ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #18 : 17 : ฟิคพี่ชาย 17 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.71K
      20
      29 เม.ย. 58

     

     

    [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN]

    -17-

     





    #ความจินฮวาน

     

    “คิดถึงแม่จัง” ฮันบินพูดก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแล้วส่งหัวทุยๆของตัวเองไปหนุนตักคุณแม่

     

    ตอนนี้เราสามคนนั่งดูทีวีกันอยู่ข้างล่างครับ คุณแม่นั่งอยู่กลางโซฟาที่ขนาบข้างด้วยผมและฮันบิน แต่ตอนนี้ฮันบินเลื้อยลงนอนหนุนตักอ้อนคุณแม่ไปแล้วล่ะ ส่วนคุณพ่อท่านขอตัวขึ้นบนห้องตั้งแต่ทานอาหารเย็นเสร็จไปแล้ว

     

    ก็ไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงขึ้นไปเร็วนัก แต่ผมกลับรู้สึกโล่งใจที่ท่านไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย

     

    ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ผมรู้สึกอึดอัดที่มีคุณพ่อคอยนั่งมองมาทางผม

     

                อาจจะเพิ่งเป็นวันนี้

     

    “ไงตัวแสบ ทำเรื่องอะไรให้พี่จินเค้าปวดหัวหรือเปล่า” คุณแม่ลูบหัวฮันบินน้อยๆก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

     

    “คนนี้น่ะหรอ” ฮันบินมองสบตาก่อนจะส่งนิ้วชี้มาจิ้มเบาๆที่แก้มผม “เราเข้ากันได้ดีจะตาย” พูดไปนิ้วก็จิ้มไป สนุกมากไหมลองถามใจดู

     

    ผมมองฮันบินที่ตอนนี้ยังจิ้มแก้มผมเล่นไม่เลิก จะจิ้มอะไรนักหนา ย้วยขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ!

     

              มันแค่จิ้มไม่ได้ยืด

     

     

              เออ นั่นแหละ!

     

     

                นี่ต่อหน้าคุณแม่นะ ฮันบินควรจะคำนึงถึงจุดนี้บ้างสิ -.-

     

     “จริงหรอพี่จิน” คุณแม่หันมาถามผมบ้าง

     

    “ก็..จริงครับ น้องไม่ได้ต่อต้านอะไร” ผมตอบเรียบๆก่อนจะปัดนิ้วเรียวนั่นออกแล้วแสร้งยิ้มกลบเกลื่อน

     

    ฮันบินยู่หน้าขัดใจทันทีที่ผมปัดนิ้วเขาออก จะบ้า! มันใช่เวลาที่นายจะมางอนหรอ? ไอ้เด็กนี่!!

     

    “แม่ดีใจนะที่ลูกทั้งสองคนเข้ากันได้ดี เป็นพี่น้องที่รักกันสักที”

     

     

     

    ทั้งผมและฮันบินต่างก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร คุณแม่พูดจายิ้มแย้มและดูมีความสุขกับประโยคที่ท่านเพิ่งจะเอ่ยออกมามากๆ

     

                มากจนผมนึกกลัวขึ้นมาว่าถ้ามันไม่เป็นอย่างที่หวัง ท่านจะรู้สึกแย่ขนาดไหน

     

    “เรามีกันอยู่แค่สองคน ถ้าวันนึงพ่อแม่ไม่อยู่ลูกต้องดูแลกันให้ดีๆนะ”

     

    “ผมไม่ให้แม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ อยู่กันไปตลอดนี่แหละ” ฮันบินนอนกอดอกพูดอย่างเอาแต่ใจ แหม น่ารักตายเลยพ่อคุณ

     

    “น้องบิน คำว่าตลอดไปมันไม่มีหรอกลูก ที่แม่พูดแบบนี้เพราะแม่ดีใจที่ลูกของแม่รักกัน ไม่ว่าจะยังไงพี่จินกับน้องบินก็ห้ามทิ้งกันเข้าใจไหม”

     

    “ครับ/ครับ” ตอบรับออกไปอย่างพร้อมเพรียง เราไม่มีทางทิ้งกันแน่ๆผมอยากให้คุณแม่มั่นใจ แต่มันจะเป็นไปในสถานะอื่นที่ไม่ใช่พี่น้อง

     

                อันนี้ผมอยากขอร้องให้คุณแม่ช่วยเข้าใจ

     

    “พอเถอะน่า ไม่ดราม่าดิครับ” ฮันบินขัดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเพิ่งจะตอบรับประโยคของคุณแม่ไป

     

    “แม่พูดจริงๆ เป็นพี่น้องกันก็ต้องรักกันมากๆ และดูแลกันให้ดีๆ”

     

    ยิ่งคุณแม่พูดผมก็ยิ่งรู้สึกผิด ท่านเข้าใจว่าตอนนี้เราคือพี่น้องที่รักกัน แต่ผมกับฮันบินรู้ดีว่ามันไม่ใช่ เราไม่ได้รักกันแบบพี่น้อง

     

                ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่พี่น้องแน่ๆ

     

    “รู้ครับ ผมจะดูแลพี่เตี้ยเองน่า”

     

    “อื้ม แม่ว่าน้องบินน่ารักกว่าเดิมมากเลยนะเนี่ย” คุณแม่ก้มลงมองหน้าลูกชายที่นอนหนุนตัก มือเล็กบีบจมูกโด่งๆนั่นด้วยความหมั่นไส้น้อยๆ

     

    “ใช่มั้ยล่ะ เพราะผมรักพี่เตี้ยไง รักมากๆ” ฮันบินที่นอนอยู่มองสบตาผมอีกครั้งพร้อมทำเสียงเหมือนจงใจจะย้ำคำหลังให้ผมได้ยินชัดๆ และผมรู้ว่าความหมายของเขาคืออะไร

     

                อยู่ๆหน้ามันก็ร้อนๆ

     

                หน้าต้องแดงไปแล้วแน่ๆ

     

    “รักพี่เขาก็ดีแล้ว พี่จินก็รักน้องใช่มั้ยลูก”

     

    “รักครับ รักมากๆเหมือนกัน” บ้าอ่ะ ปากก็พูดออกไปแล้ว มั่นใจว่าชัดถ้อยชัดคำเลยด้วย

     

    เห็นฮันบินนอนยิ้มแฉ่งแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ฉันตอบเพื่อให้คุณแม่สบายใจเฉยๆหรอก!

     

              หรอ?

     

     

                บอกเลยว่าไม่

     

     

              รัก

     

     

                ในความหมายของผมเหมือนกับรักในความหมายของฮันบิน

     

     

                เหมือนกัน

     

     

                ทุกอย่างที่เขารู้สึก นั่นคือผมเองก็รู้สึก

     

     

                รักของเขาเป็นแบบไหน

     

     

                รักของผมเองก็เช่นกัน

     

     

    “ดีมาก แม่อยากได้ยินคำพูดพวกนี้มานานมากแล้ว เป็นพี่น้องกันมันต้องแบบนี้สิ”

     

    “แล้วถ้าผมรักแบบอื่นล่ะแม่” ให้ทายใครพูด? ก็จะใครล่ะ

     

    ไอ้พระเอกหน้ามนคนหน้ามึนคิมฮันบินน่ะสิ พูดทำไม โอ่ยยยยยยยยยยยยยย

     

    ผมส่งมือไปตะครุบปากฮันบินไว้ทันทีเพื่อไม่ให้มันพูดอะไรออกมาอีก

     

    การกระทำของเราดูค่อนข้างจะประหลาดไปหน่อยแต่คุณแม่ก็ดูเหมือนไม่ได้แปลกใจอะไร ท่านเพียงแค่ขำออกมาเบาๆก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ

     

    “พูดอะไรน้องบิน”

     

    “เปล่าหรอกครับแม่ เดี๋ยวนี้น้องชอบแกล้งผม” ผมยิ้มแหยๆตอบออกไปทั้งที่มือยังปิดปากคนพูดมากอยู่แบบนั้น

     

    “เอ้าๆ นี่ก็ดิ้นเชียวเดี๋ยวก็ตก” คุณแม่เอ็ดฮันบินที่ตอนนี้พยามแกะมือผมออกแล้วดิ้นไปดิ้นมาประดุจข้างบ้านเปิดกาโว- -“

     

    “อ่อยอ๋มอิ๊” (ปล่อยผมดิ๊) เสียงที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ของฮันบินเล่นเอาผมกับคุณแม่ขำพรืด พูดมากดีนัก

     

    “ปล่อยก็ได้” ผมพูดก่อนจะสื่อสารทางสายตากับอีกคนประมาณว่า ปล่อยแล้วห้ามพูดอะไรทำนองนั้นออกมาอีก ซึ่งก็ดูเหมือนฮันบินจะเข้าใจ เพราะทันทีที่ผมปล่อยให้ปากเขาเป็นอิสระเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งเท่านั้น

     

    “เล่นกันเป็นเด็กๆไปได้คู่นี้” คุณนายคิมคนสวยส่ายหัวเบาๆก่อนจะยิ้มอย่างมีความสุขตามแบบฉบับของตัวท่านเอง

     

                รอยยิ้มคุณแม่นี่สวยมากจริงๆ

     

                ดูก็รู้ว่าตอนนี้ท่านมีความสุขมากขนาดไหน

     

    “แม่ขึ้นไปอาบน้ำเถอะครับจะได้สบายตัว” ฮันบินเสนอความคิดก่อนเจ้าตัวจะหันมามองผม แล้วจะมามองทำไม อย่าบอกนะว่าถ้าคุณมาขึ้นไปแล้วมันคิดจะทำอะไรอีก ตบนะฮันบินนะ

     

    “แม่ก็คิดแบบนั้น เออนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทานข้าวเย็นบ้านคุณลุงจุนเพียวกันนะแม่เกือบลืมบอกแหน่ะ”

     

    “จริงหรอฮะ” ผมเองแหละที่ตาลุกวาวแสดงท่าทีกระดี๊กระด๊าหลังจากที่ได้ยินคุณแม่บอกแบบนั้น ก็อยากไปนี่ครับ

     

    บ้านคุณลุงจุนเพียวก็บ้านจุนเน่นั่นแหละ

     

    ผมคิดถึงจุนเน่อ่ะ ถึงจะเพิ่งเจอกันไปเองก็เถอะ แต่ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ

     

    สำหรับผมจุนเน่เป็นคนที่คุยสนุกอยู่ด้วยแล้วไม่เครียดนะ ไม่รู้คนอื่นจะมองเขาแบบไหนแต่ผมคิดว่าผมมองเขาไม่ผิด เขาเป็นเด็กน่ารัก

     

    ไม่รู้ว่ากับคนอื่นเขาเป็นแบบไหน แต่กับผมเขาน่ารักมาก

     

    พูดแล้วก็คิดถึงครับ ไม่ได้เข้าไปบ้านนั้นตั้งนานแล้ว คิดถึงคุณลุงคุณป้ามากๆด้วย อยากไปแล้วสิ ตื่นเต้นจังๆ

     

    “จริงจ่ะ คณพ่อนัดคุณลุงไว้แล้ว ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ลูกๆต้องไป ห้ามใครเบี้ยว”

     

    “ผมไม่เบี้ยวแน่นอนครับ! คิดถึงจุนเน่จะแย่” ผมทำท่าตะเบะรับคำอย่างแข็งขันก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มไหญ่ ผมมีความสุข ทีนี้จะได้ไปกินข้าวกับบ้านนั้น แล้วก็จะได้นั่งคุยกับจุนเน่ รอรับมุขกากๆที่เขามักจะส่งมาให้ผม คิดถึงจุนเน่คนกากมากนะรู้ยัง

     

    ช่วงนี้อย่าว่าแต่เจอเลย ขนาดโทรเขายังไม่โทรหาผมด้วยซ้ำ

     

    ลืมพี่ชายคนนี้ไปแล้วหรือไง

     

    ผมไม่อยากคิดว่าเขาพยายามหลบหน้าผมหรอกนะ ถึงบางทีมันจะรู้สึกแบบนั้นก็เถอะ

     

    ผมจะคิดว่าเขาคงยุ่งๆเรื่องติว หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัว และผมเองก็ไม่ควรก้าวก่าย เพราะคิดแบบนั้นผมเลยไม่กล้าโทรหาเขา ทั้งที่จริงๆเวลาเครียดๆก็อยากคุยมุขกากๆกับเขาจะแย่

     

    “น้องบินว่าไง”

     

    “ไปครับ” ฮันบินตอบเสียงเนือยก่อนตาคมคู่นั้นจะตวัดมามองผม เฮ้ยเดี๋ยว ทำไมต้องมองกันแบบนั้น นี่ไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีก

     

    “ดีมาก งั้นแม่ขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อนล่ะ กู้ดไนท์นะครับ” คุณแม่คว้าผมกับฮันบินไปกอกก่อนจะสลับหอมแก้มผมทีฮันบินที

     

    เป็นแบบนี้เสมอแหละครับ ท่านทำทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะเราไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวันเหมือนครอบครัวอื่น การแสดงความรักผ่านการจุ๊บแก้มแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการคลายความคิดถึง

     

    “กู้ดไนท์ครับ” ผมจุ๊บแก้มนิ่มๆของท่านกลับไปก่อนที่ฮันบินจะจุ๊บบ้าง แต่ฮันบินไม่ได้พูดอะไร เขาดูอารมณ์เสียอีกแล้วอ่ะ เด็กนี่ผีเข้าผีออกจริงๆนะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลยเถอะ

     

     

    #จบความจินฮวาน

     

     

     

     

     

    #ความฮันบิน

     

    ผมลอบมองไปทางพี่จินฮวานหน่อยนึงก่อนจะรู้ว่าเขาเองก็มองผมอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แววตาที่ดูจริงใจฉายแววสงสัยจนผมต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

     

    ไม่รู้นะ ผมพยายามจะไม่หงุดหงิดแล้ว แต่แม่งห้ามตัวเองไม่เคยอยู่เลย เวลาพูดถึงจุนฮเวแล้วเห็นพี่จินฮวานแสดงท่าทางแบบนั้น

     

              ท่าทางเหมือนคิดถึง อยากเจอ อยากไปหา

     

    บอกเลยว่าตอนนี้หงุดหงิด ผมจะทำยังไงกับความรู้สึกแบบนี้ดี จะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี ได้แต่คิดแล้วก็เหนื่อยใจ เหนื่อยใจกับตัวเองชิบหาย เมื่อไรจะเลิกนิสัยใจร้อนขี้หงุดหงิดสักทีวะเชี่ยบิน!

     

    “เป็นไรอีกหรือเปล่าเนี่ย” เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นข้างหูเพราะตอนนี้พี่จินฮวานขยับตัวเองมานั่งชิดข้างๆผม

     

    “ผม?” ผมชี้หน้าตัวเองแล้วตีหน้าสงสัยเต็มที่ แล้วนี่ก็ยังไง ผมเป็นอะไรนี่พี่เขาเดาได้หมดเลยหรอ

     

                กลายเป็นคนดูง่ายตั้งแต่เมื่อไรวะ

     

    “ก็นายดิ อยู่กันสองคนแค่นี้”

     

    “ถ้าผมบอกผมแม่งต้องดูงี่เง่ามากแน่ๆ” เออ เชื่อเลยว่าถ้าผมบอกเรื่องที่ผมหงุดหงิดออกไปพี่จินฮวานต้องมองว่าผมงี่เง่าง๊องแง๊งเป็นเด็กแน่ๆ

     

                ก็คนมันยังเด็กอยู่เลยนี่หว่า

     

    “ลองบอกมาก่อนสิ”

     

    “ผมไม่ชอบว่ะ”

     

    “ไม่ชอบ? ไม่ชอบอะไร”

     

    “ไม่ชอบท่าทางพี่ที่แสดงออกมาเมื่อกี้”

     

    “คืออะไรอ่ะ” อีกคนดูเหมือนจะงงไม่เบาครับ เอาเถอะ เป็นผมผมเองก็คงงงอ่ะ อยู่ดีๆมาบอกว่าไม่ชอบ เฮ้ยบ้าป่าวอะไรแบบนี้

     

    ช่างมัน มองข้ามมันไปได้ไหมล่ะ ไม่อยากบอกแล้ว

     

    “เออๆ ไม่มีไรอ่ะ ผมขึ้นห้องละ”

     

    “เดี๋ยวดิ” ผมกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่มือเล็กๆนั่นก็คว้าแขนผมไว้แล้วออกแรงดึงให้ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเขาอีกครั้ง

     

     

    “เป็นอะไรเนี่ย ทำไมดูหงุดหงิดจังล่ะ”

     

    “ไม่มีอะไรน่า”

     

    “ไม่มีจริงๆหรอ?”

     

    “อือ ผมจะขึ้นห้องแล้ว”

     

    ก็ได้”

     

    “ พี่เองก็ขึ้นห้องได้แล้วมันดึกแล้ว”

     

    “เดี๋ยวอ่ะ นี่ว่าจะทำของฝากไปฝากคุณลุงคุณป้าพรุ่งนี้ ช่วยคิดหน่อยดิว่าจะทำอะไรดี” เฮ้ยเดี๋ยว เมื่อตะกี้ยังแสดงทีท่าเป็นห่วง สนอกสนใจกันอยู่เลยนะ ไหงเปลี่ยนเรื่องซะได้ เดี๋ยวพ่องอนจริงซะเลยนี่ -.-

     

    “ว่างนักหรือไง” ผมเองก็ยังไม่ได้ลุกไปไหนหรอกครับ ยังนั่งอยู่ที่เดิมนี่แหละ ก็ว่าจะไปนะ แต่เหมือนอีกคนยังอยากชวนคุย

     

    “ก็พรุ่งนี้วันหยุดพอดีไง”

     

    “พี่อยากทำไรล่ะ” กูนี่ก็ง่ายจังเลย เขาชวนคุยแค่นี้ก็ตามน้ำซะ เมื่องี้หงุดหงิดอะไรเกือบลืมแล้ว

     

    “คุ้กกี้มั้ยอ่ะ”

     

    “ก็ได้นะ เหมือนจะทำง่าย แล้วนึกยังไงถึงอยากทำ ปกติก็ไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ป้ะ”

     

    “เป็นเพราะนายไม่เคยเห็นฉันทำต่างหาก เมื่อก่อนสนใจกันที่ไหน”

     

    “พอเลย อย่าพูดถึงเมื่อก่อนได้ป้ะวะพี่” ว่าจะอารมณ์ดีละนะ เจอแบบนี้เข้าไปนี่หนักเลย ตอนนี้เหมือนผมเองจะขัดใจไปซะทุกอย่างแล้วครับ แม้แต่คำพูดของเขายังทำผมหงุดหงิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    “ขอโทษ”

     

    “ไม่ๆ ไม่เป็นไร”

     

     

    “ไม่เป็นไรจริงๆ สรุปทำคุ้กกี้ใช่มั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมช่วย” เอะก็ขอโทษออกมาแบบนี้ใครมันจะไปโกรธลงวะ ขอโทษนี่รู้ยังว่าตัวเองผิดอะไร -.-

     

    “นายทำเป็นหรอ?”

     

    “ช่วยในที่นี้คือ ช่วยเป็นลูกมือ ไม่ใช่ว่าผมจะทำทุกอย่างสักหน่อย”

     

    “ก็โอเค้ ได้หมดแหละ”

     

    “สรุปคุ้กกี้นะ”

     

    “ก็ได้นะ..เอ้อ ฮันบิน”

     

    “หือ?”

     

    “จุนเน่ชอบกินอะไรนะ อยากทำไปให้อ่ะ ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว”

     

    “พี่เพิ่งเจอมันไปเมื่อเย็น” ผมพูดเสียงเรียบ มั่นใจว่าตอนนี้หน้าผมคงนำหน้าอารมณ์ไปเยอะแล้ว หงุดหงิดในใจ100% แต่หน้ากูคงดูจะหงุดหงิด 800%ไปแล้วตอนนี้ เชี่ย!

     

    พี่จินฮวานแม่งพูดออกมาหน้าตาเฉยว่าอยากทำของกินไปให้ไอ้จุนเน่อ่ะ เชี่ย นี่ไม่รู้จริงหรอว่าไม่ควรพูดแบบนี้ เออ คงไม่รู้จริงๆนั่นแหละ ก็พี่มันไม่รู้นี่ว่าไอ้เน่แม่งชอบพี่มัน มีแต่กูนี่แหละ รู้อยู่คนเดียวแล้วก็หงุดหงิดอยู่คนเดียว อกจะระเบิดอยู่แล้วไอ้เหี้ย

     

    “ก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้เจอแบบได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวไง” ยัง ยังไม่จบอีก อะไรคือคุยเป็นเรื่องเป็นราว กะจะคุยอะไรกันนักหนาถามหน่อย พูดงี้เก็บเสื้อผ้าไปนอนคุยกับมันเลยมั้ยล่ะ!

     

              แน่นอนว่านี่ไม่ให้ไป

     

    “เออ เรื่องพี่เหอะ มันกินได้ทุกอย่างนั่นแหละ ทำไรก็ทำไป” ผมรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะก้าวเร็วๆเพื่อเดินขึ้นห้อง ไม่อยากอยู่ให้ตัวเองอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ เดี๋ยวอารมณ์ไม่ดีแล้วก็จะพาลพูดอะไรไม่ดีออกมาอีก หมาในปากวิ่งวนเต็มไปหมดแล้วตอนนี้ มีไรกระตุกนิดหน่อยแม่งต้องออกมาวิ่งเล่นข้างนอกแน่ๆ

     

    “ฮันบิน” แต่ก่อนที่ผมจะได้พาตัวเองเดินขึ้นบันไดไปร่างกายก็รับรู้ได้ถึงแรงสัมผัสจากมือเล็กๆนั่นอีกที พี่จินฮวานดึงแขนผมไว้อีกครั้งหนึ่ง

     

    “อะไรของพี่อีกเนี่ย”

     

    “นายพูดไม่เพราะกับฉันอีกแล้วนะ”

     

    “ผมก็เลยต้องรีบขึ้นไปก่อนที่ผมจะพูดไม่เพราะกับพี่ไปมากกว่านี้”

     

    “นายเป็นอะไรอ่ะ” พี่จินฮวานพูดเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ ผมหันไปมองใบหน้างอง้ำที่ตอนนี้ดูพร้อมจะร้องไห้เต็มที่

     

    เดี๋ยวก่อนนะ โตๆกันแล้วป้ะวะพี่ อายุก็จะ22ละนะ มาทำหน้าแบบนี้คืออะไร นี่มีความคิดนึงที่โผล่เข้ามาในหัวคืออยากจะหยิกแก้มแล้วฟัดให้หนัก แต่ติดที่ว่าตอนนี้ความหงุดหงิดมันมีอยู่มากกว่า

     

    “ผมก็แค่หงุดหงิด”

     

     

    “ไม่ชอบให้พี่พูดถึงใครเวลาอยู่กับผม”

     

    “ใครอ่ะ ฉันไม่ได้พูดถึงใครสักหน่อย” นี่มันวันโง่แห่งชาติของคิมจินฮวานหรอ ไม่รู้จริงหรอว่าตัวเองพูดถึงใคร

     

    “กูจุนฮเว”

     

    “จุนเน่เนี่ยนะ”

     

    “อือ”

     

    “ทำไมอ่ะ”

    “พี่จะถามไรนักหนาวะ”

     

    “ก็นายไม่ให้พูดถึงจุนเน่อ่ะ ทำไมอ่ะ ทำไมพูดถึงไม่ได้อ่ะ ทำไ..

     

    “ก็มันชอบพี่ไม่รู้หรือไงวะ!” อ่าว กรรมของเวร

     

    เพราะความโมโหเลยปล่อยออกไปเต็มเหนี่ยว ไม่มีกั๊กด้วย เต็มๆ เชื่อว่าพี่จินฮวานเองก็ได้ยินชัดเจน เพราะถ้าเขาไม่ได้ยินเขาจะไม่ทำหน้าอึ้งกิมกี่เช่นนี้ ซวยหมาแล้ว กูไม่ได้อยากให้พี่จินฮวานรู้เรื่องนี้เร็วขนาดนี้นะ

     

    แล้วนี่ก็มายืนเถียงกันอยู่ข้างล่างสองคนอีก แถมลักษณะท่าทางยังไม่ใกล้เคียงกับพี่น้องที่เถียงกันอีก เสี่ยงมาก ถ้ามีใครมาเห็นนี่เสี่ยงมาก

     

    ผมได้แต่ทึ้งหัวตัวเองที่ปากพล่อยพูดคำพวกนั้นออกมา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พูดมันออกมาแล้ว แล้วดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆด้วย

     

    “มานี่ แล้วถ้าอยากรู้อะไรถาม ผมจะตอบทุกอย่าง” ผมคว้าข้อมือเล็กให้เดินตามขึ้นมาทั้งๆที่อีกคนยังคงดูอึ้งๆอยู่

     

     

     

    ผมกดพี่จินฮวานนั่งลงกับเตียงหลังจากที่แน่ใจว่าล็อคประตูห้องเรียบร้อย

     

     

    เราอยู่ในห้องของผมเองครับ ตอนนี้ผมอยากจะคุยและตอบคำถามของพี่จินฮวานทุกอย่าง เพราะหน้าตาพี่แกก็ดูสงสัยซะเหลือเกิน มาจนถึงตอนนี้แล้วคงปิดบังอะไรไม่ได้แล้วล่ะ

     

    “หมายความว่าไงที่บอกว่าจุนเน่ชอบฉัน” พี่จินฮวานเอ่ยถามทันทีที่ผมทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเขา

     

    “ชอบก็คือชอบ เพราะมันชอบพี่ ผมถึงได้รู้ว่าผมเองก็ชอบพี่”

     

    “แสดงว่าคนคนนั้นก็คืดจุนเน่น่ะสิ คนที่นายเคยพูดถึง”

     

    “ใช่ จุนเน่คือคนที่มาบอกผมว่าชอบพี่ ก่อนไอ้พี่หมีควายนั่น”

     

    ” พี่จินฮวานพยักหน้าเข้าใจในขณะที่ผมกำลังอธิบาย

     

    “มันเข้ามาบอกว่าชอบพี่ แล้วถามผมว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่”

     

     

    “บอกตรงๆว่าตอนนั้นผมยังงงๆอยู่เลย”

     

     

    “จนมันเกือบจะจีบพี่ไปแล้วผมถึงมารู้ตัวว่าผมเองก็หวงพี่”

     

     

    “จนกลายเป็นว่าชอบ จนตอนนี้กลายเป็นรักไปแล้วนั่นแหละ”

     

     

    ผมมองพี่จินฮวานที่นั่งเงียบรอฟังคำบอกเล่าจากผมอย่างตั้งใจ ใบหน้าน่ารักนั่นขึ้นสีเล็กน้อย คงเพราะคำพูดของผมที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อกี้

     

    “มันพร้อมหลีกทางให้ผมทันทีที่ผมบอกมันว่าผมชอบพี่ แต่น่าตลกที่ผมเองขี้ขลาดไม่กล้าบอกพี่สักทีว่ารู้สึกยังไง”

     

    “ตั้งแต่เมื่อไรหรอ?” พี่จินฮวานที่เงียบทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีอยู่นานถามขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ มันปกตินะ ผมว่าเสียงเขาดูปกติมากจริงๆ นี่ไม่ตื่นเต้นหรือแปลกใจหรือตกใจหรืออะไรแล้วหรอ?

     

    “ก็ตั้งแต่ช่วงที่มันโทรหาพี่ถี่ๆนั่นแหละ”

     

    “เพราะจุนเน่ชอบฉันนายเลยอยากชอบฉันบ้างงั้นเหรอ”

     

    นั่น

     

    อะไรทำให้คิดแบบนั้นอีก น้ำเสียงติดจะประชดประชันจากประโยคนั่นทำให้ผมรู้ได้เลยว่าอีกคนคิดอะไรอยู่

     

                พี่จินฮวานกำลังคิดว่าผมชอบเขาเพราะต้องการแข่งกับจุนเน่

     

    “คิดอะไรของพี่ ถ้ามันเป็นแค่การเอาชนะผมไม่มีทางที่จะมานั่งอธิบายพี่แบบนี้หรอกนะ”

     

     

    “ผมเปลี่ยนไปมากพี่ไม่รู้หรือไง ดูไม่ออกเลยหรอ?”

     

    “ที่บอกว่าชอบฉัน นายไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย”

     

    “เฮ้ยพี่ ผมไม่บันเทิงขนาดนั้น” ที่ผ่านมาผมยังแสดงออกไม่มากพอหรอ? บ้าเถอะ ผมว่าผมเองแสดงออกมากเกินไปด้วยซ้ำ

     

     

    “ขนาดรู้ว่าตัวเองชอบพี่ผมยังคิดหนักเลย มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเว้ย”

     

     

    “ผมชอบพี่จริงๆ ไอ้เน่เองมันก็ชอบพี่จริงๆ”

     

    “จุนเน่เนี่ยนะ ไม่อยากจะเชื่อเลย”

     

    “ก็มันนั่นแหละ แล้วพี่คิดไง รู้สึกยังไงกับมัน”

     

    “ระหว่างฉันกับจุนเน่มันไม่มีทางอื่นเลยนอกจากพี่น้อง” น้ำเสียงพี่จินฮวานดูจริงจังจนผมเองยังรู้สึกได้ รู้สึกเหมือนเขาไม่ได้โกหก ทั้งหมดที่เขาพูดและกำลังจะพูดเป็นความจริง

     

     

    “แค่จะมองภาพยังมองไม่ออกเลย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะรู้สึกกับฉันแบบนั้น”

     

    “มันยังไม่เลิกชอบพี่หรอกนะ เพราะงั้นอยู่ให้ห่างๆเลย” บอกเลยว่าหวง อีกอย่างผมกลัวถ้าพี่จินฮวานยังวนเวียนๆอยุ่ใกล้ไอ้เน่ มีหวังมันตัดใจไม่ได้สักทีแน่

     

    “จะบ้าหริอไง ฉันบริสุทธิ์ใจนะ พี่น้องก็พี่น้องดิ”

     

    “แต่มันไม่ได้คิดแบบพี่ เข้าใจมั้ยว่าคนมันพร้อมจะหวั่นไหวได้ตลอดเวลาน่ะ”

     

    “ฉันรู้ว่าควรทำตัวแบบไหนน่า” พี่จินฮวานถลึงตาใส่ผมก่อนจะทำปากขมุบขมิบราวกับขัดใจเหลือเกินที่ผมกล้าออกคำสั่งเขา

               

                สวดมนต์ดำใส่หรือไง =_=

     

     

     

     

    “พี่คิดกับมันแค่พี่น้องจริงๆใช่มั้ย”

     

    “ก็จริงน่ะสิ ฉันจะไปคิดอะไรกับคนสองคนพร้อมกันได้ยังไง”

     

    ” เขาพูดแบบนี้มันก็ชัดเจนแล้วใช่ไหมครับว่าเขารู้สึกกับผมแค่คนเดียว เขาไม่มีทางชอบใครแล้วนอกจากผม หูย ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะรู้สึกยังไงเลย รู้แค่ว่ามีความสุข มันปลื้มมันปริ่มมันปิติยินดีไปหมดจริงๆ

     

                เหมือนคนบ้าอ่ะตอนนี้ แค่มองหน้าต่างกูยังยิ้มได้เลย

     

    “น่าตลกสิ้นดี แทนที่ความเป็นพี่น้องมันจะเป็นความรู้สึกระหว่างฉันกับนาย แต่ฉันกลับรู้สึกกับจุนเน่มากกว่า”

     

    “ทำไม” ผมถามกลับไปบ้างเพราะไม่อยากเงียบ เอาจริงๆมันฟินลืมจนแทบไม่อยากจะพูดอะไรด้วยซ้ำ แต่การเป็นคู่สนทนาที่ดีก็ต้องมีการตอบโต้ใช่มั้ยล่ะ

     

    “อาจเพราะจุนเน่เป็นน้องชายที่ดีกว่า เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นพี่ที่ดีเสมอเวลาอยู่กับเขา”

     

     

    “แต่กับนาย นายไม่ใช่น้องชายที่ดี นายไม่เคยทำให้ฉันอยากเป็นพี่ที่ดีของนายเลยนะ” พี่จินฮวานจริงจังในน้ำเสียงจนผมแทบจะขำออกมา อะไรคือผมไม่เคยทำให้เขาอยากเป็นพี่ที่ดี แสดงว่าที่ผ่านมาพี่อยากเป็นอย่างอื่นกับผมมาโดยตลอดน่ะสิ #ผิด ที่ถูกคือที่ผ่านมาพี่เขาคงเหนื่อยที่จะทำดีกับผมน่ะ อาจจะหมายถึงไม่มีแรงบันดาลใจในการเป็นพี่ที่ดีอะไรเทือกๆนั้น

     

    “ผมก็ไม่อยากเป็นน้องพี่สักหน่อย” ผมเอ่ยยิ้มๆก่อนจะเอนหัวเล็กๆนั่นมาซบลงที่ไหล่ ความรู้สึกโล่งใจกำลังแล่นวนจนทำให้รู้สึกดี พี่จินฮวานพูดออกมาทุกอย่างที่ผมเคยสงสัย และตอนนี้ผมก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับจุนฮเว และมั่นใจมากๆว่าเขาเองก็คงรักผมแล้วเช่นกัน

     

    “นายมันบ้า แต่ฉันก็บ้ากว่าที่แค่นายมาบอกว่าชอบฉันก็

     

     

    “ใจง่าย” พี่จินฮวานเอ่ยเบาๆจนแทบจับใจความไม่ได้แต่ผมก็ได้ยิน เขาบอกว่าเขาใจง่าย เขาใจง่ายกับผม

     

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า” ผมยิ้มจนแก้มแทบปริที่ได้ยินคำพูดนั้น แค่คำว่าใจง่ายผมก็รู้แล้วว่าพี่จินฮวานก็รู้สึกกับผมมากไม่ต่างกัน

     

    “ไม่อยากเป็นแบบนี้ แทนที่ฉันจะมองนายเป็นแค่น้องชาย..

     

    “ไม่พี่ มันไม่ผิด ผมดีใจที่พี่พูดความรู้สึกตัวเองออกมา”

     

    “แต่ฉันก็ยังกลัว”

     

    “เรื่องพ่อกับแม่มันจะไม่มีอะไร พี่เชื่อผม เชื่อใจผม” ผมย้ำความมั่นใจอย่างหนักแน่นก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่มเบาๆเชิงปลอบประโลม

     

    ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะอ่อนโยนกับใครได้มากขนาดนี้ด้วยซ้ำ ผมไม่ใช่คนประเภทที่จะมานั่งปลอบใครเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ แต่กับพี่จินฮวานผมปลอบเขาบ่อยเกินไปแล้ว

     

    เขาทำให้ผมอยากอ่อนโยนกับเขา อยากปกป้อง อยากดูแล อยากเอาใจใส่ อยากทุกสิ่งทุกอย่างกับพี่จินฮวาน

     

    ถ้าจะถามว่าอะไรที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ คำตอบมันก็ชัดเจน

     

                คนที่นั่งเป็นเด็กน้อยขี้กลัวอยู่ข้างๆผมนี่ไงล่ะ  คิมจินฮวาน

     

    “ฉันจะเชื่อนาย”

     

    “ขอโทษนะที่ผมหงุดหงิดง่ายแบบนี้”

     

    “ไม่เป็นไร”

     

    “แต่ผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้เวลาเห็นพี่อยู่กับไอ้เน่ก็เหมือนกัน”

     

    “เมื่อตอนเย็นก็ใช่หรอ”

     

    “อือ เพราะเรื่องนี้แหละ”

     

    “นายก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย นายไม่ควรจะหงุดหงิดกับอะไรแบบนี้สิ”

     

    “ผมรู้ และผมก็รู้ว่าจุนเน่เองมันก็จะไม่มีทางหักหลังผม แต่มันก็หงุดหงิด ผมหงุดหงิดกับตัวเองมากว่า”

     

    “ไว้ใจเพื่อนอ่ะถูกแล้วนะ และก็ควรไว้ใจฉันด้วย” ไว้ใจเพื่อนผมรู้และผมก็ทำอยู่ แต่ไว้ใจพี่นี่คืออะไร แสดงว่าเขาก็อยากให้ผมไว้ใจเขาใช่ไหม เราอยู่ในสถานะที่ควรไว้ใจกันใช่ไหมครับ ผมควรทำทุกอย่างให้มันชัดเจนและแน่นอนใช่ไหมครับ ได้!

     

    “พี่จินฮวาน เอ่ยปากเรียกคนตัวเล็กที่ตอนนี้ยังนั่งอิงไหล่ผมไม่ห่าง

     

    “หื้ม?” พี่จินฮวานผละตัวเองออกแล้วเอียงคอมองผมอย่างสงสัย

     

                หูย น่ารัก

     

    “เป็นแฟนกันมั้ย” จริงๆก็ว่าจะเป็นเลยไม่ต้องถาม แต่คิดไปคิดมาถามหน่อยดีกว่า แฟนเชียวนะ

     

    “หือ?” อีกคนดีเหมือนจะงงๆหน่อยๆ ความแป๋วแว๋วในแววตาเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่น้อย

     

    “เป็นแฟนกับผมเถอะ” ผมย้ำความต้องการอีกครั้งก่อนจะมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มเริ่มเจือสีแดงๆ

     

                โหยแม่ พี่จินฮวานแม่งน่ารักชิบหายวายวอด!

     

    “อะ อะไร ใครใช้ให้มาขอกันแบบนี้”

     

    “อ่าว อยากเป็นแฟนพี่ไม่ขอพี่จะขอแมวที่ไหน”

     

    “เพิ่งเป็นพี่น้องกันเมื่อวาน นี่จะเป็นแฟนแล้วหรอ ปรับตัวไม่ทันอ่ะ ไม่เป็นได้มะ”

     

    “กวนตีน แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้บังคับ แค่บอกไว้ ไม่เป็นก็ไม่เป็น ไม่เป็นวันนี้พรุ่งนี้ค่อยเป็นก็ได้ไม่รีบ”

     

    “พูดมากจังฮันบิน” พี่จินฮวานก้มหน้างุดคาดว่าคงอายจนไม่กล้าสบตา แต่คำพูดคำจายังร้ายแรง มาว่าผมพูดมากนี่ถามก่อนก่อนหน้านี้เคยพูดกันกี่ประโยค ถถถถถถถถถ

     

    “เหนื่อยเหมือนกัน เพราะพี่แหละผมต้องพูดอะไรเยอะแยะ”

     

    “จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ” พี่จินฮวานพูดก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้อง

     

    เฮ้ยเดี๋ยว เมื่อกี้คืออะไร

     

    จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ

     

    จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ

     

    จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ

     

    จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ

     

    จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ

     

    จริงๆแค่พูดว่ารักก็พอแล้วป้ะ

     

    อะไรวะ ใครสั่งใครสอนให้พูดจาทำนองนี้ ไปได้มาจากไหน ความอ้อยไม่เลือกที่นี่ไปเอามาจากใคร เบื่อ

     

    นับวันคิมจินฮวานนี่ยิ่งแข็งข้อ พูดแบบนี้มันคือการอ่อยรู้ตัวไหม ระวังตัวไว้ รวบได้เมื่อไหร่จะไม่ปล่อยเลยคอยดู

     

    “พี่มาคุยกันให้รู้เรื่องดิ๊” ผมออกคำสั่งก่อนที่ร่างเล็กๆของอีกคนจะเดินไปถึงประตู

     

    “ฝันดีนะ คิมฮันบิน” แต่คำสั่งก็เปล่าประโยชน์ในเมื่อพี่จินฮวานไม่แม้จะเก็บมันไปใส่ใจด้วยซ้ำ คนร่างบางเปิดประตูออกก่อนจะหันมาบอกฝันดีกับผม จบด้วยรอยยิ้มหวานๆที่ชาตินี้คิดว่าคงไม่มียิ้มใครหวานเท่า ที่ยิ้มมาราวกับจะฆ่ากันให้ตาย

     

    ผมมองตามร่างของพี่จินฮวานไปจนสุดสายตาก่อนจะรู้ว่าตัวเองระบายรอยยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว คนบ้าอะไรบางทีก็ทำตัวเครียดจนน่าเป็นห่วง แต่บางทีก็ซนซะจนน่าจะจับมาตีให้ก้นลาย

     

    รู้สึกเหมือนตกเป็นรอง สายตาอ้อนวอนให้อยู่ด้วยกันต่อไม่ได้มีผลอะไรกับคิมจินฮวานเลย อุตส่าห์อยากอยู่ด้วย ไม่คิดว่าจะแกล้งกันได้รวดเร็วแบบนี้ อยู่ๆก็ลุกพรวดพราดออกไปแบบนั้นมีอย่างที่ไหน ตอบ!!!

     

    คาดว่าคงเขินก็เลยชิ่งตัดบทไปซะเฉยๆแบบนั้น

     

    สรุปตอนนี้เราก็ยังไม่เป็นแฟนกัน แต่ในทางพฤตินัยนี่จะเป็นให้มากกว่าแฟนอีกคอยดู .ยิ้มอ่อน

     

     

    “ฝันดีครับ คิมจินฮวาน”

     

     

     

     

     

     

     

     

    100%

     

     

     

     

     

    พี่จินรถอ้อยคว่ำแรงมาก หมั่นไส้ ตบ 55555555555555555555555
     
    ความพี่จินอ่ะคนใจง่าย แต่ความฮันบินนั่นมันคนบ้า ยิ้มอยู่นั่นแหละ!!! 555555555555555

    เมื่อไหร่จะได้ไปบ้านจุนเนนนนนนนนน่ อิสองคนนี้คุยกันทีไรนานเว่อร์ทู้กที ฮ่อล

    เอาล่ะ ตอนหน้าไปบ้านจุนเน่กัน ไปหาดงดงด้วย #เอ๊ะ 55555555555555

    คิดถึงจังเหล่ยยยย เม้นท์ๆเป็นกลจ.นะคะ ไปเล่นนี่ก็ได้นะ รออออ > #ฟิคพี่ชายบีจิน

    *ความบ๊อบยุนอยู่ในช่วงดองเค็มจ้าบายส์5 55555555555555555555555555

    **แต่งฟิคมาจนจะค่อนเรื่องแล้วเพิ่งสำเนียกได้ว่าควรใส่ธีม ถถถถถถถถถ

    ไปล้าาาา จุ้บบบ <3

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×