เพราะไม่เคยนึกเลยว่าจะได้มาเจอเธอ หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์วุ่นวายมาหลายอย่าง ไม่ว่าเธอจะเป็นคนเดียวกับลิน่าหรือไม่แต่ที่ฉันรู้สึกตอนนี่คือ ฉันคิดถึงเธอนะเจสซิก้า
เอลวินเอามือประคองให้ใบหน้าของจสซิก้าเงยหน้าขึ้นมาเพื่อที่ได้จูบอย่างถนัด เจสซิก้าเบิกตากว้างผลักเอลวินออกไปมือถูปากไปมา ตามองขวางอย่างไม่พอใจ
"ไปซะ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ ฉันไม่ใช่ภรรยาของนายอีกต่อไปแล้ว"
เมื่อกี้ตอนที่เอลวินจูบเราเหมือนเห็นภาพความทรงจำของตัวเองเลย เตอนที่เอลวินกอดเราให้ตายสิ อย่าวอกแวกสิเจสซิก้า
เอลวินมองคนพูดอย่างเจ็บปวดที่อีกฝ่ายเหมือนทำเหมือนไม่รู้จักตัวเอง แต่เพราะตอนนี่กำลังอยู่ในหน้าที่แบกชีวิตลูกน้องอีกร้อยคน แค่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังทีชีวิตอยู่ตอนนี่ก็พอแล้ว
ไททันขนาดมหึมาก้าวเท้าเดินมาหาเจสซิก้าก้าวหนึ่ง เอลวินรีบสั่งถอยทัพทันที เพื่อชีวิตของลูกน้องตัวเองเจคมองคนที่จูบกับพี่สาวของตัวเอง ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยแต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือคำพูดของเจสซิก้าที่เย็นชายิ่งกว่า
เพราะความทรงจำขาดๆหายๆถึงได้หงุดหงิด เลยไปพาลใส่เอลวินสินะ
กุบกับ กุบกับ
เสียงฝีเท้าของม้าดังติดๆกัน เอเลนกำขวดเล็กไว้แน่นเมื่อมันเป็นของที่ได้มาจากพี่สาวที่รู้จักกันตอนเด็กๆ
พี่สาว...
ไททันขนาด14 เมตรตัวใหญ่ปรากฎขึ้นข้างหน้ามีพวกหน่วยรีไวล์อยู่ แต่รอบข้างทางไม่มีต้นไม้ให้สามารถใช่อุปกรณ์สามมิติได้เพราะไม่อยากเห็นการสูญเสียเอเลนรีบกระโกนอย่างเผลอตัว
"หยุดนะ!!"
ยูมีร์ที่รับรู้ได้ถึงพลังมองเอเลนที่ตะโกนออกมาเมื่อกี้ ไททัน14 เมตรหยุดเคลื่อนไหวเหมือนถูกแช่แข็งหน่วยสำรวจมองอย่างตกใจ เอลวินสั่งเคลื่อนทัพต่อไป มิเกะทำการสังหารไททันเมื่อเห็นว่ามันหยุดอยู่เฉยๆ
เอเลนสามารถใช้พลังได้
ยูมีร์ยิ้มอย่างดีใจเพราะนั้นแปลว่าในกำแพงนี่ยังมีอนาคตอยู่
อีกครั้งที่ไททันขนาด5 เมตรวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว
เอเลนกำขวดเล็กแน่นเพราะรู้สึกตัวว่าที่ใช้ไปเมื่อกี้มันคือพลังบางอย่าง
"ไปให้พ้น!!"
ไททันร่างเล็กไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหวหากแต่ไททันตัวอื่นที่อยู่บริเวณรอบๆกลับเข้ามารุมฉีกทึ้งไททัน5 เมตรเหมือนทหารที่ทำการลงโทษผู้ที่ไม่เชื่อฟังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ทุกคนที่เห็น
หน่วยสำรวจกับกองทหารสารวัตรกลับมาถึงกำแพงในช่วงค่ำทุกคนต่างเหนื่อยล้าจนกองทหารรักษาการณ์ต่างต้องรีบมาดูแลอาการของแต่ละคน โดยเฉพาะเอเลนที่มีเลือดออกมาจากจมูก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาประชาชนในเขตกำแพงวอลโรเซ่ที่ถูกอพยพไปยังเมืองใต้ดินได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเมื่อมีการประกาศจากกองรักษาการณ์ว่าสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว ความสับสนเกิดขึ้นไปทั่วเพราะไททันต่างมาปรากฎตัวในกำแพงโรเซ่ทั้งๆที่วอลมาเรียยังดีอยู่
"ประชาชนต่างตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่าภายในกำแพงนี่ยังมีที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขารึเปล่า"
ผู้บัญชาการพิกซิสเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้เอลวินและรีไวล์ฟัง เนื่องจากหน่วยสำรวจถูกสั่งพักงานทั้งหน่วยอย่างไม่มีกำหนดจากเบื้องบน
"แล้วก็เรื่องของภรรยานายกับน้องชายของเธอพนักงานที่ร้านบอกว่าพวกเขาได้เก็บเสื้อผ้าในวันถัดมาจากเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ก่อน โดยพูดเพียงแค่ว่าจะไปบ้านพักตากอากาศ"
"บ้านพักตากอากาศ? นี่พวกเขาต้องรวยมากแค่ไหนถึงมีบ้านพักตากอากาศได้"
รีไวล์พูดประชดกับสิ่งที่ได้ยิน ธุรกิจที่ทำเท่าที่เห็นก็มีเพียงแค่ร้านบาร์กับโรงงานผลิดเหล้า เจ้าของก็เห็นไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากนั่งเปิดสมุดบัญชี เจคก็เดินทางไปทั่วกำแพงเหมือนคนว่างงาน
หรือว่าพวกเขาจะมาจากกำแพงชั้นในจริงๆ
"พวกเขาคงไม่ได้ทำธุรกิจร้านบาร์อย่างเดียว บางทีบ้านพักตากอากาศที่ว่าคงเป็นกำแพงชั้นใน"
เอลวินที่เห็นว่ารีไวล์เข้าใจแล้วว่าสองคนนี่เป็นใครกันแน่ พูดอธิบายให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
"เจ้าหมอนั้นเป็นเจ้าชายรึไงกัน"
รีไวล์พูดถึงเจคที่ดูเป็นลูกผู้ดี สุภาพบุรุษผิดวิสัยของคนที่ทำงานอยู่ในร้านเหล้า ผู้หญิงทั้งร้านต่างชอบเจคหากไม่ติดตรงที่เจคเป็นคนติดพี่สาวมากเกินไป
ตั้งแต่กลับมาจากเหตุการณ์ศึกแย่งชิงเอเลนเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่เรื่องไททันที่อยู่ในกำแพง แอนนี่ที่หายไปจากคริสตัน ขวดที่ใส่เลือดเอาไว้และทำให้เอเลนสามารถควบคุมไททันได้ และถูกใครบางคนทำลายมัน ส่วนหมู่บ้านของโคนี่กำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบจากกองรักษาการณ์ และสุดท้ายเรื่องของบาทหลวงที่มีความลับเกี่ยวกับกำแพง
ก๊อกๆ
"เข้ามาได้"
เอลวินผู้เป็นเจ้าของห้องและเจ้าของบ้านเอ่ยคำอนุญาต ฮันซี่เดินเข้ามาพร้อมกับโคนี่
"สวัสดีคะผู้บัญชาการพิกซิส ฉันมาเพื่อรายงานการตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี่ นี่คือ"
ฮันซี่ทำท่าเคารพ โคนี่แนะนำตัวเองเมื่อฮันซี่เว้นจังหวะเอาไว้ให้
"โคนี่ สปริงเกอร์ จากรุ่นที่104 ครับ"
แววตาที่แฝงไปด้วยความโกรธแต่เก็บซ่อนมันเอาไว้ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกเสียใจให้กับทหารหนุ่มน้อยที่ต้องมาเสียหมู่บ้านของตนเอง
"โคนี่ เหนื่อยหน่อยนะ"
"ครับ"
ไม่มีปฏิกิริยาเงอะงะเหมือนปกติ รีไวล์รู้จักสายตานี้มันเป็นสายตาของคนที่เสียสิ่งสำคัญไป
"ขออธิบายนะคะ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี่เราได้รวบรวมหลักฐานที่ช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในทฤษฎี ที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านถูกทำลายด้วยการระเบิดจากด้านในทั้งๆที่การทำลายมันชัดขนาดนั่นกลับไม่พบร่องรอยของเลือด"
"เอลวินฉันนึกออกแล้ว!!"
ระหว่างที่ฮันซี่กำลังอธิบาย มิเกะเปิดประตูเข้ามากระทันหันเสียงหือหอบทำให้รู้ว่าคนที่เงียบๆอย่างมิเกะ ก็มีเรื่องร้อนใจเหมือนกัน
ทั้งห้องหันมาสนใจคนบุกเข้ามามิเกะในสภาพหนวดเริ่มยาว ทำท่าเคารพผู้บัญชาการพิกซิสก่อนจะให้ฮันซี่ที่ยืนรายงานอยู่พูดต่อ
"อะ อืมคือจำนวนไททันที่พบในกำแพงและถูกกำจัดมีจำนวนเท่ากับผู้คนในหมู่บ้านรากาโคะคะ"
ฮันซี่ที่ลืมเนื้อหาช่วงต้นไปแล้ว จึงพูดส่วนสำคัญออกมาไม่มีใครพูดออกมา ยกเว้นมิเกะที่ทำหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดเจนจนเอลวินสังเกตเห็นได้
"นายนึกเรื่องอะไรออกงั้นหรือมิเกะ"
เอลวินถามมิเกะที่ถูกค้นพบทีหลังบนหอคอยบ้านพักทหารฝึกหัด บาดแผลถูกรักษาเป็นอย่างดีแต่เมื่อสอบถามคนเจ็บกลับจำอะไรไม่ได้นอกจากเรื่องไททันลิง
"เมื่อตอนนั้นมีคนใช้อุปกรณ์สามมิติมาช่วยฉัน คนๆนั้นเป็นผู้หญิงและเหมือนจะรู้จักกับไททันลิง"
"ผู้หญิง? " หรือว่าจะเป็นแอนนี่ ฮันซี่คิดในใจ
"แต่เธอคนนั้นพูดจาแปลกๆมีการนัดหมายด้วยสัญญาพลุสีแดง และมีการขู่ไททันลิงว่าหากยังทำแบบนี่อีกจะเอาเรื่องสายเลือดไปบอกเบื้องบน"
ใช่แล้วถึงจะไม่ได้เห็นหน้าแต่น้ำเสียงฟังยังไงๆก็เหมือนผู้หญิง แถมไททันลิงตัวนั้นก็ดูเชื่อฟังเป็นอย่างดี
มีคำว่าเบื้องบนแสดงว่าพวกเขาก็ต้องมีการทำงานเป็นระบบ มีคนคอยสั่งการอีกที
" 'หากยังทำแบบนี่'คือสิ่งที่หมายถึงการเปลี่ยนหมู่บ้านรากาโคะเป็นไททัน แสดงว่าคนที่ทำคือไททันลิงและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี่"
ฮันซี่พูดพึมพัมออกมาแต่มันทำให้คนทั้งห้องได้ยินโดยเฉพาะโคนี่ที่ต้องเห็นแม่ของตนเองกลายเป็นไททัน กำมือแน่นอย่างนึกแค้นในใจและรู้สึกยินดีที่สามารถรู้แล้วว่าจะเล็งธนูความแค้นไปที่ใคร
"แล้วเรื่องสายเลือดละ?"
ฮันซี่หันไปมองมิเกะเพื่อขอคำตอบมิเกะส่ายหน้าให้แทน
"สองคนนี่ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกกันที่สำคัญไททันลิงเองก็ขู่อีกฝ่ายว่าจะนำเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไปบอกเบื้องบนเช่นกัน"
มิเกะพูดสิ่งที่ตัวเองสังเกตเห็น
"งั้นหากเราจะชนะไททันลิงนั้นให้ได้ก็ต้องหาตัวผู้หญิงคนนั้นให้เจอสินะ"
รีไวล์พูดสรุปตามความเข้าใจ ถ้าเป็นอย่างที่พูดก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเช่นกันแต่มันก็เสียอยู่อย่างเดียวคือ ผู้หญิงที่ว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับเรารึเปล่า
"ฉันรู้ว่าเราควรหาผู้หญิงคนนี่ได้มาจากที่ไหน บางทีเธออาจจะเป็นคนควบคุมไททันและอาจจะเป็นคนที่เป็นพี่สาวของแอนนี่ การที่แอนนี่หายไปแสดงว่าผู้หญิงที่ควบคุมไททันได้เป็นคนเอาตัวแอนนี่ไป"
"...ฉันไม่ค่อยสนิทกับพวกไรเนอร์เท่าไร เลยไม่รู้ว่ามีใครเป็นที่มีพลังการควบคุมไททัน"
ยูมีร์ที่ถูกควบคุมตัวและได้สังกัดหน่วยรีไวล์ตอบคำโกหกออกไป เพราะถึงพูดชื่อออกไปก็คงไม่มีใครรู้จักอยู่แล้ว
"ฉันคิดว่าคนๆนั้นอาจจะเป็นลิน่า เพราะเธอเป็นคนที่สนิทกับแอนนี่มากที่สุด"
มิคาสะพูดเสนอชื่อขึ้นมา เพราะคำถามที่เอลวินถามคือมีใครในรุ่น 104 บ้างที่พอจะสนิทกับพวกไรเนอร์เป็นพิเศษโดยเฉพาะแอนนี่ ทหารรุ่น104 ต่างทำหน้าแปลกใจกับชื่อที่ได้ยินยูมีร์ก็ตกใจไม่แพ้กันที่มิคาสะกลับจำลิน่าได้ ทั้งๆที่คนอื่นยังจำลิน่าไม่ได้เลย
"พูดอะไรของเธอในรุ่นเรามีคนชื่อลิน่าอยู่ด้วยเหรอ?"
เอเลนถามมิคาสะกลับ มิคาสะเบิกตากว้างก่อนจะหันไปมองคนอื่นที่นั่งอยู่ด้วย ยกเว้นชาช่ากับฮิสโทเรียที่กำลังเล่นกับเจ้าแบล็กอยู่หลังจากที่มันกลับมาจากการสำรวจสถานการณ์
ทุกคนต่างส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่รู้จักชื่อนี่
"พูดอะไรของเธอนะเอเลน ลิน่าคนที่ช่วยพูดกับครูฝึกเรื่องการทดสอบการทรงตัวไง คนที่ช่วยนายฝึกอุปกรณ์สามมิติ"
"หา? ไม่ใช่ว่าเป็นไรเนอร์หรอกเหรอ?" เอเลนที่ถูกสะกดความทรงจำจึงเกิดกลไกการปกป้องความทรงจำทำให้เอเลนเกิดการจำซ้อนทับว่าไรเนอร์เป็นคนที่คอยช่วยการฝึกมาตลอด ไม่ใช่คนที่ชื่อลิน่า
แต่สิ่งที่ทุกคนยืนยันว่าไม่รู้จักลิน่า กลายเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าลิน่าคือคนที่มีพลังควบคุมไททันและมีพลังในการจัดการความทรงจำเอลวินส่งซิกไปให้ลูกน้องของพิกซิส เพื่อส่งข่าว
"คนที่ผมสีดำตัดหน้าม้าผมยาวประมาณไหล่ไงเอเลน คนที่ทำอาหารอร่อยๆที่สุดในค่ายฝึกและเป็นคนที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเจ้ากระต่ายยักษ์ไงล่ะ"
มิคาสะยังคงพยายามพูดเพื่อฟื้นฟูความทรงจำของเอเลนเมื่อได้ยินคำว่าคนที่ทำอาหารอร่อยที่สุดประกอบกับเป็นคนได้รับสิทธิพิเศษ ทุกคนต่างนึกออกในทันที
"ออ คนชอบแบ่งอาหารให้ฉันนี่เอง"
ชาช่าร้องขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ตอนแรกเธอเข้าใจว่าเป็นมิคาสะแต่เพราะลิน่ามีสีผมที่ดำสนิท ไหนจะท่าทางใจดีไม่เหมือนมิคาสะ ชาช่าจึงเป็นคนแรกที่นึกออก แจนจับหน้าตัวเองเพราะจำได้ว่าเป็นคนที่สวยมากที่สุดแต่หากเพราะแจนสนใจมิคาสะมากกว่า เลยไม่ได้สนใจลิน่าเลย
"ฮิสโทเรีย?"
อาร์มินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฮิสโทเรีย ถามขึ้นจุดสนใจจึงเปลี่ยนมาเป็นฮิสโทเรียทันที
"ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่นึกคนที่ชื่อลิน่าออกเหมือนกันเธอให้ความรู้สึกเหมือนเป้นพี่สาวเลยน่ะ" ฮิสโทเรียยิ้มออกมาเพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงว่าเมื่อกี้นี่คนที่นึกออกนั่นไม่ใช่ลิน่าเพราะจำได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เป็นคนอื่นต่างหาก
"นี้คะพี่สาว"
"ขอบใจจ้า สวยจังเลยนะ"
เจสซิก้าที่ยังคงเล่นบทเป็นทหารรับมงกุฎดอกไม้มาจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กเพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับการหาตุ๊กตาตัวโปรดให้ เด็กน้อยยิ้มอย่างดีใจก่อนจะขอตัวกลับไปหาแม่
เจสซิก้าควงมงกุฏดอกไม้ในมือไปมา ปากฮัมเพลงที่เธอรู้จักไปเรื่อยๆ
"ลิน่า"
"มิคาสะ?"
เจสซิก้าทักคนยืนขวางทาง ตอนนี่เธอรู้สึกได้ว่านอกจากมิคาสะแล้วยังมีคนอื่นๆซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอย และไม่มีชาวบ้านคนอื่นเดินผ่านมาเลยบางทีเธออาจจะโดนจับเหมือนที่แอนนี่เคยโดน
"เธอมีธุระรึเปล่า"
กำหนดการวันนี่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เช็ดชื่อเข้าออกตามปกติพรุ่งนี้ก็ค่อยลาออกเพราะไม่มีความจำเป็นต้องมาเล่นบททหารอีกต่อไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าฉันคงต้องลาออกในวันนี่แล้วสิ
เจสซิก้าแอบหยิบแหวนของแอนนี่มาใส่เธอไม่ได้มีพลังไททันหรอก แต่ที่ต้องใส่แหวนเพื่อเป็นการบลั๊กอีกฝ่ายมิคาสะเองก็แอบสังเกตเห็น
"ฉันมีเรื่องอยากให้เธอช่วย"
"ช่วยเรื่องอะไรเหรอ?"
เจสซิก้าปั้นยิ้มถามแต่ในใจระวังเต็มที่ มิคาสะมองแหวนที่นิ้วเพราะเธอจำมันได้ว่ามันเป็นแหวนของแอนนี่ เธอมีความเกี่ยวข้องกับแอนนี่จริงๆด้วย
มิคาสะที่จำลิน่าได้เกิดความลังเลใจเพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันลิน่าเหมือนกับพี่สาวที่เธอรู้จัก ทั้งใบหน้า ท่าทางและวิชาการต่อสู้ที่อีกฝ่ายช่วยสอนอย่างเต็มใจ ถ้าหากลิน่าไม่ได้เป็นพวกเดียวกับตัวเองก็คงมีแต่ต้องฆ่าเท่านั่น
"มิคาสะเป็นอะไรรึเปล่า"
ลิน่าถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบลง มิคาสะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าหากลิน่าไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับกองสำรวจ และคิดจะพาตัวเอเลนไปอีกโอกาสที่ลิน่าจะทำมีเพียงแค่ครั้งนี่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ และตอนนี่ก็เป็นโอกาศที่ดีที่จะทำให้หน่วยสำรวจมีโอกาสชนะ
"ตรงนี่ไม่สะดวกที่จะคุยเท่าไร หาที่คุยดีๆเถอะ"
"ถ้าฉันตอบว่าไม่ละ"
มิคาสะจ้องคนพูดเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เรียบเฉยเหมือนคนรู้ทันมือรีบหยิบปืนเพื่อส่งสัญญาทันที ทหารกองสำรวจหลายคนถลาเข้ามาจับตัวเจสซิก้าอย่างไว เจสซิก้าใช่วิธีเดียวกับแอนนี่เธอปัดให้มีดลับโผล่ออกมาเพื่อสร้างบาดแผลหลอกให้อีกฝ่ายเชื่อสนิทใจว่าตัวเองเป็นไททัน
มิคาสะรีบตะโกนบอกให้ทหารที่จับตัวอยู่ให้รีบหลบไป ไม่มีสายฟ้าฟาดลงมาเหมือนการแปลงเป็นไททันทั่วไปแต่มีแรงระเบิดของเปลวไฟกระแทกให้ข้าวของรอบตัวกระจายไปทั่ว ทหารที่เข้ามาจับตัวต่างก็ได้แผลไหม้มาคนละแผล
เล่นละครถึงขนาดนี่เราคงไม่ทำเกินไปหรอกมั้ง?
เจสซิก้ารีบวิ่งไปยังเส้นทางที่ไม่มีกับดักถามว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเส้นไหนไม่มีกับดัก ตอนนี่เจสซิก้าพัฒนาพลังการควบคุมไททันให้สามารถควบคุมสัตว์ป่าได้แล้ว และสัตว์ที่เจสซิก้าทำการควบคุมคือฝูงนกที่บินอยู่บนฟ้าให้มันสอดส่องหาเส้นทางที่มีกับดักน้อยที่สุด
ต้องไปที่เส้นทางใต้ดินเพื่อขวางการใช้อุปกรณ์สามมิติ
ทหารหน่วยสำรวจที่ถูกสั่งพักงานติดตามเจสซิก้าที่ใช้แรงขาอย่างเดียวในการวิ่งหนี สายสลิงถูกยิงให้ต่ำที่สุดก่อนจะสไลตัวเองไปยังทางเข้าเมืองใต้ดินในครั้งเดียว มันอาจจะเป็นสถานที่ไม่เหมาะสมสำหรับไททันแต่กับเจสซิก้าถือว่ามันเหมาะเป็นอย่างยิ่งเพราะมันก็ไม่สะดวกสำหรับการใช้อุปกรณ์สามมิติเช่นกัน
มิเกะกับรีไวล์มาดักตรงทางออก?ให้ตายสิรู้ใจดีจังเลยนะ
เจสซิก้าที่ใช้นกแอบมองทางข้างหน้า ดีดตัวทะลุเพดานหินเพื่อทะลุออกไปข้างนอกทหารหน่วยสำรวจมองความบ้าพลังอย่างคาดไม่ถึงเจสซิก้ายังคงเล่นวิ่งไล่จับกับหน่วยสำรวจเพราะเธอรู้ว่าที่กำแพงก็มีกองทหารรักษาการณ์ดักรออยู่พร้อมอุปกรณ์มากมายเพื่อที่จะจับกุมเธอ ต้องวิ่งเล่นแบบนี่ไปเรื่อยๆจนกว่าไททันที่เราควบคุมจะมาถึงที่นี่
แฮ่ก แฮ่ก
ผ่านไปหลายสองชั่วโมงทหารหน่วยสำรวจเริ่มมีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดเพราะจากการเล่นวิ่งไล่จับของเจสซิก้า เจสซิก้าที่ไม่มีอาการเหนื่อยหอบยืนอย่างยี้ยวนกวนประสาท ในใจนึกโชคดีที่แบล็กไม่ได้มาด้วยเพราะต้องไปช่วยงานกองรักษาการณ์ที่อีกฝากหนึ่งของกำแพงไม่อย่างนั้นคงถูกจับได้ง่ายกว่านี่
"เธอเหมือนไม่มีความคิดที่จะหนีนะ"
เอลวินใช้อุปกรณ์สามมิติขึ้นมาบนหลังคาเดียวกับเจสซิก้า หน่วยสำรวจรุ่น 104 ขึ้นมาพร้อมกันเอเลนที่นึกเรื่องราวออกได้หมดแล้วทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ก็อยากหนีอยู่หรอก แต่ที่กำแพงก็เล่นดักขนาดนั้นฉันเองก็จำเป็นต้องรอตัวช่วยเหมือนกันนะ"
"งั้นทำไมระหว่างที่รอตัวช่วยที่ว่า เราไม่มาคุยกันละครับ!"
อาร์มินที่ร่างกายอ่อนแออยู่แล้วพูดเสียงดังเพราะอาการเหนื่อยที่ต้องมาคาดเดาการเคลื่อนไหวของเจสซิก้า เจสซิก้าทำหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะทำเป็นเห็นด้วย ทุกคนต่างยิ้มอย่างดีใจที่อีกฝ่ายยอมฟัง
เจสซิก้าลงไปนอนบนหลังคาอย่างสบายใจตายังคงสีแดงสดเอาไว้ ทำให้เอลวินรู้ว่าอีกฝ่ายยังคงใช้พลังอยู่เอลวินเรียกฮันซี่เพื่อถ่ายทอดคำสั่งบางอย่างเจสซิก้ามองคนรู้ทันเกมของเธอ
"แล้วจะคุยเรื่องอะไรละ"
"ทำไมเธอถึงเข้ามาในกำแพงนี่"
เอลวินถามคนแรก เจสซิก้าหลับตาเพื่อพักสายตาแต่จากสายตาของนกทำให้เห็นว่าหน่วยสำรวจต่างกำลังเข้าล้อมเธออย่างช้าๆ เพื่อเฝ้าระวังอย่างสิ่งที่เจสซิก้าเรียกว่าตัวช่วย
"ไม่มีเป้าหมายหรอก"
ใช่เพราะสาเหตุที่เธอมาอยู่ที่นี่มันก็แค่อุบัติเหตุที่เกิดจากครัวระเบิด
"คุณเป็นพวกเดียวกับพวกเรารึเปล่า"
โคนี่ชี้ดาบมาที่เจสซิก้า ด้วยความแค้นที่เกิดขึ้นถึงจะรู้มาจากมิเกะแล้วว่าลิน่าไม่เห็นด้วยกับแผนการของไรเนอร์แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าลิน่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับหน่วยสำรวจ ต่อให้อยู่เป็นทหารฝึกมาตั้งสามปีก็ตาม
"ไม่"
โคนี่พุ่งเข้ามาตวัดดาบใส่คอทันที มิคาสะที่จับตัวเอาไว้ทันรีบจับตัวโคนี่ไว้แน่นเพื่อไม่ให้เผลอฆ่าคนที่นอนอย่างสบาย แจนพูดเกลียกล่อมโคนี่ให้ใจเย็น เจสซิก้าลืมตามองคนที่กำลังโมโห ร่างกายสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่เป็นตัวช่วยของเธอทีมีถึงสองสิ่ง
"ถ้าอย่างนั้นเป้าหมายของเธอในตอนนี่คืออะไร"
เอลวินเดินเข้ามาใกล้ตัวเจสซิก้าลุกขึ้นสะบัดมือสะบัดเท้าวอร์มร่างกายไปมา ไม่สนใจคนถามตามองไปที่กำแพงเพื่อเตรียมพร้อมเอลวินที่เห็นว่าลิน่าไม่ได้สนใจกับคำถามของตัวเอง จึงเปลี่ยนคำถามใหม่เพื่อยืนยันเรื่องหนึ่ง
"เธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เจสซิก้า"
เจสซิก้านิ่งเงียบเมื่อได้ยินชื่อที่แท้จริง ตามองเอลวินอย่างอยากรู้ว่าเอลวินจะพูดอะไรต่อเพราะตัวช่วยของเธอก็มาถึงที่กำแพงนี่แล้วต่อให้มีกับดักมากแค่ไหนก็ไร้ผลอยู่ดี
ไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดตัวเองอีกต่อไปแล้ว
"เพื่อคำสัญญาคำหนึ่ง"
มีไททันสี่ขากำลังกระโดดมาทางนี่!!
ทหารที่คอยเฝ้าระวังตะโกนบอกเสียงดัง เจสซิก้าแสยะยิ้มอย่างมีชัยเพราะเอลวินกำลังล้มเหลวในการจับกุมเธอ ไททันเกราะสี่ขาที่เจสซิก้าทำการควบคุมและดัดแปลงมันเล็กน้อยวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว แบล็กที่ตามมาจากกำแพงอีกฟากพยายามขัดขวงอย่างเต็มที่เจสซิก้าส่งกระแสจิตไปให้แบล็ก
อย่ามาขวางทางฉันแบล็ก
เจ้ากระต่ายยักษ์มองหน้าเจสซิก้ากับเอลวินไปมาเพื่อชั่งใจ ไททันสี่ขาวิ่งทะลุกองทหารเข้ามาใกล้เรื่อยๆเอลวินเอาตัวเข้ามาบังเจสซิก้าเพื่อไม่ให้ไททันสี่ขาเอาตัวไป
ทำบ้าอะไรของนาย คิดว่าเคยแต่งงานกับฉันแล้วฉันจะใจอ่อนรึไงเอลวิน
เจสซิก้ายืนมองคนบังอย่างนิ่งเฉย ทหารหน่วยสำรวจต่างเรียกชื่อเอลวินเพื่อให้หลบออกมาแต่เอลวินยังคงยืนอยู่แบบนั้นจนเจสซิก้าต้องถอดหายใจ
แขนขาหักไป คงจะไม่เป็นอะไรมากมั้ง
ความคิดเห็น