ชายขายดอกไม้กับพระเจ้าบนฟ้า
พอดีอกหัก เลยจะเขียนเรื่องราวทั้งหมดให้กับหญิงที่รัก เนื้อหาอาจจะไม่ดี แต่เขียนไปก็ร้องไห้ไป อยากให้ลองติชมครับ
ผู้เข้าชมรวม
175
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีชายคนหนึ่ง บนโลกที่สวยงามใบหนึ่ง ชายคนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นพิเศษ ในแต่ละวันเขาได้ใช้ชีวิตไปวันๆ ลืมบอกไปว่าอาชีพของเขาคือการปลูกดอกไม้นี่เอง เขาก็ทำตามหน้าที่คือปลูกไปวันๆ แบบไร้จุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ทั่วไป ที่เกิดมาตั้งแต่เล็ก จน โต ย่อมอยากแสวงหาความรัก ที่ได้รับนอกเหนือจากความรักที่มีให้จากพ่อและแม่ แต่เขาก็คิดว่านิสัยอย่างเขานั้นคงยากที่จะหาใครมารักได้ จึงไม่ได้ใส่ใจกับความรักมากนัก วันเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า ปีแล้วปีเล่า ชีวิตของเขาก็ดำเนินไปตามปรกติ ปลูกดอกไม้ ขายดอกไม้ ให้กับคนทั่วๆ ไป เรื่อยๆ แต่หารู้ไหมว่าความจริงแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกเหงา และ บางครั้งก็รู้สึกอิจฉากับคู่รักที่เดินจูงมือกัน และตัวเขาหล่ะจะหาความรักได้จากที่ไหน ในเมื่อวัน 1 วัน เขาเจอคนมากมายที่มาซื้อดอกไม้จากร้านเขา แต่เป็นเหมือนซื้อแล้วก็ผ่านไป ไม่มีความพิเศษต่อกัน เขาก็คิดว่าอยากจะมีซักวันที่จะมีใครที่มาขายดอกไม้ร่วมกับเขาได้
วันหนึ่งในใจที่รู้สึกเหงาของเขา ทำให้เขาลองเสี่ยงดวง โดยการขอพรกับพระเจ้า
“พระเจ้าที่อยู่บนฟ้า ถ้าได้ยินข้า ข้าอยากจะขอร้องท่าน ในชีวิตนี้ ข้าไม่เคยร้องขอสิ่งใดกับท่าน วันนี้ข้าอยากขอความรัก จากใครซักคนให้ข้าได้ไหม”
เป็นเวลาหลายวัน พระเจ้าที่อยู่บนฟ้าได้ยินเสียงวิงวอนอยูนาน ก็ทนไม่ไหว จึงได้ตะโกนกลับชายคนนั้นว่า
“เจ้ายังไม่เคยเข้าใจคำว่า ความรัก แล้วใยจะมาขอความรักกับฉัน ฉันไม่ให้เจ้าหรอก” แล้วก็อันตธานหายไป
แต่ชายคนนั้น ก็ไม่เคยย่อท้อ เขา ก็ได้แต่พร่ำขอพรเช้า ขอพรเย็น จนในที่สุด พระเจ้าบนฟ้า ก็เริ่มใจอ่อน จึงได้บอกกับชายคนนั้นว่า
“ข้าจะประทานพรให้เจ้า แต่เจ้าต้องทำอะไรให้ข้า” ชายคนนั้น “ข้ายินดีจะทำให้ท่านทุกอย่าง”
“เจ้าจงปลูกดอกไม้ดอกนี้ให้ข้า และภายใน 1 ปี เจ้าต้องทำให้ดอกมันกลายเป็นสีชมพู ให้ได้” เมื่อพระเจ้าพูดจบ ทันใดนั้นก็มีดอกไม้ซึ่งจัดแจงอยู่ในกระถาง เป็นอย่างดี ปรากฏอยู่ตรงหน้า ชายคนนั้นตกใจมาก เมื่อตั้งสติได้ เขาก็เริ่มพินิจพิจารณา ดอกไม้กระถางนั้น แต่เมื่อดูดีดีแล้ว มันไม่มีวี่แวว ว่าจะดอกไม้ดอกนั้นจะกลายเป็นสีชมพูได้เลย ลักษณะของมันคล้ายกับดอกทานตะวัน ซึ่งเหลืองสดใสและบานสะพรั่ง แต่สีของดอกไม้นั้นเป็นสีเหลือง ชายคนนั้นคิดว่า พระเจ้าต้องหลอกลวงเขาแน่ๆ จึงไม่ได้ใส่ใจดอกไม้กระถางนั้น บางวันก็ดูแล บางวันก็ละเลย ใส่ปุ๋ยบ้าง รดน้ำบ้าง ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ ชายคนนั้นจริงได้ละเลยมัน วันเวลาผ่านไป วันแล้ววันเล่า ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับการดูแลนั้น แต่ดอกไม้ดอกนั้นก็เริ่มที่จะเปลี่ยนสี เป็นสีชมพูนิดๆ แต่ยังไม่เต็มทั้งดอก ชายคนนั้นเมื่อเห็นดังนั้น ก็เริ่มหยิ่งผยองลำพองใจ ว่าขนาดเขาไม่ค่อยจะดูแล ยังทำให้ดอกกลายเป็นสีชมพูได้ขนาดนี้ เขาจึงเลิกที่จะใส่ใจมัน แล้วปล่อยให้มันเติบโตเอง วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า และแล้วสิ่งที่เขาคิด ก็เริ่มผิดพลาด เพราะว่านานไป จากที่เคยใส่ใจเป็นไม่ดูแล จากดอกไม้ที่เริ่มกลายเป็นสีชมพู ก็กลับมาเป็นสีเหลือง จากดอกที่เคยเบ่งบาน ก็เริ่ม เหี่ยวเฉา ร่วงหล่น ทีละใบสองใบ ชายคนนั้นตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่ามันเหี่ยวได้อย่างไร ถ้าเป็นแบบนี้แล้วพระเจ้าคงไม่ประทานพรให้ข้าแน่ ดังนั้น เขาจึงเริ่มกลับมาใส่ใจรดน้ำ ใส่ปุ๋ยให้มากขึ้น มากขึ้น กว่าเดิม เช้ารด กลางวันรด เย็นรด ดอกไม้ดอกนั้นก็เริ่มกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง แต่สิ่งที่ชายคนนั้นต้องการไม่ใช่ดอกที่เบ่งบาน แต่เป็นดอกที่มีสีชมพูต่างหาก เขาก็เริ่มเพิ่มน้ำ เพิ่มสารอาหาร เพิ่มปุ๋ย เพิ่มดิน เพิ่มทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคิดว่าจะทำให้ดอกกลายเป็นสีชมพูได้ วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ดอกไม้ก็เริ่มกลายเป็นสีชมพู แต่ว่า มันเริ่มจะออกแดงขึ้น แดงขึ้น เขาตกใจมาก ทำไมมันไม่ใช่สีชมพูหล่ะ ทำไมมันออกแดง ทั้งๆ ที่เขาทุ่มเวลาให้อย่างเต็มที่ทุกอย่าง แต่การที่เขาให้อะไรที่มากเกินไป มากเกินไป จนบางครั้งเขาคิดไปเองว่า การที่ให้อะไรที่มากเกินไป ดอกไม้ดอกนั้นจะกลายเป็นสีชมพู แต่หารู้ไม่ว่า มันเกินกว่าที่ดอกไม้ดอกนั้นจะรับได้ และในที่สุดดอกไม้ก็ตาย ชายคนนั้นเสียใจมาก เขาคิดว่า เขาได้โอกาสจากพระเจ้าที่ประทานความรักให้แล้วแท้ๆ แต่กลับไม่สามารถ ทำได้ เขาจึงกลับไปถามพระเจ้าว่า
“พระเจ้า ข้าดูแลเอาใจใส่มันเป็นอย่างดี แต่แล้วทำไมมันถึงยังไม่เปลี่ยนสี ให้ข้า แถม เมื่อข้ายิ่งเพิ่มความใส่ใจให้มันไป ไฉนมันถึงตายได้หล่ะ”
พระเจ้าได้ฟังดังนั้น จึงตอบกลับมาว่า
“ ถึงแม้เจ้าจะเอาใจใส่อย่างเอาเป็นเอาตาย ดูแลมันเป็นอย่างดี มันก็ไม่ได้ทำให้ดอกไม้ดอกนั้นกลายเป็นสีชมพูหรอก เนื่องจากเจ้ายังไม่เคยใส่ความเข้าใจให้กับมันเลย เจ้าไม่เคยเข้าใจมัน ว่าจริงๆ แล้ว ดอกไม้นั้นต้องการอะไร คิดอะไรอยู่ ไม่เคยเข้าใจมันเลยว่า ดอกไม้ดอกนั้นด้องการสิ่งใดมากน้อยแค่ไหน และไม่เคยใส่ใจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ของมัน แล้วมันจะเปลี่ยนสีให้เจ้าได้อย่างไร”
“จริงแล้ว ข้าอยากให้เจ้าเข้าใจความรัก ข้าใส่กลอุบาย ให้ดอกไม้ดอกนั้น ยังคงคิดถึงคนที่ดูแลคนเก่าของมัน เพราะคนดูแลเก่านั้นเข้าใจ ในจิตใจของมันจริงๆ”
“มันก็เหมือนกับความรักที่เจ้าพยายามค้นหา บางครั้งก็คาดหวังอะไรกับมันไม่ได้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้า คิดว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วแบบนี้แล้ว มันจะเป็นไปอย่างที่คิด แต่จริงๆ แล้ว ความรักมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ยากจะเอาแค่คำว่ารัก หรือการ ใส่ใจ แต่ไม่ได้เติมความเข้าใจให้ มันก็เหมือนกับการเติมน้ำที่มีรอยรั่ว เข้าไป เติมเข้าไป มันก็มีแต่รั่วออก รั่วออก เพราะเราไม่เคยเห็นว่าแก้วนั้นมีรอยรั่ว ซักนิด ถ้าเป็นแบบนี้แล้วเจ้าก็จะหาความรักที่แท้จริงไม่เจอเลย”
ชายคนนั้นได้ยินเข้า จึงคิดได้ว่า “ ข้าคงคิดผิดไปจริงๆ ที่ข้าลืมในสิ่งสำคัญที่สุด ข้าจะขอโอกาสจากท่านได้ไหม ในการแก้ตัว”
พระเจ้าบอกกลับมาว่า “มันหมดเวลาของเจ้า แล้วหล่ะ เจ้าไม่มีโอกาสจะแก้ตัวอีกแล้ว”
แต่ชายคนนั้นบอกว่า “ได้โปรด ข้าจะทำทุกอย่าง เพียงขอให้ได้กลับไปทำในสิ่งที่ข้าต้องการแก้ไข”
พระเจ้า จึงบอกว่า “ก็ได้ แต่เจ้าต้องรอมันนานหน่อยนะ หรือว่า เจ้าอาจจะไม่ได้พบในสิ่งที่เจ้าปราถนา
เลย เพราะสิ่งที่ข้าใส่เข้าไปกับดอกไม้ดอกนี้ คือความผูกพัน ดอกไม้ดอกนี้ เป็นดอกไม้พิเศษ ที่เคยเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู ให้กับเจ้าของคนก่อน ซึ่ง ผู้ดูแลคนก่อนนั้น ได้ดูแล มันเป็น พิเศษ จนยากที่จะหาใครมาทดแทนได้” ชายคนนั้นได้ฟังดังนั้นก็ได้เศร้าสลดใจ และเขาก็เริ่มรู้สึกหมดหวัง เขาจึงมุ่งหน้ากลับบ้าน และแล้วความเหงาก็ได้คืบคลานกลับมาหาชายคนนั้นอีกครั้ง วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ชายคนนั้นอยู่กินอย่างไม่เป็นสุข เขาเริ่มคิดถึงวันเวลาเก่าๆ ที่มีความสุขกับการดูแลดอกไม้ดอกนั้น เขาคิดไป 2 วัน 2 คืน ในที่สุด จึงได้ตัดสินใจ ว่าเขาจะเชื่อในหัวใจตัวเอง เขาจึงย้อนกลับไปหาพระเจ้าแล้วบอกกับพระเจ้าว่า
“ข้าไม่เคยเจอสิ่งที่ดีที่สุด ในชีวิตของข้ามาก่อน สิ่งที่ข้าได้ค้นพบ และเป็นสิ่งที่ข้ารู้สึกมีความสุข คือการที่ข้าได้ดูแลเอาใจใส่ดอกไม้ดอกนี้ ข้ารู้สึกผูกพันกับมันมาก ในวันที่ข้าเริ่มรดน้ำช่วงแรก ข้าก็ไม่ค่อยใส่ใจมันเท่าไหร่ แต่มันก็ยังบานออกให้ข้าชื่นหัวใจ เหมือนกับมันยิ้มให้ข้า บางวันที่มันเริ่มกลายเป็นสีชมพู ข้าก็ยิ่งดีใจ ในวันที่ข้าเหงาหัวใจ ก็มีดอกไม้ดอกนี้ที่คอยเบ่งบานดอกให้ข้าได้เชยชม ในวันนี้ข้าก็อยากจะดูแลมันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าดอกไม้ดอกนั้น ข้าจะไม่มีวันเลี้ยงให้มันกลาย เป็นสีชมพูได้ แต่ข้าก็อยากจะดูแลมันทดแทนกับความเหงาที่มันเคยมี จนกว่าเจ้าของคนนั้นจะกลับมาอีกครั้ง หรือว่า ดอกไม้ดอกนั้นจะลืมเจ้าของคนเก่าคนนั้นอย่างหมดสิ้นทั้งหัวใจ หรือว่าวันใดที่ มันเจอใครที่สามารถ ทำให้ดอกไม้ดอกนี้บานเป็นสีชมพูได้ ”
พระเจ้าได้ฟังดังนั้น จึงได้ประทานพรให้กับชายคนนั้นอีกครั้ง แต่ว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น มันเป็นแค่เมล็ดของดอกไม้ ซึ่งคล้ายเมล็ดถั่ว มันเล็กมาก จนแทบจะหาไม่เจอ พระเจ้าบอกว่า
“ข้าให้เจ้าได้เท่านี้แหละ มันเป็นแค่ 1 ใน 100 เท่านั้น ที่เจ้าจะสามารถปลูกมันให้กลับมาเป็นดอกไม้ได้ใหม่ แต่ข้าก็ไม่รับประกันนะว่า มันจะเติบโตหรือเปล่า หรือว่า มันจะบานออกเป็นสีอะไรให้เจ้า เจ้าอาจจะต้องรอเป็นปี 10 ปี ในการปลูกมันให้ โต เป็นสีเหลือง และอาจต้องรออีก 10 ปีในการทำให้มันเป็นสีชมพู หรือว่าในชีวิตนี้เจ้าอาจจะไม่ได้เห็นมันเป็นสีชมพูให้เจ้าเลย เจ้าจะรับไว้หรือไม่”
ชายคนนั้นฟัง แล้วบอกว่า “ข้ามาที่นี่ อีกครั้ง ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่า ข้าจะมาเพื่อดูแลมัน ข้าอยากขอบคุณท่านที่ได้ให้โอกาสกับข้า ถึงแม้ว่าข้าจะรอนานแค่ไหน ข้าก็จะรอมันข้าจะพยายามปลูกเมล็ดพันธ์เมล็ดนี้ให้กลายเป็นดอกไม้ที่งดงามให้ได้ และถ้าเจ้าของตัวจริงเขากลับมา หรือมีใครดูแลมันได้ ข้าก็จะไป แค่ได้เห็นดอกไม้ดอกนี้บานอีกครั้ง ข้าก็ดีใจ ข้าก็ได้แต่หวังไว้ลึกๆ นะว่า วันหนึ่งดอกไม้ดอกนี้มันจะบานเป็นสีชมพูให้ข้าบ้างซักนิด ”
สุดท้ายตอนจบของเรื่องนี้ เราก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้จะทำให้ดอกกลายเป็นสีชมพูได้ไหม แต่ชายคนนี้ก็ได้ตัดสินใจรอ คงเปรียบเสมือนกับดอกไม้ดอกนั้นที่เฝ้ารอคนดูแลคนเก่า ว่า เขาจะกลับมาดูแลกันอีกครั้ง
ผลงานอื่นๆ ของ highbury ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ highbury
ความคิดเห็น