"เอลวินนาย..คงจะทำงานหนักไปสินะ"
เจสซิก้าพูดเหมือนเป็นห่วง แต่ใบหน้าที่จริงจังของเอลวินที่จ้องมองมาทำให้เจสซิก้าเริ่มกังวลขึ้นมาแล้วว่าเอลวินคงเอาจริง ถึงจะทำให้ชื่อเสียงของตัวเองเสื่อมเสียแต่หากมันคุณค่ามากพอที่ดึงบางสิ่งบางที่เป็นเหมือนกุญแจที่จะไขปริศนาในใจได้ เอลวินก็คงจะยอมแลก
"ฉันพูดจริงเธอต้องรับผิดชอบฉัน"
อย่างมาเก็กหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังได้มั้ย! ประโยคนี่นายต่างหากที่ต้องพูดเว้ย!!
"อะ เอ่อ วันนี่เอลวินคงจะทำงานหนักเกินไปจริงๆนั้นแหละ ขอโทษที่มารบกวนนะ"
ฮันซี่ลุกขึ้นยืนขอโทษแทนเอลวิน เจสซิก้ามองคนบอกให้รับผิดชอบด้วยแววตาที่ถ้าฆ่าได้คงฆ่าไปนานแล้ว
"ตกลง"
เจคมองพี่สาวอย่างตกใจไม่คิดว่าวันที่พี่สาวตนเองจะใช้อารมณ์เป็นใหญ่มาตัดสินสิ่งที่อาจจะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมาตัดสินในตอนนี่ แถมยังเป็นสถานการณ์ที่เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ไม่อาจจะนำกลับคืนมาได้
"พี่ เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ"
ขอล่ะเจสซิก้า ยัยโง่คลั้งชนะ ช่วยใช้สมองที่เคยใช้บริหารประเทศมาพิจารณาคำตอบใหม่เถอะนะ
"มาแต่งงานกับฉันซะ เอลวิน สมิธ"
"ยัยโง่สมองนิ่มเจสซิก้า!"
หลังจากที่ฮันซี่และมิเกะช่วยกันลากสองหัวหน้าหน่วยออกมาจากร้านบาร์ในอารมณ์ที่ต่างกันออกไป เอลวินผู้ที่ยืนค้างจนกลายเป็นหิน กับรีไวล์ที่ไม่อาจทนกับคำพูดของเจ้าของร้านบาร์ จึงแทบกระโดดเข้าไปเตะเจสซิก้าตรงเบ้าหน้า ฮันซี่แทบจะคว้าตัวออกมาไม่ทันไม่อย่างนั้นว่าที่เจ้าสาวคงได้เสียโฉมก่อนที่จะได้เป็นเจ้าสาวจริงๆ
"เธอพูดอย่างนั้นออกไปได้ยังไง"
"ก็ฉันไม่อยากแพ้นี่นา"
"อยากได้สามีจนตัวสั่นก็พูดออกมาเหอะ"
"นั้นก็ส่วนหนึ่ง"
เจคถอดหายใจยืดยาวเท่าที่จะถอดหายใจได้ การแต่งงานสำหรับมันคือเรื่องสำคัญสำหรับเจคที่เป็นลูกครึ่งเสี้ยวแวมไพร์ด้วยอายุขัยที่ถึงจะมากกว่ามนุษย์เล็กน้อย
แต่เจคคิดไว้แล้วว่าเมื่อถึงเวลาเจคก็จะหาคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างไปด้วยกันและตายไปด้วยกัน แต่เจสซิก้าอาจจะมองว่าการแต่งงานมันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่ผ่านเข้ามาและจากไป อายุขัยของเจสซิก้าอาจจะกินเวลาเป็นพันปีหมื่นปีจนกว่าจะตาย
"เจคนายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่แย่รึเปล่า"
"แย่มากด้วย แย่ชนิดที่แบบว่าฉันละสงสารเอลวินจริงๆ"
เจสซิก้าที่นั่งเขี่ยปากกาขนนกไปมา อย่างสลดเมื่อถูกตอบกลับด้วยคำถามที่เธอคาดเอาไว้อยู่ในใจ
"และพี่เองก็เป็นพี่สาวที่ดีสุดของฉันด้วย"
"เจค"
"ถ้าไอหัววิกนั้นมันทำให้พี่เสียใจบอกมาได้เลย ฉันนะอยู่ข้างพี่เสมอ"
เจคเข้าสวมกอดคนเป็นพี่สาว เจสซิก้าที่มีจิตใจค่อนข้างแข็งกระด่างยังต้องอ่อนใจกับท่าทางของน้องชายที่มีจิตใจเข้าถึงความเป็นมนุษย์มากกว่า เธอไม่เคยเข้าใจกับสิ่งที่เรียกว่าความรักที่ลึกซึ้ง แต่หากเป็นความรักของพี่น้องเจสซิก้าเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีต่อให้ผ่านไปอีกร้อยปี เธอก็ยังมีคนอยู่ข้างๆ
"เอลวินฉันเข้าไปข้างในนะ"
"เชิญ"
เมื่อมีเสียงให้อนุญาติเข้าไปข้างในได้ฮันซี่ โซเอะจึงเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับมิเกะ ตามด้วยรีไวล์เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการสำรวจครั้งต่อไป
"นั้นจดหมายอะไรกัน"
รีไวล์ถามเสียงห้วนผู้ที่เห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเอลวินในรูปของซองจดหมายท่ดูแปลกตาไปจากปกติ แต่ไม่ใช่กับฮันซี่ที่รู้ว่ามันคืออะไร
"การ์ดแต่งงานใช่ใช่หรือไง"
"คุณเจสซิก้าเขาส่งมา เรื่องนี่ช่างมันเถอะมาคุยเรื่องงานกันดีกว่า"
เอลวินวางการ์ดแต่งงานลงกับโต๊ะไว้ แต่มันยังเรียกความสนใจของทุกคนให้มองไปที่การ์ดแต่งงานสีสวยไม่หยุด
เพราะความจริงคนที่ควรส่งมาคือฝ่ายชายแต่นี่ผู้หญิงส่งมาให้
หลายวันต่อมาเจสซิก้าได้เดินทางมายังที่ทำการหน่วยสำรวจที่สภาพเหมือนไม่ได้รับการดูแลที่ดีเท่าไร ทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าจะจ้างคนมาทำความสะอาดและซ่อมแซมในหลังจากนี่ โดยอ้างมาผู้สนับสนุนเคออสเป็นคนส่ง
"ขอโทษนะคะ วันนี่ผู้บัญชาการเอลวินอยู่มั้ย พอดีว่าฉันมีธุระนะคะ"
เจสซิก้าเข้าไปถามทหารนายหนึ่งอย่างเป็นมิตร เพราะหน้าตามที่สวยคม ผมดกดำเสริมให้ใบหน้าดูน่าหลงใหลทหารที่ถูกถามได้แต่หน้าแดง แต่ก็ไม่นานนัก
"คุณเจสซิก้า"
เจสซิก้าหันไปมองคนเรียกถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร แต่เพื่อให้สมบทบาทกับการเป็นผู้หญิงที่ดีจึงหันไปมองคนเรียราวกับนางเอกในละครหลังข่าว และช้อนตามองเพื่อเพิ่มเสน่ห์อีกนิด
"สวัดดีคะคุณเอลวิน ฉันมารบกวนเวลาทำงานรึเปล่าคะ"
เอลวิน สมิธพาเจสซิก้ามานั่งห้องทำงานเพื่อหลบสายตาของทหารในหน่วย และสายตาที่หลากหลายอารมณ์ของเพื่อนร่วมงาน เจสซิก้ายังคงปั้นยิ้มไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ในใจมั่นหมายถึงคำว่าจะต้องชนะกับผู้ชายที่เดินนำทางเธอมา
"ที่นี่อาจจะรกไปหน่อย แต่คงต้องขอให้คุยกันภายในห้องนี่นะ"
เจสซิก้ามองเอกสารที่กองพะเนินสูง ในใจนึกสงสารคนตรวจเอกสารแต่หากอีกใจหนึ่งก็นึกสะใจ
" วันนี่ฉันมาเพื่อพูดถึงเรื่องการรับผิดชอบคุณ"
"นั่งสิ"
เอลวินพายมือเก้าอี้ เจสซิก้าเอ่ยขอบคุณก่อนจะพูดต่อ
"ฉันคิดว่าจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับนาย แล้วนายละคิดว่าไง"
เจสซิก้ามองคนฟังที่ยืนตัวนิ่งจนไม่อาจเดาได้เลยว่าในใจนั้นคิดอะไร ซึ่งเจสซิก้าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากขอเพียงแค่ได้ชนะคนๆนี่ คนที่ดูโดดเด่นที่สุดในสายตาของเธอจากบรรดาคนที่อยู่ภายในกำแพง
"ฉันคิดว่ามันเร็วเกินไป"
นั้นสินะ จะมาแต่งงานฟ้าแลบมันก็ยังไงๆอยู่
"งั้นนายจะพร้อมเมื่อไรละ นายเป็นคนบอกให้ฉันคนนี่รับผิดชอบที่กอดนายเองนะ"
"คุณเจสซิก้า"
เอลวินเรียกชื่อคนพูดเมื่อได้ยินประโยคที่เหมือนตนเองเป็นคนผิดกับคำพูดของอีกฝ่ายที่พูดออกมาได้โดยที่ไม่มีความเขินอาย
"เอลวิน ฉันกับนายอยู่ในวัยเดียวกันนะ อะไรที่ฉันทำผิดฉันก็พร้อมที่จะผิดชอบนายเอง"
"แปลว่าคนที่ช่วยคือคุณจริงๆ"
"ไม่ใช่"
เจสซิก้าปฏิเสธเสียงแข็ง หากเธอยอมรับออกไปนั้นแปลว่าเธอแพ้ เจสซิก้าลุกขึ้นไปดึงเอลวินเข้าหา ก่อนจะพลักตัวเอลวินลงไปนอนกับพื้นสองสายตาสบตากัน ใบหน้าของตนเองสะท้อนในดวงตาสีฟ้าสวย
"เพราะนายพูดแบบนั้น"
"................"
"เพราะนายบอกให้ฉันรับผิดชอบนาย ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ทำอะไรนายเลย"
ทั้งๆที่ฉันเป็นคนช่วยนายด้วยซ้ำ
"แล้วทำไมคุณถึงตอบตกลงละ"
"เพราะฉันเกลียดการพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรฉันจะต้องชนะ"
เจสซิก้าโน้มตัวลงให้ใบหน้าแนบชิดให้ใกล้มากกว่าเดิมจนสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจเข้าออกของตนเองและของอีกฝ่าย
"และตอนนี้ฉันกำลังต้องการคำตอบของนาย เอลวินนายจะยังให้ฉันรับผิดชอบอยู่อีกมั้ย"
ตอบมาสิว่าไม่ต้องการ
"แน่นอนคุณเจสซิก้า"
เหอะๆ ไม่ว่ายังไงนายก็จะให้ฉันเป็นหมากตัวหนึ่งในมือนายให้ได้สินะ
การพูดคุยผ่านกันไปหลายชั่วโมงจนคนที่รอดูเหตุการณ์อดคิดไม่ได้ว่าภายในห้องอาจจะมีเรื่องบางที่เกินความคาดหมาย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วภายห้องหากใครได้มานั่งฟังก็คงไม่อาจจะทนฟังกับคำพูดเสียงหวานที่อาบด้วยยาพิษ และการยั่งเชิงราวกับสงครามประสาท
จนได้ใจความว่าหากเอลวินกลับมามีชีวิตรอดจากการสำรวจก็จะแต่งงานกับเจสซิก้า แต่หากเอลวินตายทุกอย่างจะถือว่าเป็นโมฆะไปในทันทีซึ่งนั้นทำให้เจสซิก้านึกสาปแช่งเอลวินในใจไม่สนแล้วว่าเนื้อเรื่องเดิมจะเปลี่ยนไปยังไง ขอเพียงแค่เอลวินตายเธอก็จะได้ไม่ต้องแต่งงาน
"เจ้าสาวบ้าอะไรสาปแช่งเจ้าบ่าวให้ไปตาย"
"ฉันเองก็งงๆอยู่เหมือนกัน เลยเอามาบอกนายไง"
เจคคิดตามสิ่งที่เจสซิก้าเล่า บางทีจะเกี่ยวข้องกับสายเลือดของยักษ์ที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคนที่อยู่ภายใต้การปกครองมุ่งเน้นถึงสิ่งที่เรียกว่าชัยชนะ
แวมไพร์เผ่าพันธ์ที่คิดแต่เรื่องการหาคู่ครองแต่ไม่ยึดติดกับใครคนใดคนหนึ่ง
และมนุษย์สิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจที่ซับซ้อนที่สุด และทั้งหมดนี่คือเจสซิก้ารักทุกคนที่อยู่ใต้อาณัติ ไม่คิดจะยึดติดกับใคร และมีจิตใจที่ซับซ้อนจนยากจะเข้าใจได้
"เฮ้อ.... เอาเป็นว่ายังไงเอลวินก็ต้องมีชีวิตรอดกลับมาตามเนื้อเรื่องสินะ"
"นั้นก็ใช่ เพราะงั้นที่ฉันแอบแช่งไปคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง"
เจสซิก้าลุกขึ้นเพื่อไปดูงานของตนต่อ วันนี่ตารางของเธอไม่มีอะไรหากไม่นับร่วมกับจดหมายที่ถูกส่งมาจากชนชั้นสูงนะ
"คริส?"
เจสซิก้าที่กำลังทำความสะอาดร้านเอ่ยทักทายลูกค้าที่ไม่ได้มานานจนเธอคิดว่าถูกไททันกินไปแล้ว
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
"นายยังเหลือลูกค้าอีก2 คน อย่าตายก่อนซะละ"
เจสซิก้าหยิบขวดเหล้ารสใหม่ให้แก่เจค ก่อนจะเตรียมแก้วให้คนละใบ ไม่ได้เจอกันนานก็ขอดื่มให้คิดถึง
"รสชาติเหมือนข้าวเลยแฮะ"
คริสพูดชมรสชาติใหม่ เจสซิก้ายิ้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนเหล้ารสใหม่ถูกชม เจคที่เดินตามมาทีหลังมองภาพบรรยากาศที่คุ้นเคย ในยามที่ตนกลับมานอนที่ร้านของเจสซิก้าในโลกเก่าภาพที่เห็นมักเป็นเจสซิก้านั่งดื่มคุยกับลูกค้าด้วยรอยยิ้มเสมอ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุข เป็นรอยยิ้มที่เจคอยากจะให้เป็นแบบนี่ไปนานๆ
"เจอรี่เดียววันนี่ฉันไปคุยงานกับพ่อค้า"
"อืม อย่าไปข่มขู่พวกเขาให้มากละ"
เพราะเจคมีวาดศิปลในการเจรจา ไหนจะความรู้ที่มีมากกว่าคนในกำแพง การเจรจาทางธุรกิจจึงมักจะสำเร็จอยู่เสมอ
"ฉันได้ข่าวว่าคุณกำลังจะแต่งงาน"
"ก็ถูก"
เมื่อเจคเดินออกจากร้านไปแล้ว คริสหันมาพูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี่ เจสซิก้านึกสงสัยในใจว่าใครมันเอาไปพูดลือกัน หากได้รู้ตัวจะได้ดึงหูที่ชอบสอดรู้สอดเห็นให้มันขาด
"ตกใจเลยแฮะ ไม่นึกว่าเจ้าสาวของผู้บังคับจะเป็นคุณ"
"ทำไมละ"
"ก็...ฉันไม่เคยเห็นผู้บัญชาการคุยกับผู้หญิงคนไหน นอกจากคนในหน่วย แถมยังมีข่าวลือว่าแอบคบลับๆกับหัวหน้ารีไวล์"
เจสซิก้าคิดตามที่คริสพูด อันที่จริงมันก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรที่ทุกคนจะคิดแบบนี่ เป็นผู้ชายที่ไม่มีวี่แววว่าจะคบหากับใคร ไปไหนมาไหนกับรีไวล์อยู่เสมอ บางครั้งก็ควรสงสัยจริงๆนั้นแหละ
"คุณเจสซิก้าคุณจะแต่งงานกับผู้บัญชาการเอลวินจริงๆเหรอคะ"
คราวนี่เป็นพนักงานในร้านถาม
"อืม ถ้าเขากลับมาได้หลังการสำรวจครั้งต่อไปนะ"
"คุณเจสซิก้าคะ ฉันเป็นห่วงคุณนะคะ"
พนักงานพูดด้วยสีหน้ากังวล แม้กระทั้งคริสยังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ฉันไม่เข้าใจเท่าไร"
"ทหารหน่วยสำรวจมักจะตายไวนะคะ ต่อให้เป็นผู้บัญชาการก็ตามดิฉันกลัวว่า"
คนพูดเว้นช่วงเอาไว้เพราะเกรงใจคนฟัง
"แอนนาฉันเองก็เตรียมใจในเรื่องนี่ไว้แล้ว ฉันนะกำลังจะเป็นภรรยาของทหาร เพราะฉะนั้นฉันไม่เสียใจกับทางที่ฉันเลือกหรอก"
ที่จริงฉันโครตเสียใจเล้ย อีผีแม่งทำไมตอนนั้นถึงพูดออกไปแบบนั้นวะ
เจสซิก้าที่คิดอย่างพูดเรียกชื่อพนักงาน แอนนาหน้าเสียไปในทันทีเพราะมันก็หมายความว่าตอนนี่เธอกำลังแช่งทางอ้อมให้เจ้านายตัวเองเป็นม่ายเร็วๆ
"อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ทุกคนต่างมุมมองต่างความคิดขอบใจที่เป็นห่วงนะ แต่คนอย่างเอลวินตายยากนะ"
เจสซิก้าลูบหัวแอนนาราวกับผู้ใหญ่ปลอบเด็กที่ทำผิด
"ทหารหน่วยสำรวจพวกเขาน่าชื่นชมอยู่อย่างหนึ่ง นั้นคือพวกเขากล้าที่จะเสี่ยงกับสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่ามันอันตราย ฉันชอบคนที่กล้าหาญ เพราะฉะนั้นการที่เธอมีความกล้าที่มาพูดเรื่องนี่กับฉัน"
เจสซิก้าเว้นคำพูดเอาไว้แอนนา มองรอคำพูดต่อไปของเจ้านาย ไม่ใช่เพียงแค่แอนนา พนักงานในร้านต่างก็รอคำพูดต่อไปที่อาจจะเป็นตัวตัดสินว่าแอนนาจะได้ทำงานในร้านนี่ต่อไปหรือไม่
"มันทำให้ฉันดีใจมากเลยละ"
"คุณเจสซิก้า"
แอนนาเช็ดน้ำตาอย่างซาบซึ้ง เพราะร้านนี่ตนเองจึงมีเงินไปจุนเจือครอบครัว เมื่อตอนที่แม่ของตนเองตั้งท้องอีกครั้งเจสซิก้าที่รู้ข่าวก็ส่งของที่จำเป็นสำหรับเด็กเป็นการช่วยเหลือ
"ทำไมคุณยังไม่เข้าไปอีกละพี่สาวฉันก็ยังอยู่ข้างในนะ"
เจคที่ยืนเป็นเพื่อนเอลวินถามคนที่ยังไม่เข้าไปในร้าน ไม่รู้ว่าเอลวินจะได้ยินสิ่งที่เจสซิก้าพูดอยู่รึเปล่า แต่หากได้ยินก็ถือว่าโชคดีมากที่มาได้ยินเพราะอย่างน้อยคำพูดของเจสซิก้านั้นไม่มีประโยคไหนที่เป็นเชิงโจมตีหน่วยสำรวจเลย เอลวินมองคนที่ยืนเป็นเพื่อนที่จำได้ว่าเป็นน้องชายของเจสซิก้า
"คุณไม่ไปทำธุระของคุณต่อแล้วเหรอ?"
เอลวินยังต้องขอเวลาทำใจ เจสซิก้าโครตกล้าขอผู้แต่งงาน55555
ตอนแรกกะจะให้เจคเป็นคนเถียงแต่คิดไปคิดมาเดียวมีมวยแล้วยาว
ความคิดเห็น