ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The labyrinth of Deathเขาวงกตปริศนา...ล่ามรณะ

    ลำดับตอนที่ #2 : New member 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 41
      0
      16 ก.ย. 56

                                         2

                                   New member

                          ไม่ว่าใครก็สามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่กลุ่มที่ดีนัก และปัญหาแย่ๆจะต้องตามมาอย่างแน่นอน  

         ลอว์ช่าเก็บค่ายเสร็จแล้วและเริ่มเดินทางต่อโดยที่ไม่รอคนที่เหลือ แต่โฟธิสก็หอบแฮ่กวิ่งตามเธอมาจนทัน “นี่เธอจะไปไหนน่ะ” เขาถามทั้งๆที่ยังหอบอยู่

       แน่นอนว่าไม่มีคำตอบจากลอว์ช่า เธอเร่งฝีเท้าไปข้างหน้าอีก แต่โฟธิสก็วิ่งมาขวางหน้า “ถอยไป” เด็กสาวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด แต่เขาไม่ฟัง เขารู้ว่าลอว์ช่าจำเป็นต่อกลุ่มและความปลอดภัยในเขาวงกตมาก จำเป็นจนขาดไม่ได้

        โฟธิสก้าวถอยหลังไปโดยอัตโนมัติและมองมีดยาวคมกริบวาววับกลางแสงอันริบหรี่ของคบไฟที่จ่ออยู่หน้าลำคอของเขา สีหน้าเรียบเฉยของลอว์ช่าไม่บ่งบอกว่าเธอล้อเล่น เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเธอเอาจริงแน่ถ้าเขายังไม่ถอย แต่โฟธิสก็ยังคงยืนประจันหน้ากับเด็กสาว

          “ลอว์ช่า...ถ้าเธอออกจากกลุ่มไปโอกาสที่จะรอดก็ยิ่งน้อยลง ไปเป็นกลุ่มน่าจะปลอดภัยกว่าไปคนเดียวไม่ใช่เหรอ” เด็กสาวดึงเป้ให้แนบกับแผ่นหลังมากขึ้นก่อนจะโต้ตอบด้วยแววตาเย็นชา “ไปเป็นกลุ่มยิ่งวุ่นวาย สิ่งมีชีวิตอินทรีย์เชื่อถือไม่ได้ คนมากเรื่องมา แล้วอีกอย่างนะ ถ้าฉันเจอกับดัก ฉันจะแก้ปัญหาได้สะดวกกว่ามีตัวถ่วงแข้งถ่วงขา” โฟธิสมั่นใจเต็มร้อยเลยว่าสิ่งมีชีวิตอินทรีย์ที่ว่าคือพวกเขา และตัวถ่วงแข้งถ่วงขาก็คงจะเป็นพวกเขาอีกเช่นกัน

           เด็กหนุ่มคิดว่าเขาคงยื้อลอว์ช่าที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชีวิตรอดไว้ไม่ได้แล้ว แต่จู่ๆดวงตาสีทองก็เบิกกว้างอย่างคนตกใจ และลอว์ช่าก็ยอมกลับไปที่แคมป์ง่ายๆซะอย่างนั้น ซึ่งในความเห็นของโฟธิส มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว

        พอพวกเขาเริ่มเดินทางต่อ บรรยากาศรอบตัวจากผนังหินมืดทึมก็เปลี่ยนเป็นทางเดินน้ำแข็งที่มีต้นไม้สูงชะลูดปลูกอยู่ริมทาง พวกเขาไม่สามารถเดินลอดผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ได้ มันเหมือนกับมีกำแพงล่องหนกั้นอยู่ เพราะฉะนั้นทางเลือกจึงเหลือเพียงแค่เดินตามทางเดินไปเท่านั้น

        และแล้วสัญญาณแห่งความเลวร้ายก็เริ่มต้นขึ้น แคโรไลน์ลื่นไถลไปกับทางเดินน้ำแข็งเย็นเฉียบอย่างรวดเร็วจนแทบจะคว้าไว้ไม่ทัน ลางสังหรณ์ของทุกคนเริ่มส่งเสียงเตือนภัยในหัว แคโรไลน์เองก็ดูขวัญเสียไม่น้อย ความมืดมิดที่แปลกประหลาดโรยตัวมาอย่างรวดเร็ว

         “พักก่อนละกัน แบบนี้เดินทางต่อไม่ไหวหรอก” ลอว์ช่าเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก อยู่ๆก็สว่างอยู่ๆก็มืดแบบนี้ไม่ดีแน่ “เราต้องพัก” เธอตัดสินใจ และก็ถือว่าเป็นโชคดีที่ลอว์ช่าอนุญาตให้พวกเขาเข้าไปในเต็นท์ได้ พวกเขาเลยไม่ต้องนั่งอยู่กลางความมืดมิดด้านนอก

        แสงสลัวรางจากโคมไฟอันเล็กส่องกระทบเสี้ยวหน้าของเด็กสาว ในวินาทีนั้นเธอดู...สวยงาม เปราะบาง และเศร้าสร้อยจนไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาสีทองเปล่งประกายเรื่อเรืองใต้เงามืด ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปอย่างเงียบสงบ แต่แล้วแคโรไลน์ก็ตัวสั่นระริกและเขยิบเข้ามาหาพวกเขา

      เธอเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “เธอ...พวกเธอได้ยิน...ได้ยิน...เสียงนั่น..หรือเปล่า” โฟธิสส่ายหน้าทันที คาร์ลอสเงี่ยหูฟัง แต่คนที่มีปฏิกริยาชัดมากที่สุดคือลอว์ช่า เธอดึงมีดเล่มยาวออกจากซองหนังทันทีและกระซิบกับพวกเขาด้วยเสียงที่เบาที่สุด
        
        "หมาป่า...สิบถึงสิบห้าตัว ฉันไม่รู้ว่ามันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่ไม่ใช่เรื่องดี"  โฟธิสพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ตอนนี้เขาได้ยินเสียงคำรามของหมาป่าแล้ว มันเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม แล้วเสียงของหมาป่าก็เงียบไป
          
                                                                                                 โฮกกก!!!

        พวกเขาสะดุ้งสุดตัว เสียงคำรามนี่ดังมาจากรอบๆเต็นท์  เป็นระยะที่ใกล้จนน่าหวาดผวาทีเดียว ลอว์ช่าถืออาวุธในท่าเตรียมพร้อม แววตาของเธอคมกริบและนิ่งสงบราวกับสัตว์นักล่า และเธอก็ทำให้สิ่งที่ไม่มีใครคาดถึง

         เด็กสาววิ่งออกไปจากเต็นท์ที่น่าจะเป็นฐานที่มั่นอันปลอดภัยที่สุดในเวลานี้ ร่างปราดเปรียวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนเขาห้ามไว้ไม่ทัน แต่ก่อนที่โฟธิสจะวิ่งตามออกไป เสียงใสของลอว์ช่าก็ตะโกนมาก่อน "ปืนในเต็นท์!!!" 

         เขาเข้าใจทันทีว่าลอว์ช่าต้องการอะไร แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าในเมื่อเธอมีปืนแล้วจะออกไปลุยเดี่ยวกับมีดเล่มหนึ่งเพื่ออะไร การโดนหมาป่าทึ้งเป็นชิ้นๆน่ะ มันไม่เข้าใกล้คำนิยามคำว่า'ตลก'ของเขาเลยแม้แต่น้อย 

       ภายในเต็นท์ด้านในเต็มไปด้วยกระดาษที่ร่างอะไรสักอย่างไว้ที่ใส่แฟ้มอย่างเรียบร้อย บวกกับที่โฟธิสเข้ามาแบบรีบไปหน่อย แรงลมเลยพัดกระดาษไขเขียนแบบที่กองๆอยู่บนโต๊ะปลิวว่อนไปทั่วจนทำให้เขาหาปืนที่ลอว์ช่าว่าได้ยากสุดๆเพราะในที่นี้มีทุกอย่างตั้งแต่เศษเหล็ก กาว ค้อน แผ่นเงินสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีหมุดทองแดงฝังไว้ครึ่งๆกลางๆยันลูกโลหะยักษ์ทรงกลมที่มีไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะๆตลอด

        "อยู่ไหนนะ เร็วสิ อยู่ไหน..."โฟธิสกวาดตามองไปมาด้วยแววตาว้าวุ่น แล้วเขาก็ยิ่งลนมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของลอว์ช่า "โฟธิส!!!"เสียงของเธอกรีดดังราวกับหวาดกลัวถึงขีดสุดอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน 

       เสียงร้องของแคโรไลน์ดังขึ้นมา เขายิ่งลนลานมากขึ้นไปอีก แต่สุดท้ายดวงตาสีเขียวอ่อนก็กวาดไปเจอวัตถุที่ยังเคลือบสีไม่เสร็จที่ซุกอยู่ใต้ผ้าขัดโลหะกับกระดาษทรายและอุปกรณ์พิลึกๆที่เขาไม่รู้จัก เขารีบคว้ามันและวิ่งออกไปด้วยใจที่เต้นรัวด้วยความกลัวล้วนๆ  

       สถานการณ์ภายนอกแย่กว่าที่เขาคิดไว้ล้านเท่า โฟธิสคิดว่าลอว์ช่าจะต้านได้อย่างสง่างาม ความจริงคือมันไม่ใช่เลย เธอต้านศัตรูไว้ได้ด้วยเล่ห์กล ไม่ใช่กำลัง เธอเคลื่อนหลบราวกับเธอคำนวณการโจมตีของหมาป่าไว้แล้ว แต่สภาพของเด็กสาวก็ยังสะบักสะบอมเอาเรื่อง แถมยังไม่มีหมาป่าตัวไหนล้มลงไปเลยสักตัว 

        "หยุดอ้าปากหวอแล้วมาช่วยๆกัน อย่าทำตัวไร้ประโยชน์!!" ลอว์ช่าตะโกนสั่งการด้วยประโยคจิกกัดโดยที่ไม่หันมามองด้วยซ้ำ แต่อาจจะเป็นเพราะเธอเสียสมาธิ หมาป่าตัวหนึ่งก็กระโจนใส่เธอจนล้มลง 
       
        ราวกับว่าเวลาจะเดินช้าลง ลอว์ช่ารู้ตัวว่ากำลังจะตาย แต่ลูกธนูสีเงินที่ไม่รู้ว่าพุ่งมาจากไหนก็เสียบทะลุท้ายทอยของหมาป่าตัวที่คร่อมเธออยู่ได้อย่างทันท่วงที มันร้องเสียงแหลมก่อนจะสลายเป็นไอในวินาทีต่อมา พอลอว์ช่าลุกขึ้น นอกจากร่องรอยการต่อสู้ที่วุ่นวายแล้ว ก็ไม่มีวี่แววสัตว์ดุร้ายพวกนั้นเลย 

          ทว่านัยน์ตาสีทองสุกใสไม่ได้จ้องอยู่ที่กองเลือดสีแดงฉานบนพื้น ดวงตาของเธอสะท้อนภาพของเด็กสาวอายุประมาณสิบหกปี เรือนผมสีดำสนิทยาวถึงเอวย้อมปลายเป็นสีฟ้าสด ดวงตาสีฟ้าราวกับไฟฟ้าหลุบลงต่ำ เธอถือคันธนูสีเงินและสะพายแล่งธนูที่บรรจุลูกศรแบบเดียวกับที่สังหารหมาป่าพวกนั้นอยู่ ไหล่อีกข้างสะพายเป้เดินป่า เธอก้าวออกมาหาพวกเขาก้าวหนึ่ง แต่ลอว์ช่าก็ถอยหลังกลับมาและถือมีดเตรียมพร้อม เพราะเธอรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้...อันตราย

           ฝ่ายตรงข้ามก็ถอยกลับมายืนในตำแหน่งเดิม เธอปลดอาวุธของตัวเองวางไว้บนพื้นพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ "ฉันชื่อโซอี้ โซอีเดีย เอริไนซ์...พวกเธอล่ะ" 

        ลอว์ช่าลดอาวุธลง ดวงตาสีทองคลายความระแวงลงไปบ้าง แต่เธอก็ยังพร้อมโจมตี กลิ่นอายอันตรายรอบตัวของโซอี้..หรือโซอีเดียยังไม่จางลง รอยยิ้มสบายๆของเธอไม่ได้ให้ความรู้สึกปลอดภัยแม้แต่น้อย 

        "ลอว์ช่า เกรซ" เธอยอมเก็บอาวุธในที่สุด ทำให้คนอื่นๆที่เหลือผ่อนคลายลง โซอี้หยิบธนูขึ้นมาถือไว้เหมือนเดิม คนที่เหลือก็เริ่มแนะนำตัวบ้าง "โฟธิส" "แคโรไลน์" "คาร์ลอส" พวกเขายิ้มให้'เพื่อนใหม่'ด้วยความเป็นมิตร โซอี้เองก็ส่งยิ้มกลับ มีแต่ลอว์ช่าที่ยังคงทำตัวขวางโลกเหมือนเดิม 

        คณะเดินทางดูเหมือนจะมีบรรยากาศสบายๆกว่าเดิมเมื่อมีโซอี้เข้ามา สาวน้อยนักธนูคนนี้มีพรสวรรค์ในการทำให้คนอารมณ์ดีได้แม้เธอจะมีสีหน้าเรียบเฉยเกือบตลอดเวลา แถมทักษะต่างๆของเธอหากไม่นับเรื่องงานช่างแล้ว เธอก็เก่งไม่แพ้ลอว์ช่าเลย

        จู่ๆลอว์ช่าที่นั่งฟังโซอี้คุยอยู่ตั้งนานก็แทรกขึ้นมา "เราควรจะไปกันได้แล้ว" โซอี้ยิ้ม "ฉันว่าเราควรจะพักต่อสักหน่อย แคโรไลน์ยังเจ็บขาอยู่เลยนะ" เธอโน้มน้าวด้วยความใจเย็น นัยน์ตาสีฟ้าสดสบลึกเข้าไปในดวงตาสีทองของลอว์ช่า เด็กสาวไม่ชอบการสบตาแบบนี้ มันเหมือนกับว่าโซอี้กำลังอ่านความรู้สึกนึกคิดของเธออยู่ แววตาสีฟ้าใสกระจ่างนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ฉลาดและอ่านทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งกว่าที่ใครๆจะทำได้

        ทั้งสองคนแข่งจ้องตากันสักพักหนึ่ง จนในที่สุดลอว์ช่าก็ยอมแพ้ "ก็ได้...แค่แป๊บเดียวนะ" เธอยืดตัวขึ้นเตรียมจะเดินเข้าไปในเต็นท์ แต่โซอี้ก็เรียกเธอไว้ก่อน "ลอว์ช่า"

        "หืม?" เด็กสาวตอบรับ โซอีเดียยิ้มอย่างมีเลศนัย "คิด...แต่ไม่พูดน่ะ ไม่มีใครรู้หรอกนะว่าเธอคิดอะไรอยู่" เสียงใสที่ปกติติดจะเศร้าๆแฝงด้วยแววหยอกเย้าอย่างขบขันเล็กน้อย "ไม่ใช่เรื่องของเธอ" ลอว์ช่าตอกกลับด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด แต่แววตาอบอุ่นของโซอี้ก็ซ่อนความร้ายกาจไว้อย่างแนบเนียนไม่แพ้กัน 

        คาร์ลอสผู้อยู่เงียบๆมานานเลยเอ่ยแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นบรรยากาศดูมาคุชอบกล "อ่า..ลอว์ช่า โซอี้...พวกเธอคุยอะไร.."  เขาพูดไม่ทันจบประโยคดี ลอว์ช่าก็เดินเข้าไปในเต็นท์เฉย แถมคู่กรณีของเธอที่ยังนั่งอยู่ไม่ขยับไปไหนก็ไม่ยอมอธิบายอะไร แถมยังยิ้มพรายเหมือนได้ของเล่นสนุก

        "เฮ้!" โฟธิสสะกิดโซอี้เบาๆ "ลอว์ช่าเขาเป็นอะไรเหรอ แล้วเมื่อกี้...คุยกันเรื่องอะไร" เขาถามเสียงเบา "ฮะๆ ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก ลอว์ช่าก็แค่อารมณ์เสียเพราะนายเท่านั้น" 

        เด็กหนุ่มเงียบไปสักพัก ก่อนจะทำหน้าเอ๋อและชี้นิ้วใส่ตัวเอง "ฉัน?" ไม่รู้ว่าโฟธิสทำหน้าปัญญาอ่อนมากเกินไปหรืออะไร โซอี้หัวเราะคิกคักออกมาอย่างไม่เกรงใจ เธอเอานิ้วชี้ทาบริมฝีปากราวกับว่านี่เป็นมุกวงในที่รู้กันไม่กี่คนและหันไปสบตากับแคโรไลน์อย่างรู้กัน

       แคโรไลน์ตบบ่าของโฟธิสด้วยอารมณ์ขัน คราวนี้แม้แต่คาร์ลอสที่เงียบไปตอนแรกก็ยังหัวเราะออกมา โฟธิสจ้องดวงตาสีฟ้าสามคู่สลับไปมาอย่างงุนงง และเด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสดก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงปราม "เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะ ฉันว่านะ..." 

          จู่ๆประตูเต็นท์ก็เปิดออก ขัดจังหวะคำพูดของโซอี้พอดี "ไปกันได้แล้ว" ลอว์ช่าออกคำสั่งโดยที่ไม่รับฟังเสียงโอดครวญใดๆอีก อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าท้องฟ้าจะสว่างแล้ว แต่สภาพอากาศตอนนี้ก็หนาวจนแทบแข็ง มีแต่โซอี้กับลอว์ช่าที่ยังทนได้ เพราะการแต่กายของโซอี้ก็ค่อนข้างจะรัดกุมและเหมาะกับอากาศหนาว ส่วนลอว์ช่าก็สวมเสื้อกันหนาวที่ดูมอมๆ 

        "ฉะ..ฉัน..ไม่..ไหว...ละ..แล้ว...หนาว..." แคโรไลน์กอดตัวเองแน่น ปากซีดด้วยความหนาวเหน็บ คาร์ลอสกับโฟธิสก็ไม่ต่างกัน แต่สองคนนั้นมีสภาพดีกว่าเล็กน้อย 

       โซอี้คุกเข่าลงประคองแคโรไลน์ที่ทรุดไปนั่งบนพื้นน้ำแข็งให้ลุกขึ้นและถอดเสื้อแจ็คเก็ตทหารที่สวมอยู่ให้แคโรไลน์ "ฉันไหว เธอเอาไปก่อน" เด็กสาวกระซิบ ไหล่ที่สั่นเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าเธอก็หนาวเหมือนกัน แต่ก่อนที่แคโรไลน์จะได้พูดอะไรตอบไป เสียงของลอว์ช่าก็กรีดขึ้นมา 

                                                                                          "ซาเรียน!!!"

        ทุกคนชะงักงัน และวินาทีที่ทุกอย่างเหมือนช้าลง ลอว์ช่าก็วิ่งออกไปเหมือนกับเธอไขว่คว้าอะไรบางอย่าง และคนที่มีปฏิกริยาแปลกประหลาดที่สุดคือโซอี้

       เธอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างลืมตัว นัยน์ตาสีฟ้าสดสั่นระริก...เหมือนคนกำลังทรมาน และเสี้ยววินาทีต่อมา สีหน้าของเธอก็กลับมาปกติ "ตามลอว์ช่าไป" เธอสั่ง ก่อนจะวิ่งตามลอว์ช่าไปเป็นคนแรก คนที่เหลือเลยวิ่งตาม เพราะลอว์ช่าก็ล่วงหน้าไปไกลแล้ว ส่วนโซอี้ก็วิ่งเร็วราวกับบิน 

                                                                          เปรี๊ยะ!...เปรี๊ยะ!...ครืน!

          ในจังหวะที่โซอี้เกือบคว้าตัวลอว์ช่าได้ พื้นน้ำแข็งก็เริ่มร้าวและแตกลงเป็นเหวขนาดใหญ่ที่ดึงพวกเขาทั้งหมดให้ร่วงหล่นลงไป!
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ตอนที่สองค่ะ เปิดตัวตัวละครตัวใหม่ด้วย (เย้!)

                                                                               โซอี้: โซอีเดีย เอริไนซ์
                                                                                คำจำกัดความอาชีพ: พรานสาวนักธนู
                                                                               คาแรกเตอร์:คือขี้เล่น กวนโมโห อ่านความรู้สึกคนเก่ง
                                                                               ความสามารถ:โจมตีระยะไกลสุดยอด ระยะประชิดห่วยแตก
                                                                                อาวุธ:ธนู
                                                                                ตา:ฟ้า(electric blue)
                                                                               ผม:ดำ ย้อมปลายสีฟ้า
    ตอนที่สาม=ทางเดินถล่ม กลุ่มแตกแยก โดนโจมตี ผล=???
    ====================================================================================
                                                                                  ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×