คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #149 : Login 146: ความสูญเสียและคำตอบ
Login
146: ความสูญเสียและคำตอบ
เมื่อ ‘อาคานาร์’ จมลงไปใต้ผิวหนังอาคานาร์ก็จะแตกสลายและไหลไปตามกระแสเลือด
ไหลไปสู่หัวใจ
ที่นั่นมีครึ่งหนึ่งของ
‘ความตาย’ ที่ไม่สมบูรณ์ล่วงรออยู่
‘ความตาย’ + ‘ความตาย’
สมการแห่งโชคชะตาซึ่งเปิดอ้ารับนรินทร์
“อ๊าก!!!”
นารายณ์เทพแผดเสียงร้องดังทรมานแล้วโน้มร่างกายที่อยู่ในท่ายันตัวด้วยแขนข้างหนึ่งจนกระทั่งล้มลงไป
ตึง!
เสียงปะทะกับพื้นดังสนั่น
พื้นสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
ถัดมากายทิพย์ของเทพเจ้าก็เริ่มแหลกสลาย
แสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมา
เกิดระเบิดเสียงดังกัมปนาท
ห้องถูกย้อมเป็นสีขาวด้วยแสงสว่างไปพักหนึ่งก่อนจะดับวูบลงทำให้ทัศนวิสัยมืดสนิทในทันที
ท่ามกลางความมืดนั้นอิงศรได้แต่จ้องไปที่แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียว
เพดานห้องถูกแรงระเบิดพัดจนปลิวหายไปทำให้แสงจันทร์ส่องลงมา
ท่ามกลางแสงที่สาดส่องนั้นนรินทร์กำลังร่วงหล่น
เสื้อผ้าที่สวมฉีกขาดยับเยิน ตามตัวมีแผลถลอกกับรอยไหม้เต็มไปหมด
ไพ่อาคานาร์หลุดออกมาจากร่างและกระเด็นตกไปอีกทาง
นรินทร์หันศีรษะลงพื้นหากตกลงไปกระแทกเข้าคงได้คอหักตายแน่
“นรินทร์!”
อิงศรดีดตัวกระโจนออกไปโดยไม่ทันคิดว่าตอนนี้ตัวเองอยู่สูงขนาดไหน
แต่นรินทร์กำลังมีภัย
แล้วอิงศรก็หลุดจากแขนของมิ่งขวัญที่พาบินอยู่
“ศ..ศร!!”
แล้วดิ่งลงไปโดยพยายามเก็บแขนกับขาชิดลำตัวเพื่อไม่ให้มีพื้นที่สำหรับแรงต้านอากาศจึงร่นระยะทางตกไปจนเข้าถึงตัวนรินทร์ได้
อิงศรคว้าตัวนรินทร์เข้ามาโอบโดยซุกหัวไว้ตรงอกแล้วหันหลังตัวเองให้พื้น
เท่านี้ก็จะปกป้องนรินทร์ไว้ได้
แต่ตัวเองจะรอดตายไหมนะ
อิงศร Lv.93 [///..5400:12500..…]
พลังชีวิตที่มีน่าจะพอไหว...อิงศรคิดอย่างนั้น
พยายามปลอบใจตัวเอง ตอนที่เข้าใกล้พื้นเต็มทีแล้วจึงปิดตาตัวเองทำใจเตรียมรับแรงกระแทก
ตุบ
ในหัวมีเสียงดังแบบนั้น
รู้สึกว่าเบากว่าที่คิดแถมไม่รู้สึกเจ็บด้วย
อิงศรปรือตาขึ้น
เขายังคงมีสติอยู่และไม่บาดเจ็บ
สาเหตุก็น่าจะมาจากเงาดำที่ยืดขึ้นมาจากพื้นช่วยรับเขากับนรินทร์ไว้
จากนั้นเงาก็ปล่อยพวกเขาลง
ในตอนนั้นเอง ไพ่อาคานาร์ก็ตกลงมาบนพื้นห่างออกไปเพียงเล็กน้อย
เมษาที่น่าจะเป็นเจ้าของเงาซึ่งใช้เดม่อนแอพมหากาฬช่วยกำลังเดินมาทางนี้
“ให้ตายเถอะชอบทำอะไรเกินตัวเรื่อยเลยนะนายเนี่ย”
สาเหตุที่ทำเกินตัวน่ะมันก็มีอยู่
======================
Subject:
@Clipius Death Timing Delivery
From:
GM
Detail:
ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!
เวลาชีวิตที่เหลือของ นรินทร์ ระจินดา คือ
[00:02:35]
======================
อิงศรจ้องเขม็งไปที่หน้าจอเมล์ที่เปิดขึ้นมาเองตั้งแต่ก่อนที่จะกระโดดลงมา
พอเมษาเห็นแบบนั้นเข้าก็ทำหน้าตกใจ
เพราะเมษารู้เรื่องเมล์ ทุกคนในทีมของเขาต่างก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
“เฮ้ย!
เดี๋ยวนะนี่หรือว่าเจ้านรินทร์มัน...”
“เออ
เหลือเวลาอีกสองนาทีกว่าๆ ตอนนี้เวลายังเดินอยู่เลย”
......
ทำไมกันนะ
จู่ๆ
ก็นึกขึ้นมาได้
เรื่องราวตอนที่ตัวเองจำความได้เป็นครั้งแรก
ตั้งแต่ตอนนั้นพ่อก็ห่มผ้าเหลืองแล้ว
เพราะเหตุนั้นนรินทร์จึงเรียกพ่อว่า
พ่อเหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้
ตอนที่เขาถามถึงเรื่องนี้แม่ก็เล่าให้ฟังว่าก่อนที่เขาจะเกิดมา
พ่อกับแม่มีลูกด้วยกันยากทั้งคู่เลยไปบนบานศาลกล่าวกับวัดอารย-สนธยา
ว่าหากได้ลูกพ่อจะบวชให้กับวัดแห่งนี้
ดังนั้นพ่อของเขาจึงเป็นนักบวช
แต่นรินทร์ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรในเรื่องนั้นเพราะพ่อรักวัดนี้มากแล้วเขาก็รักและเคารพพ่อที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อวัดอารย-สนธยา
ถึงมันจะทำให้อยู่ด้วยกันกับพ่อตลอดเวลาไม่ได้ก็ตาม
วัดอารย-สนธยาในตอนนั้นยังเป็นเพียงวัดเล็กๆ
ในชนบทที่กำลังเป็นที่หมายตาของการปรับปรุงพื้นที่เพื่อสร้างเป็นแหล่งธุรกิจใหม่จึงถูกโจมตีเรื่อยมา
ยิ่งมีอำนาจของรัฐบาลหนุนหลังในตอนท้ายจึงไม่สามารถรักษาวัดเอาไว้ได้
ทว่า
ก่อนจะถึงวันนั้นก็มีกลุ่มคนที่ไม่รู้ตัวตนแน่ชัดมาที่วัดนี้
พวกนั้นสวมสูทสีดำสนิทราวกับหลุดออกมาจากละคร
บอกว่าเป็นกลุ่มผู้ศรัทธาอดีตเจ้าอาวาสที่ล่วงลับไปแล้ว คนพวกนั้นเสนอตัวเข้าช่วย
พ่อที่เป็นเจ้าอาวาสวัดในขณะนั้นจึงตอบรับความช่วยเหลืออย่างไม่ลังเลโดยไม่เฉลียวใจหรืออะไรใดๆ
ทั้งสิ้น
เขาเคยแอบไปถามคนที่ดูเหมือนหัวหน้าของกลุ่มปริศนานั่นหลังจากที่พ่อไม่อยู่
“คุณน้าไม่ได้หลอกหลวงพ่อใช่ไหมครับ”
ตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้สงสัยในตัวคนพวกนั้นทั้งที่อายุตัวเองเพิ่งจะเจ็ดขวบดี
ชายในชุดสูทคนนั้นมีผิวเข้มและไว้ผมยาวหยิกหยอย
ได้กลิ่นหอมกาแฟโชยออกมาจากตัวคงเพิ่งทานมาได้ไม่นาน
“…”
เพียงแค่สบตาก็รู้สึกเกร็งจนพูดอะไรไม่ออก
“เธอเนี่ยเป็นเด็กดีจังเลยน้า~”
ชายคนนั้นยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแต่กลับไม่รู้สึกเลยว่ากำลังยิ้มให้
นรินทร์ขยับตัวไม่ได้เลยในตอนที่โดนจ้อง
“นี่เป็นโชคชะตาของพ่อหนูแล้วหนูเองก็มีโชคชะตาอยู่เหมือนกันน้าเองก็อยากจะรู้นะว่าในยี่สิบสองแบบนั้นหนูจะมีอาคานาร์ใบไหนประจำตัวอยู่กันแน่”
ไม่เข้าใจเรื่องที่พูดมานั่นเลยซักนิดแม้แต่ตอนนี้เขาเองก็ยังได้แค่คาดเดา
เดาว่าชายคนนั้นคงจะรู้เรื่องที่เขาจะครอบครองเดธอาคานาร์ในอนาคต
ชายคนนั้นจากไปโดยทิ้งไว้แต่ความสงสัยที่ไม่มีวันแก้ได้เพราะหลังจากนั้นเขาก็ไม่โผล่หน้ามาที่วัดอีกเลย
นับจากนั้นเป็นต้นมา
อารย-สนธยา
ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่วัดอีกต่อไปแต่กลายเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ที่รัฐบาลยังต้องหวั่นเกรง
วัดที่เป็นศูนย์กลางก็มีผู้ศรัทธาเพิ่มมากขึ้นและมีอำนาจมากตามขึ้นไปพ่อที่เป็นเจ้าอาวาสก็กลายเป็นคนยิ่งใหญ่
แต่พ่อกลับไม่ดีใจกับเรื่องพวกนั้นเลย
แม้ว่าต่อหน้าเขากับแม่พ่อจะยิ้มให้และทำตัวเข้มแข็งเป็นที่พึ่งพาของทุกคนเหมือนเดิมก็ตาม
แต่เมื่อละไปจากสายตาพ่อจะทำหน้าเศร้า
บางครั้งก็เห็นพ่อแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียว
กว่าจะได้รู้เหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็ตอนที่เขาเริ่มรู้ประสีประสา
ตอนอายุปาไปสิบกว่าขวบแล้ว
มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ปรับปรุงวัดใหม่ตามคำแนะนำของคนพวกนั้นและมีการสร้างวิหารใหญ่หลังหนึ่งขึ้น
ซึ่งในเวลาต่อมามันก็ได้กลายเป็นตัวการที่เรียกผู้ศรัทธามากมายให้หลั่งไหลกันมาที่นี่
เพราะอำนาจวิเศษที่ทำให้สมดั่งปรารถนาหลังจากสักการะพระพุทธรูปในวิหารใหม่หลังนั้นและทำให้อารย-สนธยาเติบโตขึ้น
สาเหตุก็คงจะเป็นจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกฝังเอาไว้ข้างใต้ซึ่วก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้เลยจนกระทั่งกลายเป็นนารายณ์
แล้วในบรรดาผู้ศรัทธาก็มีฉกฉวยชื่อของวัดไปสร้างฐานอำนาจสร้างองค์กรมากมายขึ้นมาเชื่อมเป็นเครือข่ายจนเป็น
อารย-สนธยาเช่นทุกวันนี้
แต่พ่อไม่ได้ต้องการอารย-สนธยาที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นเลย
ไม่ได้ต้องการผู้ศรัทธาจำนวนมากที่เอาแต่คาดหวังผลลัพธ์โดยไร้ซึ่งความเข้าใจต่อแก่นแท้ของศาสนา
ตรงนี้เองนรินทร์ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเขาในโลกหลังการล่มสลายถึงได้ชิงชังความคาดหวังมันมีที่มาจากตรงนี้นั่นเอง
ทั้งที่พ่อเป็นเจ้าอาวาสซึ่งเป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจและอำนาจของเครือข่ายอารย-สนธยาแต่กลับหยุดการเติบโตเอาไว้ไมได้
พ่อต้องทนทุกข์ทรมานมองดูสิ่งที่เคารพปกป้องรักษามากับมือบิดเบี้ยวไปทีละเล็กทีละน้อย
จนกระทั่งความทรมานกลายเป็นความชินชาไป
ตั้งแต่นั้นพ่อก็ปล่อยวางเหมือนกับว่าอารย-สนธยาของเดิมนั้นได้หายไปแล้ว
พ่อเคยมีกำหนดว่าจะสละตำแหน่งแล้วออกจากการเป็นสงฆ์แต่ก็ถูกห้ามไว้โดยบรรดาเหล่าผู้ศรัทธา
ถ้าพ่อลงจากตำแหน่งเครือข่ายอาจจะเกิดความระสับระส่ายได้และจะมีคนอีกมากที่ต้องได้รับผลจากการนั้นพ่อจึงไม่ทำและอยู่ดำรงตำแหน่งต่ออย่างว่างเปล่า
จนกระทั่งเมื่ออารย-สนธยาเริ่มการติดต่อกับตระกูลธุวดารกะ...
สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าอารย-สนธยาก็ถูกสร้างขึ้นหลังจากนั้น
เขามักจะตามพ่อไปดูงานที่นั่นเสมอ
เพราะมีพวกเด็กๆ ที่ไร้ญาติขาดมิตรมารวมกันจึงรู้สึกว่าเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด
เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนเหมือนกันล่ะมั้งถึงเข้าใจความเหงาของเด็กพวกนั้นได้
เรื่องที่พูดคุยมักจะมีแต่เรื่องสัพเพเหระแต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกเด็กๆ
ที่นั่งฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆ ซะมากกว่า
ไม่ค่อยพูดถึงเรื่องสังคมภายนอก
เด็กที่นี่ได้รับการเรียนการสอนจากเจ้าหน้าที่ในศูนย์จึงไม่ได้ไปโรงเรียนและไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอก
ดังนั้นเมื่อเขาพูดถึงเรื่องภายนอกพวกเด็กๆ ก็จะตั้งใจฟังกันมาก
ในวันหนึ่งเขาถูกมิกซ์หนึ่งในเด็กกำพร้าถามเอาว่า
“พี่รินมีความฝันไหมครับ”
“เอ...ถ้าเป็นเรื่องอาชีพที่อยากเป็นนี่ยังไม่รู้เหมือนกันนะ”
“ถ้างั้นสิ่งที่พี่รินอยากทำล่ะครับมีไหม”
ถ้าสิ่งที่อยากทำก็คงเป็นย้อนกลับไปบอกให้พ่อเลิกยึดติดกับอารย-สนธยาตั้งแต่ตอนที่จะตอบรับความช่วยเหลือล่ะมั้ง
ถ้าทำแบบนั้นทั้งพ่อและแม่ก็คงจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
ด้วยสถานะทางสงฆ์พ่อจึงอยู่กับแม่ไม่ได้
ถ้าตอนนั้นพ่อยอมปล่อยวางอารย-สนธยาไปแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันก็คงไม่ต้องมีวันแบบนี้
เพราะว่าไม่ยอมก้าวเดินออกไปในวันนั้นจึงต้องเสียใจในวันนี้
“ก็คงอยากมีเพื่อนสนิทซักคนล่ะมั้ง”
นรินทร์ตอบด้วยความปรารถนาลำดับที่สองแทนเพราะเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่า
อยากจะมีเพื่อนที่สามารถพูดคุยได้ทุกอย่าง
ความปรารถนานั้นจะเป็นจริงในอนาคตอันห่างไกล
ในเวลาอีกห้าปีหลังจากนี้
แต่ก่อนหน้าที่เวลานั้นจะมาถึง
ช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดกลับมาเยือนเสียก่อน
ในวันเดียวกับที่ตอบคำถามให้มิกซ์ไปนั้นพ่อก็ถูกฆ่า
โดยพวกของนักการเมืองที่ไม่พอใจอารย-สนธยา
ส่วนเขาก็กลายเป็นเจ้าชายนิทรา
ไหนจะแม่ที่ต้องมาถูกพวกตระกูลธุวดารกะซึ่งร่วมมือกับรัฐบาลฆ่าทิ้งเพื่อช่วงชิงสิ่งที่ต้องการไป
เพราะความละโมบโลภมากของมนุษย์ที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องบิดเบี้ยวไปถึงขนาดนี้
เพราะเก็บงำความแค้นนั้นเอาไว้
เพราะว่ายึดติดเหมือนกับที่พ่อทำเขาจึงไม่ก้าวต่อไปข้างหน้า
แต่หยุดอยู่ที่ตรงนี้แล้วกลายเป็นนารายณ์
ด้วยบาปที่ไม่ยอมก้าวเดินต่อไปข้างหน้าจึงต้องกลายเป็นศัตรูกับเพื่อนสนิท
หากไม่ฆ่าอิงศร
กวินทร์ เมษา พวกเด็กกำพร้าที่เขาเคยรู้จักก็จะระบายความคับแค้นออกไปไม่ได้
ความแค้นที่ผิดผนึกมานานถึงสี่ปี
หากไม่ฆ่าพวกที่ทำลายชีวิตทำลายครอบครัวของเขาก็เท่ากับทรยศหักหลังพ่อแม่
ความแค้นคือบาป
ค่าตอบแทนของความบาปคือความตาย
แต่คนที่ไปไม่ถึงความตายเสียทีอย่างเขาจะได้รับค่าตอบแทนนั้นหรือเปล่า?
และแล้ว...วันแห่งคำตอบก็มาถึง
............
เมืองจำลองที่เกิดจากสกิล
‘ฮีโร่เวิร์ส’ ทยอยสลายหายไป
คาดว่าตัวผู้ใช้คงออกห่างจากพื้นที่ไปแล้วหรือไม่ก็พังทลายเพราะรูมิติที่นริทร์นารายณ์ใช้ดาบสร้างทิ้งเอาไว้
จนถึงตอนนี้ก็ยังสัมผัสได้ว่ามีพลังงานบางอย่างไหลออกมาจากรูนั่นและทำให้บรรยากาศรอบข้างเริ่มอึดอัดขึ้นมา
แต่สถานการณ์ยังเลวร้ายไปกว่านั้น....
“ตอบซีโว้ย!”
อิงศรกระแทกหมัดไปที่หน้าจอสื่อสาร
แน่นอนว่าหมัดทะลุหน้าจอไปจนตัวเขาเกือบจะเสียหลักล้ม
“ฉันรู้นะว่าแกได้ยินน่ะ”
ต้องได้ยินแน่ก็ปลายสายที่ยังไม่ยอมรับสายเขาคือซีลอร์ด
เจ้านั่นจับตาดูเขาอยู่ทุกฝีก้าวถึงได้จงใจส่งเมล์ตัวจับเวลาของนรินทร์มาในจังหวะที่เหมาะสมขนาดนั้น
จังหวะที่เขาลั่นไกส่งอาคานาร์แห่งความตายเข้าไปในตัวนรินทร์แล้ว
“แกบอกฉันว่าเมล์นั่นส่งมาเพื่อเตือนไม่ใช่รึไง
เพื่อให้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้ถ้างั้นก็บอกมาเซ่!”
จนถึงตอนนี้นรินทร์ก็ยังนอนอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบของพระเจดีย์อารย-สนธยาโดยมีพวกพ้องคอยดูแล
เวลาบนเมล์ก็ยังเดินหน้ายังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและเมื่อตัวเลขวินาทีลดลงพลังชีวิตของนรินทร์ก็จะถูกบั่นทอนลงไป
นรินท์ Lv. 69 [/////6870:7300//...]
“บอกมาสิว่าต้องทำยังไง
ต้องทำยังไงนรินทร์ถึงจะไม่ตาย!”
“…”
ไม่มีการตอบกลับจากหน้าจอสื่อสารมันต่อสายไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
อิงศรล้มเลิกความคิดที่จะต่อสายไปแล้วรวมถึงการทำให้ตัวเองหมดสติเพื่อจะได้ไปลากคอซีลอร์ดถึงรูนรูมก็คงไม่ทันการเวลาของนรินทร์มีเหลือไม่พอขนาดนั้น
“เป็นไงบ้างพลอย”
อิงศรถามแล้วเข้าไปนั่งร่วมวงกับทุกคน
เด็กสาวส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
“พยายามฮีลตั้งแต่เมื่อกี้แล้วแต่พลังชีวิตไม่ยอมเพิ่มขึ้นเลย”
คนที่ใช้สกิลฟื้นฟูไม่ได้มีแต่พลอย
นิว กับ เน็กซ์ก็ช่วยกันใช้สกิลฟื้นฟูด้วยแต่ถึงอย่างนั้นแล้วพลังชีวิตของนรินทร์ก็มีแต่จะหดหายลงไป
“…”
ตอนนั้นเองดวงตาของนรินทร์ก็ปรือขึ้นมา
สีแห่งความหวังปรากฏขึ้นชั่ววูบหนึ่งแต่มันก็กลายเป็นความสิ้นหวังที่รอจะซ้ำเติมอยู่ที่ปลายทาง
เมื่อนรินทร์กล่าวว่า
“ผมเหลือเวลาอีกเท่าไหร่เหรอ”
อิงศรเบ้หน้าให้คำพูดนั้น
เหลืออีกแค่นาทีเดียวนรินทร์ก็จะ…
======================
Subject:
@Clipius Death Timing Delivery
From:
GM
Detail:
ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!
เวลาชีวิตที่เหลือของ นรินทร์ ระจินดา คือ
[00:01:20]
======================
“…”
“ผมรู้ตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน”
นรินทร์พูดแล้วก็ยิ้ม
“หนึ่งนาที”
อิงศรจำใจพูดออกไปเวลาเหลืออีกไม่มาก
แล้วเขาก็พอจะรู้ว่านรินทร์ต้องการอะไรถึงได้ถามหาเวลาจากเขา
ตั้งแต่ตอนที่ฟื้นขึ้นมาสายตาของนรินทร์ก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอเมล์ซึ่งเปิดทิ้งเอาไว้แล้ว
นรินทร์เองก็เคยได้ฟังเรื่องของเมล์ตัวจับเวลาตายมาดังนั้นจึงเข้าใจสถานะของตัวเองตั้งแต่ตอนที่ฟื้น
ทั้งที่เป็นแบบนั้น
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองจะตาย
นรินทร์ก็ยังยิ้มออกมาอย่างเย็นใจ
“ดีจังอย่างน้อยก็ยังได้มาบอกขอโทษทุกคนก่อน”
คำพูดนั้น...
“…”
คำพูดนั้นทำให้อิงศรทรมานขึ้นมา
น้ำตาพาลจะไหลแต่เขาฝืนกลั้นเอาไว้
“ขอโทษนะที่ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”
มิกซ์แย้งคำพูดนั้น
“พี่รินไม่เห็น...ฮึก...ไม่ต้องขอโทษพวกเราก็ได้...”
ไม่รู้ว่ามิกซ์ผูกพันกับนรินทร์ขนาดไหนถึงหลั่งน้ำตาได้มากขนาดที่กางเกงชุ่มไปด้วยน้ำตาได้
พวกเด็กกำพร้าคนอื่นๆ
ก็ด้วยเจ้าพวกนี้คงผูกพันกับนรินทร์เหมือนเป็นครอบครัว
แต่ก็มีคนที่บ่อน้ำตาแตกง่ายอยู่แล้วอย่างกวินทร์ที่ไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่ในตอนนี้
“…”
นรินทร์หุบยิ้มลงเมื่อจะเริ่มกล่าวโทษตัวเอง
“ผมมันโง่เองที่เอาแต่ยึดติดกับอดีตแต่ว่าเรื่องของพ่อกับแม่น่ะผมยกโทษให้ไม่ได้…ยังไงก็ทรยศพวกท่านไม่ได้เพราะงั้นเรื่องที่ทำลงไปผมไม่นึกเสียใจหรอก…”
นรินทร์หยุดคำพูดเอาไว้แล้วยิ้มออกมาอีก
ยิ้มเศร้าอย่างเสียดาย
“แต่ก็เสียดายเหลือเกินอุตส่าห์ได้มีเพื่อนที่ดีขนาดนี้แล้วยังอยากจะอยู่ต่อไปอีกหน่อย
ผมเนี่ยใช้ไม่ได้เลยนะไม่สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองได้
ทำได้แค่หาเหตุผลให้ตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่อใครเท่านั้น แต่ว่ามันก็คงจะจบลง…”
คำพูดทั้งหมดหยุดลงเพียงแค่นั้น
“…”
ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากอีก
มีเพียงเสียงปิ๊บๆ
ของเมล์ตัวจับเวลาที่ดังเตือนเวลานับถอยหลังสิ้นสุดแล้วเปิดฉายภาพของนรินทร์ที่สิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของพวกเขาขึ้นมา
ล้มเหลว…
เขาล้มเหลวในการช่วยเหลือ
เขาเป็นคนลั่นไกจบชีวิตของนรินทร์
แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของนรินทร์ก็ยังยิ้มให้ในตอนสุดท้าย
“ไม่จริงใช่ไหม...พี่นรินทร์เขา...”
กวินทร์เพิ่งจะได้พูดคำแรกออกมาแต่ก็พูดที่เหลือต่อไปไม่ได้แล้ว
“…”
พลอยเอาแต่ปิดหน้าแล้วส่ายศีรษะไปมาพยายามปฏิเสธความจริง
“ไม่เอา...ไม่เอาแบบนี้สิ...”
แล้วพูดแบบนั้นวนไปวนมา
รอบตัวมีแต่เสียงร่ำไห้
ถ้าจะมีคนที่ยังไม่ได้ร้องก็เหลือแค่มิ่งขวัญที่แค่ทำหน้าเศร้าโศกร่วมไปด้วยกันเท่านั้น
เมษาที่เอาแต่หลบหน้าจนไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหนอยู่แล้วก็...
ตัวเขาเองที่ฝืนกลั้นมันไว้
แต่ก็สุดจะทนแล้ว…
“โธ่เว้ย!!”
เขาตะคอกแบบนั้นแล้วกระแทกกำปั้นลงบนพื้นเสียงดังปัก
กดมือลงไปแน่นราวกับไม่เจ็บปวดแต่กลับมีเลือดไหลเจิ่งนองพื้น
ทุกคนพากันตกใจกับการกระทำของเขา
“ฉันผิดเอง...ถ้าฉันรอบคอบกว่านี้
ถ้าคิดอีกสักนิดก็น่าจะรู้แท้ๆ โธ่โว้ย!!”
แต่เมษาที่ยังไม่ได้ร้องไห้ก็ขัดคำพูดนั้นไว้
“ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้นล่ะ
ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันหยุดไว้ นรินทร์จะทำอะไรลงไปบ้างนายเป็นคนบอกเองนี่
เพราะงั้นได้ส่งนรินทร์ไปทั้งรอยยิ้มก็ถือว่าดีแล้วล่ะพวกเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว”
เรื่องนั้นตัวเขาเองก็รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
แต่ว่า…
การที่มีตรงหน้ามีอะไรบางอย่างถูกทำลายหรือหายไป
แล้วตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยมันทรมาน
ทรมานยิ่งกว่าตัวเองโดนเป็นร้อยเป็นพันเท่า
ต่อให้คิดว่าเป็นความผิดของใครซักคน
ถึงจะโทษโชคชะตาที่เลือกไพ่แบบนี้ให้ก็ตาม
ความทรมานก็ไม่ได้บรรเทาลงเลย
ถ้าคิดซะว่าเป็นเพราะตัวเองยังจะสบายใจซะกว่า
แต่การทำแบบนั้น...
“ย่อมเป็นเรื่องที่ผิดแน่นอน”
อิงศรได้ย้ำกับตัวเองด้วยคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุด
แต่กระนั้นแล้วเขาก็ยังทำใจยอมรับเหตุผลไม่ได้อยู่ดี
ยอมรับไม่ได้จนต้องก้มหน้าหลั่งน้ำตา
หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
แต่ว่ามีขนนกตกลงมา
“…”
พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแสงสว่างแยงตาจนต้องหลับตาไปอีกแล้วค่อยเปิดเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง
แสงแหวกผ่านหมู่เมฆลงมาทางเพดาน
เป็นแสงที่ไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย
“เทวทูต!!”
เสียงตะโกนของเขาทำให้ทุกคนเงยหน้าตามขึ้นไป
เหนือเพดานที่เปิดโล่งทูตสวรรค์จำนวนสิบกว่าตนก็โรยตัวลงมา
ที่ข้างหน้าแถวมีทูตสวรรค์ปีกสีแดงเข้มหกปีกกายเนื้อสีเขียวแต่มีลำตัวแค่ครึ่งเดียว
ทูตสวรรค์ได้กล่าวว่า
“การคาดการณ์ของท่านเมตาตรอนนั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง
มนุษย์ผู้แปดเปื้อนเอ๋ยจงยอมสยบต่อพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าเถิด”
ดูจากที่พูดแล้วฝ่ายนั้นคงตั้งใจมาเป็นศัตรู
แต่ว่าทำไมกันล่ะก็..
“ตอนนี้ยังมีสัญญาสงบศึกอยู่เมตไตรยส่งพวกแกมางั้นเรอะ”
แต่ทูตสวรรค์กลับตอบว่า
“เราคือ อานิเอล
ข้ารับใช้ของพระเป็นเจ้า มนุษย์เอ๋ยพันธะสัญญานั้นก็ได้ลุล่วงไปแล้วมิใช่หรือ”
ทูตสวรรค์ชี้ปลายนิ้วลงมาที่ศพของนรินทร์
“เจ้าเป็นผู้ลงมือด้วยตัวเองแต่ว่ามนุษย์ไม่อาจขจัดบาปไปจากมนุษย์ด้วยกันได้ดังนั้นจงเบิกบานเถิดเพราะอานิเอลผู้นี้จะช่วยชำระบาปที่แปดเปื้อนพวกเจ้าให้เอง”
คำพูดนั้นทำให้ความเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นเชื้อไฟให้ความโกรธปะทุขึ้นมา
“มันจะมากไปแล้วนะ!”
กวินทร์ชักดาบแล้วออกมายืนขวางหน้า
ทุกคนต่างก็เริ่มจับอาวุธเตรียมสู้แล้ว
แต่ตอนนี้แล้วจะทำอะไรได้อีกล่ะ
อิงศรก้มหน้าลงมองดูพลังชีวิตของทุกคน
อิงศร Lv.93 [///..5400:12500..…]
มิ่งขวัญ Lv.102 [/////10000:25000..…]
กวินทร์ Lv.75 [/....1240:10200.....]
เมษา Lv. 69[////.4760:10030…..]
ฟู Lv.83 [////.6500:15000…..]
มิกซ์ Lv.71 [/....800:7800…..]
พลอย Lv.76 [/////6221:8300/....]
เน็กส์ Lv.83 [/////4570:9100…..]
นิว Lv.71 [/////5340:7300//...]
แถมยังใช้พลังไปจนหมดในการต่อสู้กับนารายณ์แล้วสภาพล่อแล่ตอนนี้
บางคนแค่จะยืนยังแทบทำไม่ได้
ดังนั้นคำตอบที่ถูกต้องคือรีบหนีไปจากที่นี่โดยทิ้งร่างของนรินทร์ไว้แบบนี้
ต้องม้วนหางหนีอย่างทุลักทุเลเท่านั้น
แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อยากทำแบบนั้นหรอก
“ถอยไป”
อิงศรดึงไหล่กวินทร์ที่ขวางทางอยู่จนรุ่นน้องเซถลาไปข้างหลังและเกือบจะล้มลง
“พ...พี่ศร”
“เมอร์คาบาห์!”
แล้วเรียกปีศาจออกมา
ทันทีที่เมอร์คาบาห์ปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์...
“โอ ท่านเมอร์คาบาห์
ใยท่านจึงมาอยู่ในที่เช่นนี้”
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีความสัมพันธ์กับปีศาจของเขา
พวกทูตสวรรค์ลิ่วล้อด้านหลังต่างก็ถอยผงะกันไปเล็กน้อยเหมือนกับหวั่นเกรงเมอร์คาบาห์
อานิเอลทอดสายตาลงมาทางนี้
“หรือว่าท่านถูกมนุษย์แปดเปื้อนเหล่านี้ใช้วิธีการต่ำช้าจับตัวไว้ถ้าเช่นนั้นอานิเอลผู้นี้จะขอปลดปล่อยท่าน...”
ไม่ทันที่ละครลิงของทูตสวรรค์จะเล่นจนปิดม่านก็มีแสงสีแดงสาดส่องลงมา
แสงสว่างแผดเผาเหล่าทูตสวรรค์จนไหม้เป็นจุลในเวลาแค่พริบตาเดียว
“เกะกะจริงนะผมเองก็มีธุระที่จะต้องพูดกับผู้ถูกฟันเฟืองเลือกอยู่เหมือนกัน”
เสียงแบบนั้น
ร่างบอบบางใต้เส้นผมสีขาวหวีรวบอย่างเป็นระเบียบกับแววตาคมกริบ
เสื้อวอร์มสีแดง เฮดโฟน
และวิธีพูดอันเป็นเอกลักษณ์แบบนั้น
ซีลอร์ด...หมอนั่นกำลังโรยตัวลงมาจากรูบนเพดานเหมือนกับที่พวกทูตสวรรค์ทำ
กำลังมองลงมาทางนี้แล้วยิ้มให้
“ช่วยน้องชายไว้ได้แล้วนะถ้าอย่างนั้นเธอก็คงจะพร้อมแล้วสิ”
สำหรับอะไร? หมอนี่ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่เอาตอนนี้ล่ะ
อิงศรไม่เข้าใจ
ไม่รู้เลยว่าได้ไปนัดอะไรไว้แต่ว่า
หมอนั่นก็...
“เอาล่ะตอนนี้เธอก็ได้ทำในสิ่งที่ค้างคาไว้หมดไปแล้วนะ ทีนี้พร้อมจะให้คำตอบกับผมรึยังล่ะอิงศร”
***ต้องขออภัยที่เมื่อวานไม่ได้อัพตามที่ตกลงไว้นะครับ(TwT) เอาอีกแย้วววงือ วันเสาร์ที่ไรงานเข้าทุกทีหรือจะกลับไปตารางเดิมดีเนี่ย...Orzll เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ดำเนินมาถึงบทสุดท้ายของภาคแล้วล่ะครับ(แต่อีกกี่ตอนไม่รู้เหมือนกันคำนวณไม่ถูก) แล้วเจอกันใหม่วันพุธนะคร้าบบ~****
ความคิดเห็น