[Song Fic] ย้อนเวลา (Grindeldore) - [Song Fic] ย้อนเวลา (Grindeldore) นิยาย [Song Fic] ย้อนเวลา (Grindeldore) : Dek-D.com - Writer

    [Song Fic] ย้อนเวลา (Grindeldore)

    ไม่มีทางที่ฉันอาจย้อนเวลา

    ผู้เข้าชมรวม

    979

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    979

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    35
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ต.ค. 60 / 09:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    "ในที่สุดแกก็มา ฉันคิดอยู่แล้วว่าแกจะต้องมา...สักวันหนึ่ง แต่การเดินทางของแกมันเปล่าประโยชน์ ฉันไม่เคยมีมันเลย"
        "แกโกหก!"
        แสงสีเขียวสว่างวาบในคุกคับแคบ ร่างหนึ่งนอนนิ่ง หมดลมหายใจ
        .....
        เพียงเสี้ยวหนึ่งที่โลกทั้งโลกกลายเป็นสีขาวโพลนจนแสบตา แต่แล้วมันก็ค่อย ๆ จางลง จนเหลือแต่ความมืด
        ที่นี่ที่ไหน?
        เขานอนแผ่หราอยู่บนพื้นเย็น ๆ
        นุ่มจัง
        ถึงจะเย็นเฉียบแต่ก็นุ่มสบายจนไม่อยากจะลุกไปไหน
        ความสุข
        ความรู้สึกแบบนี้คือความสุขรึเปล่านะ ไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว
       
        เกลเลิร์ตนอนหลับตาพริ้มอยู่บนหิมะขาวโพลน สังเกตลมหายใจของตัวเองที่เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
        นึกว่าตายไปแล้วซะอีก
        เขาไม่รู้เลยว่ากำลังอยู่ที่ไหน มาที่นี่ได้ยังไง หรือนี่เป็นโลกหลังความตาย ถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ได้แย่ หิมะจะเหมือนกันทั้งโลกมั้ยนะ รู้แต่เพียงว่าหิมะที่นี่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยกว่าที่อื่น ๆ มันช่าง ... อบอุ่น เกลเลิร์ตหัวเราะในลำคอให้กับความคิดบ้า ๆ ของตัวเอง หิมะจะไปอบอุ่นได้ยังไงกันนะ เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น ผิดคาดที่ไม่มีหิมะตกโปรยปรายลงมา แม้อากาศเย็นฉ่ำแต่กลับกลายเป็นว่าภาพที่เขาเห็นคือท้องฟ้าสีครามสดใส ปุยเมฆขาวลอยเอื่อย ๆ แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องลงมากระทบตา เขาค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นและมองไปรอบ ๆ คุ้นเคยกับที่แห่งนี้ราวกับว่าเคยได้มาถึงที่นี่แล้ว ครั้งหนึ่ง ในความฝัน ...หรือความจริง
        ค่อย ๆ ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ...
        "ไม่เหมือนเดิมแฮะ" มันไม่ใช่มือเหี่ยวย่นของคนอายุ 100 กว่าปีทั้งที่ไม่กี่นาทีก่อนยังจำได้ว่ามันเป็นแบบนั้น ไม่ใช่มือที่มีหนังติดกระดูกเพราะการถูกจองจำอยู่หลายปี แต่กลายเป็นมือที่ดูอ่อนวัยลง แม้ตกใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก ลุกขึ้นยืนและก้มลงสำรวจตัวเอง แปลก ... เสื้อผ้าไม่มอมแมมแล้ว
        ที่นี่ที่ไหน ... และแล้วคำถามเดิมก็วนมาอีกรอบ
        อยากรู้แต่ไม่อยากกระโตกกระตาก เขาเดินเหยียบย่ำหิมะไปรอบ ๆ ... บ้านเรือนมากมายแต่กลับไม่มีคนอยู่ ดูเงียบสงบดีจัง นั่นจตุรัส... จตุรัสคุ้น ๆ ไหนจะรูปปั้นบนอนุสาวรีย์นั่นอีก แล้วก็ .... สุสาน ทุกอย่างดูคุ้นเคยแต่กลับนึกไม่ออก เหมือนว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความทรงจำ เหมือนว่าตอนนี้เขามีจิ๊กซอว์เพียงตัวเดียว โดยที่จิ๊กซอว์ทั้งกระดานขาดหายไป เกลเลิร์ตเดินวนไปวนมา จากที่ไม่กังวลก็เริ่มที่จะสับสน
        "เกลเลิร์ต" เขาหันขวับไปตามเสียงเรียก
        "เกลเลิร์ต" ดวงตาสีเทาและดำเบิกกว้างเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั้น เป็นความรู้สึกที่เขาเองก็บรรยายไม่ถูก ... โหยหา คิดถึง ละอายใจ อยากเข้าไปใกล้ แต่ก็อยากเดินหนีให้ห่าง
        "อัลบัส" และจิตสำนึกก็สั่งให้เขาเดินถอยหลังออกมาจากเจ้าของเสียงนั้น เขาหันหลังและรีบจ้ำเท้า ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน แต่คงไม่แย่เท่ากับยืนอยู่ตรงนี้ ความสำนึกผิดโถมเข้ามาคับอกจนแทบจะหายใจไม่ออก
        "เดี๋ยวสิเกลเลิร์ต" เสียงนั้นอ้อนวอนเขา เจ้าของเสียงวิ่งตามหลังเขามาจนกระทั่งระยะประชิด แม้จะห้ามใจตัวเองแต่เกลเลิร์ตก็อดที่จะชำเลืองกลับไปมองไม่ได้
        แว่นตาเสี้ยวพระจันทร์กับดวงตาสีฟ้าสดใส ผมสีน้ำตาลแดงตัดกับหิมะขาวโพลน ท่าทางซุ่มซ่ามแม้แต่การวิ่งแบบนั้น
        ไม่ไหว
        ทำไม่ได้
        ไม่อยากวิ่งหนีอีกต่อไปแล้ว
        เขาหยุดชะงักอย่างกระทันหัน หมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย -- เผชิญหน้ากับความจริง
       
        อัลบัสที่กำลังวิ่งมาถึงเขาก็หยุดเช่นกัน ระยะห่างระหว่างคนสองคนในตอนนี้ใกล้เพียงแค่เอื้อม และนั่นทำให้เขาได้มองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา
        เกลียดตัวเอง
        ความรู้สึกนี้ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น เกลียดที่ไม่เคยมองคนตรงหน้าจริง ๆ จัง ๆ ซักครั้ง จำแทบไม่ได้แล้วว่าดวงตาสีฟ้าตรงหน้าสดใสแค่ไหน ใบหน้าหวาน ๆ กับผมสีน้ำตาลแดงดูอ่อนโยนแค่ไหน
        คิดถึง
        ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแต่กลับคิดถึงมากกว่าเก่า เหมือนว่าความรู้สึกที่ถูกกดทับไว้มาตลอดได้หลุดออกมาวิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย และแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนเมื่อความรู้สึกนั้นโหมกระหน่ำเข้ามาหนักอึ้งอยู่กลางอก
        โล่งใจ
        เมื่อได้เห็นคนตรงหน้ายิ้มให้เขา อัลบัสยังดูร่าเริงเหมือนอย่างที่เคยจำได้ ข่าวน่าสลดหดหู่เรื่องการตายของคนตรงหน้าทำให้เขาได้รู้จักความกลัวเป็นครั้งแรก ... กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้แก้ไขสิ่งที่ทำลงไป กลัวว่าจะไม่มีโอกาสให้เขาได้แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้ ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็เหมือนจะรู้ว่าสุดท้ายที่เขาต้องการก็คงจะเป็นคนคนนี้ล่ะมั้ง ที่ผ่านมา สิ่งที่ทำมาตลอด อุดมการณ์ที่คอยยกขึ้นมาอ้างอยู่เสมอ ก็ใช่ว่าจะต้องการแบบนั้น ... เคยคิดว่าอยากจะเอาชนะคนทั้งโลกได้ เคยคิดว่าอยากจะมีอำนาจเหนือคนอื่น แต่ลึก ๆ แล้วก็อาจแค่ต้องการเอาชนะคนเพียงคนเดียว เอาชนะความเฉยเมยที่ถูกหยิบยื่นให้ตั้งแต่วันที่แอรีอานนาจากไป 
        กลับมารักฉันอีกครั้งได้ไหม? ให้อภัยฉันที? นายยังรู้สึกเหมือนเดิมไหมอัลบัส? ถ้ามีเครื่องย้อนเวลาอยู่ตรงนี้เราจะใช้มันย้อนกลับไปวันนั้นด้วยกันไหม? ฉันรักนาย? ฉันผิดเอง? ฉันรู้ตัวช้าไป? ขอโทษที่ไม่เคยช่วยอะไรนายได้เลย? ขอโทษที่ต้องทำให้นายเจ็บปวดมาจนถึงวันนี้? ขอโทษที่ฉันทำให้ความฝันของนายพังทลายลงไปอีกรอบ? ขอโทษที่ฉันทรยศความรักของนาย? ฉันขอโอกาสอีกครั้งได้ไหม? มันยังไม่สายไปใช่ไหม? ที่ฉันทำลงไปจะไถ่บาปได้ไหม?
        คำถามมากมายวนเวียนในหัว เขาไม่รู้เลยว่าควรพูดอะไรออกไป
        .
        .
        .
        "ขอโทษ"
        .
        .
        .
        พูดได้แค่คำนี้ แล้วก็ต้องหลบตาไป ยังไงก็คงไม่ไหว

        "ฉันรู้" อัลบัสตอบ

        "ที่ผ่านมา.... มีความสุขบ้างมั้ย" เขาถามอีกฝ่ายทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่แบบนั้น
       
        "มีสิ"

        "ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น" เกิดความเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด เขาทำตัวไม่ถูก ยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่แบบนี้ อาจจะดีกว่าถ้าอัลบัสสาปแช่งเขาซะตอนนี้ เพื่อชำระบาปที่เขาทำลงไป
        "ฉันขอโทษ" เขาพูดขึ้นอีกครั้ง
        น่าอายชะมัด
        เขาร้องไห้ ใช่ น้ำใส ๆ ที่ร่วงลงมาบนหน้าคือน้ำตาจริง ๆ ด้วย ไม่เคยร้องไห้มาก่อนเลย ความรู้สึกที่ทำให้น้ำตาไหลได้มันเป็นแบบนี้เองสินะ เกลเลิร์ตแปลกใจในตัวเองและยังอายนิด ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ก็ในเมื่อตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่า สิ่งที่เขาตามหามาตลอด มายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
        'พูดอะไรบ้างสิอัลบัส พูดอะไรบ้าง อย่าเงียบแบบนี้เลย ฉันไม่กล้ามองหน้านาย บอกฉันทีสิว่านายรู้สึกยังไง' หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ มันกระวนกระวายเหมือนใจจะหลุดออกจากอก ทั้งที่เมื่อครู่ยังต้องหัวเราะให้กับความคิดว่าหิมะอุ่นของตัวเองอยู่เลย ตอนนี้กลับเหน็บหนาวจนทนไม่ไหว
       
        "...." ไม่มีคำพูดออกมาจากปากของอีกฝ่าย
        .
        .
        .
        .
        แต่มีเพียงสัมผัสบางเบาของมือที่ยื่นมากุมมือของเขาไว้ เกลเลิร์ตกระชับมือนั้นให้แน่นขึ้น

        "ถ้ามีเครื่องย้อนเวลาอยู่ตรงนี้ นายจะใช้มันไหมเกลเลิร์ต" เจ้าของมือเอ่ยถาม เขาไม่กล้าตอบ ถ้าย้อนไปจะแก้ไขอะไรได้ ถ้าย้อนไป.... มันจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของเขากับคนตรงหน้าไว้ได้จริง ๆ เหรอ...
       
        "ใช่" อัลบัสตอบ เขาถูกพินิจใจสินะ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยยอมให้ใครทำแบบนั้นได้เลย "นายคิดถูกแล้ว มันทำไม่ได้หรอก"

        แผ่นหลังของเกลเลิร์ตสั่นสะท้าน จากที่พยายามจะสกัดกั้นความรู้สึกไว้เพราะกลัวเสียหน้า ตอนนี้กลับปล่อยให้น้ำตาพรั่งพรูจนตัวโยน

        "แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้ ใช่มั้ยล่ะ... มีพบก็ต้องมีจาก ต่อให้เราไม่ได้จากกันเพราะเหตุนั้น เราก็ต้องจากกันเพราะสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี ความตายก็อีกตัวอย่างหนึ่ง แต่ฉันยังเชื่อว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรัก และแม้ฉันจะแอบสงสัยในความเชื่อนั้นอยู่บ้าง แต่ฉันก็มั่นใจว่าในตัวนายเอง ลึก ๆ แล้วก็มีความรัก.... สิ่งที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่อำนาจ ไม่ใช่ไม้เอลเดอร์ ไม่ใช่สิ่งอื่นใดเลยนอกจากความรัก ความรักมักจะมาพร้อมความเสียสละ เมื่อใดผู้ที่มีความรักได้เสียสละตัวเองเพื่อรักแล้ว เมื่อนั้นมันก็เอาชนะทุกอย่างได้"
        .
        .
        "นั่นรวมถึงความผิดพลาดในอดีตด้วย"

        เกลเลิร์ตนิ่งเงียบ แต่ใจที่เต้นระรัวด้วยความกังวลของเขา กลับมาเต้นระรัวด้วยเหตุผลที่ต่างกันในครั้งนี้ ...

        "อย่างเช่นที่นายทำก่อนที่เราจะได้กลับมาเจอกันที่นี่ ... นายเสียสละชีวิตตัวเอง เพียงเพราะอยากจะปกป้องสุสานของฉันใช่มั้ยล่ะ"
        เขาพยักหน้า
        "นั่นเป็นการเสียสละและการแสดงออกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่มากเลยเกลเลิร์ต ขอบใจนะ"

        ในที่สุดเขาก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามองอัลบัส - อัลบัสที่เขารัก - และได้พบกับรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนที่เขาเคยได้เห็นในวันเก่า ๆ เขายิ้มตอบทั้งน้ำตา

        "ไม่ต้องรู้สึกผิดกับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นหรอก ที่ผ่านมาเราต่างก็ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดนั้นไปแล้ว ... ฉันผิดพลาดที่ตาบอดเพราะความรัก ปล่อยให้นายทำตามที่ใจต้องการโดยไม่กล้าแม้แต่จะทักท้วง นายเองก็ผิดพลาดที่หลงในอุดมการณ์ของความเกลียดชัง เราต่างก็หลงทางในเขาวงกตแห่งชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็จะเจอทางออก ฉันอาจโชคดีที่พบเจอมันก่อนนาย แต่โชคดียิ่งกว่าที่สุดท้ายแล้วนายก็ออกมาทางเดียวกับฉัน .. ฉันได้รู้จักเด็กชายคนหนึ่ง นายก็คงได้เจอเขาแล้ว แถมยังทำเรื่องที่กล้าหาญที่สุดโดยไม่เกรงกลัวเขาด้วย"
       
        "โวลเดอมอร์" เกลเลิร์ตพูดชื่อนั้นขึ้นมา อัลบัสพยักหน้า

        "ใช่ เด็กที่น่าสงสาร เขาเติบโตมาโดยที่ไม่เคยได้รับความรักจากใคร เขาทำเรื่องผิดพลาดเหมือนฉันกับนาย ที่แย่กว่าคือเขาไม่เปิดใจที่จะเรียนรู้รัก จุดจบของเขาน่าเศร้ากว่าของพวกเราเป็นไหน ๆ .. ฉันดีใจนะที่สุดท้ายนายก็ได้เจอสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง"

        เขาก้มมองดูมือที่จับเขาไว้อีกรอบ สลับกับเงยหน้าจ้องดวงตาที่อบอุ่นจริงใจของคนตรงหน้า อัลบัสเอียงหน้าสงสัยนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

        "อีกไม่นานเราจะต้องจากกันอีกครั้งแล้วเกลเลิร์ต ช่วงเวลาดี ๆ มักอยู่กับเราไม่นานใช่มั้ยล่ะ ครั้งนี้อาจเป็นการจากกันตลอดกาล โอกาสครั้งที่ 2 ไม่ได้มีมาง่าย ๆ ส่วนครั้งที่ 3 นั้นยากกว่า เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรอยากจะพูดก็พูดออกมาเถอะ"

        'ฉันรักนาย' นั่นคือสิ่งที่เขาอยากพูด แต่ก็ยั้งไว้ไม่ให้พูด ใช่ว่าเขาไม่เคยบอกรักอัลบัส แต่ทุกครั้งมันก็เป็นเพียงคารมย์ที่ใช้ล่อลวงคนตรงหน้าให้คล้อยตามเท่านั้น ... ความรู้สึกจริง ๆ มันช่างพูดออกมายากเหลือเกิน แต่หากคำพูดไม่สามารถเปล่งออกมาได้ งั้นการกระทำจะสามารถทดแทนกันได้รึเปล่า แม้ความรู้สึกผิดจะยังท่วมท้นอยู่ในใจ แต่ก็ปฏิเสธตัวเองไม่ไหว เขาไม่อยากจะพลาดโอกาสนี้อีกแล้ว
        มือหนาดึงคนตรงหน้ามากอดแน่น ซบหน้าลงกับไหล่บางของอีกฝ่าย อัลบัสกอดเขาตอบ
        กอดของเขากอดนี้มันแก้ไขสิ่งที่เขาทำมาตลอดไม่ได้หรอก มันแก้ไขอะไรไม่ได้เลย พาทั้งคู่ย้อนเวลากลับไปเพื่อเริ่มใหม่ก็ไม่ได้ จริงอย่างอัลบัสว่า เวลาแห่งความสุขมักจะสั้นเสมอ ความจริงช่วงที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ได้รู้จักกัน ได้ฝันร่วมกัน มันก็สั้นเหลือเกิน เป็นแค่เพียงความทรงจำชั่วครั้งชั่วคราว ส่วนช่วงเวลาที่ผ่านมาหลังจากนั้นก็เหลือแต่ความเจ็บปวดของความทรงจำที่ย้อนกลับมาทำร้ายทั้งคู่ และอัลบัสก็พูดถูกอีก ความรักจะเอาชนะทุกอย่างได้ แม้เขาจะรู้จักมันช้าเกินไป แม้ทุกอย่างจะสายเกินแก้ เขาปล่อยให้อัลบัสเดินนำหน้าเขาไปหลายก้าวตลอดชีวิตที่ผ่านมา แต่สุดท้ายความรักของเขาก็ทำให้เขาก้าวตามอัลบัสทัน แม้จะเป็นช่วงเวลาแค่สั้น ๆ เขาไม่รู้หรอกว่าช่วงเวลานี้จะอยู่กับเขาไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้เลยว่าถ้าเขาเงยหน้าขึ้นมาดูอีกครั้ง ในอ้อมกอดของเขาจะกลายเป็นแค่อากาศว่างเปล่าไหม แต่อย่างน้อยความรักก็ได้ให้โอกาสเขาอีกครั้งที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำ

        "จะรักฉันอีกครั้งได้มั้ย" คำบอกเล่าที่ตั้งใจจะพูดแต่แรกกลับกลายมาเป็นคำถาม

        "ไม่มีอีกครั้งหรอกเกลเลิร์ต" อัลบัสตอบเบา ๆ "ทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเราอาจเป็นข้อผิดพลาด แต่เรื่องเดียวที่ฉันไม่คิดว่ามันคือข้อผิดพลาดก็คือการที่ฉันได้รักนาย เพราะอย่างนั้น ฉันไม่เคยหยุดรักนายเลย"

        "ฉันรักนายอัลบัส" ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูดออกไป คิดว่ามันจะเป็นเพียงเสียงแผ่วเบา แต่มันกลับออกมาหนักแน่นกว่าที่เขาคิด

        "ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่ก็ดีใจที่ได้ฟังจากนาย" อัลบัสว่าและผละออกจากอ้อมกอดของเขา "นายก็รู้ว่าเวลาไม่มีทางหยุดนิ่งอยู่ตลอดกาล กฎนั้นก็ยังใช้ได้กับที่นี่.."
       
        "ฉันจะจำความรู้สึกนี้ไว้... และฉันดีใจที่เราได้เคยพบกัน"

        .... หายไปแล้ว ... คนตรงหน้าเขาหายไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ยังส่งยิ้มให้เขาอยู่เลย ที่ที่อัลบัสเคยยืนอยู่ตอนนี้กลับว่างเปล่าในชั่วพริบตา เกลเลิร์ตยืนนิ่ง แม้จะอยากเปลี่ยนแปลงมันแค่ไหน ก็คงเปลี่ยนไม่ได้ ... เป็นอีกครั้งที่เขาต้องจากกัน แต่ครั้งนี้ไม่จบแย่ ๆ แบบครั้งก่อน แม้จะย้อนเวลากลับไปเริ่มใหม่ไม่ได้ แต่ก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว และสิ่งเดียวที่เขาทำได้ ก็คงจะต้องยอมรับความจริงว่าเขาจะไม่มีวันได้พบกับอัลบัสอีกแล้ว

        "...ฉันก็เหมือนกัน..."



        'ไม่มีทางที่ฉันอาจย้อนเวลา

        ฉันรู้ว่า...

        ไม่มีทางที่ฉันอาจย้อนที่ผ่านไป ให้คืนมา'

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×