คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : - THE FOX - | H B D LEE DONGHAE | (1/2)
THE FOX
TALK : มันมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านนานแล้วแถมอ่านไม่จบด้วยเพราะไม่มีแปลไทย
ค้างๆคาๆในความรู้สึกเอามาแต่งเป็นเฮอึนเล่นดีกว่า แถมถือว่าสสวก.คุณ อี ทงเฮก ของฮยอกแจด้วยเลยละกันเนอะ
อ่านได้ไม่ได้ยังไงก็บอกได้นะ
ออกแนวพีเรียตนะ นึกถึงสภาพบ้านนอกๆริมป่าริมเขา ถนนมืดๆ แสงไฟไม่ค่อยมีนะ
เรท 18+
คริสต์ศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย
ชายคาตึกเรียนที่เงียบสนิทเพราะใกล้พลบค่ำเต็มที ร่างโปร่งในชุดนิสิตสีซีดกอดหนังสือแนบอกพยายามชะเง้อมองหาใครบางคนแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว
อี ฮยอกแจ ถอนหายใจยาวๆ วันนี้ตรงกับเทศกาลดอกไม้ไฟใครบางคนที่บ้านรับทำดอกไม้ไฟคงไม่โผล่มาแน่
คิดแล้วก็น้อยใจ
ทั้งๆที่เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดแต่ใครคนนั้นก็เว้นระยะห่างกับเขาซะจนรู้สึกได้ แถมพักหลังชอบหายไปไม่บอกไม่กล่าว หรือไม่ก็ไม่พูดจาพาทีกับเขาซักนิดทั้งๆที่ยืนอยู่ต่อหน้า
นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดอยู่บนตึกกลางของวิทยาลัยตีบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรง ฟ้ามืดสนิทเสียแล้ว ร่างบางถอนหายใจยาวอากาศเย็นชื้นเพราะฝนเพิ่งหยุดตก ขาเพรียวย่ำลงบนพื้นแชะ ตัดสินใจจะเดินกลับบ้าน
ฟ้ามืด
กลิ่นดินโชยอยู่ในอากาศ กลิ่นฝนยังไม่จาง
วันนี้พระจันทร์เต็มดวงกลมสนิทลอยเด่นอยู่บนฟ้า
บ้านของฮยอกแจอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างจากวิทยาลัยประมาณสามกิโลได้ มันไม่ได้ไกลเกินไปสำหรับเขาที่เคยชินกับเส้นทางแต่มันคงน่ากลัวไม่น้อยสำหรับใครที่ไม่เคยมา เพราะรอบข้างเป็นป่าไม้สนเรียงรายพงหญ้าพงไผ่ขึ้นทัดกันไปเรื่อย ทั้งยังไม่มีแสงไฟอื่นใดส่องสว่างนอกจากพระจันทร์สีนวลบนฟ้านั่น
ฮยอกแจย่ำไปบนทางเฉอะแฉะนึกน้อยใจใครบางคนที่ทุกครั้งเวลามีฝนตกจะปั่นจักยานมารับเขาเพราะรู้ว่าฮยอกแจมักจะจมอยู่ในหอสมุดจนลืมเวลา แต่ช่วงนี้ไม่มี ไม่ใช่
อี ทงเฮ ชื่อของใครบางคน คนที่เปลี่ยนไปจนฮยอกแจยังรู้สึกได้ถึงมัน
ครืด.ด..ด..
!!!
เสียงดังขึ้นดังขึ้นด้านหลังทำให้ฮยอกแจชะงักฝีเท้า มองไปรอบกายทีมีเพียงต้นไม้พงหญ้าทึบๆและความมืด ยืนเงียบกวาดตามองหาสิ่งแปลกปลอมอยู่นานจนถอนหายใจออกมาบอกตัวเองว่าคงเป็นเสียงลม
ร่างโปร่งเร่งฝีเท้า
เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกออกไปแม้จะเคยชินกับเส้นทางเพราะใช้มาตั้งแต่เด็กยันโต แต่ก็รับประกันอะไรไม่ได้ว่ามันจะไม่อันตราย
.
.
.
กึก!
ขาเพรียวชะงักกึกเมื่อเงาบางอย่างผ่านร่างตนไปหวูบหนึ่งแล้วหายไป
“ใครน่ะ!?” ความมืดสลัวของป่าสนทำให้ไม่อาจมองเห็นได้ชัด รอบกายเงียบสนิททั้งที่ฮยอกแจมั่นใจแน่แล้วว่ามีบางสิ่งที่สะท้อนเงาพาดผ่านตัวเขาไปเมื่อกี้ มือเรียวกระชับหนังสือแนบอกแน่นกวาดสายตามองฝ่าความมืดอย่างหวาดหวั่น
กลัว
จิตใต้สำนึกมันบอก..ยิ่งคำตอบที่สะท้อนมามีเพียงความเสียงลมหวีดหวิวกับไม้ที่เสียดสีมันยิ่งทำให้ที่หยุดยืนอยู่ท่ามกลางอากาศชื้นหลังฝนตกนั้นกลั้นหายใจ
“ทงเฮใช่ไหม?” ยังนึกในแง่ดี อาจจะเป็นเพื่อนสนิทที่ตามมารับเขา
อึก... ร่างบางตัดสินใจเร่งฝีก้าวหนีบางสิ่งที่ไม่มีตัวตนจนตอนนั้น
“ย๊า!!!!”
พรึบ!
หนังสือ กระเป๋า ทุกอย่างกระจายตกลงบนพื้นแฉะ เอวเล็กถูกลำแขนแกร่งรั้งไว้พอกับปากที่ถูกมือหนาปิดสนิท ฮยอกแจดิ้นรนพยายามแกะแต่แรงมหาศาลนั่นทำให้เขาทำได้เพียงแค่ขยับกายวุ่นวายเท่านั้น
กลัว
ในอ้อมแขนที่ไม่รู้จักความกลัวมันกัดกินหัวใจ ฮยอกแจพยายามส่งเสียงและเอาตัวรอดแต่ปีศาจร้ายกับลากเขาจากด้านหลังให้เข้าไปในพงป่าผิดจากทางที่ถูกถางไว้สัญจร
ยิ่งไกล
ยิ่งมืด
อากาศยิ่งเย็น...
ฮยอกแจไม่อาจเห็นหน้าเขาที่กระทำการอุกอาจ แต่จากสิ่งที่สัมผัสได้มันคล้ายเวทมนต์บางอย่างที่สะกดให้เขาไม่อาจรอดพ้น
ปีศาจ...
ความเชื่อเก่าแก่เกี่ยวกับปีศาจที่ชนพื้นเมืองแถบนี้เล่าขาน แต่ฮยอกแจไม่เจอนึกจะใส่ใจจนวินาทีนี้
“อุก!” ร่างโปร่งถูกโยนกระแทกโคนต้นสนโดยมีร่างสูงใหญ่ของใครอีกคนยืนคร่อมอยู่เหนือร่าง ร่างบางเจ็บร้าวแต่พยายามมองหาช่องทางหนีรอด
ไกลจากถนน
“แกเป็นใคร?” เอ่ยถามอย่างหวาดหวั่น เห็นชัดว่าเป็นชายไม่ใช่หญิงสาวแน่จากรูปร่าง มันสวมชุดพื้นถิ่นเนื้อผ้าสีทึบเก่าๆที่ดูขลังและน่าเกรงขาม เขามองไม่เห็นหน้ามันเพราะความมืด
“ย๊า ปล่อยนะ ปล่อย!!!” ฮยอกแจตะกายหนีหากแต่แค่ก้าวเดียวก็ถูกปีศาจร้ายกระชากร่างทั้งร่างกลับมานอนจมโคลนแฉะๆใต้ต้นสนที่เดิม กลิ่นดินโชยใกล้จมูกมันนั่งคร่อมลงบนร่างเขาไม่พูดไม่จา
“เฮ้ จะทำอะไน เฮ้ อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!” ไม่มีคำตอบจากปีศาจร้าย เสียงคำรามบางอย่างในลำคอดังขึ้นขณะที่มันกระชากปลดเข็มขัดกางเกงของฮยอกแจ
ร่างบางตะลึงพรึงเพลิดไม่รู้ว่าตนกำลังจะเจอกับอะไร พยายามตะกายหนีทั้งถีบทั้งดันคนที่ทรงอำนาจเหนือตน
เพี๊ยะ!
หน้าเรียวสะบัดตาแรงตบ มุมปากแตกบอกถึงแรงฟาดไม่ยั้งของใคนคนนั้น ฮยอกแจพูดไม่ออกชาไปทั้งหน้า เขาปลดกางเกงฮยอกแจออกปลดแม้แต่กางเกงชั้นในจนไม่เปลยท่อนล่างไว้คลุมกาย
ฮยอกแจหนาวเหน็บ
บนฟ้าพระจันทร์ยังคงลอยเด่น
อากาศชื้นเย็น
เสื้อสีขาวที่แนบลงกับฟื้นโคลนเลอะเต็มไปด้วยดินแดง แต่บัตินี้กลับไม่มีใครสนมัน สิ่งที่หันเหความสนใจของชายหนุ่มได้ดีที่สุดที่ริมฝีปากของปีศาจร้ายตนนี้ที่ทาบทับแนบสนิทราวกับจะกลืนกินกลีบปากเขาลงไป รสเลือดแปร่งๆจากมุมปากทำให้ความรู้สึกประหลาดพุ่งสูงขึ้นมาตามริ้วเนื้อหนัง
ฮยอกแจเลิกดิ้นรนเพราะรู้แน่ว่ามันไม่มีประโยชน์
เขาปล่อยให้เงามืดสูงตระหง่านนั้นนำพาอารมณ์ด้วยเรียวลิ้นที่แตะลงบนผิวกายเขา ความดิบร้อนของสัมผัสทำให้ร่างบางดิ้นเร่าอยู่ภายใต้การครอบครองเขาปีศาจร้าย จากผลักไสกีดกั้นให้ห่างกายแปรผันเป็นรัดโอบรั้งร่อนให้ผิวกายเสียดชิดแนบนำไม่ห่าง
กลิ่นดินอยู่ที่ปลายจมูก สถานที่ไม่เหมาะควรแต่การกระทำแต่กลับปลุกบางสิ่งให้ตื่นขึ้นมาอย่าน่าประหลาด ฮยอกแจไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรแต่ทุกสัมผัสที่มือกร้านนั้นลากผ่านเขารู้สึกสะท้านและร้อนรุ่มไปหมด
โหยหา
กลายเป็นเขาเองที่ดึงรั้งอีกฝ่ายให้แนบชิด ชิด ....ใกล้จนได้ยินเสียงคำรามยามที่บางสิ่งแทรกซอนเข้ามาในร่างกายเขา
อ๊า...
เสียงร้องก้องป่าสนแต่มันกลับกลืนหายไปในสายลมอย่างรวดเร็ว บางสิ่งคับแน่นอยู่ในร่าง ฮยอกแจกรีดปลายเล็บลงบนผ้ากลิ่นอับของคนพื้นเมืองนั้น แผ่นหลังใหญ่ที่โอบกระชับยามที่แอ่นกายรับสัมผัสหนักหน่วง
เสียงคำรามของอีกฝ่ายอยู่ในลำคอ ไม่มีซักคำที่เอื้อยเอ่ย ไม่มีเสียงบ่งบอกความพอใจนอกจากเสียงขบกรามคล้ายอดกลั้นในบางสิ่ง ฮยอกแจไม่รับรู้อื่นได้นอกจากสิ่งที่เขาได้รับยามนั้น เขาเลยสนใจอากาศชื้นแฉะเสื้อที่เปื้อนโคลนหรือแม้แต่ท่อนขาที่เลอะไม่ต่างกัน ยามนี้เขามัวเมากับภาพพระจันทร์ที่มองเห็นกับสัมผัสร้อนเร้าของปีศาจร้ายที่สะกดเขาไว้ไม่ว่าจะด้วยมนต์คาถาหรืออะไรก็ช่าง
มันน่าหลงใหล
และน่าหวาดกลัว...แม้ยามหลับ หรือ ยามตื่น
........
...
..
ฟ้าเริ่มสว่าง
ร่างโปร่งปรือตามองไปรอบกาย
ป่าสน...
สิ่งแรกที่มองเห็นคือต้นสนที่บ่งบอกว่าเขาเองไม่ได้ฝันและมันเกิดขึ้นจริง ...
ร่างบางขยับกาย ท่อนล่างเย็นหวาบบนถึงผิวเนื้อที่สัมผัสกับอากาศโดยตรง
หายไปแล้ว...
มันที่ ‘ข่มขืน’ เขา .... หายไปแล้ว
ร่างโปร่งขยับพยุงกายที่บอบช้ำให้ลุกขึ้น ใบหน้าร้อนวาบขึ้นมาเมื่อรู้สึกที่ถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ภายในตัวเขา บางสิ่งที่ย้ำเตือนการมีตัวตนของใครคนนั้น
ฮยอกแจนั่งนิ่งเพื่อเรียกสติตัวเอง สมองเรียบเรียงเรื่องราวไม่ค่อยทันนักเมื่อทุกอย่างตีกันยุ่งเยิง
ในหัวมีแต่คำว่า.. ไม่มีแล้ว... ไม่อยู่แล้ว วนเวียน
สายตากวาดหาร่างใหญ่ที่เขาได้สัมผัสเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ไม่มี
ไม่มีเลย...
ร่างบางตัดใจ สภาพเขายามนี้มันอนาถจนสมเพชตัวเอง
ฮยอกแจเรียกสติตัวเองกลับมาเลิกมองหาอะไรบางอย่าง
เขาต้องกลับบ้าน...
แต่ก่อนจะลุกไปไหนได้มือก็ป่ายไปเจอกับบางสิ่งที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น...
.....หน้ากากหมาจิ้งจอก
เกือบปี
เกือบหนึ่งปีผ่านไปพร้อมกับการหายไปแบบไร้ร่องรอยตามตัวของใครบางคนในป่าสน ปีศาจที่ทิ้งหน้ากากหมาจิ้งจอกเอาไว้ในคืนวันเทศการดอกไม้ไฟ
ไม่ได้อยากจำ
แต่มันยากเย็นเกินกว่าจะลืมมันได้
แค่หลับตา ...แค่หลับตาลงสมองก็หวนนึกถึงสัมผัสหยาบโลนหื่นกระหายของปีศาจร้ายในความมืด มือใหญ่ที่ลูบไล้ไปทั่วร่าง ลิ้มชื้อที่สัมผัสกับส่วนอ่อนไหวของเขา
ร่างเล็กขยับมือไม่หยุด นอนงอตัวอยู่บนเตียงอุ่นภายในบ้านตนเอง
จิตใต้สำนึกบอกตนเองว่าอย่าลืมตา อย่าเพิ่งให้ความผิดชอบเข้ามาแทรกแซงอารมณ์ความต้องการในยามนี้
ร่างบางกัดฟันขยับมือถี่ยิบเพื่อปลดปล่อยความต้องการของตนเอง
อ๊า....
ของเหลวฉีดพ่นเปรอะมือสวยแต่ฮยอกแจไม่ได้ใส่ใจมัน ตากลมลืมขึ้นมองหลอดไฟหรี่บนเพดานด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
รับรู้ความจริง..
ความจริงที่ว่าไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ฮยอกแจใช้สำผัสเลวร้ายในคืนนั้นเพื่อสัมเร็จความใคร่ของตนเอง
ทุกครั้ง ทุกหน จะต้องเป็น ‘มัน’ อย่างที่ควบคุมไม่ได้
ละอายแก่ใจ อายที่รู้ว่าตัวเองฝักไฝ่ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องแต่ฮยอกแจก็ไม่อาจจะห้ามตนเองได้
ร่างบางเหวี่ยงผ้าห่มออกจาตัว พาร่างเปลือยเปล่าไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระคราบคาวบางอย่าง
วันนี้เป็นอีกวันที่เขาต้องไปวิทยาลัย
ปีสุดท้ายแล้วสำหรับการศึกษาแต่แทนที่ทุกอย่างจะดีขึ้นเพราะผ่านการเรียนมาได้จนขนาดนี้แต่สำหรับฮยอกแจมันแย่ลง
ทงเฮทิ้งเขา
เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขาจู่ๆปีที่แล้วก็ย้ายสาขาเอากลางเทอม ทิ้งเขาแบบไม่บอกกล่าว ไม่มีแม้แต่คำลา หรือจนทุกวันนี้ฮยอกแจก็ยังไม่ได้คุยกับทงเฮซักคำ
จู่ๆก็เปลี่ยนไปดื้อๆแบบที่ฮยอกแจเองก็ไม่เข้าใจ ตอนแรกๆก็พยายามจะไล่ตามถามข่าวแต่ดูจะเป็นตัวทงเฮเองที่ไม่อยากคุยกับเขาทั้งยังหลบหน้าสุดท้ายฮยอกแจจึงต้องยอมแพ้
จริงๆทุกอย่างมันควรจบตรงนั้นถ้าหากเทอมนี้การเรียนตัวสุดท้ายไม่ต้องเรียนรวมทั้งสาขาของเขาและสาขาของทงเฮ
การเจอกันอีกครั้งยิ่งทำให้ฮยอกแจข้องใจ เขาไม่เคยถามว่าทำไมทงเฮถึงเปลี่ยนไป
นึกโทษตัวเองว่าทำอะไรไม่ดีให้ทงเฮโกรธหรือไม่
แต่เปล่าเลยไม่มีซักอย่างที่ฮยอกแจคิดออก ไม่มีแม้แต่นิด
ฮยอกแจไม่อยากให้เรื่องของเขากับทงเฮจบแบบนี้ เพื่อนสนิที่สุดตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยของเขาตีตัวออกห่างกันแบบนี้มันไม่สนุกเอาซะเลย
ฮยอกแจเฝ้ากังวลเรื่อง เพื่อนรัก
แต่อีกเรื่องที่ฮยอกแจกังวลยิ่งกว่าเรื่องเพื่อนก็คือ ‘มัน’ คำถามที่ต้องการคำตอบยิ่งกว่าทงเฮโกรธอะไรเขาก็คือสิ่งที่เขาเจอในป่าสนนั้นมันคืออะไร
คน ปีศาจ หรือตัวอะไร?
หน้ากากหมาจิ้งจอกยังคงถูกวางไว้บนชั้นวางหนังสือและถูกหยิบขึ้นมามองทุกคราวที่เจ้าของห้องเผลอไผล
ใครกัน....
คำถามที่วนเวียนตลอดมาเกือบปี....
“ฮยอกแจ” เสียงตะโกนเรียกตามหลังตอนที่ร่างโปร่งหอบหนังสือออกจากหอสมุดวิทยาลัยที่กำลังจะปิดในเย็นวันนั้น
“อ่า ...คิบอม?” แปลกใจไม่น้อยที่เพื่อนต่างสาขามาทักเพราะปกติก็แทบไม่เคยคุยกัน รู้จักชื่อก็เพราะเคยเรียนร่วมก็เท่านั้น
“ฮยอกแจรีบรึเปล่า?” ร่างสูงวิ่งตามมาหยุดตรงหน้าเขา
“ไม่หรอกคิบอมมีอะไรรึเปล่า?”
“คืองี้ วิชาพฤษศาสตร์ที่เรียนร่วมน่ะเราไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วกลัวจะไม่จบเอา เราไปปรึกษาอาจารย์มาท่านบอกว่าฮยอกแจเก่งที่สุดในห้องให้ลองมาคุยกับฮยอกแจดู”
“อ่า ไม่ขนาดนั้นหรอก” ร่างบางถ่อมตน
“แต่ฮยอกแจเป็นความหวังของเราเลยนะ คือยังไงช่วยเราหน่อยสิ” คิบอมเอ่ยอย่างอ้อนวอนครั้นร่างบางจะเอ่ยปากปฎิเสธเพราะไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับใครก็นึกเกรงใจจึงได้แต่ยิ้มแหยๆให้อีกฝ่าย
“แล้วคิบอมจจะให้เราช่วยยังไงหรอ?”
“ก็ช่วยสอนพิเศษเราหน่อยขอเข้มๆ ใกล้สอบปลายภาคแล้วด้วย” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มเจ้าสเน่ห์
“อ่อ แล้วจะให้เริ่มเมื่อไหร่ละ”
“อืม พรุ่งนี้ได้ไหมแต่พี่บ้านเราไม่ค่อยว่างคนเยอะเลยเราไปเรียนตอนเย็นที่บ้านฮยอกแจได้ไหมให้เราจ่ายค่าสอนก็ได้นะ เรารบกวนไปรึเปล่า?”
“ไม่ต้องหรอกแค่นี้เอง แต่เราต้องอ่านหนังสือเหมือนกันเอาเป็นว่าเราจะสอนคิบอมให้ถึงหนึ่งทุ่มละกันนะ”
“อืม ฮยอกจะอยู่ที่หอสมุดตอนเย็นใช่ไหมละงั้นเราเจอกันที่หอสมุดแล้วค่อยไปบ้านฮยอกแจละกัน” คิบอมสรุป
“อ่า ตามใจนาย”
“งั้นลงไปกันเถอะฟ้าจะมืดแล้ว” คิบอมเอ่ยชวนเมื่อมองออกไปนอกอาคารเรียน “ฮยอกแจกลับค่ำแบบนี้ทุกวันเลยหรอ?”
“อืม ก็ปกติของเรานะ”
“ขยันจังเลย” คิบอมเอ่ยชม ร่างบองก้มมองสองเท้าที่เก้าเดินอย่างจดจ่อเหตุผลหนึ่งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทำไมตนถึงกลับบ้านค่ำทุกวันมันไม่ใช่เหตุผลของการเรียนเลยแต่เพราะเขาอยากเจอบางสิ่งอีกครั้งต่างหาก
เขาใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อ
“งั้นเราไปส่งฮยอกแจดีกว่า” คิบอมเอ่ยปากอย่างมีน้ำใจ
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอกเรากลับเองจนชินแล้วคิบอมกลับไปเถอะ”
“ได้ไงกัน แค่นี้เองเรามีจักรยานมาดีกว่าเดินนะ ถือว่าขอบคุณที่ฮยอกแจตกลงช่วยเราไง” คิบอมไม่ยอมตามฮยอกแจทั้งยังเสนอทางที่ฮยอกแจได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้
“อ่า...”
แก๊ก!!
ทั้งสองสะดุ้งหันพรึ่บไปยังที่มาของเสียง ร่างหนาของใครบางคนกำลังย่ำห่างออกไปจากพวกเขาด้วยความเร็วที่เรียกได้ว่าเจ้าตัวคงรีบมาก
“นั่นทงเฮนิ” คิบอมเอ่ยทักมองตามใครบางคนที่เดินทิ้งห่างออกไปแบบไม่ชายตาแลพวกเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ฮยอกแจเป็นเพื่อนกับทงเฮใช่ไหม?” คิบอมหันมาถามเพราะจำได้คับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน
“อื้อ”
“แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ไปด้วยกันแล้วละ?”
“ก็ยุ่งๆละมั้ง ทงเฮก็ย้ายสาขาไปสาขาเดียวกับคิบอมนี่” ฮยอกแจเลือกจะโกหก
“อือ แต่หมอนั่นน่ะแปลกๆนะ มาเรียนสาขาเราพวกเพื่อในสาขาแถบจะไม่เคยคุยด้วยเลยเจอหน้าแค่ตอนเรียนแค่นั้นแหละทำตัวลึกลับสุดยอด”
“งั้นหรอ” ร่างบางรับฟังหันมองไปตามทางเดินที่เมื่อกี้มีใครอีกคนเดินอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ไม่ได้คุยกันแต่สำหรับฮยอกแจนั้นเขาตัดทงเฮไม่ขาดเลย เขายังคงห่วงอีกฝ่ายอยู่เสมอและอยากจะทวงถามความผิดของตัวเองว่าทำอะไรให้ทงเฮไม่พอใจหรือไม่
คิบอมรับฮยอกแจซ้อนจักรยานและพาขี่ไปตามทางสลัวๆ ยังดีที่จักรยานมีหม้อแบตสำหรับจ่ายไฟหน้ารถให้พอขี่ฝ่าความมืดมิดไปได้บ้าง
จนถึงบ้านฮยอกแจจำไม่ได้ว่าเพื่อนใหม่ที่จะมาเป็นลูกศิษย์เขาในวันพรุ่งนี้เอ่ยปากบอกลาว่ายังไงบ้าง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคิบอมเข้าบ้านเขามาหรือว่าจอดให้เขาลงแล้วกลับไปเลย
ในหัวนึกวนเวียนถึงแผ่นหลังของใครบางคนที่เดินหลีกห่าง
อกซ้ายมันกระตุกหวูบ
คำถามมากมายที่ไม่เคยมีคำตอบ
ฮยอกแจอยากรู้....
..............
......
...
รางบางเหวี่ยงกระเป๋าเรียนและหนังสือลงบนโต๊ะกลางบ้านก่อนจะออกวิ่งแบบไม่เหลียวหลังเพื่อไปหาใครบางคน
ใครบางคนที่ไม่ได้คุยกันนานเหลือเกิน
บ้านทงเฮเป็นร้านขายของชำและรับจ้างทำพวกดอกไม้ไฟ ที่นี่จึงประดับประดาด้วยผ้าแทบสีสันต์เพื่อเรียกคนเข้าร้าน
ร่างบางยืนมองประตูหน้าบ้านของเพื่อนสนิทที่ตนเองเคยคุ้นเป็นอย่างดีก่อนหน้านี้
“พ่อครับ” ร่างบางเอ่ยเรียกชายชราที่กำลังจะปิดหน้าร้าน
“อ้าวฮยอกแจ มาหาทงเฮรึไง?”
“ครับพ่อ”
“อยู่ในห้องน่ะ ไปสิ” บิดาทงเฮไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนไปในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าฮยอกแจไม่ได้มมาบ้านเขานานเท่าไหร่แล้ว
“ขอบคุณครับ”
ร่างบางเดินขึ้นชั้นสองของบ้านอย่างชำนาญก่อนจะหยุดเท้าอยู่หน้าห้องของใครบางคนอย่างชั่งใจ มือเรียวยกขึ้นหมายจะเคาะแต่ก็เปลี่ยนใจเป็นผลักเข้าไปแทน
!!!!!
ร่างสูงที่กำลังปลดเสื้อตัวเองชะงักกึกหันมามองผู้บุกรุกอย่างไม่เชื่อสายตา
“มาทำไม?” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามคนเป็นเพื่อน ฮยอกแจยืนแนบประตูก้าวขาไม่ออก ตอนนี้เห็นทงเฮยืนอยู่ตรงหน้าแต่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา
กลัว
ไม่รู้ทำไมแต่ฮยอกแจกลับรู้สึกกลัวทงเฮ
“ถ้านายไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเถอะ” เสียงเข้มเอ่ปากอย่างเย็นชาก่อนจะเลี่ยงไปนั่งหันหลังให้ร่างบางที่โต๊ะหนังสือทำทีไม่สนใจคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องตนทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาร่วมปี
“ฉ...ฉันไม่เอาแบบนี้นะทงเฮ” ร่างบางเอ่ยเสียงเครือ ทงเฮนิ่งไปแต่ยังไม่ยอมหันกลับมามองหน้ากัน
“ฉันทำผิดอะไร ทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้” ฮยอกแจทวงถามสิ่งที่คาใจเดินเข้าไปใกล้อยากจะเอื้อมมือแตะตัวอีกฝ่ายแต่ทงเฮลุกหนีกก่อนจะหันมาประจัญหน้า
“จะเรียนจบแล้วนะฮยอกแจ เลิกใส่ใจเรื่องไร้สาระเถอะ” เขาเอ่ยอย่างไม่ใยดีจนน้ำตาหยดน้อยไหลลงอาบหน้าเพื่อนสนิท
ฮยอกแจคงเป็นเรื่องไร้สาระของทงเฮสินะ
“เรื่องของทงเฮไม่ใช่เรื่องไร้สาระสำหรับเรา เราอึดอัดแค่ไหนช่วงที่ผ่านมาทงเฮไม่รู้สึกเลยหรือไง เรื่องของเราความรู้สึกเราคงไร้สาระมากสินะ”
“....” ทงเฮไม่มีคำตอบให้คำถามพวกนั้นเขาเลือกจะเบือนหน้าหนีดวงตากลมที่เอ่อไปด้วยน้ำตา
“นายก็สบายดีนี่ฮยอกแจ ฉันเองก็ปกติสุขดีไม่เห็นมีใครเป็นอะไร”
“เป็นสิ! ฉันเป็น ฉันไม่มีความสุขซักนิด ฉันเคยคิดว่านายจะอยู่เคียงข้างกัน ฉันเคยไว้ใจแต่สุดท้ายวันที่ฉันต้องการนายมากที่สุดนายก็หายไป หายไปแบบไม่มีเหตุผลให้ฉันได้รู้เลยว่ามันเพราะอะไร” ประโยคยาวเหยียดกบั้วเสียงสะอื้นจนคนฟังได้แต่เม้มปากแน่น
“นายก็เลิกคิดซะสิ กลับไปได้แล้ว” ทงเฮไล่
“ทำไม นายไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนนายแล้วใช่ไหม?”
“....คิดซะว่าเราไม่เคยเป็นเพื่อนกัน”
!!!!
“ทงเฮ!” ฮยอกแจมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อหู อี ทงเฮ ใจร้ายกับเขาเหลือเกิน
ใจร้ายที่สุด
ร่างบางวิ่งออกมาจากห้องนั้นอย่างไม่รั้งรออะไรอีก เจ็บเหลือเกินกับคำพูดไม่ใยดีของเจ้าของห้อง
เจ็บกับคำตัดสัมพันธ์ของเพื่อน
ยอมรับว่าวันที่เลวร้ายที่สุดหลังจากตื่นมาในป่าสนฮยอกแจอยากเจอทงเฮ อยากให้ทงเฮอยู่ข้างๆ อยากจะข้ามคืนวันในความทรงจำโหดร้ายนั้นไปพร้อมกับทงเฮ
แต่สุดท้ายก็เหลือแต่เขา
มีแต่เขาจนวินาทีนี้
...............
.....
..
ใบหน้าเข้มเครียดขึงเหม่อมองไปนอกระเบียงห้องนอนที่เผยทางเดินหน้าบ้านเขา ใครบางคนเพิ่งวิ่งออกไปทางนั้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
มือหน้ากำราวระเบียงแน่น ภาพเมื่อเย็นฉายชัดอยู่ในมโนสำนึก
“นายมีคนอื่นแล้วฮยอกแจ.... นายมีคนอื่น!”
ฮยอกแจไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอีกตั้งแต่วันที่เขาถูกเพื่อนรักไล่ให้พ้นหน้า ร่างบางคิดทบทวนความผิดของตนเองวนเวียนอยู่แบบนั้นจนแทบข่มตาให้หลับไม่ได้ในแต่ละคืน แต่คิดจนปวดหัวเขาก็ค้นหาความผิดของตนไม่เจอ
ทำไมทงเฮทิ้งกันแบบนี้?
เกลียดกันหรือ?
รำคาญกันแล้วหรือ?
ฮยอกแจไม่รู้เลย ไม่รู้แม้แต่นิด ...
เวลาดำเนินไปร่วมเดือนฮยอกแจต้องสอนพิเศษให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนอย่างคิบอมซึ่งก็เพิ่มความสนิทสนมมากขึ้นเพราะความไว้ใจคนง่ายของฮยอกแจเอง
คิบอมกลายเป็นเพื่อนที่เข้านอกออกในบ้านฮยอกแจได้ไปแล้ว ทั้งบางครั้งที่ฮยอกแจรู้สึกไม่ได้คิบอมก็เสนอที่จะใช้ห้องนอนของฮยอกแจในการสอบพิเศษก็ได้ ซึ่งในตอนแรกฮยอกแจไม่เห็นด้วยแต่คิดอีกทีก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกต่างเพราะทั้งคู่เป็นผู้ชายด้วยกัน
“วันนี้พอแค่นี้นะ” ร่างบางยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะรวบหนังสือเก็บเข้าชั้น คิบอมก็ทำเช่นเดียวกัน
“ขอบใจฮยอกแจมากนะ” คิบอมจัดกระเป๋าตัวเองพลางยิ้มตาหยีส่งมาให้ร่างเล็กที่ยืนรอส่งตนอยู่
“อืมไม่เป็นไรหรอก เพื่อนกัน” ฮยอกแจยิ้มกลับแม้จะรู้สึกข้องใจไม่น้อยกับสายตาเยิ้มเกินปกติของอีกฝ่าย
“งั้นเรากลับก่อนนะ” คิบอมบอกลาก่อนจะสะพายกระเป๋าออกมา
ฮยอกแจตามลงมาปิดล็อกประตูบ้าน ด้านนอกไม่มีแสงไฟ ฟ้ามือสนิทเพราะเกือบจะสามทุ่มแล้ว
เงียบ...
หมู่บ้านแถบนี้เงียบเสมอ ฟ้ามืดทุกคนก็จะเก็บตัวบ้านใครบ้านมัน ไม่มีแสงสี หรือสิ่งรบกวน
ฮยอกแจเพ่งมองไปในความมืดความหวังเล็กๆในใจที่ถึงจะถูกเรื่องอื่นกลบไปมากในช่วงนี้แต่เขาก็ยังอยากจะรู้ความจริงอยู่ดี
............
........
...
..
“อึก...” ร่างเล็กอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง มือเรียวปัดป่ายไขว้คว้าอากาศหากแต่ไม่นานก็ถูกยึดไว้แล้วกดลงกับฟูกนอน อากาศเย็นเฉียบที่ปะทะกายทำให้ฮยอกแจปรือตาขึ้นมองความผิดปกติที่มี
!!!!!!!
เงาดำของร่างสูงทะมึนกำลังทาบทับอยู่บนตัวเขา ในความมืดสัมผัสเหล่านั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง
ใช่....
ใช่มันแน่....
มนตราหรือพลังบางอย่างพันเกี่ยวไม่ให้ร่างเล็กขยับหนีตอนที่ใบหน้าในความมืดนั้นก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอขาว
ฝันหรือ?
ถามตัวเองให้แน่ใจหากแต่สัมผัสไรหนวดที่ทิ่มตำผิวเนื้อจนแสบก็พอจะทำให้รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริง
“ขะ...เข้ามาได้ยังไง..?” ถามตะกุกตะกักเพราะแลเห็นบานหน้าต่างห้องตนยังปิดสนิท ประตูก็ลงกลอนไว้แน่นหนา
“....” ไม่มีเสียงตอบมีแต่การลุกล้ำที่ฮยอกแจไม่ได้คิดจะขัดขืน
โหยหา... และต้องการ...
ฮยอกแจนั้นช่างไร้ยางอายที่ยอมรับความคิดนั้นของตนเอง กลิ่นกายของปีศาจร้ายที่แฝงกายในความมืดนั้นอบอวลไปด้วยความดิบเถื่อนที่ฮยอกแจอธิบายไม่ถูก
มือหยาบเคลื่อนคลึงใต้สาปเสื้อ บีบเค้นไปทั่วช่วงอก
รุนแรง
ไม่รู้ทำไมแต่ฮยอกแจรู้ว่ามันรุนแรงกว่าครั้งก่อน ลงแรงแบบไม่ยั้งมือทั้งที่เขาไม่ได้ขัดขืนเลยด้วยซ้ำ
“เจ็บ” ร่างบางร้องเมื่อฟันคมงับลงมาที่หัวไหล่ตนอย่างจัง
ไม่มีเสียงตอบกลับมีแต่เสียงลมหายใจฮึดฮัดไม่พอใจของคนด้านบน
กางเกงถูกปลดลงไปตอนนั้นไม่มีใครรู้ ริมฝีปากถูกประกบเอาไว้เว้นวรรคแค่ช่วงลมหายใจก่อนจะทาบทับซ้ำแล้วซ้ำอีกหากแต่ไม่มีใครหยุดยั้ง บางสิ่งในร่างกายทั้งคู่แข็งขืนและมีปฎิกิริยาตอบรับความต้องการ
ไม่มีการเบิกทาง
ไม่มีความอ่อนโยน
หากแต่เรียวแขนสวยก็โอบรอบลำคอของบุคคลในความมืดเอาไว้แน่นไม่ยอมห่าง
ความต้องการพุ่งสูงจะไม่ได้คิดแม้แต่จะพิสูจน์ความจริง
ฮยอกแจโหยหาสัมผัสนี้มาเกือบปีแล้ว และในวันนี้ได้คืนเขาจึงยอมมัวเมากับมันอีกซักครั้ง
“อ๊า...” ร่างบางร้องครางเมื่อบางส่วนแทรกสอดเข้ามาในร่างเขา มือหยาบยึดเอวสอบเอาไว้ชิดตนไม่ให้ร่างเล็กขยับหนีได้
อา....
เสียงครางดังเป็นระยะเมื่อเจ้าจิ้งจอกร้ายนั่นเริ่มขยับถี่หยิบจนคนข้างใต้ตั้งรับไม่ทัน
โกรธกันหรือไร...รุนแรงอะไรปานนั้น?...
ไม่ทันได้ถามเพราะริมฝีปากที่ไม่ยอมผละห่าง ทั้งยังสัมผัสรุนแรงเกินกว่าที่ร่างเล็กจะทันได้ทักท้วง คำพูดที่จะเอ่ยออกมาก็กลับกลายเป็นเสียงครางหลงคีย์เพราะรสสัมผัสจากบุคคลปริศนา
อา....อ.....
...............................
................
.......
....
ร่างเล็กนอนนิ่งอยู่บนฝูกหลังจากมองใครบางคนที่ลุกขึ้นจัดเสื้อผ้า ทันทีที่เสร็จกิจเขารีบคว้าหน้ากากหมาจิ้งจอกที่ทำด้วยไม้นั่นมาใส่ทันที
สายตาคงคุ้นชินกับความมืดอยู่มาก เพราะมันวางอยู่ข้างฮยอกแจมาตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี่แต่ร่างเล็กกลับมองไม่เห็น จนตอนนี้เขาจับได้แต่โครงหน้ากับกลิ่นสาปเสื้อผ้าเก่าเท่านั้น
มัวแต่น่ามืดสิเรา...
“จะไปแล้วหรอ?” ร่างเล็กยันตัวขึ้นมองคนที่เดินหลบไปทางหน้าต่างห้อง
“......” เขาชะงัก ไม่มีคำตอบเพียงแต่ปรายตามองคนที่นอนหมดสภาพเพราะถูกรีดเรี่ยวแรงเสียหนัก
ร่างสูงเป็นหน้าต่างไม้ก่อนจะปีนลงไปอย่างชำนาญ
ฮยอกแจถอนหายใจยาว ไม่มีแรงพอจะต่อกลอนหรือลุกขึ้นไปมองว่าเจ้าปีศาจนั่นหายไปทางไหน
.....จิ้งจอกป่าเอ้ย!
.....................
.............
......
....
ในห้วงราตรี ใครบางคนยืนอยู่เคียงจักรยานคันโปรดของตน
เฝ้ามองความเป็นไปของใครบางคนที่เขาพบเข้าโดยบังเอิญ
รอยยิ้มที่เคยอ่อนโยนหวานจับใจแสยะออกอย่างมีแผนในใจ...
....เสร็จแน่
..........
.........
....
อี ทงเฮ
เดินเข้าบ้านหลังกลับจากวิทยาลัยอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผู้เป็นบิดาเพียงแต่เหลือบมองท่าทางไร้วิญญาณของลูกชายเพียงเล็กน้อยเพราะง่วนอยู่กับการขายของ
“ทงเฮ! มีเพื่อนมาหาในห้องนะ” พ่อเขาตะโกนไล่หลังตอนที่เขาขึ้นบันไดมาแล้ว คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อได้ยินคำว่า เพื่อน
เขายังมีเพื่อนที่ไหนอีกหรือ?
แอ๊ด....
“อ๊ะ...” ร่างสูงโปร่งของใครอีกคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่กับชั้นหนังสือในห้องนอนเขา “ขอโทษทีที่เสียมารยาท” คิบอมถอยออกจากตู้หนังสือกลับมานั่งที่กลางห้อง
“มีอะไร?” ทงเฮแปลกใจไม่น้อยที่คิบอมมาหาเขาที่นี่
“ห้องนายสวยดีนะ ของเก่าทั้งนั้นเลยสิ?” คิบอมเบี่ยงประเด็นมองสำรวจรอบห้อง
“ฉันว่านายคุยธุระของนายมาเลยดีกว่า” ทงเฮตัดบทเพราะไม่อยากเห็นความลีลามากของคิบอม
“เฮ้อ....ก็ได้” คิบอมตอบรับก่อนจะล้วงหาของบางอย่างจากกระเป่าเรียน
แกร๊ก!!
หน้ากากไม้ถูกโยนลงบนพื้นหมุนติ้วอยู่แทบเท้าทงเฮ ตาคมเบิกกว้างมองหน้ากากนั่นสลับกับใบหน้าที่แต้มยิ้มเยาะของคนที่ทำเสียมารยาท
“ฉันเอาของนายมาคืน” คิบอมบอก ทงเฮกำหมัดแน่นคิ้วขมวดเกร็งไปหมดอย่างเห็นได้ชัด “ฉันรู้ว่าไอ้คนที่ทำเรื่องบ้าๆหลอกฮยอกมันคือนาย ใช่ไหมละ?” คิบอมยิ้มอย่างเป็นต่อ
“เอาอะไรมาพูด?” ทงเฮเค้นเสียงออกไป
“เอาความจริงมาพูดไงละ อย่าบอกว่ามันไม่ใช่ของนายเพราะฉันเพิ่งถามจากพ่อนายก่อนขึ้นมาว่านายเป็นคนทำมันเองกับมือ....”
!!!!!
“หลักฐานละ?” ทงเฮพยายามหาทางหนีทีไล่จากข้อกล่าวหาของผู้มาเยือน
“กล่องบนหลังตู้นั่น...นายกล้าเอาลงมาพิสูจน์ไหมว่ามันไม่มีหน้ากากหมาจิ้กจอกกิ๊กก๊อกของนายอยู่อีก.... อี ทงเฮ นายโกหกไม่เก่งหรอกนะ” คิบอมหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าเครียดขึงของคนที่เขาไล่ต้อนจนจนมุมได้
ทงเฮเหลือบตามองกล่องที่ว่าแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ความลับของเขา...
ความลับ....
“ต้องการอะไร?” ทงเฮเอ่ยถาม คิบอมตบเข่าฉาดเพราะรู้สึกว่าทงเฮเข้าใจสถานการณ์ดีกว่าที่คิดเอาไว้
“ออกไปจากชีวิตฮยอกแจซะ ทั้งในชีวิตจริงและในฐานะหมาจิ้งจอกลวงโลกนี่ ไม่งั้นฉันจะแฉว่านายมันโรคจิตขนาดไหน”
“.....” มือหนากำแน่นอย่างข่มอารมณ์
“แค่นั้นใช่ไหม?”
“ใช่ หวังว่านายจะเอาความลับของนายลงหลุมไปด้วยเลยยิ่งดี”
“......”
“ตกลงรึเปล่าทงเฮ ถ้านายตกลงฮยอกแจไม่มีทางรู้ว่านายคือคนฉวยโอกาสแล้วก็จะไม่มีใครบนโลกที่รู้ว่านายโรคจิตวิปริตมากแค่ไหน..”
“ฉัน....”
“คิดดีๆนะ ฉันมาเสนอให้ ไม่ต้องห่วงฮยอกแจหรอก เพราะฉันจะดูแลเพื่อนรักของนายเอง” คิบอมเอ่ยปากไล่ต้อนไม่หยุดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหนัก
“ได้ ได้สิ” ทงเฮตอบตกลง
“ดี จากวันนี้ไปอย่าให้ฮยอกแจเห็นหน้านายอีกจนวันตาย!”
....................
....
...
ปัง ปัง ปัง !!!!!!
เสียงหน้ากากไม้ที่ถูกปาเข้าใส่ผนังแบบไม่ยั้งแรก ทงเฮมองหน้ากากที่แตกเป็นเสี่ยงๆด้วยสายตาของสัตว์ร้าย
เขาจนมุม
ความลับของเขามีผู้ล่วงรู้
...ลักเพศ....
ทงเฮสนใจในเรือนร่างของผู้ชายด้วยกันอย่างประหลาด เขารู้ตัวเองมาเกือบปีแล้ว แต่ที่น่ากลัวคือผู้ชายคนนั้นคือ อี ฮยอกแจเพื่อนรักของเขาเอง
การอยู่ใกล้ฮยอกแจเหมือนเขาถูกสะกดให้เฝ้ามองและหลงใหลในรอยยิ้ม สายตา และเรือนร่างระหงส์ซ้อนรูปที่ถึงจะดูไม่สมชายแต่นางมองจนเขาเก็บมาฝัน
เขาเสพติดการมองฮยอกแจ การจิตนาการถึงเรือนร่างของเพื่อนยามที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกาย ยามที่ร่างนั้นขึ้นสีแดงเถือกและร่างกายที่บิดเร้าอยู่ใต้ร่างของเขา
กลัว...
ทงเฮรู้ตัวว่าตัวเองล้ำเส้นไปไกล มันยิ่งกว่าความรัก เพราะเขาใกล้จะโรคจิตเต็มที เขาเฝ้ามองฮยอกแจอยู่ตลอดเวลา จินตนาการไปถึงไหนต่อไหน และหึงหวงเมื่อมีใครเข้าใกล้เพื่อนของเขาไม่ว่าคนพวกนั้นจะเป็นใครก็ตาม
พวกวิปริตและรักร่วมเพศไม่ใช่สิ่งที่จะยอมรับได้ในเกาหลี
เขาเหมือนตัวประหลาดที่นับวันก็รู้สึกว่าตนผิดแปลกกว่าใครๆ
เขาปลีกตัวออกจากสังคม ออกห่างจากฮยอกแจเพื่อที่จะข่มตัวเองให้ได้มากกว่านี้ เขาเป็นพวกอารมณ์รุนแรงซึ่งสุดท้ายคนที่จะเสียใจที่สุดหากเขาทำอะไรลงไปก้คงหนีไม่พ้นคนที่เขารักเอง
หากแต่ความยับยั้งชั่งใจนั้นมีได้ไม่นาน
คืนงานออกไม้ไฟ เขาได้ลงมือทำบางสิ่งที่อุกอาจและไม่น่าให้อภัย
เขาฉวยโอกาสจากสภาพอากาศและสถานที่
เขาอยากลิ้มลองร่างกายนั้นจนไม่อาจห้ามใจได้อีกต่อไป ร่างเปล่าเปลือยที่บิดเร้าต้องแสงจันทร์ในป่าสนคือภาพฉายที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเห็นมา
เขาทำผิด...
แต่เขากลับสุขสมกับมัน ...ภาพนั้นฝังตรึงอยู่ในห้วงความคิด
ทุกครั้งที่จิตใต้สำนึกต้องการบางอย่าง เขาเลือกที่จะดึงภาพในค่ำคืนวันนั้นมาใช้บำบัด
ครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ความผิดก็คือความผิด เขาไม่มีหน้าไปพบฮยอกแจอีก แม้จะเฝ้าติดตามอีกฝ่ายอยู่ตลอดก็ตาม
มันเป็นความลับ
และมันคงจะลับตลอดไปหากวันนั้นฮยอกแจไม่ได้มาหาเขา และเขาไม่ทำให้อีกฝ่ายร้องไห้ออกไปด้วยคำพูดไร้เยื้อใยแบบนั้น
รู้สึกผิด
แต่ภาพบาดตาที่อีกฝ่ายเปิดประตูรับใครอีกคนแล้วหายเข้าบ้านไปสามสี่ชั่วโมงต่อวันมันก่ออารมณ์คุกรุ่นในใจ
ตรงนั้นควรเป็นที่ของเขา!
การต้องการประกาศความเป็นเจ้าของทำให้เขาลงมืออีกครั้ง ...
ลงมือด้วยความรุนแรงและความต้องการที่สูงยิ่งกว่าครั้งก่อน
แต่สัมผัสของฮยอกแจนั้นทำให้เขาแปลกใจ
ร่างนั้นแสดงออกว่าต้องการเขาไม่ต่างกัน
....หน้ากากหมาจิ้กจอกที่แตกเป็นเศษถูกโยนลงกล่องก่อนจะปิดตายมันอย่างไม่ใยดี
ความลับ...
ก็ควรจะเป็นความลับ...
100 per
ทำไมมันไม่จบซักที
ปั่นมาหลายอาทิตย์ละนะ สงสัยพล็อตมันยาวไป
ขอแบ่งตอนละกัน ตอนหน้ามาจบนะ เลิ้บๆ
ความคิดเห็น