ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #17 : 16 : ฟิคพี่ชาย 16 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.8K
      14
      29 เม.ย. 58

     

    [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN]

    -16-





    “จะมากอดคอทำไมเนี่ย” จินฮวานทักท้วงในขณะที่เขากำลังเดินเข้าบ้านพร้อมกับฮันบิน ที่ตอนนี้คนน้องยกแขนขึ้นมากอดคอรั้งเอาตัวคนพี่เข้าไปใกล้จนแทบจะสิงร่าง เดี๋ยวนี้ชักถึงเนื้อถึงตัวบ่อยไปละ

     

    หลังจากที่นั่งคุยกันบนรถไปฮันบินก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาง่ายๆ จินฮวานเองก็รู้สึกดีไม่ต่างกัน ต่างคนต่างรู้ว่ามันคืออะไร แค่ยังไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง

     

    “ก็กอดทุกวันนั่นแหละ ทำเหมือนไม่เคย” ใบหน้าหล่อเหลาก้มเข้ามาใกล้จนจินฮวานรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่น ชอบยื่นหน้ามาใกล้จังล่ะ

     

    “ก็ถามทุกวันว่าจะกอดทำไม” เรื่องจริงคือฮันบินเดินกอดคอจินฮวานเข้าบ้านทุกครั้งที่มีโอกาส และจินฮวานก็ถามทุกครั้งที่โดนกอดเช่นกัน

     

                ถามแต่ก็ไม่เคยขัด อยากกอดก็แค่ให้กอด แค่ถามแก้เขินได้มั้ยล่ะ..-///-

     

    “เคยได้คำตอบที่น่าประทับใจสักครั้งมั้ยล่ะ” สองใบหน้ายังคงห่างกันเพียงคืบ ความร้อนแผ่ซ่านบนใบหน้าจนจินฮวานรู้สึกได้ ยิ่งได้ยินเสียงฮันบินพูดใกล้ๆแบบนี้ใจมันยิ่งเต้นไม่เป็นระส่ำ เบื่ออ่ะ นี่ก็ใจง่ายไปเขินด้วยบ่อยจังเลย

     

    เป็นแบบนี้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว เขินลมๆแล้งๆกับคำพูดไม่ก็การกระทำของฮันบินตลอด โดนรุกบ่อยจนรู้สึกดีที่เป็นฝ่ายโดนตาม มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ จากคนที่เคยบอกว่าเกลียดนักหนา พอมาบอกว่าชอบก็มาพูดดีทำดีด้วยสารพัด โดนแบบนี้ใจมันก็อ่อน ความรู้สึกมันก็ไม่เคยนิ่ง ไม่รู้ว่าเริ่มรู้สึกตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ปล่อยใจให้ไหลลื่นไปกับอีกคนซะแล้ว

     

    “ไม่อ่ะ”

     

    “งั้นก็เลิกถาม เพราะคำตอบของผมก็แค่อยากกอด”

     

    “นายก็ตอบแบบนี้ตลอด” มือเล็กผลักหน้าอีกคนออกเบาๆก่อนจะเคาะหน้าผากคนน้องไปทีด้วยความหมั่นไส้

     

    “เคาะไมเนี่ย อยากกอดจริงๆนะ” ลูบหน้าผากป้อยๆ พร้อมส่งคำพูดที่เล่นเอาคนพี่หน้าแดงแจ๋

     

    “พูดมาก” เอ็ดไปแค่นั้นก่อนจะยอมเดินเข้าบ้านไปพร้อมกันแต่โดยดี เป็นภาพที่คนใช้ในบ้านเห็นจนชิน รวมถึงป้ายูรินเองก็ยิ้มตามตลอดที่เห็นคุณหนูทั้งคู่ของเธอดูรักใคร่กลมเกลียวกัน ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมอยู่ๆถึงมาญาติดีกัน แต่ก็ดีแล้วที่ทั้งคู่ดูรักกัน ไม่มีความบึ้งตึงหรือเหินห่างเหมือนเมื่อก่อน

     

    “เขินแล้วชอบด่าตลอด”

     

    “อะไร”

     

    “ก็พี่เขิน”

     

    “ไม่เขิน”

     

    “เขิน”

     

    “ไม่เขิน!

     

    “เขินชัดๆ”

     

    “ทำไมมาด้วยกัน”  เสียงเข้มดังขึ้นขัดทุกการสนทนาทำให้ทั้งคนพี่และคนน้องหันมามองตามเสียงเป็นตาเดียว

     

    เพราะมัวแต่พูดคุยและสนใจกันและกันเลยลืมมองว่าเบื้องหน้ายังมีอีกสองบุคคลที่จ้องมองการกระทำของพวกเขาอยู่

     

    “พ่อ/คุณพ่อ” เรียกผู้เป็นพ่อออกมาพร้อมกันก่อนจะเป็นจินฮวานที่ขืนตัวออกนอกอ้อมกอดของฮันบิน

     

    “นั่นสิ ทำไมเข้าบ้านพร้อมกัน กอดคอกันด้วย” เสียงหวานๆของผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นบ้าง ปากบางยกยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจที่เห็นลูกขายทั้งสองรักใคร่สนิทสนมกลมเกลียวกันตามแบบพี่น้องที่เธออยากจะให้เป็น

     

    คุณท่านคิมและคุณนายคิมกลับมาที่บ้านได้สักพักแล้ว นี่เป็นวันที่เคลียร์งานเสร็จเร็วในรอบเดือน และแน่นอนว่าพวกท่านก็ต้องกลับบ้านเพื่อมากินข้าวเย็นกับลูกขายทั้งสอง

     

    “มาตั้งแต่เมื่อไรครับเนี่ย” จินฮวานถามเสียงหวาดๆ ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกกลัว กลัวทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลัวทั้งๆที่ยังไม่มีใครรู้อะไร

     

    “ก็ตั้งแต่เห็นลูกสองคนเดินกอดคอหยอกล้อกันเข้ามานั่นแหละ” ผู้เป็นแม่เอ่ย

     

    “ช่วงนี้ก็กอดประจำแหละ” ฮันบินพูดบ้าง เขาเผลอไปมองสบตาผู้เป็นพ่อแว้บหนึ่ง เหมือนเขาจะเห็นแววสงสัยในสายตาเรียวคมคู่นั้น พ่อคิดอะไรอยู่? หรือพ่อรู้อะไร?

     

    “ไม่ชอบพี่เขาไม่ใช่หรอ?” คิมซองกยูเอ่ยถามทันทีที่ได้ยินคำตอบของลูกชาย ใช่แล้วล่ะ คุณท่านคิมที่แสนจะกว้างขวางทางธุรกิจผู้นี้คือคิมซองกยู ชายวัยกลางคนที่หน้าตาดูหล่อเหลาเหมือนโกงอายุ

     

    แทนที่จะดีใจที่เห็นลูกชายเป็นดูเป็นมิตรและญาติดีต่อกัน แต่สายตาเรียวคมกลับจ้องมองไปยังลูกชายทั้งสองอย่างสงสัย เด็กสองคนนี้แทบไม่เคยอยู่ใกล้ชิดกันเลยตั้งแต่ฮันบินรู้ความจริงว่าจินฮวานไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับมีพฤติกรรมแปลกๆ

     

    ฮันบินต่อต้านจินฮวานทุกคนในบ้านนี้รู้ดี รวมถึงตัวคิมซองกยูเองก็รู้ ครั้งล่าสุดที่ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันลูกชายคนเล็กยังมีอาการต่อต้านพี่ชายอยู่เลย แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

     

    แล้วจะไม่ให้เขาสงสัยในการกระทำของฮันบินได้ยังไง อย่างตอนนี้ที่เห็นลูกชายเดินกอดคอเข้าบ้านมาด้วยกัน เขาเห็นชัดเจน สายตาที่ฮันบินมองจินฮวานในตอนที่ทั้งคู่เดินมาด้วยกัน

     

                มันเหมือนกับสายตาของเขาที่ใช้มองใครคนหนึ่งในตอนนั้น

     

     

     

    “ไรเนี่ยพ่อ ผมต่อต้านก็ว่าผมต่อต้าน พอผมทำตัวน่ารักกับพี่เขาพ่อก็มาจับผิดผมอีก” ฮันบินบ่นกระปอดกระแปด น้ำเสียงที่มั่นคงไม่มีทางที่คนฟังจะจับพิรุจได้แม้แต่น้อย

     

    เขาไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อคิดอะไรอยู่ แล้วถ้าพ่อรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับพี่จินฮวานพ่อจะว่ายังไง ไม่รู้ครอบครัวจะรับได้ไหม ไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับพี่จินฮวานหรือเปล่า แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ยังไม่เกิด และแน่นอนว่าฮันบินไม่อยากให้มันเกิด และจะไม่ทำให้มันเกิด

     

    “ฉันไม่ได้จับผิดแก”

     

    “แล้วพ่อจะถามทำไม”

     

    “ฉันก็แค่อยากรู้” ซองกยูเลือกที่จะเบนสายตาใบมองจินฮวานบ้าง นี่ก็ทำตัวแปลกอีก ทำไมจะต้องทำหน้าซีดเซียวขนาดนั้น

     

    “อะไรของพ่อเนี่ย” ฮันบินส่ายหัวอย่างเอือมระอาก่อนเสียงหัวเราะของมารดาจะดังขึ้น แต่จินฮวานยังยืนนิ่งหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆฮันบิน ไม่มีอะไรน่าขำเลยสักนิด

     

    ยอมรับว่าตอนนี้เขาเครียด เครียดอย่างไร้เหตุผล ตอนนี้เขาเครียดนำหน้าเหตุการณ์ไปแล้ว เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อฮันบินมันคืออะไร มันเลยกลายเป็นความร้อนรุ่มที่อยู่ในใจ กังวลมันอยู่คนเดียว กระวนกระวายใจอยู่คนเดียวด้วยเช่นกัน

     

    ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮันบินจะเครียดเหมือนกันหรือเปล่านะ

     

    “ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่ากันไปลูก จะได้ลงมากินข้าวกัน” คุณแม่คนสวยเอ่ยบอกลูกชายทั้งสองก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าอีกครั้งเมื่อเห็นฮันบินยกแขนขึ้นกอดคอจินฮวาน

    “งั้นไปอาบน้ำกัน”

     

    “จะ จะไปด้วยกันหรือไง”

     

    “ก็เดินขึ้นบันไดด้วยกันไงถึงแล้วค่อยแยกย้ายห้องใครห้องมัน” ฮันบินอธิบายอย่างใจเย็น เขารู้ว่าตอนนี้จินฮวานประหม่าวิตกกังวลและอาจจะกลัวด้วยซ้ำ ร่างเล็กนี่ดูเลิ่กลั่กจนจะเป็นพิรุจอยู่แล้ว

     

    “อะ อ่อ ไปไป” จินฮวานยอมเดินไปกับฮันบินเงียบๆโดยไม่หันมามองสบตากับผู้เป็นพ่ออีกเลย

     

                น่ากลัวแววตาที่เหมือนคอยจ้องจะจับผิดกันแบบนั้นคืออะไร?

     

     

     

    -

    “พี่เป็นไรเนี่ย ทำไมต้องตัวสั่น” ฮันบินถามขึ้นเมื่อเดินมาส่งจินฮวานถึงหน้าห้อง

     

    “ปล่าวหรอก นายไปอาบน้ำเถอะ” พูดจบก็เดินเข้าห้องทำท่าจะปิดประตู

     

    “เดี๋ยว” มือหนาของคนเป็นน้องคว้าประตูไว้ได้ทัน เวลานี้เขาเป็นห่วง เป็นห่วงพี่จินฮวานที่สุด

     

    ” จินฮวานยืนนิ่งมองหน้าฮันบินที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนต้องการอะไรสักอย่าง

     

    “ผมเข้าไปด้วยได้มั้ย”

     

    “ขะ เข้ามาทำไม”

     

    “พี่ไม่รู้หรอว่าตอนนี้พี่เองน่าเป็นห่วงขนาดไหน” มองหน้าคนพี่แว้บหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา เขาแค่อยากทำให้พี่จินฮวานรู้สึกดีขึ้น รู้ว่าตอนนี้คนตัวเล็กคงกำลังคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว

     

    ฮันบินเดินเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งลงบนเตียงนุ่มๆของพี่ชาย มองไปก็ยังเห็นตุ๊กตามิกกี้เมาส์นั่งนิ่งอยู่บนหัวเตียง จำได้ว่าตัวนี้เขาเป็นคนให้พี่เตี้ยเองกับมือ ตั้งแต่วันเกิดอายุครบสิบห้าปีของพี่จินฮวาน

     

                ตอนนั้นรักพี่ชายคนนี้มากขนาดไหนฮันบินไม่เคยลืม และตอนนี้ก็รักและเป็นห่วงมากเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ในฐานะพี่ชาย ทั้งรักและเป็นห่วงในฐานะของคนคนนึงที่จะรักและเป็นห่วงคนอีกคน ไม่มีคำว่าพี่น้องเข้ามาข้องเกี่ยว ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    “นายอ่ะคิดมาก ออกไปได้แล้วฉันจะอาบน้ำ” จินฮวานเดินมาหยุดตรงหน้าก่อนจะฉุดแขนแกร่งให้ลุกขึ้น แต่ก็เปล่าประโยชน์เมื่ออีกคนขืนตัวไม่ยอมลุกแถมยังออกแรงดึงเอาคนตัวเล็กไปนั่งจุมปุ้กอยู่ข้างๆอีก

     

    “พี่คิดอะไรอยู่” ฮันบินจับมือเล็กไว้แนบแน่นก่อนจะใช้แขนอีกข้างโอบไหล่บางไว้หลวมๆเพื่อกันอีกคนลุกหนี

     

    ” จินฮวานนั่งนิ่ง ความกังวลเริ่มฉายแววชัดเจนออกมาทางสายตาจนปกปิดไม่อยู่

     

    “พี่กลัวอะไร พี่กังวลอะไรบอกผมได้ไหม”

     

    “นาย

     

     

    “นายเห็นสายตาที่คุณพ่อมองเราหรือเปล่า”

     

    “เห็น” กะแล้วเชียวว่าพี่จินฮวานต้องคิดมากเรื่องนี้ ก็พ่อเล่นมองมาด้วยสายตาที่สงสัยปนจับผิดซะขนาดนั้น ขนาดตัวเขาเองยังรู้สึกได้เลย

     

              เสียวสันหลังวาบเลยด้วย

     

    “แล้วถ้าท่านรู้ขึ้นมาว่านาย

     

    “รู้ก็รู้ไปสิ แค่รู้ว่าผมชอบพี่มันไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเลยนะ”

     

    “มันไม่ใช่แค่นั้น”

     

    “หรือพี่เองก็ชอบผมล่ะ พี่ถึงได้กลัว”

     

    “ฉันยอมรับว่ากลัว ฉันกลัวว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้แล้วท่านจะรับไม่ได้ กลัวว่าวันนึงมันจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา” อีกคนเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่กลับพรั่งพรูสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจออกมาแทน

     

    “พี่ชอบผมใช่ไหม?” ฮันบินเลือกที่จะถามออกไปในตอนนี้ เพราะถ้าแค่พี่จินฮวานพูดออกมาคำเดียวว่าชอบ เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเรา ทุกอย่างจริงๆ

     

    “ทำไมถึงถาม” จริงๆฮันบินเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ชอบนี่จะมานั่งกังวลอยู่แบบนี้มั้ยล่ะ รู้อยู่แล้วก็แกล้งมองข้ามไปหน่อยไม่ได้หรือไง จะอยากได้ยินไปทำไมกัน

     

                เคยบอกแล้วไงว่าถ้าถึงเวลาจะบอกเอง

     

    “ก็อย่างที่เคยบอก แค่พี่พูดออกมาว่าชอบผม ผมจะทำทุกอย่างให้มันถูก”

     

    “นายจะทำยังไง ในเมื่อถ้าคุณพ่อรับไม่ได้ก็คือท่านจะไม่รับ นายก็รู้ว่าท่านเป็นคนยังไง”

     

    “แล้วพี่ไม่รู้เหรอว่าผมเป็นคนยังไง”

     

    “ฮันบิน นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ” คนตัวเล็กมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งก่อนจะถอนหายใจยาว ฮันบินเป็นคนเอาแต่ใจอันนี้เขารู้ แต่กับผู้เป็นพ่อฮันบินจะเอาแต่ใจได้แค่ไหนกันเชียว

     

    “ผมไม่เคยล้อเล่นอยู่แล้ว”

     

    ” จินฮวานเงียบไปเพราะกำลังใช้ความคิด สำหรับฮันบินเขาจะดื้อแค่ไหนก็ได้เพราะเขาคือลูกแท้ๆ แต่สำหรับจินฮวานต่อให้ไม่อยากให้มันเป็นไปแค่ไหน ถ้าผู้เป็นพ่อต้องการเขาก็ไม่มีข้อแม้อะไรที่จะขัดได้เลยจริงๆ

     

    ผู้มีพระคุณก็คือผู้มีพระคุณ เป็นหนี้บุญคุณอยู่จะทำให้ผู้มีพระคุณเสียใจได้ยังไงกัน

     

    เขากำลังกลัวว่าถ้าคุณพ่อรู้และรับไม่ได้ แล้วท่านเกิดอยากจะแยกเราสองคนออกจากกันขึ้นมาจะทำยังไง ก็คิดและรู้มาตลอดว่าระหว่างเขากับฮันบินมันผิด เพราะใครๆก็คิดว่าเราเป็นพี่น้องกัน และคุณพ่อกับคุณแม่เองก็คงอยากให้เราเป็นพี่น้องกันไปตลอด แต่มันผิดที่เขากับฮันบินไม่ได้อยากจะป็นแค่พี่น้อง

     

                การหยุดความรู้สึกตัวเองไม่ได้มันเลยกลายเป็นความลำบากใจในตอนนี้

     

     “มันยังไม่ถึงเวลาที่พี่จะบอกว่าชอบผมอีกหรอ” จัดการรวบร่างเล็กๆมากอดไว้ให้หายฟุ้งซ่านพร้อมกับเอ่ยถามในสิ่งที่เขาอยากได้ยินมาโดยตลอด

     

    “นายเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”

     

    “แค่อยากได้ยิน”

     

    ” จินฮวานนั่งนิ่งงันอยู่ในอ้อมกอด ความอบอุ่นถูกถ่ายทอดผ่านร่างกายทำให้รู้สึกดีอีกครั้ง เขาชอบฮันบินเข้าแล้ว ชอบเวลาที่อีกฝ่ายมาทำตัวอ่อนโยนใส่แบบนี้ ชอบเวลาที่ฮันบินทำเหมือนเขาเป็นเด็กแล้วคอยดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอด

     

                ชอบทุกการกระทำที่ฮันบินปฏิบัติต่อเขา

     

     

    “ชอบผมใช่ไหม?”

     

    “ก็ชอบ” ปากเล็กต้องยอมเอ่ยออกไปในที่สุด เวลาแบบนี้ใครเขาให้มาพูดเรื่องแบบนี้กันล่ะ ให้ตายแก้มจะแตก เขินเป็นบ้า

     

    “ว้า เสียดายจัง ผมเลิกชอบไปแล้วล่ะ พี่ช้าเอง”

     

    “อะไรของนายอ่ะ” ขึงหน้าอย่างเอาเรื่องพร้อมทำท่าจะขืนตัวออกจากอ้อมกอดแต่แรงอันน้อยนิดก็สู้แรงมหาศาลอย่างฮันบินไม่ได้ อะไรของมันวะ ชอบก็มาชอบเอาง่ายๆ พอจะเลิกชอบก็จะเลิกเอาง่ายๆแบบนี้เหรอ!

     

     

     

     

    “ผมรักพี่ไปแล้ว”

     

     

     

     

     

    ฉ่า -///////////-

     

     

     

     

     

    หน้าจินฮวานจะระเบิดแล้ว แงงงงงงงงง

     

     

    ” เขินไม่พูดไม่จา ไม่มองหน้าไม่กล้าสบตา กลัวใจจะสั่นไปมากกว่านี้ .มุดอกแรง

     

    “ชอบผมแล้วก็รีบๆรักผมล่ะ ตามผมมาให้ทัน”

     

     

    “แต่เพื่อที่เราจะได้ก้าวไปพร้อมกัน ผมหยุดรอพี่อยู่เสมอนะ”

     

    .////////////.” นี่หน้าคนหรือลูกมะเขือเทศ ทำไมแดงเยิ้มขนาดนี้ อันตราย คำพูดเลี่ยนๆของคิมอันบินนี่มันอันตรายต่อหัวใจจริงๆ

     

    ฮันบินหัวเราะคิกคักชอบใจในอาการเขินอายของอีกฝ่าย

     

                ไม่เสียแรงที่ยอมน้ำเน่าใส่จริงๆ

     

    “ไอ้เด็กบ้า” มือเล็กทุบลงเต็มแรงที่ไหล่หนา ชอบแหย่ให้เขินตามอยู่นั่นแหละ นี่ก็แปลกคน โดนแหย่ทีไรก็เขินทุกที

     

    “โอ้ย เจ็บนะเนี่ย เขินรุนแรงตลอด”

     

    “หยุดพูดเลยนะ คนใจไม่ดีอยู่”

     

    “เลิกกังวลเถอะน่า มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย”

     

    “แล้วถ้ามันเกิดเราจะทำยังไง”

     

    “ไม่ต้องกลัว ความจริงพ่ออาจจะไม่ว่าอะไรก็ได้ พี่อย่าเพิ่งคิดไปก่อนสิ” แขนแกร่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นราวกับคนตัวเล็กเป็นสิ่งที่หวงแหนเท่าชีวิต

     

                ผมอยากอยู่กับพี่ ผมก็จะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้ตัวว่าอยากอยู่กับพี่ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว และผมจะไม่ยอมถ้าผมไม่ได้อยู่กับพี่

     

    “แต่สายตาของคุณพ่อที่มองมานั่นมัน

     

    “บอกว่าอย่าเพิ่งคิดไปก่อนไง พี่นี่เด็กน้อยจังวะ” ฮันบินถือโอกาสกดจูบลงบนกลุ่มผมสีดำนุ่มนิ่ม สูดดมความหอมอ่อนๆของแชมพูเข้าเต็มปอด ก่อนจะใช้มือหนาลูบหัวเล็กเบาๆราวกับจะคอยเตือนให้อีกคนใจเย็นลง

     

     

    “โตแล้วนะเว้ย ทำไมยังต้องให้เด็กม.ปลายมานั่งปลอบอยู่อีก”

     

    “ก็ตอนนี้เด็กม.ปลายดูมีสติและป็นผู้ใหญ่มากกว่า” ความกังวลเริ่มคลี่คลายเพียงเพราะได้คุยกับฮันบิน จินฮวานระบายรอยยิ้มบางเบาก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกคนที่ก็มองมาเหมือนกัน

     

    “อย่ามาทำหน้าแบบนี้” ฮันบินพูดในขณะที่ระดับควาห่างของใบหน้าแทบจะเป็นศูนย์

     

    “ทำไม?”

     

    “อยากจูบ” ฮันบินพูดออกมาตามความคิดทั้งหมด

     

    “ย่าห์ แยกย้ายกันไปอาบน้ำได้แล้ว” ผลักใบหน้าคมให้ออกห่างอย่างรวดเร็ว แต่คนตัวบางก็ยังถูกพันธนาการไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของฮันบินอยู่

     

    “จูบก่อนไม่ได้หรอ?” คนน้องยังคงย้ำเจตนาเดิม จินฮวานมองหน้าอีกคนอย่างเหนื่อยหน่าย นี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งถึงขนาดที่อยากจูบเมื่อไหร่ก็จะได้จูบป้ะวะ ทำไมถึงได้พูดเรื่องจูบออกมาง่ายๆหน้าตาเฉยแบบนี้

     

                หักดิบทุกสถานการณ์ก็ฮันบินนี่แหละครับ เมื่อกี้ยังพูดเรื่องหนักอกหนักใจกันอยู่เลย มันวกเข้าเรื่องกามซะได้

     

    “ไม่เอาเดี๋ยวใครมาเห็นก็เป็นเรื่อง” จินฮวานปฏิเสธอย่างแรงกล้า ก็ถ้าใครมาเห็นมันก็เป็นเรื่องจริงๆนั่นแหละ มีอย่างที่ไหนพี่น้องจะมานั่งจูบกัน

     

    “แต่เนี่ยเรื่องใหญ่ ถ้าไม่ได้จูบผมไม่ไปไหนแน่ พูดจริง” ความเอาแต่ใจนึกอยากจะใช้ตอนไหนก็เอาออกมาใช้ ไม่คิดจะดูเวลาหรือสถานการณ์หน่อยหรอ?

     

    “อะไรเนี่ยเราไม่ใช่แฟนกันนะ”

     

    “ชอบผมแล้วไม่อยากเป็นแฟนกับผมหรือไง”

     

    “คนละส่วน”

     

    “ส่วนเดียวกันชัดๆ”

     

    “ฮันบินอย่าดื้อดิ”

     

    “นิดนึงนะ ไม่งั้นจะกอดไว้แน่นๆแบบนี้แหละ ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องกินข้าว” ไม่พูดเปล่าท่อนแขนหนายังออกแรงรัดแน่นจนคนในอ้อมกอดแทบขยับตัวไม่ได้

     

     

    “ผมช่วยให้พี่สบายใจขึ้นพี่จะไม่ตอบแทนผมหน่อยหรอ ใจดำ”

     

    “แล้วมันใช่เวลามั้ยเนี่ย”

     

    “ใช่ดิ ใครๆก็อยากจูบผมทั้งนั้นอ่ะ มีแต่พี่นั่นแหละ”

     

    “ก็ไปจูบกับคนที่อยากจูบนายสิ”

     

    “หึงหรอ”

     

    “อย่ามาไร้สาระ”

     

    “พี่หึงแน่ๆ”

     

    “นี่ เลิกพูดมากได้แล้ว จูบกับใครก็ไปจูบสิ” เชอะ หึงหรอ? ใครจะไปหึงกันล่ะ ไม่มีสักหน่อย ไม่เคยเลยเถอะ ไม่ได้หึง จะหึงทำไม โว้ยยยยยยยยยย ไม่หึ๊งงง ไม่มี๊

     

    “มีคนอยากจูบผมมากมายก็จริง แต่พี่ควรรู้ไรไว้อย่าง

     

     

    “ถึงใครจะอยากจูบผม แต่ผมไม่ได้อยากจูบใคร ผมอยากจูบพี่”

     

    สองสายตาสบประสานกันอีกครั้ง คราวนี้มันยากที่จะมองผ่าน แรงดึงดูดเกิดขึ้นมากมายมหาศาลในความคิดของจินฮวาน

     

                อย่าเชียวนะ อย่าใจอ่อนไปจูบเด็กนี่เชียวนะ

     

    เหมือนความคิดจะไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อจู่ๆฮันบินก็คลายอ้อมกอดออกแล้วรวบมือเล็กของอีกคนมากุมไว้ ก่อนจะวางทาบมันลงบนใบหน้าคม กลายเป็นว่าตอนนี้จินฮวานโอบใบหน้าของฮันบินไว้ด้วยสองมือ

     

    “ถ้าชอบผม พี่ต้องไม่ลังเลที่จะจูบผม”

     

    ” คนตัวเล็กยังนิ่งเงียบ อยากจะพูดจะเถียงฮันบินออกไปว่ามันคนละเรื่องคนละส่วนกันแต่ปากกลับไม่ขยับ

     

    ความเคลิบเคลิ้มจากการที่ได้จ้องมองดวงตามีเสน่ห์คู่นั้นทำให้ใบหน้าหวานเริ่มรุกรานเคลื่อนเข้าใกล้จนลมหายใจเป่ารดสันจมูกโด่ง การควบคุมตัวเองเริ่มเสื่อมประสิทธิภาพเมื่อในที่สุดปากบางก็แตะทับลงบนเรียวปากหนา

     

                กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปจินฮวานก็เอาปากของตัวเองไปแตะกับปากอีกคนซะแล้ว

     

    ทันทีที่ได้สติก็ทำท่าจะผละปากออก แต่ก็ไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเมื่อฮันบินรั้งท้ายทอยไว้และกดจูบลงมาอย่างหนักหน่วงโดยที่ร่างเล็กแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัว

     

    คนตัวเล็กหลับตาปี๋ เขายอมนั่งนิ่งๆให้ฮันบินได้ทำตามใจ ไม่ได้ขัดขืน ไม่ได้ปฏิเสธสัมผัสของฮันบิน ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขืนหรือปฏิเสธ

     

                โดนคนที่ชอบจูบจะปฏิเสธทำไม

     

    แค่มันกะทันหันและความเขินอายที่มีไม่เคยลดละ ยังไม่อยากแตะต้องกันมากเกินไป แต่ก็ไม่เคยขัดขืนได้เลยเมื่อโดนอีกคนแตะต้อง ร่างกายมันมักจะไม่ตอบสนองทุกครั้งที่โดนฮันบินสัมผัส มันเป็นความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะขืนตัว

     

              และฟินแรงเกินกว่าจะห้ามใจ

     

    ฮันบินกดจูบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย เขาชอบที่พี่จินฮวานเป็นแบบนี้ สัมผัสตอบรับที่แสนจะเงอะงะทำให้ฮันบินมั่นใจได้ว่าร่างเล็กนี่ยังอ่อนหัด จะบ้าเถอะโตจนป่านนี้แล้วนะเว้ย

     

    แต่ก็ดี ชอบที่อีกคนดูไร้เดียงสาเหมือนเด็ก สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนหายเมื่ออีกฝ่ายรุกจูบมาก่อน จริงๆที่บอกว่าอยากจูบน่ะก็แค่แกล้งแหย่เล่นๆ(อยากจริงๆด้วยก็ได้)แต่ก็ไม่คิดว่าอีกคนจะทำมันจริงๆ แถมยังเป็นฝ่ายเริ่มซะด้วย

     

    ให้ตาย อย่าไปทำแบบนี้กับใครเลยขอเถอะ

     

    “อื้อออ” เสียงเล็กประท้วงเมื่อโดนรุกล้ำมากและนานเกินไป

     

    “อย่าไปทำแบบนี้กับใครเชียวนะ” ออกคำสั่งหลังจากยอมผละออกจากพี่ชายร่างเล็กที่ตอนนี้นั่งหน้าแดงระเรื่ออยู่

     

    “คงไม่มีใครหน้าด้านมาขอจูบแบบนายมั้ง” สูบลมหายใจกันไปจนจะหมดแล้วยังมาออกคำสั่งอีก เหนื่อยนะเนี่ย บนโลกนี้มันจะมีใครบ้าดีเดือดแบบนายอีกมั้ยคิมฮันบิน!

     

    “แรงอ่ะ ผมก็ด้านแต่กับพี่นี่แหละ”

     

    “ขอบ้างได้ไหม?”

     

    “อะไรครับ”

     

    “อย่าพูดคำว่าจูบออกมาง่ายดายแบบนี้ อายบ้าง ถึงจะไม่อายก็แกล้งอายบ้าง ฉันอายแทน” นี่แหละที่อยากพูด กรุณาทำหน้าให้มันบางๆหน่อย

     

                แล้วนี่ก็เป็นอะไร มันขอจูบก็ให้มันจูบ หนำซ้ำยังไปจูบมันก่อนอีก อาย

     

    “มาเป็นชุด -.- แต่พี่ก็จูบนี่หว่า”

     

    “จะเลิกพูดแล้วไปอาบน้ำได้หรือยัง”

     

    “เขินอีกละ” เขินแล้วก็ชอบด่าตลอด บ้าจริง พี่จินฮวานแม่งน่ารัก

     

    “ไปได้แล้ว” ว่าก่อนจะฉุดๆดึงๆให้อีกคนลุกขึ้น

     

    “ไปก็ได้ เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะแวะมาเรียกลงไปพร้อมกันนะ”

     

    “อือ”

     

    “พี่อย่าคิดมากนะ ทำตัวตามสบายแบบที่พี่เคยทำน่ะแหละ”

     

    “อือ”

     

    “ไม่ต้องเครียดนะ”

     

    “อือ”

     

    บอกอะไรไปก็ตอบกลับมาแค่คำเดียวเนี่ยนะ พูดมากกลัวดอกพิกุลจะร่วงหรือไงพ่อคุณ ได้พี่ได้ ตอบแค่อือนักใช่มั้ย ด้ายยยยยย เดี๋ยวรู้ เดี๋ยวรู้เลย

     

     

     

    “รักผมแล้วใช่มั้ย”

     

    “อือ เฮ้ย!

     

    “ฮ่าๆๆ พี่รักผมอ่ะ”

     

    “ขี้แกล้ง ขำไร ไปได้แล้ว” บ้าจริงๆ นี่มันบ้าชัดๆ คิมฮันบินนี่มันโคตรบ้าเลย ไอ้บ้าาาาาา .///.

     

    “ก็เห็นพูดเป็นคำเดียว”

     

    “ไปได้แล้ว”

     

    “ไปแล้วๆ” ฮันบินเอ่ยอย่างยอมแพ้ก่อนจะเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินออกไป

     

                อยู่กับพี่แล้วมีความสุขขนาดนี้ผมก็ไม่อยากจะห่างไปไหนหรอกนะ

     

    จินฮวานมองตามแผ่นหลังหนาไปจนอีกคนเดินพ้นประตู รอยยิ้มแห่งความสุขถูกระบายขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง

     

                ไอ้เด็กบ้า… .///.

     

    ถึงตอนนี้จะมีเรื่องให้กังวลใจอยู่บ้างแต่เขาก็พยายามที่จะไม่คิดอะไรให้มากเพราะมันยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

     

    ก็อย่างที่อันบินบอก เขาไม่ควรจะคิดอะไรให้มาก แต่จะให้ไม่คิดเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะชอบไปแล้วใจมันถึงกลัว กลัวว่าถ้าคุณพ่อรู้แล้วท่านรับไม่ได้เราสองคนอาจจะได้แยกจากกัน

     

                ถ้าเป็นแบบนั้นคงเสียใจไม่น้อยเลย

     

    แต่เขาจะเชื่อใจฮันบิน เชื่อว่าฮันบินต้องไม่ยอมปล่อยให้อะไรๆมันเลวร้าย ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆก็จะไม่กลัวถ้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขายังเป็นฮันบิน

     

    ยอมรับว่าเมื่อก่อนฮันบินเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้เขารู้สึกแย่ได้มากมายเพราะคำพูด แต่ตอนนี้ฮันบินก็เป็นคนเดียวอีกเหมือนกันที่สามารถทำให้เขารู้สึกดีได้มากที่สุดจากทั้งคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย

     

    หลายๆอย่างเปลี่ยนไปรวมถึงความรู้สึกของจินฮวานเอง ชอบ ชอบฮันบินไปแล้ว ชอบเด็กปากร้ายเอาแต่ใจที่เคยทำให้เขาเสียใจนับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ฮันบินคนนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงฮันบินที่อบอุ่นใจดี ฮันบินที่บอกว่ารักเขา ฮันบินที่ขอจูบเขาได้อย่างไม่อาย ฮันบินที่พร้อมจะปกป้องเขา ฮันบินที่จินฮวานเองก็ชอบไปแล้ว...



    "ฉันเชื่อใจนายนะ" เอ่ยเบาๆกับตัวเอง จริงๆก็อยากจะพูดให้อีกคนได้ยินด้วยแต่คงไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงพูดกับตัวเองแบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะเชื่อใจฮันบินและคงจะมีความสุขมากถ้าเราจะได้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆแบบนี้


               




                   ถ้านายบอกว่ารักแล้วให้ฉันรีบตามนายให้ทัน ตอนนี้ฉันคงตามนายทันแล้วล่ะมั้ง คิมฮันบิน

     

     

     

     






     

    100%

     

     

     

     

     

    อ่าวเฮ้ย พ่อของฮันบินคือคิมซองกยูเว้ยแก 5555555555555

    เป็นการบรรยายคุณพ่อที่หล่อเกินความจำเป็นมาก

    แก่แต่หล่อ อวยสุดใจติ่ง 5555555 คุณพ่อมาพร้อมปม

    มีปมทำไม แก่แล้วไมไม่อยู่ส่วนแก่ #เฮ้ยเดี๋ยว 5555555

    แล้วถ้ารู้ว่าลูกชอบกันพ่อจะโกรธมั้ย ติดตามมมมมมมม

     

    ปล.ขอโทษแรงที่หายหลายวัน ไม่มีข้อแก้ตัวค่ะอิไรท์มันแค่ขี้เกียจพิมพ์ /ตบแรง5555555555

    ปล.สอง อยากให้รอติดตามน้าาา มันกำลังเข้าเรื่องแบบจริงจังแล้ว #แล้วที่ผ่านมาคือไร? 55555555

    คิดถึงมากอยากอ่านเม้นท์(เกี่ยวมั้ย? น่าจะเกี่ยว งิงิ) รออ่านนะจ้ะ เยิ้บบบบบบบบบบบ

    #ฟิคพี่ชายบีจิน 

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×