CastleVania - CastleVania นิยาย CastleVania : Dek-D.com - Writer

    CastleVania

    ณ ปราสาทแห่งหนึ่ง ~!!

    ผู้เข้าชมรวม

    223

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    223

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    -1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ส.ค. 49 / 12:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Castle Vania : Curse Of Lineage

      1.The Foreword

      ท่ามกลางความมืดมิดในยามรัตติกาลของค่ำคืนหนี่ง ปรากฎเงาของชายผู้หนึ่งขึ้นมาในความเงียบสงัดของป่าที่อยู่เลยจากตัวเมืองออกมามาก คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงและถ้าสังเกตเดีๆจะเห็นว่ามีขนาดใหญ่กว่าปกติ สิ่งแสงสีเหลืองนวลออกมาอย่างเจิดจ้า เป็นแสงส่องทางเพียงอย่างเดียวที่ชายผู้นั้นมีอยู่ เขาเริ่มต้นออกวิ่งอย่างรวดเร็วขนาดที่คนปกติไม่สามารถวิ่งได้ขนาดนี้เหลือไว้เพียงแต่เสียงสายลมที่กระทบกับกิ่งไม้เป็นระยะๆ
      โดยไม่แสดงท่าทีที่บ่งบอกว่าเหนื่อยออกมาเลยจนในที่สุดเขาจึงได้หยุดขาของเขา ทางข้างหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน
      ขนาดที่ตึกที่สูงที่สุดในโลกยังไม่สามารถเมียบได้ เขาได้มองลงไปเบื้องล่าง ช่างเป็นภาพที่แลกประหลาดอะไรอย่างนี้ ข้างล่างนั้นเป็นแม่น้ำสายหนึ่งขนาดกว้างไหลยาวออกมาจากหุบเขาอีกฟากของหน้าผานี้ และติดกำแม่น้ำ
      ก็ปรากฏปราสาทหลังหนึ่งขึ้นมา เป็นปราสาทที่สูงใหญ่จนเป็นที่สะดุดตาของธรรมชาติรอบๆ อีกทั้งความสวย
      งามของมันแล้ว และถ้านับดีๆจะพบว่ามียอดปราสาทถึง 13 แห่ง เรียงรายกันอย่างงดงาม เขาก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปข้างล่าง ร่างของเขากลายเป็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างขนาดพอเหมาะ สีดำ พุ่งตรงไปยังประตูปราสาท
      และกลับร่างเป็นดังเดิม ตอนนี้ ที่นี่มีแสงสว่างเพียงพอ จึงเห็นว่าเขาเป็นชายรูปร่างสูง ผอม หล่อและตัวขาวซีด
      ราวกับไม่มีชีวิต เขาตะโกนด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วบริเวณว่า “ข้ามาแล้ว ราชาแห่งความมืดมิด เซลลอส ฮะซาต
      จงออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้ จงมาทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้แก่พวกพ้องซะเถิด” ว่าแล้วก็เกิดแสงสีดำเป็นวงกลม ปรากฏ
      ขึ้นต่อหน้าชายผู้นั้น วงกลมนั้นพร้อมที่จะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไปไม่เว้นแม้แต่แสงจากคบเพลิงหน้าประตู แต่ชายคนนั้นกลับไม่มีท่าทีอะไรแสดงออกมาเลย กลับยืนนิ่งอย่างไม่หวาดหวั่น และทันใดนั้น ก็มีบุรุษ
      อีกผู้หนึ่งออกมาจากหลุมวงกลมนั้น “ หึหึ ข้ารู้ว่ายังไงเจ้าก็ต้องมา ” ชายผู้นั้นพูด เขาเป็นคนร่างกายสูงใหญ่ไม่แพ้กัน และสวมหน้ากากสีเงินมันวาวไว้ พร้อมกับชุดผ้าคลุมสีดำขนาดใหญ่ “เจ้าจะบอกยังไง
      ข้าก็ไม่สนหรอกนะ ข้ามาที่นี่เพื่อมาตามล่าเจ้า ผู้สร้างความโกลาหลแก่ ดาวดวงนี้ เซลลอส” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างน่าขำอะไรสิ้นดี อย่างข้าน่ะหรือจะโดนคนอย่างเจ้าจัดการง่ายๆ”เซลลอสพูด ทันทีทันใดหลังจากสิ้นประโยคชายคนแรก ได้หายไปแล้ว อุ้บ!! เซลลอสร้องขึ้นมา เขาเห็นร่างของชายคนแรกปรากฏอยู่ข้างหลังพร้อมกรงเล็บที่พร้อมจะฉีกทุกสิ่ง “หึ หึ หึ ข้าไม่ได้เห็นเลือดตัวเองมานานมากแล้วนะ ถ้าข้าจำไม่ผิดก็ไม่ต่ำกว่า3000ปีแล้ว ข้าจะตอบแทนให้เจ้าแน่นอน” พร้อมกับหลุมวงกลมจำนวนมากพุ่งเข้าหา ชายคนนั้น “ฮ่า ฮ่า เจ้าหนีมันไม่พ้นหรอก มันดูดได้กระทั่งแสงสว่างเชียวนะ” “หึ นี่คือสิ่งที่เจ้าแลกมากับการหักหลังพวกพ้องเชียวรึนี่” ชายคนนั้นพูดพร้อมกับ กลายร่างเป็นหมอกสีขาวลอยหนีออกจากหลุมวงกลมพวกนั้น แต่ไม่ทันไรเขาก็ต้องกลายเป็นอย่างเดิมเมื่อ
      เซลลอส พูดอะไรยางอย่าง และพุ่งเข้าโจมตีชายคนนั้นด้วยอะไรบางอย่างสีดำรอบๆมือของเขา จนในที่สุด
      ชายคนนั้นล้มลงไปฟุบกับพื้น “แก..ก...ไ...ไม่..น่..น่า...เชื่..อ.....ว่า...จ..จะ....ทำ....ขนา...ด.ดด..นี้...” “ไงละ
      อย่าดูถูกสิ่งที่ข้าใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตทุ่มเทมาเชียวนะ” เซลลอสพูดขึ้น “เอาละ ข้าไม่มีเวลามายุ่งกับเจ้าอีกแล้ว
      ข้ายังมีอะไรต้องทำอีกมาก ลาก่อน เจ้าชายแห่งรัตติกาล เซด้า ไดมอนนิค” พร้อมกับร่าบคาถาบางอย่าง ซึ่ง
      ว่งผลให้เกิดวงกลมสีดำขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง10เท่าขึ้น ทันใดนั้นก็มีแสงอะไรบางอย่างพุ่งมาหาเซด้าและทำ
      ให้ร่างของเซด้าหายไปในทันที”
      2.Welcome


      ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเซด้า กลับเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง เขาลืม

      ตาขึ้นอย่างช้าๆ และพบว่าตัวเองได้อยู่ภายในห้องๆหนึ่ง มันเป็น

      ห้องเล็กๆแต่ถูกตกแต่งด้วยของแปลกๆจนดูสวยงามในทีเดียว “ยินดี

      ต้อนรับกลับสู่ทรานซิลวาเนีย ครับ” เสียงๆหนึ่งพูดขึ้นจากมุม

      ห้อง “เป็นไงบ้างครับหลับสบายดีไหม”เสียงนั้นถามต่อ เซด้าได้หัน

      กลับไปทางต้นเสียง แต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า “ช่างเป็นการพ่าย

      แพ้ที่น่าเจ็บใจจังเลยนะครับ”เสียงนั้นดังมาจากทางด้านหลังของเซ

      ด้า “เอาละเลิกเล่นได้แล้วชั้นรู้ว่าเป็นนาย ไชนิ่ง” เซด้าพูดขึ้น ทันใด

      นั้นก็ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งออกมาตรงข้างหน้าเขา เป็นชาย

      ร่างผอมสูงผมสั้นดูเรียบร้อยกว่าเซด้ามากและยังดูอ่อนกว่าเขาอีกด้วย
      “ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณจึงไปที่นั่นได้ จะกรุณาบอกผมทีได้ไหม

      ครับ” “ชั้นต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามนายมาก

      กว่า ไชนิ่ง นายก็รู้ว่าชั้นไปที่นั่นทำไมนี่” เซด้าโต้กลับ “แต่คุณก็ควร

      ที่จะบอกพวกเราบ้างนี่ว่าจะไป จะได้เตรียม

      การช่วยเหลือคุณให้พร้อมกว่านี้” “นายก็คงรู้ว่าที่นี่เองเขาไม่ค่อย

      ชอบชั้นกันซักเท่าไรหรอก” เซด้าพูด “อย่างน้อยก็ผม...คุณก็รู้ ผมอยู่ข้างคุณเสมอนี่นา” “เอาเหอะ..มันผ่านไปแล้ว เอาไว้คราวหน้าละกัน” “และ...อีกอย่าง
      ชั้นยังไม่รู้เลยว่าที่นี่มันเป็นที่ไหน” ไชนิ่งตอบอย่างเต็มภาคภูมิว่า “ศูนย์กลางใหม่ของพวกเราครับ ผมเป็นคนเสนอไปเอง เพราะว่าที่เก่าเมื่อเดือนก่อนถูกพวกนักล่าทำลายไปเกือบหมดแล้ว” “มีใครเสียชีวิตบ้างไหม”เซด้าถาม “ก็โดนไปมากเหมือนกันแหละคับ ตอนนี้ได้ส่งพรรกพวกที่เหลืออยู่ไปรวบรวมคนอื่นๆรอบโลกแล้ว คิดว่าคงไม่เกิน2อาทิตย์นี้แหละจะมารวมกันครบ พวกเราตั้งใจจะเปิดศึกกันภายในไม่เกินสิ้นปีนี้แล้ว” “อืม..ก็ดี อย่าให้เวลาที่เรามีอยู่เสียเปล่า ตอนนี้เซลลอสมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อ10ปีก่อนนี้มากเลยล่ะ ไม่นานมันก็คงจะทำสิ่งนั้นเสร็จสมบูรณ์แน่ๆ” “อืม..ครับถ้าพร้อมเมื่อไรผมจะติดต่อคุณอีกทีละกัน ว่าแต่..ตอนนี้คุณอยากออกไปข้างนอกนี้รึยังหละ”เหมือนกับรู้คำตอบ ไชนิ่งลุกขึ้นนำหน้าเซด้าไปที่ประตูทันที เซด้าไม่พูดอะไรได้แต่เดินตามไชนิ่งออกไปข้างนอก มันเป็นสถานที่ๆดูเก่าแก่มากทีเดียว “ที่นี่มันอยู่ส่วนไหนของทรานซิลวาเนีย” เซด้าถามขึ้น “ก็เป็นโบสถ์ใต้ดินแหละครับ ผมดูรอบๆแล้วคิดว่าน่าจะเป็นของพวกบาบิโลนที่ทิ้งเอาไว้ ที่จริงพวกนี้ก็ชอบเหลืออะไรแปลกๆไว้ตามที่ต่างๆอีกมากเลยแหละครับ”ไชนิ่งตอบ ขณะนั้นทั้ง2มาหยุดอยู่ที่ประตูขนาดใหญ่ ไชนิ่งพูดอะไรบางอย่างออกมา ทันใดนั้นประตูก็เปิดขึ้น “ใช้คาถาในการเปิดปิดประตูแล้วหรอกเนี่ย”เซด้าพูด “ก็ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนที่โดนทำลายไปแหละครับ พวกผู้ใหญ่เขาก็เลยระวังกันมากขึ้น” ข้างในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่
      มีผู้คนจำนวนมากทำงานกันอยู่ “หวัดดีเซด้า ไม่เจอกันนานนะ”ชายคนหนึ่งทักขึ้นและก็เดินจากไป ระหว่างที่ทั้ง2เดินต่อไปเรื่อยๆก็มีเสียงทักมากขึ้นทุกขณะ “ไม่เจอกันนานเลยนะ” คราวนี้เป็นเสียงผู้หญิงเอ่ยขึ้น เซด้าหันไปดูก็พบ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถ้าเทียบกับมนุษย์ก็คงอายุราวๆ18 เธอเป็นคนสวย น่ารักไว้ผมยาวถึงหลัง “อืม สวัสดี ยูกิ
      ชั้นคิดว่าเธอไปแล้ววะอีกนะ” เซด้าตอบกลับ “ก็ไม่อยากอยู่หรอกนะ แต่ดันโดนนายนี่จับตัวมาไว้นะสิ”ว่าแล้วก็ค้อนหน้าใส่ไชนิ่งที่ได้แต่ยืนยิ้มอยู่ “ชั้นคงต้องไปแล้วนะ ยังมีอย่างอื่นต้องทำอีกมาก แล้งเจอกันใหม่ละกัน” เซด้าโบกมือลายูกิ ซึ่งเธอก็ยืนยิ้มให้เขาแล้วหันไปทำงานต่อ “ผมว่า เธอดีกับคุณมากที่สุดแล้วนะ ในนี้อ่ะ” ไชนิ่งบอกกับเซด้า “นี่ๆผมมีอะไรจะให้ดู ผลงานล่าสุดของเอลสัน” ว่าแล้วก็หยิบอะไรกลมๆบางอย่างที่อยู่บนโต๊ะของชายแก่คนหนึ่งที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการประดิษฐ์อะไรบางอย่าง “อะไร” เซด้าถาม “เป็นที่บรรจุพลังชนิดใหม่ล่าสุด ข้างในมีความมืดอยู่เต็มเปี่ยม สามารถทนต่อแดดได้นานกว่านายรุ่นเก่าได้ถึง10ชั่วโมงเชียวนะ” “อืม ใช้ได้นี่” “เอาล่ะครับเราไปกันต่อเหอะ พวกผู้ใหญ่อยากพบคุณมากแล้ว เดี๋ยวเขาว่าเอาไม่รู้นา” ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินกันต่อจนถึงรูปปั้นปีศาจสีดำสนิท “ตัวอะไรเนี่ย” เซด้าถาม “อ๋อ! มันเป็นลูกผสมระหว่างกากอล์ย กับมนุษย์หมาป่าน่ะครับ เราก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันยังไงดีเหมือนกัน” ว่าแล้วเขาก็ใช้เล็บกรีดนิ้วตัวเองให้เลือดหยดไปบนฝ่ามือของรูปปั้น ทันใดนั้นรูปปั้นก็ขยับราวกับมีชีวิต มันกระโดดออกจากแท่นที่มันยืนอยู่ จึงพบว่ามีทางเข้าอยู่ใต้เท้าของมัน“เอาละไปกันได้แล้ว”ไชนิ่งไม่รอช้ารีบลงไปในช่องนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งคู่ลงไปหมด ปีศาจหินก็กระโจนลงมายังที่เดิมของมัน “ประตูเลือด...เดี๋ยวนี้ทำไมใช้แต่ของแปลกๆกันเต็มไปหมดนะที่นี่” ข้างในเป็นบันไดวนลงไปแทบมองไม่เห็นข้างล่าง เขาใช้เวลากันเกือบ10นาทีกว่าจะสุดทาง “พวกนี้ก็เข้าใจคิดกันจิงเลย เอาที่นี่มาเป็นที่ประชุม” ไชนิ่งบ่นออกมา และมาหยุดอยู่ข้างหน้าประตูเหล็กที่ถูกสลักด้วยอักขระต่างๆที่อ่านไม่ออก “เข้าไปกันเหอะครับ” ทั้งคู่เปิดประตูและก้าวเดินไปข้างใน มันเป็นห้องวงกลมขนาดพอเหมาะ มีแสงสว่างอยู่พอเห็นอะไรเป็นลางๆแต่สำหรับพวกเขาก็ถือว่าชัดเจนทีเดียว “ยินดีต้อนรับ เซด้า ไดมอนนิค” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นจากกลางห้อง เขาจึงเงิยหน้าดูและพบว่าข้างหน้าเขา มีโต๊ะเรียงรายกันอยู่แบบโต๊ะพิพากศาของพวกมนุษย์ เจ้าของเสียงเป็นคนแก่ผมสีขาว ใส่ชุดหรูหราสีแดงดำ “ครับ”เซด้าตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น “เรามีอะไรอยากให้คุณดู คุณคงทราบเรื่องเมื่อเดือนก่อนแล้วนะ ...เอาตัวมา!” เขาสั่งคนๆหนึ่งในห้องและก็พูดต่อว่า “เราได้จับพวกนักล่าคนนึงได้ คิดว่าคุณคงอยากจะคุยกับเขานะ” แล้วชาย2คนก็ได้พยุงร่างของคนๆหนึ่งมาจากหลังห้อง เซด้าเริ่มสังเกตุหน้าตาของเขา และพูดออกมาว่า “เออเนส!”

      3.New Adventure
      เซด้าเรียกชื่อชายที่ถูกนำตัวมา เขาเป็นชายผมสีแดงยาวเหมือนผู้หญิง สวมแว่นตาที่ดูจะแตกร้าวไปมากแล้ว อยู่ในสภาพหมดกำลังไร้เรี่ยวแรง “นี่...ทำไมคุณถึงจับตัวเข้าได้” เซด้าถามอย่างร้อนรน “เราพบเขาบาดเจ็บอยู่ในโซน2 ตอนที่ส่งทีมช่วยเหลือไปช่วยผู้รอดชีวิต” ชายแก่ตอบอย่างเย็นชา “นายเป็นยังไงบ้าง เออเนส” เซด้าเข้าตรงไปยังชายที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงคนนั้นแต่เขาก็ยังพยายามเงยหน้าขึ้นมามองดู “หืม..เซด้า..นายเองใช่มั้ย..ไม่ได้เจอกันนายเลยนะ” เขาพูดอย่างคนไม่มีแรงจะพูด “นายคงอยากคุยกับเขามากใช่ไหมล่ะ เราได้ซักถามถึงข้อมูลของพวกมันมาหลายรอบแล้วแต่มันก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เอางี้ ชั้นจะให้นายอยู่กับเขาตามลำพังละกัน” “ขอบคุณมากครับ” เซด้ารีบพูดทันควัน ในขนะที่ชายชราเดินออกไปจากห้องและคนอื่นๆรวมทั้งไชนิ่งก็ตามไปด้วย .ทำไมนายถึงถูกจับได้ล่ะ ชั้นไม่นึกว่านายจะทำได้แค่นี้” เซด้าเอ้ยถามขึ้นมา “หึ...เอาเหอะ..มันเป็นความผิดพลาดของชั้นเองแหละ พวกนั้นไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะทำแบบนี้ มันแค่บอกกันในที่ประชุมลับว่าจะส่งกองกำลังไปตรวจสอบฐานทัพเก่าของพวกนาย”เขาพูดและอยุดไปสักพักและจะเริ่มพูดต่อแต่เซด้ารีบพูดขึ้นมาก่อน”เอาล่ะ นายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว พักก่อนเถอะ” “ไม่เป็นไรหรอ...กก.ก ชั้นรู้ดีว่ามาถึงขีดจำกัดแล้ว ชั้นจะบอกนายว่าเรื่องนี้ที่จริงแล้วมันมีม่านดำอยู่ ที่คอยชักใยเรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่ชั้นก็ไม่รู้ว่ามันคือใคร ที่ชั้นรู้ก็มีเพีย...คุ้ก!..” เขาสำลักเลือดออกมา “พอได้แล้วนายไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะชั้น” แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างของเออเนสได้ฟุบลงกับพื้น เซด้าเข้าใจดี และทำความเคารพเขาจากนั้นจึงเดินออกมาด้วยสีหน้าตึงเครียด “เป็นยังไงบ้างครับ” ไชนิ่งที่รอเขาอยู่หน้าประตูถามขึ้น “เขาไปแล้ว”เซด้าตอบ “อย่างนั้นหรือครับ” “อืมเราไปกันได้แล้วชั้นว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเรายังไม่รู้”ทั้งคู่เดินกลับจากบันไดวนอกกมายังที่เดิม(ตรงทางออกก็ยังต้องใช้เลือดในการเปิดประตูออกด้วย) “แล้วตอนนี้คุณจะไปที่ไหนต่อล่ะครับ”ไชนิ่งเอ่ยถามขึ้นมา “กรุงโรม” “อืมม..คุณตั้งใจจะไปหาพวกนักล่าหรือไงครับ ที่นั่นมันศูนย์ใหญ่ของพวกนั้นเชียวนาครับ” “ก็คงว่างั้นแหละ ชั้นตั้งใจจะไปหาพวกนั้น ไปถามหาข้อมูลอะไรบางอย่าง” “แต่คุณก็ควรระวังพวกDevelaหน่อยนะครับ จำนวนมันมากขึ้นทุกวันแล้ว ตอนนี้ทั้งโลกกำลังจับตาดูพวกมันอยู่อีกอย่างมนุษย์ทั่วๆไปก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเรามีอยู่หลายเผ่าพันธุ์ด้วยกัน ก็คงจะเหมารวมกันหมดแหละครับ” ไชนิ่งพูดระหว่างทางเดินขึ้นไปยังพื้นดิน “เอาล่ะผทคงมาส่งคุณได้เพียงแค่นี้แหละครับนี่มันเพิ่งจะ11โมงเช้าเอง คนอย่างคุณใช่ว่าจะมีให้เห็นบ่อยๆไปนี่”เขาเดินไปยังของชิ้นหนึ่งที่ถูกคลุมผ้าเอาไว้และเปิดมันออก มันเป็นยานพาหนะขนาดพอดีคนที่คนทั่วไปเรียกว่ามอเตอร์ไซด์ “สิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคอีกอย่างของเอลเลอร์ วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง700กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญ มันวิ่งได้ด้วยพลังจากผืนโลก” เซด้าเดินไปจับเจ้าสิ่งนั้นมันเป็นรถที่ดูล้ำยุคอยู่เหมือนกันประกอบกับสีดำของมันยิ่งดูสวยเข้าไปใหญ่ “6ไอพ่น 9เกียร์ ทนความร้อนถึง1000องศา”ไชนิ่งพูดและโยนกุญแจรถให้กับเซด้า “อืม ขอบคุณมากสำหรับเจ้าสิ่งนี้ เอาไว้ชั้นได้ข้อมูลอะไรก็จะติดต่อนายทันทีเลยละกันนะ ไปละ” เซด้าบอกลาไชนิ่งและออกตัวด้วยความเร็วสุดจะพรรณา วิ่งตรงไปยังสุดขอบเมืองภายในไม่กี่นาที

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×