ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #121 : Login 118: ผู้เบิกบาน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 403
      11
      16 มิ.ย. 60

    Login 118: ผู้เบิกบาน

     

    อิงศร Lv. 70

    [//...2900:7320.....]

     

                เทียบไม่ติดเลย

                แต่ก็..ไม่ได้ตั้งใจจะแข่งขันอะไรกันอยู่แล้วตอนนี้เขากำลังจะโดนน้องชายฆ่าตายเรื่องมันก็แค่นั้น

                อิงศรแหงนใบหน้าที่สะบักสะบอมขึ้นมองไปยังน้องชายที่ถูกควบคุม

                “ตื่นสิ...”

                แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

                ต้องเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ถ้าสู้ด้วยกำลังไม่ได้ก็ต้องสู้ด้วยเล่ห์กล

                ก็แค่พูดให้ดูดีไปงั้น...อิงศรคิด เพราะตอนนี้ที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพชนักหรอก

                "ตื่นสิขวัญนายคิดจะฆ่าฉันจริงๆ รึไง!"

                แต่มิ่งขวัญก็ยังไม่หยุดยังคงขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับเงื้อดาบ

                ถ้าฟันลงมาคงตัดคอขาดได้พอดี

                ถ้าเป็นแบบนั้น...เฟืองในตัวจะช่วยได้รึเปล่านะ

                ที่ผ่านมาถึงพลังชีวิตหมดแต่ก็ยังไม่เคยถูกตัดคอในตอนสุดท้ายไม่รู้ว่าเงื่อนไขของมันทำงานอย่างไรจะให้หวังพึ่งสิ่งที่ไม่รู้คงไม่ได้

                ดาบเริ่มโน้มตัวลงมา มองเห็นภาพทุกอย่างช้าลงเพราะสมองถูกกระตุ้นด้วยความกลัวตายจนความสามารถเพิ่มสูงขึ้น

                แต่กลับขยับตัวไม่ไหวเพราะไม่เหลือเรี่ยวแรง

                ตายแน่

                ตายแน่ๆ

                "ขวัญ"

                เด็กหนุ่มหลับตาลงพลางพึมพำแบบนั้น

                เวลาผ่านไปหนึ่งวินาที...สองวินาที....

                สามวินาที...จนถึงตอนนี้ก็ยังมีสตินับเวลาได้

                ยังไม่ตาย

                อิงศรปรือตามองตรงไปข้างหน้า ดาบของมิ่งขวัญหยุดค้างอยู่ตรงนั้นห่างลำคอไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร

                มิ่งขวัญพูด

                "ศร..."

                น้องชายกำลังใช้มือซ้ายจับแขนขวาเพื่อหยุดดาบ สีหน้าทรมานเหมือนกำลังฝืนทำเรื่องยากลำบาก

                "ศ...ศรหนีไป"

                จากนั้นมือที่จับแขนขวาก็เหมือนจะกำแน่นยิ่งขึ้น

                จนกระทั่งได้ยินเสียงปริแตกของกระดูก

                "อึก.."

                เสียงครางของมิ่งขวัญไม่น่าจะฟังผิดหมอนี่กำลังฝืนแขนตัวเองจนถึงขั้นต้องหักกระดูก

                ดาบทยอยห่างออกไปจากลำคอเรื่อยๆ เสียงกระดูกหักปริแตกดังกึกๆ

                ใบหน้าของมิ่งขวัญบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดแต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่หยุดที่จะหักแขนตัวเอง

                ดูเหมือนว่าที่น้องชายกำลังต่อสู้อยู่จะไม่ได้มีแค่แขนขวาแต่มือซ้ายเองก็เริ่มจะถูกชิงการควบคุมคืน มือคลายตัวออกเล็กน้อยแล้วก็กลับมาจับแน่นอีกเป็นอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ ไปมา

                ตอนนั้นเองมิตราพุทธะก็พูด

                "ต่อต้านการควบคุมงั้นรึ ดื้อด้านจริง"

                แยกเขี้ยวเหมือนกำลังโมโห

                ทันใดนั้น...

                ก็ปรากฏประตูกระดาษแบบญี่ปุ่นขนาบสองข้างปีศาจ พอเห็นแบบนั้นอิงศรก็ย้ายสายตาไปทางแผ่นดินที่พวกซากิริอยู่กัน

                เป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้อิซานามินั่นเองหล่อนชักดาบแล้ว

                บางทีคงรอจังหวะที่ศัตรูเผลอเพื่อใช้สกิลที่เคยจัดการกับโลกิตอนที่อยู่บนรากอาคาชิกเรคคอร์ด

                ประตูกระดาษปรากฏขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังพวกมันเลื่อนปิดพร้อมๆ กัน บานประตูปิดทับกันสนิททีนี้มิตราพุทธะก็จะถูกสังหารเบื้องหลังฉากที่บานประตูสร้างขึ้น

                แต่ทว่า

                “อ่อนหัด!”

                เสียงตะหวาดของมิตราพุทธะดังกึกก้องเหมือนเสียงคำรามของสิงโตจากนั้นบานประตูก็ถูกไฟเผาจนมอดไหม้ในพริบตา

                เบื้องหลังบานประตูที่ไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่านปรากฏศีรษะของงูยื่นออกมาเป็นตัวเดียวกับที่พันอยู่รอบตัวมิตราพุทธะ ในปากยังมีสะเก็ดไฟปะทุให้เห็นอยู่คงจะเป็นมันนั่นเองที่เผาประตู

                อิซานามิที่ร่ายสกิลอยู่บนแผ่นดินอีกฝั่งพูด

                “หวาย…ไม่ได้ผลเหรอเนี่ย”

                ฟูที่อยู่ด้านข้างซากิริหันกลับไปถามโซเดียมราชครูมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ด้านหลัง

                “นี่คุณป้าทำอะไรไม่ได้เลยเหรอเวลตั้งเป็นร้อยนี่”

                โซเดียมทำท่าไม่พอใจ

                “อย่าเรียกว่าป้าสิคะแล้วดิฉันเองก็เป็นสายอาชีพโคลสเซอร์เหมือนคุณนั่นแหละค่ะไม่มีสกิลไหนโจมตีขึ้นไปถึงหรอก”

                เป็นอย่างที่ว่ามิตราพุทธะลอยตัวอยู่เหนือแผ่นดินที่พวกเขายืนกันแถมด้านล่างก็เป็นท้องฟ้าไร้ก้นไม่มีช่องให้จู่โจมได้

                กลับกันอีกฝ่ายสามารถโจมตีใส่ทางนี้ได้อย่างอิสระ

                ทันทีที่มิตราพุทธะหันมาทางพวกเขางูที่พันวนรอบตัวนั้นก็อ้าปากแล้วพ่นไฟลงมา

                เน็กส์ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มเคลื่อนไหวตอบสนองการโจมตีนั้น

                “มหาวาโย!”

                เด็กชายปรายไม้เท้าขึ้นไปด้านบนขณะที่ร่ายสกิล สร้างลมพายุขนาดใหญ่ขึ้นมาพัดไฟให้กระจายออกไปก่อนจะตกลง แต่อากาศจากลมที่ซัดเข้าไปทำให้ไฟขยายตัวจนเกิดระเบิดเสียงดังกัมปนาท

                ไฟแตกเป็นสะเก็ดกระจายตกไปทั่วทั้งพื้นที่มีบางส่วนที่ตกลงมายังกลุ่มของพวกเขา

                ทุกคนพากันวิ่งหนีและปัดป้องสะเก็ดไฟที่โปรยลงมาเป็นพัลวัน เว้นแต่เน็กส์ที่ยังติดดีเลย์การร่ายสกิลทำให้ยังขยับตัวหนีไปจากที่เดิมไม่ได้

                ฟูวิ่งเข้ามาดึงตัวเด็กชาย

                “เน็กส์!”

                แล้วกอดไว้หันหลังเอาตัวคุ้มครองจากสะเก็ดไฟแทนสะเก็ดไฟตกลงบนหลังของเด็กหนุ่ม เขาส่งเสียงครางเพราะพยายามทนเอาไว้

                “อึก”

                มิตราพุทธะพูดว่า...

                “จัดการพวกเกะกะก่อนดีกว่าล่ะมั้ง มานี่ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกของข้า”

                แล้วสั่งให้มิ่งขวัญมาทางนี้

                มิ่งขวัญที่พยายามฝืนร่างกายตัวเองจนถึงเมื่อครู่ถูกบังคับให้ร่ายสกิล

                “โปร...โตชิลด์”

                แสงสว่างอาบลงบนโล่ ในตอนนั้นเองหน้าจอสื่อสารที่พักตัวเองอัตโนมัติไปแล้วก็กระดอนขึ้นมาเสียงของซากิริติดเข้ามาว่า

                “อย่าให้น้องชายเธอร่ายเวพอนไนซ์ได้นะเจ้านั่นมันคิดจะให้เขาข้ามาจัดการพวกเรา”

                แต่มันสายเกินไป...ตอนที่คำพูดจบลงปากของมิ่งขวัญก็ขยับร่ายสกิลที่ว่าไปเป็นที่เรียบร้อย

                “เว..พอนไนซ์”

                เด็กหนุ่มฝืนประกาศถ้อยคำอย่างยากลำบากแต่ก็หยุดมันไว้ไม่ได้ ดาบแสงที่มีพลังสามรูปแบบกับโล่ที่อาบพลังแห่งแสงไว้ทั้งหมดครบเงื่อนไขของสกิลเป็นที่เรียบร้อย

                สกิลไม้ตายทำงาน ฉากร่ายกับมังกรที่เป็นเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ดำเนินไปอย่างบทละครที่ถูกวางเอาไว้จนกระทั่งช่วงเวลาที่ถูกหยุดด้วยผลของสกิลสิ้นสุดลง มิ่งขวัญก็...

                “โกลด์กาแลนต์”

                กลายเป็นอัศวินทองคำ สยายปีกเตรียมจะทะยานขึ้นไปยังแผ่นดินอีกฟากที่พวกซากิริอยู่กัน

                มิ่งขวัญคงจะฆ่าหมดทุกคนที่อยู่บนนั้นโดยใช้เวลาไม่นาน

                หรือไม่ก็ถูกฆ่าจากน้ำมือของราชครูมนุษย์ต่างดาวที่อยู่บนนั้นด้วย

                จะอย่างไหนก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้นจะให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด...อิงศรคิด

                เด็กหนุ่มเค้นแรงเฮือกสุดท้ายที่ได้คืนมาจากพักในระหว่างที่มิตราพุทธะยังสาละวนอยู่กับทางนั้นเข้าไปคว้าตัวมิ่งขวัญไว้

                “ไม่ยอมหรอกน่า!”

                พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดึงยื้อไม่ให้ออกจากที่นี่

                มิ่งขวัญก็พยายามดึงร่างกายตัวเองไม่ให้บินออกไปเช่นกันรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นเพราะเหมือนมีแรงดึงที่ช่วยไม่ให้เขาถูกลากไปง่ายๆ คอยช่วย

                มิตราพุทธะที่เห็นแบบนั้นก็ออกคำสั่ง

                “งั้นแกก็ตายคนแรกเลยก็แล้วกัน”

                หอกในมือน้องชายหันกลับมาแทงเข้าที่อกซ้าย

                อิงศรถูกหอกดันออกไป ปลายหอกเล็งที่หัวใจแทงทะลุผ่านเสื้อกับเครื่องป้องกันเข้ามาอย่างง่ายดาย

                มิ่งขวัญร้องตกใจ

                “ศร!”

                ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก แววตาเหมือนกับจะร้องไห้

                อิงศรทรุดตัวลงทั้งที่ลำตัวยังคาอยู่ในหอกอย่างนั้น

                “ไม่!!”

                มิ่งขวัญกรีดร้อง เขาอยากที่จะดึงตัวพี่ชายออกจากหอกแต่กลับทำไม่ได้

                ร่างกายไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง

                มิตราพุทธะยิ้มอย่างมีชัยแล้วเริ่มกล่าว

                “ไหนดูซิ ถ้าข้าจำไม่ผิดหอกทองคำนั่นสามารถยับยั้งความสามารถทั้งหมดของสิ่งที่มันสังหารไปอย่างนั้นสินะแล้วในกรณีของฟันเฟืองจะเป็นยังไงกันนะ”

                ระหว่างนั้นเองมือของมิ่งขวัญก็ขยับกดหอกให้ลึกยิ่งขึ้น

                “หยุดนะ...หยุด!”

                มิ่งขวัญร้องสบถอย่างเจ็บแค้น

                เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้

                เจ็บใจที่กลายเป็นหุ่นเชิดของศัตรู

                มือที่กดคมหอกเข้าไปในอกของอิงศรไม่ขยับอีกดูเหมือนว่าจะไปติดถูกซี่โครงที่ไหนเข้าซักแห่งหรือไม่ก็แรงบังคับของมิตราพุทธะมีอยู่แค่นี้

                “พลังชีวิตไม่ลด แทงตื้นไปงั้นรึ”

                พลังชีวิตของอิงศรไม่ลดลงไปเพราะจำนวนกับสภาพร่างกายไม่สอดคล้องกันหรือก็คือแทงไม่โดนจุดสำคัญซึ่งส่งผลอันตรายต่อชีวิตจึงเหมือนแทงใส่ซากศพ

                แรงที่ส่งไปยังมือให้กดคมหอกเปลี่ยนทิศดึงมันกลับออกมาแล้วเงื้อขึ้น

                อีกฝ่ายกะจะให้เด็ดคอพี่ชายด้วยคมหอกนี้

                แต่มิ่งขวัญขัดขืน

                “ไม่ยอมหรอก”

                แล้วหาทางขยับอวัยวะทั้งหมดที่สามารถจะชิงคืนจาการควบคุมได้

                ขยับขาข้างขวาได้

                ขยับแขนข้างซ้ายได้

                ขยับช่วงลำตัวได้

                แค่นั้นก็เพียงพอ มิ่งขวัญขยับทุกส่วนที่ทำได้พาให้ร่างกายโน้มไปอีกทาง

                พยายามออกห่างจากอิงศรให้มากที่สุดจนกระทั่งลงมาฟุบอยู่กับพื้น

                ทันใดนั้นอสรพิษสีแดงที่พันรอยตัวมิตราพุทธะก็อ้าปากพ่นไฟมาทางนี้

                คงคิดจะเผาอิงศรไปพร้อมกันเลยเพราะด้วยจำนวนพลังชีวิตที่ต่างกันอิงศรจะต้องตายก่อนอย่างแน่นอน

                ต้องลุกขึ้นเอาตัวกำบังอิงศรไว้…แต่ถ้าลุกก็จะเสียการควบคุมร่างกายจนถูกใช้เป็นเครื่องมืออีก

                ไฟบรรลัยกัลป์คืบคลานเข้ามา สองพี่น้องยังคงไม่ขยับออกจากจุดเดิม

                “กาแล็กซี่อิลิมิเนชั่น!”

                มิ่งขวัญเค้นแรงสุดท้ายตะโกนออกมาในเสี้ยววินาทีที่ลามเข้ามา

                เกิดเสียงดังฟุ่บพร้มอกับแสงสว่างแล้วร่างของสองพี่น้องก็อันตรธานหายไปจากที่ตรงนั้น

                รวมถึงมิตราพุทธะ…

                “หายไปแล้ว”

                ซากิริที่อยู่อีกฝั่งพูดขึ้น

                หายไปพร้อมกันในทันทีที่มิ่งขวัญใช้สกิลตัดมิติเพื่อหลบออกไปจากการโจมตี ไฟจึงลอยไปตกกระทบพื้นด้านหลังแทน

                สมมติฐานหนึ่งที่พอจะอธิบายเรื่องนี้ได้แล่นเข้าสมองหล่อนจากนั้น…

                “หรือว่า…”

                ก็พึมพำคำพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

                และแล้ว แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงจุดที่สองพี่น้องหายไป

                พวกเขากลับมาในสภาพเดิมรวมถึงมิตราพุทธะก็โผล่มาที่จุดเดิมของมัน

                มิตราพุทธะยังไม่ละความพยายามแล้วให้อสรพิษคู่กายพ่นไฟอีกครั้ง

                แต่ทว่า อิงศรที่น่าจะลุกไม่ไหวอีกก็พุ่งออกมาข้างหน้า

                ดึงเอาผ้าสีขาวออกมาจากด้านในเสื้อเครื่องแบบสะบัดมันให้กางออกเป็นโล่กำบังไฟไว้แล้วหันไปเรียกปีศาจที่ปล่อยทิ้งไว้ตอนที่ใช้สกิลมหาเขตแดนไกลพ์นิล

                “เมอร์คาบาห์!”

                ผ้าคลุมที่ใช้ต้านทานเพลิงบรรลัยกัลป์กำลังมอดไหม้และใกล้จะฉีกขาดจากการกันเป็นชิ้นๆ

                เมอร์คาบาห์ที่ได้รับคำสั่งทะยานตรงเข้ามาอุ้มตัวสองพี่น้องบินข้ามไปอีกฟากของแผ่นดินจังหวะนั้นเองผ้าคลุมก็ขาดออกจากกันและปล่อยให้ไฟไหลบ่าลงมา

                หลบได้อย่างหวุดหวิด

                มิ่งขวัญเพ่งสายตามองไปที่ผ้าคลุมผืนนั้นแล้วก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาว่า

                “ผ้าคลุมนั่นจำได้ว่าทิ้งไปตอนอยู่ในทางน้ำนี่”

                อิงศรตอบ

                “เก็บได้ที่ทางน้ำเหมือนกันนั่นของนายเองเรอะ....”

                ทว่า หอกของมิ่งขวัญก็เอื้อมแทงใส่ท้งของเมอร์คาบาห์

                หอกทะลวงไปถึงด้านหลัง ปีศาจสิ้นใจลงตรงนั้นทำให้พวกเขาร่วงลงมากระแทกพื้น

                มิตราพุทธะเอ่ยมาว่า

                “ทีนี้ก็ไม่มีตัวหมากให้ใช้แล้วยอมตายเสียที่นี่เถอะ”

                แล้วควบคุมมิ่งขวัญให้ลุกขึ้น

                แต่มิ่งขวัญขัดขืน เด็กหนุ่มปักหอกลงบนพื้นแล้วฝืนร่างกายจับหอกไว้แบบนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายขยับไปทำร้ายพี่ชายอีก

                “…”

                มิตราพุทธะเห็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นดึงเขี้ยวหน้าตัวเองออกมาหมายจะใข้เป็นอาวุธสังหาร

                “เอาล่ะนะ!”

                มีเสียงของผู้หญิงดังมาจากแผ่นดินฝั่งพวกซากิริ โซเดียมกระโดดขึ้นมาจากตรงนั้นแบกตัวฟูขึ้นมาด้วย

                พอขึ้นไปถึงความสูงระดับหนึ่งหล่อนก็จับฟูเหวี่ยงใส่มิตราพุทธะ

                ฟูที่กระโจนเข้าไปพร้อมกับค้อนยักษ์เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง ใบหน้ามีขนสีดำขึ้นปกคลุมและยืดออกเหมือนสุนัขใบหูแหลมเรียว มัดกล้ามขยายตัว

                มนุษย์หมาป่า…ฟูกลายร่างเป็นปีศาจแบบนั้นพลางทำท่ากระโดดเหยียบอากาศทะยานขึ้นไปหามิตราพุทธะแล้วหวดค้อน

                “ทอร์แฮมเมอร์!!”

                พริบตาหนึ่ง ก่อนที่ค้อนจะสัมผัสถูกเป้าหมายก็บังเกิดสายห้าฟาดลงมาที่หัวค้อน

                จากนั้นค้อนก็ฟาดใส่ลำตัวของมิตราพุทธะ

                มันกระอักเลือดในทันที แต่ฟูไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นเด็กหนุ่มพลิกตัวกลับและดึงค้อนให้งัดตัวของมิตราพุทธะขึ้นมาเหวี่ยงเสียหนึ่งรอบแล้วลากลงไปบนพื้นทั้งแบบนั้น

                ตูม!! ค้อนทุบร่างของปีศาจลงบนผืนแผ่นดิน เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง พื้นยุบตัวแตกลงไปเป็นหลุม แรงสะเทือนส่งไปทั่วทั้งแผ่นดิน แต่ปลายทางที่ค้อนนำไปนั้นไม่มีร่างของมิตราพุทธะอยู่ บางทีคงจะดับสูญไปพร้อมกับเสียงระเบิด

                อิงศรมองดูความเสียหายตรงนั้นอย่างฉงนระคนสงสัย มันไม่ใช่ความเสียหายที่เด็กเพียงคนเดียวจะทำได้น่าจะเป็นผลพวงมาจากร่างมนุษย์หมาป่าและบางทีคงไม่ใช่แค่ฟูคนเดียว

                ทั้งเน็กส์ แล้วก็มิกซ์ พลอยกับนิว ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่เหล่าเด็กกำพร้าทั้งห้าคงจะถูกทำให้กลายเป็นเดโมนอยด์อย่างสมบูรณ์ไปแล้ว

                ฟูถอนค้อนขึ้นมาแล้วแบกมันไว้บนบ่า

                “เท่านี้ก็ได้เอาคืนซักที”

                พูดอย่างนั้นแล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งประสบความสำเร็จในการทำเรื่องใหญ่มา

                เพราะมิตราพุทธะก็คืออวโลกิตะคนที่ชักเชิดเหล่าเด็กกำพร้าเหมือนเป็นตุ๊กตาและบางทีคงจะเป็นหนึ่งในตัวการที่สร้างเดโมนอยด์สำหรับฟูนี่คือการแก้แค้นที่คิดว่าสาสมกับสิ่งที่ทำเอาไว้

                “โชเน็นระวังตัวด้วยมิตราพุทธะที่พวกเธอจัดการไปนั่นเป็นกายทิพย์ตัวจริงของมันน่าจะยังฝังตัวอยู่ในหัวใจของน้องชายเธอ”

                เสียงของซากิริดังออกมาจากหน้าจอสื่อสาร

                พอได้ยินแบบนั้นทั้งอิงศรและฟูต่างก็หันควับไปที่มิ่งขวัญ

                “…”

                มิ่งขวัญสีหน้าทรมานแถมยังเกร็งจนสั่นไปทั้งตัว ที่สำคัญกว่านั้นเริ่มมองเห็นสีแดงรางๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวมิ่งขวัญ

                มันชัดขึ้นเรื่อยๆ

                สิ่งนั้น...คือแขน

                แขนสีแดง แขนของมิตราพุทธะที่เหมือนกับงอกออกมาจากรางกายของมิ่งขวัญกำลังจับแขนขาเจ้าตัวไว้

                เหมือนพวกมันพยายามจะบังคับให้มิ่งขวัญขยับไปตามที่มันต้องการ

                ‘ฮะๆๆ เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรอ’

                ได้ยินเสียงของมิตราพุทธะดังสะท้อนมาจากตัวมิ่งขวัญ

                เสียงนั่นพูดแต่เรื่องที่จะทำร้ายจิตใจ

                ‘ทั้งที่เมื่อสามปีก่อนเจ้าเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องตาย เจ้าทิ้งพี่ชายไปแล้วเอาตัวเองรอดจากความเศร้า’

                เสียงของมิตราพุทธะดังซ้อนกันออกมาราวกับว่าแขนแต่ละข้างสามารถพูดได้

                คำพูดว่าร้ายเสียๆ หายๆ ซ้อนทับกัน

                ‘เจ้าคนเห็นแก่ตัวเอ้ย อย่างเจ้าไม่มีค่าพอให้เป็นมนุษย์หรอก’

                ‘อ้อไม่ใช่แล้วสิเพราะว่าตอนนี้เจ้าน่ะเป็นสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดที่มีชื่อว่ามนุษย์ตางดาวยังไงล่ะ’

                ‘เอ้าเอ้า สัตว์ประหลาดก็ต้องทำตามหน้าที่สิจงไปฆ่าพวกมนุษย์ซะคนบาปหนาแบบเจ้าไม่มีวันได้ดีหรอก’

                บางทีคำพูดพวกนั้นอาจจะพิจารณามาแล้วว่าใช้ทำร้ายมิ่งขวัญได้เป็นคำพูดที่กลั่นมาจากด้านมืดในใจ

                จงใจเล่นงานจิตใจให้อ่อนแอเสียก่อนที่จะครอบงำเจ้าของร่างเหมือนกับที่เอลิกอร์เคยทำกับเขา

                คำพูดครอบงำของปีศาจยังคงดังก้อง

                มันกู่ร้องว่ามิ่งขวัญกระทำบาปอันร้ายแรง

                มันกู่ร้องว่าน้องชายไม่สมควรเป็นคน

                รู้สึกได้ว่าเลือดภายในตัวเดือดขึ้นมาเล็กน้อย

                “หุบปากซะไอ้โพธิสัตว์เฮงซวย!”

                พอได้ยินที่อิงศรตะหวาด มิ่งขวัญก็หันมาทางนี้พร้อมกับใบหน้าอ่อนแอ

                เสียงของมิตราพุทธะพยายามจะตอกย้ำความอ่อนแอ

                ‘นั่นไงเอาอีกแล้วทำให้พี่ชายลำบากอีกแล้วเจ้าคนอ่อนแอปกป้องตัวเองไม่ได้’

                มิ่งขวัญแววตาสลดลง

                เห็นแบบนั้นเข้าอิงศรก็สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก

                เรียบเรียงคำพูดไว้ในหัว สมิงอันปราดเปรื่องเร่งหมุนเต็มกำลังด้วยความรู้สึกอยากปกป้องครอบครัว

                ครั้งหนึ่ง ในตอนที่กำราบมังกรซึ่งเป็นจ่าฝูงสัตว์เทวะที่อ้างตนเป็นเทพเด็กหนุ่มได้พูดไว้...

                มนุษย์อัปลักษณ์เพราะโลภมากงั้นเหรอ ก็รู้ดีสมเป็นเทพเลยนะ

                มนุษย์น่ะถ้าเพื่อครอบครัวหรือพวกพ้องแล้วจะให้กลายเป็นฆาตกรหรือต้องลบหลู่เทพก็ทำทั้งนั้นล่ะ เพราะงั้นแกก็จงเจ็บใจที่ถูกมนุษย์แสนอัปลักษณ์นั่นกำจัดไปซะเถอะสัตว์เทวะ

                ความทรงจำเกี่ยวกับมิ่งขวัญถูกขนมาเตรียมพร้อม คำพูดที่จะใช้จู่โจมก็พร้อมแล้ว

                ถ้าหากฝ่ายโน้นคิดจะตีฝีปากกันล่ะก็ทางนี้ก็ได้เปรียบเต็มประตูเพราะมิง่ขวัญคือน้องชายที่ไม่มีใครจะรู้จักดีไปกว่าเขาเองอีกแล้ว

                อิงศรเริ่มพูด

                “ขวัญนายน่ะคิดอย่างงั้นจริงๆ เหรอ คิดว่าตัวเองจะถูกรังเกียจเพราะเป็นสัตว์ประหลาดงั้นเหรอ ถ้านายคิดแบบนั้นฉันก็จะบอกให้ฟังเองว่ามันไม่ใช่เลย”

                ...

                “นายน่ะช่วยชีวิตฉันไว้ตอนที่สู้กับสัตว์เทวะจ่าฝูงครั้งแรกถ้าตอนนั้นนายไม่มาฉันก็คงตายไปแล้วตอนนั้นก็เหมือนกันที่พวกเราได้มาเจอกันอีกครั้งในรอบสามปีถ้านายไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างดาวนายก็ไม่มีทางช่วยฉันจากดาบของลิเธียมได้ แล้วเมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะผ้าคลุมของนายฉันก็คงตายไปแล้วเหมือนกันนายน่ะจริงๆ แล้วช่วยทุกคนเอาไว้ต่างหาก จะปีศาจหรือสัตว์ประหลาดไม่ว่ายังไงนายก็ยังเป็นน้องชายของฉัน!

                ตอนนั้นเองฟูที่อยู่ห่างออกไปก็พูดเสริมเข้ามา

                “ใช่แล้วล่ะ ขวัญนายยอมเลเวลอัพเพื่อช่วยฉัน ช่วยมิกซ์ ช่วยพลอย แล้วก็เน็กส์กับนิว เพราะนายช่วยจัดการเจ้าอวโลกิตะนั่นพวกฉันถึงได้เป็นอิสระอีกครั้งนะ ดูสิฉันคนนี้ยืนยันให้กับปากเลยเชียวนะ”

                อิงศรพยักหน้าให้คำพูดนั้นฟูเข้าใจพูดได้ถูกจังหวะพอดี

                แล้วจากตรงนี้ไปก็จะเป็นการตัดสิน...

                “เพราะงั้นอย่ายอมแพ้มันเชียวล่ะถ้าเป็นนายต้องทำได้อยู่แล้วเอาชนะปีศาจในใจให้ได้แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งสิ!”

                ‘เห่าเข้าไปเถอะคิดรึว่าคำพูดตื้นๆ พรรค์นั้นจะทำให้ความมืดในใจของมนุษย์มันหายไป...อะ...อะไรกันเนี่ย’

                ถึงตรงนี้แขนที่พยายามจับมิ่งขวัญให้อยู่ใต้อาณัติก็เริ่มจะอ่อนแรง ไม่สิถูกสู้คืนด้วยแรงของมิ่งขวัญล้วนๆ เลยต่างหาก

                สีหน้าของน้องชายสดใสขึ้นแล้วหยาดน้ำที่คลออยู่บนดวงตามาตั้งแต่เมื่อครู่ก็หลั่งไหล

                ไม่ใช่ความเศร้าเสียใจเลย

                นั่นมันน้ำตาแห่งความสุข

                มนุษย์ต่างดาวควรจะร้องไห้ไม่ได้ แต่ก็เพราะแบบนั้นถึงทำให้เข้าใจขึ้นมา....

                “มิตราพุทธะฉันไม่เชื่อคำพูดของแกอีกแล้ว ฉันจะต่อสู้เพราะว่าทุกคนรอฉันอยู่ถ้าเอาชนะแกได้ทั้งศร ฟู มิกซ์พลอยเน็กส์นิว ทุกคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกฉันในตอนนี้น่ะมีความสุขที่สุดเลย”

                มิ่งขวัญพูดทั้งน้ำตา

                หมอนั่นยิ้ม...

                รู้สึกว่าไม่ได้เห็นรอยยิ้มอย่างร่าเริงนั่นมานานแค่ไหนกันแล้วนะ สมัยเด็กๆ หมอนั่นมักจะยิ้มอย่างร่าเริงเสมอถึงจะน่าหมันไส้แต่นั่นก็คือมิ่งขวัญ           

                เพราะมิ่งขวัญเป็นพวกซื่อตรงกับความรู้สึก

                ซื่อขนาดที่คำพูดน้ำเน่าพรรค์นั้นจะกลายเป็นพลังให้ได้แล้วก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เอามากๆ

                ...ดังนั้นสาเหตุของการร้องไห้ได้จะเป็นอะไรก็ช่าง

                ‘สว่างไสว คงจะนิยามมิ่งขวัญได้อย่างเหมาะสมที่สุดหมอนั่นเปล่งประกายอย่างทะเยอทะยานอยู่เสมอ

                ราวกับลูซิเฟอร์เทวทูตผู้หยิ่งผยองมากไปจนถูกขับไล่ลงมาจากสรวงสวรรค์

                แล้วนี่ก็คงเป็นชะตากรรม

                หรือว่าโชคชะตากันล่ะ สองอย่างนี้แตกต่างกันแค่ทางแรกเป็นทางที่ไม่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเองกับทางที่จะเลือกหรือไม่ก็ได้

                ในตอนนั้นเองประกายแสงที่ไม่รู้ว่าเป็นชะตากรรมหรือโชคชะตาก็ร่วงโรยลงมา

                ราวกับเทวทูตที่ร่วงหล่นจากสวรรค์

                เทวทูตที่มีชื่อเรียกว่าอาคานาร์

                หน้าจอสื่อสารของมิ่งขวัญกระเด้งตัวเปิดออกฉายภาพใบหน้าของซีลอร์ด

                ‘น้ำตานั้นไม่ได้หลั่งเฉพาะเวลาที่โศกเศร้า การเข้าใจในสิ่งนั้นคือการก้าวเดินไปข้างหน้าของเธออย่างนั้นสินะมิ่งขวัญผู้ถูกฟันเฟืองเลือก อาคานาร์เปล่งประกายแล้ว วงล้อแห่งโชคชะตาได้เคลื่อนตัวหมุนไปข้างหน้าเอาล่ะจงทำให้มหาโชคชะตาเบิกบานสิ’

                แล้วหน้าจอก็หายไป

                มิ่งขวัญฝืนเอื้อมแขนออกไป คว้าอาคานาร์ไว้

                ไม่รู้ว่าหมอนั่นเข้าใจรึเปล่าว่านั่นมันหมายความว่วอย่างไร

                แต่อาคานาร์ก็ตอบสนองต่อความปรารถนาของมิ่งขวัญไปแล้ว อาคานาร์ซึ่งกลับหัวและสีซีดรูปภาพบนอาคานาร์คือกงล้อแห่งชะตากรรม วีลออฟฟอร์จูน หนึ่งในไพ่เมเจอร์อาคานาร์ทั้ง 22 แบบ

                เจ้าคือข้า....ข้าคือเจ้า

                เสียงของอาคนาร์สดใสดังหยาดน้ำค้างจากนั้นจึงเปล่งแสง

                ลอยออกจากมือของมิ่งขวัญแล้วระเบิดออกกลายเป็นวงจรแสง

                แผนผังคลิฝอธแบบเดียวกับตอนที่สร้างเมอร์คาบาห์

                ตอนนั้นเองก็มีปีศาจออกมาจากหอกกับโล่ รู้สึกจะเป็นเดม่อนแอพที่มิ่งขวัญใช้อยู่เป็นประจำ

                เซราฟหรือเทวทูตหกปีกตนหนึ่งมีรูปร่างวิปริตเหมือนพวกเทวทูตของเมตไตรยมีแต่ใบหน้าและมีปีกงอกออกจากใบหน้าพ่วงมาด้วยมือกับแขนสองข้างคอยหิ้วประคองไว้นั่นคงจะเป็น มิคาเอลเดม่อนแอพที่มีพลังในการคุ้มครอง

                อีกตนเป็นปีศาจหกปีกเช่นกันรูปร่างเหมือนมนุษย์ผิวกายหยาบกร้านคล้ายเกล็ดมีเขางอกจากหน้าผากใบหน้าดุร้ายแต่กลับมีรอยยิ้นมหยิ่งผยองคงจะเป็น ลูซิเฟอร์เดม่อนแอพที่มพลังในการฟื้นฟูแอพพลิเคชั่นปีศาจด้วยกัน

                ปีศาจทั้งสองกลายเป็นอาคานาร์

                ลูซิเฟอร์กลลายเป็นเดอะเสตร็งท์และมิคาเอลกลายเป็นเดอะจัสติส

                อาคานาร์ไหลเข้าไปในวงเวทคลิฝอธ

                วงกลมคลิฝอธทั้งสิบวงยุบรวมเป็นหนึ่งเดียวพร้อมกับปรับจูนวิญญาณสองดวงที่ใส่เข้าไป

                วิญญาณกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน อาคานาร์คืนชีพ

                ชะตากรรมที่มีชื่อว่า วงล้อแห่งโชคชะตา สยายปีกอันงดงามสดใสราวกับกระจก

                ปีศาจผู้อ่อนเยาว์ตัวเล็กราวกับเด็กสวมชุดโทก้าสีขาวได้โอบอุ้มมิ่งขวัญไว้ด้วยปีกอันงดงาม

                มีรูปโฉมอันเป็นอุดมคติของเทวทูต ผมสีบลอน ใบหน้าสงบนิ่งแต่กลับมีเขาสีดำงอกอยู่บนหน้าผากราวกับปีศาจ แต่ถึงกระนั้น...

                ก็ยังงดงามอยู่ดี

                ใบหน้าของปีศาจคล้ายกับมิ่งขวัญราวกับมีมิ่งขวัญอีกคนปรากฏตัวขึ้นมา




    ***เมื่อวานลืมไปว่าต้องลงเพิ่งมานึกได้ทีหลังเลยช้าไปวันหนึ่งขอภัยด้วยครับ แล้วก็ไหนๆแล้วช่วงนี้ไรท์เริ่มสังเกตตัวเองแล้วว่าเวลาที่เหมาะในการเขียนต้นฉบับกับเวลาชีวิตมันไม่สอดคล้องกันมาซักพักแล้ว(เหมือนคนรอบตัวไรท์จะรู้วันที่ไรท์ต้องปั่นต้นฉบับเลยจงใจแกล้งให้งานยังไงไม่รู้) จึงขอประกาศย้ายเวลาอัพเดทตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไปเลื่อนไปจากปกติหนึ่งวันก็จะกลายเป็น วันอังคาร พฤหัส เสาร์ กับอีกเซ็ตคือ วันจันทร์ และ วันพุธ ตามนี้ครับอาทิตย์หน้าเจอกันวันอังคารเน่อ!! อย่าจำวันผิดนะคร้าบบ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×