ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON BOBYUN JUNDONG

    ลำดับตอนที่ #16 : 15 : ฟิคพี่ชาย 15 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.2K
      12
      29 เม.ย. 58




    [FIC iKON] พี่ชาย BJIN Ft. iKON Junhoe [BOBYUN]

    -15-
     



    #ความจุนฮเว

     

    “โอเค ดีมาก” เสียงฮันบินพูดประโยคที่ทุกคนรอคอย หลังจากซ้อมวงผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่า คือดีครับ ผมว่าที่จริงรุ่นน้องพวกนี้มันก็เก่งกันอยู่แล้ว แค่ที่ต้องซ้อมบ่อยๆก็เพื่อความเหนียวแน่น กันหลุดเวลาเล่นกันเป็นวง

     

    ที่จริงฮันบินแม่งก็รีบกลับเหมือนกันนั่นแหละทำไมผมจะไม่รู้ แม่งมองนาฬิกาตลอดช่วงที่ดูน้องซ้อมเลยเหอะ มารยาทไม่เคยมี สู้ผมก็ไม่ได้ ไม่ดูหรอกนาฬิกา นี่ยกโทรศัพท์ขึ้นโทรแข่งกับเสียงดนตรีแม่งเลย

     

                ก็ไม่ได้อะไร แค่จะโทรไปบอกดงฮยอกว่าวันนี้เลิกค่ำอาจเข้าไปหาช้าหน่อย

     

    เข้าไปติวหนังสือครับ ไม่ได้แอบแฝงเจตนาอื่นใดนอกจากนี้ เดี๋ยวนี้เขาไม่โทรจิกผมบ่อยเท่าเมื่อก่อนแล้วล่ะ แค่โทรปลุกทุกเช้าที่ต้องไปโรงเรียน เห็นทีจะมีแต่ผมล่ะมั้งที่ต้องโทรไปรายงาน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แค่ช่วงนี้รู้สึกผิดทุกทีที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน ถ้าเป็นไปได้ผมเองก็อยากจะรีบกลับเหมือนกัน

     

    ฝ่ายฮันบินเองมันก็คงกลัวพี่จินฮวานมารับแล้วจะรอนานมั้งครับ แต่ผมก็ยังไม่เห็นพี่จินฮวานมาสักหน่อยนะ นี่จะบอกว่าตั้งแต่วันนั้นที่ไอ้บินมันบอกผมว่ามันชอบพี่จินฮวานผมเองก็ไม่ค่อยได้เจอพี่จินฮวานอีกเลย ไม่สิ อย่าว่าไม่ค่อยเลย เรียกว่าไม่เจอเลยจะถูกกว่า ก็จริงอยู่ที่ช่วงนี้พี่จินฮวานมารับมาส่งไอ้บินมันที่โรงเรียนบ่อยๆ แต่ก็คลาดกับผมทุกทีนั่นแหละ บางทีผมก็ออกไปก่อนพี่แกจะเข้ามาซะอีก

     

    ผมไม่ค่อยเข้าไปหาไอ้บินที่บ้านบ่อยเหมือนเมื่อก่อนหรอกครับ ด้วยเพราะผมเองก็ต้องมีชั่วโมงบำเพ็ญประโยชน์หลังเลิกเรียน ไม่ก็มีติวหนังสือ คิวมีอยู่แค่นี้แหละ แต่ละวันไม่เคยได้ว่าง มันกลายเป็นชีวิตประจำวันของผมไปแล้วล่ะ

     

    “งั้นก็กลับบ้านได้แล้วดิพี่” รุ่นน้องสมาชิกชมรมคนนึงเอ่ยถามตาลุกวาว ไอ้นี่มันชื่ออะไรนะ ยองอะไรนะ ยองแจ อ๋อ ไอ้น้องหน้าแป้นแล้นนี่มันชื่อยองแจ ชเวยองแจ อืม นั่งดูเฉยๆยังจะอยากรีบกลับอีกนะมึง

     

    การซ้อมวงครั้งนี้เป็นการซ้อมครั้งใหญ่ครับ สมาชิกชมรมคนไหนไม่เข้าร่วมนี่มีความเสี่ยงสูงมากที่จะไม่ผ่านกิจกรรม เพราะมันเป็นหน้าเป็นตาของชมรมเรา อีกอย่างงานแสดงงานโชว์ต่างๆของโรงเรียนก็ล้วนเป็นความรับผิดชอบของชมรมดนตรี เลยต้องซ้อมไว้ เกิดมีอะไรผิดพลาดไปนี่ความบรรลัยล้วนๆ

     

    “เออ กลับกันได้ละ กูเช็คชื่อแล้ว ครบ” ฮันบินว่าก่อนมือของมันจะยกกระดาษเอสี่แผ่นสีขาวที่เต็มไปด้วยชื่อสมาชิกในชมรมโบกไปมา น่อว เป็นประธานชมรมมันก็ดีแบบนี้นี่เอง  คำไหนคำนั้นจริงๆ

     

                ว่าแล้วก็นึกถึงอีกคนที่เป็นประธานนักเรียนขึ้นมาซะเฉยๆ

     

    ป่านนี้ก็คงรอผมอยู่นั่นแหละ ปกติดงฮยอกจะรอลากผมไปจากห้องชมรม แต่วันนี้เห็นบอกที่บ้านมีธุระให้รีบกลับไปอยู่บ้านเป็นเพื่อนหมา จริงๆ อันนี้ดงฮยอกบอกมาจริงๆ

     

    “งั้นกลับล่ะพี่ บายครับ” ยองแจบอกลาก่อนจะส่งยิ้มมาให้ แล้วมายิ้มทำซากไร แป้นแล้นสิ้นดี! รุ่นน้องหลายคนทยอยเดินตามกันออกไป แหม่ หลั่งไหลเป็นสายน้ำเลยนะพวกมึง

     

    ฮันบินโบกมือไล่เป็นเชิงจะบอกว่า ไปไหนก็ไปเหอะพวกมึง อยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ตัวถ่วงเปล่าๆ งี่เง่าชิบหาย

     

    กูว่าประโยคทั้งหมดกูคิดเองนี่แหละ

     

    “พวกผมต้องซ้อมต่อป่ะพี่” ชานอูที่เพิ่งนำพาตัวเองออกมาจากเครื่องดนตรีได้เอ่ยถาม นี่ก็อนาคตประธานชมรมสดใสมากอ่ะมึง คือไม่ต้องขยันซ้อมเว่อร์ขนาดนี้ก็ได้มั้ง คนอื่นเขาจะหาว่าพี่มึงใช้งานมึงหนักเกินไปนะ กลับไปรอไอค่อนเดบิ้วต์ต่อเถอะน้องรัก

     

    “ไม่ต้องหรอก กลับบ้านไปพักผ่อนเหอะ พรุ่งนี้ว่างๆพวกมึงก็ค่อยนัดวงซ้อมกัน” ไม่ใช่เสียงไอ้บินหรอกครับที่พูดไปน่ะ ไม่ใช่เสียงผมด้วย แต่มันเป็นเสียงของเหยินบอยเพื่อนรักที่วันนี้แม่งดูอารมณ์ดีผิดวิถีคนฟันเหยิน ดูใจดีด้วยนะประเด็น นี่เท่าที่สังเกตุมาเห็นมันนั่งดูน้องซ้อมไปยิ้มไป แม่งบ้าหรอ? โลกสดใสมากมั้ยคิมจีวอน!

     

    “เอางั้นหรอพี่” แจ็คสันว่า

     

    “เออ ตามนั้นแหละ กลับบ้านกันได้แล้ว” นี่ครับคำพูดประธานตัวจริง มองเผินๆอาจจะคิดว่าเออ มันห่วงน้องอยากให้น้องพักผ่อนไรงี้ จุนฮเวขอเถียงว่ามันไม่จริง อย่าไปมองมันเป็นพระเอกขนาดนั้นถึงแม้เรื่องนี้มันจะเป็นพระเอกก็เถอะ

     

    ที่แม่งบอกให้น้องกลับคือตัวแม่งเองก็อยากกลับเหมือนกันไงโด่ว

     

    “งั้นพวกผมกลับนะพี่” เป็นชานอูที่เอ่ยบอกพร้อมค้อมหัวอย่าง(เกือบ)นอบน้อม เอาจริงๆถ้ามันลำบากนักก็ไม่ต้องค้อมก็ได้ มึงอย่าทำเหมือนมึงเป็นเด็กดี ที่ผ่านมามึงแทบจะตบหัวพวกพี่อยู่แล้วครับ

     

    “เออๆกลับดีๆ” ฮันบินบอกพอเป็นพิธีก่อนตัวมันเองจะก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง

     

    ที่จริงก็ดีใจกับมันนะครับที่แม่งกล้าสารภาพรักพี่จินฮวานไปซักที ผมเองคิดว่าพี่จินก็คงไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากไอ้บินนักหรอก ที่ผ่านมาฮันบินมันก็บอกผมทุกอย่างนั่นแหละ แม่งเห็นผมเป็นที่ปรึกษาไปซะแล้ว

     

                มึงเอากูเป็นที่ปรึกษาทั้งที่กูก็ชอบคนคนเดียวกับมึงเนี่ยนะไม่ใช่ฮันบินแม่งทำไม่ได้อ่ะ

     

     

    สมาชิกชมรมออกไปจนหมดแล้วครับ ตอนนี้เหลือแค่พวกผมสามคนที่ยังอยู่ในห้อง

     

    “พวกมึงไม่กลับ?” บ๊อบบี้หันมาถามผมกับฮันบินที่ยังนั่งแข่งกันนิ่งอยู่ เออ แล้วกูจะนิ่งทำไม?

     

    “รอพี่เตี้ยมารับ” เพื่อนบินตอบ ใบหน้าขุ่นเคืองราวกับแม่ไม่ให้ตังค์ซื้อตุ๊กตามิกกี้เมาส์นั่นทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่ามันกำลังหงุดหงิด ก็พี่จินฮวานยังไม่มาสักทีน่ะสิ ผมคิดว่าน่ะนะ

     

    “มึงอ่ะเน่?” เมื่อได้คำตอบจากฮันบินแล้วบ๊อบบี้ก็หันมาถามผมต่อทันที

    “กูก็จะกลับแล้วแหละ ถามไม” เออ ถามทำไม ปกติยุ่งกับชีวิตประจำวันกูที่ไหน จะกลับไม่กลับอะไรยังไงเคยถามที่ไหนล่ะ เหยินแม่งประพฤติตัวน่ากลัวสัส

     

    “กูมีไรบอกพวกมึง”

     

    “ไร?” เป็นเสียงประสานที่เพราะพริ้งเสียเหลือเกิน ผมกับฮันบินพูดพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

     

                แต่กูว่าความเสือกน่าจะสูสี

     

    “กูกับยุนฮยองเป็นแฟนกันแล้วโว้ยยยยยยย” ตะโกนแม่งลั่นห้องเลยครับ ไอ้ห่า กูนึกว่าเรื่องอะไร มิน่าล่ะแม่งนั่งยิ้มเคลิ้มเป็นคนบ้าอยู่ได้

     

    “อ่าว กูนึกว่าเป็นไปแล้วซะอีก” ฮันบินแย้งก่อนจะทำหน้าตามึนๆ เออ ผมเองก็คิดแบบนั้นแหละ นี่นึกว่าแม่งเป็นผัวเป็นเมียกันไปแล้วซะอีก

     

    “เพิ่งขอเป็นแฟนวันนี้ สดๆร้อนๆ โคตรฟินอ่ะมึง”

     

    “ตามเค้ามาตั้งนาน เพิ่งจะได้เป็นแฟนเอาวันนี้เนี่ยนะ” ผมเองแหละที่แซะมัน กับคนนี้บ๊อบบี้มันตามตั้งนานแล้วนะใครก็รู้ แม่งอยู่ๆก็จริงจังขึ้นมาซะจนน่าใจหาย มีแต่พี่ยุนฮยองนี่แหละที่มันยอมให้มากมายขนาดนี้

     

                เคยได้ยินไหมล่ะ เสือสิ้นลายน่ะ แต่บ๊อบบี้นี่เปรียบเป็นกระต่ายสิ้นฟันหน้าคงจะเห็นภาพได้ง่ายกว่า

     

    “มันคุ้มค่ากับความฟิน พวกมึงแม่งไม่เข้าใจแน่ๆ” มันพูดอย่างเป็นต่อพลางใบหน้าที่สาวๆหลายคนมองว่ามันมีสเน่ห์นักหนาก็เข้าสู้อาการเคลิ้มอีกครั้ง

     

    “อย่าทำหน้างั้นดิ๊ แม่งน่าเกลียด” ผมว่าเข้าให้ มันทำหน้าเหมือนโรคจิตที่ชอบขโมยชั้นในอ่ะ

     

    “แล้วนี่มึงจะกลับกันเลยป้ะ” ฮันบินที่ดูไม่ค่อยจะสนใจการบอกเล่าของบ๊อบบี้เท่าไหร่เอ่ยถาม

     

    ดูมันอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ด้วยแหละ ก็นี่มันจะห้าโมงเย็นอยู่แล้วพี่จินฮวานยังไม่มารับมันเลยนี่ เห็นบอกนัดไว้ให้มาตอนสี่โมงเย็น

     

    “กูจะกลับเลยอ่ะ วันนี้จะค้างกับยุนฮยอง”

     

    “เกลียด” ฮันบินมองไปทางบ๊อบบี้พร้อมกับตาคมๆของมันก็ฟาดฟันเข้าใบหน้าอิบ๊อบอย่างรุนแรง กระแสไฟฟ้านี่ลั่นออกจากสายตาแบบเปรี๊ยะๆ เออ นี่เห็นด้วยกับฮันบินเลย เกลียด เกลียดบ๊อบบี้มาก โดยเฉพาะท่าทางของมันตอนนี้

     

    “ขี้อิจฉาจังครับเพื่อน”

     

    “จะไปไหนก็รีบไปไป” ฮันบินสะบัดมือไล่อย่างไม่คิดจะใส่ใจ

     

    “งั้นกูไปละ โชคดีนะคนโสด” โบกมือหยอยๆก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผม(มั่นใจว่าฮันบินก็ด้วย)เสียวสันหลังวาบ โสดหรอ

     

              กูเองแหละที่โสดสนิทเลย

     

    “แม่งขี้ซ้ำเติมชิบหาย” ประธานชมรมเอ่ยตามหลังไอ้คนขี้อวดก่อนมันจะเบนสายตามองมาทางผม

     

    “มองไร” โดนมันมองก็ต้องถามสิครับ ถ้ามันมองมาแล้วมองมันกลับอย่างเดียวชาตินี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องอ่ะ

     

                กูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นกูที่เอ่ยก่อนตลอด=_=

     

    “กลับตอนไหน”

     

    “ก็จะกลับละ เมียรอติวหนังสืออยู่” ผมพูดทีเล่นทีจริงพร้อมกลั้วหัวเราะให้รูปประโยคดูน่าขำ อย่าแปลกใจไปครับ เวลาอยู่กับพวกมันผมมักจะเรียกแทนดงฮยอกแบบนี้แหละ มันชอบแซวกันดีนัก นี่ก็น้อมรับแม่งซะเลย กูเหนือกว่าเห็นๆอ่ะ

     

    “หึ เค้าเมียมึง มึงอ่ะผัวเค้าป้ะ”

     

    ” ผมไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ไหวไหล่น้อยๆเป็นเชิงบอกว่ากูแคร์ที่ไหนล่ะ พูดไปก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว(มั้ง)

     

    “งั้นมึงกลับก่อนเลยก็ได้”

     

    “มึงจะรอคนเดียวหรอ แล้วนี่ทำไมพี่จินยังไม่มา”

     

    “ก็ไม่รู้”

     

    “ไม่โทรตามอ่ะ”

     

    “รอสักพักก่อน เผื่อขับรถอยู่” ถึงมันจะพูดออกมาแบบนั้นแต่หน้าตามันนี่บ่งบอกเลยครับว่าขีดความอดทนของการรอเริ่มไม่เหลือแล้ว มันเป็นคนใจร้อน แต่เหมือนมันพยายามจะปรับอยู่ การที่มันไม่โทรเร่งพี่จินฮวานนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะ

     

    “รอคนเดียวได้ป้ะ”

     

    “เน่ กูโตแล้ว ไอ้ห่า ไปก็ไปเหอะเดี๋ยวเมียมึงรอนาน” แหม่ ได้ทีแล้วเล่นต่อเลยนะมึง เล่นใหญ่ด้วยนะนั่น เน้นคำว่าเมียชัดเกินไปละ

     

    “เออ งั้นกูไปล่ะ”

     

    “เฮ้ยเดี๋ยว!” ก่อนที่ผมจะได้ลุกเพื่อไปหยิบกระเป๋า ฮันบินก็เอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน

     

    “ไรวะ”

     

    “กูถามไรหน่อยดิ” หน้าตาแม่งดูจริงจังไปไหนล่ะนั่น ห้ามถามกูว่างวดนี้ออกอะไรงี้นะ กูไม่รู้นะ #ถุ้ย อย่าเล่น-_-

     

    “ว่า?”

     

    “มึงยังชอบพี่จินอยู่ป้ะ” ฮันบินมองผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา มันถามออกมาแล้วและผมก็ได้ยินชัดเจน แต่มันทำหน้าเหมือนมีความพิดพลาดในประโยค หรือบางทีผมคิดว่ามันก็แค่อยากรู้เฉยๆ หรือบางทีมันอยากรู้มานานแล้วแต่มันไม่กล้าถามผม แค่นั้น

     

    เพราะว่าตอนนี้ฮันบินมีสิทธิ์มากกว่าในเรื่องของพี่จินฮวาน แต่มันเป็นคนที่รู้ความรู้สึกทีหลัง ผมเลยคิดว่ามันคงรู้สึกผิดไม่น้อยที่ถามผมมาแบบนี้

     

                อารมณ์เหมือนไปแย่งมาแล้วถามว่ายังอยากได้คืนหรือเปล่า..

     

    เฮ้ยแต่ห้ามดราม่า กูบอกไม่ยุ่งคือไม่ยุ่งดิ แต่ในเรื่องของความรู้สึกก็ไม่อยากจะปิดบังมันหรอก มันกล้าถามมาตรงๆผมก็กล้าที่จะตอบแบบตรงๆ แมนๆคุยกัน

     

    “ทำไมอยู่ๆถึงถาม” น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ เพราะที่ผ่านมามันไม่เคยถามผมเลยสักครั้ง ต่างคนต่างก็ปล่อยให้มันผ่านไป ให้เวลาช่วยทำให้มันดีขึ้น แต่ก็รู้อีกนั่นแหละว่าเวลายังช่วยได้ไม่มาก

     

    “กูก็แค่อยากรู้”

     

    “เอาจริงๆเลยป่ะ” ผมถอนหายใจพรืดใหญ่ก่อนจะหันหน้าไปมองมัน ความจริงจังเริ่มเข้าปกคลุมจนรู้สึกอึดอัด ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ฮันบินมันรู้สึกยังไง แต่ที่ผมรู้สึกคือน่าจะสบายใจมากกว่าถ้าพูดความจริง

     

    “เออ จริงๆ”

     

    “มันเลิกได้ง่ายๆที่ไหนกันล่ะ”

     

    ความจริงก็คือความจริงแหละครับ ความจริงที่ว่าผมยังชอบพี่จินฮวานอยู่ ถ้าถามว่าตอนนี้อยากคบใครมากที่สุด คนที่โผล่เข้ามาในความคิดคนแรกก็คือพี่จินฮวานนั่นแหละ

     

    “เออ กูก็คิดแบบนั้น” ฮันบินถอนหายใจบ้างหลังจากได้รับคำตอบ มันก็คงคิดคำตอบมาเองเสร็จสรรพแล้วล่ะ และคำตอบที่มันคิดมาก็คงตรงกับคำตอบที่ผมเพิ่งจะตอบออกไปมันถึงได้ทำหน้าเซ็งโลกแบบนี้

     

     

    “แต่ช่วงนี้กูก็ไม่ค่อยได้คิดถึงเท่าไร” หลังจากวันนั้นที่แทบไม่ได้เจอกันอีกเลยผมก็คิดว่ามันดีต่อการตัดใจ เพราะการที่ไม่ได้เห็นหน้าก็เท่ากับว่าไม่ต้องคิดถึง

     

    ช่วงนี้คนเดียวที่ผมได้ยินเสียงโทรปลุกตอนเช้าคือดงฮยอก และคนเดียวที่เห็นหน้าหลังเลิกเรียนก็คือดงฮยอก แทบจะไม่ได้พบปะกับใครเลยนอกจากดงฮยอก แม้แต่เพื่อนสนิทอย่างฮันบินและบ๊อบบี้เองผมยังไม่ค่อยมีเวลาได้คุยกับพวกมันเลยช่วงหลังเลิกเรียนเนี่ย

     

    ยอมรับครับว่าเวลาอยู่กับดงฮยอกมันทำให้ผมลืมคิดถึงพี่จินฮวานไปซะเฉยๆ นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเริ่มอยากอยู่กับดงฮยอกมากขึ้น ไม่ใช่จะเอาดงฮยอกมาเป็นตัวช่วยในการลืมพี่จินฮวาน แต่เวลาอยู่กับดงฮยอก มันทำให้ผมได้รับรู้ความรู้สึกใหม่ ที่มันค่อนข้างจะสบายใจ ถึงตอนแรกจะน่ารำคาญแต่นานไปกลับสนุกที่ได้พูดคุย

     

    ผมชอบที่จะเห็นด้านต่างๆของเขานอกเหนือจากการเป็นประธานนักเรียนจอมเนี้ยบ เวลาอยู่กันสองคนก็ไม่ค่อยกัดกันเท่าไหร่ ดงฮยอกเป็นคนปากดี ถามมาก ชอบยุ่งชอบวุ่นวาย เขาเป็นเหมือนความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตผมในช่วงนี้ จนเริ่มกลายเป็นความเคยชิน และบางทีก็คิดว่าถ้าความวุ่นวายนี้หายไปมันจะรู้สึกแปลกไปหรือเปล่า

     

     

     

             

    42%

     

     

    เริ่มชินกับการที่ต้องตอบคำถามของคนคนเดียว ผมเองถามคำถามแบบนับครั้งได้ ต่างจากอีกคนที่สาดเอาๆโดยไม่คิดเลยว่าผมจะได้เตรียมคำตอบมาเพื่อตอบหรือเปล่า เขาถามผมทุกเรื่องนั่นแหละ ทั้งเรื่องสอบเข้ามหาลัย เรื่องเรียน ซึ่งคำตอบเดียวที่ผมเตรียมไว้ตอบคือ แม่จัดการให้

     

    มันก็มีบ้างนะที่ผมอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขา จำได้ว่าเคยถามไปว่าตอนนี้อยู่ตั้งเกรดสิบสองแล้วทำไมถึงยังเป็นประธานนักเรียนอยู่

     

    คำตอบที่ได้รับกลับมาคือ นายก็ลองกลับไปถามบีไอดูสิ ว่าทำไมอยู่ตั้งเกรดสิบสองแล้วยังเป็นประธานชมรมดนตรีอยู่

     

    ข้อนี้ไม่ต้องถามฮันบินผมก็รู้คำตอบดี ที่ฮันบินยังไม่ได้ถ่ายทอดตำแหน่งประธานให้ใครนั่นก็เป็นเพราะว่าความเหมาะสม มันเป็นคนบริหารงานเก่ง(ถึงแม้บางทีจะขี้เกียจชิบหาย) มันมีความสามารถด้านดนตรีมากจนหลายๆคนยอมรับ และทุกคนยังลงความเห็นให้มันเป็นประธานชมรมทุกครั้งที่มีการเลือก

     

    ดงฮยอกเองก็เหมือนกัน เขายังได้เป็นประธานนักเรียนอยู่ก็เพราะความเหมาะสม เบื้องหลังความเหมาะสมก็พ่อผมเองนี่แหละ เพราะดงฮยอกเป็นคนเก่ง ทำผลงานให้โรงเรียนนับชิ้นไม่ถ้วน เป็นตัวเอกทั้งในด้านวิชาการและกิจกรรม ท่านผอ.(พ่อผู้เป็นที่รัก) จึงให้ดงฮยอกรักษาตำแหน่งประธานนักเรียนไว้ดังเดิม

     

    และก็เหมือนเขาจะรักษามันได้เป็นอย่างดี เพราะแม้จะอยู่เกรดสิบสองที่ต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเข้ามหาลัยนู่นนั่นนี่ แต่เขาก็บริหารหน้าที่เป็นอย่างดี แบ่งเวลาเก่ง แถมยังหัวดีเอามากๆ ยอมรับว่าพอได้ใกล้ชิดกับอีกคนมากๆผมเองก็อดที่จะทึ่งในความสามารถของเขาไม่ได้เลยจริงๆ

     

     

    “ไม่ว่างพอน่ะ แค่ติวหนังสือกับบำเพ็ญประโยชน์กูก็จะกระอักเลือดแล้ว ไม่มีเวลาไปคิดถึงพี่จินหรอก”

     

    “พูดเพื่อให้กูสบายใจป้ะเนี่ย”

     

    “กูจำเป็นต้องแคร์มึงขนาดนั้นหรอ?” ผมถามด้วยท่าทางที่ เอ่อ กวนตีนนิดหน่อย ที่จริงก็แคร์นั่นแหละ แต่ไอ้ที่ผมพูดไปมันคือความจริง ไม่ใช่ว่าจะพูดไปเพื่อให้มันสบายใจสักหน่อย

     

    “สัส” ตบท้ายประโยคด้วยการด่าของมันอีกอยู่ดี โดนจนชินละครับ คำด่าของเชี่ยบินนี่ฟังแล้วลื่นหูดี วันไหนไม่ได้ฟังผมว่าผมลงแดงตาย

     

    “ถามแบบนี้ทำไมวะ มึงกลัวกูจะจีบพี่จิน?”

     

    “โน ถึงมึงจีบ ยังไงเค้าก็ชอบกู” ดู ดูมันทำหน้า คือมึงมั่นใจมากมั้ยว่าคนทุกคนบนโลกนี้ต้องชอบมึงหมดอ่ะ

     

                แต่พี่จินฮวาน..ก็คงจะชอบมันจริงๆนั่นแหละ

     

    “มั่นหน้ามาก” อยากถุยใส่หน้ามันมากเลยจริงๆ

     

    “ที่ถามก็เพราะแค่อยากรู้นั่นแหละ ก็เหมือนกูจะรู้อยู่แล้ว เพราะกูเองก็เข้าใจว่าถ้าได้ชอบไปแล้วมันเลิกชอบไม่ได้ง่ายๆ แต่ก็แค่อยากจะถามมึง” น่ะ อยู่ๆก็จริงจังขึ้นมาจนน่าใจหาย สีหน้ากังวลแบบนั้นมันไม่เข้ากับมึงจริงๆนะ เลิกเหอะกูขอร้อง

     

    “เอาจริงๆนะ ถ้ามึงยังรู้สึกผิดอยู่กูบอกเลยว่าไม่ต้อง กูไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมามันโอเค” ฮันบินมันปกปิดความกังวลเอาไว้ไม่มิดหรอกครับ ดูก็รู้ว่ามันยังรู้สึกผิด มันคงกลัวผมจะเสียใจ ก็เสียใจ แต่ก็ไม่มาก แค่เสียดายมากกว่า

     

    “โอเคเพราะมึงมีเมียแล้วหรือเปล่า?” แหน่ะ ได้ข่าวว่าเมื่อกี้เพิ่งจะจริงจังกันไป นี่วกเข้าเรื่องดงฮยอกอีกละ อยากให้ประธานนักเรียนเป็นเมียเพื่อนมึงนักหรือไง ตอบ!

     

    “เมียใครใครก็รัก” ผมเล่นต่อแบบขำๆ ก่อนที่ทั้งมันและผมจะส่งเสียงหัวเราะออกมา ไอ้ห่า ตลกมากมั้ย

     

    “เมียไปเมียมาได้จริงๆขึ้นมาทำไง”

     

    “ได้ก็เอาดิ ยากไรล่ะ” เอาจริงๆก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ดงฮยอกน่ะ ถ้าผมจะพูดว่าเขาเป็นเมียนี่ต้องห้ามให้เจ้าตัวได้ยินเด็ดขาดเลยนะ แม่งไม่เข้าใจว่าผมแค่พูดเล่นสนุกๆกับเพื่อนอ่ะ ซีเรียสมาก เขาบอกอย่าล้อเล่นแบบนี้ให้ได้ยินอีก ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบมัน

     

    มีอยู่ครั้งนึงที่ผมเผลอพูดออกไปต่อหน้าเขาว่าเขาเป็นเมียผม แค่นั้นแหละ เสียงเล็กๆนั่นตะหวาดแว้ดจนผมสะดุ้ง แถมยังบ่นกระปอดกระแปดออกมาเรื่อยๆอีกว่าเขาไม่ใช่เมียผมพูดแบบนั้นเขาเสียหาย บลาๆๆๆ

     

                เป็นเมียกูจุนฮเวนี่มีอะไรที่น่าเสียหายเหรอ?

     

    “เอาจริงหรอวะ”

     

    “ไม่จริงจังได้มั้ยล่ะ” หมายถึงหน้ามึงเนี่ย จะจริงจังในการอยากรู้อยากเห็นอะไรขนาดนั้น เสือกเก่งจริงๆ

     

    “หึ แล้วที่บอกไม่คิดถึงพี่จินฮวานนี่จริงหรอวะ”

     

    “มึงเป็นไรเนี่ยเชี่ยบิน ปกติมึงไม่ใช่คนเซ้าซี้นะ”

     

    “ถามก็ตอบดิวะ” เพื่อนรักพูดอย่างเอาแต่ใจก่อนใบหน้าหล่อเหลาของมัน(พูดตามคนอื่น)จะฉายแววขุ่นเคืองขึ้นมาอีกครั้ง เอ้า กูผิดมากมั้ยหนิ-_-

     

    “ไม่รู้ว่ะ ไม่รู้เหมือนกัน กูก็ไม่รู้”

     

    “อะไรของมึงวะเน่ ปกติมึงไม่ใช่พูดอะไรซ้ำๆนะ”

     

                เอ๊ะ เหมือนล้อเลียนกูจังเลยนะ

     

    “นานกว่านี้กูคงรู้แหละ” เวลามันช่วยได้จริงๆครับ ถึงมันจะช่วยได้ไม่มาก แต่นานไปผมคิดว่ามันต้องช่วยได้มากกว่านี้

     

                แต่ในความคิดผมตอนนี้มันไม่ได้มีแค่เวลาที่เข้ามาช่วย

     

    ผมเองก็ไม่ได้มีแผลหรือเจ็บอะไรมากมาย แต่ถ้ายังได้อยู่ใกล้ยังเห็นพี่จินฮวานบ่อยๆผมก็คงไม่เลิกเสียดายง่ายๆแน่ เพราะฉะนั้นการอยู่ห่างๆคือการกระทำที่ดีที่สุด

     

    มีบางอย่างชัดเจนขึ้นมาเมื่อนึกถึงการเยียวยา รอยยิ้มของใครบางคนผุดขึ้นมาในความคิดได้ง่ายๆโดยที่ผมไม่ทันระวังตัว

     

                เผลอไปคิดถึงตลอด คิดขึ้นมาแล้วเลิกไม่ได้ง่ายๆอีก

     

              เมื่อก่อนกัดกันแทบตาย ตอนนี้กูจะคิดถึงแต่เขาไม่ได้นะ!!

     

    “พูดเชี่ยไร แล้วยิ้มงั้นทำไม คิดอกุศลไรอยู่”

     

    “หือ?” เสียงกวนตีนๆของฮันบินทำให้ผมหลุดออกจากความคิด

     

                อ่าว นี่กูยิ้มเหรอ? แล้วยิ้มของกูมันดูอกุศลเหรอ? อ่าว แหล่ว แหล่ว แหล่ว กูเผลอน่ะเชื่อสิ!

     

    “เป็นไรวะ คิดถึงเมีย?”

     

    “ถุย ลงไปรอข้างล่างเหอะ” ผมบอกปัดก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินนำมันออกจากห้องชมรม

     

                มึงรู้ได้ไงอ่ะ อ่านความคิดกูออกเหรอ?

     

     

    #จบความจุนฮเว

     

     

     

    ฮันบินและจุนฮเวเดินลงมาข้างล่างตึก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถยนต์คันหรูที่คุ้นตาของพี่ชายตัวเล็กก็แล่นเข้ามาพอดี

     

                เหอะ กว่าจะเข้ามาได้นะ สายเป็นชั่วโมงเลยเถอะ

     

     

    จินฮวานดับเคื่องยนต์พร้อมร่างเล็กๆก็ก้าวลงจากรถอย่างเร่งรีบก่อนจะหันมาพบกับผู้เป็นน้องชายและเพื่อนตัวสูงของน้องชายที่ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว

     

    “โทษทีมาช้า หวัดดีจุนเน่” เอ่ยขอโทษผู้เป็นน้องชาย ก่อนจะส่งยิ้มไปทักทายอีกคนที่ยืนข้างๆกัน

     

    “หวัดดีครับพี่จิน”

     

    จุนฮเวทักกลับไปแบบไม่เต็มเต็งนัก

     

                ไอ้เชี่ย เมื่อกี้พี่จินฮวานยิ้มมาอ่ะ ไม่ทันตั้งตัวอ่ะ ชิบหายแล้วกูโดนแอทแทค

     

              กูเกือบจะลืมรอยยิ้มนี้ได้แล้วแท้ๆ

     

     “” ฮันบินยืนเงียบ ไม่ได้โกรธอ่ะที่มารับช้า แต่ตอนนี้แค่สงสัยว่าทำไมมาช้า แต่ยังไม่อยากถาม

     

                บอกตรงๆเลยแค่เห็นพี่จินฮวานยิ้มให้ไอ้เน่กูก็หงุดหงิดอีกแล้ว

     

    ทั้งๆที่จะไม่คิดแล้วแท้ๆ แต่ยิ่งรู้ว่าจุนฮเวยังไม่เลิกชอบจินฮวาน ฮันบินก็อารมณ์เสียขึ้นมาซะได้ง่ายๆ

     

    “ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นเลยนะ หายไปไหนเนี่ย” พี่ชายตัวเล็กยังคงทักทายจุนฮเวไปเรื่อย เพราะไม่ได้เจอกันก็นาน จุนฮเวไม่ได้เข้าไปหาฮันบินเลยมั้งช่วงนี้

     

    “ผมมีติวหนังสือน่ะ”

     

    “โห ดีจัง ไมไม่พาฮันบินไปติวบ้างอ่ะ”

     

    “ว่างๆพี่ก็ติวให้มันหน่อยดิครับ”

     

    “ไม่เอาอ่ะ เด็กนี่ดื้อ” พาดพิงอีกคนที่ยังยืนเงียบอยู่อย่างนั้น

     

                คุยกันเข้าไป

     

                ยิ้มให้กันเข้าไป

     

                สนุกสนานกันเข้าไป

     

               

     

    การรออยู่บนห้องชมรมมันยังไม่พอเหรอ? นี่ยังต้องให้มายืนรอคนคุยกันอีก? เมื่อไหร่คิมฮันบินจะได้กลับบ้าน

     

    “เอ่อ ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”

     

    “อ่าวจุนเน่กลับไงอ่ะ”

     

    “ผมเอารถมาอ่ะครับ พี่ก็พาไอ้มึนนี่กลับได้แล้ว” บุ้ยปากไปยังเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้ก็ยังคงสกิลความเงียบได้อย่างมั่นคง

     

    “ว่างๆก็เข้าไปทานข้าวเย็นด้วยกันบ้างนะ คิดถึงนายจะแย่” จินฮวานพูดออกไปอย่างใจคิด โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขามันสร้างความปั่นป่วนให้กับคนสองคนมากขนาดไหน

     

                คนหนึ่งปั่นป่วนเพราะกลัวความรู้สึกเดิมๆจะเข้ามาเล่นงานอีกครั้งทั้งที่ยังไม่หายดี

     

                ส่วนอีกคนปั่นป่วนเพราะกลัว กลัวว่าพี่จินฮวานจะคิดอะไรกับจุนเน่หรือเปล่า

     

    ทั้งๆที่ความไว้ใจก็ให้เพื่อนไปแล้วเต็มร้อย แล้วก็ค่อนข้างมั่นใจว่าพี่จินฮวานชอบฮันบินแน่ๆ แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้หงุดหงิดไม่ได้เลยเวลาเห็นสองคนนี้ยิ้มให้กัน

     

                กูบึ้งแทบตายนี่เคยสนใจกันบ้างไหม

     

    “เดี๋ยวว่างๆจะเข้าไปครับ” จุนฮเวตอบยิ้มๆ แต่ในใจแม่งยิ้มไม่ได้เลยจริงๆ

     

                ช่วงนี้ต้องทำตัวเองให้ยุ่งๆ กูจะว่างมากไม่ได้ กูจะไม่ไปเด็ดขาด กูต้องตัดใจ

     

    “งั้นก็กลับกันเถอะเย็นแล้ว” จินฮวานหันมาบอกฮันบินบ้างหลังจากสังเกตเห็นอีกคนยืนนิ่งเงียบอยู่นาน เด็กนี่ต้องโกรธที่เขามารับช้าอีกแน่ๆ แต่เขาก็มีเหตุผลล่ะนะ

     

    ” ฮันบินไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแต่ส่งยิ้มบางเบาให้เพื่อนรักแล้วเดินขึ้นรถไป

     

    ไม่ได้โกรธใครเลยจริงๆตอนนี้แค่หงุดหงิดกับตัวเอง ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรแต่ก็ยังจะคิดอยู่นั่นแหละ

     

                นี่กูกลายเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่

     

              กูว่านานแล้วแหละ =_=

     

     

    จินฮวานบอกลากับจุนฮเวอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินมาขึ้นรถบ้าง ฮันบินนั่งหน้าบึ้งตึงไม่มีทีท่าว่าจะปริปากพูดอะไรออกมา นั่นทำให้จินฮวานถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วออกรถโดยไม่พูดอะไรอีกเหมือนกัน

     

    ผ่านไปพักใหญ่ ร่างเล็กยังคงขับรถไปเรื่อยๆ เขาหันไปมองฮันบินบ้างเป็นจังหวะ แต่เด็กนี่ก็ยังนั่งหน้าเคร่งอยู่อย่างนั้น

     

    “เป็นไรหรือเปล่า” อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพราะความสงสัย โกรธอะไรฮันบินก็น่าจะบอกสิ

     

    “เปล่า”

     

    “โกรธที่มารับช้าหรือเปล่า”

     

    “เปล่า”

     

    “แล้วเป็นอะไร ปกตินายไม่เงียบแบบบี้นะ”

     

    “ขี้เกียจพูด เมื่อยปาก”

     

    “โหว” ใบหน้าเล็กพองลมไว้ในปากก่อนจะพ่นออกมาอย่างไม่มีอะไรจะทำ อย่างคิมฮันบินเนี่ยนะเมื่อยปาก ปกติเด็กนี่พูดเป็นต่อยหอยเลยนะตั้งแต่ที่สารภาพว่าชอบเขามาเนี่ย

     

    “ไร” ฮันบินหันมามองแล้วถามบ้าง ก็พี่แม่งเล่นจบบทสนทนาไปซะเฉยๆ ถามต่อหน่อยไม่ได้เหรอ?กำลังฟินเลยเนี่ย

     

    “เปล่า”

     

    “เอ้า” รู้สึกเหมือนโดนเลียนแบบ เป็นความรู้สึกที่กวนตีนดีนะ พี่จินฮวานนี่เห็นตัวเล็กๆหน้าหวานๆงี้ พอได้พูดคุยดีๆอยู่ใกล้ๆแล้วจะรู้ว่ากวนตีนชิบหาย

     

                ตอนเด็กๆไม่เห็นกวนตีน

     

              โตมากวนได้ขนาดนี้เลย?

     

    “กวนตีนผม?”

     

    “ก็นายกวนก่อน”

     

    “กวนไร”

     

    “ก็เนี่ย ถามว่าเป็นไรก็บอกเปล่า ทั้งๆที่ก็ดูออกว่าเป็น”

     

    “แคร์ด้วยหรอ?”

     

    “แคร์สิ”

     

    ” คนเป็นน้องถึงขั้นเงียบไปอีกครั้งเมื่ออีกคนพูดออกมาตรงๆราวกับมันเป็นคำที่พูดกันได้บ่อยๆ

     

    ใบหน้าคมหันมามองเสี้ยวหน้าเล็กที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตามองไปยังถนนเบื้องหน้าเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

     

    “แคร์ แคร์นะ” พูดออกมาอีกครั้งโดยที่ยังใช้สายตาจดจ้องกับท้องถนนอยู่อย่างนั้น

     

    “พูดจริงหรอวะ”

     

    “ก็อยากรู้ว่านายเป็นอะไร ถ้าโกรธที่ฉันมารับช้าก็ขอโทษ”

     

    “พี่หันมาคุยกันดีๆดิ๊”

     

    “ฉันขับรถอยู่นะ”

     

    “เออลืม ฮะๆ” ฮันบินหัวเราะแก้เก้อออกมานิดหน่อยพลางเกาท้ายทอยแก้เขิน

     

                ใช่ เขิน ก็พูดออกมาว่าแคร์ขนาดนั้นใครจะไม่เขิน บอกเลยว่าตื่นเต้น อยากมองหน้าชัดๆเวลาที่อีกฝ่ายพูดออกมาว่าแคร์กัน แต่ลืมไปว่าพี่จินฮวานขับรถอยู่

     

                เออ กูตื่นเต้นจนขาดสติเองแหละ

     

     

     “มีพี่ที่คณะขอให้ไปส่ง ฉันเลยมารับช้า” ปากเล็กขยับขึ้นอธิบายอีกครั้ง ไม่รู้ว่าฮันบินจะอยากรู้หรือเปล่า แต่เขาก็แค่อยากบอก

     

    “ใคร”

     

    “พี่มาร์คน่ะ”

     

    ” พี่มาร์ด? มาร์คไหนวะ ใช่ไอ้หล่อหน้าแหลมๆนั่นป้ะ?

     

    “พี่มาร์คที่ไปงานวันเกิดยุนฮยอง แต่นายคงไม่เห็นมั้ง”

     

    “เห็น ไอ้หน้าหล่อๆขี้เมานั่นอ่ะนะ”

     

    “รู้ได้ไงอ่ะ”

     

    “ผมมองพี่อยู่ตลอดนั่นแหละ”

     

    .////.” เหยยยยยยยย คิมจินฮวาน เขินทำไมเนี่ย แค่น้องมันบอกว่ามองอยู่ตลอดเอง แล้วจะเขินทำไมเนี่ยจะเขินทำไมมมมมมม

     

    “มองอยู่ตลอดจริงๆนะ” ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของร่างเล็ก บอกเลยว่าฮันบินคุ้นกับกลิ่นนี้ไปแล้ว หอม หอมเหี้ยๆ

     

    “ยื่นหน้ามาใกล้ทำไมเนี่ย”

     

    “เดี๋ยวพี่ไม่รู้ว่าผมมองตลอด”

     

    “ไอ้บ้า” หันมาถลึงตาใส่คนหน้ามึนไปทีก่อนจะจดจ้องไปที่ถนนเบื้องหน้าตามเดิม ดีนะที่ยังต้องขับรถ ไม่งั้นก็ไม่รู้จริงๆว่าต้องหันหน้าหนีไปทางไหน แลวต้องทำหน้ายังไง

     

    “พี่หน้าแดงขนาดนั้นได้ยังไงวะ”

     

    “เลิกพูดเลยนะ ฉันจะขับรถ” จินฮวานแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าทำไม เขาเขินทุกครั้งที่ฮันบินทำอะไรแบบนี้ ที่จริงก็ควรชินเพราะมันก็ทำบ่อย แต่นี่จะชินได้ยังไงในเมื่อมันทำเมื่อไรก็เขินทุกที

     

                ระหว่างเขากับฮันบินมันมากเกินไปจนถอยกลับไม่ได้แล้ว

     

    “เฮ้อ ที่จริงก็สงสัยอยู่นิดหน่อยแหละว่าทำไมมารับช้า” เมื่อหนำใจจากการที่ได้แกล้งแล้ว ก็ขยับตัวออกห่างแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะยอมพูดในสิ่งที่สงสัย

     

    “นายสงสัยอะไรก็ถามฉันสิ เงียบทำไม”

     

    “ถามเยอะก็ว่าผมยุ่งอีก” ไม่ใช่ไม่อยากถาม แค่อยากจะหยุดความหงุดหงิดไว้แค่ตรงนี้ หงุดหงิดกับตัวเอง ไม่อยากถามอะไรออกไปเพราะกลัวจะยิ่งหงุดหงิด แล้วจะเผลอพูดอะไรไม่ดีที่ทำให้อีกคนเจ็บใจอีกเปล่าๆ

     

                แต่ก็เพิ่งว่าว่าถ้าคุยกับพี่จินฮวาน พูดตรงๆคือดีที่สุด ดีมากๆ และตอนนี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาจริงๆ

     

    “ไม่เคยเหอะ มีแต่นายนั่นแหละว่าฉันยุ่ง”

     

    “พอเลย พอๆ พี่พูดถึงเมื่อก่อนอีกแล้วนะ”

     

    “ก็มันจริง”

     

    “อะๆ ทีหลังผมจะถามทุกอย่างที่อยากรู้เลย” ยกสองมือขึ้นมาเป็นเชิงบอกว่ายอมแพ้ แม้ว่าอีกคนจะไม่ได้หันมามองก็ตาม

     

                เออ แล้วนี่จะยกขึ้นมาทำไม ทำไมชอบทำอะไรโง่ๆจังวะกูเนี่ย อยู่กับพี่จินฮซานแล้วแม่งสูญเสียความเป็นตัวเองชิบหาย

     

    “อือ ก็ดีแล้ว”

     

    “ตอนนี้มีไม่กี่เรื่องที่อยากรู้ หลักๆก็แค่..พี่ชอบผมหรือเปล่า” ถามไปงั้นแหละ ก็แค่อยากได้ยินจากปาก รู้อยู่หรอกว่าชอบ

     

                หล่อให้ห้ามั่นหน้าให้ยี่สิบ

     

    “ไม่บอก” แต่คนปากแข็งก็คือคนปากแข็ง แข็งไปเถอะ เดี๋ยวจะจูบให้ปากมันอ่อนลงมาเอง..

     

              อย่าเพิ่งถ่มถุยนะ ที่พูดไปน่ะก็มั่นใจว่าทำได้แหละ แค่จูบเองทำไมคิมฮันบินจะทำไม่ได้ ทำได้อยู่แล้วถ้าอีกคนยอมT^T

     

    “กวนตีนนัก” ฮันบินส่งสายตามองเสี้ยวหน้าหวานแบบยิ้มๆ คนห่าอะไรยิ่งได้มองใกล้ๆแม่งยิ่งน่ารัก

     

                หลงแล้วหลงคนที่ตัวเองเคยบอกว่าเกลียดมาตั้งแต่เด็ก

     

    “ถามได้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องนี้”

     

     

    “เพราะถ้าถึงเวลาจริงๆนายไม่ต้องถามหรอก ฉันจะบอกเอง”

     

     

    100%

     

     

     

     

     

     

     

    อัพต้อนรับวันปีใหม่ไทยค้าาาาา

    สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนนนนน /สาดน้ำแรง 55555555

    ขอให้เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ใครไปเที่ยวไหนที่ต้องเดินทางก็ขอให้เดินทางปลอดภัยเน๊าะ <3

    เที่ยวเผื่ออิไรท์ด้วย อินี่มันนอนหนาวอยู่บ้าน ถถถถถถถถถถถ

    เล่นน้ำแล้วอย่าลืมอ่านฟิคพี่ชายนะ สนุกไม่แพ้เล่นน้ำสงกรานต์แน่นอนค่ะ #ถุ้ย

    แล้วเจอกันตอนต่อไป อย่าเพิ่งลืมน้องบินกับพี่จินน๊า

    พี่จินนางน่ารักง้อวววววววว คนบ้าอะไรแคร์ก็บอกว่าแคร์น่ารักชิบหายโอ้ยโอ้ย

    เหมือนเดิมค่ะขอกำลังใจ เม้นท์ & สกรีมแท็ก > #ฟิคพี่ชายบีจิน

    เยิ้บบบบบบบ .จูบบบบบ 

     
     

     



    ปล.เพิ่งเปิดคลังSFไอค่อน(ไม่ค่อยว่างแต่ขยันหางานนักแล;_;)
    ชวนไปอ่านเน้อ เริ่มเรื่องแรกด้วย #จุนบินหวงแรง ลองอ่านดูเนอะ จิ้มๆ
    v

    http://my.dek-d.com/gyunizizi2826/writer/view.php?id=1334806

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×