ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The labyrinth of Deathเขาวงกตปริศนา...ล่ามรณะ

    ลำดับตอนที่ #3 : Bad team 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 45
      0
      1 ต.ค. 56

                                                                   Bad team
                                                   3

         
    ขณะที่ร่างของลอว์ช่าร่วงหล่นลงไปในหุบเหวอย่างไร้การควบคุม  จิตใจของเธอก็เหมือนจะดำดิ่งลงสู่ห้วงอดีต ภาพแผ่นหลังเล็กๆของเด็กหญิงตัวน้อยที่เธอวิ่งตามไปยังสะท้อนอยู่ในแววตา เสียงหัวเราะสดใสเหมือนครั้งที่ 'ซาเรียน' ยังมีชีวิตก้องอยู่ในหู ช่วงเวลาที่เธอยังมีน้องสาวตัวน้อยอยู่ข้างๆวูบวาบผ่านสมองไปเหมือนเธอดูหนังสิบกว่าเรื่องพร้อมกัน และช่วงเวลาหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอย่างเด่นชัดที่สุด

           'พี่ควรจะออกมาที่นี่บ่อยๆนะคะ' เด็กหญิงผมสีบลอนด์ส่งยิ้มร่าเริงขณะยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้ให้ลอว์ช่าในอดีต 'พี่ยุ่งน่ะ ซาเรียน ไม่มีเวลาออกมาหรอก'  เธอตอบปัดๆไปด้วยน้ำเสียงอ่อนกว่าปกติ 

          ซาเรียนหัวเราะออกมาอย่างแจ่มใส 'ก็พี่เอาแต่ยุ่งกับจักรกลนี่คะ จะไปมีเวลาได้ยังไง' นัยน์ตาสีเดียวกับท้องฟ้าไร้เมฆส่องประกายร่าเริง เธอกางแขนออกและหมุนตัวไปมาเหมือนจะโอบกอดโลกทั้งใบ 'หนูชอบที่นี่มากค่ะ ทุ่งดอกไม้หลากสี ท้องฟ้าสวยๆ แล้วก็ลมเย็นๆ ทีหลังเรามาปิกนิกที่นี่กันดีมั้ยคะ' เธอละสายตาจากท้องฟ้ากว้างใหญ่มามองลอว์ช่าแทน แววตาของเธอฉายแววคาดหวังขณะจ้องมองพี่สาวด้วยท่าทางราวกับลูกแมวตัวน้อยๆ 

         ลอว์ช่าไม่ได้ตอบคำขอร้องนั้น เธอจ้องดอกไม้รอบตัวเขม็งจนซาเรียนใจเสีย 'ถ้าพี่ไม่ชอบปิกนิกก็ไม่เป็นไรนะคะ' เธอพูดเสียงอ่อยๆทำให้คนเป็นพี่ปรับสีหน้าลงมา 'ไม่หรอก...ซาเรียน พี่แค่คิดอะไรอยู่เท่านั้น' เด็กสาวขยี้ผมสีบลอนด์ของซาเรียนอย่างเอ็นดู 

         เมื่อเด็กหญิงเห็นว่าพี่สาวไม่ได้โกรธ เธอเลยย่อตัวเด็ดดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ดูบอบบางขึ้นมาส่งให้ลอว์ช่า 'หนูชอบดอกไม้สีขาว...แล้วพี่ละคะ ชอบดอกไม้สีอะไร?'

          
    ความเจ็บปวดจากการตกกระแทกพื้นทำให้ภาพในหัวพร่าเลือนและสายตาก็กลับมามองเห็นบรรยากาศปกติอีกครั้ง แต่คำถามที่ซาเรียนถามเธอก่อนที่ภาพทั้งหมดจะดับวูบไปยังสะท้อนไปมาในสมอง

                                             'หนูชอบดอกไม้สีขาว...แล้วพี่ละคะ ชอบดอกไม้สีอะไร?'

         เธอสลัดภาพและเสียงนั้นออกไปโดยอัตโนมัติก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้นและทรุดลงอีกครั้ง ลอว์ช่าต้องใช้ความพยายามอีกหลายครั้งเพื่อยันตัวลุกขึ้นและประคองตัวเองอย่างยากลำบาก 

         "ลอว์ช่า! นั่นเธอใช่มั้ย!!" เสียงใสของโซอี้ดังมาจากที่ไกลๆ แล้วประมาณห้านาทีต่อมา เธอก็วิ่งมาอยู่ข้างหน้าลอว์ช่า "ฉันเจออีกสามคนที่เหลือแล้ว ไม่มีใครครบสามสิบสองสักคน" เด็กสาวพูดรัวเร็วจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่ลอว์ช่าก็ตอบรับด้วยความฉับไว "ที่ไหน?" เธอถาม

        โซอี้จับมือของลอว์ช่าไว้และลากกึ่งประคองเธอไปหาอีกสามคนอย่างทุลักทุเล พอเธอเห็นสภาพของสามคนนั้นแล้วสีหน้าของลอว์ช่าก็ซีดลง 

         อาการบาดเจ็บของเธอดูเบาะๆไปเลยเมื่อเทียบกับแคโรไลน์ โฟธิสและคาร์ลอส เด็กสาวผมสีบลอนด์คนนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลที่บางแห่งมีกระดูกทะลุออกมา ส่วนอีกสองคนก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไร 

        เมื่อเทียบกับลอว์ช่าแล้ว โซอี้ดูจะมีสติกว่ามาก นักธนูสาวหยิบตลับยาขึ้นมาจากกางเกงทหารของเธอและทายาลงบนบาดแผลของแคโรไลน์อย่างเบามือ เนื้อขี้ผึ้งสีเหลืองอ่อนซึมลงไปในผิวบางและเยียวยาอาการบาดเจ็บช้าๆ เธอส่งม้วนผ้าพันแผลให้ลอว์ช่าช่วยทำแผล

        ทุกคนมีท่าทางดีขึ้นเมื่อทำแผลเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่แผลบางจุดที่มีกระดูกหักออกมาและเกินความสามารถของโซอี้ที่จะรักษามันได้  "เธอไม่เป็นอะไรเลยเหรอ" เธอมองพรานสาวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ การตกจากความสูงขนาดนั้น...เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่บาดเจ็บเลย

        โซอี้ยิ้มเนือยๆ "ไหล่หลุด ไม่ค่อยจะเป็นอะไรเท่าไรเลยเนอะ ดันให้เข้าที่ก็จบแล้ว" น้ำเสียงของเธอติดจะประชดประชันมากกว่าจะตอบดีๆ แต่ลอว์ช่าก็ไม่สนใจนัก 

         "เธอเฝ้ายามได้มั้ย" เด็กสาวถามเบาๆพอได้ยินกันสองคน แต่โซอี้ยังไม่ทันได้ตอบอะไรเสียงของคนๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาก่อน "ก็เพราะใครล่ะ....พวกเราถึงเจ็บตัวแบบนี้น่ะ" น้ำเสียงและสายตาทิ่มแทงจากคนที่นอนเจ็บอยู่เรียกให้ลอว์ช่าหันกลับไปดู เธอรู้สึกเหมือนกับว่าวินาทีที่ตัวเองหันหลังกลับไปเหมือนมีลมพุ่งมากระทบใบหน้า เด็กสาวนิ่งอึ้งด้วยความตกใจ

         และในวินาทีที่หมัดที่พุ่งออกมากำลังจะกระทบตัวลอว์ช่า โซอี้ก็ล็อกแขนของคาร์ลอสไว้ได้ทัน "คนเจ็บห้ามขยับตัวซี้ซั้วนะคะ" เธอกระซิบข้างหูเด็กหนุ่มเป็นเชิงเตือนและวางเขาลงที่เดิม 

         ลอว์ช่าก้าวถอยหลังอย่างตกใจ "ขอบใจนะ" เธอพึมพำขอบคุณโซอี้เบาๆและได้คำตอบจากอีกฝ่ายเป็นรอยยิ้ม "ไม่เป็นไร เธอรีบตั้งค่ายละกัน ฉันจะได้ย้ายพวกเขาเข้าไปทำแผลต่อ ข้างนอกอากาศเย็นเกินไป" โซอี้ขอร้องกึ่งออกคำสั่ง

       เด็กสาวตอบรับก่อนที่จะลงมือตั้งเต็นท์ที่มีกล
    ไกอันล้ำเลิศทำให้ใช้เวลาแค่สองสามนาทีเต็นท์ก็ตั้งขึ้นเรียบร้อย ทั้งคู่ช่วยกันย้ายคนที่บาดเจ็บสาหัสสามคนเข้าไปด้านใน แม้ว่าทั้งสามคนจะส่งสายตาทิ่มแทงใส่ลอว์ช่าตลอดเวลาก็ตาม แต่ก็ถือว่าโชคดีที่พวกเขาไม่ได้ด่าอะไรออกมา

       โซอี้ผสมยาให้พวกเขาดื่มและรอสักพักให้หลับไปเธอถึงจะเดินเข้าไปหาลอว์ช่าที่นั่งอยู่มุมเต็นท์ด้านใน ปลายนิ้วเรียวของเธอแสัมผัสแผ่นโลหะฝังหมุดที่เชื่อมหมุดแต่ละตัวด้วยสายไฟมากมาย "เธอทำอะไรอยู่น่ะ" โซอี้ถามอย่างสนใจ

       "ปรับระบบป้องกันของเต็นท์ ความจริงฉันกำลังทำแผ่นควบคุมใหม่อยู่ แต่ยังไม่เสร็จ" ลอว์ช่าตอบ ซึ่งโซอี้ก็พยักหน้าและนั่งลงข้างๆเธอ "พวกเขาหลับไปแล้ว ฉันไม่อยากกวนคนเจ็บ ยาที่ฉันให้ก็แค่แก้ปวดกับเป็นยานอนหลับอ่อนๆ ฉันคิดว่ามันอาจจะทำให้พวกเขาดีขึ้นบ้าง" เธอรายงาน

         แล้วเด็กสาวนัยน์ตาสีทองก็เบนดวงตาแวววาวราวกับโลหะของเธอมาจ้องโซอี้และวางแผ่นโลหะในมือลงบนตัก เธอทำท่าเหมือนจะเล่าอะไรสักอย่าง แต่เมื่อเธอเห็นดวงตาทั้งคู่ของโซอี้เธอก็เปลี่ยนประโยคที่จะพูดทันที

        "ตาข้างขวาเธอเป็นสีเทา?" ลอว์ช่ายอมรับว่าเธอไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้ร่วมทางคนนี้ไม่ได้มีดวงตาสีฟ้าสดอย่างเดียว แต่โซอี้ก็แค่ยิ้ม "ใช่ เธออาจจะไม่ได้สังเกต" เธอเอ่ยขณะที่ถักผมยาวจดเอวของตัวเองเป็นเปีย "คำว่าเดียในชื่อของฉันเขียนอย่างนี้...Dyo แปลว่าสอง เป็นเพราะตาของฉันมีสองสีไง" เด็กสาวเขียนตัวอักษรDyoกลางอากาศประกอบการอธิบายของตัวเอง 


       ลอว์ช่ามองนัยน์ตาข้างขวาของอีกฝ่ายที่เป็นสีเทาเมฆฝนที่ต่างกับนัยน์ตาสีสายฟ้าอีกข้างหนึ่งโดยสิ้นเชิงด้วยความรู้สึกสนใจ "เธอมาจากที่ไหนล่ะ" เธอตัดสินใจถามไปเรื่อยๆ เพราะเด็กสาวยังไม่ไว้ใจโซอี้เต็มที่นัก การถามไปเรื่อยๆก็เป็นทางเลือกที่ดีในการหลอกถามเรื่อยต่างๆ

       "หมู่บ้านพราน...อยู่ในป่า ที่นั่นเป็นสังคมใหญ่ แต่เพราะมันอยู่ในป่า คนเลยไม่ค่อยรู้จัก แต่พวกเรารู้จักข้างนอกดี" โซอี้ตอบขณะที่ดวงตาของเธอเหมือนกำลังมองไปยังสถานที่ที่เธอจากมา "แล้วเธอล่ะ" เธอย้อนถาม

        เด็กสาวอึ้งไปสักพักกับการย้อนถามของโซอี้ "ฉัน...ฉันคือ โอ๊ย! ยังไงล่ะ ก็แบบว่า ในสายตาของคนอื่นๆฉันค่อนข้างจะเป็นปัญหา พวกวัสดุอุปกรณ์ที่ฉันใช้ประดิษฐ์ของ ส่วนใหญ่ฉันก็ขโมยมาทั้งนั้น แบบว่า...มันไม่เท่หรอกนะเวลาเธอวิ่งออกจากร้านอุปกรณ์การช่างโดยมีตาลุงเจ้าของร้านแก่ๆขี้โวยวายวิ่งตามมา แต่ฉันก็ไม่ได้ขโมยหมดหรอก พวกโลหะฉันก็หาได้ง่ายๆอยู่แล้ว" ลอว์ช่าเล่าเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่เธอก็ยังมีเรื่องราวบางอย่างที่เลี่ยงเอาไว้

        โซอี้หัวเราะ "เธอเหมือนน้องสาวฉันมาก" ดวงตาทั้งสีฟ้าและสีเทาเปล่งประกาย "น้องสาวฉัน...ซินเนรีนค่อนข้างจะเหมือนเธอในเรื่องการเล่าเรื่องไม่ตลกให้ดูตลกขึ้น" เธอบอกและหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง 

        ในภาพมีเด็กสาวสองคนถ่ายคู่กัน เด็กสาวคนหนึ่งมีผิวสีน้ำผึ้งจางๆ มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเป็นลอนยาวทิ้งถึงกลางหลังและนัยน์ตาคมสีส้มอำพัน เธอดูเปล่งประกายอบอุ่นราวกับแสงอาทิตย์ยามบ่าย ส่วนเด็กสาวอีกคนหนึ่งกลับตรงกันข้าม ทั้งผิวขาวจัดเนียนเรียบราวกับกระเบื้องเคลือบ นัยน์ตาสี
    ฟ้าอมเทาเศร้าสร้อยราวกับพายุฝนและผมสีบลอนด์เป็นลอนอ่อนๆถึงเอวขับให้เธอคนนี้ดูงดงามแบบเศร้าๆ น่าแปลกที่ 'ผมสีบลอนด์ตาสีฟ้า' ไม่ได้ทำให้ลอว์ช่ารู้สึกหัวเสีย

        "คนไหนคือน้องเธอ" ลอว์ช่าที่พยายามเดาแต่ยังไม่แน่ใจในคำตอบถามขึ้น ซึ่งโซอี้ก็มองมาที่เธอด้วยสายตายิ้มๆเป็นปกติ "แล้วเธอคิดว่าคนไหนล่ะ" เธอย้อนกลับอย่างกวนประสาทนิดๆ 

        ลอว์ช่าถอนหายใจ ไม่มีใครคุยกับเธอด้วยสำนวนยอกย้อนอย่างนี้มานานเป็นชาติแล้ว...ไม่สิ เธอต้องบอกว่าไม่มีคนพูดกับเธอเกินสองประโยคนานเป็นชาติแล้วต่างหาก แต่เด็กสาวก็ตัดสินใจยืดการสนทนาต่อไปอีก "คนขวา..คนที่ผมสีบลอนด์หรือเปล่า" 

       โซอี้ฉีกยิ้มเหมือนกับว่าเธอตอบถูก "ผิด แต่คนส่วนใหญ๋ก็ทายเหมือนเธอ คนที่เธอบอกเป็นเพื่อนสนิทของฉัน..อ่า..ความจริงก็ของซินด้วย เธอชื่ออะเกลอา สวยใช่มั้ยล่ะ? เธอสวยที่สุดในหมู่บ้านพรานเลย" โซฮี้เฉลย และลอว์ช่าก็จ้องรูปถ่ายใบนั้นอีกครั้ง 

        เธอสังเกตซินเนรีนอย่างละเมียดละไมและเทียบเด็กสาวผิวสีน้ำผึ้งในรูปกับโซอี้ และเธอก็พบข้อแตกต่างที่มากมายไม่แพ้ข้อแตกต่างระหว่างลอว์ช่ากับซาเรียนเลย 

        ผิวของโซอี้ขาวจัดเหมือนคนที่อยู่ในห้องมืดตลอดเวลา แต่ซินเนรีนมีผิวสีน้ำผึ้งอย่างคนสุขภาพดีและออกแดดเป็นประจำ นัยน์ตาสีฟ้าแสบตาและสีเทาหม่นของโซอี้ช่างแตกต่างกับดวงตาสีส้มอำพันที่แปลกประหลาด เส้นผมสีดำสนิทก็ดูต่างกับผมสีน้ำตาลเข้มเป็นลอนของซินเนรีน 

        "ไม่เห็นเหมือนเธอเลย" เด็กสาวย่นจมูก แต่ก่อนที่โซอี้จะได้พูดอะไร เสียงร้องของแคโรไลน์ก็ดังขึ้นก่อน "เกิดอะไรขึ้น? โซ.." พอลอว์ช่าหันไปยังตำแหน่งที่โซอี้เคยนั่งอยู่ ใจของเธอก็ตกวูบ โซอี้ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว และคันศรเงินของเจ้าตัวก็หายไปด้วย นั่นทำให้เธออึ้งไปสักพักก่อนจะชักมีดออกมาและวิ่งออกไปที่ชานเต็นท์ที่พวกคนเจ็บพักอยู่ 

         นี่เป็นเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตบัดซบของเธอ ถูกโจมตีสองครั้งติดกัน แถมมีคนบาดเจ็บสามคน เธอเองก็ขาหัก ตัวช่วยที่ดีที่สุดก็ไม่รู้แวบไปไหนแล้ว 

          ลอว์ช่าตั้งสันมีดขึ้นและพยายามจะทำให้ตัวเองดูมาดมั่นมากที่สุด นัยน์ตาสีทองกวาดมองศัตรูอย่างระมัดระวัง และเธอก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าเธอเพิ่งวิ่งเข้ามาในวงล้อมของศัตรูที่ไม่ใช่สัตว์ป่าอย่างหนที่แล้ว และตอนนี้สิ่งที่เธอพอทำได้คือทำในสิ่งที่ทำมาเป็นพันๆครั้งก่อนที่จะถูกส่งไปที่คุกเยาวชน สิ่งที่เธอถนัดพอๆกับการช่างก็มีอยู่แค่อย่างเดียว

         เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงสงบศึกอย่างที่โซอี้ทำ "พวกนายเป็นใคร?" ลอว์ช่าสบตากับคนที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาเป็นผู้ชายที่สูงและแข็งแรง ไม่ใช่ประเภทที่เธออยากจะมีเรื่องด้วยเลย 

        "ไม่จำเป็นต้องบอก" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา และลอว์ช่าก็แอวลอบมองแผ่นควบคุมชิ้นใหม่ที่ยังทำไม่เสร็จที่วางอยู่ใกล้ๆขอบประตูในที่เธอเพิ่งพุ่งออกมา สมองของเธอคำนวณระยะห่างของแผ่นควบคุมและความเร็วของตัวเองอย่างฉับไว ลอว์ช่าโยนมีดทิ้งดังแกร๊งและเผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรูด้วยหน้ากากเยือกเย็นที่ลอกเลียนแบบโซอี้มา

           เด็กสาวก้าวถอยหลังช้าๆทีละก้าว"ฉันยอมแพ้" นัยน์ตาสีทองเคลือบไว้ด้วยความเย็นเฉียบไร้อารมณ์ "อยากได้อะไรก็เอาไป" เธอพูดประโยคมาตรฐานที่คนทั่วไปจะใช้ในสถานการณ์แบบนี้และรอจังหวะที่จะคว้าแผ่นควบคุม แล้วเมื่อกลุ่มศัตรูทั้งกลุ่มกำลังจะเดินผ่านเธอไปแล้ว เด็กสาวก็พุ่งตัวเข้าไปคว้ามัน

                                                                        เร็วเกินไป! 

         ดวงตาสีทองเบิกกว้าง เธอรู้ได้ทันทีเมื่อปลายนิ้วแตะแผ่นโลหะเย็นเยียบ เพราะศัตรูคนสุดท้ายยังไม่ทันเดินตามเข้าไปในเต็นท์ด้านในเลย แต่ก่อนที่ลอว์ช่าจะทันได้กลัวด้วยซ้ำ ลูกธนูเงินที่เธอจำได้ดีว่าเป็นของใครก็พุ่งเข้ามาเสียบท้ายทอยของเด็กผู้ชายคนนั้นเหมือนกับที่มันสังหารหมาป่า เขาล้มลงขณะที่เงื้อมีดจะแทงลอว์ช่า เลือดสีแดงฉานของเด็กหนุ่มสาดกระจายใส่ลอว์ช่าเมื่อเจ้าของคมศรดึงลูกธนูดอกนั้นออกและทาบมันกับสายธนูก่อนจะยิงมันออกไปอีกครั้ง 

        แววตาของโซอี้ดูเศร้าสร้อยไม่แพ้เด็กสาวผมบลอนด์ในรูปเมื่อมองลอว์ช่าที่ยังคงตกใจ นัยน์ตาสีทองสั่นระริกของเด็กสาว ใบหน้าของเธอก็เปื้อนเลือดไปครึ่งซึก "โลกมันก็อย่างนี้...ลอว์ช่า โลกที่เธอเห็นแล้วเธอคิดว่ามันโหดร้าย มันยังโหดร้ายไม่ถึงครึ่งของที่มันเป็นได้ด้วยซ้ำ" โซอี้กระซิบด้วยน้ำเสียงกลวงเปล่าอย่างที่เธอไม่เคยคิดว่าโซอี้จะใช้

        โชคร้ายที่โซอี้ฆ่าไปแค่สองคน ศัตรูอีกสามคนที่เหลือล้อมพวกเขาไว้ "ทีหลังเธอต้องปรับระบบป้องกันจริงๆแล้วล่ะ" เด็กสาวเจ้าของนัยน์ตาสองสีกัดฟันพูดขณะที่ใช้มีดล่าสัตว์สองคมที่ยาวประมาณหนึ่งฟุตรับมือศัตรูสองคนพร้อมกันอย่างยากลำบาก แต่อาจจะเป็นเพราะคนเหล่านั้นแรงน้อยกว่าสัตว์ที่โซอี้เคยล่า เธอจึงงัดใบมีดขึ้นและสลัดการโจมตีแบบกัดไม่ปล่อยออกไปได้

        "ลอว์ช่า เธอพอจะใช้ระบบบ้าบออะไรของเธอไล่พวกนี้ออกไปได้มั้ย?!" โซอี้ตะโกนถามขณะที่พยายามล่อคู่ต่อสู้ออกไปจากบริเวณที่คนเจ็บนอนอยู่ พรานสาวรู้ตัวดีว่าเธอไม่สามารถต่อสู้แบบนี้ต่อไปได้นานนัก และเธอก็รับรู้ได้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังถูกสูบเรี่ยวแรงจากการปะทะไปเรื่อยๆ  "ถ่วงเวลาไว้ให้ฉันสิบนาที" ลอว์ช่าสั่งและถอยกลับเข้าไปในเขตเต็นท์

         โซอี้เองก็รู้งาน เธอกดดันศัตรูให้ออกห่างจากเต็นท์และแสยะยิ้มชั่วร้ายใส่คนเหล่านั้น มีดเงินในมือสะท้อนประกายคมกริบน่าสะพรึงกลัว เมื่อจับคู่กับรอยยิ้มดำมืดของเธอแล้ว เธอก็ดูราวกับปีศาจนรก มีดของเธอควงเป็นวงเยือกเย็น เธอรอให้ฝ่ายตรงข้ามบุกก่อน แล้วเด็กสาวก็พุ่งเข้าใส่โดยไม่ลังเล

         ภายในเต็นท์ ลอว์ช่าพยายามปรับระบบทุกอย่างขึ้นสูงสุด แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไรเพราะระบบควบคุมอันใหม่ยังไม่สมบูรณ์ มันต้องการโลหะเพิ่มอีก 

        ในที่สุดลอว์ช่าก็ตัดสินใจได้ เธอทาบฝ่ามือลงกับพื้น ผืนดินก็ตอบรับด้วยการเปล่งแสงสีน้ำตาลเรืองรอง ลอว์ช่าหลับตาลง สัมผัสชีพจรของโลก สัมผัสจิตวิญญาณแห่งผืนดิน สัมผัสชีวิตของมารดาแห่งผืนพิภพ 
      
        เมื่อเธอยกมือขึ้น โลหะชิ้นหนึ่งก็ติดมือขึ้นมาด้วย ลอว์ช่าเร่งมือทำงานอย่างรวดเร็วจนเสร็จในเวลาไม่นาน เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าดวงตาสีทองของตัวเองเรืองแสงสีอำพันเรื่อเรือง

       "นี่คือเหตุผลใช่ไหมว่าทำไมเธอถึงบอกโซอี้ว่าโลหะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ" เสียงแผ่วเบาของโฟธิสดังขึ้นมา ลอว์ช่าหันไปมองโดยอัตโนมัติ "ก็ใช่ แต่ฉันทำแบบนี้ไม่ได้ตลอดหรอก และตอนนี้ก็ช่วยเงียบหน่อย ฉันจะเปิดระบบทำลายผู้บุกรุก และฉันก็ต้องการสมาธิ ไม่งั้นแทนที่ระบบจะเผาผู้บุกรุก มันอาจจะเปลี่ยนไปเผานายแทนก็ได้" ลอว์ช่าตอบขณะที่กำลังวุ่นวายกับแผ่นควบคุมในมือ ซึ่งแน่นอนว่าโฟธิสทำตามคำสั่งของลอว์ช่า เขาไม่พิสมัยการโดนเผาด้วยระบบของคุณอัจฉริยะบ้าเลือดที่มีพลังพิเศษพิลึกๆหรอก

        พอรอบตัวมีแต่ความเงียบแล้ว ลอว์ช่าก็ตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าได้มากขึ้น เธอเปิดระบบใหม่ล่าสุดฉบับทดลองใช้ และผลของมันก็ดีเกินคาด ข้างนอกมีแสงแลบแปลบปลาบ แล้วเสียงอาวุธกระทบกันก็หยุดลง 

        ลอว์ช่าปิดระบบป้องกันเต็นท์และเปิดประตูให้โซอี้เข้ามา ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ก้าวเข้ามาลอว์ช่าก็ถอยกรูดออกมา กลิ่นคาวเลือดทะลักเข้ามาภายในทันทีที่ประตูเต็นท์เปิดออก ดวงตาสีทองที่มองออกไปด้านนอกสะท้อนภาพของเลือดสีแดงฉานเต็มไปหมด ศพที่มีกลิ่นไหม้น่าสะอิดสะเอียนล้มอยู่กับพื้น แต่บางคนก็ยังไม่ตายสนิท ดวงตาของพวกเขายังกลอกไปมาด้วยความโกรธแค้นและความเจ็บปวด และวินาทีต่อมาดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง เมื่อคนที่ได้ชื่อว่าใจดีที่สุดในกลุ่ม ร่าเริงที่สุดในกลุ่มลงมีดซ้ำอย่างไม่ปราณี 

         โซอี้มีบาดแผลน้อยมาก นัยน์ตาสีฟ้าสดสวยงามเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอไม่แยแสกับความตายรอบตัว ผมสีดำสนิทย้อมปลายสีฟ้าถักเป็นเปียเดี่ยวทิ้งเหยียดตรงถึงระดับเอวตัดกับผิวขาวเผือด รอยยิ้มเย็นเยียบกลวงโหวงคลี่บานอยู่บนใบหน้า ร่างกายของเธอแปดเปื้อนไปด้วยเลือดของศัตรู นี่เป็นครั้งแรกที่ลอว์ช่าเข้าใจว่าทำไมโซอี้ถึงใส่สีดำ....เพราะเธอคือสีดำ สีดำสนิทยิ่งกว่าความมืดมิดที่หยั่งไม่ถึง และนี่ก็เป็นครั้งแรกทีเธอรู้สึกว่าโซอี้อันตราย เธอเหมือนกับต้นอะโคไนต์ สวยงาม แต่อันตรายถึงตาย  

         แต่ภาพตรงหน้าก็งดงาม นางฟ้าสีดำท่ามกลางเลือดสีแดงฉานและซากศพ เป็นความงดงามที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 

         "ลอว์ช่า....ขอโทษทีที่ทำให้ตกใจ ฉันเข้าไปได้ไหม จะขอเปลี่ยนชุดหน่อย" โซอี้ที่รู้ตัวว่าตัวเองอาจจะทำหน้าน่ากลัวเกินไปถามขึ้น และลอว์ช่าก็พยักหน้าให้เธอเข้ามา 

         ระหว่างที่โซอี้ไปเปลี่ยนเสื้อ ลอว์ช่าก็จัดการเก็บกวาดศพ เลือดและเศษซากจากการต่อสู้อย่างขยะแขยงก่อนจะเอาพวกมันมากองรวมกันและจุดไฟเผา

        เปลวไฟสีแดงสดราวกับเลือดลามเลียไปทั่วเศษซากน่ารังเกียจเหล่านั้นและเผาพวกมันอย่างช้าๆ เธอมองเปลวไฟนั้นด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึก เธอไม่เคยรู้สึกว่าความตายน่าขยะแขยงเท่านี้มาก่อนจนเธอได้มาเห็นการฆ่าที่โหดร้ายและไร้ความเมตตาเหมือนกับการล่าของสัตว์ป่า บ้าคลั่ง ไร้การควบคุม ไม่มีแม้แต่การพิจราณาว่าสิ่งที่ฆ่าไปก็มี'ชีวิต'

          เธอไม่เสียเวลามองกองไฟนั้นต่อแม้แต่วินาทีเดียว เด็กสาวหันหลังกลับเข้าไปในเต็นท์และปิดประตูกั้นกลิ่นควันไฟเหม็นไหม้ทันที 

          สิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อเข้าไปในโซนเต็นท์ด้านในคือโซอี้ที่นั่งขัดมีดเงินอยู่ ลอว์ช่ารู้สึกขยะแขยงมีดที่สวยงามเล่มนั้นขึ้นมาทันทีเมื่อตระหนักว่ามีดเล่มนั้นถูกใช้ไปในการสังหารที่โหดเหี้ยมแค่ไหน "โซอี้" เธอเรียก และอีกฝ่ายก็หันมา "หืม?" โซอี้ตอบรับขณะที่กำลังทำความสะอาดด้ามจับที่ดูเหมือนหินสีขาวขัดมัน....หรือกระดูก "เธอ...เธอฆ่าพวกนั้นได้ยังไงน่ะ" 

         "ความจริงฉันคิดว่าเธออยากจะถามว่าฆ่าได้ลงคอยังไงต่างหาก" โซอี้แย้งด้วยอารมณ์ขันแบบแปลกๆ "และถ้าเป็นฉันฉันจะไม่ถามคำถามนี้กับคนที่เพิ่งฆ่าคนไปหรอกนะ" เธอยิ้ม ใบหน้างดงามเสี้ยวหนึ่งสะท้อนอยู่ในมีดที่เงาเหมือนกระจกเงา "เอาเถอะ...ฉันจะตอบให้" โซอี้ตัดสินใจและวางมีดในมือลง 

         ดวงตาสีฟ้าสดและสีเทาดูไร้ประกายในเงามืด "ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่มีชีวิตรอด ลอว์ช่า ฉันอยู่ในเขาวงกตนี่มานานกว่าเธอ ฉันเห็นการฆ่า และถ้าฉันไม่อยากเป็นฝ่ายถูกฆ่า ไม่อยากเป็นเหยื่อที่ถูกล่า ฉันก็ต้องเป็นผู้ล่า ฉันต้องยืนอยู่ตรงจุดสูงสุดของวงจรการฆ่า นั่นคือวิธีเดียวที่จะทำให้เรารอดในเขาวงกต ถ้าไม่อยากโดนฆ่า ก็ต้องฆ่า มันก็แค่นั้นล่ะ ลอว์ช่า และเธอจะไม่สามารถแข็งแกร่งได้ที่สุด หากเธอไม่มีเป้าหมายของตัวเอง" โซอี้เอ่ยช้าๆทีละคำ
    "แล้วเป้าหมายของเธอคืออะไร" ลอว์ช่าตั้งคำถาม 

         "เป้าหมายของฉัน...คือหาอะเกลอาละมั้ง" โซอี้ตอบอย่างไม่แน่ใจ "ทำไมล่ะ" ลอว์ช่าถามต่อ "ก็เพราะ...บ้าเอ๊ย! ยังไงดีล่ะ เธอไม่รู้จักเกล เกลจะอยู่ในเขตป่าเท่านั้น แล้วช่วงก่อนที่ฉันจะเข้ามาในเขาวงกต เกลก็หายไป หายแบบไร้ร่องรอย ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี ก็เลยเดินเข้าไปในบันไดใต้ดินในป่า เผื่อเกลจะอยู่ในนั้น...." "แล้วเธอก็มาหลงในเขาวงกตนี่ใช่ไหม" ลอว์ช่าต่อให้

        โซอี้หัวเราะ "ก็ประมาณนั้น แล้วเธอล่ะ เป้าหมายของเธอคืออะไร" เธอถามกลับด้วยสีหน้ายิ้มนิดๆและมองนัยน์ตาสีทองของลอว์ช่าอย่างนิ่งสงบ "ฉันเหรอ....ฉัน..." "ถ้าเธอยังตอบไม่ได้ ฉันขอเดาว่าเป็นสาเหตุเดียวกับที่เธอยอมร่วมกลุ่มกับพวกนี้ใช่ไหม" โซอี้เดา

        "เธอ...แอบตามพวกเรามาตลอดเหรอ" ลอว์ช่าจ้องโซอี้อย่างตกใจ "ใช่ พวกเธอตามง่ายกว่ากวางที่ฉันเคยล่าอีก ถ้าฉันไม่ได้เข้าไปในเขตที่เธอตรวจจับได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว" โซอี้ยิ้มจางๆ 

       ลอว์ช่าถอนหายใจ "ฉันไม่ตอบละกัน แต่เรื่องมันเกี่ยวกับน้องสาวฉัน ซา....ซาเรียน!!!" อยู่ๆลอว์ช่าก็ผุดลุกขึ้นเหมือนเห็นภาพหลอน แต่ก่อนที่เธอจะได้ขยับไปไหน เธอก็ก้าวถอยหลังกลับมา นัยน์ตาสั่นระริกและเอามือปิดปากเหมือนพยายามกลั้นเสียงกรีดร้อง "ลอว์ช่า เธอ.." โซอี้ลุกขึ้นตามและเดินไปหาลอว์ช่า

        "ไม่ๆ! ถอยไปนะ!!! อย่าทำอะไรซาเรียนนะ! ฉันบอกว่าถอยไป!!!" เธอร้อง และโซอี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาวงกตนี้กำลังเล่นตลกกับความทรงจำของลอว์ช่า โซอี้รู้ดี เพราะเธอเองก็เคยเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเห็นคือภาพลวงหรือความจริง ไขว่คว้าหาสิ่งที่ไม่มีอยู่ เชื่อมั่นในสิ่งที่ไม่เป็นจริง

       นัยน์ตาสองสีหรี่้่ลง กุญแจสำคัญของภาพหลอนนี้คือซาเรียน เธอไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่มันต้องเลวร้ายและเจ็บปวดพอสำหรับลอว์ช่า เจ็บปวดพอที่เขาวงกตจะเอามาเล่นตลกร้ายให้ลอว์ช่าดู

        ก่อนที่โซอี้จะตัดสินใจทำอะไรเพื่อหยุดภาพหลอนนี้ ลอว์ช่าก็ล้มลงมาข้างหน้า คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอคือโฟธิสกับคาร์ลอสที่เพิ่งฟาดเธอจนสลบ โฟธิสก็รับลอว์ช่าไว้ได้ทันและนิ่วหน้าเมื่อน้ำหนักตัวของเด็กสาวไปกระทบบาดแผลของเขา แต่โฟธิสก็ช่วยกับโซอี้วางลอว์ช่าลงบนเตียงลมมุมห้องที่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ซุกหัวนอนของเธอ

        พอพ้นรัศมีสายตาของสองคนนั้นที่ออกไปด้านนอกแล้ว อารมณ์ที่ปั้นแต่งขึ้นของโซอี้ก็หายไป เธอมองมุมห้องที่ว่างเปล่าด้วยสายตานิ่งสงบ "ซาเรียน" เสียงใสๆเย็นๆราวกับผลึกน้ำแข็งของเธอดังขึ้นและก้องสะท้อนไปเรื่อยๆราวกับโซอี้กำลังตะโกนในถ้ำ

                                 ซาเรียน...ซาเรียน...ซาเรียน....ซาเรียน..เรียน..เรีย...

        ลมพัดแรงขึ้นทั้งๆที่เต็นท์ปิดสนิท หลังจากที่ลมสงบ เด็กหญิงอายุประมาณสิบสองปีที่น่าจะเป็นอายุของซาเรียนในปีนี้หากนับต่อจากการตายของเธอ ผมสีบลอนด์เหยียดตรงระกลางหลัง ผิวขาวเนียนและดวงตากลมใสสีฟ้าอ่อนขับให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงนิทาน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในชุดกระโปรงติดระบายลูกไม้น่ารักๆแบบเด็กๆ 

       "โซอี้?" เด็กหญิงเอียงคอมองเธออย่างงงๆขณะที่เดินเข้ามาหาโซอี้ ร่างเล็กบอบบางของเด็กหญิงดูลวงตา จับต้องไม่ได้เหมือนภาพโฮโลกราฟิก "ซาเรียน เธอปรับระบบในเขาวงกตเป็นขั้นสองให้ที แล้วพอพวกเราไปถึงเขตสามก็ปรับเป็นขั้นสาม เลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเขตห้า" โซอี้ออกคำสั่ง เสียงของเธอดูอ่อนล้ากว่าตอนอยู่กับอีกสามคนที่เหลือ 

         "หืม? เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ โซอี้ คุณช่วยบอกหนูอีกทีซิ!?!" ซาเรียนอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะตวาดออกมา "ฉันบอกว่า..."โซอี้เตรียมจะอธิบายอีกรอบ แต่ซาเรียนที่ดูเหมือนภาพลวงตา...อ่า...หรือในอีกนัยหนึ่งก็คือเหมือนวิญญาณก็ถลันเข้าประชิดตัวพรานสาวและแทบจะกระชากคอเสื้อเธอ แต่มื่อโปร่งใสของซาเรียนก็ทะลุผ่านตัวโซอี้ไปเฉยๆ 

       ซาเรียนกระทืบเท้าอย่างขัดใจจนโซอี้ล้อ "อย่าก้าวร้าวสิ ซาเรียน เดี๋ยวพี่สาวเธอเห็นเธอก้าวร้าวขึ้นเยอะหลังจากตายไปห้าหกปีได้เป็นลมตายแหง" โซอี้ล้อ แต่มุกตลกที่ไม่เข้าท่าของเธอก็ทำให้ซาเรียนชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา เด็กหญิงส่งเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจออกมาในลำคอ

       "ก็ได้..ขอมาก็จัดไป โซอี้" เด็กหญิงถลึงตา นิ้วเรียวเล็กขยับไปมากลางอากาศเหมือนกำลังสัมผัสบางอย่างทีมองไม่เห็น และแผ่นแสงสีเขียวอ่อนที่ดูออกว่าเป็นแผนที่เขาวงกตก็ปรากฏขึ้น เธอหลับตาลงและลูกไฟสีเขียวมรกตก็ลุกโชนอยู่กลางอกของเธอ แผนทีแสงนั้นดูดซับไฟจากลูกไฟจนหมด และจากที่มันเรืองแสงเป็นสีเขียวอ่อนๆ สีของแสงก็เข้มขึ้นเป็นสีเขียวมรกตแบบเดียวกับลูกไฟที่มันดูดซับเข้าไป

         โซอี้มองซาเรียนอย่างพอใจกึ่งกังวล "ขอโทษทีที่ต้องรบกวน เธอคงไม่โกรธใช่ไหม" โซอี้ถามเบาๆ แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นค้อนลูกใหญ่จาก'จิตวิญญาณแห่งเขาวงกต' "ใช่ซี้ ฉันไม่ควรโกรธเธอเล้ยยย ไม่ควรโกรธจริงจริ๊ง ไม่ควรโกรธคนที่อาจจะมีความพยายามในการฆ่าพี่สาวฉันเล้ยยย" ซาเรียนประชดประชันด้วยน้ำเสียงสุดโต่ง บางทีการอยู่ในโลกวิญญาณที่มีทั้งเด็ก แก่ ผู้ใหญ่อาจจะทำให้เด็กหญิงคนนี้โตเร็วกว่าเด็กทั่วๆไปที่มักจะได้รับการประคบประหงมไม่ได้เจอความหลากหลายของคนเท่าไร
          
        ในขณะทีเด็กหญิงเหมือนจะเลือนลงและหายไปจากสายตาของโซอี้ เธอก็เรียกซาเรียนไว้ "เดี๋ยว  อย่าเพิ่งไป"เธอเรียก และร่างเล็กก็กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง "อะไรอีก โซอี้" ซาเรียนถามอย่างหงุดหงิด

         "เธอมีเรื่องต้องอธิบาย ซาเรียน ทั้งเรื่องที่เข้าไปก้าวก่ายการตัดสินใจของลอว์ช่าในการออกจากกลุ่ม แล้วเธอก็ต้องอธิบายเรื่องเกี่ยวกับ ขอโทษนะที่เสียมารยาท เรื่องเกี่ยวกับการตายของเธอน่ะ" โซอี้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์

       ดวงตาสีฟ้าอ่อนของซาเรียนมองโซอี้ด้วยแววตาเย็นชาระคนโทสะ "ฉันเกลียดเธอชะมัดยาด โซอี้ เธอนี่มันต้นแบบของบุคคลที่ไม่น่าคบเอาซะเลยชัดๆ ทั้งเย็นชา หยิ่งยโส เห็นคนอื่นเป็นแค่เศษดินไร้ค่า ฉันจะบอกอะไรให้ คนอย่างเธอไม่มีทางเป็นเพื่อนกับใครได้หรอก พวกที่เห็นคนอื่นไร้ค่าอย่างเธอน่ะ น่าจะไปตายซะนะ!!" ซาเรียนตะคอกใส่หน้าโซอี้อย่างไม่เกรงใจ แม้แต่สรรพนามที่ใช้ก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์ 

         โซอี้ลุกขึ้นช้าๆ และดึงมีดออกจากฝักอย่างเนิบนาบและจ่อมีดไปที่คอของลอว์ช่าที่กำลังหลับอยู่ด้วยอากัปกริยาเดียวกัน รอยยิ้มไร้อารมณ์ประดับอยู่บนใบหน้าสวย "เธอคิดว่าฉันจะแทงจริงไหมถ้าเธอไม่ตอบ ซาเรียน?" ซาเรียนมองปลายมีดเงาวับนั้นด้วยความโกรธ เธอไม่ได้สนิทกับโซอี้ แต่ก็รู้จักนิสัยของโซอี้ดี 

        "เธอนี่มัน..."ซาเรียนกัดฟัน ดวงตาสีฟ้าดูเป็นสีเขียวเรืองๆน่ากลัว "ใจเย็น ใจเย็น" โซอี้ปลอบ เธอรู้ว่าซาเรียนไม่ได้รู้จักเธอดีพอที่จะรู้ว่าเธอไม่ฆ่าคนพร่ำเพรื่อ เพราะด้วยบุคลิกเย็นชาโหดเหี้ยมที่เป็นนิสัยจริงๆของเธอก็ทำให้คนส่วนใหญ่ที่รู้จักด้านนี้ของเธอมักจะตีความว่าเธอเป็นคนโหดร้ายอำมหิต

       ซาเรียนสูดลมหายใจลึกๆอย่างสะกดกลั้นอารมณ์  "ได้ มาตกลงกัน โซอี้ อีกสองวัน ฉันจะจัดละครฉากใหญ่ เธออย่าพลาดละกัน" เด็กหญิงตัดสินใจ "ฉันไม่พลาดแน่ เชิญไปได้แล้ว ซาเรียน" โซอี้กล่าวเป็นเชิงไล่ และร่างโปร่งแสงของซาเรียนก็หายไปทันที 

        พรานสาวถอนหายใจก่อนจะเก็บมีดลง เธอยิ้มบางๆกับตัวเอง "นี่ เอลรอนด์ ตอบฉันทีสิ ถ้านายเป็นฉัน...นายจะทำยังไงดี? ตอบฉันหน่อยได้ไหม..." โซอี้ทิ้งคำถามให้ลอยตามลมไป หวังว่าเสียงของเธอจะส่งไปถึง...ใครบางคนที่เธออยากให้อยู่ตรงนี้ ดวงตาสองสีหม่นแสงลงและทอดมองออกไปไกลยังท้องฟ้าไร้แสง 

                        ไม่ได้ร้ายกาจ...ไม่ได้โหดเหี้ยม...ไม่ได้อ่อนโยน...ไม่ได้ร่าเริง...ไม่ได้เย็นชา...ไม่ได้ไร้ความรู้สึก

                                                         สุดท้ายแล้ว ตัวตนของเธอคืออะไรกันแน่?
        
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
                  เปิดตัวตัวเอกที่ร้าย'เกือบ'ที่สุดอย่างเป็นทางการ 'โซอีเดีย เอริไนซ์' และวิญญาณปริศนา น้องสาวของลอว์ช่า 'ซาเรียน เกรซ' //ปรบมือ

        ตอนที่สามก็จบไปด้วยดี(?)นะคะ ตอนต่อไปคือ insane เป็นตอนที่ตรงตามชื่อเรื่องเลยค่ะ โหมโรงของละครฉากใหญ่ที่มีผู้จัดทำคือซาเรียน เกรซ และโซอี้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดีและมีที่มาที่น่าระแวง คำพูดของเธอทีเป็นได้ทั้งคำแนะนำที่ดีและดาบที่หันมาทำร้ายพวกเธอเอง สามารถติดตามได้ในตอนหน้าค่ะ

                                                                            ตู้ม!
                                   ps.บายค่ะ

                                                                                                                                           matchx

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×