กวดวิชา...มาหานะเธอ - กวดวิชา...มาหานะเธอ นิยาย กวดวิชา...มาหานะเธอ : Dek-D.com - Writer

    กวดวิชา...มาหานะเธอ

    นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในสมัยนี้

    ผู้เข้าชมรวม

    590

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    590

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ม.ค. 53 / 18:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในสมัยนี้

    เนื่องจาก ช่วงต้นเดือน ม.ค. มีผู้คนมาแจกใบปลิวจากสถาบันกวดวิชา
    แก่ผมที่หน้า รร. จึงเกิดไอเดียที่จะบ่นเรื่องนี้ให้ฟังกัน


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องปกติในสังคมไทย

      นักเรียนมัธยมโดยเฉพาะม.ปลาย มักใช้เวลาในวันเสาร์-อาทิตย์-ปิดเทอม ไปกับการเรียนพิเศษ เพื่อเพิ่มความรู้ และเพื่อเกรดดีๆ
      บางคนเรียน 3 หรือ 4 สถาบันก็มี ในขณะที่อีกหลายๆคน ถึงกับต้องไปซื้อแฟล็ตในเมืองกรุงก็ยังมี

      มัน เป็นวิถีชีวิตที่มีการแข่งขันสูง เพื่อที่จะสามารถเรียนต่อใน รร.ระดับท็อป เช่น เตรียมอุดม มหิดลฯ บดินทร์ฯ หรือ ม.ชั้นนำเช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรฯ โดยมีคู่แข่งเป็นแสนๆ และถูกคาดหวังจากผู้ปกครองเป็นอย่างมาก บางครั้ง เมื่อไม่ได้ดั่งที่หวัง ก็แก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายบ้างละ สูบบุหรี่ติดเหล้าบ้างละ บางทีก็หนีเข้าทางธรรมไปเลยก็มี ซึ่งนั่น เป็นความผิดของเด็ก ของผู้ปกครอง และของระบบการศึกษา โดยที่ไม่สามารถโยนความผิดให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่เพืยงฝ่ายเดียว และเป็นปัญหาสำคัญในการพัฒนาประเทศด้วย

      ต้นเหตุแห่งปัญหาสำคัญๆ มีดังนี้

      เด็ก---ความขี้เกียจเรียน และไม่ตั้งใจเรียน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กได้เกรดที่ไม่น่าพอใจ และต้องไปเรียนพิเศษเพื่อทำคะแนนดีๆ

      ถึงจะไปเรียนพิเศษ แต่เด็กบางคนก็ไม่เข้าเรียนพิเศษ ซึ่งพวกเขาจะไปดูหนัง หรือชอปปิ้ง โดยที่หลอกผู้ปกครองว่าจะไปเรียนพิเศษ
      นั่น! คือการผลาญเงินโดยใช่เหตุ เสียเงินค่าสมัคร 4,000 ค่ารถและเงินติดตัว ครั้งละ1,000 รวมแล้วไม่ต่ำกว่า100,000 บาท เด็กที่มีทุนทรัพย์เท่านั้นถึงจะทำได้

      ผู้ปกครอง---บางครั้ง ผู้ปกครองก็มักจะคาดหวังกับเด็ก ว่าเด็กจะเป็นอย่างงั้น อย่างนี้ โดยที่ไม่รู้ว่า เด็กมีขีดความสามารถทางด้านการเรียนรู้แค่ไหน จึงบังคับให้เด็กไปเรียนพิเศษทุกวันหยุด เพื่อที่จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาแก่พ่อแม่ หรือ เพื่อที่เด็กจะเรียนได้ตามที่พ่อแม่ต้องการ และสามารถเข้าคณะที่พ่อแม่ต้องการ

      แต่! เคยถามเด็กบ้างรึไม่ ว่าอยากจะเรียนทางด้านไหนเมื่อโตขึ้น
      เพราะเมื่อถูกยัดเยียดมากๆเข้า เด็กจะเครียดจัดจนหนีเรียน
      ฆ่าตัวตาย หรือเกรดต่ำลง เป็นต้น

      และต้นเหตุที่สำคัญที่สุดคือ...

      ระบบการศึกษา---เวลาที่ครูมาสอนแก่นักเรียนมักจะเขียนบนกระดานบ้างล่ะ ให้นักเรียนจดตามที่ครูบอกบ้างล่ะ หรือให้จำสูตรบ้างล่ะ
      มักจะปล่อยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาเอาเอง เวลาถามก็มักจะอ้างว่า
      เป็นระบบ child centerแต่อันที่จริง มันน่าจะเป็น ควาย เซ็นเตอร์
      มากกว่า บางครั้งครูก็สอนไปงั้นๆ ผลักไสให้นักเรียนไปติวพิเศษกับ
      ตัวของครูเอง ด้วยประโยคที่ว่า

      *ถ้านักเรียนไม่เข้าใจ สนใจจะมาติวพิเศษกับครูมั้ย ค่าเรียนเพียงแค่
      *,***บาท มาลงชื่อได้ที่นี่ และไปยังบ้านครูได้ตามที่อยู่นี้ บลาๆๆ*

      นักเรียน 7ใน 10 ก็เลือกที่จะเรียนกับครู โดยหารู้ไม่ว่า นี่เป็นการหารายได้ทางอ้อมของครู เนื่องจากครูนั้น มักจะมีหนี้เยอะเสมอๆ

      บาง ทีก็เรียกสอบในเนื้อหาที่ยังไม่ได้สอนบ้างละ ให้งานที่หนักหนาเกินเหตุบ้างละ หรือ ครูหนีสอนบ้างละ ทำให้เด็กจำใจที่จะต้องไปเรียนพิเศษเพื่อตามครูให้ทัน เมื่อเกรดตก ครูบางคนก็มักจะซ้ำเติมเด็กจนกลายเป็นเด็กเก หนีเรียน สูบบุหรี่ เป็นต้น

      เดี๋ยวนี้ มี gat-pat กับ o-net มาบั่นทอนความสามารถของเด็กอีก
      เลยยิ่งต้องไปเรียนพิเศษ เพื่อทำคะแนน gat-pat หรือ o-net สูงๆอีก เฮ้อ...

      ระบบการศึกษาที่เปลี่ยนไป(สมัยก่อน ไม่มีกวดวิชาหรอก) ทำให้ผู้ปกครองมีความคาดหวังว่า เด็กจะโตขึ้นเป็นอย่างงั้น อย่างนี้
      เด็กจึงต้องขวนขวาย หาสิ่งที่ดีที่สุดแก่ตนเอง โดยหารู้ไม่ว่า
      นั่นเป็นวงจรอุบาทว์ ของระบบการศึกษาของไทย
      ถ้ายังไม่มีใครแก้ปัญหานี้ได้อย่างจริงจังและจริงใจ
      มันก็จะยังคงเป็นวงจรอุบาทว์ที่คงจะอยู่คู่สังคมไทยไปอีกนาน...แสนนาน

      ปล. ในส่วนของตัวผมเองนั้น ไม่เคยไปเรียนพิเศษ แต่มีเกรดเฉลื่ยประมาณ 3.00 เนื่องจากความขยันเรียนเป็นพิเศษนั่นเอง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×