ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #306 : Epilogue : ส่งท้าย Apocalypse Online Forever

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 396
      20
      11 มี.ค. 62

    Epilogue : ส่งท้าย Apocalypse Online Forever

     

                บางทียุคสมัยแห่งความสงบคงจะมายืนมนุษยชาติแล้ว

                หลังจากนั้นเวลาก็ผันผ่านไป

               

                คิดรึว่านี่มันจบลงแล้วน่ะตอนจบที่แท้จริงน่ะมันไม่มีวันมาถึงหรอกไฮพีเรี่ยนอิมแพค!

                เสียงต่อต้านชัยชนะที่อิงศรและพวกพ้องได้ร่วมกันฟันฝ่ามาดังก้องกังวาน

                แฮ่!!

                เจ้าของคำพูดนั่นกำลังยกมือทำท่าขู่พลางคำรามเสียงน่ารัก

                ในช่วงบ่าย       

                บนระเบียงทางเดินของอาคารเรียนที่วันนี้คงจะไม่มีใครเดินผ่านมาอีกแล้วเพราะวันนี้คือวันสอบปลายภาควันสุดท้ายและการlอบก็จบลงไปได้ซักพักแล้ว นักเรียนคนอื่นจึงกลับกันไปหมด

                ทำอะไรของเธอน่ะ

                แต่ยัยมีนาก็ยังอยู่ที่นี่แล้วก็ทำท่าติงต๊องกับพูดเลียนแบบราหู

                จนกระทั่งถึงตอนนี้ อิงศรยังคงนอนหลังแนบติดกับที่นั่งติดระเบียงที่ทอดยาวไปจนสุดขอบระเบียงแต่ละด้าน และยังไม่ได้เปิดเปลือกตาออกมาดูว่าใครที่มาทำเสียงรบกวนเวลางีบของเขา แต่แค่ได้ยินก็รู้ทันทีว่านั่นคือ มีนา ธุวดารกะ

                มาแอบงีบอยู่ตรงนี้จริงๆ ด้วย

                หล่อนพูด

                “…”

                และแล้ว

                เด็กหนุ่มก็ปรือตา

                “….”

                เด็กสาวในเครื่องแบบนักเรียนต่างโรงเรียนกำลังก้มหน้ามองลงมาที่เขา

                มีอะไรล่ะ

                คำพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันคะนั่น

                เด็กสาวแก้มป่องด้วยความโกรธ รู้สึกหล่อนจะเริ่มหงุดหงิดง่ายขึ้นในพักหลังเฉพาะเวลาอยู่กับเขาเท่านั้น

                “…”

                อิงศรชันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันเหสายตามองออกไปด้านนอกระเบียง

                อะไรอีกเล่า

                “……”

                เมื่อเธอไม่ตอบเขาจึงเหลือบสายตามา แต่ก็เพราะได้ยินเสียงสะอื้นเล็กน้อยเลยต้องหันมาทั้งตัว

                หยาดน้ำใสเอ่อล้นจากดวงตาที่เกือบจะหยีกันของมีนา

                โธ่ๆๆ เพิ่งคบเป็นแฟนกันได้ปีเดียวเขาก็กระด้างกระเดื่องกับฉันซะแล้ว

                อิงศรจ้องมองหล่อน

                “…”

                มองเด็กสาวน่ารักผู้ที่ตอนนี้คบหากับเขามาได้เกือบจะหนึ่งปีเต็มและเก่งการแสดงขนาดที่ว่ารีดน้ำตาออกมาได้สมจริงตามที่ต้องการ

                อันที่จริงเขาแอบเห็นขวดสำหรับหยอดตาซ่อนอยู่หลังมือเธอด้วยบางทีคงใช้ไอ้นั่นเพื่อสร้างน้ำตาเรียกร้องความสนใจมากกว่า

                คร้าบๆๆ อยากให้ทำอะไรล่ะ

                เขาพูดแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็พอจะรู้อยู่แล้ว

                สาเหตุที่มีนามาหาเขาแล้วก็ทำท่าขู่เลียนแบบราหูก่อนหน้านี้คงตั้งใจมาพูดเรื่องนั้นสินะ

                ก็มาด้วยเรื่องนั้นน่ะแหละค่ะ

                เรื่องที่ว่าก็คือเรื่องเกมโลกาวินาศนั่นเอง

                ถึงพวกเขาจะเอาชนะราหูในเซิฟเวอร์มาได้และออกมาอยู่อาศัยในความเป็นจริงอย่างสงบสุขมาได้สี่ปีกว่าๆ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความจริงอีกเรื่องที่ว่าผู้รุกรานอาจจะมาเยือนได้ทุกเมื่อ

                อิงศรพูด

                โดนสิงห์ใช้มางั้นสิ

                ก็จะใครซะอีกล่ะคะ

                ว่าแต่เธอเข้ามาได้ไงน่ะ

                หล่อนแต่งเครื่องแบบนักเรียนต่างโรงเรียนแถมที่นี่ยังเป็นโรงเรียนชายล้วน

                แค่บอกว่ามารับน้องชายเขาก็ให้เข้ามาแล้วล่ะค่ะ

                เมษาโดนใช้เป็นเครื่องมือสินะ

                จากนั้นหล่อนก็เริ่มบทสนทนาใหม่

                จะว่าไปคุณนรินทร์ก็ติดต่อมาว่าคุณฟูกับคุณมิกซ์เพิ่งได้เดบิวเป็นนักเขียนอย่างเป็นทางการแล้วด้วยนะคะ

                อ๋อ การ์ตูนที่ใช้เกมโลกาวินาศเป็นพื้นเรื่องนั่นสินะ

                นั่นแหละค่ะ คุณนรินทร์เขาบอกว่าโล่งอกที่สองคนนั้นเป็นฝั่งเป็นฝากันซักที

                ก็นะตัวป่วนของบ้านทางนั้นเลยนี่

                ฟูถึงจะค่อนข้างซื่อบื้อไปหน่อยแต่ก็ยังมีเรื่องที่ถนัดอย่างวาดรูปแล้วมิกซ์ที่เป็นเพื่อนก็แต่งเรื่องเก่งขึ้นมาจากตอนที่พยายามช่วยฟูเปิดตัวในฐานะนักเขียนการ์ตูนพอเลยตามเลยกันไปก็กลายเป็นว่าทั้งสองคนเป็นคู่หูที่ทำงานด้วยกันไปจนแยกจากันไม่ได้ไปแล้ว

                เห็นว่าปีหน้าคุณนรินทร์จะไปต่อมหาลัยที่เมืองนอกด้วยเห็นว่าจะไปเข้าคณะวิจัยปีศาจรู้สึกว่าคุณซากิริจะช่วยสนับสนุนอยู่น่ะค่ะ

                พอมีนาพูดจบก็มีลมแรงพัดกรรโชกเข้ามาในระเบียง

                ว้าย!!

                อึก เจ้าพวกนั้น

                อิงศรยกมือขึ้นป้องดวงตาจากสายลมแล้วยื่นตัวเลยออกไปนอกระเบียงครึ่งตัวเพื่อให้ส่งเสียงไปถึงกลางสนามของโรงเรียนได้

                เฮ้ย มันอันตรายนะคิดว่าอยู่ในโรงเรียนเวทมนตร์รึไง!

                เขาต่อว่าใส่พวกนักเรียนที่เตะบอลรับปิดเทอมกันอยู่ที่สนามซึ่งลมที่พัดเข้ามาเมื่อครู่เกิดจากเดม่อนแอพพลิเคชั่นที่เจ้าพวกนั้นใช้เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่นลงไปด้วย

                พอต่อว่าไปแล้วก็ได้รับคำขอโทษกลับมา เจ้าพวกนั้นคงแค่อยากลองใช้แอพตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อวานล่ะมั้ง

                นับจากสี่ปีที่แล้ววิทยาการก็ก้าวหน้าไปมากเพราะว่าทุกคนรับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในอาคาชิกเรกคอร์ดนั่นทำให้โลกในตอนนี้มนุษย์อยู่ร่วมกับปีศาจ มนุษย์ต่างดาวรวมถึงสัตว์เทวะ

                ทั้งหมดเกื้อกูลกันอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับกันเพื่อว่าซักวันหนึ่ง

                วันที่อาจจะต้องต่อกรกับผู้รุกรานจะมาถึง

                แล้ว

                อิงศรหันกลับไปเริ่มบทสนทนาต่อจากที่ค้างเอาไว้

                ไอ้การที่เธอมานั่งพูดเรื่องทางเดินในอนาคตของคนอื่นให้ฉันฟังเนี่ยจะพูดเรื่องนั้นสินะ

                ก็นั่นแหละค่ะแล้วคุณอิงศรว่ายังล่ะคะจะไปตามคำเชิญของพี่สิงห์ไหม

                เน็กซ์เป็นไงบ้าง

                เน็กซ์ก็ถูกสิงห์ทาบทามไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเกมโลกาวินาศที่ตอนนี้กลายเป็นระบบสำหรับปกป้องโลกใหม่ใบนี้ เมื่อถึงเวลาที่ผู้รุกรานบุกมา เกมจะกลายเป็นขุมพลังให้กับพวกเขา

                “…”

                อิงศรที่ไม่ตอบคำถามแต่กลับถามเรื่องคนอื่น นั่นทำให้มีนาเอียงคอด้วยความงวยงง

                แต่หล่อนก็ยอมพูดเรื่องเดียวกับเขาโดยไม่ปริปากถาม

                ตั้งใจเรียนน่าดูเลยล่ะค่ะ พี่สิงห์เนี่ยสายตาคมกริบไม่เปลี่ยนจริงๆ มองแววของเด็กคนนั้นออกได้

                ก็นะ เน็กซ์น่ะเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วหมอนั่นก็แค่ต้องรอเวลาที่จะกล้าแสดงออกกับโอกาสเท่านั้นเอง

                ภายในโลกที่ล่มสลายนั่นเขาเองก็ได้เน็กซ์ช่วยไว้หลายครั้ง

                พอมานึกย้อนถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อนที่โลกใบนี้ได้ถือกำเนิดและดำรงอยู่ พวกเขาเองก็ต่อสู้ฟันฝ่ามามากแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้พบกับความสงบสุขที่แท้จริงซักเท่าไหร่

                ศัตรูยังคงมีตัวตนอยู่และไม่รู้ว่าพวกมันจะเล็งเป้ามาที่นี่ตอนไหน อาจจะเห็นสัปดาห์หน้า หรือวันมะรืน ไม่ก็อาจจะมาหลังจากนี้ในอีกไม่กี่นาที ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโลกที่พวกเขาสร้างขึ้นมาใหม่นี้จะถูกตรวจจับและเป็นที่รับรู้จากเหล่าผู้อยู่อาศัยในความเป็นจริงเมื่อไหร่

                เพราะอย่างนั้นสิงห์ หรือ แฟรนเซียม ถึงอยากจะได้ตัวเขาไปช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อที่จะทำให้ปราการสำหรับป้องกันโลกใบนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ในเร็ววัน

                แล้วถ้าฉันไม่ตอบตกลงเน็กซ์ก็จะไม่ได้ไปต่องั้นเหรอ

                ไม่ค่ะ ทุนส่วนของเด็กคนนั้นไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจของคุณอิงศรหรอกค่ะ

                เหรอ

                อิงศรแหงนหน้ามองท้องฟ้า ทอดสายตามองไกลออกไปราวกับจะควานหาอะไรบางอย่าง

                อะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกโหยหาและหวนคิดคำนึงถึงคำสัญญาที่ต่างให้กันไว้

                แล้วจะได้เจอกันอีกอย่างแน่นอนคำสัญญานั่นจะทำให้เป็นจริงได้ไหม

                อิงศรกำลังถามตัวเองว่าอย่างนั้น

                งั้นฉันเองก็ลองก้าวไปข้างหน้าดูอีกซักครั้งดีไหมนะ

                เขาพูด

                มีนายิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น

                อยากจะพบอีกไม่ใช่เหรอคะ

                อืม ฉันอยากเจอหมอนั่นอีก

                เพื่อนที่ได้ให้คำสัญญาว่าจะกลับมาพบกันอีกครั้ง

                ””....ออร์ฟี่

                หมอนั่นเลือกที่จะอยู่ที่อาคาชิกเรคคอร์ดต่อเพื่อหาหนทางช่วยอดัมที่ไม่สามารถเดินเครื่องขึ้นมาได้อีกหลังจากราหูถูกกำจัดไปอย่างถาวร

                แล้วมีนาก็พูดแย้งความปรารถนาของเขา

                แต่ว่าในยุคสมัยของพวกเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะตามหาที่ตั้งของเซิฟเวอร์นั่นเจอหรือเปล่าเลยนะคะ

                เธอไม่ได้ตั้งใจจะตัดทอนกำลังใจเขาหรอก แต่มันเป็นความจริงที่ว่าออร์ฟี่นั้นยอ่ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะเอื้อมไปถึงได้ด้วยพลังในตอนนี้

                อิงศรดีดตัวลุกจากที่นั่งแล้วพูด

                ถึงเส้นทางนี้มันจะยาวจนไม่น่าเป็นไปได้ ถึงทางเลือกมันจะริบหรี่ก็เถอะ อย่างน้อยฉันก็อยากจะทำมัน ฉันคิดแบบนั้นแหละ

                คุณอิงศร...

                ก็คนมันว่างนี่...เนอะ

                อิงศรพูดแล้วยิ้มแห้งๆ ด้วยความเซ็ง

                อะไรกันล่ะคะนั่นจะหาเรื่องฆ่าเวลาเล่นหรือคะพ่ออัจฉริยะ

                มีนาพูดพลางกระทุ้งศอกมาที่หน้าอกเขาเบาๆ

                ก็นะคนมันเก่งซะจนไม่รู้ว่าอยากจะทำอะไรแล้วถ้าเรียนจบก็คงไปหางานทำใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอยู่ดี

                เมื่อกี้แซวเล่นค่ะไม่ต้องยอมรับก็ได้

                แต่ฉันเอาจริงนะ

                ถ้างั้นก็จะตอบรับคำเชิญของพี่สิงห์สินะคะ

                เออ ถ้ามันจะทำให้ฉันเข้าใกล้ออร์ฟี่ได้บ้างล่ะนะ

                ค่ะ

                หล่อนตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับจะบอกว่า

                ฉันรู้อยู่แล้วล่ะค่ะว่าจะเป็นแบบนี้

                อวดดีชะมัดเลยแม่คนนี้

                อิงศรเหยียดยิ้มขณะมองมีนา

                งั้น วันนี้ก็ว่างสินะ

                เห~ นี่ชวนเดทอยู่หรือคะ

                ได้สิแต่จ่ายเองนะ

                เอ๋ เวลาแบบนี้ฝ่ายชายเขาต้องเลี้ยงสิคะ

                ถ้าจะให้เลี้ยงงั้นต้องไปร้านที่ฉันเลือกเอง

                แล้วจะไปไหนล่ะคะ

                ร้านขนมพันโท

                จะไปให้คุณข้าวหลามเลี้ยงอีกแล้วสินะคะเนี่ย

                จะไปกันยัง

                ค่า~~~

     

                @@@@

                ... 2 ปีต่อมา

     

                บนทางเดินภายในตัวโรงเรียนตอนนี้เต็มไปด้วยนักเรียนที่เดินเท้ากันกลับบ้านตั้งแต่ช่วงสายของวันและมีแต่เด็กม.ปลายปีสามเท่านั้นที่มาโรงเรียนในวันนี้เนื่องจากเป็นพิธีจบการศึกษา

                มิ่งขวัญและกวินทร์ เรียนจบจากชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว

                นี่ขวัญเดี๋ยวไปไหนกันต่อปะ

                เขาถูกกวินทร์ถามเช่นนั้น

                “…...

                แต่ก็ยังไม่ได้ตอบไปทันที ในตอนนี้มีเรื่องที่ชวนให้ครุ่นคิดมากกว่าเรื่องไปเที่ยวฉลองในวันจบการศึกษากับเพื่อน

                เป็นเรื่องของพี่ชาย...

                ซักหนึ่งปีก่อนพี่ชายก็ออกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

                เขาบอกว่าจะเป็นนักวิจัยวิทยาศาสตร์เหนือธรรมชาติแล้วก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย ไม่แม้แต่ในวันหยุดก็ตาม

                หรือแม้แต่ในวันจบการศึกษาของน้องชายอย่างเขาก็ตาม

                ขวัญ

                “…..”

                ขวัญ

                อะไรเล่า

                อะไรน่ะก็ฟังอยู่ไม่ใช่เหรอเรื่องที่จะไปฉลองกันวันนี้ไงพวกที่ห้องเขาบอกทางไปร้านมาแล้วจะไปด้วยใช่ป่ะ

                มิ่งขวัญหันเหสายตาที่เหม่อลอยจนถึงเมื่อครู่ไปทางเพื่อนสนิท

                กึ๋ย

                แค่เห็นสีหน้ากวินทร์ก็เดาอารมณ์ออกได้ในทันที

                ที่รมบ่จอยแบบนี้เนี่ยเพราะพี่ศรใช่ไหมน่ะ

                เปล่าซักหน่อย

                คิดถึงอ่ะดิ ขวัญเนี่ยติดพี่เอาเรื่องตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนี่นา

                “…..”

                เอ๋ อะไรง่ะ

                “…..”

                เฮ้ย เดี๋ยวดินี่งอนกันเลยเหรอแค่หยอกเล่นๆ เองนะ!”

                พรืด

                พอเห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของกวินทร์แล้วก็หลุดขำออกไปจนได้

                อะไรว้า~~ แกล้งกันแรงไปป่ะเนี่ยนึกว่าโกรธจริงๆ ซะอีก

                ก็นายเอาแต่พูดน่ารำคาญนี่แล้วก็ที่กังวลน่ะไม่ใช่เรื่องศรอย่างเดียวหรอก

                ถ้างั้นแล้วเรื่องไรอ่ะ

                พอกวินทร์ถามมาแบบนั้น

                มาโน่นแล้ว

                ตัวการของเรื่องกังวลใจก็โผล่มาอยู่ที่หน้าประตูทางออกโรงเรียนที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป

                อ้าว นั่นพี่ฟ้านี่

                ตัวปัญหาที่ว่าก็คือยัยนั่นน่ะแหละ

                “….”

                กวินทร์เหลือบสายตามองมาทางนี้และคงเห็นสีหน้าของเขาไปแล้ว

                ก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ตัวเองทำสีหน้าแบบไหนอยู่แต่เรื่องที่เขาเริ่มคบหากับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของกวินทร์เป็นรู้กันมาได้ครึ่งปีแล้ว

                อ๋อ

                จู่ๆ กวินทร์ก็ตีสีหน้าเหมือนกับอ่านทุกอย่างออกแล้วเขยิบตัวเขามาใกล้พลางกระซิบที่ข้างหูว่า

                หรือไอ้เรื่องหนักใจที่ว่าเนี่ยจะหมายถึงซือเจ๊ของกระผมเหรอครับ

                สีหน้าของมิ่งขวัญซีดลงจนกวินทร์เองยังสังเกตเห็นและอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้

                ไปกันไม่ค่อยได้เหรอ

                เปล่า ที่จริงมันก็โอเคน่ะนะจนกระทั่งหลังจากเดทเมื่อเดือนที่แล้วจู่ๆ ก็มาชวนอย่างว่าน่ะสิ

                แล้วได้ทำไปยังอ่ะ

                สายตาของกวินทร์ฉายแววอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันควัน

                แต่กลับกันสีหน้าจของมิ่งขวัญยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม

                จะทำได้ไงเล่าพอบอกไปว่าทางนี้ยังเด็กอยู่เลยนะก็โดนถามมาว่าเดือนหน้าจะจบการศึกษาแล้วใช่ไหมน่ะสิ

                ที่ถามเรื่องวันจบการศึกษาเนี่ยหรือว่าเพราะวันนี้พวกเราจะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เลย....

                ไม่รู้ว่าทำไมหมอนี่ถึงได้เชียร์ออกนอกหน้ากันขนาดนี้

                ถึงเขาจะชอบพี่สาวของหมอนี่ก็จริงแล้วก็ไม่ได้เก็บเรื่องสมัยที่หล่อนยังเป็นมนุษย์ต่างดาวชื่อไทเทเนียมมาคิดอะไรด้วยแล้วก็ตาม แต่นี่มันก็เป็นเรื่องชวนลำบากใจอยู่ไม่น้อยเลย

                แล้วเอาไงต่อ

                กวินทร์ถาม น้ำเสียงดูจริงจังมาก บางทีคงเป็นเพราะนั่นคือพี่สาวลูกพี่ลูกน้องก็เลยอยากเข้มงวดกับเพื่อนสนิทคนนี้ที่คบหาดูใจกับเธออยู่ แต่สีหน้ายิ้มแก้มปริจนฟันแทบจะลอยออกมานอกหน้านั่นก็ทำให้รู้ว่าที่กำลังจริงจังคือเรื่องแกล้งให้เขาลำบากใจมากกว่า

                มิ่งขวัญสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก ทำให้หัวเย็นลงจนสติเริ่มจะกลับมา

                ก่อนอื่นคงต้องไปคุยแหละว่าวันนี้ยังไม่ได้

                เอ๋ ไม่ใช่วันนี้เหรอ

                ถ้ากระสันนักนายไม่ไปทำเองเลยล่ะเฟ้ย!”

                ได้ไงเล่านั่นแฟนขวัญนี่รับผิดชอบด้วยสิแล้วก็เป็นพี่สาวฉันด้วย

                ดูเหมือนว่าพูดอะไรไปก็จะถูกกวินทร์ย้อนคืนมาเสียหมด

                .....

                ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้วดีกว่าทำตามที่คิดเอาไว้นี่แหละวันนี้ต้องคุยให้ชัดเจนกันไปก่อน

                เมื่อตัดสินใจได้มิง่ขวัญจึงก้าวเท้านำออกไปก่อน โดยมีกวินทร์ที่รีบร้อนตามมา

                รอด้วย!”

                กวินทร์รีบวิ่งจนมาเดินข้างๆ แล้วก็เริ่มพูดเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ต่อ

                ที่พี่ศรไปต่อนอกเนี่ยเพราะว่าอยากจะหาเซิฟเวอร์นั่นให้เจอด้วยใช่ป่าว

                ก็คงงั้น

                พี่เขายังเป็นคนจริงจังเหมือนเคยเลยนะถ้าเป็นฉันคงถอดใจไปแล้วแต่เพราะแบบนี้แหละถึงนับถือพี่ศรเขาล่ะ

                อืม ก็นั่นพี่ฉันนี่นา

                มิ่งขวัญตอบรับด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ

                ทุกคนต่างก็เริ่มออกเดินทางไปตามทางของตัวเอง

                ไม่มีใครที่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเลยนะทั้งพวกเราแล้วก็ผู้คนบนโลกใบนี้

                กวินทร์พูด

                นั่นสิ ทุกคนเข้าใจแล้วว่าการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเป็นยังไงแล้วก็เริ่มต้นใหม่กันแล้ว

               

                @@@@@@@

     

                ...การเตรียมการพิเศษที่เริ่มตั้งแต่วันที่ได้โลกที่แท้จริงมาเพื่อรับมือกับการมาของผู้รุกรานในซักวันหนึ่ง

                และแล้ว

                วันนั้นก็มาถึง....

                แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก

                อิงศรหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายอิดโรยเพราะอ่อนล้าจากการต่อสู้มาอย่างยาวนาน

                ท่ามกลางโลกที่พังทลาย

                เมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง ไร้วี่แววผู้อยู่อาศัย

                ที่นี่คือภายในโลกเสมือนที่เขียนทับลงบนความเป็นจริงเพื่อปกป้องโลกจริงๆ เอาไว้และเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับผู้รุกราน

                เทิร์นบริงเกอร์ของจริงมาที่โลกใบนี้แล้ว

                ท้องฟ้าแตกแยกออกเป็นรูโพรงกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ผู้รุกรานโบยบินลงมาจากรูโพรงเหล่านั้น

                 อะไรกันล่ะเนี่ยทำไมผู้อาศัยของจักรวาลนี้มันถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตากันนักนะ

                ผู้นำของกองกำลังผู้รุกรานพูด

                เทพมารกายสีดำปีกสีทองสองคู่และปีกดำสนิทอีกหนึ่งคู่

                เทพมารที่คุ้นตาพวกเขาและเคยเป็นศัตรูตัวฉกาจมาก่อน

                ไนท์แมร์โซดิแอก

                แต่นั่นมันก็แค่ข้อมูลตัวจริงที่อยู่ตรงหน้านี้คือต้นฉบับ คือของจริงที่เลวร้ายกว่าราหูที่พวกเขาเคยสู้ด้วยตั้งไม่รู้กี่เท่า

                ถึงพวกเขาจะใช้ร่างไฮพีเรี่ยนที่ดึงข้อมูลมาจากตอนนั้นแทบทั้งหมดแล้วก็ยังเปรียบพลังกับผู้รุรกานของจริงที่ไม่ใช่ข้อมูลแทบไม่ได้

                ไนท์แมร์โซดิแอกพูดตอบโต้คำพูดของเขาเมื่อครู่

                ไหงรู้จักข้าด้วยล่ะเนี่ย

                แล้วยกกรงเล็บของมันขึ้นชี้มาทางนี้ เตรียมจะสังหารพวกเขาที่หมดหนทาง

                อึก...บ้าเอ้ย

                อิงศรคำราม พลางนึกเสียใจ

                นึกเสียใจที่จะต้องมาจบอยู่แค่นี้ การเตรียมใจของพวกเขายังไม่พอสำหรับโลกแห่งความเป็นจริงอย่างนั้นเหรอ พลังขั้นสูงสุดที่พวกเขาเคยมียังไม่เพียงพอจะต่อกรกับความเป็นจริงได้

                ไหนยังจะมีคำสัญญาที่ยังไม่ถูกเติมเต็มอยู่อีก

                ยังไม่ได้เจอหมอนั่นเลยนะ

                ความเศร้าเสียใจต่อวาระสุดท้าย

                เมื่อไนท์แมร์โซดิแอกดำเนินคำพูดของมันและทำให้เปลวไฟลุกโชติช่วงอยู่ภายในอุ้งมือ

                แต่เอาเถอะเดี๋ยวพวกแกก็จะถูกลบ...

                ไฟจะถูกปล่อยลงมาและแผดเผาพวกเขาตรงนี้ไปทั้งหมด

                แต่ทว่า

                อาคานาร์อาร์ค!”

                กลับมีลำแสงหลากสีพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

                อะไรกัน!”

                แขนของไนท์แมร์ถูกลำแสงแผดเผาและสลายหายไปในเสาแห่งแสง

                ข...แขนข้า!”

                มันดึงแขนที่ยังเหลือกลับไปทันทีแล้วแหงนหน้ามองหาผู้ที่จู่โจมมา

                ใครน่ะ ใครกัน!”

                อิงศรก็สงสัยเช่นกัน แต่ว่า...

                เสียงเมื่อกี้มัน

                เสียงร่ายสกิลเมื่อครู่นั้นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน แล้วเมื่อเขาแหงนเงยหน้าขึ้นไป

                อ....อา

                ปากก็เผยอขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ความหวังอันแรงกล้าราวกับจะไหลบ่าเทบ่าลงมาจากฟากฟ้าแห่งนั้น

                ใบหน้าที่โหยหา ความรู้สึกที่เรียกร้องอยากเจอ

                ความปรารถนาที่หมุนเวียนอยู่ภายในตัวเหมือนกับจะระเบิดออกมา

                ออร์ฟี่!”

                จากบนท้องฟ้าออร์ฟี่กำลังบินตรงมาที่นี่พร้อมกันกับอดัม

                ทั้งสองลงจอดตรงหน้าอิงศรเอาตัวเข้าบังเขาและพวกพ้องจากไนท์แมร์โซดิแอกกับกองทัพของพวกมัน

                เชอะ ยังมีพวกสวะเหลืออยู่อีกเรอะบังอาจทำกับแขนของข้าได้นะ

                ไนท์แมร์โซดิแอกพูด

                นี่คือร่างต้นของอดีตเหนือหัวเหรอรู้สึกแตกต่างออกไปเลยนะ

                อดัมพูด นอกจากนี้ชุดที่เขาสวมก็เป็นชุดรัดรูปของพวกผู้รุกรานนั่นทำให้ไนท์แมร์เกิดความสงสัยขึ้นมา

                ว่ายังไงนะแล้วแกน่ะชุดแบบนั้นมันพวกเดียวกันไม่ใช่เรอะทำไมถึงหักหลัง....

                แต่ยังไม่ทันพูดจนจบกองทัพที่อยู่ด้านหลังของมันก็ถูกระเบิดเป่าจนพากันหายไปหมดในคราเดียว

                อะไรกัน!

                ไนท์แมร์หันกลับไปมองกองทัพที่เคยเกรียงไกรของมันด้วยความสับสน

                มองดูซากของกองทัพที่ตอนนี้จมอยู่ในกองเพลิงที่ไม่รู้ที่มา

                ออร์ฟี่นี่มัน

                อิงศรพูด

                ไม่เจอกันนานเลยนะอิงศร

                ออร์ฟี่หันมาพูดกับเขา

                ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่ไอ้เมื่อกี้น่ะ

                เขาพูดพลางชี้ไปที่ทะเลเพลิงที่เผากองทัพผู้รุกราน

                ออร์ฟี่ที่ทำหน้าเหมือนกับรู้ทุกอย่างพูดตอบ

                อ๋อ ที่มาน่ะไม่ใช่แค่พวกเราหรอกนะ

                แล้วทันใดนั้นเอง

                ไม่ได้พบกันนานเลยนะท่านผู้สร้าง

                ก็มีร่างสีขาวโรยตัวลงมาที่เบื้องหน้าพวกออร์ฟี่อีกที

                หา...ผู้สร้างอะไร

                ไนท์แมร์ถาม ดูเหมือนมันจะไม่รู้ว่าผู้ที่ทำลายกองทัพของมันและลงมายืนอยู่เบื้องหน้าก็คือหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของมันเอง

                แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่

                เมอร์คาบาห์ซรูวาน มาที่นี่ได้เหรอแล้วเซิฟเวอร์อาคาชิกเรคคอร์ดล่ะ?”

                อิงศรพูด

                กรณีของออร์ฟี่กับอดัมถึงจะออกมายังฝั่งโลกแห่งความเป็นจริงได้ก็ไม่น่าแปลกแต่สำหรับซรูวานที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเซิฟเวอร์แล้วไม่น่าจะเป็นไปได้

                เฮ้ๆ การพบกันอันน่าซาบซึ้งน่ะพอแค่นั้นก่อนดีกว่าพวกเรายังต้องสู้กับเจ้าตัวร้ายกาจนั่นอยู่นะ

                มีเสียงดังมาจากทางด้านบนอีก จากนั้นก็มีเด็กหนุ่มสองคนลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกับพวกออร์ฟี่

                คนหนึ่งในนั้นที่พูดคำพูดเมื่อครู่ก็คือตัวเขาเอง

                คืออิงศรในวัยสิบเจ็ดปีและสวมเครื่องแบบทหารสีเขียวของเมตไตรย

                 นี่นาย...

                อิงศรพูด เขาจำได้ว่าเคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน

                ตอนนั้นเองเหล่าพวกพ้องที่เห็นว่าเขามีสองคนก็เริ่มจะโวยวาย

                พี่ศรมีสองคน...

                กวินทร์พูด

                ไงเจอกันอีกแล้วนะจินตนาการเป็นพลังให้แล้วใช่ไหมล่ะ

                อิงศรคนนั้นพูดกับอิงศรตัวจริง บรรยากาศเป็นกันเองและคำพูดที่ว่า จินตนาการจะเป็นพลังให้ นั่นทำให้นึกขึ้นมาได้

                ในช่วงเวลาที่ติดอยู่ในเซิฟเวอร์นั่น ในบรรดาโลกคู่ขนานที่เคยไปเยือนนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ได้เจอตัวเองอีกคนที่เป็นแบบนี้อยู่

                นี่นายหรือว่า...

                พูดยังไม่ทันจบอีกคนที่มาด้วยกันกับตัวเขาเองก็พูดขัดขึ้นมา

                เฮ้ย เฮ้ย อิงศรนั่นมันบทพูดฉันนะเว้ย ไหงมาแย่งกันเฉยเลย

                เด็กหนุ่มคนนั้นสวมชุดสีขาวแดง ชุดของฟิคชั่นไมสเตอร์ที่ ราหูเคยพูดถึง

                นายคือ....

                อิงศรถาม

                ตัวเขาอีกคนที่มาด้วยกันกับเด็กหนุ่มชุดขาวแดงจึงตอบให้

                เจ้านี่คือหมาขี้แพ้ที่ฉันเคยพูดถึงไปไง

                โธ่ ไปบอกแบบนั้นเดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันหมดพอดี

                เด็กหนุ่มชุดขาวพูดแล้วจึงหันมาทางพวกเขาพลางยกมือชี้นิ้วหัวแม่โป้งเข้าหาตัวเองเหมือนจะแนะนำตัว

                ฉัน เกร กีก้าสเลฟ เป็นฟิคชั่นไมสเตอร์ เรื่องของฉันถ้าไปอ่าน เทลอาโพคาลิปส์ในลิสต์ข้างล่างนี่ก็จะเข้าใจเองแหละ

     

                ถึงจะขี้เกียจแนะนำตัวยังไงก็ไม่ควรจะไปพูดแบบนั้นนะครับ

                จู่ๆ ก็มีเสียงที่ไม่รู้ที่มาที่ไปดังขึ้นมาแบบนั้น

                เอ๋ เมื่อกี้มีเสียงอะไรด้วยอ่ะ

                เมษาพูด

                ฉันก็ได้ยินไม่ได้หูฝาดแหงๆ

                มีนาพูด

                นั่นเสียงผู้บรรยายน่ะ

                เกร อธิบายให้พวกพ้องของเขาไปแบบนั้น แน่นอนว่าไม่มทีใครเข้าใจความหมายของมัน

                อันที่จริงแม้ตตัวเขาเองที่เคยไปพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาแล้วที่โลกแห่งนั้นก็ยังรับมือไม่ค่อยถูกเลย

                ผู้บรรยาย มันคืออะไรล่ะนั่น

                นรินทร์ถาม

                แต่ยังไม่ทันที่จะอธิบายก็เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน

                ระเบิดจากการที่อดัมสร้างกำแพงป้องกันขึ้นมาต้านการโจมตีจากไนท์แมร์โซดิแอก

                ให้ตายสิทำเมินกันหน้าตาเฉยเลยนะเจ้าพวกผู้อาศัยของโลกนี้ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้จักข้าแล้วก็แกฟิคชั่นไมสเตอร์

                คำพูดนั้นทำให้เด็กหนุ่มที่ชื่อเกรจ้องตาไนท์แมร์โซดิแอก

                ดูเหมือนว่าระหว่างสองคนนั้นจะมีเรื่องกันมาก่อน

                ไนท์แมร์โซดิแอกพูด

                เวิร์สของพวกแกถูกรุกรานไปเรียบร้อยแล้วยังไม่ยอมจบไปอีกเรอะ

                คำพูดนั่นน่าจะหมายถึงตัวของเด็กหนุ่ม และอาจหมายถึงโลกของเกรนั้นได้ถูกพวกผู้รุกรานโจมตีจนแตกพ่ายไปแล้วหรือเปล่านะ

                แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้มีทีท่าต่อคำพูดยั่วยุของอีกฝ่ายและพูดกลับไปว่า

                เฮอะ แกคิดว่าพวกเราน่ะเป็นใครกัน

                พลางชกกำปั้นเข้ากับมือตัวเอง

                จากนั้นอิงศรที่มากับทางนั้นก็หันมาพูดกับอิงศร

                ถึงสถานการณ์จะเข้าใจได้ยากไปหน่อยแต่อยากให้ช่วยทีฉันกับหมอนี่เพิ่งจะไปปล่อยซรูวานกับออร์ฟี่มาจากเวิร์สที่นั่นแล้วก็ไล่ตามเจ้านี่มา

                ถึงที่พูดมาจะเข้าใจได้ยากแต่ก็พอจะรู้แล้วว่าที่ออร์ฟี่กับอดัม และรวมไปถึงซรูวานมาอยู่ตรงนี้กันได้ก็เป็นฝีมือของสองคนนี้

                พูดแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ สองคนนี้เป็นใครกันอิงศร

                สิงห์ถาม

                แต่ทว่า

                มิ่งขวัญกลับแทรกขึ้นมา

                ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหนเลย

                แล้วชนกำปั้นกับมือเหมือนที่เกรทำ

                แค่ร่วมมือกันอัดเจ้านั่นให้หมอบก็โอเคแล้วใช่ไหมล่ะ

                พลางส่งสายตามาที่เขาราวกับจะขอแนวร่วม

                พอเห็นแบบนั้นเข้าอิงศรที่โลกนั้นก็มองมาทางนี้แล้วยิ้มให้

                ก็ประมาณนั้นแหละ

                พลางพูดมาแบบนั้น

                ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ว่า

                ยังไงก็มีแต่ต้องเลือกหนทางแล้วก้าวต่อไปข้างหน้านี่เนอะ

                @

                @

                @

     

                เธอน่ะชอบเล่นเกมหรือเปล่า

                [ใช่]

                [ไม่]

     

    ***และแล้วก็จบจริงใสซิงไม่มีหักแล้วเน่อ เรื่องนี้ได้เดินทางมาถึงตอนจบอย่างบริบูรณ์แล้ว ขอขอบคุณรีดทุกท่านที่ตามกันมาจนถึงตอนสุดท้ายนี้นะครับ ผลงานเรื่องใหม่คงจะยังไม่มีในเร็วๆ นี้เพราะไรท์เองชีวิตก็เริ่มวุ่นวายจากที่ช่วงหลังมาแทบจะปั่นต้นฉบับไม่ได้เลยก็หวังว่าจะได้พบกันอีกครั้งในผลงานถัดไป(ถ้ามี)นะครับ ที่จริงเรื่องถัดไปก็คิดว่าจะหยิบฟิคชั่นไมสเตอร์มาเขียนซักทีนี่ล่ะแต่ยังไม่มีเวลานี่สิ โอเมก้า 555+***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×