  ต่อให้ครอบครัวมันเต็มใจรับผม..อีกไม่นานพวกเขาต้องเดือดร้อนตามแน่ๆ..

                    ผมมันตัวกาลากิณีจริงๆ..ไปที่ไหนก็สร้างแต่ความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน…

     

                    อา..

     

                    ที่โทษตัวเองแบบนี้มัน..งี่เง่าสิ้นดี..

     

                    ผมตัดสินใจเทกระเป๋าออกมาอีกรอบ  เพื่อจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เหมือนเดิม(ซึ่ง..ผมจะเก็บมันมาทำเพรื่อออ)  ชุดนักเรียนที่ต้องใส่วันพรุ่งนี้ก็แขวนไม้แขวนเรียบร้อย  ตู้เสื้อผ้าอันใหญ่เทอะทะของมันถูกแบ่งออกเป็นครึ่งๆเท่าๆกันอย่างชัดเจน  ผมก็ยัดทุกอย่างเข้าไปเหมือนเดิม  แล้วกลับมาจัดหนังสือเรียนเข้าชั้นด้วย

     

                    ผมหันกลับไปที่บานประตู..

                    หมอนั่นยังไม่ขึ้นมา…..

                    คงจะมีเรื่องอะไรคุยกับคุณพ่อคุณแม่โดยไม่อยากบอกให้ผมรู้อีกสินะ…

     

                    ผมสูดลมหายใจเข้าจมูกแรงๆ  อาบน้ำสักทีสักหนคงจะสบายตัวขึ้น

     

                    ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อสีคราม  ไม่ใช่ว่าผมไม่มั่นใจในตัวเขา

                    ……แต่เพราะเขาสำคัญต่างหาก…ก็เลยรู้สึกแบบนี้……….

                    หงุดหงิดไปไม่ได้ช่วยอะไร  จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราทะเลาะกันโดยที่เขาไม่เป็นฝ่ายง้อหรือเอ่ยคำว่าขอโทษออกมาก่อน  เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ยอมผมขนาดนี้  เป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาเอาแต่ใจตัวเองขนาดนั้น

                    เป็นครั้งแรก..ที่เขาเห็นน้ำตาของผม..แล้วเขาไม่ใจอ่อน..

     

                    บางที..เหตุผลดังกล่าวอาจจะสำคัญจริงๆ..

     

                    ผมสระผมเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมานอกห้อง  แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของเขา  ประตูห้องยังคงเปิดไว้ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

                    ทำไมยังไม่ขึ้นมาวะ

                    ผมเดินไปปิดประตูห้อง  กดเปิดพัดลม(ไม่กล้าเปิดแอร์อ่ะ ค่าไฟมันยิ่งแพงๆอยู่)  หยิบหนังสือสังคมที่อภิปรายกันไปเมื่อเย็นมาอ่านฆ่าเวลา

     

                    ซ้อมเสียง..

                    “..เมื่อกี้กู..ขอโทษ…ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร………..แต่อย่าไปตายนะ”

                    ฉิบ..ไม่ไหวว่ะ  เอาใหม่

                    เมื่อกี้ขอโทษนะ  แค่เป็นห่วง  ไม่อยากให้เป็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว”

                    ตรงเกิน  ไม่เข้ากับคาแรคเตอร์  เอาใหม่

                    เฮ้ย!  เมื่อกี้โทษทีว่ะ!  ไปตายดีๆละกัน!”

                    มึงแน่ใจนะว่าจะง้อ…

     

                    แล้ว………………

     

                    …..ผมมายืนหน้ากระจกอยู่ทำไมเนี่ย!!!!!

     

     

                    ผมยกหนังสือสังคมเล่มหนาทุบหนาผากตัวเองสักทีหนึ่ง  แล้วเดินวนกลับไปที่เตียง  พอจะขึ้นไปนั่ง..ก็เดินวนกลับมาหน้ากระจกใหม่

                    อืม..ตาไม่แดง  ไม่ได้ร้องอะไรมากมาย..

                    เสียง..โอเค  ไม่สั่นแล้ว..

                    เอาล่ะ..

                    ถ้าหมอนั่นเปิดประตูเข้ามาจะบอกว่า……

     

                    ขอโทษ..ไม่ว่าจะเป็นยังไง….กูจะเชื่อมึงนะ…”

     

                    แค่นั้นคำเดียว  โอเค  สั้น  กระชับ  ได้ใจความ(ในหลายๆความหมาย) ครอบคลุมทุกกิจกรรมโดยสมบูรณ์

                    พร้อม..

                    เอาล่ะ  ทีนี้ก็เหลือแต่รอให้เขาเปิดประตูเข้ามา….

     

                    แกรก…

     

                    นั่น!  เข้ามาแล้ว!  ไวไปป่ะ….

                    ผมสะดุ้งแล้วรีบหันกลับไปเรียก

     

                    สี……..อ่ะ………………….พี่รุ้ง…?”

     

                    แต่คนที่เข้ามากลับเป็นร่างโปร่งบางของญาติสีคราม  เธอยกแขนเท้าสะเอวข้างหนึ่งเพื่อมาบอกข่าวกับผมสั้นว่า..

     

     

     

                    “…สีครามอยู่ในสระแน่ะ…”

     

     

     

     

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

     

     

     

     

     

                    ตอนแรกผมก็งงๆอยู่หรอก..

                    แต่เท้าก็ออกวิ่งลงมาตามบันไดเสียแล้ว..

     

                    สระว่ายน้ำของบ้านสีครามตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของบ้าน  ข้างๆห้องนั่งเล่น  แต่ผมเองก็ไม่ได้มีโอกาสเดินมาส่วนนี้เท่าไหร่  แค่รู้ว่ามันตั้งอยู่ตรงนั้นก็เท่านั้น

                    ผมเปิดประตูบานเลื่อนให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้  เพราะชั้นล่างของคฤหาสน์โกสินทร์วิตรมมืดสนิท  คนอื่นคงเข้านอนกันไปเป็นที่เรียบร้อย  ผมกวาดตามองไปรอบๆสระน้ำรูปสีเหลี่ยมจัตุรัส  โต๊ะตัวที่ใกล้ที่สุดของผมมีผ้าขนหนูพับเรียบร้อยวางอยู่ผืนหนึ่ง

                    มีเพียงไฟใต้น้ำที่ขอบสระนิดหน่อยที่ฉายแสงในราตรีเช่นนี้..

     

                    ร่างสูงกำลังแผ่ตัวเองอยู่กลางสระ  เสื้อผ้าชุดนักเรียนเต็มยศเปียกชื้นไปหมด

     

                    สีคราม!”

                    ผมตะโกนเรียกชื่อเขาออกไปแล้ววิ่งมาหา  เจ้าของนามสะดุ้งหันมามองผม

                    กานดา..?”

     

                    เขาว่ายมาหาผม  และผมก็ค่อยๆหย่อนตัวเองลงนั่งคุกเข่ากับขอบสระ

     

                    “..ทำบ้าอะไรของมึง!  เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

                    ฮะๆ  แค่อยากทำให้หัวมันเย็นลงน่ะ..”

                    เสียงหัวเราะเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

                    เรือนผมสีดำสนิทเปียกลู่ถูกเสยไปด้านหลัง  เผยใบหน้าเกลี้ยงเกลา  จมูกโด่ง  กลีบปากอิ่ม  คิ้วเรียว  และดวงตาโตๆคู่สวยคู่นั้นชัดเจน

                    หมอนั่นกำลังใช้ดวงตาคู่นั้นยิ้มให้ผม..

                    ผมค่อยๆยกสองมือแตะข้างแก้มเขาแผ่วเบา  มันเย็นเฉียบจนผมอยากจะดุหมอนี่สักตั้ง

     

                    พูดสิ..ปากเอ๋ย..

                    พูดคำที่เตรียมไว้เมื่อกี้ออกไปยังไงล่ะ..

                    ผมพยายามรวบรวมความกล้า  สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นเอาไว้..

     

     

                    “..ขอโทษนะ..”

     

                    แต่อีกฝ่ายกลับพูดออกมาแทนผม  เขาเหยียดแขนตรงมาเพื่อใช้หลังมือแตะแก้มผมเบาๆ  มันเย็นแบบหมาดๆ..ชื้นนิดๆ..เหมือนผิวแก้มผมที่เมื่อครู่ยังเต็มแต้มไปด้วยน้ำตา

                    “…ไม่อยากให้ร้องไห้เลยจริงๆ…”

     

                    ….ผมรู้ว่าเขาก็คงเจ็บเหมือนกันที่เห็นผมร้องไห้…

                    หมอนี่ก็เป็นแบบนี้เสียทุกครั้ง..

     

                    แล้วใครบอกว่ากูอยากร้องไห้กันวะ..”

                    ผมถามเขาน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

                    ฮะๆ  แล้วหายโกรธรึยัง?..”

                    ไม่”

                    กานดา..”

                    “…….”

                    เวลาเขาเรียกชื่อผม..ผมมักจะใจสั่นทุกครั้งจนเกือบจะยอมใจอ่อน  ครั้งนี้ก็เหมือนกับทุกๆครั้ง..

                    “..ถ้าถึงเวลา…แล้วจะบอกเอง..”

                    “…..เมื่อไหร่ล่ะ…..”

                    เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ”

                    “…ชักกวนตีนขึ้นนะมึง…”

                    ฮะๆ……..”

     

                    ผมถอนหายใจยาวๆ “……………………จะรอละกัน…”

     

                    เอ๊ะ”

     

                    จนกว่าจะถึงวันนั้น….กูจะรอ…”

     

                    เขามองตาผมเหมือนไม่เชื่อหู  ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อน

     

                    “….ห้ามใจไม่ให้รักกานดาไม่ได้เลยจริงๆ…”

                    -พูดบ้าอะไรวะ!”

                    ฮะๆ..รู้สึก…รักมากขึ้นทุกวันเลย..”

                    เขาพูดเหมือนกับการบอกรักเป็นเรื่องปกติอย่างไงอย่างงั้น(ถึงผมจะฟังมันแทบทุกวันก็เหอะ..แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชินหรือคล้อยตามนะ!)

                    ผมหน้าแดงอีกแล้วล่ะสิเนี่ย..

     

                    สีครามจะไม่ผิดสัญญา

                    บอกว่าจะอยู่ด้วยกัน..ก็คือจะอยู่ด้วยกัน..

                    บอกว่าจะไม่ตาย..ก็คือจะกลับมาหาผม..

     

                    เขาเอนดวงหน้าชื้นนั่นซบบนตักผม  มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมจะถือวิสาสะลูบแก้มเขาเบาๆ  ได้ยินเสียงน้ำกระฉอกเป็นระยะห่างออกไป  เสียงสายลมที่พัดผ่านใบไม้..และเสียงหัวใจของผมที่เต้นดังเป็นจังหวะ

                    “..หัวเย็นขึ้นรึยังล่ะ?”

                    จ้ะ  เย็นจนปลอดโปร่งไปหมดเลยจ้ะ”

                    “…งั้นก็ขึ้นมาได้แล้ว  ลงไปทั้งชุดแบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

                    เขาดันตัวออกแล้วยิ้มกริ่ม  ก่อนจะยื่นมือมา……………

     

     

                    ตู้ม!!!!

     

                เชรี้ย!!!!”

     

                    นั่นเป็นเสียงอุทานคำแรกของผมทันทีที่ขึ้นเหนือน้ำได้  ยกมือลูบหน้าลูบตาแล้วหันควับไปถลึงตาเขียวปั๊ดใส่ไอ้คนที่ดึงผมลงมาเมื่อครู่  หมอนั่นกำลังหัวเราะเสียงใสอยู่ไม่ห่างออกไปเท่าใดนัก  แต่ก็ห่างมือพอที่จะฟาดไม่ถึง

                    นรก! ทำไรงี่เง่า!!”

                    ชู่ววว  อย่าเสียงดังสิกานดา  คนอื่นเค้าหลับกันหมดแล้วนะ..”

                    “…บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้ยินหรอกไอ้บ้า!  มานี่เลย….แล้วมึงจะถอยหนีทำไมเล่า! โธ่!!”

                    ผมพยายามแหวกน้ำไปให้ถึงมัน  แต่มันเสือกว่ายหนีไปอีก  ดีนะว่ายน้ำเป็น..ไม่งั้นโดนแบบเมื่อกี้ตายห่านไปแล้ว  แถมยังหันมายิ้มหวานกวนส้นตรีนให้ผมอีก  หนอยยยย

                    เย็นไปหมดแล้วเนี่ย!!!

                    ว้อย ก็ไม่ได้บอกว่าประเทศไทยมันหนาวอะไรหรอกนะครับ  แต่ลงน้ำตอนกลางคืนเนี่ยมันได้ใจจริงๆ  แถมยังแค้นไอ้เจ้าบ้านั่นอีก! 

     

                    อย่างงี้มันต้องไม้ตายสุดท้าย..

     

                    สีคราม!!”

                    ครับผม?”

     

                    ผมสูดลมหายใจ  หยุดว่ายแล้วก้มหน้าช้อนตาขึ้นมามองมัน

     

                    “……………………..อยากให้กอด”

     

                    มันดูอึ้งๆ  แต่ก็หลงกล..ว่ายมาจนได้

                    ผมแสยะยิ้มเหี้ยมเมื่อเหยื่อติดกับ  ยืนนิ่งทำท่าหงอยๆอยู่อึดใจหนึ่งมันก็เข้ามาใกล้  เลยได้ทีรีบกางแขนฟาดฝ่ามือลงกลางกบาลแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

                    ป๊าบ!!

                    โอ้ย!!”

                    สมน้ำหน้า  โง่เอง แบร่ๆๆๆ”

                    แล้วก็ถึงตาผมว่ายน้ำหนีมันบ้างล่ะครับ  จะเรียกว่าว่ายก็พูดได้ไม่เต็มปาก  เรียกว่าเดินหนีใต้น้ำเสียมากกว่า  เพราะผมมันคนไม่ค่อยมีแรง…ทำอะไรนานๆแล้วเหนื่อยง่ายบัดซบ  หมอนั่นจ้ำพรวดเดียวก็ประชิดตัวผมแล้ว

                    หยา~!”

                    มันกอดครับ! มันกอด…เอิ่ม…คือ…มือมึงน่ะ..ไปตรงไหนแล้ว…!!

                    สีครามกดจมูกลงกับแก้มผมแรงๆ  แล้วไล้ริมฝีปากจากพวงแก้มไปถึงต้นคอ..ถ้าไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรต่อเนี่ยผมคงโง่มาก(ถึงจะแอบเคลิ้มนิดๆ)

                    “…คืนนี้..ไม่..!!”

                    หืม?”

                    “…………ยังเจ็บอยู่  ไม่ไหว”

                    ก็ทำให้มันชินไง…”

                    -น้อยๆหน่อยเหอะ!  ปล่อยเลย!!!”

                    ฮ่าๆ  ล้อเล่นน่า…แค่กอดเฉยๆเอง..”

     

                    เขาจับตัวผมพลิกให้หันไปเผชิญหน้า  แล้วอุ้มขึ้นมาเหมือนอุ้มเด็กให้ระดับผมสูงกว่าเขานิดหน่อย  เพราะอยู่ในน้ำละมั้งเลยทำแบบนี้ได้..ถ้าเป็นบนดินปกติคงไม่ไหวหรอก

                    หมอนั่นทำเพียงแค่มองหน้าผมใกล้ๆ  แล้วยิ้มหวาน

                    ส่วนไอ้ผมน่ะหรอ..หน้าร้อนฉ่าไปแล้ว..เลยเสเบือนหน้าหนีไปทางอื่น  มันก็เลยยื่นหน้ามาซุกตรงซอกคอผมถนัดนัก  ลมหายใจอุ่นๆแม่งก็รดมาบนผิวเย็นๆของผมเสียเต็มที่  ก่อนจะสัมผัสได้ถึงกลีบปากนุ่มๆทาบลงบนหน้าคอ

                    “…จั๊กจี้”

                    กานดา..”

                    หืม?.....”

                    วันนี้ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร..แต่…”

                    ผมเริ่มรับรู้ถึงลางไม่ดีแล้วล่ะครับ…

     

                    “…ใช้มือ..ให้หน่อยได้มั้ย..?”

     

                    ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

                    เสียงโต้กลับของผมมันคงดังลั่นไปสามบ้านแปดบ้านแล้วล่ะครับถ้าเป็นปกติ  แต่จะให้แม่งดังไปสามหลังแปดคฤหาสน์เนี่ยคงไม่ไหว  ที่สำคัญคือตอนนี้ผมดันหน้าตัวเองออกมาสุดแขน  แต่ขาผมก็ยังถูกมันรวบไว้อยู่  เท้าก็ไม่ได้แตะพื้น  จะหนีไปก็ช่างขลุกขลักสิ้นดี

                    นะ  ถ้าเป็นกานดา..ผมใช้ปากก็ยังได้เลย…”

                    หยุดพูด ณ บัดนาว! ลามก!  ปล่อยกูลง!!”

                    อา..ไม่อยากทำให้ขนาดนั้นเลยหรอ…?”

     

                    “………………………….ไม่ถึงขนาดนั้น..”

                    มามุขอ้อนๆแบบนี้ปากผมก็ไปเองน่ะสิ  ไอ้บ้าเอ้ย! เกลียดจริงๆไอ้พวกจับจุดอ่อนคนอื่นมาแกล้งเนี่ย(..อย่างกะตะกี้มึงไม่ทำ..)

                    เขายิ้มหวานๆให้ผมใจอ่อนลงไปอีกฮวบ  แล้วเดินไปที่ริมสระน้ำ  ก่อนจะปล่อยผมลงและใช้สองแขนกักตัวเอาไว้  อา..ซวยแล้วไง..ปลาหมอตายเพราะปากจริงๆ

                    พอผมแกล้งตีหน้าซื่อมองเขา  มันก็ยักคิ้วให้ผมนิดๆ

                    “..อะ  เร็วสิ..”

                    มึง!!!”

     

                    “….ถ้าไม่รีบ..ผมว่าอาจหยุดแค่ใช้มือไม่ได้..ก็ได้นะ..”

     

                    ผมก้มหน้างุดคอชิดอก  รู้สึกเหมือนสายตาร้อนแรงนั่นทิ่มแทงอย่างประหลาด  ขยับมือสั่นระริกแตะอกกว้าง  แล้วลูบต่ำลงมาเรื่อยๆ..

                    กานดา..รักนะครับ..”

                    เสียงทุ้มแหบพร่านั่นอยู่ชิดริมหู  ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวเองเสียเปรียบทุกประตู

     

     

     

                    ให้ตายสิ…

     

     

                    ……..งี่เง่าเป็นบ้า……..!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×