ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #161 : Logout 158: The Coffee Break

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 246
      8
      8 ต.ค. 60

    Logout 158: The Coffee Break

     

                มันเป็นเรื่องเมื่อเนิ่นนานมากแล้ว

                นานเสียจนเคยลืมไปหนหนึ่ง

                แต่แล้วก็จำมันขึ้นมาได้

                ความทรงจำตอนที่ยังอยู่บนอีเด็นกับไฮโดรเจน

                สถานที่คือบนเนินทุ่งหญ้าเขียวขจีซึ่งได้รับการบอกเล่ามาว่าครั้งหนึ่งบนที่แห่งนี้ซึ่งเขาเหยียบยืนอยู่เคยมีมนุษย์ต่างดาวตนแรกอดาเมียมยืนเคียงข้างเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ออร์ฟิอูคูมันนาร์

     

                เหมือนกับอดาเมียมงั้นเหรอฉันเนี่ยนะ

                ซีเซียมชี้มาที่ตัวเองขณะที่พูด เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย

                เสื้อผ้าที่สวมตอนอยู่บนสวนแห่งนี้ก็เหมือนเครื่องแต่งกายตามปกติ ชุดไปรเวศ เสื้อยืดคอกลมสีฟ้ากับกางเกงยีนส์

                แล้วตอนนี้ออร์ฟิอูคูมันนาร์หรือไฮโดรเจนผู้ดำรงตำแหน่งราชครูลำดับที่หนึ่งก็ยืนอยู่เคียงข้าง พวกเขาหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ยามรุ่งสาง

                ใช่แล้วล่ะ เธอคล้ายกับเขามากจนผมเองยังตกใจเลย

                ไฮโดรเจนตอบคำถามเมื่อครู่ให้

                พวกเรากำลังคุยกันถึงเรื่องเก่าๆ ของไฮโดรเจน เรื่องก่อนที่จะกลายเป็นผู้ดูแลพวกเราเหล่าบุตรแห่งแสงผู้ถือกำเนิดขึ้นโดยแอดมินิสเทรเตอร์โซลาริส แม้แสงแดดตกกระทบลงบนร่างก็ไม่เกิดเงาขึ้นบนสวนแห่งนี้

                ที่จริงเพิ่งจะรู้จักเงาก็ตอนที่ลงไปยังสวนแห่งที่สองในช่วงเวลาหลังจากนี้ไปอีกนานแสนนาน

                แค่หน้าคล้ายงั้นเหรอ ถ้างั้นให้ฉันเป็นอดาเมียมก็คงได้สิ

                แต่มันจะดีเหรอเธอคงไม่ชอบใจหรอกมั้งถ้าจะโดนทำเหมือนเป็นคนอื่นน่ะ

                ก็ไม่ได้จะเป็นแทนซักหน่อยแค่จะทำแทนในส่วนของเขา จะเป็นเพื่อนให้ไฮโดรเจนไง

                พอพูดออกไปแบบนั้นไฮโดรเจนก็ทำหน้าตกใจแล้วพูดว่า

                เธอนี่นะ กับราชครูลำดับสูงกว่ายังกล้าพูดว่าจะเป็นเพื่อนอีก เหมือนกันกระทั่งตรงนี้เลยนะ

                ไม่เห็นเป็นไรเลยก็ไฮโดรเจนใจดีออก รู้สึกเหมือนได้พี่ชายเลยล่ะ

                พี่ชายเหรอนี่ๆ ผมเป็นครูของเธอนะเป็นคนที่สอนเรื่องต่างๆ ให้ระดับต้องสูงกว่าพี่ชายสิ

                อะไรเล่าแบบนั้นมันห่างเหินออกจะตายเป็นพี่ก็สอนน้องได้เหมือนกันแหละน่าฉันยังสอนแบเรียมอยู่บ่อยๆ เลย

                ซีเซียมพูดแล้วเชิดหน้าพร้อมกับกอดอกไปด้วย ท่าทางแบบนั้นทำให้ไฮโดรเจนกลั้นขำ

                ขอบใจนะแต่ว่าคงให้เป็นแทนไม่ได้หรอก

                ซีเซียมหันควับกลับมาทันทีแถมมีสีหน้าเป็นกังวล

                ทำไมล่ะ

                “…”

                เอ่อ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร

                เหมือนไฮโดรเจนจะชั่งใจอยู่พักหนึ่งแล้วก็คงคิดว่าควรจะต้องพูด เพราะไม่อย่างนั้นอาจะเกิดความผิดพลาดขึ้นมาอีก

                ความผิดพลาดซึ่งอดาเมียมเคยทำไว้ในอดีต

                ไฮโดรเจนพูด

                ผมไม่อยากจะสูญเสียความถูกต้องของตัวเองไปอีกแล้วน่ะ

                “…”

                ซีเซียมทำหน้าไม่เข้าใจ

                ไฮโดรเจนจึงแหงนหน้ามองท้องฟ้าซึ่งยังคงเป็นรุ่งสาง

                ผมเคยคิดว่าที่อดัมทำลงไปมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดผมซึ่งเป็นเครื่องมือเพื่อรักษากฎระเบียบแต่กลับนึกสงสัยในกฎระเบียบนั้นถึงได้ถูกโยกย้ายออกมาต้องขอบคุณท่านลูนาริสที่ยอมให้ผมได้มีโอกาสแก้ตัวดังนั้นไม่อยากให้ต้องผิดหวังน่ะ

                งั้นตอนนี้นายก็เกลียดอดาเมียมอย่างนั้นเหรอ

                “…”

                ไม่รู้สิ แต่ว่าจนถึงตอนนี้ผมก็ยังมีสัญญาที่ต้องรักษา บางทีนะซีเซียม

                แล้วหันไปมองหน้าอีกฝ่าย

                ทำไมเหรอ

                การที่เธอได้เกิดมาก็หมายความว่ามีมนุษย์ที่เหมือนกับอดัมถือกำเนิดขึ้นมาบนสวนข้างล่างนั่นด้วยบางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณว่าเวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้วก็ได้ ผมจะต้องปกป้องลูกหลานของเขา

                นั่นเป็นคำบอกลาล่วงหน้า

                อีกไม่นานไฮโดรเจนก็จะต้องจากที่แห่งนี้ไปเมื่อการสั่งสอนจบบริบูรณ์แล้วพวกเขาเหล่าบุตรแห่งแสงก็จะกลายเป็นผู้รับใช้ของแอดมินิสเทรเตอร์ ส่วนไฮโดรเจนก็จะลงไปเฝ้าจบตามองมนุษย์

                พอคิดแบบนั้นก็ทำให้รู้สึกใจหายขึ้นมา ซีเซียมพยายามสลัดความคิดนั่นทิ้งแล้วพูดโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย

                ถ้างั้นเมื่อถึงตอนนั้นก็ขอให้ฉันได้ช่วยนายด้วยเถอะ

                เพราะแบบนั้นในหัวถึงได้มีแต่เรื่องของเฟือง

                เรื่องของอิงศรที่เป็นรากเหง้าของตัวเอง

                เพราะว่าสัญญากับไฮโดรเจนเอาไว้แล้วแต่ว่า

     

                บนเกาะซึ่งเป็นจุดนัดพบกับแฟรนเซียม เขาได้ใช้สกิล ฮีโร่เวิร์ส สร้างพื้นที่พิเศษขึ้นมา

                บ้านจำลองสูงแค่เอวและอาคารจำลองสูงเสมอไหล่พากันผุดขึ้นมาจากใต้พื้นดินสร้างเมืองซึ่งเป้นเวทีให้พวกเขาได้เฉิดฉาย

                นี่มันหมายความว่ายังไง

                แฟรนเซียมถามหลังจากโดนจ่อปืนใส่หน้า

                ยังจะมาตีหน้าเซ่ออยู่อีกนะไอ้คนทรยศ

                เขาตอบแล้วลั่นไกปืนแต่แฟรนเซียมโยกตัวหลบได้ทันแล้วกระโดดถอยไปตั้งหลักห่างออกไปสามเมตร

                พูดเรื่องอะไรน่ะ

                ซีเซียมถามกลับมา อีกฝ่ายชักดาบออกมาแล้ว เป็นดาบโลหะที่ติดตั้งแอพพลิเคชั่นปีศาจไม่ใช่อสุรากลิ่นอายมันฟ้องมาแบบนั้น ส่วนรูบิเดียมยังดูเชิงอยู่คงยังไม่หายช็อก

                ไม่ต้องมาโกหกแฟรนเซียม เพราะโดนแกล้างสมองนั่นแหละความทรงจำของฉันถึงได้กระจัดกระจายไปหมด

                งั้นแกจำอะไรได้กันล่ะ

                สิ่งที่จำได้อย่างนั้นน่ะเหรอ นั่นสิจู่ๆ ก็จำขึ้นมาได้ทั้งหมดเลย

                พอได้อ่านเมล์ที่ส่งมาหลังจากที่หนีออกมาจากรังของอารย-สนธยา เมล์ของไฮโดรเจนที่บอกเล่าความจริงเกี่ยวกับแฟรนเซียมทั้งหมดแล้วเขากับพวกพ้องตรงนี้ก็เพิ่งจะไปพบกับความจริงจึงรีบบึ่งมาที่นี่ทันที

                แกคิดจะหักหลังไฮโดรเจนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่รึไง

                ไปโดนใครทำอะไรมารึเปล่าซีเซียม จำไม่ได้รึไงว่าไฮโดรเจนเป็นคนยกให้ฉันจัดการ…”

                ไฮโดรเจนบอกฉันหมดแล้วทางเมล์นี่ไงล่ะเรื่องที่แกกำลังคิดจะทำน่ะ

                ซีเซียมเปิดเมล์ที่ว่าให้ดู เมล์ซึ่งบอกเล่าว่าแฟรนเซียมเป็นใครและกำลังจะทำอะไร

                แฟรนเซียมที่เห็นเมล์เข้าก็เดาะลิ้นแล้วหันไปทางลิเธียมกับโซเดียมทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง

                เชื่อจริงๆ เหรอว่านั่นคือเมล์จากไฮโดรเจนที่หายสาบสูญไปแล้วน่ะ

                ก็ได้ไปเห็นมาแล้วไงล่ะทั้งเมอร์คาบาห์ทั้งเฟืองที่อยู่กับเจ้าพวกนั้นที่แกใช้อีกโฉมหน้ารวบรวมเอาไว้แล้วก็เครื่องทำสวนที่อยู่ใต้ดินของเมตไตรยนั่นด้วย

                แม้จะได้ยินที่เขาพูดแล้วแต่แฟรนเซียมก็ยังรักษาสีหน้าอันเรียบนิ่งเอาไว้

                งั้นก็จะบอกว่าจำได้ทั้งหมดแล้วจริงๆ สินะพวกแกน่ะ

                เออสิ เพราะงั้นถึงมาฆ่าแกไง

                ตอนนั้นเองลิเธียมก็เดินอ้อมขึ้นมาแล้วพยายามกล่อมอีกฝ่าย

                ท่านลำดับที่หนึ่งถึงจะมีพลังมากแค่ไหนแต่ถ้าพวกเราทั้งหมดรู้เรื่องนี้ก็จะต้องต่อต้านอย่างแน่นอนถึงตอนนั้นทุกอย่างที่ทำมาก็สูญเปล่าแล้วรีบยอมจำนนเถอะครับ

                โซเดียมเองก็ทำแบบเดียวกัน

                ใช่แล้วค่ะอย่าให้มีการสูญเสียกันไปมากกว่านี้เลย

                แต่แฟรนเซียมหัวเราะให้กับความพยายามของทั้งคู่

                ซีเซียมคิดเอาไว้อยู่แล้วว่ามันเสียเปล่าอีกฝ่ายทำเรื่องไปตั้งขนาดนี้แล้วคงจะยอมรามือง่ายๆ หรอก แต่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีไฮโดรเจนที่อยู่กับรากเหง้าของตัวเองคอยจัดการอยู่ดีถึงตอนนั้นเหล่าบุตรแห่งแสงทั้งหมดก็จะกลายเป็นศัตรูกับแฟรนเซียม

                ดังนั้นถ้าพวกเขาสามารถจัดการกับแฟรนเซียมลงที่นี่ได้ก่อนก็จะรักษากำลังส่วนมากเอาไว้ได้เพื่อให้สามารถสนับสนุนไฮโดรเจนได้นี่ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด

                แฟรนเซียมพูด

                แล้วไง

                หือ?”

                แล้วจากนั้นล่ะ ฆ่าฉันไปแล้วพวกแกจะทำอย่างไงต่อคงรู้สินะถ้าฉันถามแบบนี้คำตอบก็คือฉันจะไม่ยอมจำนนน่ะ

                เมื่อแฟรนเซียมพูดรูบิเดียมก็เอาผลึกคริสตัลออกมาแล้วเดินไปสมทบกับแฟรนเซียม

                อีกฝ่ายตั้งใจจะสู้ตายอย่างนั้นสินะ

                ก็เอาสิไว้ฆ่าแกได้ฉันจะไปช่วยไฮโดรเจนร่วมมือกันปกป้องมนุษย์ ปกป้องลูกลานของอดาเมียม

                งั้นเรอะ....หึ ฮะฮะฮะ

                แฟรนเซียมลั่นเสียงหัวเราะทั้งที่สีหน้าตายด้าน

                มีอะไรน่าขำกัน

                จำได้ทั้งหมดอะไรกันนี่แกคิดว่านั่นเป็นความทรงจำจริงๆ ของแกงั้นเรอะไม่มีอะไรจะตลกไปกว่านี้แล้ว

                หา?”

                จะบอกอะไรดีๆ ให้ก็ได้ฉันกับรูบิเดียมที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อนน่ะนะ…”

                ไอ้เรื่องนั้นน่ะรู้อยู่แล้วเพราะงั้นถึงได้มาฆ่าคนทรยศอย่างแกไง

                แต่แฟรนเซียมกลับพูดมาว่า

                ใช่ งั้นรู้ด้วยรึเปล่าล่ะว่าพวกฉันนี่แหละที่สร้างพวกแกขึ้นมา

                หา? อย่ามาพูดเพ้อเจ้อน่าผู้สร้างพวกเราน่ะคือ…”

                ไม่ใช่โซลาริสอยู่แล้วพวกแกคนก่อนๆ น่ะตายไปหมดแล้วถูกเทวทูตฆ่าตายหมดยังไงล่ะ

                แวบหนึ่งที่สีหน้าของซีเซียมและพวกพ้องข้างหลังแสดงความตกใจขึ้นมาพร้อมกัน

                อึก ว่าไงนะ

                แน่นอนว่านี่ต้องเป็นเรื่องแต่งอยู่แล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้อีกฝ่ายกำลังเข้าตาจนถึงได้สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อทำให้พวกหวั่นไหว

                เรื่องแต่งของแฟรนเซียมยังคงดำเนินต่อไป

                ยังไม่เข้าใจอีกรึไงเห็นกรณีของโซเดียมพวกแกก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ทำไมโซเดียมคนใหม่ถึงได้มีหน้าตาเหมือนกับคนก่อนพวกแกไม่เคยสงสัยเรื่องพวกนั้นเลยนี่ แล้วตอนนอนไปทำอะไรบ้างพอหลับแล้วถูกทำอะไรบ้าง

                แต่น่าแปลก ทั้งที่เป็นคำถามพื้นๆ ผสมมาเพื่อให้เรื่องแต่งดูน่าเชื่อถือแต่มันกลับ

                “…”

                พวกเขากลับตอบไม่ได้เลยซักอย่างทั้งที่น่าจะเป็นเรื่องที่ตอบได้แท้ๆ แต่กลับนึกเรื่องพวกนั้นไม่ออกเลยแถมยังไม่เคยสงสัยเลยด้วย

                แล้วแฟรนเซียมก็เฉลยคำตอบนั้นให้ฟัง

                คำตอบมันก็ง่ายนิดเดียวพวกแกที่อยู่ในปัจจุบันนี้ทั้งหมดเป็นแค่แอคทิไนด์เหมือนกับพวกชั้นศิษย์ยังไงล่ะถูกควบคุมความทรงจำอย่างสมบูรณ์ตอนที่นอนหลับก็จะปรับปรุงความทรงจำใหม่อยู่เสมอเพราะว่าฉันกับรูบิเดียมสร้างพวกแกขึ้นมาให้เป็นแบบนั้น

                บ้าน่า! เรื่องแบบนั้นมันไม่น่าจะเป็น…”

                แต่ตอนนี้ภายในสมองเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้นั่นขึ้นมาบ้างแล้ว

                ทำไมถึงเริ่มเอะใจเรื่องโซเดียมตอนที่มันพูดขึ้นมา

                ทำไมถึงนึกเรื่องตอนที่นอนอยู่ทุกวันไม่ออก

                จู่ๆ ก็เริ่มปวดหัวขึ้นมา ซีเซียมกุมขมับตัวเองพลางจิกปาก

                ความทรงจำในหัวเริ่มจะสับสนแล้วก็ไม่ใช่แค่เขา

                กระทั่งลิเธียม โซเดียม แบเรียม รีเนียม ออสเมียม ทุกคนต่างก็พากันกุมขมับ

                เป็นไปได้อยู่แล้วเพราะคนที่ขอร้องให้ทำแบบนี้ก็คือเจ้านั่นเจ้าไฮโดรเจนที่แกรักนักหนานั่นไงล่ะมันเสียใจที่ปกป้องพวกแกไม่ได้เพราะงั้นถึงได้ขอให้ฉันช่วย เพราะมันเข้าใจว่าฉันคือคนที่ได้รับเลือกต้องขอบใจพวกแกที่ช่วยเป็นเหตุผลให้หมอนั่นมาติดต่อกับฉันล่ะนะเพราะแบบนั้นถึงได้มีพลังพอจะทำลายพวกเทวทูตนั่นแถมยังได้หนทางแก้ไขความเน่าเฟะของโลกใบนี้มาด้วย

                ซีเซียมพยายามจะแย้ง

                เรื่องเพ้อเจ้อพรรค์นั้น…”

                แต่ก็ชะงักคำพูดตัวเองไปเพราะไม่รู้จะแย้งกลับไปตรงไหนดี

                น่าเสียดายนะถ้าแกทำเป็นไม่รู้ต่อไปแล้วทำตามฉันเหมือนเดิมก็ดีไปแล้วแท้ๆ เพราะแบบนั้นฉันจะพาพวกแกไปดูโลกใหม่ที่จะสร้างขึ้นด้วยแต่ในเมื่อความแตกแล้วก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะจะปรับความทรงจำใหม่ก็คงไม่มีเวลาขนาดนั้นงั้นก็...รูบิเดียม!

                เตรียมตัวเสร็จนานแล้วล่ะน่า

                ตอนนั้นเองที่พอรู้สึกตัวอีกทีบรรยากาศรอบๆ ก็โดนถมไปด้วยยูนิทแสงจำนวนมหาศาลขนาดที่กลบท้องฟ้าของเมืองจำลองจากสกิลฮีโร่เวิร์สจนมิด ตัวเมืองเองก็ถูกเคลือบไว้ด้วยผลึกใส

                ฟิลด์นี่มันไดม่อนรีม

                โซเดียมพูด

                ชิ

                ซีเซียมเดาะลิ้น ระหว่างที่พวกเขากำลังสับสนรูบิเดียมก็อาศัยจังหวะนั้นกางอาณาเขตของอาวุธออกมา ดินแดนผลึกซึ่งเป็นเงื่อนไขสำหรับกลยุทธ์รุกด้วยสกิลท่าไม้ตายล้วนๆ ฮาร์ดอัลติเมทแท็คติก

                ยูนิทแสงล่องลอยออกมาจากตัวหมากรุกราชินีที่รูบิเดียมสร้างขึ้นด้วยผลึกคริสตัลอันเป็นอาวุธติดตั้งอสุรา คริสตัลเอ็กซีดฮาร์วาทาท

                ก่อนที่รูบิเดียมจะเริ่มเปิดฉากยิงถล่มด้วยท่าไม้ตายนั่นเอง

                มองเห็นช่องว่างแล้ว

                ซีเซียมกล่าวแบบนั้นแล้วลั่นไกปืนยิงโดยไม่ดูทิศทาง ปากกระบอกหันไปคนละทางกับจุดที่หล่อนยืนแต่ว่าลูกกระสุนเข้าเป้า

                กรี้ด!!”

                รูบิเดียมกรีดร้องลูกกระสุนเข้าโจมตีจุดตายแล้วตัวลอยกระเด็นไปกระแทกบ้านเรือนจำลองจนพังพินาศแบบที่ไม่มีทางเลี่ยงได้เพราะนั่นคือสกิลของฮีโร่

                สกิลที่มีไว้เพื่อวีระบุรุษให้มาปราบเหล่าอธรรม

                เชอะ เรื่องความจริงของพวกฉันจะเป็นยังไงก็ช่างแต่ต้องหยุดแกรู้แค่นั้นก็เกินพอแล้ว

                ซีเซียมพูด คำประกาศของเขาดึงให้สติของทุกคนกลับคืนมาจากนั้นก็ชักอาวุธเตรียมพร้อมสู้รบเต็มอัตรา

                ชิ

                แฟรนเซียมทำเสียงจิกจักในปาก

                มองเห็นใบหน้าอันเรียบเฉยนั่นเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้นที่อีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ บางทีเรื่องที่ดูเหมือนความจริงพวกนั้นอาจจะแค่แต่งขึ้นมาหลอกเฉยๆ ก็ได้

                อย่างไรก็ตาม...

                พวกผู้ร้ายอย่างแกมิตรแห่งความเที่ยงธรรมจะกำจัดให้เอง

                แล้วเขากับพวกพ้องก็เฮโลกันเข้าไปรุมแฟรนเซียม

                ศึกนี้ถูกชี้ขาดเป็นที่เรียบร้อย

                @

                @

                @

                “ก็อย่างที่ว่าไปนั่นแหละมนุษย์ต่างดาวตัวจริงตายไปหมดแล้วพวกผมก็แค่ก็อปปี้เท่านั้น

                โพแทสเซียมเล่าเรื่องน่าตกใจออกมาได้หน้าตาเฉยชาเป็นอย่างมาก

                ทั้งที่เพิ่งจะบอกว่าตัวเองเป็นเพียงของที่โดนสิงห์สร้างขึ้นมาเป็นหมากเบี้ยที่ใช้แล้วทิ้ง

                แต่หมอนี่ก็ไม่ได้ทำหน้ายิ้มแย้มตอนที่พูดเลยแถมไม่ได้หัวเราะกลั้วไปด้วยจะบอกว่านั่นคือท่าทีของคนที่แสร้งทำเป็นไม่เศร้ากับความเป็นจริงหรือแค่ทำเป็นว่าเป็นเรื่องไกลตัวไปก็เท่านั้นกันดีล่ะ

                “…”

                อิงศรคิดว่า เสียเวลาเปล่ายังไงเขาก็ไม่มีทางเข้าใจหมอนี่ได้หรอก จึงหันไปพูดกับซีลอร์ด

                ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย

                ซีลอร์ดตอบมาว่า

                ก็หลายอย่างนะเรื่องนี้ถ้าเล่าแล้วมันยาวไว้ขึ้นเครื่องแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง

                ขอสรุปย่อก่อนได้ไหมนายพูดว่าเรื่องมันยาวทีไรล่ะฉันกลัวฟังไม่รู้เรื่องทุกทีจะได้ไปหาข้อมูลศาสนาหรืออะไรมาเพิ่มก่อนไม่งั้นฟังนายพูดไปได้งงแน่

                ถ้าจะเอาอย่างนั้นล่ะก็ผมจะช่วยเล็คเชอร์ให้เธอกับทุกคนบนเครื่องน่าจะดีกว่านะเพราะฟังแล้วคงหลับสนิทแน่แบบนั้นจะได้พักด้วยไงล่ะพวกเธอน่ะยังไม่ได้นอนกันเลยไม่ใช่เหรอ

                ซีลอร์ดพูดแล้วชี้ไปที่พวกพ้องที่อยู่ข้างหลังซึ่งแต่ละคนก็เริ่มจะสะลึมสะลือกันบ้างแล้ว

                ถ้าได้กาแฟซักถ้วยก็คงดี

                เขาลองพึมพำสิ่งที่ตัวเองปรารถนาในตอนนี้ออกมาดูขณะที่มองพวกพ้องเหล่านั้น

                ในกลุ่มนั้นเองมิ่งขวัญเป็นคนเดียวที่ทำหน้าหงุดหงิดแล้วก็พยายามจับคอเสื้อเกราะขยับไปมาตั้งแต่เมื่อกี้

                กวินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นเข้าก็ยื่นมือไปปลดสายรัดชุดเกราะที่อยู่ด้านหลังผ่อนมันให้หลวมลงเล็กน้อย

                มันรัดแน่นไปสินะ

                กวินทร์พูด จากนั้นมิ่งขวัญก็ขอบคุณกลับ

                ขอบใจ

                คำพูดนั้นเรียกสายตาของพวกพ้องคนอื่นมา

                “…”

                มิ่งขวัญเลิกคิ้วสูงเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์

                กวินทร์จ้องมิ่งขวัญอยู่แล้วก็ยิ้ม

                ได้รับคำขอบคุณจากขวัญด้วยแหะ

                มิ่งขวัญหน้าแดงขึ้นแล้วถามตะคอกเสียงเล็กน้อย แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

                “ท...ทำไมเล่า

                แต่ฟูก็พูดขัด

                เหวยๆ เจ้าขวัญปากหนักขอบใจคนอื่นเป็นด้วย

                แล้วมิกซ์ก็ฟาดหลังมือแปะลงไปที่หัวของฟูเบาๆ พลางต่อว่า

                ฟูนายน่ะไม่ต้องไปว่าเขาเลย

                จากนั้นทุกคนก็พากันหัวเราะเลยกลายเป็นฟูที่หน้าแดงเพราะถูกล้อไปแทน

                ช่วงที่หันไปสังเกตทุกคนนั้นแค่ไม่กี่วินาทีอิงศรก็หันเหสายตากลับไปที่ซีลอร์ด

                เขาแอบอมยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่มิ่งขวัญพูดกับกวินทร์หลังจากนั้น

                ก็ก่อนหน้านี้ได้นายช่วยเอาไว้...เพราะนายบอกให้สู้ไปด้วยกันไม่ต้องแบกรับไว้คนเดียวเพราะแบบนั้นตอนนี้ถึงได้กลับมาอยู่กับทุกคนอีกครั้งน่ะ

                น้องชายคนนั้นเติบโตขึ้นมานิดหน่อยตอนนี้รู้จักเข้าหาคนอื่นแล้วทั้งที่คิดว่าพอกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวแล้วจะทำให้ยิ่งเก็บตัวหนักกว่าเก่า

                ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินซีลอร์ดพึมพำว่า

                คาอินกับอาเบลสนิทกันแล้วสินะ

                ไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ดูเหมือนซีลอร์ดจะไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเขาจ้องอยู่

                จากนั้นโพแทสเซียมก็ปรบมือเสียงดังแล้วพูดเรียกความสนใจ

                ถ้าอย่างนั้นทุกท่านพร้อมจะออกเดินทางรึยังล่ะ

                อิงศรจ้องเขม็งไปที่มนุษย์ต่างดาวแล้วคิดว่า ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี

                กวินทร์นายขับเฮลิคอปเตอร์เป็นรึเปล่า

                เขาลองถามลอยๆ โดยที่ไม่หันหน้าไป ซึ่งกวินทร์คงจะไม่รู้ว่าเขาถามจริงจังถึงได้ตอบกลับมาแบบทีเล่นทีจริง

                แหม พี่ศรครับสี่ปีก่อนผมยังแค่สิบเอ็ดขวบเองคงไม่มีใครสอนให้เด็กขับเฮลิคอปเตอร์หรอกครับ

                แต่สิบเอ็ดขวบก็ไม่มีเด็กที่ไหนขับรถเป็นเหมือนกันนั่นแหละน่า

                โพแทสเซียมที่ยืนฟังอยู่ก็พยักหน้าเอาเหมือนเข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

                สบายใจได้น่าซุงอิงตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้วน้า~~”

                ได้ยินแบบนั้นเข้าอิงศรก็ถอนหายใจแล้วหันหลังกลับไปหาพวกพ้อง

                ช่วยฟังหน่อยนะ จากนี้ไปฉันจะไปช่วยมีนาพวกพ้องคนสำคัญออกมากวินทร์กับเมษายังไงก็คงจะติดตามไปด้วยอยู่แล้วแต่ว่าขวัญแล้วก็พวกนาย

                เขาหยุดโดยจ้องมองไปที่กลุ่มของพวกเด็กกำพร้าแล้วค่อยพูดต่อ

                ที่ๆ พวกฉันจะไปคือสนามรบที่กองทัพของมนุษย์กับเอเลี่ยนกำลังทำสงครามกันมันเป็นที่อันตรายมากแล้วฉันก็รับประกันชีวิตให้ไม่ได้เพราะงั้นถ้าไม่อยากไปด้วยก็...

                แต่นรินทร์ก็พูดขัด

                นี่ผมไม่ได้เป็นสมาชิกของทีมอิงศรแล้วเหรอ

                แต่ว่ามีนาน่ะเป็นธุวดารกะนะแล้วนาย...

                นรินทร์ซึ่งมีปมในอดีตกับครอบครัวทางฝั่งของกวินทร์รวมถึงพวกธุวดารกะด้วยแล้วจึงคิดว่าน่าจะตัดออกไปก่อนยังไงก็ไม่อยากให้ฝืนใจเกินไปแต่หมอนั่นกลับพูดว่า

                ไม่เกี่ยวกับมีนาแล้วก็ไม่เกี่ยวกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ด้วยอดีตของผมน่ะมันจบไปแล้วจากนี้ไปผมจะก้าวเดินไปในทางที่ถูกต้องแล้วเส้นทางนั้นก็คือการไปช่วยพวกพ้อง อิงศรเป็นคนบอกผมเองนะว่าให้มีชีวิตอยู่เพื่อนายถ้างั้นผมจะตามไปก็คงไม่ขัดนะ

                จากนั้นมิกซ์ก็เป็นตัวแทนให้พวกเด็กกำพร้าก็พูดมาว่า

                พวกเราน่ะเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นพวกพ้องกันใช่ไหมล่ะครับถ้างั้นพวกพ้องของพี่ศรก็คือพวกพ้องของเราด้วยเหมือนกัน

                ตามด้วยมิ่งขวัญ

                บอกตามตรงตอนนี้งงไปหมดแล้วล่ะว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรูกันแน่แต่ถ้าศรคิดว่าดีขวัญก้จะตามไปด้วยไปในทางที่ถูกต้องใช่มะ

                น้องชายพูดจบก็ยิ้มแฉ่งเหมือนสมัยเด็กๆ

                อิงศรเห็นแบบนั้นเข้าก็หัวเราะ

                นึกแล้วว่าต้องพูดแบบนั้นกัน งั้นถ้าช่วยมีนาได้โดยปลอดภัยกันทุกคนแล้วเราไปฉลองด้วยกาแฟให้สร่างง่วงกันดีไหม

                พอพูดไปแบบนั้นทุกคนก็พากันหัวเราะกับมุกฝืดๆ แค่นั้นก็ช่วยให้ตาสว่างกันขึ้นมาบ้างนิดหน่อยแล้ว

                ซีลอร์ดใช้แส้ใบมีดยกร่างของวิเชียรมาศที่ยังสลบอยู่ขึ้นจากนั้นพวกเขาก็เดินขึ้นเฮลิคอปเตอร์

                พอขึ้นเครื่องกันหมดแล้วโพแทสเซียมที่อยู่ในห้องบังคับก็ส่งเสียงจากไมค์มาว่า

                งั้นจะออกเดินทางแล้วทุกท่านโปรดรัดเข็มขัดให้แน่นด้วยนะคร้าบ~’

                แล้วใบพัดเฮลิคอปเตอร์ก็เริ่มหมุนส่งเสียงดังพั่บๆ

                ค่อยๆ ลอยขึ้นจนพ้นเพดานของพระเจดีย์

                มุ่งหน้าสู่สนามรบที่ซึ่งจะตัดสินชะตากรรม

                สู่อนาคตที่มนุษย์จะได้มียุคสมัยเป็นของตัวเอง

     

                เพียงแต่ว่า...

                บททดสอบข้างหน้านั้นยากยิ่งกว่า

                แม้เสียงระฆังแห่งความพินาศจะดังกึกก้อง

                แม้สายลมแห่งยุคสมัยใหม่จะพัดผ่าน

                สีขาวของนมและสีดำของเมล็ดกาแฟที่ผสมปนเปจนกลายเป็นรสชาติอันหอมหวานนั่น

                …จะกลายเป็นเรื่องราวที่ขมขื่นซักเพียงใดกันนะ

                โซลาริส

                ลูนาริส

                และ...

                รสชาติของความหวังและความสิ้นหวังที่ผสมปนเปนั่นจะกลายเป็น กาแฟ

                รสชาติของการเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่จะถูกทำลายล้าง

                รสชาติที่กลั่นจากการดิ้นรนของ มนุษย์ เอเลี่ยน ปีศาจ อสุรา และสัตว์เทวะ

                            ***END PATCH***

               




                Next to : Apocalypse Online [ROOT BREAK]


    ***ก็จบกันไปแล้วสำหรับภาคสองครับ เลทไปวันหนึ่งอย่างที่คาดจริงๆ ต้องขออภัยด้วยครับแต่เอาล่ะเท่านี้ภาคหน้าก็จะเป็นภาคสุดท้ายแล้ว น่าเสียดายที่เป็นตอนจบภาคแท้ๆ แต่ดันนึกเรื่องจะพูดไม่ออกเลยคงเพราะงานท่วมหลังอยู่บาน(ฮา) งั้นขอประกาศวันลงภาคสามตอนแรกอย่างเป้นทางการเลยก็แล้วกันนะครับ วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม ครับและจะขอเปลี่ยนตารางการลงกลับไปเป็นแบบเดิมคือสลับอาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์ กับ อังคาร  พฤหัส นั่นเองครับแล้วพบกันใหม่เน่อ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×