ตอนที่ 15 : ตอนที่้ 13 : เมื่อมังกรอยากกินหวาน
ตอนที่ 13
เมื่อมังกรอยากกินหวาน
ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด
“อือ” คนตัวเล็กส่งเสียงร้องประท้วง มือเล็กๆ ของเขาพยายามคว้าหาต้นเหตุของเสียงร้องที่สุดแสนจะน่ารำคาญบริเวณหัวเตียง และเมื่อคว้าหมับเข้าได้เจ้าตัวจึงจัดการกดปิดเสียงร้องดังกล่าวในทันทีก่อนที่ร่างทั้งร่างของเขาจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มตามเดิม
04.00 น.
เวลาที่ถูกตั้งเอาไว้ผ่านโทรศัพท์มือถือที่ใช้เป็นนาฬิกาปลุกถูกเลื่อนออกไปโดยน้ำตาลที่ตอนนี้กำลังนอนหลับอย่างสบายใจ
เวลาตีสี่เป็นเวลาปกติของคนส่วนใหญ่ที่น่าจะกำลังนอนพักผ่อนกันอยู่ แต่เนื่องด้วยวันนี้สมาชิกของบ้านจุลภาครวมถึงน้ำตาลที่ตกลงกันว่าจะขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นบนเขากระโจม ภูเขาที่มีชื่อเสียงของจังหวัดราชบุรี และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าน้ำตาลและเพื่อนขนาดตัวใกล้เคียงกันอย่างเดียร์ตกลงกันว่าจะรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำเพราะเมื่อคืนพวกเขาพากันเล่นเกมส์จนดึกและไม่ได้อาบน้ำในที่สุด
ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด
อีกหลายนาทีต่อมาโทรศัพท์มือถือที่ถูกทำหน้าที่แทนนาฬิกาปลุกก็ส่งเสียงแผดร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมันถูกตั้งเวลาเผื่อเอาไว้
“อื้อ อืม” คราวนี้เดียร์เป็นฝ่ายลุกขึ้นมาจัดการปิดเสียงนาฬิกาปลุก แต่เมื่อเห็นเวลาที่ถูกแสดงผ่านหน้าจอมือถือ เจ้าของก็ถึงกับเบิกตากว้าง สะบัดผ้าห่มทิ้งและรีบเขย่าเพื่อปลุกเพื่อนสนิทที่กำลังนอนหลับอย่างเพลิดเพลิน
“น้ำตาลตื่นเร็ว”
“อื้อ อะไรหรือเดียร์ ยังมืดอยู่เลย” เจ้าตัวเล็กสะลึมสะลือตอบพลางขยี้ตาเมื่อถูกรบกวน
“ตีสี่สิบห้าแล้วน้ำตาล รีบตื่นเร็วเดี๋ยวไม่ทัน”
“หา! อะไรนะ” คนตัวเล็กลุกพรวดจากที่นอน ตอนนี้เขาตาสว่างเป็นที่เรียบร้อบแล้ว
“ตีสี่สิบห้าแล้ว เมื่อคืนก่อนนอนเราจำได้นะว่าตั้งปลุกไว้ตอนตีสี่”
“แหะๆ เราเลื่อนเองแหละ ก็คนมันง่วงอ่า” คนตัวเล็กว่าอย่างอ้อนๆ
“ช่างมันเถอะ เอาไงดีคงอาบน้ำไม่ทันแล้วล่ะ หรือจะคอยกลับมาอาบดี ตอนนี้แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ” เดียร์เสนอความคิด
“แต่เราอยากอาบอ่า เหนียวตัวไปหมดเลย เมื่อคืนก็ไม่ได้ทำอะไรเลย” น้ำตาลพูด ถ้าหากน้ำแข็งรู้ว่าน้ำตาลทำตัวซกมกแบบนี้รับรองได้เลยว่าถูกตีก้นแน่นอน
“ถ้าอาบตอนนี้เราว่ามาทันหรอกตั้งสองคน”
“งั้นอาบด้วยกันก็ได้นะ”
“จะดีหรอน้ำตาล” เดียร์พูดอย่างอายๆ
“ดีสิ ไม่เป็นอะไรหรอก เราก็อาบกับพี่น้ำแข็งบ่อยๆ ไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน” และก็เป็นน้ำตาลที่จูงมือเพื่อนสนิทเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่อายฟ้าอาย ส่วนเดียร์ก็เดินตามน้ำตาลไปอย่างงงๆ เดียร์ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีอีกอย่างตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้วด้วย
เขามองน้ำตาลที่ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นจนร่างเปลือยเปล่าอย่างไม่อายเขาเลย และในที่สุด ‘เอาวะ ช่างมันเถอะ’
และสุดท้ายการอาบน้ำของทั้งสองคนก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วจนสามารถไปได้ทันเวลานัดหมายอย่างฉิวเฉียด แน่นอนว่าเป็นการอาบน้ำแบบเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปิดบังร่างกาย จนเดียร์แอบรู้สึกเขินเพื่อนตัวเล็กอยู่ไม่น้อยเพราะความสนอกสนใจของเจ้าตัวเล็กต่อร่างกายของเขาที่ถามไม่หยุดไม่หย่อนตลอดการอาบน้ำ…ฮึ่ยไม่พูดแล้ว
ส่วนน้ำตาลถ้าน้ำแข็งรู้ว่านอกจากจะทำตัวซกมกไม่ยอมอาบน้ำก่อนนอนแล้ว ยังแอบไปแก้ผ้าล่อนจ้อนอาบน้ำกับคนอื่น คงไม่ต้องบอกว่ากลับไปเจ้าตัวคงจะถูกลงโทษอย่างไร…ไม้เรียวในมือน้ำแข็งสั่นไปหมดแล้ว
น้ำตาลที่มาในชุดกีฬา กางเกงวอร์มขายาวแถวด้วยเสื้อแขนยาวตัวหนายืนยิ้มร่าอยู่บริเวณหน้ารีสอร์ตซึ่งเป็นจุดนัดหมายของทุกคน ตอนนี้รถกระบะโฟวิลคันใหญ่มาจอดรอพวกเขาเป็นจำนวนสามคัน คนตัวเล็กรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นรถกระบะคันใหญ่ที่จะเป็นยานพาหนะพาพวกเขาขึ้นไปบนยอดเขากระโจม รถกระบะที่ใช้ถูกแต่งและเสริมอะไรบางอย่างเพื่อให้สามารถขับขึ้นทางวิบากบนภูเขาได้ทำให้ความสูงของรถกระบะแต่ละคันสูงกว่าน้ำตาลเสียอีก
สมาชิกของบ้านจุลภาคจำนวนเกือบ 20 ชีวิตมารวมตัวกันตามจุดนัดพบโดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการขึ้นไปชมทัศนียภาพความงามบนยอดเขากระโจม
“มีใครจะเอาผ้าห่มอีกไหมคะ คนขับรถบอกว่าขึ้นเขาไปอากาศจะยิ่งหนาวกว่านี้อีก” แกนบ้านปีสองตะโกนถามสมาชิกในบ้าน
“เอามาทางนี้ๆ น้องไม่มีเสื้อกันหนาว” พี่คนหนึ่งพูดขึ้นมา
“โอเคกันแล้วเนอะ งั้นเราแบ่งกันไปคันละหกคนเนอะ ด้านหลังนั่งได้สี่ถึงห้าคนส่วนด้านหน้ารถได้ประมาณสามคนเลือกกันตามอัธยาศัยเลยนะคะ แต่แนะนำว่าให้นั่งหลังกระบะจะดีกว่ารับรองว่าสนุกแน่นอน”
“อรุณสวัสดิ์จ้าน้ำตาลไปด้วยกันไหม กลุ่มเรามีสามคน” เพื่อนในบ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตาเอ่ยทักน้ำตาลเมื่อทุกคนกำลังจัดกลุ่มแบ่งสมาชิกบนรถกัน”
“อรุณสวัสดิ์น้า มาด้วยกันก็ได้เรามีแค่สองคนเอง” เมื่อตกลงกันได้สมาชิกทั้งห้าคนพากันเดินตรงไปยังรถกระบะคันหนึ่งที่จอดรอพวกเขาอยู่
“คันนี้มีห้าคนเนอะ เดี๋ยวเอารุ่นพี่ไปด้วยสองคนนะคะ พี่มังกรพี่ปั๋งทางนี้ค่า” แกนบ้านปีสองตะโกนเรียกรุ่นพี่ที่ยังไม่มีรถ
“เดี๋ยวพวกพี่ๆ ไปกับน้องๆ คันนี้นะคะ”
“แล้วกิ่งไปด้วยกันหรือ” ปั๋งถาม
“เดี๋ยวกิ่งไปอีกคันค่า รบกวนน้องๆ ช่วยดูแลพี่ๆ ด้วยนะคะ” กิ่งฟ้าพูดติดตลกก่อนเดินไปขึ้นรถอีกคันหนึ่ง
“แล้วเราจะแบ่งที่นั่งกันยังไงดีคะ พวกหนูขอไปนั่งด้านหน้าได้หรือเปล่า บรึ๋ย หนาวมากเลย” เธอพูดพลางทำท่ากอดตัวเองด้วยความหนาว
“ได้เลยค่า เดี๋ยวพวกพี่ๆ จะไปนั่งด้านหลังกันเอง พวกพี่ๆ เป็นสุภาพบุรุษ” เมื่อตกลงได้ดังนั้น กลุ่มสาวๆ จึงพากันไปยังที่นั่งด้านหน้า ส่วนสุภาพบุรุษทั้งสี่คนจึงต้องนั่งหลังกระบะอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งน้ำตาลก็พอใจอย่างนั้นแหละนั่งหลังกระบะดูน่าสนุกจะตาย
“ถ้างั้นน้องเดียร์กับน้องน้ำตาลขึ้นเลยครับ”
เดียร์เป็นฝ่ายเดินขึ้นหลังกระบะคนแรกโดยมีรุ่นพี่คอยช่วยดันหลังให้เนื่องจากความสูงของหลังกระบะนั้นอยู่สูงจากพื้นดินค่อนข้างมาก แต่โชคดีที่เดียร์ยังพอจะก้าวขาขึ้นไปได้ และมันไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับคนอื่นๆ ยกเว้นน้ำตาล
“ฮึบ! ฮือ หนูขึ้นไม่ได้ มีเก้าอี้ไหมครับ” เจ้าตัวเล็กหันไปพูดกับรุ่นพี่ น้ำตาลพยายามดันตัวเองขึ้นกระบะหลัง แต่ด้วยเรี่ยวแรงและความสูงที่ค่อนข้างน้อยทำให้เจ้าตัวแทบจะกลิ้งตกลงมาจากหลังรถเหมือนลูกหมาตกจากเขา
“อ้ะ! ปล่อยน้ำตาลนะ” คนตัวเล็กร้องประท้วง จู่ๆ น้ำตาลก็ถูกช้อนทั้งร่างขึ้นให้อยู่ในท่าเจ้าสาวของอ้อมอกชายร่างสูง เขาทำเหมือนว่าน้ำตาลน้ำหนักเบาจนสามารถอุ้มได้ง่ายๆ เลย ฮึ่ย!
“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตกนะ เดียร์ช่วยรับเพื่อนหน่อยครับ” มังกรพูด
ผู้อยู่ในเหตุการณ์อ้าปากค้างมองภาพมังกรช้อนร่างรุ่นน้องขึ้นอย่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำ เดียร์ได้สติกลับมาก่อนจะช่วยประคองตัวของน้ำตาลที่อีกฝ่ายอุ้มขึ้นมาบนรถให้เดินเข้ามายังด้านในกระบะ
“เอ่อ ค ครับ ส่งมือมาสิน้ำตาล” น้ำตาลส่งมือให้เพื่อนสนิท เขาขยับตัวจับอ้อมอกของรุ่นพี่อย่างทุลักทุเลแต่ก็ต้องยอมรับว่าอ้อมอกของรุ่นพี่นั้นสบายจริงๆ แถมยังช่วยให้เขาไม่ต้องเปลืองแรงอีกด้วย
“กูว่ากูไปนั่งด้านหน้ากับน้องๆ ดีกว่า”
“มานี่เลยมึง รีบขึ้นไปเร็วคนขับเขารอนานแล้ว อย่าเรื่องเยอะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทจะแอบหนีไปนั่งข้างหน้า เขาจึงรีบคว้าคอเสื้อของเจ้าเพื่อนตัวดีก่อนจะถีบก้นมันเบาๆ ครั้งหนึ่งให้รีบเดินขึ้นไปบนกระบะหลัง ส่วนเขาเช็คความเรียบร้อยอีกเล็กน้อยก่อนจะยกที่กั้นขึ้นเพื่อความปลอดภัยแล้วจึงเดินตามขึ้นไปด้วยเช่นกัน
สองข้างทางที่รถกระบะโฟวิลคันโตวิ่งผ่านถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ทำให้คนที่นั่งอยู่หลังกระบะทั้งสี่คนไม่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่รถขับผ่านได้เห็นก็เพียงแต่บริเวณที่ไฟข้างทางสาดส่องไปถึง
น้ำตาลนั่งคลุมโปงเพราะอากาศหนาวในช่วงเช้า ยิ่งรถขับด้วยความเร็วในระดับนี้ลมที่ผัดปะทะเข้ามายิ่งทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านหลังรู้สึกหนาวเข้าไปใหญ่
“หนาวหรือครับน้ำตาล” ปั๋งที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยปากถาม
“ครับหนาวมากเลย” น้ำตาลตอบ
“งั้นเอาผ้าของพี่ไปใช่ไหมครับ” ปั๋งส่งผ้าคลุมที่ได้รับจากทางรีสอร์ตส่งให้รุ่นน้อง น้ำตาลมองผ้าผืนนั้นด้วยความดีใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกเกรงใจรุ่นพี่ไม่น้อย
“แล้วพี่ปั๋งไม่หนาวหรือครับ”
“อากาศแค่นี้สบายมากครับ เราเอาไปใช้เถอะตัวนิดเดียวเอง”
“ขอบคุณนะครับ”
“ลงไปนั่งข้างล่างไหม พี่ว่าหลบลมได้อยู่นะ” ปั๋งแนะนำให้รุ่นน้องของเขาลงไปนั่งที่พื้นด้านล่าง เนื่องจากที่ที่พวกเขานั่งอยู่เป็นเบาะเสริมขึ้นมาทำให้คนนั่งได้รับลมปะทะเต็มๆ แต่ถ้าหากลงไปนั่งที่พื้นก็น่าจะพอมีที่ในการใช้บังลม
“ก็ได้ครับ อื้อสบายกว่าเยอะเลย เดียร์ลงมานั่งกับเราไหมอุ่นมากเลยนะ” เมื่อเจอสิ่งที่ดีกว่า เจ้าตัวเล็กจึงเอ่ยปากชวนเพื่อนให้ลงมานั่งที่พื้นด้วยกัน
“อื้ม โอเค” เดียร์ตอบเรา ก่อนที่ร่างของเขาจะขยับลงมานั่งที่พื้นเช่นเดียวกับน้ำตาล ทำให้ตอนนี้บนเบาะเสริมที่นั่งมีรุ่นพี่ทั้งสองคนนั่งขนาบข้างดูแลความปลอดภัยให้กับรุ่นน้องอย่างพวกเขา
“นั่งได้แค่ถึงตอนก่อนขึ้นเขานะ” มังกรก้มลงไปพูดกับทั้งสองที่นั่งอยู่บนพื้น เนื่องจากความปลอดภัยจึงให้น้องๆ นั่งได้ถึงก่อนขึ้นเขาเท่านั้น เพราะหากนั่งอยู่ข้างล่างเวลาที่ขับขึ้นเขาเวลาที่รถกระเทือนหรือส่ายร่างของคนที่นั่งอยู่ที่พื้นอาจจะไปกระแทกกับโครงแรกของเบาะเสริมได้
ทั้งสองคนพยักหน้าก่อนจะเอาผ้ามาคลุมโปงทั้งตัวเพราะความหนาว รถกระบะคันโคขับไปด้วยความเร็วปานกลางไม่นานก็ถึงปากทางเข้าของเขากระโจมมังกรจึงบอกให้น้องๆ ขึ้นมานั่งบนเบาะได้แล้ว
“จับดีๆ นะครับ ตัวนิดเดียวกันทั้งคู่เลย จับไม่ดีระวังจะปลิวตกลงไปนะ” ปั๋งพูดขู่รุ่นน้อง ถนนทางขึ้นที่เป็นหินลูกรังตามปกติของทางขึ้นภูเขาทำให้รถของพวกเขาไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก
น้ำตาลที่ได้ฟังรุ่นพี่พูดดังนั้นเจ้าตัวจึงจับโครงเหล็กไว้อย่างแน่นหนาไม่ให้ตนเองกระเด็นตกลงไปจากรถ
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ตกหรอกไอ้ปั๋งมันก็พูดเว่อร์ไปเอง” มังกรพูดก่อนจะหันไปส่งสายตาดุๆ ให้กับเพื่อนสนิท
“ฮือ แต่น้ำตาลกลัวอะ รถมันกระเทือนมากเลย” คนตัวเล็กยู่ปาก ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่น่ากลัว แต่แค่ทางขึ้นเขาแค่นี้น้ำตาลก็แทบจะประคองตัวเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ไม่อยากนึกสภาพหลังจากนี้เลย
“จับไว้ดีๆ ไม่ตกแน่นอนครับ” มังกรพูดพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้กับน้ำตาล ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายถึงทำให้เขาไว้ใจได้ขนาดนี้กันนะ
รถกระบะของพวกเขาค่อยๆ ขับขึ้นไปบนเขากระโจมอย่างช้าๆ โดยมีรถกระบะที่สมาชิกคนอื่นนั่งขับตามมาด้วย เมื่อเริ่มขึ้นมาในระดับที่สูงขึ้นทางที่ขับมาจึงเริ่มชันขึ้นอย่างไม่ต้องแปลกใจแถมพื้นลูกรังยังสูงกว่าเมื่อกี้อีก น้ำตาลเจ็บก้นไปหมดแล้วรู้อย่างนี้ไม่มาด้วยดีกว่า
“โอ้ะ ด้านหน้าเป็นทางราบแล้ว ได้พักก้นแล้วล่ะน้องๆ” ปั๋งพูดเมื่อเห็นเส้นทางด้านหน้าที่แสงไฟจากรถสาดส่องไปถึง พอเห็นว่าข้างหน้าไม่ใช่ถนนลูกรังอย่างเมื่อกี้แล้วน้ำตาลก็โล่งใจขึ้นหน่อย
“มีน้ำด้วยหนิ พี่ๆ มันมีบ่อน้ำอยู่ข้างหน้าด้วยแล้วเราจะไปยังไงกันต่อล่ะ” คนตัวเล็กหันไปถามรุ่นพี่ทั้งสองคน ทางข้างหน้าที่เจ้าตัวเล็กมองเห็นเป็นคูน้ำขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีทางให้เลี่ยงไปได้เลย
“ไปได้สิครับ เพราะอย่างนี้เราถึงต้องใช้รถกระบะคันใหญ่ไง คอยดูนะ”
ไม่กี่อึดใจรถของพวกเขาก็ค่อยๆ ขับลงไปในคูน้ำอย่างช้าๆ น้ำในคูบริเวณนี้เป็นน้ำที่เกิดจากการสะสมตามธรรมชาติทั้งจากฝนตกรวมไปถึงน้ำที่ไหลลงมาจากด้านบน โชคดีที่ว่ามันไม่ลึกจนเกินไปที่จะให้รถกระบะโฟวิลคันโตขับผ่านไปได้ แต่ถ้าหากเป็นรถเก๋งทั่วไปคงต้องจบไปทั้งล้ออย่างแน่นอน (จริงๆ ก็จบตั้งแต่ทางขึ้นแล้วล่ะ)
“ฮึบ” ในขณะที่รถค่อยๆ ขับลงมาในคูน้ำ เจ้าตัวตัวเล็กก็หลับตาปี๋พร้อมกับกลั้นหายใจราวกับว่ารถคันนี้กำลังจะจมลงในน้ำ มังกรมองภาพหน้าอย่างขำขันเขาลูบหัวคนตัวเล็กด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง
“ลองดูสิครับ เราไม่ได้กำลังจะจมน้ำสักหน่อย” ได้ยินดังนั้นน้ำตาลจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เขามองไปด้านนอกจึงเห็นว่ารถที่เขากำลังนั่งอยู่ไม่ได้จมน้ำอย่างที่กลัวจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ คนตัวเล็กแต่แก้มเยอะจึงส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่อย่างอารมณ์ดี
“เฮ้อ สวรรค์แค่แปปเดียวดูสิครับทุกคน” ทุกคนหันไปตามที่ปั๋งบอก ทางข้างหน้าเป็นถนนลูกรังอีกแล้วแถมยังเป็นทางลาดชันขึ้นกว่าตามระดับความสูงอีกต่างหาก
หลังจากขับผ่านคูน้ำมาแล้ว พวกเขาก็ต้องฝ่าฟันกับถนนลูกรังตลอดเส้นทางที่รถขับผ่านอย่างเลี่ยงไม่ได้ น้ำตาลจับเบาะที่นั่งจนแน่นเพราะแรงกระเทือนอีกครั้ง แต่ในขณะที่เขากำลังจะปล่อยมือเพื่อเปลี่ยนข้างนั้นเป็นจังหวะที่รถขับผ่านโขดหินเตี้ยใต้ท้องรถพอดี แรงกระเทือนที่เกิดขึ้นจึงส่งผลร่างของคนที่ไม่ได้จับอะไรไว้ลอยขึ้นจากเบาะนั่ง ราวกับภาพช้าน้ำตาลมองภาพตัวเองลอยขึ้นจากที่นั่งอย่างทำอะไรไม่ถูกเขาคิดว่าตัวเองคงต้องกระเด็นตกจากรถแน่นอน
“เฮ้ย!” เสียงของปั๋งและเดียร์ที่เห็นภาพเหตุการณ์อุทานขึ้นมาพร้อมๆ กันด้วยความตกใจ
ฟึ่บ!
“เป็นอะไรหรือเปล่า!” มังกรถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ฝ่ามือใหญ่ของมังกรดึงร่างเล็กของน้ำตาลให้เข้ามาในอ้อมกอดของเขาในอย่างพอดิบพอดีทำให้คนตัวเล็กรอดจากการที่จะตกลงไปจากรถ
น้ำตาลค่อยๆ ตั้งสติ แต่ด้วยความตกใจจึงทำให้เจ้าตัวยังมึนงงอยู่ไม่น้อย เขามองเห็นแต่ภาพอ้อมกอดกว้างของผู้ชายที่นั่งอยู่ด้วยกัน อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจนน้ำตาลเผลอกอดตอบด้วยความกลัว เขาส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบโดยที่ยังคงอยู่ในอ้อมอกของมังกร
“เฮ้อ กูใจหายใจคว่ำหมด ดีนะมึงจับน้องไว้ได้ทัน” ปั๋งถอนหายใจ ดีที่เพื่อนของเขาจับน้องไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น แถมถ้าน้องเป็นอะไรจริงๆ กลับไปไอ้น้ำแข็งคงเตรียมประทับบาทาให้ที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแน่นอน
มังกรไม่ได้สนใจในสิ่งที่เพื่อนของตนเองกำลังพูด เขาเป็นห่วงว่าคนตัวเล็กที่กำลังก้มหน้างุดอยู่ในอ้อมอกของเขาจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่าจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “โอเคไหมครับตัวเล็ก”
ถ้าเป็นปกติน้ำตาลคงต้องบ่นเขาที่เผลอเรียกสรรพนามแบบนั้นเรียกเขา แต่ครั้งนี้เจ้าตัวเล็กกลับไม่ได้ว่าอะไรเดาว่าน้องเทคของเขาคงกำลังจะตกใจไม่น้อย
มังกรจับราวที่นั่งไว้ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนอีกมือข้างหนึ่งประคองร่างเล็กที่กำลังซุกอยู่ในอ้อมอกของเขาอย่างแน่นหนา จนเมื่อน้องรู้สึกปลอดภัยแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มเล็กๆ กลับมาให้เขาเพื่อไม่ให้ตัวเขาต้องเป็นห่วง มังกรจึงใช้มืออีกข้างลูบหัวของรุ่นน้องเบาๆ เป็นการปลอบ ตลอดเส้นทางเขาจึงต้องนั่งประคองกอดน้ำตาลเอาไว้เพื่อที่จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำขึ้นอีกครั้ง ส่วนน้ำตาลที่เพิ่งจะหายตกใจแม้จะรู้สึกอายไม่น้อยแต่ก็ไม่ยอมผละออกจากอ้อมอกของรุ่นพี่เสียที…ก็มันอุ่นอะ น้ำตาลชอบ
กว่ารถของพวกเขาจะขับมาถึงจุดจอดรถบนยอดเขากระโจมก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงนับตั้งแต่ขึ้นเขามา ตอนนี้เวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือแสดงเวลา 05.45 น. ใกล้จะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์จะขึ้นประดับบนท้องฟ้าแล้ว หลังจากรถจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกคนจึงพากันตรงไปยังจุดชมวิวเขากระโจมซึ่งเป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาบนนี้จะต้องมาเยือนสักครั้ง
ลานกว้างสามารถรองรับปริมาณจำนวนนักท่องเที่ยวได้หลายคน บริเวณลานชมวิวตอนนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ยบวกกับเป็นช่วงปลายปีนักท่องเที่ยวจึงเยอะเป็นพิเศษแต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าช่วงวันหยุดเทศกาลต่างๆ
“หนาวไหมครับน้องน้ำตาล” ปั๋งเอ๋ยถามน้ำตาลที่กำลังยกแขนกอดอกตัวเอง อากาศบนนี้เย็นกว่าข้างล่างค่อนข้างมากเพราะตรงที่พวกเขากำลังยืดอยู่นั้นเป็นยอดเขา ป้ายแสดงอุณหภูมิติดไว้โชว์ไว้ว่าอุณหภูมิเช้าวันนี้คือ 8 องศาเซลเซียส จึงไม่แปลกที่เจ้าตัวเล็กที่มีภูมิคุ้มกันด้านอากาศหนาวต่ำจะรู้สึกหนาว
“ครับ หนาวมากเลย หนาวกว่าเมื่อกี้เยอะเลย” น้ำตาลตอบ
“ทำไงดี พี่ก็ถอดไปให้หมดแล้ว ถึงแม้สำหรับพี่จะไม่หนาวสักเท่าไหร่ แต่ว่าเสื้อยืดตัวสุดท้ายของพี่ขอใส่ไว้เถอะนะ เดี๋ยวโดนข้อหาอนาจารเอา เฮ้ย มังกรมึงเป็นพี่เลี้ยงน้องหนิถอดเสื้อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษหน่อยดิ” ปั๋งพูดติดตลก
“เดี๋ยวมึงจะโดนไม่ใช่น้อยไอ้ปั๋ง”
“คิกคิก” น้ำตาลหัวเราะรุ่นพี่ทั้งสองที่ถึงแม้จะโตแล้วแต่ก็ยังกัดกันเหมือนเด็กๆ
“หัวเราะอะไรครับตัวเล็ก” มังกรหันไปถามคนตัวเล็ก
“ไม่ได้หัวเราะสักหน่อย” น้ำตาลยู่ปากตอบ
“เห็นอยู่ว่าหัวเราะ แกล้งพี่หรือครับเรา” มังกรบีบแก้มน้ำตาลจนมันยืดติดมือเขาออกมา แก้มน้องนุ่มมากจริงๆ จนอยากจะเอากลับบ้านไปด้วยเลย
“อี้อังอรอู๋เอ็บ (พี่มังกรหนูเจ็บ)”
“ลงโทษเด็กดื้อที่ชอบแกล้งพี่ไงครับ”
“ไปกันเถอะครับน้องเดียร์ ยิ่งยืนอยู่นานยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นอากาศ เราไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นกันดีกว่า” ปั๋งจับมือรุ่นน้องให้เดินตามเขาไป เมื่อได้ยินว่าจะไปชมวิวน้ำตาลเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะรีบวิ่งเดินตามรุ่นพี่อีกคนไปทิ้งเดือนมหาวิทยาลัยเอาไว้ให้ยืนอยู่คนเดียว
มังกรส่ายหน้าให้กับความสดใสของน้องเทคของเขา ดีแล้วที่เจ้าตัวกลับมาสดใสได้ เขาก็กังวลอยู่ไม่น้อยว่าเจ้าตัวจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่เห็นแบบนี้แล้วก็ค่อยโล่งใจหน่อย…เอาเข้าจริงแล้วนอกจากทุกคนจะตกใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแต่คงไม่มากกว่ามังกรที่หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้นตั้งแต่วินาทีนั้น และถ้าเกิดเขาไม่สามารถช่วยน้ำตาลเอาไว้ได้ เขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองอย่างแน่นอน
“สวยมากเลยอะแก” เสียงพูดคุยของนักท่องเที่ยวและสมาชิกบ้านจุลดังขึ้นหลังแสงอาทิตย์สีส้มเริ่มสาดส่องแทนความมืดมิดเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นวันใหม่
บรรยากาศการชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขากระโจมที่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติแทบจะสามร้อยหกสิบองศายิ่งสงผลให้บรรยากาศน่าดูชมยิ่งขึ้น
“เดียร์ถ่ายรูปให้เราหน่อย” น้ำตาลส่งโทรศัพท์มือถือให้เพื่อนช่วยถ่ายรูปของตัวเองที่มีแบคกราวสวยๆ เป็นรูปพระอาทิตย์ขึ้นหลังจากที่บันทึกภาพวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทีแรกน้ำตาลตั้งใจจะโทรหาพี่ชายของตัวเองเพื่ออัพเดทความเคลื่อนไหวให้รู้ แต่ดูเหมือนบนนี้จะแทบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เจ้าตัวเล็กจึงเปลี่ยนแผนว่าหลังจากลงจากเขาจึงค่อยโทรไปหาพี่ชาย ตอนนี้เขาขอเที่ยวให้หนำใจก่อนละกัน
“โอเค เดี๋ยวเราถ่ายให้” เดียร์รับโทรศัพท์มือถือของน้ำตาลมาช่วยถ่ายภาพให้กับนายแบบจำเป็น หลังจากถ่ายจนพอใจแล้วจึงคืนให้กับเจ้าของตามเดิม
“เดียร์จะถ่ายไหม เดี๋ยวเราช่วยถ่ายให้” เมื่อเพื่อนช่วยถ่ายรูปให้จนเองเสร็จ ในฐานะที่เป็นเพื่อนที่ดีน้ำตาลเลยจะช่วยอีกฝ่ายถ่ายบ้าง
“ไม่เป็นไรหรอกน้ำตาล จริงๆ เราเคยมาแล้วครั้งหนึ่งเลยมีรูปบ้างแล้วล่ะ” เดียร์ตอบ
“จริงหรือ แสดงว่าพาน้ำตาลเดินเที่ยวได้ใช่ไหม”
“อืม จริงๆ บนนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอกว่าแต่น้ำตาลอยากไปเดินตรงไหนล่ะ”
“ไม่รู้สิ พี่ที่ไหนน่าสนใจบ้างอ่า”
“อืม งั้นไปหาอะไรกินกันไหม ข้างหน้ามีร้านชาวบ้านมาขายของกันอยู่”
“ไปๆ เราจะไป กำลังหิวพอดีเลย” พอพูดเรื่องของกินทีไร เจ้าตัวเล็กก็ตาเป็นประกายจนลืมเรื่องความงดงามตรงหน้าของธรรมชาติไปเลย
“โอเคงั้นเดี๋ยวเราพาไป”
เดียร์พาน้ำตาลเดินไปด้านหน้าบริเวณที่จอดรถ ตรงนี้มีร้านของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเขามาขายของที่ระลึกและของกินเล็กๆ น้อยๆ
น้ำตาลสั่งไมโลร้อนหนึ่งแก้วและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ขายเป็นคัพ 1 ถ้วย คนขายจัดการเติมน้ำร้อนให้ทั้งสองอย่างก่อนจะนำส่งให้กับน้ำตาล บนนี้ราคาของอาหารจะแพงกว่าข้างล่างเล็กน้อยเนื่องจากต้นทุนด้านการขนส่งแต่ไม่เป็นอุปสรรคของเจ้าตัวเล็กเพราะเขากำลังหิวจนสามารถยอมจ่ายได้อย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก ส่วนเดียร์ซื้อเครื่องดื่มร้อนแก้วหนึ่งก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปนั่งยังที่โต๊ะไม้ใกล้ๆ กับร้านค้า
“อร่อยจัง ซูด” น้ำตาลตักเส้นบะหมี่เข้าปังดังซูดๆ การได้มาทานอะไรแบบอุ่นๆ ในบรรยากาศหนาวๆ ทำให้อาหารที่ทานนั้นยิ่งอร่อยเข้าไปอีก
“มาอยู่ตรงนี้กันนี่เอง พวกพี่ๆ ก็หากันตั้งนาน ไปไหนไม่บอกน่าจะจับไปตีให้ก้นลายทั้งสองคนเลย” เสียงของปั๋งดังมาจากข้างหลังของเขา น้ำตาลจึงหันไปดูก่อนจะพบว่ารุ่นพี่ของพวกเขาทั้งสองคนก็เดินตามเขามาตรงนี้ด้วยเช่นกัน
“ไม่ตีน้า เดี๋ยวน้ำตาลแบ่งมาม่าให้น่าอร่อยมากเลยล่ะ” เจ้าตัวเล็กตักเส้นบะหมี่ขึ้นมาคำหนึ่ง เขาก้มมองเส้นบะหมี่ในส้อมของตัวเองพอเห็นว่ามันเยอะเกินไปเลยเอาออกไปนิดหนึ่งแล้วจึงหันมาฉีกยิ้มแฉ่งไปปั๋งหนึ่งที
“พี่ไม่แย่งหนูหรอกครับ มังกรมาม่าให้กูป๋องหนึ่ง” พูดกับน้องนี่เสียงหวานเชียวแต่พอหันมาพูดกับเขานี่น่าเอาตีนยัดปากจริงๆ
“เออๆ รอแปป” มังกรเดินไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่คนข้ายเติมน้ำร้อนมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วสองกระปุกก่อนจะส่งให้กับเพื่อนสนิทแล้วเดินมานั่งอีกฝั่งกับน้องเทคของเขา
“อร่อยนะพี่มังกร ต้องกินต้อนร้อนๆ นะ” พอคนพี่มานั่งคนน้องก็เอ่ยปากพูดเรื่องของกินทันที มังกรสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าพอเจ้าตัวเล็กพูดถึงของกินทีไรตาของน้องจะเป็นประกายทุกที มังกรยิ้มให้กับคำพูดของน้องก่อนจะตอบกลับไป
“ครับ เราก็รีบกินเถอะ เดี๋ยวหายร้อนแล้วไม่อร่อยนะ”
“อื้ม”
หลังจากนั้นแต่ละคนก็แยกย้ายกันทานอาหารในมือของตนเองมีบ้างที่จะหันมาพูดคุยกัน แต่ในขณะที่กำลังทานอาหารของตนเองมังกรกลับรู้สึกว่ากำลังอะไรบางอย่างจ้องบอกเขาอยู่ พอหันกลับมามองข้างตัวจึงผมกับสาเหตุเมื่อน้องกำลังจ้องมาที่เขาจาแป๋วเชียว
“อยากลองกินหรือครับ”
“ช่าย ก็มันคนละรสอะ น้ำตาลอยากลองกินรสที่พี่มังกรกิน” มังกรก้มลงมองถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองก่อนจะพบว่ารสชาติของถ้วยเขาแตกต่างจากของน้องจริงๆ อย่างที่เจ้าตัวว่า
“อืม ถ้างั้นมาแลกกันลองชิมคนละคำไหมครับ” มังกรเอ่ย เขารู้หรอกว่าน้ำตาลจะหลอกกินฟรีต่างหาก
“ก็ได้งั้นพี่มังกรลองกินของน้ำตาลก่อน” เจ้าตัวเล็กตักเส้นบะหมี่ในถ้วยในปริมาณค่อนข้างน้อย เจ้าตัวดูลังเลไม่น้อยแต่ก็ยอมส่งบะหมี่ของตัวเองป้อนให้กับคนเป็นพี่
“เอ่อ คือ” มังกรถามขึ้นมาเมื่อบะหมี่มาจ่ออยู่ที่ปากของเขา
“น้ำตาลป้อนอ้าปากสิครับ” มังกรอ้าปากขึ้นอย่างงงๆ รับบะหมี่ของอีกฝ่ายที่ป้อนเขาเข้าปาก
“ทีนี้ตาน้ำตาลแล้ว มาเลยครับ” น้ำตาลคว้าส้อมพลาสติกของมังกรก่อนจะจัดการตักบะหมี่ของอีกฝ่ายเข้าปากอย่างพึงพอใจ ถ้าให้พี่มังกรตักให้รับรองว่าพี่มังกรต้องตักให้เขาน้อยแน่ๆ ตอนเขาป้อนพี่มังกรเขาเลยเป็นฝ่ายตักและป้อนอีกฝ่ายเองเพราะถ้าพี่มังกรตักเองคงแย่งของน้ำตาลหมดแน่เลย คิกคิก
มังกรมองดูเด็กที่กำลังเพลิดเพลินกับของกินของเขาด้วยสายตาที่ปั๋งเห็นแล้วที่กับขนลุกซู่ไปทั้งตัว นี่ถ้าเขาโดนมันมองแบบนั้นคงวิ่งหนีป่าราบไปแล้ว
“เดียร์ว่าไหม มาม่าถ้วยนี้หวานจนมดขึ้นเลย”
“อะ เอ่อ ครับ ก็หวานจริงๆ นั่นแหละ”
“หวานอะไรเดี๋ยวจะโดน รีบกินเลยทั้งสองคน เราด้วยนะ เดี๋ยวอีกแปปหนึ่งก็ต้องลงเขากันแล้ว” มังกรจัดการเพื่อนที่ชงเก่งซะเหลือเกิน พวกเขาทั้งสี่คนรีบจัดการกับอาหารของตนเองให้เรียบร้อยเพราะพวกเขามีเวลาบนเขากระโจมไม่นานนักเนื่องจากจะต้องกลับเข้ากรุงเทพตามกำหนดการไม่เกินบ่ายสองและหลังจากนี้พวกเขามีแผนที่จะไปเที่ยวตลาดน้ำกันหากลงจากเขาสายก็เกรงว่าจะไม่เหลือเวลาพอที่จะไปเที่ยวตลาดน้ำ
หลังจากลงจากเขากระโจมพวกเขาก็ตรงกับไปรีสอร์ตเพื่อจัดการเก็บข้าวของและเช็คเอ้าท์ในทันที น้ำตาลจัดการเอากุญแจห้องพักไปคืนให้กับกิ่งฟ้าผู้ที่จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ส่วนตัวเองก็ยกกระเป๋าสัมภาระไปไว้ใต้ท้องรถตามคำสั่งของรุ่นพี่จะได้ไม่ต้องเสียเวลารอกันไปรอกันมา
“อรุณสวัสดิ์ทุกๆ คนอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะคะ เป็นไงกันบ้างเอ่ย เที่ยวเขากระโจมสนุกไหม สำหรับทริปท่องเที่ยวในครั้งนี้ก็ใกล้จะจบลงแล้วนะคะ หลังจากนี้พวกเราก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเนื่องด้วยเวลาของเราที่ยังพอเหลืออยู่พี่เลยตกลงกับพวกพี่ปีสาม ว่าจะพาทุกคนไปแวะที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกกันก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯ กันค่า” สิ้นเสียงของกิ่งทุกคนก็ปรบมือด้วยความดีใจที่จะได้เที่ยวกันต่อ
เมื่อจัดการเช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางของสมาชิกบ้านจุลภาคเสียที แต่เพราะเวลาที่ยังพอเหลืออยู่พวกรุ่นพี่จึงตกลงกันว่าจะพาน้องๆ ไปเที่ยวที่ตลาดน้ำกันก่อนจะกลับทำให้รถบัสของพวกเขาตอนนี้กำลังขับรถตรงเข้าไปที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นสถานที่ถัดไป
“เราจะไปถึงตลาดน้ำกันไม่เกินสิบโมงครึ่งนะคะ และจะปล่อยให้เที่ยวและพักผ่อนตามอัธยาศัยกันถึงไม่เกินบ่ายโมงนะคะ เสร็จแล้วขอให้มารวมกันตามสถานที่นัดหมายเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ส่วนตอนนี้ยังมีเวลาที่พอจะนอนพักกันได้ กิ่งก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วขอเชิญพักผ่อนกันตามสบายเลยนะคะ”
เนื่องจากทุกคนต้องตื่นตั้งแต่เช้าในช่วงระหว่างที่กำลังเดินทางไปยังจุดมุ่งหมายถัดไปทุกคนจึงเลือกที่จะนอนพักเอาแรงกันรวมถึงเจ้าตัวเล็กที่หลังจากกิ่งฟ้าพูดจบก็เปิดโหมดห้ามรบกวนแล้วจึงเข้าสู่ห้วงนิทราในทันที
รถมินิบัสขับตรงเข้ามาในส่วนของที่จอดรถ สมาชิกทุกคนทยอยลงจากรถทีละคนก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปยังส่วนตลาด ส่วนบางคนก็เลือกที่จะไปนวดตัวกันที่ร้านสปาใกล้ๆ กับบริเวณตลาด
“เราจะไปไหนกันดีน้ำตาล” เมื่อลงจากรถเดียร์จึงเอ่ยปากถามความต้องการของเพื่อนสนิท
“เราอยากลงเรืออะ” น้ำตาลที่มองเห็นนักท่องเที่ยวต่างพากันล่องเรือเที่ยวตลาดน้ำจึงรู้สึกอยากจะนั่งเรือเที่ยวบ้างเช่นกัน
“เมื่อกี้เราถามพี่กิ่งมา เห็นว่าเรือจะต้องจองมาก่อนนะ แล้วก็ถ้าจะไปเหมาเรือเที่ยวตอนนี้ก็ค่อนข้างแพงด้วย เราไปเดินตลาดแทนดีกว่าไหม” เดียร์เสนอทางเลือกขึ้นมา
เมื่อรู้ว่าจะไม่ได้ขึ้นเรือตามความต้องการคนตัวเล็กก็แอบหงอยไปนิดหน่อยแต่ก็ยอมเข้าใจเพราะก็เป็นอย่างที่เดียร์ว่ามาจริงๆ เมื่อกี้เขามองเห็นป้ายราคาแล้วจึงยอมตัดใจนี่ถ้ามีคนมาหารด้วยคงดีกว่านี้
“น้องๆ อยากลงเรือกันหรือครับ” ในขณะที่ทั้งสองคนจะเดินเข้าไปในส่วนของตลาดชายแปลกหน้าคนหนึ่งที่ดูอายุไม่มากไปจากพวกเขาสักเท่าไหร่ก็เดินเข้ามาทัก ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่เขาและเดียร์คุยกันนะ แต่สายตาของอีกฝ่ายช่างดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“อ๋อ ไม่เป็นไรแล้วครับ พวกผมว่าจะไปเดินเที่ยวกันแทน” เดียร์เป็นฝ่ายตอบ “ไปลงเรือกับพวกพี่ๆ กันก็ได้นะครับ ขาดสองที่พอดีพี่ไม่คิดเงินด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรครับ พวกเรามีเรือกันอยู่แล้ว” เสียงผู้มาใหม่ดังขึ้น ทั้งสามจึงหันไปมองก่อนจะพบปั๋งและมังกรเดินมายังที่พวกเขากำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“เอ่อครับ ถ้างั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ” ชายแปลกหน้าเอ่ยปากขอตัวไปทันทีเมื่อเห็นหน้าคนมาใหม่สองคน สงสัยเขาจะเล่นผิดคนซะแล้วล่ะมั้ง
“มันทำอะไรพวกเราหรือเปล่า” มังกรถามรุ่นน้องทั้งสองด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอ่อ ไม่ครับพี่มังกร เขาไม่ได้ทำอะไรเดียร์กับน้ำตาลครับ” เดียร์ตอบ ส่วนน้ำตาลได้แต่ยืนงงด้วยความไม่เข้าใจ
“ใจเย็นเว้ยมังกร มึงก็เห็นว่ามันไม่ได้ทำอะไรน้อง อีกอย่างน้องก็แค่ยืนอยู่เฉยๆ แต่มันเป็นฝ่ายเข้ามายุ่งเอง” ปั๋งปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะจริงจังเกินไปแล้ว ดูสิน้องหงอยกันหมดแล้ว (แต่เว้นน้ำตาลไว้คนหนึ่งนะ)
“ถ้าไม่มีอะไรก็ดีครับ งั้นเราไปกับพวกพี่ละกัน อีกเดี๋ยวเรือก็จะมาแล้ว” มังกรพูดด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นลง แต่ประโยคสุดท้ายที่เจ้าตัวพูดนั้นกลับทำให้เด็กคนหนึ่งหูผึ่งออกอาการสนอกสนใจโดยไม่ดูสถานการณ์
“หืมเรือ เราจะไปลงเรือกันหรือ” น้ำตาลถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ครับ ไอ้มังกรมันเหมาเรือเที่ยวเมื่อกี้ทีแรกพี่ก็ไม่เข้าใจว่าแค่สองคนจะเหมาเที่ยวไปทำไม แต่ตอนนี้พี่เข้าใจแล้วล่ะ”
เพียะ
“พูดมากนะมึง ไปกันได้แล้วครับเรือมาแล้ว” พูดจบก็เดินนำทุกคนไปยังท่าจอดเรือที่มีเรือหางยาวลำเล็กจอดรอพวกเขาอยู่
“ไม่รู้ว่ามันจะโมโหอะไร ว่าไหมครับน้องๆ”
น้ำตาลนึกตามในใจ พี่มังกรที่ดูดุเมื่อกี้ก็ดูน่ากลัวจริงๆ นะ ไม่รู้ทำไมถึงต้องโมโหกันด้วย สงสัยจะหิว ใช่! น้ำตาลนึกออกแล้วสงสัยพี่มังกรจะหิวเพราะบางทีเวลาน้ำตาลหิวเผลอโมโหบ่อยๆ ไปเหมือนกัน
หลังจากเรือแร่นออกจากท่ามาร้านค้าเรียงรายที่ตั้งอยู่ริมน้ำรวมถึงบางร้านที่ขายอยู่บนเรือก็เริ่มปรากฎซื้อเข้าสู่สายตาพวกเขาทั้งร้านขายของฝาก ร้านขายเสื้อผ้า รวมไปถึง ร้านขายของกิน
น้ำตาลบอกคนขับให้แวะจอดแทบทุกร้านจนตอนนี้เรือของพวกเขาแร่นยังไปไม่ถึงไหน น้ำตาลจัดการเลือกซื้อของฝากให้กับที่บ้านและถ่ายภาพเพื่อส่งอัพเดทให้กับพี่ชายแต่ร้านที่แวะบ่อยที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นร้านของกินอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้น้ำตาลไม่ได้ซื้อให้แค่ตัวเองมันน่าแปลกใจที่น้องคอยซื้อของกินแล้วส่งมาให้เขาที่นั่งอยู่ข้างหลังตลอดเวลา แถมยังส่งยิ้มกว้างมาให้อีก
“กินเยอะๆ นะครับ” น้องพูดประโยคนี้มาสามครั้งพร้อมของกินนานาชนิดที่ถูกส่งมาให้เขาทั้งผัดไทย ข้าวเหนียมมะม่วง และน้ำตาลสดแถมของกินทุกอย่างที่ส่งมาให้เขาเจ้าตัวยังใจป้ำจ่ายเงินซื้อให้เขาด้วยเงินตัวเองอีกต่างหาก
“เอ่อ คือ เราซื้อให้ตัวเองเถอะแค่นี้พี่ก็อิ่มแล้วครับ” มังกรพูด
“ไม่ได้ๆ ต้องกินเยอะๆ จะได้อารมณ์ดี แล้วพี่มังกรจะได้ยิ้ม พี่มังกรดุน่ากลัวมากเลยน้ำตาลกลัว” คนตัวเล็กว่าอย่างนั้นแล้วฉีกยิ้มแฉ่งมาให้เขาอีกครั้งอย่างที่ชอบทำ
ตึกตึก ตึกตึก
‘เชี่ยไรวะเนี่ย กูเป็นอะไรกันแน่’
มังกรนึกแต่ไม่ได้พูดออกมา เขามองดูเจ้าตัวเล็กพูดจาเจื้อยแจ้วสั่งของกินกับพ่อค้าแม่ขายตลอดทางที่เรือแล่นผ่านอย่างอารมณ์ดี คนขายหลายๆ คนที่หลงในความน่ารักของน้องจึงแถมของกินให้เป็นพิเศษซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มและขอบคุณอย่างที่เด็กมารยาทดีควรทำ น้องดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ นะ จนเขารู้สึกว่า…
มังกรสะบัดหัวไปมาทิ้งความคิดไร้สาระให้ออกไปจากหัวในขณะที่เรือกำลังจะขับกลับไปยังท่าจอดตามเดิม ไม่นานหลังจากนั้นทริปที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวกของพวกเขาก็จบลง เป็นการปิดฉากการออกภาคสนามครั้งแรกและทริปกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในบ้านจุลภาคอย่างเป็นทางการ และทริปนี้ยังเป็นทริปที่ทำให้อะไรบางอย่างระหว่างเขาและน้องเทคเปลี่ยนไปตลอดกาล…
รถมินิบัสมาหยุดบริเวณหอประชุมใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณเดียวกับที่จอดรถตอนก่อนออกเดินทาง
“พี่น้ำแข็ง คิดถึงจังเลย” เมื่อลงมาจากรถเจ้าตัวเล็กก็รีบวิ่งเข้าไปโถมตัวกอดใส่พี่ชายที่ยืนรออยู่ก่อนทันที
ฟอด
“คิดถึงพี่น้ำแข็งมากเลย”
“คิดถึงพี่จริงหรือ ไม่เห็นโทรมาหาพี่เลยนะ” น้ำแข็งว่าด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ฮือ ไม่งอนน้องน้า น้ำตาลซื้อของมาฝากเต็มเลยเดี๋ยวไปเอาให้อยู่ใต้ท้องรถ” ว่าจบคนตัวเล็กก็รีบวิ่งแจ้นไปรับสัมภาระของตนเอง เขามองภาพนั้นอย่างเอ็นดูน้ำตาลดูสดใสขึ้นมากและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาต้องห่างกับน้ำตาลนานขนาดนี้ บางทีเขาคงจะต้องปล่อยให้น้ำตาลได้เติบโตด้วยตนเองบ้างแล้วล่ะ ในขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยร่างสูงของเพื่อนสนิทก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพอดี
“เป็นไงน้องกูแสบใช่ไหม”
“อืม ก็แสบแต่กูรับมือไหว” มังกรตอบเขายักคิ้วขึ้นเป็นเชิงว่าแค่นี้สบายมาก
“เออ ขอบคุณมึงละกันที่ช่วยดูน้องกู ไว้ว่างๆ กูค่อยเลี้ยงข้าวตอบแทน”
“พี่น้ำแข็ง น้ำตาลมาแล้ว” คนตัวเล็กพุ่งเข้าชนร่างสูงของพี่ชายอย่างไม่ออมแรง ดีที่น้ำแข็งค่อนข้างชินกับการทำแบบนี้บ่อยๆ ของน้ำตาลเลยไม่ล้มลงไปเพราะแรงของเจ้าน้องชาย
“โอเคเสร็จแล้วก็กลับกันเลยครับ คุณพ่อคุณแม่รอเราอยู่ที่บ้าน กูไปก่อนนะมังกรไว้เจอกันพรุ่งนี้” มังกรพยักหน้ารับ ส่วนน้ำแข็งหันไปคว้ากระเป๋าเดินทางของน้องชายก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ด้านนอก
“น้ำตาลกลับแล้วนะครับ แล้วห้ามลืมสัญญาที่จะพาไปกินบิงซูกับที่บอกว่าจะไปหาน้องแมวด้วยน้า” ว่าจบคนตัวเล็กก็หันหลังรีบวิ่งตามพี่ชายไปในทันที
เขามองภาพสองพี่น้องที่พูดจาหยอกล้อเล่นกันไปตลอดทางเดิน แต่ทำไมจู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างภายในใจของเขาก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้…เขาอยากให้น้องทำแบบนั้นกับเขาบ้างจัง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องสดใสจนพระอาทิตย์ยังต้องหลบให้เลยลูก55555
ขอบคุณมาก