คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #148 : Login 145: ช่วงเวลาแห่งการตัดสิน
Login 145: ช่วงเวลาแห่งการตัดสิน
ก่อนหน้านั้นเพียงเล็กน้อย…
ตอนที่ร่างแยกในรูปแบบต่างๆ
ของนรินทร์นารายณ์ปรากฎออกมา
หลังจากที่อิงศรใช้สกิลเคลื่อนย้ายพริบตาก้าวข้ามพวกตัวเกะกะเหล่านั้นไปก็เกิดการตะลุมบอนกันระหว่างพวกพ้องของอิงศรกับเหล่าร่างแยกอย่างดุเดือด
เหล่าร่างแยกที่เปรียบดั่งอวตารแห่งเทพ
อวตารแห่งนารายณ์ทั้งสิบปาง
แต่เบื้องหน้ากวินทร์ซึ่งวิ่งนำกลุ่มมามีอยู่ร่างอวตารอยู่เพียงสามตนจากสิบ
นางอัปสร
จากอัปสราวตาร
เต่ายักษ์
จากกุรมาวตาร
มนุษย์ครึ่งสิงโตหรือ
นรสิงห์ที่เหมือนกับปีศาจที่พลเอกสิงห์ ธุวดารกะ มีทุกระเบียดนิ้ว จากนรสิงหาวตาร
เหล่าอวตารเรื่องชื่อของเทพเจ้าเหล่านั้นกวินทร์เคยผ่านตามาบ้างจากพวกหนังสือนิทานหรือไม่ก็สื่อบันเทิงซักเรื่อง
เขาค่อนข้างชอบอะไรพวกนี้
ตำนาน
เรื่องเล่าลี้ลับ อนิเมะ
เรื่องราวแฟนตาซีบันเทิงใจพวกนั้นก็ดูอ่านมาเยอะพอตัวอยู่เหมือนกัน
“แต่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอของจริงนะเนี่ย”
กวินทร์กล่าวประชดประชันอย่างเอือมระอาแล้วพุ่งเข้าไปหานางอัปสรก่อนใคร
รุ่นพี่เมษาแยกไปหานรสิงห์พร้อมกับกล่าวว่า
“เจ้าตัวที่เหมือนนรสิงห์นั่นฉันจัดการเอง”
รุ่นพี่จะรู้ไหมนะว่านั่นน่ะตัวเดียวกันเลยล่ะ
แต่ว่าเป็นแค่ร่างแยกอาจจะไม่เก่งเท่าของพลเอกก็ได้มั้ง
พอเหลือบตาไปมองอีกทางก็เห็นฟูจับคู่กับมิกซ์วิ่งไปหาเต่ายักษ์ดังนัน้คนที่วิ่วตามเขามาก็มี
มิ่งขวัญ พลอยกับน้องนิว
สองคนสุดท้ายนั่นเป็นสายใช้สกิลก่อกวนฝ่ายตรงข้ามกับสนับสนุนพวกเดียวกันควรจะต้องเตือนเอาไว้หน่อย
“อย่าใช้สกิลใส่เจ้านั่นนะครับมันจะสะท้อนกลับใส่พวกเราได้”
กวินทร์หันไปตะโกน
ตอนนั้นเอง
นางอัปสรก็เริ่มร่ายรำทั้งที่ยังไม่มีการโจมตีพุ่งออกไป
ไม่รู้ว่ามันตั้งใจจะทำอะไรแต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่
“จัดการให้ได้ก่อนก็พอ!”
กวินทร์ฟันธงไปแบบนั้นแล้วเร่งฝีเท้าจนอึดใจเดียวก็ย่นระยะเข้าไปเกือบถึงตัวนางอัปสร
แต่ทว่า
“หือ?”
แขนที่ควรจะเงื้อดาบขึ้นตามที่สมองสั่งกลับปล่อยมือจากดาบเสียอย่างนั้น
ควบคุมร่างกายไม่ได้เลย
ตอนที่มือเริ่มจะจีบและขากางออกเหมือนตั้งท่ารำนั่นกวินทร์ก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“มันบังคับให้เต้นตามได้ด้วยเหรอเนี่ย!”
กวินทร์หันกลับไปเพื่อจะเตือนพวกที่ตามมา
“ทุกคนถอยกลับไปก่อนครับมันจะบังคับให้พวกเราเต้…”
แต่ก็สายเกินไปตอนนี้ข้างหลังตั้งวงหมอรำแดนซ์กันกระจายเป็นที่เรียบร้อย
มีแต่มิ่งขวัญที่ไหวตัวทันถอยหลังออกไปก่อน
“เน็กส์!!”
เสียงของอิงศรดังแว่วมาทำให้พวกเขาหันไปดู
เน็กส์เด็กชายตัวเล็กที่สิงอิงศรก่อนจะออกศึกแยกออกมาจากร่างอิงศร
ด้วยเหตุนั้นมิ่งขวัญก็เคลื่อนไหวตอบสนองในทันที
“…”
แต่ก็เบรกตัวเองไว้เสียก่อนแล้วหันมองกวินทร์กับคนอื่นสลับกับทางนั้นด้วยความลังเล
“ไปเลยขวัญไปช่วยทางนั้นก่อนเดี๋ยวที่นี่ผมจัดการเอง!”
กวินทร์ออกปากรัยผิดชอบเองเพื่อให้มิ่งขวัญตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ตอนนี้ทางนั้นต้องการความข่วยเหลือมากกว่า…กวินทร์คิดอย่างนั้น
“แล้วจะรีบกลับมาช่วย!”
มิ่งขวัญกัดริมฝีปากพูดปานตะกล้ำกลืนฝืนทนก่อนจะวิ่งแยกไป
นางอัปสรไม่ได้ไล่ตามหรือขัดขวางคงเพราะแค่ดึงพวกเขาไว้ก็เต็มกลืนแล้วกระมัง
พลอยที่โดนจับให้รำเหมือนกันก็บ่นออกมาว่า
“ทำไมมันรู้สึกเหมือนเคยโดนแบบนี้มาก่อนกันนะ”
เธอน่าจะแค่ตั้งใจพาดพิงมาที่เขาซึ่งเคยจับหล่อนบังคับเต้นคู่ไปด้วยกันตอนที่สู้กับอวโลกิตะครั้งแรก
“จริงด้วยใช้วิธีนั้นก็ได้นี่”
กวินทร์ฉุกคิดขึ้นมาได้จากคำพูดนั้น
เด็กหนุ่มเริ่มพูดท้าทายนาวอัปสร
“โหย~~
เจ๊! จะรำเชยไปถึงไหนยุคนี้แล้วเนี่ย เห็นว่าเป็นเทพนักร่ายรำ
เขาว่ารำเก่งแต้เก่งว่าไม่ใช่เหรอถ้างั้นลองมาเต้นแข่งกันหน่อยไหมถ้าเจ๊ชนะผมยอมเป็นพวกเจ๊เลยเอ้า!”
“นี่จู่ๆ
ไปพูดอะไรอย่างนั้นกันเล่า”
พลอยกระซิบมาจากข้างหลัง
“เอาน่าเดี๋ยวดีเองแหละครับ”
กวินทร์กระซิบตอบไปในระหว่างที่นางอัปสรยังคงรำไปด้วยตีหน้าเซ่อไปด้วย
แล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มยุแยงต่อ
“ว่าไงล่ะเจ๊ผมเองก็เป็นนักเต้นฝีเท้าเมพคนหนึ่งไม่อยากลองดูหน่อยเหรอ”
“…”
นางอัปสรยังคบไม่ตอบสนองอันใดดูเหมือนจะต้องยุต่อไปอีก
“อะไรกันหว้า~
ที่แท้ก็กากนี่หว่า เด่อเอ้ย เมพเก๊ เทพกำมะลอ สก๊อยติ่งหู
จีจีอีซี่”
รู้สึกได้ถึงสายตาทึ่งของทุกคนที่ส่งมาคงจะนึกกันไม่ถึงว่าคนที่สุภาพอยู่ตลอดอย่างเขาจะพ่นคำพูดพวกนี้ได้
ช่วงก่อนที่โลกจะล่มสลายเขาเองก็เป็นเด็กที่หยาบคายและทำตัวแสบสมวัยไม่น้อยเลยทีเดียวก่อนจะกลับตัวใหม่ตอนที่สมัครเป็นทหารของเมตไตรยดังนั้นคำพูดยั่วยุที่ขุดออกมาจากความทรงจำเลยมีแต่อะไรที่ค่อนข้างจะเป็นคำพูดชวนตีของเด็กๆ
แต่ทว่า…
จู่ๆ
ก็มีเสียงเหมือนอะไรบางอย่างขาดดังผึง แล้วร่างกายก็หยุดรำเอง
กลับมาควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง
…แค่เขาคนเดียว
พลอยกับนิวยังคงรำอยู่
กวินทร์จึงหันไปเผชิญหน้ากับนางอัปสรอย่างเข้าใจในความคิดของอีกฝ่าย
การประลองเต้นรำได้เริ่มขึ้นแล้วโดยที่อีกฝ่ายให้เขาเริ่มก่อนเป็นการแสดงความเหนือชั้นกว่าอย่างมีนัยยะ
แต่กวินทร์ก็ไม่คิดจะปฏิเสธมันอยู่แล้วเด็กหนุ่มปล่อยท่าเต้นที่ถนัดที่สุดออกมา
เบรกแดนซ์ที่เป็นตัวแทนของยุคใหม่
เด็กหนุ่มผู้ร้อนแรงแสดงฝีไม้ลายมือและสเต็ปเท้าไฟแลบให้ประจักษ์แก่สายตาเทพนักร่ายรำอย่างไม่มีการออมมือจนกระทั่งจบท่าก็ถึงตาเปลี่ยนให้อีกฝ่ายเต้นตามบ้าง
“เต้นไฟแลบแบบนั้นลิเกหลงโรงจะเข้าใจเหรอ”
พลอยตีหน้ามุ่ยถามมาแบบนั้นโดยที่ตัวเองยังคงถูกบังคับให้รำแต่ก็แอบดูกวินทร์เต้นไปบ้าง
“ไม่แน่ว่าอาจจะได้ผลก็ได้นะคะพี่พลอยถ้าอีกใ่ายเต้นตามไม่ได้พี่กวินทร์เขาก็ชนะไงคะ”
นิวพูด
“จะว่าไปก็จริงของนิวนะแบบนี้อาจจะเป็นแผนทีดีก็ได้”
พลอยพูดอย่างมีความหวัง
แล้วความหวังนั่นก็พังทลายไม่มีชิ้นดี
นางอัปสรดึงถลกสไบประกอบชุดและกรโปรงที่เกะกะทิ้งไปจนหมดเหลือแต่กางเกงออกกำลังกายแบบยุคใหม่ที่ไม่รู้โผล่มาอีท่าไหนแล้วเริ่มปล่อยสเต็ปเท้าที่เหนือชั้นกว่าของกวินทร์ออกมาจนทำเอาพวกเขาจ้องกันตาค้างแทน
หลังจากเต้นตามจนจบท่านางอัปสรก็ปล่อยท่าเต้นแบบยุคใหม่ออกมาราวกับจะเย้ยหยันพลังของมนุษย์ที่คิดจะต่อกรกับเทพเจ้า
“แต่ด้วยเบรกแดนซ์เนี่ยนะ..”
กวินทร์ยิ้มเจื่อน
ก็แล้วใครจะคาดคิดกันเล่าว่าต้องมาแข่งจริงจังกับเทพเจ้าในลักษณะนี้
แต่รอยยิ้มเอือมระอานั่นก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกริ่มในพริบตา
“งั้นก็สวยสิแบบนี้ใครจะยอมแพ้กันเล่าขอดูสเต็ปเทพแดนซ์หน่อยเหอะ”
ราวกับว่าไฟในหัวใจลุกโชนขึ้นมากวินทร์หยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้วสัญชาตญาณของคนหนุ่มมันร่ำร้องอยากจะต่อสู้จนเนื้อเต้นตุบไปหมด
อย่างไรก็ตาม…
ยังมีคนที่ลำบากไปด้วยในการแข่งขันนี้
“แล้วทำไมพวกฉันต้องมาเต้นตามด้วยละเนี่ย!!”
พลอยโวยวายออกมาก็ตอนที่เต้นตามนางอัปสรไปได้ครึ่งทางแล้วตอนนี้พวกเขาที่เต้นกันอยู่เลยเหมือนเปิดฟลอแดนซ์กระจายกันกลางสนามรบไปโดยปริยาย
เมษาที่ปล้ำกับนรสิงห์อยู่เห็นเข้าก็
“เฮ้
นี่สู้กันอยู่นะตั้งใจกันหน่อย เหวอ…”
พูดต่อว่ามาแบบนั้นแต่ก็ถูกนรสิงห์ดิ้นหลุดจากท่ากอดแล้วจับทุ่มกระเด็นไปทางตึกจำลองจนเกิดระเบิดตูมตามดังมา
ขณะเดียวกัน…
มิ่งขวัญที่นำออกไปก่อนนานแล้วก็ร่ายสกิลเสริมพลังดาบจนครบเงื่อนไขร่ายสกิลเวพ่อนไนซ์
มิ่งขวัญเรียกเครื่องทำสวนออกมาแต่ระยะหยุดเวลาของเขตแดนท่าไม้ตายขยายไปไม่ถึงจุดที่พวกอิงศรต่อสู้จึงหยุดการร่วงหล่นของเน็กส์ไม่ได้
มิ่งขวัญที่แปลงร่างเสร็จแล้วก็บินทะยานออกไปพร้อมกับตะโกนบอกอิงศรที่ถูกส่งไปจนถึงตัวนรินทร์นารายณ์ว่า
“ไปเลยศร!
ไม่ต้องห่วงทางนี้”
แล้วโฉบหิ้วคอเสื้อเน็กส์ไว้ทันก่อนจะตกลงไปกระแทกพื้น
….
ด้วยคำพูดของน้องชายอิงศรจึงหันกลับไปทำหน้าที่ของตน
ตอนนี้ก็มาถึงที่หมายแล้วเขาเกาะอยู่ใต้อกซ้ายที่เปลือยเปล่าของนรินทร์นารายณ์ใช้เล็บจิกและเหยียดเท้าลงบนผิวหนังของเทพเจ้าในมือซ้ายเงื้อไพ่อาคานาร์ของอิซานามิขึ้นหมายจะยื่นมันขึ้นไปให้ถึงตำแหน่งหัวใจ
‘อีกนิดเดียวพยายามเข้าเจ้าหนู’
เสียงเชียร์ของอิซานามิดังออกมาจากไพ่
ตอนนั้นเองนารายณ์ก็เปล่งแสงสีแดงวาบมาจากดวงตา
“ศักติ!”
ร่างของอิงศรถูกแรงมหาศาลฉุดจากทางด้านหลังเหมือนมีใครมาดึง
โดนกระชากจนกระเด็นออกห่างจากอกซ้ายของนรินทร์
“เสร็จกัน
ลืมไปเลยว่าเจ้านี่ใช้พลังจิตได้…”
อิงศรนึกตำหนิตัวเองที่ประมาทแต่ยังไม่ทันไรดาบที่นรินทร์นารายณ์ชุบไว้ก็ฟาดตามลงมา
“จบกันแค่นี้แหละราม!”
เทพเจ้าคำรามลั่น
ตลอดทางที่ดาบชุบนั่นลากลงมาก็จะแหวกอากาศเป็นโพรงเหมือนฉีกมิติเป็นกระดาษ
พอเกิดรอยแยกมิติขึ้นก็มีพลังบางอย่างไหลออกมาจากมิติ
อิงศรซึ่งอยู่ใกล้แหล่งพลังนั้นมากที่สุดรู้สึกได้ถึงทัศนวิสัยที่แตกพร่าเหมือนโทรทัศน์ที่จอเสียแต่ไม่นานนักก็หายจากอาการนั้น
ตัวเขาลอยเคว้งอยู่กลางอากาศและกำลังจะตกลงไป
“เมอร์คาบาห์!”
อิงศรเรียกปีศาจซึ่งยืนรอคำสั่งอยู่ข้างล่างตั้งแต่ตอนที่เรียกออกมาก่อนหน้านี้
หลังจากสั่งไปแล้วเมอร์คาบาห์ก็ทะยานมาถึงในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
รับตัวเขาไว้แล้วโยนขึ้นไปอีกคราวนี้ลอยขึ้นไปสูงจนเกือบถึงเพดาน
ถึงใบหน้าของนรินทร์นารายณ์
“เมอร์คาบาห์ไปหยุดดาบนั่นที!”
ปีศาจพยักหน้าแล้วบินแซงดาบชุบไปขว้างหน้าเอาไว้พลางตั้งใบมีดที่แขนขัดรับตัวดาบยักษ์ที่ฟาดลงมา
แต่ความเร็วของดาบแค่ชะลอลงเท่านั้นพลังของเมอร์คาบาห์อย่างเดียวไม่พอที่จะหยุดเอาไว้
ถ้าหากปล่อยให้ดาบนั่นฟันลงไปถึงพื้นได้คงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่
ลางสังหรณ์บอกอิงศรเช่นนั้น
เด็กหนุ่มกำไพ่อาคานาร์ไว้แล้วใช้นิ้วที่เหลือโก่งคันธนู
ร่ายสกิล
“ดราโคเม็ท!!”
แผ่นยันต์ลอยออกมาจากแขนแล้วลุกไหม้เป็นเพลิงสีฟ้าคราม
จากนั้นจึงก่อตัวเป็นมังกรพาดหางพันรอบแขนไปจนถึงหัวไหล่
แล้วอิงศรก็ผาดแผลงธนูมังกรเพลิง
เมื่อทะยานออกไปก็บังเกิดระเบิดเป็นสายฝนเพลิงพุ่งไต้ดั่งดาวหางกระจายถาโถมใส่เทพเจ้า
เสี้ยววินาทีถัดมานั้นก็ปรากฏร่างอวตารองค์ใหม่ลอยอยู่เบื้องหน้านรินทร์นารายณ์
อวตารใบหน้าเหมือนนรินทร์ในชุดศึกของกษัตริย์แบบอินเดียในสมัยโบราณ
ชุดสีทองคำประดับประดาอย่างเลิศหรูในมือถือคันศรทำจากโลหะผสมทองยาวเกือบสองเมตรได้
เมื่อร่างอวตารนั้นเห็นฝูงดาวตกมังกรก็กล่าวว่า
“ศรนาคบาศงั้นรึถ้าอย่างนั้น”
แล้วจึงชักลูกธนูจากซองที่เหน็บอยู่ตรงเอวมาแผลงสู้ด้วยเพียงดอกเดียวเท่านั้น
“พรหมมาศ”
พริบตาที่ลูกธนูดีดออกจากคันก็บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าร้อง
จากลูกศรหนึ่งดอกแตกกระจายเป็นสาย บ้างกลายเป็นดาบ บ้างก็กลายเป็นหอก
พุ่งทะยานไปชนกับฝนดาวตกจนเกิดระเบิดตูมตามเป็นพัลวัน
อิงศรที่กำลังร่วงหล่นลงมาก็ต้องฝ่าดงระเบิดเหล่านั้นไปด้วย
ค่อนข้างจะโชคดีที่การปะทะส่วนใหญ่จบลงไปแล้วจึงเหลือแต่กลุ่มหมอกควันจากการระเบิดที่จับตัวกันหนาแน่นเท่านั้น
พอตกลงมาจากกลุ่มหมอกแล้วเนื้อตัวก็มีแต่คราบเขม่าดำเต็มไปหมดแต่ยังมีอีกสิ่งที่ไล่ตามเขามา
อิงศรแหงนหน้าขึ้นข้างบนก็มองเห็นปีศาจวานรบินควงตรีศูลตามลงมาแถมยังพูดจาเป็นทำนองเสนาะมาว่า
“บัดนั้น! ก็หยิบจับตรีศูลอาวุธคู่กาย ฟาดฟันอินทรชิต
เออ เอ่อ เอ้ย~ชะเอิงเอย~”
อิงศรง้างคันธนูแล้วนึกหาสกิลที่จะขับไล่ปีศาจนั้นออกไป
“บัพแอ...”
แต่
บัพ-แอโร่ว
ที่เป็นสกิลเหมาะสมในสถานการณ์นี้ที่สุดกลับไม่สามารถร่ายได้ทันแล้วยังลอยเท้งเต้งกลางอากาศแบบนี้เรื่องจะหลบหลีกนั้นลืมไปได้เลย
นี่สู้กลางอากาศมากี่นาทีกันแล้วนะ....อิงศรคิดทั้งที่มันเพิ่งจะผ่านไปราวสามสิบวินาที
แต่เป็นสามสิบวินาทีที่ยาวนานเสียเหลือเกิน
เขาสัพประยุทธ์กับนรินทร์นารายณ์นานถึงขนาดนั้นโดยถือไพ่เหนือกว่าเพียงแค่ส่งอิซานามิไม่ที่หัวใจก็จะชนะศึกนี้ทันทีถึงอย่างนั้นก็ยังทำไม่สำเร็จ
อิงศร Lv.93 [///..5400:12500..…]
พลังชีวิตเพียงแค่นี้คงไม่พอรับการโจมตีของปีศาจวานรแน่
“แทคีออนสไลเซอร์!!”
ตอนที่คิดทำใจว่าตนคงไร้ความสามารถ
จู่ๆ แสงแห่งความหวังก็สาดทะลวงเมฆหมอกที่ชื่อว่าหนุมานจนร่างกลวงโบ๋
มิ่งขวัญนั่นเอง
น้องชายโจมตีด้วยความเร็วแสง ปลิดชีพปีศาจวานรในการแทงครั้งเดียว
แต่ปีศาจวานรกลับพูดทั้งที่ยังกระอักเลือดว่า
“หะ..ฮึก...ข้าเป็นบุตรของพระพราย...ถ้าลมพัดข้าก็จะ...”
มิ่งขวัญพูดขัดคำพูดของวานร
“แกน่ะไม่มีอนาคตแล้ว”
/No Future/
พลันเสียงสังเคราะห์จากหอกทองคำก็ดังก้อง
บังเกิดโพรงสีดำก่อตัวขึ้นที่รูกลวงกลางร่างปีศาจ
“อ...อ๊าคคค!!!”
มันกรีดร้องขณะที่โดนดูดเข้าไปในโพรงนั่นและหายไป
มิ่งขวัญบินอ้อมมารับโดยหิ้วปีกเขาไว้ก่อนจะตกถึงพื้น
นรินทร์นารายณ์ฟาดตะบองดอกบัวลงมาในตอนนั้นแต่มิ่งขวัญยกแขนซ้ายที่มีโล่ขึ้นป้องกัน
“โฟตอนการ์ด”
ตะบองฟาดใส่กำแพงแสงที่โล่สร้างขึ้นแล้วอัดสองพี่น้องปลิวไปเกือบติดผนังห้องแต่มิ่งขวัญใช้ไอพ่นจากวงแหวนเพลิงยันเอาไว้ก่อนจะถึง
“ไม่ไหวแบบนี้เข้าใกล้ไม่ได้เลย”
มิ่งขวัญตัดพ้ออย่างหมดหวัง
อย่างไรก็ตามที่อิงศรกำลังเป็นห่วงคือเมอร์คาบาห์ที่จะต้านทานดาบชุบนั่นไม่ไหวแล้วมากกว่า
ขณะเดียวกันกวินทร์ที่อยู่ข้างล่างก็เคลื่อนไหว
หลังจากเต้นแข่งกับนางอัปสรมาได้สี่กระบวนท่าก็ถึงเวลาที่เด็กหนุ่มจะเริ่มแผนเสียที
ตอนนี้ถึงตาของกวินทร์ที่ต้องเต้นท่าใหม่ให้อีกฝ่ายทำตาม
กวินทร์เริ่มเต้นไปได้สองสามจังหวะก็ล้มตัวตะครุบเก็บดาบบนพื้นที่ทำตกไปตอนถูกบังคับให้รำขึ้นมาแล้วเปลี่ยนท่าเต้นเป็น
แท็ปแดนซ์* โดยถือดาบต่างไม้เท้าประกอบท่าเต้นที่ใช้เพียงเท้ากระทบพื้นในการสร้างจังหวะ
ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ถูกสงสัยว่าคิดจะต่อสู้ไม่อย่างนั้นคงได้ถูกเชิดให้ระบำตามอีก
(*เป็นการเต้นที่กำเนิดขึ้นในอเมริกาช่วงคริสต์ศตวรรษที่
19 ชื่อของการเต้นชนิดนี้มาจากเสียง แท็ป แท็ป
จากแผ่นเหล็กใต้รองเท้าเต้นสัมผัสพื้น)
“…”
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเชื่อและรอจนเต้นจบ
คราวนี้นางอัปสรก็เสกดาบออกมาบ้างหนแรกกวินทร์คิดว่าความอาจจะแตกเข้าเสียแล้วแต่ที่จริงนางแค่เอาดาบมาใช้ประกอบท่าเต้นเหมือนที่เขาทำ
เมื่อเต้นตามจบก็เริ่มเต้นท่าใหม่เพื่อให้กวินทร์เต้นตาม
คราวนี้เป็นท่าเต้นแบบรำดาบสมัยโบราณผสมกับท่าเต้นยุคใหม่ เรียกได้ว่าทั้งอ่อนช้อยและงดงามในแบบของระบำยุคเก่าแล้วยังแปลกตาดูทันสมัยเข้ากับท่าเต้นยุคใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ
ระดับนั้นเกินกว่าที่เด็กหนุ่มจะเต้นตามได้
กวินทร์ปาดเหงื่อที่ใต้คางออก
“ชิ มาได้แค่นี้แล้วสิ”
พลางพึมพำอย่างสิ้นหวัง
มองเห็นใบหน้าของนางอัปสรเผยรอยยิ้มออกมา
ใบหน้าของรุ่นพี่นรินทร์ที่ยิ้มแบบนั้นดูน่ากลัวสุดๆ
จนเมื่อถึงตาที่เขาจะต้องเต้นตามแล้ว...
“...”
กวินทร์ไม่ขยับตัวเป็นเพราะไม่รู้จะเต้นตามได้อย่างไร
แต่ถ้ายังไม่ยอมเต้นอีกก็จะถือว่าแพ้ทันที
“เป็นไงเป็นกันสิวะ!”
กวินทร์คำรามแล้วก้าวเท้าแรก
แต่กลับสะดุดเสียหลักจนทรุดเข่าลงไป
ได้ยินนางอัปสรหัวเราะเบาๆ
เหมือนสะใจ คิดว่าตนเป็นฝ่ายชนะแล้ว
เมื่อกวินทร์ไม่สามารถเต้นตามได้การแข่งก็เป็นอันจบด้วยความปราชัย...
“โอเชียนแดนซ์!”
ของนางอัปสรเสียเอง
ทันทีที่จะล้มลงกวินทร์ก็ปักดาบยันร่างกายไว้แล้วร่ายสกิลซึ่งจังหวะการเต้นก่อนหน้าจนมาถึงตอนที่ล้มตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรำเงื่อนไขสกิลครบทั้งหมดพอดี
นางอัปสรที่ไม่ทันระวังตัวจึงถูกคลื่นน้ำที่พุ่งออกจากดาบซัดลอยขึ้นไปกลางอากาศ
“'นี่คือพันธสัญญาว่าจะร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ไปสู่เส้นทางทำลายล้าง
จงกู่ร้องดาบที่ใช้ปลดพันธนาการสวรรค์!!”
กวินทร์ดึงดาบแล้วร่ายสกิลพร้อมกับก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว
ลูกไฟยูนิทสี่ธาตุจากทั้งหมดแปดลูกที่ได้มาตอนที่ใช้ท่า
เอจด์ออฟเอเลเมนทัลกับควอเต็ตแสลช ถูกกลืนเข้าไปในดาบ
แล้วแทงมันไปทางที่นางอัปสรลอยขึ้นไป
“กิก้าเสลฟ! แรคน่าบัสเตอร์!!”
เขตแดนท่าไม้ตายกางออกมาหยุดร่างของนางอัปสรไว้กลางอากาศ
เครื่องทำสวนรูปกระต่ายจุติลงมาจากกลุ่มเมฆดำเบื้องบนที่ก่อตัวขึ้นตอนใช้สกิล
เครื่องทำสวนเปลี่ยนร่างเป็นดาบยักษ์เล่มมหึมา
เมื่อกวินทร์พุ่งตัวก้าวเท้าแล้วตวัดดาบ
เครื่องทำสวนก็พุ่งออกไปเสียบทะลวงร่างของนางอัปสร
แต่พลังของพื้นที่ฮีโร่เวิร์สยังคงส่งผลอยู่ทำให้ร่างของหล่อนไม่ขาดเป็นสองท่อนแต่เกิดประกายไฟพุ่งทะลักออกมาจนกระทั่งร่างกายระเบิดเมื่อสิ้นชีพ
ดาบเครื่องทำสวนยังคงพุ่งต่อไปข้างหน้า
กระแทกใส่ดาบชุบของนรินทร์นารายณ์จนกระเด็นเปลี่ยนทิศ
แรงปะทะนั้นเกือบจะทำเทพเจ้าล้มทั้งยืน
“หนอย!!”
นรินทร์นารายณ์กัดฟันด้วยความพิโรธพลางใช้มือข้างที่ว่างหนึ่งในสี่แขนนั้นยันพื้นไว้แล้วตวัดดาบฟันทั้งท่านั้น
“แจ๊ค!”
กวินทร์เรียกปีศาจออกมาตอนนั้น
ปีศาจแห่งโชคชะตาที่ตื่นขึ้นพร้อมกับฟันเฟืองในร่าง
แจ็ค
สปริกกินส์ ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ากวินทร์แล้วหมุนตัวควงสว่านลอยหายขึ้นไปในกลีบเมฆดำที่ออกมาจากท่าไม้ตายเมื่อครู่
อึดใจต่อมามือยักษ์ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าคว้าเอาดาบเครื่องทำสวนขึ้นมาฟาดยันกับดาบชุบของนรินทร์นารายณ์และยื้อกันอยู่อย่างนั้นพลังทัดเทียมกันจนดาบแทบจะไม่ขยับออกจากที่เลย
มีพลังเทียบเท่าพลังของปีศาจแห่งโชคชะตาบวกรวมกับเครื่องทำสวน
หากต้องต่อสู้แตกหักกับนรินทร์นารายณ์คงไม่มีทางชนะจริงๆ นั่นแหละ
อิงศรได้แต่รู้สึกขอบคุณที่มีอิซานามิเป็นทางเลือกขึ้นมาอยู่ในใจ
ตรงนี้เองนรินทร์นารายณ์ก็เปล่งแสงจากตาหมายจะเล่นงานกวินทร์ที่เป็นคนควบคุมดาบเครื่องทำสวน
แต่กลับถูกลำแสงที่ยิงมาจากทางด้านหลังของกวินทร์อาบใส่และทำให้การโจมตีหยุดชะงัก
พลอยนั่นเอง
เธอหลุดจากมนต์สะกดให้รำตามของอัปสราวตารแล้ว
และตอนนี้...
นรินทร์นารายณ์ก็ไร้ซึ่งการป้องกันตัว
“ขวัญพาเข้าไปให้ใกล้กว่านี้หน่อย!”
พอพูดออกไปมิ่งขวัญก็พาบินเข้าไปหาทันที
นรินทร์นารายณ์ขว้างกงจักรสวนมาแต่มิ่งขวัญก็พาหลบได้ทัน
แต่พอจะเข้าไปถึงตัวแล้วมือข้างที่ว่างเพราะขว้างจักรไปแล้วก็เลื่อนมาปิดหน้าอกซ้ายทำให้หมดหนทางส่งอาคานาร์เข้าไป
“ขวัญบินอ้อมไปข้างหลังเลย”
อิงศรพูดแล้วเอาไพ่อาคานาร์งัดสายธนูเตรียมไว้จนเมื่อ
อ้อมตัวนรินทร์ไปได้ครึ่งทางก็ง้างธนูเล็งไปยังตำแหน่งที่ตรงกับหัวใจแล้ว...
“กิฟต์แอโร่ว”
ไพ่กลายเป็นลูกธนูโลหะ
“สุดท้ายนี้จะขอบอกเอาไว้อย่างนะนารายณ์ ฉันไม่ใช่รามแล้วแกก็ไม่พระเจ้าเพราะงั้นคืนนรินทร์มาให้ฉันได้แล้ว!!”
อิงศรปล่อยมือแผลงมันออกไป
ลูกธนูแทงทะลุแผ่นหลังลงไปเล็กน้อยแล้วคืนสภาพกลับเป็นอาคานาร์ทำให้ไพ่อยู่ในตำแหน่งใกล้กับหัวใจเหมือนเอาไปวางไว้ที่หน้าอก
และแล้ว...
เทพเจ้า
นารายณ์
นรินทร์
เด็กหนุ่มผู้ไปไม่ถึงความตายมาโดยตลอดก็..
ปิ๊บๆๆ
เสียงเมล์เข้าดังขึ้น
เสียงแห่งความพินาศ
เสียงนั้นกระซิบว่า
======================
Subject:
@Clipius Death Timing Delivery
From:
GM
Detail:
ตัวจับเวลาตายของเพื่อนคุณมาถึงแล้ว!
เวลาชีวิตที่เหลือของ นรินทร์ ระจินดา คือ
[00:03:00]
======================
อีกสามนาที..
***ยังมีอีกตอนวันเสาร์เน้ออย่าลืมกันนะ ✰ (>w0) ***
ความคิดเห็น