คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #121 : Login 118: ผู้เบิกบาน
Login
118: ผู้เบิกบาน
อิงศร Lv. 70
[//...2900:7320.....]
เทียบไม่ติดเลย
แต่ก็..ไม่ได้ตั้งใจจะแข่งขันอะไรกันอยู่แล้วตอนนี้เขากำลังจะโดนน้องชายฆ่าตายเรื่องมันก็แค่นั้น
อิงศรแหงนใบหน้าที่สะบักสะบอมขึ้นมองไปยังน้องชายที่ถูกควบคุม
“ตื่นสิ...”
แล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
ต้องเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ถ้าสู้ด้วยกำลังไม่ได้ก็ต้องสู้ด้วยเล่ห์กล
ก็แค่พูดให้ดูดีไปงั้น...อิงศรคิด
เพราะตอนนี้ที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพชนักหรอก
"ตื่นสิขวัญนายคิดจะฆ่าฉันจริงๆ
รึไง!"
แต่มิ่งขวัญก็ยังไม่หยุดยังคงขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับเงื้อดาบ
ถ้าฟันลงมาคงตัดคอขาดได้พอดี
ถ้าเป็นแบบนั้น...เฟืองในตัวจะช่วยได้รึเปล่านะ
ที่ผ่านมาถึงพลังชีวิตหมดแต่ก็ยังไม่เคยถูกตัดคอในตอนสุดท้ายไม่รู้ว่าเงื่อนไขของมันทำงานอย่างไรจะให้หวังพึ่งสิ่งที่ไม่รู้คงไม่ได้
ดาบเริ่มโน้มตัวลงมา
มองเห็นภาพทุกอย่างช้าลงเพราะสมองถูกกระตุ้นด้วยความกลัวตายจนความสามารถเพิ่มสูงขึ้น
แต่กลับขยับตัวไม่ไหวเพราะไม่เหลือเรี่ยวแรง
ตายแน่
ตายแน่ๆ
"ขวัญ"
เด็กหนุ่มหลับตาลงพลางพึมพำแบบนั้น
เวลาผ่านไปหนึ่งวินาที...สองวินาที....
สามวินาที...จนถึงตอนนี้ก็ยังมีสตินับเวลาได้
ยังไม่ตาย
อิงศรปรือตามองตรงไปข้างหน้า
ดาบของมิ่งขวัญหยุดค้างอยู่ตรงนั้นห่างลำคอไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร
มิ่งขวัญพูด
"ศร..."
น้องชายกำลังใช้มือซ้ายจับแขนขวาเพื่อหยุดดาบ
สีหน้าทรมานเหมือนกำลังฝืนทำเรื่องยากลำบาก
"ศ...ศรหนีไป"
จากนั้นมือที่จับแขนขวาก็เหมือนจะกำแน่นยิ่งขึ้น
จนกระทั่งได้ยินเสียงปริแตกของกระดูก
"อึก.."
เสียงครางของมิ่งขวัญไม่น่าจะฟังผิดหมอนี่กำลังฝืนแขนตัวเองจนถึงขั้นต้องหักกระดูก
ดาบทยอยห่างออกไปจากลำคอเรื่อยๆ
เสียงกระดูกหักปริแตกดังกึกๆ
ใบหน้าของมิ่งขวัญบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดแต่เด็กหนุ่มก็ยังไม่หยุดที่จะหักแขนตัวเอง
ดูเหมือนว่าที่น้องชายกำลังต่อสู้อยู่จะไม่ได้มีแค่แขนขวาแต่มือซ้ายเองก็เริ่มจะถูกชิงการควบคุมคืน
มือคลายตัวออกเล็กน้อยแล้วก็กลับมาจับแน่นอีกเป็นอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ ไปมา
ตอนนั้นเองมิตราพุทธะก็พูด
"ต่อต้านการควบคุมงั้นรึ
ดื้อด้านจริง"
แยกเขี้ยวเหมือนกำลังโมโห
ทันใดนั้น...
ก็ปรากฏประตูกระดาษแบบญี่ปุ่นขนาบสองข้างปีศาจ
พอเห็นแบบนั้นอิงศรก็ย้ายสายตาไปทางแผ่นดินที่พวกซากิริอยู่กัน
เป็นไปอย่างที่คาดคิดไว้อิซานามินั่นเองหล่อนชักดาบแล้ว
บางทีคงรอจังหวะที่ศัตรูเผลอเพื่อใช้สกิลที่เคยจัดการกับโลกิตอนที่อยู่บนรากอาคาชิกเรคคอร์ด
ประตูกระดาษปรากฏขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลังพวกมันเลื่อนปิดพร้อมๆ
กัน
บานประตูปิดทับกันสนิททีนี้มิตราพุทธะก็จะถูกสังหารเบื้องหลังฉากที่บานประตูสร้างขึ้น
แต่ทว่า
“อ่อนหัด!”
เสียงตะหวาดของมิตราพุทธะดังกึกก้องเหมือนเสียงคำรามของสิงโตจากนั้นบานประตูก็ถูกไฟเผาจนมอดไหม้ในพริบตา
เบื้องหลังบานประตูที่ไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่านปรากฏศีรษะของงูยื่นออกมาเป็นตัวเดียวกับที่พันอยู่รอบตัวมิตราพุทธะ
ในปากยังมีสะเก็ดไฟปะทุให้เห็นอยู่คงจะเป็นมันนั่นเองที่เผาประตู
อิซานามิที่ร่ายสกิลอยู่บนแผ่นดินอีกฝั่งพูด
“หวาย…ไม่ได้ผลเหรอเนี่ย”
ฟูที่อยู่ด้านข้างซากิริหันกลับไปถามโซเดียมราชครูมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ด้านหลัง
“นี่คุณป้าทำอะไรไม่ได้เลยเหรอเวลตั้งเป็นร้อยนี่”
โซเดียมทำท่าไม่พอใจ
“อย่าเรียกว่าป้าสิคะแล้วดิฉันเองก็เป็นสายอาชีพโคลสเซอร์เหมือนคุณนั่นแหละค่ะไม่มีสกิลไหนโจมตีขึ้นไปถึงหรอก”
เป็นอย่างที่ว่ามิตราพุทธะลอยตัวอยู่เหนือแผ่นดินที่พวกเขายืนกันแถมด้านล่างก็เป็นท้องฟ้าไร้ก้นไม่มีช่องให้จู่โจมได้
กลับกันอีกฝ่ายสามารถโจมตีใส่ทางนี้ได้อย่างอิสระ
ทันทีที่มิตราพุทธะหันมาทางพวกเขางูที่พันวนรอบตัวนั้นก็อ้าปากแล้วพ่นไฟลงมา
เน็กส์ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มเคลื่อนไหวตอบสนองการโจมตีนั้น
“มหาวาโย!”
เด็กชายปรายไม้เท้าขึ้นไปด้านบนขณะที่ร่ายสกิล
สร้างลมพายุขนาดใหญ่ขึ้นมาพัดไฟให้กระจายออกไปก่อนจะตกลง
แต่อากาศจากลมที่ซัดเข้าไปทำให้ไฟขยายตัวจนเกิดระเบิดเสียงดังกัมปนาท
ไฟแตกเป็นสะเก็ดกระจายตกไปทั่วทั้งพื้นที่มีบางส่วนที่ตกลงมายังกลุ่มของพวกเขา
ทุกคนพากันวิ่งหนีและปัดป้องสะเก็ดไฟที่โปรยลงมาเป็นพัลวัน
เว้นแต่เน็กส์ที่ยังติดดีเลย์การร่ายสกิลทำให้ยังขยับตัวหนีไปจากที่เดิมไม่ได้
ฟูวิ่งเข้ามาดึงตัวเด็กชาย
“เน็กส์!”
แล้วกอดไว้หันหลังเอาตัวคุ้มครองจากสะเก็ดไฟแทนสะเก็ดไฟตกลงบนหลังของเด็กหนุ่ม
เขาส่งเสียงครางเพราะพยายามทนเอาไว้
“อึก”
มิตราพุทธะพูดว่า...
“จัดการพวกเกะกะก่อนดีกว่าล่ะมั้ง
มานี่ผู้ถูกฟันเฟืองเลือกของข้า”
แล้วสั่งให้มิ่งขวัญมาทางนี้
มิ่งขวัญที่พยายามฝืนร่างกายตัวเองจนถึงเมื่อครู่ถูกบังคับให้ร่ายสกิล
“โปร...โตชิลด์”
แสงสว่างอาบลงบนโล่
ในตอนนั้นเองหน้าจอสื่อสารที่พักตัวเองอัตโนมัติไปแล้วก็กระดอนขึ้นมาเสียงของซากิริติดเข้ามาว่า
“อย่าให้น้องชายเธอร่ายเวพอนไนซ์ได้นะเจ้านั่นมันคิดจะให้เขาข้ามาจัดการพวกเรา”
แต่มันสายเกินไป...ตอนที่คำพูดจบลงปากของมิ่งขวัญก็ขยับร่ายสกิลที่ว่าไปเป็นที่เรียบร้อย
“เว..พอนไนซ์”
เด็กหนุ่มฝืนประกาศถ้อยคำอย่างยากลำบากแต่ก็หยุดมันไว้ไม่ได้
ดาบแสงที่มีพลังสามรูปแบบกับโล่ที่อาบพลังแห่งแสงไว้ทั้งหมดครบเงื่อนไขของสกิลเป็นที่เรียบร้อย
สกิลไม้ตายทำงาน
ฉากร่ายกับมังกรที่เป็นเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ดำเนินไปอย่างบทละครที่ถูกวางเอาไว้จนกระทั่งช่วงเวลาที่ถูกหยุดด้วยผลของสกิลสิ้นสุดลง
มิ่งขวัญก็...
“โกลด์กาแลนต์”
กลายเป็นอัศวินทองคำ
สยายปีกเตรียมจะทะยานขึ้นไปยังแผ่นดินอีกฟากที่พวกซากิริอยู่กัน
มิ่งขวัญคงจะฆ่าหมดทุกคนที่อยู่บนนั้นโดยใช้เวลาไม่นาน
หรือไม่ก็ถูกฆ่าจากน้ำมือของราชครูมนุษย์ต่างดาวที่อยู่บนนั้นด้วย
จะอย่างไหนก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้นจะให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด...อิงศรคิด
เด็กหนุ่มเค้นแรงเฮือกสุดท้ายที่ได้คืนมาจากพักในระหว่างที่มิตราพุทธะยังสาละวนอยู่กับทางนั้นเข้าไปคว้าตัวมิ่งขวัญไว้
“ไม่ยอมหรอกน่า!”
พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดึงยื้อไม่ให้ออกจากที่นี่
มิ่งขวัญก็พยายามดึงร่างกายตัวเองไม่ให้บินออกไปเช่นกันรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นเพราะเหมือนมีแรงดึงที่ช่วยไม่ให้เขาถูกลากไปง่ายๆ
คอยช่วย
มิตราพุทธะที่เห็นแบบนั้นก็ออกคำสั่ง
“งั้นแกก็ตายคนแรกเลยก็แล้วกัน”
หอกในมือน้องชายหันกลับมาแทงเข้าที่อกซ้าย
อิงศรถูกหอกดันออกไป
ปลายหอกเล็งที่หัวใจแทงทะลุผ่านเสื้อกับเครื่องป้องกันเข้ามาอย่างง่ายดาย
มิ่งขวัญร้องตกใจ
“ศร!”
ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก
แววตาเหมือนกับจะร้องไห้
อิงศรทรุดตัวลงทั้งที่ลำตัวยังคาอยู่ในหอกอย่างนั้น
“ไม่!!”
มิ่งขวัญกรีดร้อง
เขาอยากที่จะดึงตัวพี่ชายออกจากหอกแต่กลับทำไม่ได้
ร่างกายไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง
มิตราพุทธะยิ้มอย่างมีชัยแล้วเริ่มกล่าว
“ไหนดูซิ ถ้าข้าจำไม่ผิดหอกทองคำนั่นสามารถยับยั้งความสามารถทั้งหมดของสิ่งที่มันสังหารไปอย่างนั้นสินะแล้วในกรณีของฟันเฟืองจะเป็นยังไงกันนะ”
ระหว่างนั้นเองมือของมิ่งขวัญก็ขยับกดหอกให้ลึกยิ่งขึ้น
“หยุดนะ...หยุด!”
มิ่งขวัญร้องสบถอย่างเจ็บแค้น
เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้
เจ็บใจที่กลายเป็นหุ่นเชิดของศัตรู
มือที่กดคมหอกเข้าไปในอกของอิงศรไม่ขยับอีกดูเหมือนว่าจะไปติดถูกซี่โครงที่ไหนเข้าซักแห่งหรือไม่ก็แรงบังคับของมิตราพุทธะมีอยู่แค่นี้
“พลังชีวิตไม่ลด
แทงตื้นไปงั้นรึ”
พลังชีวิตของอิงศรไม่ลดลงไปเพราะจำนวนกับสภาพร่างกายไม่สอดคล้องกันหรือก็คือแทงไม่โดนจุดสำคัญซึ่งส่งผลอันตรายต่อชีวิตจึงเหมือนแทงใส่ซากศพ
แรงที่ส่งไปยังมือให้กดคมหอกเปลี่ยนทิศดึงมันกลับออกมาแล้วเงื้อขึ้น
อีกฝ่ายกะจะให้เด็ดคอพี่ชายด้วยคมหอกนี้
แต่มิ่งขวัญขัดขืน
“ไม่ยอมหรอก”
แล้วหาทางขยับอวัยวะทั้งหมดที่สามารถจะชิงคืนจาการควบคุมได้
ขยับขาข้างขวาได้
ขยับแขนข้างซ้ายได้
ขยับช่วงลำตัวได้
แค่นั้นก็เพียงพอ
มิ่งขวัญขยับทุกส่วนที่ทำได้พาให้ร่างกายโน้มไปอีกทาง
พยายามออกห่างจากอิงศรให้มากที่สุดจนกระทั่งลงมาฟุบอยู่กับพื้น
ทันใดนั้นอสรพิษสีแดงที่พันรอยตัวมิตราพุทธะก็อ้าปากพ่นไฟมาทางนี้
คงคิดจะเผาอิงศรไปพร้อมกันเลยเพราะด้วยจำนวนพลังชีวิตที่ต่างกันอิงศรจะต้องตายก่อนอย่างแน่นอน
ต้องลุกขึ้นเอาตัวกำบังอิงศรไว้…แต่ถ้าลุกก็จะเสียการควบคุมร่างกายจนถูกใช้เป็นเครื่องมืออีก
ไฟบรรลัยกัลป์คืบคลานเข้ามา
สองพี่น้องยังคงไม่ขยับออกจากจุดเดิม
“กาแล็กซี่อิลิมิเนชั่น!”
มิ่งขวัญเค้นแรงสุดท้ายตะโกนออกมาในเสี้ยววินาทีที่ลามเข้ามา
เกิดเสียงดังฟุ่บพร้มอกับแสงสว่างแล้วร่างของสองพี่น้องก็อันตรธานหายไปจากที่ตรงนั้น
รวมถึงมิตราพุทธะ…
“หายไปแล้ว”
ซากิริที่อยู่อีกฝั่งพูดขึ้น
หายไปพร้อมกันในทันทีที่มิ่งขวัญใช้สกิลตัดมิติเพื่อหลบออกไปจากการโจมตี
ไฟจึงลอยไปตกกระทบพื้นด้านหลังแทน
สมมติฐานหนึ่งที่พอจะอธิบายเรื่องนี้ได้แล่นเข้าสมองหล่อนจากนั้น…
“หรือว่า…”
ก็พึมพำคำพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
และแล้ว
แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงจุดที่สองพี่น้องหายไป
พวกเขากลับมาในสภาพเดิมรวมถึงมิตราพุทธะก็โผล่มาที่จุดเดิมของมัน
มิตราพุทธะยังไม่ละความพยายามแล้วให้อสรพิษคู่กายพ่นไฟอีกครั้ง
แต่ทว่า
อิงศรที่น่าจะลุกไม่ไหวอีกก็พุ่งออกมาข้างหน้า
ดึงเอาผ้าสีขาวออกมาจากด้านในเสื้อเครื่องแบบสะบัดมันให้กางออกเป็นโล่กำบังไฟไว้แล้วหันไปเรียกปีศาจที่ปล่อยทิ้งไว้ตอนที่ใช้สกิลมหาเขตแดนไกลพ์นิล
“เมอร์คาบาห์!”
ผ้าคลุมที่ใช้ต้านทานเพลิงบรรลัยกัลป์กำลังมอดไหม้และใกล้จะฉีกขาดจากการกันเป็นชิ้นๆ
เมอร์คาบาห์ที่ได้รับคำสั่งทะยานตรงเข้ามาอุ้มตัวสองพี่น้องบินข้ามไปอีกฟากของแผ่นดินจังหวะนั้นเองผ้าคลุมก็ขาดออกจากกันและปล่อยให้ไฟไหลบ่าลงมา
หลบได้อย่างหวุดหวิด
มิ่งขวัญเพ่งสายตามองไปที่ผ้าคลุมผืนนั้นแล้วก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาว่า
“ผ้าคลุมนั่นจำได้ว่าทิ้งไปตอนอยู่ในทางน้ำนี่”
อิงศรตอบ
“เก็บได้ที่ทางน้ำเหมือนกันนั่นของนายเองเรอะ....”
ทว่า
หอกของมิ่งขวัญก็เอื้อมแทงใส่ท้งของเมอร์คาบาห์
หอกทะลวงไปถึงด้านหลัง
ปีศาจสิ้นใจลงตรงนั้นทำให้พวกเขาร่วงลงมากระแทกพื้น
มิตราพุทธะเอ่ยมาว่า
“ทีนี้ก็ไม่มีตัวหมากให้ใช้แล้วยอมตายเสียที่นี่เถอะ”
แล้วควบคุมมิ่งขวัญให้ลุกขึ้น
แต่มิ่งขวัญขัดขืน
เด็กหนุ่มปักหอกลงบนพื้นแล้วฝืนร่างกายจับหอกไว้แบบนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายขยับไปทำร้ายพี่ชายอีก
“…”
มิตราพุทธะเห็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนเป็นดึงเขี้ยวหน้าตัวเองออกมาหมายจะใข้เป็นอาวุธสังหาร
“เอาล่ะนะ!”
มีเสียงของผู้หญิงดังมาจากแผ่นดินฝั่งพวกซากิริ
โซเดียมกระโดดขึ้นมาจากตรงนั้นแบกตัวฟูขึ้นมาด้วย
พอขึ้นไปถึงความสูงระดับหนึ่งหล่อนก็จับฟูเหวี่ยงใส่มิตราพุทธะ
ฟูที่กระโจนเข้าไปพร้อมกับค้อนยักษ์เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง
ใบหน้ามีขนสีดำขึ้นปกคลุมและยืดออกเหมือนสุนัขใบหูแหลมเรียว มัดกล้ามขยายตัว
มนุษย์หมาป่า…ฟูกลายร่างเป็นปีศาจแบบนั้นพลางทำท่ากระโดดเหยียบอากาศทะยานขึ้นไปหามิตราพุทธะแล้วหวดค้อน
“ทอร์แฮมเมอร์!!”
พริบตาหนึ่ง
ก่อนที่ค้อนจะสัมผัสถูกเป้าหมายก็บังเกิดสายห้าฟาดลงมาที่หัวค้อน
จากนั้นค้อนก็ฟาดใส่ลำตัวของมิตราพุทธะ
มันกระอักเลือดในทันที
แต่ฟูไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นเด็กหนุ่มพลิกตัวกลับและดึงค้อนให้งัดตัวของมิตราพุทธะขึ้นมาเหวี่ยงเสียหนึ่งรอบแล้วลากลงไปบนพื้นทั้งแบบนั้น
ตูม!!
ค้อนทุบร่างของปีศาจลงบนผืนแผ่นดิน เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง
พื้นยุบตัวแตกลงไปเป็นหลุม แรงสะเทือนส่งไปทั่วทั้งแผ่นดิน
แต่ปลายทางที่ค้อนนำไปนั้นไม่มีร่างของมิตราพุทธะอยู่
บางทีคงจะดับสูญไปพร้อมกับเสียงระเบิด
อิงศรมองดูความเสียหายตรงนั้นอย่างฉงนระคนสงสัย
มันไม่ใช่ความเสียหายที่เด็กเพียงคนเดียวจะทำได้น่าจะเป็นผลพวงมาจากร่างมนุษย์หมาป่าและบางทีคงไม่ใช่แค่ฟูคนเดียว
ทั้งเน็กส์ แล้วก็มิกซ์
พลอยกับนิว
ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่เหล่าเด็กกำพร้าทั้งห้าคงจะถูกทำให้กลายเป็นเดโมนอยด์อย่างสมบูรณ์ไปแล้ว
ฟูถอนค้อนขึ้นมาแล้วแบกมันไว้บนบ่า
“เท่านี้ก็ได้เอาคืนซักที”
พูดอย่างนั้นแล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งประสบความสำเร็จในการทำเรื่องใหญ่มา
เพราะมิตราพุทธะก็คืออวโลกิตะคนที่ชักเชิดเหล่าเด็กกำพร้าเหมือนเป็นตุ๊กตาและบางทีคงจะเป็นหนึ่งในตัวการที่สร้างเดโมนอยด์สำหรับฟูนี่คือการแก้แค้นที่คิดว่าสาสมกับสิ่งที่ทำเอาไว้
“โชเน็นระวังตัวด้วยมิตราพุทธะที่พวกเธอจัดการไปนั่นเป็นกายทิพย์ตัวจริงของมันน่าจะยังฝังตัวอยู่ในหัวใจของน้องชายเธอ”
เสียงของซากิริดังออกมาจากหน้าจอสื่อสาร
พอได้ยินแบบนั้นทั้งอิงศรและฟูต่างก็หันควับไปที่มิ่งขวัญ
“…”
มิ่งขวัญสีหน้าทรมานแถมยังเกร็งจนสั่นไปทั้งตัว
ที่สำคัญกว่านั้นเริ่มมองเห็นสีแดงรางๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวมิ่งขวัญ
มันชัดขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งนั้น...คือแขน
แขนสีแดง
แขนของมิตราพุทธะที่เหมือนกับงอกออกมาจากรางกายของมิ่งขวัญกำลังจับแขนขาเจ้าตัวไว้
เหมือนพวกมันพยายามจะบังคับให้มิ่งขวัญขยับไปตามที่มันต้องการ
‘ฮะๆๆ
เจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์อยู่อีกเหรอ’
ได้ยินเสียงของมิตราพุทธะดังสะท้อนมาจากตัวมิ่งขวัญ
เสียงนั่นพูดแต่เรื่องที่จะทำร้ายจิตใจ
‘ทั้งที่เมื่อสามปีก่อนเจ้าเป็นสาเหตุให้ทุกคนต้องตาย
เจ้าทิ้งพี่ชายไปแล้วเอาตัวเองรอดจากความเศร้า’
เสียงของมิตราพุทธะดังซ้อนกันออกมาราวกับว่าแขนแต่ละข้างสามารถพูดได้
คำพูดว่าร้ายเสียๆ หายๆ
ซ้อนทับกัน
‘เจ้าคนเห็นแก่ตัวเอ้ย
อย่างเจ้าไม่มีค่าพอให้เป็นมนุษย์หรอก’
‘อ้อไม่ใช่แล้วสิเพราะว่าตอนนี้เจ้าน่ะเป็นสัตว์ประหลาด
สัตว์ประหลาดที่มีชื่อว่ามนุษย์ตางดาวยังไงล่ะ’
‘เอ้าเอ้า
สัตว์ประหลาดก็ต้องทำตามหน้าที่สิจงไปฆ่าพวกมนุษย์ซะคนบาปหนาแบบเจ้าไม่มีวันได้ดีหรอก’
บางทีคำพูดพวกนั้นอาจจะพิจารณามาแล้วว่าใช้ทำร้ายมิ่งขวัญได้เป็นคำพูดที่กลั่นมาจากด้านมืดในใจ
จงใจเล่นงานจิตใจให้อ่อนแอเสียก่อนที่จะครอบงำเจ้าของร่างเหมือนกับที่เอลิกอร์เคยทำกับเขา
คำพูดครอบงำของปีศาจยังคงดังก้อง
มันกู่ร้องว่ามิ่งขวัญกระทำบาปอันร้ายแรง
มันกู่ร้องว่าน้องชายไม่สมควรเป็นคน
รู้สึกได้ว่าเลือดภายในตัวเดือดขึ้นมาเล็กน้อย
“หุบปากซะไอ้โพธิสัตว์เฮงซวย!”
พอได้ยินที่อิงศรตะหวาด
มิ่งขวัญก็หันมาทางนี้พร้อมกับใบหน้าอ่อนแอ
เสียงของมิตราพุทธะพยายามจะตอกย้ำความอ่อนแอ
‘นั่นไงเอาอีกแล้วทำให้พี่ชายลำบากอีกแล้วเจ้าคนอ่อนแอปกป้องตัวเองไม่ได้’
มิ่งขวัญแววตาสลดลง
เห็นแบบนั้นเข้าอิงศรก็สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก
เรียบเรียงคำพูดไว้ในหัว
สมิงอันปราดเปรื่องเร่งหมุนเต็มกำลังด้วยความรู้สึกอยากปกป้องครอบครัว
ครั้งหนึ่ง ในตอนที่กำราบมังกรซึ่งเป็นจ่าฝูงสัตว์เทวะที่อ้างตนเป็นเทพเด็กหนุ่มได้พูดไว้...
มนุษย์อัปลักษณ์เพราะโลภมากงั้นเหรอ
ก็รู้ดีสมเป็นเทพเลยนะ
มนุษย์น่ะถ้าเพื่อครอบครัวหรือพวกพ้องแล้วจะให้กลายเป็นฆาตกรหรือต้องลบหลู่เทพก็ทำทั้งนั้นล่ะ
เพราะงั้นแกก็จงเจ็บใจที่ถูกมนุษย์แสนอัปลักษณ์นั่นกำจัดไปซะเถอะสัตว์เทวะ
ความทรงจำเกี่ยวกับมิ่งขวัญถูกขนมาเตรียมพร้อม
คำพูดที่จะใช้จู่โจมก็พร้อมแล้ว
ถ้าหากฝ่ายโน้นคิดจะตีฝีปากกันล่ะก็ทางนี้ก็ได้เปรียบเต็มประตูเพราะมิง่ขวัญคือน้องชายที่ไม่มีใครจะรู้จักดีไปกว่าเขาเองอีกแล้ว
อิงศรเริ่มพูด
“ขวัญนายน่ะคิดอย่างงั้นจริงๆ
เหรอ คิดว่าตัวเองจะถูกรังเกียจเพราะเป็นสัตว์ประหลาดงั้นเหรอ ถ้านายคิดแบบนั้นฉันก็จะบอกให้ฟังเองว่ามันไม่ใช่เลย”
“...”
“นายน่ะช่วยชีวิตฉันไว้ตอนที่สู้กับสัตว์เทวะจ่าฝูงครั้งแรกถ้าตอนนั้นนายไม่มาฉันก็คงตายไปแล้วตอนนั้นก็เหมือนกันที่พวกเราได้มาเจอกันอีกครั้งในรอบสามปีถ้านายไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างดาวนายก็ไม่มีทางช่วยฉันจากดาบของลิเธียมได้
แล้วเมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะผ้าคลุมของนายฉันก็คงตายไปแล้วเหมือนกันนายน่ะจริงๆ
แล้วช่วยทุกคนเอาไว้ต่างหาก จะปีศาจหรือสัตว์ประหลาดไม่ว่ายังไงนายก็ยังเป็นน้องชายของฉัน!”
ตอนนั้นเองฟูที่อยู่ห่างออกไปก็พูดเสริมเข้ามา
“ใช่แล้วล่ะ ขวัญนายยอมเลเวลอัพเพื่อช่วยฉัน
ช่วยมิกซ์ ช่วยพลอย แล้วก็เน็กส์กับนิว เพราะนายช่วยจัดการเจ้าอวโลกิตะนั่นพวกฉันถึงได้เป็นอิสระอีกครั้งนะ
ดูสิฉันคนนี้ยืนยันให้กับปากเลยเชียวนะ”
อิงศรพยักหน้าให้คำพูดนั้นฟูเข้าใจพูดได้ถูกจังหวะพอดี
แล้วจากตรงนี้ไปก็จะเป็นการตัดสิน...
“เพราะงั้นอย่ายอมแพ้มันเชียวล่ะถ้าเป็นนายต้องทำได้อยู่แล้วเอาชนะปีศาจในใจให้ได้แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งสิ!”
‘เห่าเข้าไปเถอะคิดรึว่าคำพูดตื้นๆ
พรรค์นั้นจะทำให้ความมืดในใจของมนุษย์มันหายไป...อะ...อะไรกันเนี่ย’
ถึงตรงนี้แขนที่พยายามจับมิ่งขวัญให้อยู่ใต้อาณัติก็เริ่มจะอ่อนแรง
ไม่สิถูกสู้คืนด้วยแรงของมิ่งขวัญล้วนๆ เลยต่างหาก
สีหน้าของน้องชายสดใสขึ้นแล้วหยาดน้ำที่คลออยู่บนดวงตามาตั้งแต่เมื่อครู่ก็หลั่งไหล
ไม่ใช่ความเศร้าเสียใจเลย
นั่นมันน้ำตาแห่งความสุข
มนุษย์ต่างดาวควรจะร้องไห้ไม่ได้
แต่ก็เพราะแบบนั้นถึงทำให้เข้าใจขึ้นมา....
“มิตราพุทธะฉันไม่เชื่อคำพูดของแกอีกแล้ว
ฉันจะต่อสู้เพราะว่าทุกคนรอฉันอยู่ถ้าเอาชนะแกได้ทั้งศร ฟู มิกซ์พลอยเน็กส์นิว
ทุกคนจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกฉันในตอนนี้น่ะมีความสุขที่สุดเลย”
มิ่งขวัญพูดทั้งน้ำตา
หมอนั่นยิ้ม...
รู้สึกว่าไม่ได้เห็นรอยยิ้มอย่างร่าเริงนั่นมานานแค่ไหนกันแล้วนะ
สมัยเด็กๆ หมอนั่นมักจะยิ้มอย่างร่าเริงเสมอถึงจะน่าหมันไส้แต่นั่นก็คือมิ่งขวัญ
เพราะมิ่งขวัญเป็นพวกซื่อตรงกับความรู้สึก
ซื่อขนาดที่คำพูดน้ำเน่าพรรค์นั้นจะกลายเป็นพลังให้ได้แล้วก็เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่เอามากๆ
...ดังนั้นสาเหตุของการร้องไห้ได้จะเป็นอะไรก็ช่าง
‘สว่างไสว’
คงจะนิยามมิ่งขวัญได้อย่างเหมาะสมที่สุดหมอนั่นเปล่งประกายอย่างทะเยอทะยานอยู่เสมอ
ราวกับลูซิเฟอร์เทวทูตผู้หยิ่งผยองมากไปจนถูกขับไล่ลงมาจากสรวงสวรรค์
แล้วนี่ก็คงเป็นชะตากรรม
หรือว่าโชคชะตากันล่ะ
สองอย่างนี้แตกต่างกันแค่ทางแรกเป็นทางที่ไม่สามารถเลือกได้ด้วยตัวเองกับทางที่จะเลือกหรือไม่ก็ได้
ในตอนนั้นเองประกายแสงที่ไม่รู้ว่าเป็นชะตากรรมหรือโชคชะตาก็ร่วงโรยลงมา
ราวกับเทวทูตที่ร่วงหล่นจากสวรรค์
เทวทูตที่มีชื่อเรียกว่าอาคานาร์
หน้าจอสื่อสารของมิ่งขวัญกระเด้งตัวเปิดออกฉายภาพใบหน้าของซีลอร์ด
‘น้ำตานั้นไม่ได้หลั่งเฉพาะเวลาที่โศกเศร้า
การเข้าใจในสิ่งนั้นคือการก้าวเดินไปข้างหน้าของเธออย่างนั้นสินะมิ่งขวัญผู้ถูกฟันเฟืองเลือก
อาคานาร์เปล่งประกายแล้ว วงล้อแห่งโชคชะตาได้เคลื่อนตัวหมุนไปข้างหน้าเอาล่ะจงทำให้มหาโชคชะตาเบิกบานสิ’
แล้วหน้าจอก็หายไป
มิ่งขวัญฝืนเอื้อมแขนออกไป
คว้าอาคานาร์ไว้
ไม่รู้ว่าหมอนั่นเข้าใจรึเปล่าว่านั่นมันหมายความว่วอย่างไร
แต่อาคานาร์ก็ตอบสนองต่อความปรารถนาของมิ่งขวัญไปแล้ว
อาคานาร์ซึ่งกลับหัวและสีซีดรูปภาพบนอาคานาร์คือกงล้อแห่งชะตากรรม ‘วีลออฟฟอร์จูน’ หนึ่งในไพ่เมเจอร์อาคานาร์ทั้ง 22 แบบ
‘เจ้าคือข้า....ข้าคือเจ้า’
เสียงของอาคนาร์สดใสดังหยาดน้ำค้างจากนั้นจึงเปล่งแสง
ลอยออกจากมือของมิ่งขวัญแล้วระเบิดออกกลายเป็นวงจรแสง
แผนผังคลิฝอธแบบเดียวกับตอนที่สร้างเมอร์คาบาห์
ตอนนั้นเองก็มีปีศาจออกมาจากหอกกับโล่
รู้สึกจะเป็นเดม่อนแอพที่มิ่งขวัญใช้อยู่เป็นประจำ
เซราฟหรือเทวทูตหกปีกตนหนึ่งมีรูปร่างวิปริตเหมือนพวกเทวทูตของเมตไตรยมีแต่ใบหน้าและมีปีกงอกออกจากใบหน้าพ่วงมาด้วยมือกับแขนสองข้างคอยหิ้วประคองไว้นั่นคงจะเป็น
มิคาเอลเดม่อนแอพที่มีพลังในการคุ้มครอง
อีกตนเป็นปีศาจหกปีกเช่นกันรูปร่างเหมือนมนุษย์ผิวกายหยาบกร้านคล้ายเกล็ดมีเขางอกจากหน้าผากใบหน้าดุร้ายแต่กลับมีรอยยิ้นมหยิ่งผยองคงจะเป็น
ลูซิเฟอร์เดม่อนแอพที่มพลังในการฟื้นฟูแอพพลิเคชั่นปีศาจด้วยกัน
ปีศาจทั้งสองกลายเป็นอาคานาร์
ลูซิเฟอร์กลลายเป็นเดอะเสตร็งท์และมิคาเอลกลายเป็นเดอะจัสติส
อาคานาร์ไหลเข้าไปในวงเวทคลิฝอธ
วงกลมคลิฝอธทั้งสิบวงยุบรวมเป็นหนึ่งเดียวพร้อมกับปรับจูนวิญญาณสองดวงที่ใส่เข้าไป
วิญญาณกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
อาคานาร์คืนชีพ
ชะตากรรมที่มีชื่อว่า
‘วงล้อแห่งโชคชะตา’ สยายปีกอันงดงามสดใสราวกับกระจก
ปีศาจผู้อ่อนเยาว์ตัวเล็กราวกับเด็กสวมชุดโทก้าสีขาวได้โอบอุ้มมิ่งขวัญไว้ด้วยปีกอันงดงาม
มีรูปโฉมอันเป็นอุดมคติของเทวทูต
ผมสีบลอน ใบหน้าสงบนิ่งแต่กลับมีเขาสีดำงอกอยู่บนหน้าผากราวกับปีศาจ
แต่ถึงกระนั้น...
ก็ยังงดงามอยู่ดี
ใบหน้าของปีศาจคล้ายกับมิ่งขวัญราวกับมีมิ่งขวัญอีกคนปรากฏตัวขึ้นมา
***เมื่อวานลืมไปว่าต้องลงเพิ่งมานึกได้ทีหลังเลยช้าไปวันหนึ่งขอภัยด้วยครับ แล้วก็ไหนๆแล้วช่วงนี้ไรท์เริ่มสังเกตตัวเองแล้วว่าเวลาที่เหมาะในการเขียนต้นฉบับกับเวลาชีวิตมันไม่สอดคล้องกันมาซักพักแล้ว(เหมือนคนรอบตัวไรท์จะรู้วันที่ไรท์ต้องปั่นต้นฉบับเลยจงใจแกล้งให้งานยังไงไม่รู้) จึงขอประกาศย้ายเวลาอัพเดทตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไปเลื่อนไปจากปกติหนึ่งวันก็จะกลายเป็น วันอังคาร พฤหัส เสาร์ กับอีกเซ็ตคือ วันจันทร์ และ วันพุธ ตามนี้ครับอาทิตย์หน้าเจอกันวันอังคารเน่อ!! อย่าจำวันผิดนะคร้าบบ***
ความคิดเห็น