ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #59 : Login 57: New Patch Update to The End

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 822
      40
      7 ธ.ค. 59

    Login 57: New Patch Update to The End

     

                อิงศรชั่งใจอยู่นาน

                เขาคิดว่ายังไม่ควรจะบอกเรื่องที่พ่อแม่มีส่วนร่วมในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นปีศาจออกไปตอนนี้

                เพราะว่าพวกเขาไม่เพียงทำงานให้กับธุวดารกะแต่ยังทำงานให้กับอารย-สนธยาด้วย

                ความสัมพันธ์ของทั้งสององค์กรยังคงไม่แน่ชัด

                พวกพ้องและตัวเขาตอนนี้สังกัดอยู่กับเมตไตรยหรือก็คือธุวดารกะ ถ้าหากว่าสององค์กรนี้เป็นพันธมิตรกันเรื่องก็คงจะจบลงแค่นั้น

                แต่ถ้ายังมีความเป็นไปได้ที่ระหว่างสององค์กรนี้จะเป็นศัตรูกันแล้วล่ะก็นั่นหมายความว่าพ่อกับแม่ของเขาเป็นสายให้กับองค์กรใดองค์กรหนึ่งหรือไม่ก็ทั้งคู่

                ถ้าเป็นอย่างหลังสถานะของเขาที่เป็นลูกของสปายจะเปลี่ยนไปทางไหนก็คงเลวร้ายไม่ต่างกัน

                ดังนั้น...

                “แล้วยังไงต่อตกลงว่าความเป็นมาของเดม่อนแอพเนี่ยมันเกี่ยวกับเรื่องที่เธอบอกว่าเบื้องบนคิดจะใช้ประโยชน์จากพวกเรายังไงกันแน่

                อิงศรจึงพูดบ่ายเบี่ยง

                “เมื่อกี้เล่าไปแล้วใช่ไหมคะเรื่องที่ธุวดารกะก่อตั้งมาเป็นร้อยปีแล้ว แต่ว่าในฐานะองค์กรนะคะไม่ใช่ตระกูล

                จะว่าไปก็จำได้ว่ามีนาพูดแบบนั้นจริงๆ พูดว่าธุวดารกะเป็น องค์กรแต่เขากลับไม่รู้สึกเอะใจเลยคงเพราะจำไปเองแล้วว่าเมตไตรยก็คือธุวดารกะ หรือต้องบอกว่าไม่เคยคิดจะสนใจเพราะเป็นเรื่องไกลตัว          เพียงแต่... หลังจากได้เห็นความทรงจำนั่นก็เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้นมา

                มีนายังคงพูดต่อไป

                “ธุวดารกะนั้นเดิมทีไม่ใช่ตระกูลแต่เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยคนหลากหลายสายเลือดที่ถูกคัดให้มาอยู่ร่วมกันจนกระทั่งช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาระบบขององค์กรได้เปลี่ยนเป็นตระกูลหรือก็คือสืบทอดกันผ่านทางสายเลือด คนที่ทำแบบนั้นก็คือ มกร ธุวดารกะ ผู้นำสูงสุดของเมตไตรยที่พวกเราทำงานให้...

                จากนั้นเมษาก็พูดต่อท้ายคำพูดของพี่สาวฝาแฝดว่า

                “เจ้านั่นคือพ่อบุญธรรมของพวกเรา

                กวินทร์กับนรินทร์แสดงท่าทีตกใจอย่างชัดเจน

                มีนายิ้มให้กับปฏิกิริยาตอบรับนั้น

                “คงไม่คิดว่าพี่สิงห์กับพวกฉันจะเป็นพี่น้องกันจริงๆ หรอกนะคะ"

                แล้วลุกจากเก้าอี้มายืนตรงกลางกลุ่ม

                "ความจริงพวกพี่ๆ ร่วมตระกูลก็ล้วนเป็นคนแปลกหน้าต่างเชื้อกันหมดเลยค่ะแต่ถูกคัดเลือกให้มารวมกันด้วยอะไรบางอย่างทุกคนจะถูกประเมินคุณค่าจากความสามารถและผลงานในนามของตระกูลซึ่งตัวฉันกับเมษานั้นถูกประเมินไว้ต่ำที่สุดหรือก็คือเป็นพวกนอกคอกค่ะ แต่พี่สิงห์น่ะกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง เขาขับเขี้ยวกับอีกคนอยู่บนจุดสูงสุดที่ใกล้เคียงท่านพ่อและฉันคิดว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรซักอย่างที่พวกเราถูกนำมารวมกันที่นี่ภายใต้การกำกับของพี่สิงห์

                อิงศรพูด

                "เธอจะบอกว่าสิงห์คิดใช้พวกเราเพื่อการคว้าตำแหน่งสูงสุดของตระกูลอย่างนั้นรึไง"

                "มีความเป็นไปได้มากเลยล่ะค่ะ เพราะดูเหมือนว่าพี่สิงห์จะรู้จักมักจี่กับคนที่คุณอิงศรเรียกว่าผู้ถูกลืมเลือนหรือซีลอร์ดคนนั้นด้วย"

                แล้วเมษาก็พูดแทรกเข้ามา

                "หา? พี่สิงห์เนี่ยนะ"

                มีนาเหลือบตาไปมองน้องชายฝาแฝด

                "แค่ดูก็รู้แล้วนี่คุยเรื่องยากๆ กันก่อนจะบอกวิธีปลุกคุณอิงศรไง"

                แล้วพูดไปพลางทำหน้าเอือมระอา

                แต่คนที่ตกใจที่สุดก็คืออิงศร

                "เดี๋ยวก่อนนะนี่พวกนายได้เจอซีลอร์ดแล้วงั้นเหรอ"

                ทุกคนพยักหน้า

                นรินทร์เริ่มพูด

                "ตอนที่ม้าอาละวาดหนักก็มีเด็กผู้ชายผมสีขาวสวมเฮดโฟนออกมาบอกว่าเป็นผู้ถูกลืมเลือนน่ะเขาช่วยบอกใบ้จนกวินทร์รู้ว่าต้องหยุดด้วยการเป่าฮาร์โมนิก้า"

                ดังนั้นอิงศรถึงได้เข้าใจขึ้นมา

                เข้าใจว่าทำไมพวกพ้องถึงได้เชื่อเรื่องที่เหมือนกับนิยายที่เขาเล่าไปอย่างหมดใจ ถ้าเคยพบซีลอร์ดมาแล้วก็คงจะรับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดอันเป็นเอกลักษณ์ของหมอนั่น

                และแล้ว....

                ก็นึกขึ้นมาได้ นึกถึงคำพูดตอนที่ถูกสิงห์ช่วยเอาไว้เมื่อสามปีก่อน

                ตอนนั้นเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก สิงห์พูดเอาไว้ว่า

                'ตามคำพยากรณ์ของซีลอร์ด นายคือผู้ถูกฟันเฟืองเลือกให้เป็น 'ผู้กอบกู้' อย่างนั้นสินะ'

                หมายความว่าสิงห์รู้จักกับซีลอร์ดมาตั้งแต่แรก

                หมายความว่าการที่เขาถูกเก็บมาเมื่อสามปีก่อนไม่ใช่ความบังเอิญ

                ถ้าสิงห์ทำไปเพราะเป็นคำแนะนำจากซีลอร์ดหรืออะไรเทือกนั้นก็หมายความว่าซีลอร์ดเองนั่นแหละที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการคิดใช้ประโยชน์จากตัวเขาที่เป็น ผู้ถูกเลือกจากฟันเฟือง

                ถ้าอย่างนั้นข้อเท็จจริงก็จะแบ่งออกเป็นสองแง่ พวกพ้องของเขากำลังเชื่อว่าสิงห์คือผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ตัวเขาเองรู้ว่าผู้ที่ชักใยสิงห์อยู่อีกทอดก็คือซีลอร์ด แต่ทว่า...

                คนอย่างสิงห์น่ะเหรอจะยอมเป็นหุ่นให้เชิด?

                อย่างน้อยเขาก็รู้จักนิสัยของสิงห์ดีเกินพอ ชายผู้เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานคนนั้นไม่มีทางยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกเชิดแน่ๆ

                ถ้าอย่างนั้นแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสิงห์กับซีลอร์ดมันดำเนินอยู่ในรูปแบบใดกัน

                หากยังหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไม่ได้จะเลือกเชื่อใจฝ่ายไหนก็เสี่ยงเกินไปทั้งนั้น

                “…”

                แม้ว่าอิงศรจะไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่การสนทนาภายในกลุ่มก็ยังคงดำเนินต่อ

                กวินทร์ยกมือขึ้นมา

                “เอ่อ ขอโทษที่สงสัยอะไรแปลกๆ นะครับ

                แล้วพูดด้วยสีหน้าลำบากใจเหมือนทนอึดอัดมานาน

                ”เห็นบอกว่าธุวดารกะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันจริงๆ งั้นพี่เมษาก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ กับพี่มีนาเหรอ

                “อันนั้นกรณียกเว้นค่ะ ฉันกับเมษาเป็นฝาแฝดที่เกิดตอนห้าทุ่มห้าสิบเก้านาทีของวันที่สามสิบเอ็ดเดือนสามกับเที่ยงคืนวันที่หนึ่งเดือนสี่เชียวนะคะ

                เป็นการถามตอบที่รู้สึกว่าไร้สาระที่จะรับฟังจริงๆ นั่นแหละ ดูเหมือนจะลืมประเด็นของเรื่องที่กำลังประชุมไปหมดแล้ว

                อิงศรเมินวงสนทนาที่เริ่มเต็มไปด้วยคำพูดไร้สาระแล้วคิดเรื่องของสิงห์กับซีลอร์ดอีกครั้ง

                ขัดใจ...

                รู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่คาใจ

                บางอย่างมันไม่ลงรอยกับความเป็นจริง...

                “นี่มีนาขอถามอะไรอย่างสิ

                เด็กสาวที่ถูกเรียกจ้องมาทางเขา

                “อะไรล่ะคะ

                “จำได้ว่าเดม่อนแอพเนี่ยเกิดขึ้นมาได้เพราะกองทัพเราลักไก่เอาข้อมูลเกมส่วนที่ยังไม่เปิดให้ใช้งานมาใช้ก่อนใช่ไหมแต่ที่ฟังเธอเล่าเรื่องตระกูลมาทำไมมันเหมือนจะมีเดม่อนแอพมาก่อนที่โลกจะล่มสลายอีกล่ะ

                ความจริงส่วนที่คาใจมันมีมากกว่านั้น

                'ทำไมแอพพลิเคชั่นปีศาจซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลของเกมโลกาวินาศถึงได้ถูกร่วมพัฒนาโดยพ่อกับแม่ในตอนที่โลกยังไม่ได้กลายเป็นเกม'

                แต่เพราะยังบอกไปแบบนั้นไม่ได้จึงต้องถามเลี่ยงเอา

                "เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้หรอกค่ะ"

                มีนาตอบห้วนๆ พลางยักไหล่ไปพลาง

                "แต่ที่พอจะบอกได้แน่ๆ ก็คือการวิจัยเดม่อนแอพที่ทำก่อนโลกจะล่มสลายน่ะระดับต่างกับที่พวกเราใช้ตอนนี้เอาการเลยล่ะค่ะเรียกว่าเป็นคนละอย่างกันเลยก็ได้ เคยได้ยินพวกฝ่ายวิจัยพัฒนาพูดอยู่เหมือนกันว่าโปรแกรมปีศาจพรรค์นี้ไม่ใช่ของที่มนุษย์จะสร้างขึ้นมาได้เลยล่ะค่ะ"

                ตกลงว่าเป็นแบบนั้น... แอพพลิเคชั่นปีศาจที่สร้างโดยมนุษย์งานวิจัยที่พ่อแม่ของเขาเองก็มีส่วนร่วมนั่นเป็นเพียงสินค้าทดลองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับของปัจจุบันที่พวกเขาใช้อยู่เลยอย่างนั้นสินะ

                มีนายังพูดต่อไปอีก

                "ความจริงเรื่องเดม่อนแอพเนี่ยมันก็มีปริศนาเยอะเหมือนกันนะคะทั้งที่มาที่ไปก็เป็นความลับไหนยังเป็นอาวุธชนิดเดียวที่เอาชนะมนุษย์ต่างดาวได้อีกเพราะอะไรก็ไม่รู้..."

                "นั่นเพราะว่าบุตรแห่งแสงไม่มีภูมิต้านทานความปรารถนาที่เป็นพลังของปีศาจน่ะ"

                คำพูดนั้นออกจากปากของโดโกบาร์ที่นั่งอยู่กลางวงล้อมพวกเขา

                "พวกที่เจ้าเรียกกันว่ามนุษย์ต่างดาวก็คือบุตรแห่งแสงเป็นเผ่าพันธุ์ที่โซลาริสสร้างขึ้นมาเพื่อหาสาเหตุว่าทำไมเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ถึงได้เกิดการรับประทานผลแห่งปัญญาละสร้างขึ้นมาโดยยึดอุดมคติอย่างที่มนุษย์ควรจะเป็น

                "เอ่อ ขอโทษที่พูดขัดนะคะไอ้ผลแห่งปัญญาเนี่ยมันคืออะไรกันคะ"

                มีนาพูด เธอเป็นตัวแทนของพวกเราที่ช่วยหยุดการสาธยายที่เร็วเกินจะทำความเข้าใจได้ของโดโกบาร์

                "ผลแห่งปัญญาคือสิ่งที่ทำให้เกิด ความรู้ อารมณ์ และความรู้สึก พูดในภาษาพวกเจ้าก็เรียกกันว่าความปรารถนา สำหรับอุดมคติของโซลาริสแล้วมันคือสิ่งที่แปดเปื้อนและจะนำพาไปสู่ความหายนะดังนั้นจึงยอมให้มีไม่ได้"

                "งั้นที่บอกว่ามนุษย์ต่างดาวถูกสร้างขึ้นมาโดยยึดอุดมคติของพระเจ้าก็คือการสร้างมนุษย์โดยกำจัดความปรารถนาที่แสนเกลียดออกไปหรือคะ"

                โดโกบาร์พยักหน้า

                "การจำกัดตัวแปรที่จะกลายเป็นเหมือนมนุษย์ทำให้บุตรแห่งแสงไร้ซึ่งภูมิต้านทานความปรารถนา หากถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงก็จะชำรุดได้ง่ายแล้วความปรารถนาอันเข้มข้นนั่นก็เป็นตัวตนของปีศาจ

                “แบบนั้นปีศาจก็เหมือนเป็นเชื้อโรคเลยน่ะสิคะ

                โดโกบาร์ไม่มีปฏิกิริยากับคำพูดของมีนาและยังคงพูดต่อไป

                “แต่ถึงจะสร้างขึ้นมาในกรอบของอุดมคติแค่ไหนมนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่วันยังค่ำบุตรแห่งแสงเองก็เริ่มแปดเปื้อนไปด้วยความปรารถนาสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าตัวตนของมนุษย์คือความผิดพลาดจึงขับไล่ลงมาที่สวนแห่งนี้"

                ได้ฟังดังนั้นอิงศรก็เริ่มจะเข้าใจ

                เรื่องที่ถูกพร่ำสอนมาว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้ทำลายโลกก็จะกลับตาลปัตรเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันซะอย่างนั้นเป็นของที่ถูกผู้สรรสร้างทอดทิ้งและคิดทำลายเหมือนกัน

                อิงศรพูด

                “เพราะงั้นก็เลยจะกำจัดของที่ตัวเองสร้างไปพร้อมๆ กับมนุษย์อย่างนั้นสินะ

                “…”

                โดโกบาร์ไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าให้

                ทุกคนที่นี่ก็น่าจะเข้าใจคำพูดขออิงศรเพราะได้ฟังเหตุผลที่พระเจ้าจะทำลายมนุษย์ไปแล้ว

                เมษาพูด

                "เป็นพระเจ้าที่ไร้ความรับผิดชอบชะมัด"

                นรินทร์พูด

                "พอได้ยินแบบนี้แล้วอย่างกับว่าพวกเอเลี่ยนเป็นเทวดาตกสวรรค์เลยนะเนี่ย"

                'เทวดาตกสวรรค์' เรียกว่าเข้าใจเปรียบเปรยได้ดี

                เทวดาก็คือแบบอย่างของมนุษย์ที่ละทิ้งกิเลสและรับใช้ใกล้ชิดพระเจ้า หากความปรารถนาที่พระเจ้าเกลียดนักเกลียดหนาคือกิเลสแล้วล่ะก็มนุษย์ต่างดาวที่เป็นเทวดาซึ่งแปดเปื้อนไปด้วยกิเลสจึงถูกขับไล่จากสวรรค์

                ในตอนนั้นเองมีนาก็...

                "เอาล่ะค่ะถ้างั้นเรามาสรุปหัวข้อประชุมกันเลยดีกว่า"

                พูดดึงกลับเข้าเรื่องซะอย่างนั้น

                อิงศรปรับอารมณ์ตามไม่ทันก็พูดด้วยความรำคาญ

                "อะไรของเธอเนี่ยจู่ๆ ก็..."

                "แล้วจะเอายังไงคะในเมื่อรู้แล้วว่าพี่สิงห์อาจจะกำลังใช้ประโยชน์จากพวกเราจะตามไปดีไหมคะหรือว่าจะต่อต้านดี"

                "คิดว่าคนอย่างหมอนั่นจะยอมให้เราต่อต้านได้เรอะ"

                "ก็ไม่คิดน่ะสิคะ"

                "..."

                แล้ววงสนทนาก็ตกอยู่ในความเงียบ

                ทุกคนที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าการจะขัดขืนสิงห์มันไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าผลีผลามทำไปก็อาจจะไปเดินตามเกมอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวเอา

                แต่ตอนนี้คงต้องพูดอะไรซักอย่าง

                "ถ้าเอาที่ฉันคิดล่ะก็ไม่ต้องไปต่อต้านมันหรอก"

                ทันทีที่พูดออกไปสายตาของทุกคนจับจ้องมา

                "ถ้าเรายังเป็นลูกน้องของสิงห์จะโดนหลอกใช้ตอนไหนพวกเราก็ไม่มีทางรู้ตัวอยู่ดีสำหรับฉันแล้วบอกตามตรงตอนนี้ฉันไม่ได้คิดเรื่องอย่างอื่นเลยนอกจากเรื่องช่วยขวัญออกมา"

                จากนั้นมีนาก็เดินไปนั่งบนเตียงข้างๆ เมษาแล้วพูดมาว่า

                "จะว่าไปก็ยังไม่ได้แสดงความยินดีที่น้องชายคุณอิงศรยังมีชีวิตอยู่เลยนี่นะคะ"

                "แล้วเธอก็ยังไม่ยอมบอกฉันด้วยว่าขวัญเป็นยังไงบ้างตอนฉันอาละวาด"

                "เอ๋~ จำได้ว่าบอกไปแล้วนะคะว่าปลอดภัยดี"

                "เอารายละเอียดสิบอกแค่นั้นจะไปรู้ได้ยังไง"

                "แหม พอเป็นเรื่องน้องแล้วคุณอิงศรก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะคะ วางใจเถอะค่ะถึงจะเกือบโดนม้าที่คุณอิงศรขับเหยียบแบนเอาแต่ก็ได้ลิเธียมช่วยเอาไว้แล้วพาตัวหนีไปกลางคันที่พอจะรู้ก็มีแค่นั้นแหละค่ะ"

                แววตาของอิงศรผ่อนคลายลงเล็กน้อย

                "งั้นเองเหรอ"

                เขาพูด

                แล้วกวินทร์ก็เสนอขึ้นมาว่า

                "ถ้างั้นเรื่องแนวทางต่อไปจากนี้ของพวกเราก็เอาเป็นช่วยพี่ศรเอาตัวน้องชายคืนมาดีไหมครับ"

                มีเสียงเห็นด้วยกับความคิดนั้นจากนรินทร์กับเมษา

                "เห็นด้วย" "เห็นด้วย"

                มีนาพูด

                "ฉันเองก็เห็นด้วยค่ะแล้วคุณอิงศรล่ะว่าไง"

                หล่อนส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาคงกะจะล้อเล่นอะไรซักอย่างเพราะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว

                อิงศรไม่สนใจหรอกว่าจะล้อเล่นอะไรเขาไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธข้อเสนอนี้

                "ขอบใจนะช่วยได้มากเลย"

                กวินทร์ เมษา นรินทร์ ต่างก็เผยรอยยิ้มออกมา

                แล้วมีนาก็...

                "งั้นเป็นอันตกลงตามนี้นะคะว่าแล้วเราก็มาสำรวจเบาะแสที่จะใช้สืบหาตัวน้องชายคุณอิงศรจากรสนิยมของพี่น้องดีกว่าค่ะ"

                พ่นคำพูดที่เข้าใจแค่ครึ่งเดียวออกมาแล้วก้มลงไปใต้เตียง

                "เฮ้ย!"

                อิงศรส่งเสียงร้องแล้วทำท่าจะลุกจากเก้าอี้

                "ที่จริงนี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่ได้เข้าห้องผู้ชายคนอื่นนอกจากเมษาน่ะเคยได้ยินมาว่าพวกเด็กผู้ชายเนี่ยมักชอบซ่อนของส่วนตัวไว้ในนี้ดังนั้นถ้ารู้รสนิยมของคุณอิงศรครั้งหน้าเวลาเจอตัวน้องชายก็จะได้รับมือแบบเดียวกันได้ไม่คิดว่าเป็นแผนที่ดีหรือคะ"

                มีนาพล่ามเร็วๆ ได้โดยที่ลิ้นไม่พันกันอย่างน่าอัศจรรย์พลางล้วงมือหยิบสิ่งของที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมา

                นรินทร์เริ่มเคลื่อนไหวด้วยเหตุผลประหลาดๆ

                "เดี๋ยวซี่ทำแบบนั้นไม่ได้นะคุณมีนาที่นี่มีเด็กอยู่ในห้องนะครับ

                เขาพูดอย่างนั้นแล้วลุกไปปิดตาโดโกบาร์ที่นั่งอยู่เหมือนแม่พยายามปกป้องลูกจากสิ่งที่ไม่ควรให้เห็น

                "..."

                แต่โดโกบาร์ก็ไม่ได้แย้งและยอมให้ปิดตา

                "หยุดนะยัยบ้า!"

                อิงศรลุกจากเก้าอี้แล้ว กำลังจะเดินไปหยุดมีนาแต่หล่อนก็ชักเอานิตยสารสามเล่มที่เขาซุกเอาไว้ออกมาเสียก่อนแล้วโยนให้กวินทร์

                "อ่านให้ฟังหน่อยค่า!"

                "อย่าดูนะ!"

                อิงศรตะหวาดแล้วหันกลับไปแต่กวินทร์กลับทำหน้าซื่อและหักหลังความไว้ใจเขาด้วยการอ่านชื่อของนิตยสารเหล่านั้น

                "สัตว์เลี้ยงแสนรัก กระต่ายรายเดือน มายแรบบิทอาคาเดมี่ นี่มันนิตยสารพวกกระต่ายมาเนียร์ไม่ใช่เหรอครับ"

                รุ่นน้องพลิกปกหนังสือให้ดูแล้วมีนา เมษา นรินทร์ก็...

                "หา?" "หา?" "หา?"

                ส่งเสียงด้วยความงวยงง

                แต่มีนายังไม่ยอมแพ้

                "อ๊ะรู้แล้วเป็นปกปลอมสินะคะแบบที่เมษาชอบเอาปกหนังสือวิชาเลขมาห่อไว้"

                จนเมษาต้องตกเป็นเหยื่อสายตา

                "แล้วจะมาแฉฉันทำไมล่ะเฟ้ย!"

                มีนาเมินคำร้องทุกข์ของน้องชายฝาแฝดแล้วฉวยโอกาสนั้นพุ่งไปฉกหนังสือจากมือของกวินทร์มาคลี่เอาปกออกแต่หนังสือทุกเล่มเป็นปกชั้นเดียวไม่มีการห่อ เนื้อหาภายในก็เป็นแค่นิตยสารสัตว์เลี้ยงธรรมดาๆ ที่เต็มไปด้วยรูปกระต่ายน่ารักๆ

                "อะไรเนี่ย"

                มีนาทำหน้าผิดหวัง

                ให้ตายสิเธอนี่มันนิสัยเสียชะมัดเลย

                อิงศรพูดขณะที่เข้าหาเด็กสาวจากทางด้านหลังแล้วชิงเอาหนังสือทั้งหมดกลับมา

                กวินทร์พูดเหมือนเพิ่งจะรำลึกได้

                จะว่าไปตอนที่ร้านกาแฟพี่ศรก็บอกว่าชอบกระต่ายมากนี่นา

                อิงศรรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตัวเองกำลังร้อนผ่าวจึงพยายามหลบหน้าทุกคนแล้วเอาหนังสือไปเก็บใส่ลิ้นชักแทน

                หมดเรื่องแล้วก็รีบๆ กลับกันไปซักทีเหอะ

                เด็กหนุ่มพูดพลางสอดลิ้นชักกลับเข้าไปในโต๊ะ

                ...ยังมีอีกเรื่องที่เขาไม่ได้บอกพวกมีนา

                เรื่องกำหนดเส้นตายก่อนที่โลกจะหายไปคืออีกหกเดือนแต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นยังพอมีเวลาอยู่ ไว้ได้ตัวน้องชายคืนก่อน เรื่องของโลกไว้ค่อยคิดหลังจากนั้นก็ได้ ไว้ค่อยไปเล่าให้ฟังกันตอนนั้นก็ยังไม่สาย

                แต่แล้ว...

                ก็มีเสียง ติ๊งดังขึ้น หน้าจอระบบเปิดเองโดยอัตโนมัติ

                ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแต่พวกมีนาก็มีหน้าจอปรากฏขึ้นเหมือนกัน

                สิ่งที่หน้าจอนั้นแสดงอยู่เป็นรายละเอียดการอัพเดตของเกม

                "เฮ้ ดูที่จอนี่สิ..."

                เมษาโพล่งออกมาหลังจากอ่านหน้าจอ

                แล้วมีนาที่ก้มหน้ามองจอแค่แวบเดียวก็พูดขัด

                "เกมอัพเดตแพทช์ใหม่แล้วล่ะค่ะ"

                อัพเดตแพทช์ หรือก็คือการปรับปรุงเพิ่มเติมให้เกมเป็นรุ่นใหม่ ซึ่งระบบของเกมจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จะมีระบบใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาหรือถูกถอดออกไปก็แล้วแต่การตัดสินใจของผู้ควบคุม

                การอัพเดตแพทช์ของเกมโกงวันโลกาวินาศระงับมาสามปีแล้วดังนั้นนี่จึงเป็นการอัพเดตที่เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากเว้นช่วงไปนาน

                อิงศรไล่สายตาอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับระบบต่างๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในแพทช์ใหม่

                "อาร์มาเก็ดดอน..."

                แล้วพึมพำออกมา มันเป็นชื่อของแพทช์ใหม่เหมือนกับแพทช์ก่อนหน้าที่มีชื่อว่า อีเด็นฟอล

                รายละเอียดในแพทช์ยังกล่าวถึงการเปิดตัวระบบเดม่อนแอพพลิเคชั่นเป็นสาธารณะและจากที่อ่านอย่างคร่าวๆ ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมากกว่าของที่พวกเขาใช้กันในตอนนี้เสียอีก

                เมื่อเป็นแบบนี้แล้วความเหลื่อมล้ำทางอำนาจในการต่อสู้ที่เมตไตรยเคยมีเหนือกว่าหน่วยงานหรือองค์กรอื่นก็จะหมดไปในทันที แต่นั่นยังเป็นแค่ส่วนน้อยถ้าเทียบกับระบบอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา

                อิงศรเงยหน้าจากจอแล้วตรวจสอบสภาพของทุกคน

                มีนากับเมษามีสีหน้าคร่ำเครียดอย่างเห็นได้ชัด กรณีของมีนาคงจะเข้าใจดีว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ใหญ่หลวงขนาดไหน ส่วนเมษาน่าจะเป็นอ่านไม่เข้าใจมากกว่าเพราะแพทช์ใหม่มีเนื้อหาเพิ่มจากแพทช์ที่ผ่านมาชนิดเทียบกันไม่ได้และยังมีความซับซ้อนกว่ามาก

                กวินทร์ปาดนิ้วไปบนหน้าจอช้าๆ เหมือนทยอยอ่านทำความเข้าใจเป็นบรรทัดๆ ไปเป็นการอ่านแบบคนธรรมดาที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโดยตรง

                ส่วนนรินทร์ที่หัวดีคงจะทำความเข้าใจได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปขนาดไหนถึงใบหน้าจะไม่ได้เคร่งเครียดเท่ามีนาก็ตาม

                การอัพเดทในครั้งนี้ได้เปลี่ยนโฉมหน้าโลกทั้งใบ

                อาร์มาเก็ดดอน คือชื่อของสนามรบแห่งสุดท้าย นี่จะเป็นการบอกว่าเวลาแห่งการตัดสินผลใกล้จะมาถึงแล้วอย่างนั้นหรือเปล่า?

                หรือเพราะว่าเหลืออีกแค่หกเดือนโลกก็จะถูกลบหายไปเพราะอย่างนั้นแพทช์ถึงได้อัพเดทครั้งใหญ่?

                ถ้าอย่างนั้นเวลาที่คิดว่ามีเหลืออยู่ตั้งหกเดือนบางทีมันอาจจะไม่ได้นานอย่างที่คิดเสียแล้ว

                แต่ถึงอย่างนั้นอิงศรก็ยังพึมพำกับตัวเอง

                ขวัญ...ยังไงฉันก็จะไปช่วยนายให้ได้

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×