คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : Prologue to Prologue อารัมภบทของอารัมภบท
………. Beginning to Apocalypse……..
ที่ไหนซักแห่ง…….ไม่ว่ามันจะเป็นที่ใดก็ตาม แต่มันคือลานประหาร เราถูกมัดไว้ด้วยเชือกผูกติดกับเสาไม้กางเขน เสานั้นปักอยู่บนฐานซึ่งทำจาก กองไม้วางสุมกัน………………….ด้านล่างนั้นผู้คนมากมายกำลังยืนมองมาที่เราด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย………………….คันธนูเพลิงนับสิบถูกยกขึ้นและเล็งศรมายังฐานไม้แห่งนี้ เราจะถูกไฟเผาทั้งเป็น…………………..เราไม่เคยเสียใจเลยในการกระทำตลอดมา แต่ว่าหมาป่าผู้อยู่ตรงหน้าเรากลับกำลังเสียใจและนั่นก็ทำให้เราเศร้าไปด้วย…..
……………………………..ทำไม………………………………….
ทำไม……ทำไมต้องร้องไห้เสียใจให้กับราด้วย……เราทำตัวของเราเองแท้ๆทำไมกัน…..ทำไมพี่ต้องร้องไห้เพื่อผมด้วย
………………………………………………………………………………………………
ตื่นขึ้นท่ามกลางความมืดมิดอันเงียบสงัดแห่งรัตติกาล ร่างปกคลุมด้วยขนอันบอบบางซึ่งชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัว และหอบหายใจอย่างรุนแรง ลิงหนุ่มขนสีแดง ตื่นขึ้นจากฝันร้ายเขานอนอยู่บนเตียงภายในห้องพักของ ตำหนักเทพเงา แต่ในความฝัน เขากำลังจะถูกประหารด้วยการเผาทั้งเป็น ลิงหนุ่มยกมือขวาขึ้นประคบกับใบหน้าเพื่อสงบใจลง เพื่อลบความตื่นตระหนกของภาพนั้นออกไปจากหัวของเขา
ก๊อก!!ก๊อก!! ก๊อก!! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ลิงหนุ่มวางมือลงแล้วลุกจากเตียงไปปลดล็อคประตู
เบื้องหลังบานประตู ผ้าเยือนคือ ค้างคาวสาว จอมเวทย์ชั้นสูงแห่งตำหนักนี้ มอร์กาน่า
“ โลกิ(Loki) เป็นอะไรรึเปล่า? ” มอร์กาน่า ถามด้วยความเป็นห่วง
“ เปล่า…แค่ฝันร้ายน่ะ คงไปปลุกเธอเข้าสินะ ขอโทษด้วย ”
โลกิ ส่ายหน้าแต่ทว่าสภาพอิดโรยของเขานั้น ไปไม่ได้กับคำพูดเอาเสียเลย นั่นยิ่งทำให้
นางเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม
“ เสียงดังไปถึงห้องข้างๆเลยล่ะ แน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไรน่ะ ”
“ อา ขอบใจที่เป็นห่วงแต่ไม่มีอะไรจริงๆ กลับไปนอนเถอะ ”
หลังจากที่ มอร์กาน่า ยอมกลับไปแล้ว และประตูห้องถูกปิดลง เขาก็ล้มทรุดลงกับพื้น
ยามนึกถึงฝันนั้นอีกครั้ง ร่างหายก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใบหน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วย มันเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบกับจิตใจของเขาเป็นอย่างมากและคิดว่าจะต้องทำอะไรซักอย่างกับมัน
“ โอย~~…มิเกะ นายช่วยพาฉันกลับไปที่เตียงที ”
เสียงครางของ เขาเรียกให้ภูตน้อยสีฟ้าตัวกลมขนาดเท่ากำมือ ตื่นขึ้นจากนิทรา กิ่นจะร่อนลงจาก เตียงของ
เขามาเกาะที่ท้ายทอย แล้วยกตัวเขากลับไปที่เตียง แต่ไหนแต่ไรแล้วตั้งแต่จำความได้ มักจะมีภาพเหตุการณ์
หรืออาจจะเป็นความฝัน ที่น่าประหลาดแทรกเข้ามาในหัวเป็นประจำและมันก็มักจะเป็นจริงเสียทุกครั้ง
อาจจะเป็นพรสวรรค์ของเขาที่ทำให้มองเห็นอนาคตได้ พลังที่แทบจะคล้ายคลึงกับ เทพีแห่งแสง
อย่างอัลคาเซีย และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาต้องระเห็จมาอยู่ที่ เมืองใต้ภิพบของ เทพแห่งเงาเซร่า แทน
หลายต่อหลายหาง หวาดกลัวเขาในฐานะ ผู้มีสายเลือดเทพ หรือ Demi God ถึงภูมิหลังจะยิ่งใหญ่เช่นนี้
แต่ตัว โลกิ เองก็ไม่เคยทราบเลยว่าแท้จริงแล้วตัวเองเป็นใครกันแน่ เขารู้เพียงแค่ว่าถูกเลี้ยงดูโดยผู้การ
ของกองอัศวินแห่งศาสนจักร หมาป่าขาว โอดิน(Odin) ร่วมกับหมาป่าดำผู้เป็นพี่บุญธรรมของเขา ทอล
และเหนือสิ่งอื่นใดเขาเป็นลูกนอกคอกที่ไม่เคยได้รับความเอาใจใส่ บางทีลึกๆแล้วแม้แต่พ่อของเขาก็อาจจะหวาดกลัวพลังของเขาก็เป็นได้ ทว่าที่เขาเกลียดที่สุดกลับไม่ใช่พ่อบุญธรรมที่เลี้ยงดูตนเองมาอย่างทิ้งขว้างแต่เป็นพี่ชายหมาป่าของตน
“ แต่ไหนแต่ไรแล้ว เจ้านั่นก็เอาแต่ก่อกวนกระทั่งตอนนี้ยังจะตามมารังความกันอีกเหรอ….ทอล… ”
ลิงหนุ่ม เปรยด้วยความงัวเงียก่อนจะผลอยหลับไป
…………………………………………….
เช้ามืดของวันถัดมา
ณ ประตูทางเข้าตำหนักเทพเงา ค้างคาวสาว นางมาส่งลิงหนุ่ม ที่กำลังจะออกเดินทาง
“ ทำไมจู่ๆถึงอยากจะไปที่ นครแห่งแสงล่ะ? ”
มอร์กาน่า ถามขณะที่มอง โลกิ ตรวจดูสัมภาระในกระเป๋าสะพายใบย่อมของเขาโดย มี มิเกะ(Mike)
ภูตรับใช้ประจำตัวเกาะอยู่บนหัว
“ มีบางอย่างที่อยากจะตรวจสอบให้แน่ชัดน่ะ ไม่งั้นมันรู้สึกไม่สบายใจ ”
โลกิ ตอบพลางใช้มือคุ้ยลงไปดูในกระเป๋าอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ นี่เธอเห็นอนาคตอีกแล้วงั้นเหรอ? ”
คำถามของ มอร์กาน่า หยุดมือเขาจากการคุ้ยกระเป๋า เธอช่างเดาได้แม่นราวกับเป็นนักพยากรณ์ตัวจริงเสียยิ่งกว่าเขาอีก เพื่อตอบคำถามของเธอ เขาจึงพยักหน้าให้อย่างเงียบๆก่อนจะเริ่มตรวจสัมภาระต่อ มอร์กาน่า ถึงกับ สะดุ้งตัวลอย
“ บางทีพวกศาสนจักร อาจจะเคลื่อนไหวแล้ว ต้องไปดูเผื่อว่ามันจะเป็นอันตรายกับพวกเรารึเปล่า ”
โลกิ พูดพร้อมกับปิดกระเป๋าแล้วจึงยกขึ้นคล้องไหล่สะพาย ก่อนจะยื่นแขนแล้วแบมือออก จี้ไม้กางเขนสีดำคล้องเชือกแขวนไว้กับนิ้วโป้งห้อยลงมาจากมือนั้น แล้วกล่าวด้วยถ้อยคำสงเสงี่ยม
“เหล่าโครงกระดูกของผู้ม้วยในมรณาภพเอ๋ย จงมารวมกันที่นี่ จงมีจิต! จงสถิตย์ร่าง!! จงรับใช้ข้า!!!
จงมาสีหมอก!!!! ”
ลิงหนุ่ม ค่อยๆตะเบ็งสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันนั้น มานา รอบๆก็ได้กลั่นตัวเป็นหยาดหยดคล้ายกับน้ำหมึกสีดำสนิท ไหลอาบมือข้างที่หนีบจี้ไม้กางเขนเอาไว้ น้ำหมึกสีดำหยดลงสู่พื้นทีละหยดๆ
จนเจิงนองเป็นแอ่งในเวลาไม่นาน ไอควันสีดำลอยขึ้นมาจากแอ่งนั้น และลากเอาสิ่งหนึ่งมีขนสีดำขนาดตัวเท่าม้า ร่างเป็นโครงกระดูก ลมหายใจของมันเย็นเชียบราวกับสิ่งที่ตายแล้ว เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสยดสยอง หากมองดูโดยผิวเผินมันคือศพของมูโป้(Mupo) มูโป้ คือสิ่งมีวิตประเภทพืชที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วเหมือนม้า สัตว์หางจะเลี้ยงดูมันและใช้งานไม่ต่างจากม้าซักเท่าไหร่อยู่แล้ว แต่ก็มีการเลี้ยงเพื่อผลิตเอาน้ำนมของมันมาบริโภคดวยเช่นกัน
ทว่ากับเจ้าตัวที่ขึ้นมาจากแอ่งน้ำหมึกเวทย์ นี้ไม่ใช่ มูโป้ ทั่วๆไปแต่ควรจะเรียกว่าภูติรับใช้ประเภทหนึ่งเสียมากกว่า
“ ต้องรีบไปก่อนฟ้าจะสางไม่งั้น สีหมอกคงหายไปก่อน ”
โลกิ พูดพร้อมกับเดินเข้าไปจูง ภูติตนนั้น มาแล้วเกาะหลังมันเพื่อจะขึ้นไปขับขี่
“ ระวังตัวด้วยล่ะ ที่นั่นสำหรับพวกเราแล้ว ถือว่าเป็นเขตแดนของศัตรู… ”
มอร์กาน่า เตือน และ ตอนนี้โลกิ ก็ได้โยนตัวขึ้นไปนั่งบนอานของ ภูติรับใช้แล้ว
“ อืม….งั้นฉันไปล่ะ ”
โลกิ กล่าวพร้อมกับโบกมือลาก่อนจะควบ สีหมอกออกไปตามทางที่ภูติตนนั้นเดินจะทิ้งรอยเท้าลุกไฟ
เอาไว้ตลอดทาง
…………………………………………………………………..
………………………………………..
ภายในพระราชวังแห่งแสง หน้าพระที่นั่งของเทพีอัลคาเซีย เหล่าสัตว์หางทั้ง 10 ตัวซึ่งได้รับการคัดเลือกมาจากทั่วทุกสารทิศ ในฐานะผู้กล้าทั้ง 12 วันนี้เป็นวันในอดีต ที่ตัวข้า ซาจิทาเรียส ได้รับการแต่งตั้งเป็น
12 ผู้กล้า
“ เราขอแสดงความยินดีกับเจ้า ซาจิทาเรียส แห่งภาคีอัศวินขัตติยะ(Royal Order) นับแต่บัดนี้เป็นต้นไปเจ้าคือหนึ่งในว่าที่ 12 ผู้กล้า ”
คำชมเชยของ ท่าน สังฆราชเรกกุ ที่มีให้ในวันอันทรงเกรียตินั้น…….พวกเราถึงจะถูกเรียกว่าผู้กล้า
แล้วก็ตามแต่ก็ยังเป็นแค่ ‘ว่าที่’ อยู่ดีการที่กลุ่มผู้กล้าจะสมบูรณ์ได้จำเป็นต้องมีครบทั้ง 12 หาง
เมื่อนั้นพวกเราทั้ง 10 หางจะกลายเป็นผู้กล้าเต็มตัว
12 ผู้กล้า คือกองกำลังของนักรบระดับสูงที่ถูกเลือกให้มาทำภาระกิจสำคัญ ซึ่งเนื้อหาของมันนั้น
คืออะไรก็ยังไม่มีใครในพวกเราทั้ง 10 หาง ล่วงรู้เลย
………………….
ห่างออกไปจากกำแพงเมืองของนครแห่งแสง คือพื้นที่ทำการเกษตรขนาดใหญ่ หนึ่งในนั้นมีสวนแครอท
ของโกตัน (Gothan) แพะสูงวัยผู้ประกอบอาชีพชาวไร่มาหลายปี และกำลังมีปัญหากับการถูกแมลงบุกรุกที่ดิน อันที่จริงเป็นพื้นที่การเกษตรทั้งหมดที่ถูกโจมตีโดยเหล่าแมลงแปลกหน้าที่พักหลังบุกมากันมากมายอย่างผิดปกติ มือธนูกิ้งก่า ซาจิทาเรียส ผู้ซึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความนึกคิด ท่ามกลางการต่อสู้กับฝูงแมลงสิงโต(Leo Bug) แมลงขนาดใหญ่ที่มีเขี้ยวและแผงคอกลีบดอกไม้พวกมันมีความดุร้ายสูง นับเป็น
ตัวอันตรายสำหรับสัตว์หางอย่างพวกเรา ในแต่ละปีจะมีหางที่เสียชีวิตจากการถูกพวกมันทำร้าย แต่ก็มีจำนวนน้อยเพราะส่วนมากเป็นนักเดินทาง นั้นเพราะถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันอยู่ทางหุบเขาทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ นครแห่งแสง ซึ่งนับว่าไกลมากกับการที่พวกมันมาโผล่อยู่ที่ ไร่แครอท ของลุงโกตันซึ่งตั้งอยู่ในเขตอาณาจักรแห่งนี้
“ ซาจิ! ระวัง!! ”
เสียงเรียกนั้นทำให้ผมรู้สึกตัว แมลงสิงโตตัวนึงกำลังพุ่งอย่างบ้าคลั่งมาทางนี้ มือซ้ายเลื่อนไปเปิด
ซองลูกธนูที่เหน็บเอวไว้ล้วงเข้าไปแล้วหยิบออกมากำหนึ่ง เล็บเท้าจิกกับพื้นหัวเข่างอลง
3…2….1
“ แมสชอต!!(Mass Shot) ”
พร้อมกับเสียงตะโกน ซาจิทาเรียส ดีดตัวทะยานขึ้นไป แมลงสิงโต ซึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจึงไม่อาจหยุดกระทันหันได้และวิ่งเลยไป กิ้งก่าหนุ่มตีลังกากลับหัวลงมาเล็งคันศร ไปยังแมลงสิงโต มือซ้าย วางลูกธนูนับ10 ดอกที่กำเอาไว้ ลงไปอย่างบรรจงและง้างมันออก
ลูกธนูทั้งสิบดอกถูกยิงออกมาพร้อมๆกัน โปรยปรายลงมาร่าวกับฝักบัวฉีดน้ำ ลูกธนูทิ่มแทงร่างของ แมลงสิงโตจนพรุน ของเหลวสีเขียวไหลทะลักออกมาจากบาดแผลก่อนที่มันจะล้มแน่นิ่งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
====================Mass Shot===============
“ เหม่อแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ ซาจิ? ”
ทอล พาลาดินหนุ่มผู้เป็นคนร้องเตือนเขาเมื่อครู่ เดินเข้ามาหาหลัง ลงจอดบนพื้นจากการตีลังกา กลางอากาศอย่างปลอดภัยแล้ว
“ แงะ…โทษทีๆ ทำให้ทอมมี่ ต้องมาเป็นห่วงซะได้ น่อ ”
ซาจิทาเรียส พูดพลางเกาหัวแก้เขินไปพลางก่อนจะหรี่สายตาลงหันไปมองยังทิศที่เขาเคยเหม่ออยู่
เหตุผลที่ทำให้เขา รำลึกถึงเรื่องวันที่ถูกแต่งตั้งนั้นคือภาพ ตรงหน้า พื้นดินของไร่สวนท่วมไปด้วยของหลวสีเขียว หรือก็คือเลือดของแมลงสิงโต ซากร่างกายที่เละไม่มีชิ้นดี บ้างถูกฉีกปากขาดออกจากจนถึงหาง
บ้างก็ขาขาด หัวหลุด เป็นการสังหารที่ชวนสะอิดสะเอียน และเหนือสิ่งอื่นใดผู้ที่กระทำมันก็คือ สาวน้อยร่างบอบบางสัตว์หางเผ่าแมว ผู้มีสายตาแข็งกร้าวและใบหน้าที่ดุดันไม่ต่างจากสัตว์ร้าย จนเหลือเชื่อเกินกว่า
จะบอกว่าเธอคือ แมวน้อยแสนน่ารักที่งอลใส่คอย์นเมื่อวาน เธอคือ แชร์คานนักฆ่า(Assassin)แห่งศาสนจักร ที่จริงแล้วแต่เดิมเธอไม่ได้สังกัดกับ ภาคีขัตติยะของเราไม่สิสังกัดเดิมของเธอคือศัตรูกับศาสนจักร กลุ่มนักฆ่าฮัซซันซิน (Hashshashin) องค์กรที่ก่อตั้งโดยอาชญากรที่ทางศาสนจักรต้องาการตัวมากที่สุดเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ฮัซซัน ไอ ซับบาห์ (Hassan-i-Sabah) ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นสัตว์หางเผ่าใด มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับฮัซซัน ผู้นี้ บ้างก็ว่าเขาไม่ใช่สัตว์หางแต่เป็นเทพแห่งความชั่วร้าย บ้างก็ว่าเป็นปีศาจอย่างไรก็ตาม ในต้นยุคที่กองอัศวินแห่งศาสนจักรมีความเข้มแข็งมากขึ้น ประกอบกับ **การลงตราลดทอนกำลัง(ปรับสมดุล)** ของเหล่าเทพเจ้าปกครองทั้งหก ทำให้ความสามารถในการลอบสังหารของกลุ่มลดลงไปจนถูกกองอัศวินปราบลงได้ในที่สุด
แชร์คาน เป็นทายาทคนสุดท้ายของกลุ่ม ฮัซซันซิน ตั้งแต่เธอจำความได้ก็ถูกฝึกให้เป็นนักฆ่าจนจิตใจเย็นชาและตายด้าน เมื่อองค์กรล่มสลายลงแล้ว เธอที่ทำเป็นเพียงแต่การฆ่าก็ถูกเล็งผลประโยชน์จากทางศาสนจักร
จึงบรรจุเธอเข้ากองอัศวินขัตติยะ และฝึกให้เธอซื่อสัตย์กับศาสนจักร จะเรียกว่าเธอคืออาวุธมีชีวิตเลยก็ว่าได้ทุกครั้งที่เธอเริ่มการฆ่า เธอจะเปลี่ยนไปแววตาจะดูเย็นชา และเรี่ยวแรงมหาศาลกับความอำมหิตที่ไม่อาจจินตนาการได้จะถูกขับออกมาจากร่างบอบบางของเธอ
ท่ามกลางภูเขาศพของเหล่าแมลง แมวสาวผมบลอน แหงนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสายตาเหม่อลอยและกายชุ่มเลือดสีเขียว ใบหน้าในยามนี้ช่างดูสงบและงดงาม ในสายตาของ เรา ซาจิทาเรียส ผู้นี้เป็นอย่างยิ่งมันให้ความรู้สึกที่หลากหลายทั้งอ่อนโยนทั้งเข็มแข็ง
โฮก!!!!!!!!!
แมลงสิงโต ตัวหนึ่งที่ยังเหลือรอดคำรามเสียงดังก่อนจะโผล่ขึ้นมาบนกองซากศพ ร่างของมันเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ก็ยังคงเรี่ยงแรงและความดุดันเหลืออยุ่มากพอจะฉีกขย้ำ แมวสาวที่ไม่ทันระวังตัว
“ ท่านจะได้พิพากษาประชาชนของพระองค์ด้วยความชอบธรรม และคนยากจนของพระองค์ด้วยความยุติธรรม ” (He shall judge the people with righteousness, and the poor with judgment.)
พระเวท ขับขานถ้อยคำสงบนิ่ง ศรหนึ่งดอกถูกนำออกจากซอง ขึ้นประทับบนคันโก่ง และง้างออกเตรียมแผลงศร ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงแค่พริบตา มานาในธรรมชาติ กลั่นตัวเป็นละอองแสงสีเขียวสด รวมตัวกัน ณ หัวลูกศรจนสุกสว่างราวกับดอกไม้ไฟ โก่งธนูดีดตัวและศรก็ดีดตาม
ลูกธนูซึ่งอาบด้วยมานา พุ่งออกไปเหมือนแสงรวดเร็วฉับไว ทะลวงร่างของแมลงสิงโตจนกลวงโบ๋ในพริบตา
=================Bug Slayer=================
แมวสาวไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำถึงการช่วยเหลือของ มือธนูกิ้งก่า มีเพียง หมาป่าดำสหายสนิทของเขาที่เป็นพยานรู้เห็น
“ วรรคมรณะของ ลีโอบัค…ไวเหมือนเคยเลยนะ ”
ทอล กล่าวชมแม้จะเคยเห็นมาหลายครั้งแล้วก็ตามแต่ก็ยังอดทึ่งกับความเร็วของเขาไม่ได้อยู่ดี
แค่เสี้ยววินาที ก็สามารถยิงศรเวทที่บรรจุ วรรคมรณะ หรือ ก็คือบทสวดที่จะกลั่นกรองมานาให้มาป็นปฏิปักษ์กับสิ่งที่จะยิงได้อย่างถูกต้อง สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะมี วรรคมรณะนี้ต่างกันไป ความสามารถในการวิเคราะห์วรรคมรณะ ของศัตรูจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ เพรชฆาต(Slayer) อย่าง ซาจิทาเรียส
“ ลีโอบัค ตัวนี้ถิ่นที่อยู่อาศัยคือหุบเขาแห่งสายลมดังนั้นมันจึงอยู่ใต้สังกัดของเทพแห่งลมซันซัน ดังนั้นวรรคมรณะของมันอยู่ในเพลงสดุดีที่ 72 วรรคที่ 2 ถ้ารู้ถิ่นที่อยู่และชนิดของมันการหาวรรคมรณะก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ”
ซาจิทาเรียส พูดพลางลดคันธนูลง แล้วจึงหันไปมอง แชร์คาน ต่อเขายังอยากจะดื่มด่ำกับความงดงามของ เธอต่อแต่ดูเหมือนคงจะต้องผิดหวังเสียแล้ว เพราะคำพูดที่เธอเปรยขึ้นมา
“ คอย์น….. ”
ชื่อของเพื่อนสนิท แมวหนุ่มนักพนันซึ่งสังกัดหน่วยผู้กล้าเช่นเดียวกับเขา เป็นเรื่องเศร้าที่เธอเอาแต่มอง เจ้านั่นจนไม่เคยเหลียวแลความพยายามของตนเลย แม้จะรู้สึกอิจฉาแต่ก็รู้สึกขอบคุณเพราะ คอย์น เป็นคนที่ทำให้เธอ สามารถยิ้มได้และรอยยิ้มของเธอก็คือสิ่งที่เขาชอบมากกว่าอะไรทั้งหมด
“ กลับไปจะขย้ำนายให้เหมือนแมลงพวกนี้เลย…เป็นผู้กล้าแท้ๆแต่ดันทิ้งภารกิจ ฉันขอสาบานเลยจะฆ่านายแล้วเป็นผู้กล้าเอง เหมียว ฟ่อ~~~! ”
ความชื่นชมแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวจนหมดสิ้น บางทีอาจจะดีกว่าที่ไม่ได้ถูกพูดถึงเสียเองนี่ก็เป็นอีกข้อเท็จจริงที่น่าสงสัย เจ้าหนุ่มนักพนันเถลไถลนั่น เป็นกลุ่มผู้กล้าเช่นเดียวกับเขาและทอลแต่ก็เป็นคนที่ไม่เอาการเอางาน หมกมุ่นกับการพนันและชอบทำตัวเรื่อยเปื่อย จนทำให้บ่อยครั้งที่ แชร์คาน
จะเสนอตัวมาทำภารกิจแทน เสียเองทั้งที่เธออยากจะเป็นผู้กล้ามากกว่าใครๆ เพื่อที่จะได้รับใช้ศาสนจักรอย่างมีเกรียติ เธอรับไม่ได้ที่แมวเช่นเดียวกับเธอแถมยังเป็นผู้กล้า จะทำตัวเถลไถลแบบนั้น เธอคงอยากจะปกป้องศักดิ์ศรีของเธอกระมังเรื่องราวถึงได้ออกมาแบบนี้
ขณะนั้นเอง กลุ่มทหารเสือดำจำนวน 15 นาย ที่กระจายกันอยู่รอบๆไร่แครอท ก็วิ่งมารวมแถวกันต่อหน้าพวกเขาทั้งสาม และหนึ่งในนั้นได้เดินออกมาทำความเคารพก่อนจะรายงานด้วยน้ำเสียงขึงขังเข็มแข็งสมชายชาติทหาร
“ พวกเราจัดการแมลงสิงโตในไร่ทั้งหมดแล้วครับ! ”
ทอล ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชากองร้อยนี้ จึงออกมาตอบรับการรายงานก่อนจะเริ่มออกคำสั่ง
“ เราจะพักที่นี่คืนหนึ่งเพื่อตรวจว่าพวกมันจะบุกมาอีกรึไม่ ให้เตรียมการตั้งค่ายที่นอกไร่ แล้วจัดเวรยามสลับกันทุกชั่วโมง แยกย้ายได้!! ”
เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายแล้ว การยกทัพกลับนครแสง เลยทันทีคงไม่ดีนักหากพวกแมลงยังบุกมาอีก พวกเขาจึงตัดสินใจตั้งค่ายพักเพื่อจับตาดูต่อจนกว่าจะแน่ใจได้แล้วว่าไม่มีแมลงตัวไหนบุกมาอีกไม่งั้นพวกเขาคงต้องเทียวไปเทียวมาอีกหลายรอบเป็นแน่
……………………………………………………………………..
………………………………………….
ณ ทุ่งดอกไม้ ในป่าทางทิศใต้ของนครแห่งแสง หรือทุ่งดอกมี้ที่เคยเกิดการต่อสู้กับ สกายบัค
จนถึงตอนนี้มันก็ยังคงถูกทิ้งให้ราบเรียบจนไม่เหลือเค้าเดิมของทุ่งดอกไม้อยู่เลย มีเพียงทรายและดินที่ถูกพลิกหงายขึ้นมาด้วยแรงพายุ เหลือไว้ให้เห็น
ร่างใหญ่ซึ่งหลังโก่งค่อมของ บาบูนเฒ่าขนสีชมพู เดินลอยชายไปมาอยู่บน ทุ่งแห่งนี้เขากำลังคุ้ยหาอะไรบางอย่างเมื่อหาไม่เจอก็จะย้ายไปขุดคุ้ยที่อื่นในทุ่งต่อด้วยพลั่วตักดินที่พกมา
“ ลุงโมสโซลี่(Mossoly) มาทำอะไรหรอคับ ”
เสียงเรียกของเด็ก ทำให้บาบูนเฒ่า สะดุ้งจนถึงกับต้องหันกลับมาถลึงสายตามอง ใบหน้าของบาบูนเฒ่าซึ่งบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธหรือความกลัวที่บอกไม่ถูก ทำให้ นิโค่ ลูกแมวน้อย ที่เป็นเจ้าของคำถามถึงกับผงะถอยด้วยความตกใจ
“ เหวอ!! ผ..ผมขอโทษ!!หวา!!! ”
ด้วยความหวาดกลัว นิโค่ จึงวิ่งหางจุกก้น หนีหายเข้าไปในป่า บาบูนเฒ่าไม่ได้พูดอะไร แต่หันกลับไปขุดคุ้ยต่อ จนเมื่อเขาขุดไปโดนอะไรบางอย่างในดินที่แข็งเอามากๆ เสียจนพลั่วกระทบเสียงดัง บาบูนเฒ่า ทิ้งพลั่วไปทันที แล้วใช้สองมือขุดรอบๆ วัตถุที่แข็งนั้น จนยกมันออกมาได้ในที่สุด มันคือ สกายบัค ที่มีขนาดเล็กกว่าตัวจริงหลายเท่า (Mini Sky Bug)
…………………………………………………………………………………
…………………………………………
จากนครแห่งแสงลงไปทางทิศตะวันออกฉียงใต้ สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ก่อขึ้นจากหินปูนการออกแบบ
ทรงยุโยปคล้ายกับของมนุษย์ มันคือสนามกีฬาโบราณ หรือ ที่เรียกว่า โคลอสเซียมนั่นเอง
สนามกีฬาแห่งนี้ถูกใช้เพื่อแสดงการต่อสู้ของสัตว์หางด้วยกันรวมไปถึงการสู้กับแมลงหรือพวก
ที่ไม่ใช่สัตว์หางด้วย ไม่ต่างไปจากสมัยโรมันโบราณของมนุษย์เลย แม้แต่การพนันก็ยังตกทอดมาถึงพวกสัตว์หาง สนามกีฬาแห่งนี้เป็นเหมือนบ่อนพนันถูกกฏหมายขนาดใหญ่ เมื่อพูดถึงการพนันแล้ว
ที่นี่จึงเป็นสถานที่โปรดของ คอย์น แมวหนุ่มผู้รักการพนันโดยไม่เกี่ยงว่ามันจะเป็นการเดิมพันชีวิตของนักสุ้ในสนามด้วยก็ตาม
ท่ามกลางฝูงชนที่คลาคร่ำไปรอบ โคลอสเซียม แมวหนุ่มได้ล่อลวง หมาป่าแดงเรจิ มากับเขาด้วย
“ ลูกพี่วันนี้ผมจะพาลูกพี่ไปรู้จักการเล่นสนุกๆอย่างหนึ่งล่ะสนใจไหมเอ่ย ”
คอย์น พูดเสียงหวานใส่โดยมีจุดประสงค์จะล่อลวง เรจิ ผู้ไร้เดียงสาในการพนันของตน
/ฮี่ๆ ลูกพี่น่ะเก่งขนาดล้มกษัตริยามาแล้ว แถมความเก่งกาจของลูกพี่ยังมีอีกเยอะฉันรู้ดี แต่สภาพภายนอกที่เป็นหมาน้อยน่ารักไร้เดียงสาแบบเด็กๆนี่ล่ะที่จะดึงให้พวกเซียนพนัน แห่ไปเล่นอีกข้างส่วนเราก็ลงแทงข้างลูกพี่สุดตัวไปเลย แล้วพอลูกพี่ชนะในการต่อสุ้เราก็กินเรียบแหมเพอเฟค ซะไม่มีอะไรมันจะง่ายปานนี้กันนะ/
ความคิดเจ้าเล่ห์อุบัติขึ้นราวกับมารร้ายดลใจ คอย์น พยายามตะล่อมให้ เรจิ เข้าไปสมัครลงแข่งต่อสู้ในโคลอสเซียมจนเป็นที่สำเร็จ พร้อมกับไปซื้อเอาตั๋วพนัน ข้างเรจิ แบบทุ่มหมดตัว
ก่อนจะพามารอที่ ทางเข้าสนามของนักกีฬา โดยมีเสือดาว เป็นผู้จัดการคิวการแข่ง
“ ลูกพี่เดี๋ยวรออยุ่ตรงนี้ซักแปปนะแล้ว ลุงเสือดาวตรงนั้นจะเรียกให้ลูกพี่เข้าไปเล่นข้างในชนะให้ได้นะเพื่อผมด้วย ”
คอย์น พูดพร้อมกับตบไหล่หมาป่าแดงเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยังทำตาใสไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะนึกว่าจะได้เข้าไปเล่นสนุกตามที่บอกจึงรับคำโดยไม่กังวลแต่อย่างใด
“ อื้อ! มันสนุกมากๆเลยใช่ไหมอ่ะ คอยน์ ”
“ อื้อสนุกสิ…. ”/สำหรับผมนะมันจะสนุกมากเพราะลูกพี่กำลังจะทำเงินก้อนโตให้ผมเลยทีเดียวเชียวล่ะ/
คอย์น ยิ้มหวานให้ก่อนจะถอยออกมาหลังจาก ส่งเรจิ แล้ว
“ งั้นผมจะไปรอดูตรงที่นั่คนดูน้า~~~ ”
คอย์น โบกมือให้ก่อนจะรีบโกยอ้าวไปขึ้นบันไดฝั่งที่นั่งคนดูทันที ทิ้งให้ เรจิ ยืนรอเวลาเข้าไปละเลงเลือดในสนามเพียงลำพัง
หลังจาก คอย์น ขึ้นไปได้ซักพักก็มีเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ออกมาจากสนามมันดังมากเสียจนทุกตัวที่อยู่รอบโคลอสเซียม อดให้ความสนใจไม่ได้ แม้แต่ตัว คอย์น เองที่ขึ้นไปบนที่นั่งแล้วก็ยังสงสัย และหันไปมองในสนาม ดวงตาของเขาเบิกโผลง ก่อนจะร้องเสียงหลง
“ เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!! ”
คอย์น กรีดร้องตัวสั่นหงึกๆเป็นลูกนกเลยทีเดียวเมื่อเห็นทีมที่เข้ามารอในสนามแล้ว ซึ่งเป็นทีมที่จะต้องเจอกับ เรจิ นั่นเอง เป็นทีม 3 หาง ประกอบด้วย เสือดาวร่างกำยำแบกดาบยักษ์กวัดแกว่งไปมา และ เสือดำอีก2 ตัวซึ่งดูเหมือนจะเป็นพลหอก
“ รอบนี้อย่างกับหวยล็อคแน่ะ เจอทีมสามทหารเสือที่เป็นแชมป์ครั้งที่แล้วแบบนี้เป็นใครๆก็เสร็จหมด ”
“ อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เล้ยยย ตั๋วพนันทีมสามทหารเสือ น่ะหมดเร็วซะจนพิมพ์แทบไม่ทันด้วยซ้ำ ”
“ งวดคนซื้อตั๋วอีกฝั่งคงเงิบกันหมด ”
“ บ้าสิแก! ใครมันจะโง่ไปซื้ออีกฝั่งฟระเป็นข้านะ ทิ้งตั๋วแล้วซื้อใหม่ฝั่งนี้ดีกว่าอีก ฮ่าๆๆๆ ”
เสียงพูดคุยจากหมู่ผู้ชมรอบตัว คอย์น ยิ่งเป็นการตอกย้ำเข้าไปเสียอีก แมวหนุ่มถึงกับหน้าซีดเผือด
/ไม่ได้การแน่ๆ ถึงจะเป็นลูกพี่ก็เถอะ(แถมลงสนามแบบไม่รู้เรื่องด้วย) แต่อีกทีมเป็นแชมป์งานแข่งใหญ่ปีที่แล้วแบบนี้ แล้วทีมลูกพี่ที่สมัครไปรู้สึกจะเป็นทีมมั่วๆที่จับแพะชนแกะอีก งานนี้ซวยแล้ว~~~/
………………………………………….
ที่ด้านนอก โคลอสเซียมท่ามกลางฝูงชน โลกิ ซึ่งปลอมตัวด้วยการสวมเสื้อคลุมมีฮู้ด ปิดหัวกำลังเดินลอยชายด้วยสีหน้าเซ็งๆ
/เพราะพระอาทิตดันขึ้นซะก่อนจะถึงถนน เลยต้องเดินเท้าเองมาถึงนี่เลยเหนื่อยชะมัด/
ขณะที่ คิดเรื่อยเปื่อย อยู่นั้นเองลิงน้อยถึงพึ่งรู้สึกตัวว่ากำลังเดินอยู่หน้า โคลอสเซียม
“ หืมที่นี่มัน โคลอสเซียมหรอ? ”
โลกิ เปรยความคิดต่างๆในหัวกำลังถูกประมวลออกมาอย่างรวดเร็ว
/จริงสิ ที่นี่ถ้าจำไม่ผิดจะมีพวกยอดฝีมือหรือไม่ก็พวกทหารที่กองทัพส่งมาเข้าร่วมชิงชัยลงสนามต่อสู้ด้วยนี่นะ บางทีถ้าร่วมลงแข่งด้วยอาจจะประเมินความสามารถโดยรวมของ ศาสนจักรได้ อย่างน้อยก็มีของฝากกลับไปให้ มอร์กาน่า ล่ะน่ะ/
“ นี่แกรู้ป่าวทีมแชมป์ครั้งที่แล้วลงแข่งวันนี้ด้วยนะไปดูกันป่าว!? ”
เสียงพูดคุยของสัตว์หางคู่หนึ่ง ที่เดินผ่านไปสร้างความสนใจให้กับเขายิ่งขึ้นไปอีก
/ทีมแชมป์ครั้งก่อนงั้นเหรอ? น่าสนุกนี่ขอดูหน่อยเถอะ ครึ่งปีมานี่พวกมันแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนกันนะ/
“ อ้าว เฮ้ยเดี๋ยวแกจะหนีเรอะ!! ”
เสียงตะโกนดึงให้ โลกิ หลุดจากห้วงความคิดและหันไปมองยังทิศของเสียง เป็นหมาป่าขนสีเขียว ที่กำลังหัวเสียใกล้กันนั้นมีหมาป่าขนสีแดง ยืนมองอย่าง งงๆ ลิงน้อยเดินดุ่มๆเข้าไปอย่างไม่ลังเล
“ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ ”
โลกิ ยิงคำถามใส่ทันที
“ ก็เจ้านั่นมันเป็นหางของทีมเราน่ะสิ แต่พอได้ยินว่าต้องสู้กับทีมแชมป์มันก็โกยแนบไปเลย ”
หมาป่าเขียวหันมาตอบ
/ก็หมายความว่าถ้าได้ลงทีมนี้จะได้ประมือกับพวกนั้นสินะ/ โลกิ คิดในใจ
“ อ๊า ทำยังไงดี~~ อีกตัวก็เป็นหมาป่าที่ดูจะพึ่งพาอะไรไม่ได้อีก ถ้าลงไปเจอกันแบบ 3-2 ได้ตายหยังเขียดแหง ”
หมาป่า เขียวยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับ
“ งั้นขอฉันร่วมด้วยสิ..ได้ใช่ไหมล่ะ ”
โลกิ เอ่ยปากเสนอตัวเข้าทีมด้วยทันที แม้จะยัง งงๆอยู่บ้างแต่หมาป่าเขียวก็รับคำทันทีเพราะต้งได้ตัวสมาชิกมาให้ครบ3 หางให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันการแข่ง
“ อ..อืม ”
……………………………………………………..
……………………
ที่ไร่แครอท
ฝูงแมลงสิงโต ระลอกใหม่บุกมาถึงแล้วและกำลังเข้าปะทะกับกองกำลัง ของพวกทอล อย่างดุเดือด
“ มาจากไหนกันเยอะแยะแบบนี้เนี่ย ”
ซาจิทาเรียส สบถขณะกำลังวิ่งหนีจากการถูกฝูงสิงโตไล่งับ พวกมันตามติดเสียจนเขาไม่มีเวลาง้างลูกศรเลย
“ ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง ..... ”( Our Father , in heaven , holy be your name ; your kingdom come .....)
=====================Cross Impact========================
สิ้นคำ ร่างของหมาป่าดำ ก็ตกลงสู่ใจกลางของฝูงสิงโตที่กำลังไล่กวด ซาจิทาเรียส อยู่ดาบคู่ในมือ
อาบไว้ด้วยแสงสว่างเจิดจ้าจากการกลั่นมานา มาสะสม
ตูมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!
เมื่อฟาดมันลงบนพื้นก็เกิดแรงสั่นไหวราวกับแผ่นดินสะเทือน แสงสว่าง จากคมดาบแผ่ขยายออกเป็น
รูปกา กบาทสีขาวแผดเผาฝูงแมลงจนพากันล้มระเนระนาด
“ ตอนนี้แหละ ซาจิ! ”
ทอล ตะโกนให้จังหวะ มือธนูกิ้งก่า ชะลอฝีเท้าลงแล้วหันกลับมามือซ้ายเปิดซองลูกธนูแล้วหยิบมันออกมา
หนึ่งกำมือมี แปดดอก เขาตั้งคันธนูขึ้นเหนือหัวและหันหัวลูกดอกชี้ฟ้า
“โอ ข้าแต่พระเจ้า ขอประทานความยุติธรรมของพระองค์แก่กษัตริย์ และความชอบธรรมของพระองค์แก่ราชโอรส ”( Give the king the judgments, O God, and the righteousness unto the king's son.)[ 72:1]
พระเวทถูกกล่าวขานขึ้นอย่างรวดเร็วและชัดเจน มานาในธรรมชาติถูกกลั่นกรองเป็นประกายแสงสีเขียวสดด้วยบทสวดและหลั่งไหลมารวมกัน ณ หัวลูกศรทั้งแปดดอก จนสว่างไสวเจิดจ้าและยังคงสว่างขึ้นเรื่อยๆ
“ ท่านจะได้พิพากษาประชาชนของพระองค์ด้วยความชอบธรรม และคนยากจนของพระองค์ด้วยความยุติธรรม ” (He shall judge the people with righteousness, and the poor with judgment.)
แสงสว่างสีเขียวขจี แผ่รัศมีแสงของมันอย่างยิ่งใหญ่ ยามเมื่อบทสวดจบลง นิ้วซึ่งง้างโก่งธนูกับลูกธนูทั้งแปดไว้ก็คลายตัวออก ลูกศรทั้งแปดทะยานขึ้นสู่ท้องรวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าแลบและแตกกระจาย
ลงมาฟาดฟันใส่ แมลงสิงโตทั้งฝูงให้ได้รับความบอบช้ำ
=================All Bug Slayer==================
แมลงสิงโตที่ถูกศรสายฟ้าฟาดของ ซาจิทาเรียส ไปนั้นจะเหลือธนูปักอยู่กลางหลัง แม้อานุภาพทำลายล้างจะรุนแรงแต่พวกมันก็ยังไม่สิ้นลม ยังเหลือเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมาทำร้ายได้ มือธนูกิ้งก่า ไม่รอช้าในช่วงจังหวะที่
พวกมันยังไม่ฟื้นตัวนั้นเอง เขาก็ได้แผลงศรออกไปยิงใส่พวกมันที่เหลือทั้งหมดรอบๆไร่แครอท จนแมลงสิงโตทุกตัวใน ไร่แห่งนี้ถูกลูกดอกปักไว้ทั้งหมดแล้ว
ซาจิทาเรียส ยกคันศรขึ้นเสมอ คอของเขา แล้วจึงตั้งสมาธิ ร่ายบทสวดต่อทันที มานาจำนวนมากถูกกลั่นกรองออกมากระจุกกันอยู่เหนือไร่แครอท มันคละคลุ้งราวกับหมู่เมฆสีขาว
“ นามของท่านจะดำรงอยู่เป็นนิตย์ ชื่อเสียงของท่านจะยั่งยืนอย่างดวงอาทิตย์ คนจะอวยพรกันเองโดยใช้ชื่อท่าน ประชาชาติทั้งปวงจะเรียกท่านว่าผู้ได้รับพระพร!! ”
( His name shall endure for ever: his name shall be continued as long as the sun: and men shall be blessed in him: all nations shall call him blessed.) [72:17]
เมื่อบทสวดจบลง มือข้างที่ถือคันศร ก็สะบัดออกอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!
ตามมาพร้อมกันกับสายฟ้าฟาดที่กระจายออกมาจากกลุ่มเมฆมานา สายฟ้าทั้งหมดถูกปลายของลูกธนูที่ปักอยู่บนตัวของแมลงสิงโต ดึงดูดเอาไว้
สายฟ้าทั้งหมดผ่าลงบนร่างของพวกมันและเผาจนไหม้เกรียมเสียทุกตัว
=================All Slain===================
“ ภารกิจเสร็จสิ้น ฟู่~~~~ ”
ซาจิทาเรียส ถอนหายใจ พร้อมกับใช้มือขวาปาดหยาดเหงื่อ ออกจากใบหน้า เมื่อแมลงสิงโตทั้งฝูงไหม้เกรียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกตัวจึงวางมือจากการต่อสู้ จนเผลอไม่ทันระวัง แมลงสิงโตตัวหนึ่งที่ยังเหลือรอดจากการถูกสายฟ้าเผามาได้
“ เฮ้! ทางนั้นเหลืออยู่อีกตัวนะ ”
แชร์คาน แมวสาวร้องพร้อมกับชี้ไปยัง แมลงสิงโต ที่กำลังจะหนีออกไปจากไร่ ทุกหางพากันตกใจ
แต่ด้วยความที่ลดอาวุธลงกันหมด กว่าจะทันตั้งตัวให้พร้อมจู่โจมได้มันก็หนีออกไปเสียแล้ว
“ แย่ล่ะสิ ทางนั้นมัน ทิศที่ไปโคลอสเซียม นี่ ” ซาจิทาเรียส พูด
“ พลทหารพวกนายเฝ้าที่นี่ไว้ ซาจิ แชร์คาน ไปกับฉันรีบตามไปเร็วเข้า! ”
ทอลออกคำสั่งก่อนจะออกนำ ทั้งสองตามล่าไปทันที
…………………………..
………………………………………………………………..
ณ โคลอสเซียม
บัดนี้ การต่อสู้แบบ 3 ต่อ 3 ได้เริ่มขึ้นแล้ว ระหว่างทีม สามทหารเสือ ที่ประกอบด้วยเสือดาวและสองพลหอกเสือดำ กับอีกทีม ที่มี หมาป่าหนุ่มสองตัวและลิงอีกตัว การประชันกันระหว่างทีมแชมป์กับทีมเฉพาะกิจซึ่งคนดูก็มีเชียร์ทีมแชมป์กันทั้งนั้น เพราะการลงพนันขันต่อที่พากันทุ่มแทงฝั่งแชมป์ จนหมด
หน้าตักกันนั่นเอง
บนอัฒจันทร์ มีอยู่จุดหนึ่งที่เป็นที่นั่งจัดเตรียมไว้อย่างเป็นพิเศษ สำหรับหางสำคัญ หางนี้เป็นนกอีกาวัยกลางคน สวมใส่สูทสีขาวซึ่งขัดกับขนสีดกดำของตน ลักษณะท่าทางแบบผู้ดี รอบกายมีแต่บริวาร รายล้อม คอยบริการน้ำดื่มและความสะดวกให้ นอกจากนี้ที่ข้างๆนั้นเองแม่ทัพเหยี่ยว อิทารุส ผู้นิ่งขรึมก็มาร่วมดูการต่อสู้ด้วย ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่ม อีกา ผู้นี้ได้เป็นผู้กล่าวเปิดงาน
“ สวัสดีสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านกระผม เซอร์ คามิโอ กินนัมกาแกป (Sir. Camio Ginnungagap) วันนี้ได้รับเกรียติให้มาเป็นผู้เปิดการแข่งขัน จากนี้ไปงานฉลองละเลงเลือด อันแสนดุเดือดก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วให้นักสู้ทุกท่านต่อสู้กันอย่างออกรสออกชาติล่ะเน้อ ว่าแล้วก็ 3 2 1 เริ่มได้! ”
นกอีกา ตนนั้นกล่าววาทะด้วยเสียงแหลมสูงก่อนจะดีดนิ้วเปราะเป็นสัญญาณเริ่ม ระฆังสัญญาณถูกตีเพื่อเปิดการต่อสู้
“ เฮะๆวันนี้มีแต่เด็กๆทั้งนั้นเลย รู้สึกกระชุ่มกระชวยดีชะมัด เฮ้ย! เจ้าห้อยไปจัดการเจ้าลิงนั่นซะ ส่วนเจ้าโหนมากับข้าไปเก็บหมาเขียวก่อน หมาแดงนั่นมันดูเอ๋อๆค่อยจัดการทีหลัง ”
เสือดาว สั่งเสียงเหี้ ยมก่อนจะพาลูกน้องเสือดำตัวหนึ่งเข้ารุม หมาป่าเขียวที่กำลังตั้งท่าสู้
น่าเศร้า ที่เพียงแค่อาวุธซึ่งแตกต่างกันก็สร้างความต่างชั้นกันเสียแล้ว หมาป่าเขียวมีเพียงดาบเหล็กบิ่นๆกับโล่ไม้ผุๆอย่างละอันเท่านั้น
เสือดาวฟาดดาบโค้งคู่ใจลงไปในคราเดียว โล่ไม้ผุๆของหมาป่าเขียว ก็ขาดเป็นสองซีกในทันที
เพียงเท่านั้นเสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มอัฒจันทร์ หมาป่าเขียวพยายามโต้ตอบด้วยการแกว่งดาบบิ่นๆของตนใส่
แต่เสือดาวก็เพียงแค่เอี้ยวตัวหลบก็ทำให้เขาฟันวืดจนเสียหลักไปตามน้ำหนักของดาบ
เสือดาวแสยะยิ้มให้กับความอ่อนหัดของหมาป่าตัวนี้ ก่อนจะซัดหมัดเข้าไปที่ท้องของมันอย่างแรงจน
ทรุดเข่าลงไปนอนคู้ตัวด้วยความจุกอยู่บนพื้น เสือดำที่มาด้วยกัน ใช้เท้าเตะดาบในมือของเขาทิ้งไปทันที
ตอนนี้หมาป่าเขียวหมดสภาพแล้วไม่อาจจะป้องกันตัวได้อีก ก็ได้ถูกเสือดำ จับตัวขึ้นแล้วใช้แขนทั้งสอง
ล็อคปีกแขนเอาไว้
สองเสือ หันหน้าไปยังอัฒจันทร์ ที่ๆ เซอร์ คามิโอ ประทับมองการต่อสู้นี้ราวกับจะรอสัญญาณอะไรบางอย่าง
เซอร์คามิโอ ยิ้มเล็กยิ้มน้อย ก่อนจะยื่นมือ ออกมาแล้วกำมือพร้อมชูนิ้วโป้งขึ้น
หมาป่าเขียว รู้ตัวดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นจึงพยายามร้องขอชีวิตทั้งน้ำตา นั่นทำให้ อีกาดำผู้นี้ยิ้มอย่างเปรมปรี และหันนิ้วโป้งลงอย่างไม่ลังเล เมื่อได้รับอนุญาติแล้ว เสือดาวไม่รีรอ แต่อย่างใด
เลือดกำลังไหลบ่าท่วม……………………………ท่วม……………………..ท่วมอัฒจันทร์
เลือดกำเดาของเหล่าแม่ยก…เอ่อน่าจะใช่นะ (= =’) เมื่อเสือดาว ก้มลงประกบริมฝีปากของตนกับหมาป่าเขียว
ซรู้ดดดดดดดดด จ๊วบบบบบบบบบบบ!!!!!
กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!
เสียง Deep Kiss อันดูดดื่ม และเสียงกรี้ดโทนสูงของเหล่าหางเพศเมีย บนอัฒจันทร์ดังผสมปนเปกันจนฟังไม่รู้เรื่อง
/เย้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!/
โลกิ กรีดร้องอยู่ในใจ ทันทีที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ตนกำลังติดพันกับการ ยื้อแย่งหอกของเสือดำอีกตัวที่แยกมาสู้กับตน
ที่บนอัฒจันทร์นั้นเอง แม่ทัพอิทารุสที่ดูอยู่ ก็ถึงกับหน้าถอดสีชนิดรับไม่ได้กันเลยทีเดียว
“ ข้าไม่ทราบว่าท่าน เซอร์ คามิโอ ได้เปลี่ยนแปลงอะไรกับงานกีฬาการต่อสู้มันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้? ”
เหยี่ยวหนุ่ม เปรยเสียงระอา ตัวเขาเองก็ทราบดีอยู่แล้วว่า นิสัยของ อีกาผู้นี้เป็นอะไรที่ไว้วางใจไม่ได้เอาเสียเลย ทั้งชอบเล่นแผลงๆและอารมณ์ที่ไม่เอาแน่เอานอน
“ แหมๆ ก็ถ้าให้สู้กันเลือดตกยางออกแบบสมัยก่อนมันก็หมดสนุกน่ะซี่แถมยังขัดกับหลักศาสนจักรด้วยไม่ใช่รึไง เพราะงั้นฉันก็เลยเปลี่ยนให้มันซอฟท์ลงมาหน่อยน่ะ แล้วแบบนี้ก็ขายตั๋วเข้าชมได้ดีกว่าด้วยถึงจะลำบากตรงเรื่องการทำความสะอาดอัฒจันทร์ เพราะเลือดมันมาลงตรงนี้หมดเลยก็เถอะน้า~~~ ”
อีกาดำ พูดไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใดพลางยกแก้วน้ำชาขึ้นดื่ม
“ ถ้างั้นข้าขอตัวล่ะ…คงทนดูอะไรแบบนี้ไม่ได้ ”
แม่ทัพเหยี่ยวรีบปลีกตัวบินหนีออกไปจากอัฒจันทร์ทันที
“ หึ…จริงจังตลอดเวลาเชียวน้าคุณนี่ ถ้าทำตัวแบบนั้นระวังจะโดนปีศาจสิงเอาได้นะขรับ ”
อีกาดำ เปรยเสียงเรียบก่อนจะหันกลับไปดูการต่อสู้ในสนามต่อ ซึ่งตอนนี้ หมาป่าเขียวสลบไปแล้วหลังจากการ..(เซ็นเซอร์)…
ขณะเดียวกัน คอย์น ที่ยืนดูอยู่บนอัฒจันทร์เช่นกัน ก็ลุ้นตัวโก่งเพราะตอนนี้โอกาสรอดของลูกพี่เขาคงริบหรี่แล้ว
“ ขอโทษนะลูกพี่แต่ซิงลูกพี่คงจะต้องเผชิญเรื่องน่าเศร้าเสียแล้วล่ะ ”(T_T)
คอย์น เปรยอย่างสิ้นหวัง จนไม่ได้สังเกตุ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของหมาป่าแดงเลย
ที่ในสนามนั้น หลังจากหมาป่าเขียว ฟุบลงไปแล้ว เรจิ ก็ยังนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น ไม่ได้แสดงออกถึงท่าทางสนุกสนานเหมือนตอนเข้ามาในตอนแรก
“ หมาตัวที่สองข้ายกให้แกละกัน ” เสือดาว กล่าวพลางชี้ไปยัง เรจิ
“ ได้เลยคร้าบบเฮีย แฮ่กๆ ” เสือดำรับคำทันทีพลางปาดน้ำลายที่ไหลจากปากออก
/ไม่ได้การแน่ ขืนปล่อยไว้แบบนี้อีกอย่างเจ้าพวกนี้ไม่เห็นมันจะเก่งตรงไหนเลย ศาสนจักรคงเพี้ยนไปแล้ว รีบๆจัดการให้จบๆเลยดีกว่า/
โลกิ คิดในใจเขาไม่คาดหวังกับการต่อสู้บ้าๆนี่อีกแล้ว และเตรียมจะจัดการเสือดำที่อยู่ตรงหน้า
“ ราชาผู้หลับไหลในศิลาหิน ผู้ผูกพันด้วยพันธะ ข้าขอน้อมรับชัยชนะตามคำสัตย์ของท่าน….. ”
มานาถูกกลั่นกรองออกมาและสร้างรอยกระเพื่อมของมิติ ดาบสีทองหนึ่งคู่ ไหลเทลงมาปักพื้นต่อหน้า
หมาป่าแดง
==========Divinity Sword==========
สิ่งนั้นทำให้ดวงตาของ โลกิ เบิกโผลงด้วยความตกตะลึง เขารู้จักการอัญเชิญดาบแบบนั้นดี
/นั่นมัน Divinity Sword ของกษัตริยานี่ ทำไมถึง…?/
คำถามมากมายเกิดขึ้นในใจ เขามั่นใจว่ากระบวนท่านี้ไม่มีผู้ใดบนพิภพนี้แล้วที่จะเลียนแบบได้
มันเป็นอาวุธที่มีเพียงบุตรแห่งแสงสว่าง ที่ได้รับอนุญาติให้ใช้มัน แต่หมาป่าตัวนี้กลับเรียกมันออกมาได้
เรจิ ชักเอาดาบทองคำที่ปักอยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้ แววตาเปลี่ยนเป็นคมเกล้าดุดันเยี่ยงนักล่า ราวกับสุนัขที่ถูกแรงกดดันจากการต้อนจนมุมจนเกิดฮึดสู้ ขึ้นมา
“ มันเสกดาบออกมาได้ล่ะเฮีย ”
เสือดำ กล่าวแสดงความประหลาดใจกับสิ่งที่ เรจิ กระทำต่อหน้าผู้คนทั้งอัฒจันทร์ แม้แต่ เซอร์ คามิโอ เองก็ยังอดมองอย่างสนอกสนใจมิได้
“ ฮึ น่าสนุกนี่แบบนี้ค่อยหายเหงามือหน่อย ข้าจะได้แสดงฝีมือจริงๆซักที!!! ”
เสือดาว ยิ้มกระหยิ่มแสดงความลำพองใจของตน ก่อนจะวิ่งแซง เสือดำ เข้าไปหา เรจิ ตรงๆ
ดาบยักษ์ของมัน ง้างขึ้นหมายจะผ่าร่างของหมาป่าแดง
“ ข้าขอกล่าวภาวนาอย่างนอบน้อมต่อ มหาวงแหวนทั้งเจ็ดแห่งสรวงสวรรค์ โรห์ เอียส สามในเจ็ดของ
เจ้าจงมาปกปักพิทักษ์ข้า ”
เรจิ กล่าวบทร่ายแห่งมนตราออกมา พลันมานาในธรรมชาติก็ได้กลั่นตัวออกมารวมกันปรากฏเป็นเส้นวงรี
สามวงหมุนควงไปมา รอบตัวของเขา กลายเป้นเกราะป้องกันที่รับเอาดาบของ เสือดาวไว้ได้โดยไม่สะเทือนเลยแม้แต่น้อย
==============Repel==============
“ เรียกใช้ โรห์ เอียส ได้ด้วย?! หมาป่านั่นเป็นใครกัน? ”
โลกิ เปรยอย่างทึ่งๆ ก่อนจะจัดการเสยคางเสือดาวที่สู้อยู่กับตนลงไปนอนในหมัดเดียว
แล้วจึงหันมาจับตาดูการต่อสุ้ของเรจิ อย่างสนอกสนใจแทน ทั่วทั้งอัฒจันทร์เองก็ไม่ต่างกัน เสียงเชียร์ที่เคยดังกึกก้องและเสียงกรี้ดฟินกับความวาย(- -‘)ของคู่แรก ได้เงียบลงเงียบสนิท ชนิดแทบจะไม่มีสุรเสียงใดๆ
ดังขึ้นมาอีกเลย
“ เกราะป้องกันรึเอานี่ไปชิม! ”
เสือดาว สบถพร้อมกับออกแรงกดดาบโดยเบี่ยงวิถีดาบเล็กน้อย ใบดาบขนาดใหญ่กำลังถลำกินเนื้อเกราะเวทย์ของเขาทั้งที่ไม่ได้ใช้พลังเวทย์หรืออะไรเสริมให้กับดาบเลย แต่เกราะป้องกันกำลังร้าว
/ อาเมอร์ เบรค วิชาสำหรับทะลายปรากการหรือการป้องกันเป็นเทคนิกสำหรับดาบโดยเฉพาะเลย
รูปร่างของใบดาบและการโจมตีโดยการเพิ่มแรงกดลงไปทำให้เกราะป้องกันรับภาระอยุ่ที่จุดๆเดียวจนปริแตกออก /
โลกิ คิดในใจระหว่างที่มองดูการต่อสู้นี้เขาถึงรู้ซึ้งถึงฝีมือของนักรบเสือเหล่านี้ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่เก่งกาจ
แต่เป็นเพราะการบริหารจัดการบ้าๆบางอย่างที่เกิดกับสนามแห่งนี้ ทำให้การต่อสู้กลายเป็นความบันเทิงไปเสียมากกว่า
=====================Armor Break==================
เพล้ง!!~~~~~
วงแหวนป้องกันของ เรจิ แตกกระจายเป็นเสี่ยงและสลายหายไปในทันที ดาบเล่มใหญ่ของเสือดาว ที่โน้มฟันกดเกราะป้องกันจนถึงเมื่อครู่เกือบจะสัมผัสถูกหัวของ เรจิ เสียแล้วหากเขาไม่ยกดาบคู่ขึ้นมารับมันเอาไว้
ทั้งสองกำลังวัดแรงกันด้วยการยันดาบใส่กัน ทว่าแรงอันน้อยนิดของหมาป่าวัยหนุ่ม หรือ จะต้านทานแรงช้างสารของเสือดาวผู้ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนได้ ดาบคู่ของเรจิ กำลังถูกดันกลับจนต้อง
ทรุดเข่าข้างนึงลงกับพื้นเพื่อต้านยันมันเอาไว้
กรอดดดด!!!!
หมาป่าแดงขบฟันคำรามเสียงเกรี้ยวกราด แม้แต่ คอย์น ก็ยังไม่อยากเชื่อว่า หมาป่าแดงผู้ไร้เดียงสาราวกับเด็กเล็กๆ จะแสดงสีหน้าและท่าทางดุร้ายเยี่ยงนี้ได้
การประชันดาบของทั้งคู่ยืดเยื้อยาวนานเสียจนทั้งผู้ชมและแม้แต่ทั้งคู่ที่กำลังวัดพลังกันนั้นยังต้องลุ้น
ตัวโก่ง ทว่าดาบคุ่ของ เรจิ ก็ยังไม่หยุดลดระดับลงอย่างไรเสียเรี่ยวแรงที่ต่างกันคือข้อเท็จจริง ที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ เสือดาวกำลังยิ้มอย่างลำพองใจ จนกระทั่ง
เสียงประหลาดที่ฟังคล้ายกับ เหล็กกับหลอมละลายดังระรัวขึ้น ดาบของเสือดาว มันกำลังถูกดาบคู่ของ
หมาป่าแดง ฟันถลำกินเนื้อใบดาบเข้าไป ราวกับดาบของตนเป็นเพียง เนยแข็งที่กำลังกดใส่มีดหั่นอัน
คมกริบ ต้นเหตุแห่งความคมไร้ที่ติคือ ออร่าสีดำที่แผ่พุ่งออกมาจากใบดาบทองคำของ เรจิ
==================Dark Edge=====================
กระบวนท่าซึ่งรวบรวมมานา มาไว้ที่คมดาบจนเกิดเป็นไฟโลกัณฑ์ที่เจาะทะลวงทุกการป้องกัน
นั่นหมายถึงมันเป็นดาบที่ตัดได้ทุกสิ่งนั่นเอง และตอนนี้มันได้บั่นดาบของเสือดาว หักเป็นสองเสี่ยง
ด้วยการที่ออกแรงกดดาบในขณะที่ดาบหักจึงทำให้ ตัวเสือดาวเสียหลักลื่นล้มไปตามแรงเหวี่ยงกดของดาบ
เสือดำผู้เป็นลูกน้อง เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตรงเข้ามาหมายจะแทงหอกใส่หมาป่าแดง
ทว่าหมาป่าแดง ได้ควงดาบให้ใบดาบหันชี้ลงกับพื้นก่อนจะออกแรงสะบัดดาบอย่างรวดเร็ว
ทุกการสะบัดนั้นจะสร้างแรงเสียดสีกับอากาศ จนเกิดเป็นคลื่นสุญญากาศพุ่งออกไปเชือดเฉือน
เรจิ สะบัดมันออกไปนับสิบๆครั้งในเวลาเสี้ยววินาที คลื่นสุญญากาศอันคมกริบ ถาโถมใส่เสือทั้งสอง
ดั่งพายุใบมีด
==========Blade Song=========
เมื่อเพลงดาบของ หมาป่าแดงจบกระบวนท่าลง ทั้งเสือดาวและเสือดำ ต่างล้มฟุบหมดสภาพโดยที่
ขนบนตัวถูกโกนจนเกลี้ยงเกลาเป็นเสื้อโล้นไปเสีย
นับเป็นชัยชนะที่สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ชมเป็นครั้งประวัติการ อัฒจันทร์กระหึ่มไปด้วยเสียงโต้ตอบทั้งประหลาดใจทั้งโกรธทั้งหัวเสียกับผลการพนันที่พลิกล็อคถล่มทลาย
“ ล….ลูกพี่ชนะ….ถ้างั้นห็หมายความว่า… ”
คอย์น พูดเสียงสั่นๆ สมองของเขากำลังประมวลผลลัพธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว คอย์น ซื้อตั๋วพนันมูลค่ารางวัล หนึ่งหมื่นกิลมา 3 ใบถ้าชนะจะได้รางวัลเป็นสองเท่า บวกเพิ่มกับโบนัส จากการชนะพลิกล็อก อีก 10เท่า
“ สามหมื่นคูณสอง แล้วก็คูณเข้าไปอีกสิบ….ห…ห….หกแสนกิล …”($_$!)
ดวงตาของแมวหนุ่ม เปล่งประกายรัศมีจับอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขณะที่กำลังตื่นเต้นกับมูลค่าเงินรางวัลที่จะได้อยู่นั่นเอง ประตูทางสนามต่อสู้ ก็ได้ปลิวข้ามจากอีกฝั่งมาตกหน้าอัฒจันทร์ฝั่งที่เขา ยืนดูอยู่
โฮกกกก!!!!!!!!
เสียงคำรามอันกึกก้องนี้ส่งให้ทั้งอัฒจันทร์เงียบเสียงลง สายตาทุกคู่ล้วนจับลงไปยังสนาม ที่บัดนี้นอกจาก คู่ต่อสู้ทั้งสองทีมแล้ว ได้มี แมลงสิงโต ตัวหนึ่งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งพังประตูเข้ามาในสนามแข่ง มันมีท่าทางระสับระส่ายและหวาดระแวง แมลงสิงโตผู้หวาดกลัว เหลือบไปเห็น เรจิ ที่ยืนหมดแรงหลังจากการเหวี่ยงดาบและใช้
เทคนิคออกมามากมายจนเหงื่อไหลอาบชะโลมกาย เหมือนเป็นคราวเคราะห์ของเขาที่ แมลงสิงโตตัวนี้เป็นตัวที่หนีมาจาก การต่อสู้กับพวก ทอล มันจำลักษณะสรีระร่างกายของหมาป่าอย่างทอลที่เป็น ผู้สร้างบาดแผลให้กับมันได้ และมันเข้าใจว่า เรจิ คือศัตรู การที่มันหนีจากการถูกทำร้ายมาเจอศัตรูอีกราวกับถูกไล่ต้อนทำให้มันเกิดคลุ้มคลั่งในทันที แมลงสิงโต พุ่งตัวเข้าหาหมายจะฉีกกระชากหมาป่าผู้อ่อนแรงตรงหน้าของมัน
“ เกนลูเบนิล ดิ นิลเบลูเกน ” (Genlubeni Die Nibelungen)
ถ้อยคำซึ่งไม่อาจฟังออกว่ามันเป็นภาษาอะไรหรือหมายถึงสิ่งใด โลกิ ลิงน้อย ผู้กล่าวร่ายมันออกมา
ย่อแขนทั้งสองข้างของตนให้มือหงายขึ้นเสมอช่วงอก มานาในธรรมชาติถูกรวบรวมไว้ที่มือทั้งสองของเขา
แล้วมันก็ลุกไหม้เป็นดวงไฟล่องลอยอยู่อย่างนั้น ไอควันที่ระเหยออกมาจากดวงไฟนั้น สร้างข้อความขึ้นประโยคหนึ่ง มันเขียนไว้ด้วยอักขระเวทย์โบราณ
โลกิ เริ่มอ่านข้อความของประโยคนั้น
“ ซีเกล อิส เอชวาซ เบออร์ค เคน ทีร์ อันซูส!! ( Sigel Is Ehwaz Beore Ken Tyr Ansuz ) ”
(สุริยนวารีเหมันต์หลอมอุบัติไฟกัลป์ จงตอบรับข้า!!)
สิ้นคำเขาได้ประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันโดยบดบี้ ดวงไฟเวทย์ที่อยู่ในมือไปด้วยแล้วจึงกางมือทั้งสองออกอย่างๆช้าที่กึ่งกลางระหว่างมือทั้งสองนั้น บังเกิดเป็นลูกไฟดวงใหญ่และมันยังขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ
จนมีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล นี้คือเวทมนต์สายที่หาได้ยากยิ่งมันคือมนอักขระ ที่เป็นการผูกมัดมานากับอักษรโบราณ ซึ่งจะต้องพึ่งพาความเข้าใจในอักขระแต่ละตัวของภาษาโบราณด้วยจึงจักทำให้เวทมนต์ประเภทนี้สัมฤทธิ์ผล
===============Fire Ball==============
โลกิ ดันมือทั้งสองออกไปข้างหน้า ดันให้ลูกบอลเพลิง พุ่งออกไปเหมือนชูตลูกบาส ลูกบอลเพลิง
หมุนควงกลางอากาศขณะที่พุ่งตรงไปและเข้าเป้าที่ร่างของแมลงสิงโตอย่าง งดงาม ยามที่มันสัมผัสกับเป้าหมาย ก็ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นการระเบิดอย่างรุนแรง แรงระเบิดอัดกระแทกร่างของ
แมลงสิงโตซึ่งลุกท่วมด้วยเปลวไฟให้กระเด็นไถลพื้นกลับไปอีกสองสามเมตร มันสิ้นใจลงในการจู่โจมเพียงครั้งเดียว
“ นายชื่อว่าอะไร? ”
โลกิ ถามพร้อมกับเดินเข้าไปฉุดให้ เรจิ ที่ทรุดเข่าอยู่ลุกขึ้นมาพูดกับเขา
“ ถามชื่อของ เรจิ หยอ? ”
หมาป่าแดง มีสีหน้าฉงนกับคำถามของเขาพลางชี้นิ้วใส่ตัวเอง เป็นการย้ำว่าถามนามของเขางั้นหรือ
“ อ้อ..ชื่อเรจิ สินะ ฉันโลกิ แล้วก็ถามอีกซักข้อ เวทย์อักขระเมื่อครู่นี้ นายทำมันได้รึเปล่า? ”
คำถามของ ลิงน้อยแฝงจุดประสงค์ซ่อนเร้นไว้ นี่เป็นเพียงทฤษฏีที่ เขาคิดขึ้นมาหลังจากเห็นสิ่งที่ เรจิ
ทำได้ เขาไม่คิดว่าจะใครอื่น นอกจากษัตริยา บุตรแห่งแสงที่จะสามารถใช้อาวุธวิเศษอย่าง Divinity Sword ได้ แต่กลับกันหากเป็นแค่การลอกเลียนแบบ สำหรับเขาแล้วมันก็พอจะเป็นไปได้
“ ยิงตู้มๆ นั้นอ่ะหยอ อื้มได้จิ ”
เรจิ รับคำ ก่อนจะเริ่มตั้งท่าแบบเดียวกับโลกิ ย่อแขนทั้งสองข้างให้มือเสมอช่วงอก รวบรวมมมานามาจุดเป็นดวงไฟเหนือมือทั้งสอง ไอควันปรากฏขึ้นเป็นอักขระเวทย์ในอากาศ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนเหมือนกับที่เขาได้ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด เป็นเรื่องน่าทึ่งที่เห็นเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำตามได้ถึงขนาดนี้ การที่หมาป่าตัวนี้เรียกใช้งานอาวุธวิเศษเหล่านั้นได้ คงเป็นเพราะมันได้เคยต่อสู้กับ กษัตริยามาแล้วอย่างแน่นอน
ลิงน้อย คลี่ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ อาการเนื้อเต้นตุบๆในวินาทีอันน่าตื่นเต้น ที่จะได้เห็นสิ่งที่ตนปราถนามานานแสนนาน พลังที่ยิ่งใหญ่จนสามารถเรียนรู้สรรพวิชาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด พลังนั้นอยู่ในตัวของหมาป่าตัวนี้ อย่างแน่นอน โลกิ คิดการใหญ่ไปต่างๆนานา แค่คิดว่าได้ครอบครองหมาป่าตัวนี้แม้แต่การ
พิชิตศาสนจักรเพื่อแก้แค้นสิ่งที่พวกนั้นทำไว้กับเขา ก็เป็นเรื่องไม่ยากเกินกำลัง เพียงเท่านั้นหัวใจของเขาก็สูบฉีดจนร้อนรุ่มไปหมดทั้งกายและใจ
“ อ…เอ่อ ซ…ซู…ซูเกอุก…. ”
ถ้อยคำการอ่านออกเสียงอักขระโบราณของ หมาป่าแดงเป็นไปอย่างยากลำบากและตะกุกตะกัก
จนโลกิ ถึงกับหลุดจากห้วงความคิดมามองดูด้วยสีหน้าฉงนไม่ต่างกัน
“ เอ่อ…อ่านไม่ออกอ่ะ ”(= =’)
คำตอบของหมาป่าแดง ทำเอา โลกิ เข่าอ่อนจนเกือบล้มทั้งยืน จากการที่ร่ายอักขระเวทย์ออกมาเนิ่นนาน
จนในที่สุดดวงไฟมานา ที่จุดไว้บนมือก็ดับลง อักขระถึงได้จางหายไป
/สงสัยว่าหมอนี่จะเลียนแบบได้แต่ลักษณะของเทคนิคเท่านั้นแต่ขั้นตอนบางอย่างที่ถูกใส่ลงไปในเทคนิคนั้นๆก็ยังขึ้นกับตัวคนใช้อยู่ดีสินะ เวทย์อักขระจะใช้มานาอัญเชิญบทคาถามาแล้วจากนั้นค่อยให้ผู้ร่ายอ่านมันเพื่อสวดคาถาอีกที ถ้าไม่มีความเข้าใจเรื่องตัวอักขระพวกนั้นก็อ่านไม่ได้อยู่ดี/
บทสรุปการวิเคราะห์พลังของหมาป่าแดง ถูกประมวลออกมาอย่างรวดเร็วภายในสมองของ โลกิ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเล็งเห็นประโยชน์จากความสามารถของหมาป่าตัวนี้ไม่น้อยไปกว่าเดิมอยู่ดี
และอยากที่จะได้มาเป็นพวกร่วมขบวนการ สำหรับแผนงานใหญ่ของเขา
“ ตัดสินใจแล้ว เรจิ นายน่ะมาเป็นของๆฉันซะ ”
โลกิ สั่งน้ำเสียงจริงจัง พลางฉุดลากหมาป่าแดง เข้ามาหา โดยที่เจ้าตัวไม่ทันจะขัดขืนหรือตอบโต้อะไร
กลับ ก็มีกลุ่มหางชุดใหม่ ตามเข้ามาในสนามอีกเป็น พวกของ ทอลที่ไล่ตามแมลงสิงโตมานั่นเอง
“ โอ้โห หนีมาถึงนี่เชียวแถมดูเหมือนจะมีคนจัดการให้เรียบร้อยไปแล้วล่ะ ”
ซาจิทาเรียส เปรยหลังจากเห็นซากไหม้เกรียมของ แมลงสิงโตที่พวกเขาไล่ตามมา
“ เรจิ !! ถอยออกมา!! ”
เสียงตะคอกของ ทอล ดึงความสนใจของเขา หันมาทางทิศที่ โลกิ กับ เรจิ ยืนอยู่พอดี
“ นั่นมัน…โลกิ.. ” ซาจิทาเรียส พูดทันทีที่เห็นร่างของ ลิงขนสีแดง สมองก็ได้ประมวลผลต่างๆออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องที่ลิงตัวนั้น คือน้องชายของทอล และเรื่องที่เขานั้นเป็นศัตรูที่ถูกเนรเทศจากอาณาจักรแห่งนี้
“ ชิ..พวกตัวยุ่งดันมาสอดซะได้ ”
โลกิ สบถก่อนจะผลักตัว เรจิ ทิ้งแล้วดีดนิ้วขึ้นหนึ่งเปราะ เกิดควันสีขาวพวยพุ่งตลบอบอวลในอากาศ
และเมื่อมันจางออกไปแล้ว จึงปรากฏภูตรับใช้ของเขา มิเกะมิเกะ
“ ไร้รูปไม่ไร้ตนเจ้าจงแปรเปลี่ยนไปดั่งใจข้า……….”
แขนทั้งสองย่อลงหงายมือขึ้นเสมอช่วงอก ทันทีที่ โลกิ เริ่มร่ายมน มิเกะมิเกะ ที่เรียกมาก็ได้บินวนไปรอบๆเจ้านายของมันเพื่อทำการป้องกันให้
“ ยิงธนูคุมขังซะ ซาจิทาเรียส ข้าจะเข้าไปเชือดมันเอง! ”
แชร์คาน สั่งเสียงกร้าวพร้อมกับคว้ามีดคู่ใจนางแล้วพุ่งตัวออกไปทันที มือธนูกิ้งก่า เปิดซองลูกดอกพร้อมกับหยิบเอา ลูกธนูที่มีอยู่ในซองทั้งหมดออกมาประทับลงบนคันศร แล้วยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ลูกธนู ทั้งหมดพุ่งลงมาปักลงล้อมรอบตัว โลกิ จนกลายเป็นรั้วธนูขังตัวเขาเอาไว้
==================Needle Prison================
แชร์คาน กระโดดข้ามรั้วลูกศร เข้าไปและยกมีดขึ้นเตรียมจะปลิดชีวิต ลิงตรงหน้า
มีดสั้นของนางแทงลงไปอย่างรวดเร็วโดยมีเป้าที่ศรีษะกะให้ถึงตายในครั้งเดียว ทว่า โลกิ กลับโยก
ศรีษะหลบการโจมตีไปได้อย่างง่ายๆ โดยไม่เสียจังหวะการร่ายเวทย์
/ ..ต่อไปก็ชัดมีดกลับให้ใบมีดหันคมมาทางขวาสินะ… /
แชร์คาน ชักมือข้างที่ถือมีดซึ่งแทงพลาดไปกลับอย่างรวดเร็วโดยหันคมมีดไปทางขวา หมายจะให้การชักกลับนี้สร้างบาดแผลจากด้านหลัง ทว่า โลกิ ก็ก้มหัวหลบมันได้อีกครั้ง
/….จากนั้นก็หมุนตัวระหว่างนั้นจะตวัดขาขวาขึ้นมาเตะให้ล้มแล้วกระโดดแทงมีดลงมาจากข้างบน…./
แชร์คานเพิ่มความเร็วในการบุกขึ้นไปอีก นางหมุนตัวยกขาข้างขวาขึ้นตวัดเตะแบบจระเข้ฟาดหาง
แต่โลกิ ก็เพียงแอ่นหลังหงายตัวหลบมัน ทันทีที่เท้าแตะพื้นนางก็ถีบตัวกระโดดขึ้นไปสูงหันคมมีดลงหมายจะแทงลงไปไม่ให้ทันตั้งตัว โลกิ กลับเดินถอยห่างออกไปจากรัศมีการโจมตีได้อย่างสบายๆ มีดของเธอทิ่มจมลงไปกับพื้นสนามแทน ด้วยความสงสัย ทั้งที่รอบตัวเธอกับเขา
มีรั้วกรงที่ซาจิทาเรียส สร้างล้อมเอาไว้อยู่แล้วเหตุใด ลิงมันถึงได้เดินหนีออกไปอย่างง่ายดายและแล้วความจริงก็ปรากฏ เธอใช้เวลานานเกินไปในการสังหาร รั้วกรงที่เกิดจากลูกธนู ถูก มิเกะมิเกะ พุ่งชนจนหัก
กระจุยไปหมดแล้ว การหลบหลีกอันน่าอัศจรรย์ทั้งที่ยังบริกรรมคาถาอยู่นั้น สร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่าผู้ชมบนอัฒจันทร์ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรในสนาม ให้เป็นที่โจษจัน กันไปทั่ว
“ แชร์คาน ระวังตัวด้วยเจ้านั่นมันทำนายอนาคตได้ มันอ่านทางการโจมตีของเธอได้ทั้งหมดนะ ”
ซาจิทาเรียส เตือนแต่กระนั้นก็ตามที นางแมวสาวยังไม่อยากจะเชื่อ ว่าแค่เพียงทำนายการโจมตีของเธอได้
มันจะทำให้หลบการจู่โจมอันรวดเร็วของเธอทันได้ทั้งหมดเลยงั้นหรือ โดยหลักการแล้วกว่าที่จะคาดคะเน
การจู่โจมของคู่ต่อสู้กว่าที่ผลลัพธ์จะถูกประมวลผลกว่าที่หนทางแก้ต่างจะออกมากว่าที่สมองจะสั่งการไปยังร่างกาย ทั้งหมดนั้นล้วนต้องใช้เวลากี่วินาทีกัน แต่ ลิงตรงหน้าเธอกลับทำมันได้ในเสี้ยววินาที ราวกับว่าเขามีดวงตาที่มองเห็นอนาคตได้อย่างไงอย่างงั้น
“ …..จงมาเป็นศาสตราให้ข้าได้ทำลายและปกป้อง…. ”
การบริกรรมคาถาของ โลกิ ได้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว มือทั้งสองรวบดวงไฟมานาเข้าด้วยกันแล้วทิ้งมันลงบนสู่พื้น เมื่อดวงไฟสัมผัสกับพื้นมันได้แผ่ขยายออกกลายเป็นเปลวไฟลุกลามไปตามพื้นสนามเผาไหม้จนสนามแทบจะกลายเป็นทะเลเพลิง ทอล และ พรรคพวกพากันยกแขนขึ้นมาป้องกันใบหน้าของตนจากสะเก็ดไฟที่กระเด็นมา
“ ออกมา ฟีนิกซ์! ”
สิ้นคำ เปลวไฟทั่วทั้งสนามก็ได้วิ่งมารวมกันที่จุดเดียวแล้วก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ปีกใหญ่สีแดงสดสยายออกขนนกซึ่งลุกโชติช่วงด้วยไฟอมตะ ที่จักไม่มีวันดับสูญ วิหกเพลิงอมตะ ผู้เกิดและดับสูญจากขี้เถ้า
สาวกผู้เข็มแข็งภายใต้สังกัดเทพแห่งไฟมูราดิน
==============Phoenix==============
วิหกเพลิง บินเข้าไปเกาะไหล่ของผู้เป็นนายแล้วจึงยกหิ้วร่างของเขาโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ ไว้คราวหน้าฉันจะมารับหมาป่าตัวนั้นไป แล้วตอนนั้นฉันจะเป็นคนโค่นพวกแกเองเหล่า
อัศวินแห่งศาสนจักร….. ”
โลกิ ทิ้งคำพูดประกาศความเป็นศัตรูกับพวกเขาเอาไว้ก่อนจะบินหายลับไป
“ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ ทำไมถึงบอกว่าต้องการตัว เรจิมมี่ ล่ะน่อ? ”
ซาจิทาเรียส เปรยด้วยความสงสัยก่อนจะละสายตาจากท้องฟ้าที่ โลกิบินหายไปกลับมาสู่สนาม
แชร์คาน นั่งซึมและนิ่งเงียบไปทันทีหลังจากประมือกับ โลกิ นางแสดงสีหน้าออกมาชัดเจนความช็อคอันเกิดจากความพ่ายแพ้ต่อปฏิธานในการเป็นมือสังหารของนาง ที่ไม่อาจเก็บเป้าหมายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวซ้ำร้ายนางไม่สามารถแตะต้องตัว มันได้เลย นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักเพราะ แชร์คาน พึ่งจะได้ประมือกับโลกิเป็นครั้งแรก เธอไม่เคยเจอกับจอมอัจฉริยะ แบบนั้นมาก่อน อัจฉริยะที่กลายเป็นปีศาจอย่างโลกิ
ด้านทอล ผู้เป็นพี่ชายของ โลกิ ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก กับอาการที่แสดงเมื่อได้เห็นน้องชายที่จากหน้ากันไปนานกลับมาในฐานะของ ศัตรูเช่นนี้ ก็ตกอยู่ห้วงภวังค์ไปอีกตัว
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสนามก็เกิดความอลหม่าน ทั้งการสะสางเรื่องการบุกรุกของแมลงสิงโต และ บุคคลอันตรายอย่างโลกิ ลงแข่งขันในสนาม เป็นผลให้การต่อสู้ของคู่ที่เหลือทั้งหมดต้องหยุดชะงักไปในวันนี้
ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนั้นเอง ดวงตาสีเทาของ เซอร์ คามิโอ บุรุษอีกาสูทขาว ได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดลงสู่สมองของเขาแล้ว ก่อนจะเบือนสายตาจากสนามไปยัง เสาค้ำหลังคาอัฒจันทร์ทางฝั่งตรงกันข้าม
ที่นั่นเขาแลเห็น เด็กหนุ่มคนหนึ่งหรือเซเวอร์ กำลังยืนดูเหตุการณ์ในสนาม บุรุษอีกา คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขา
ก่อนจะเปรยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ กระผมละอยากจะรู้จริงๆเลยว่าจุดสิ้นสุด Apocalypse ของคุณกับ Genesisของผมที่เปิดโหมโรงไปแล้วอย่างไหนจะมาถึงก่อนกันนะ เป็นการเดิมพันที่น่าสนุกจริงๆ ฮิๆๆๆ ”
…………………………………………………………………
…………………………………………
หลังจากสะสางเรื่องทั้งหมดของโคลอสเซียมลงแล้ว ทอล ซาจิเรียส และ แชร์คาน จึงพาตัว เรจิ ที่สอบปากคำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยออกจากสนาม
“ ลูกพี่!!! ”
เสียงร้องตะโกนน้ำเสียงฟังดูลิงโลดด้วยความดีใจ ลอยมาเข้าหูพวกเขาพร้อมกับ คอย์น ที่โผเข้ามา
กอดคอ เรจิ เอาไว้พลางใช้มือขยี้หัวเขาอย่างเอ็นดู
“ ขอบคุณนะค้าบบบลูกพี่ แพราะลูกพี่แท้ๆผมเลยชนะพนันได้เงินก้อนโตเลย เดี๋ยวจะเอาไปขึ้นรางวัลนะแล้วลูกพี่อยากได้อะไรบอกมาเลยเด่วผมซื้อห้ายยยยยยย ”
ขณะที่ แมวหนุ่มทำตัวเป็นอาเสี่ยเงินถังด้วยความคึกคะนองอยู่นั้น มือของเขาก็ถูก ปัดออกไปก่อนที่คอเสื้อจะถูกกระชาก ลงมาด้วยมือของ หมาป่าแดง
“ เรจิ ไม่สนุกนะ..นั่นไม่ใช่การเล่นซะหน่อยเป็นการลงโทษต่างหาก… ”
หมาป่าแดง พูดพลางจ้องเขาปานจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาเพื่อนๆอีกสามตัวถึงกับสะดุ้งไปด้วยที่ได้เห็น
เรจิ ฟิวขาดแบบนี้
“ เห?...ลงโทษ?? ” คอย์น เปรยด้วยความฉงน
“ ใช่! ลงโทษ..ถ้าเซเวอร์โกรธ เรจิ ก็จะลงโทษ เรจิ แบบนั้น เพราะคอย์น เป็นเพื่อน เรจิจะไม่ลงโทษคอย์น แต่อย่ามาหลอกกันอีกนะ ”
หมาป่าแดง ตะคอกใส่จบก็ปล่อยคอเสื้อของแมวหนุ่มออก ก่อนจะวิ่งหนีไปทิ้งความสงสัยไว้ให้กับ เขาเอาไปขบคิดต่อเอาเอง
“ เฮ้ๆที่ว่าลงโทษเนี่ยคงไม่ใช่หมายถึง เจ้ากฏแพ้ถูกจับกดของโคลอสเซียมนี่หรอกนะ ”(= =’)
การสันนิษฐานของซาจิทาเรียส ดูจะเข้าเค้าที่สุด
“ ว่าไปก็อาจจะจริงนะเพราะตอนที่หมาป่าตัวแรกของทีมโดนเชือดให้ดู ก็เริ่มเอาจริงแบบสุดๆไปเลย แต่ว่าสรุปแล้วโกรธเพราะเรื่องนี้เองหรอกเหรอ? ยังกะเด็กๆเลยแหะลูกพี่เนี่ย ”
คอย์น เปรยพลางเกาหัว ไปด้วย
“ แงะ…ฉันว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นนา ปัญหาคือเจ้าลิงไม่มีหางนั่นลงโทษอะไรได้ชวนสยิวกิ้วกับเรจิมมี่ ขนาดนั้นกันล่ะเนี่ย โกรธได้ขนาดนี้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ….หยึย ”
ระหว่างที่ ซาจิทาเรียส กำลังพล่ามอยู่นี่เอง ก็มีจิตสังหารอันแรงกล้าที่แผ่ออกมาจนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ ก่อนจะรีบจูงมือทอล ที่ยังซึมๆอยู่แล้ววิ่งออกไปด้วยกัน
“ งั้นพวกฉันไปกินบานาน่าซันเดย์ ที่ร้านจาม่อนก่อนนะ บ๊ายบายขอให้โชคดีสำลีแปะหัวละกันน่อ~~~~ ”
หลังจากพูดร่ำลาแบบเร่งรัดเสร็จ ซาจิทาเรียส ก็ ลากตัวทอลวิ่งหนีหายลับไปในทันที
ทิ้งให้ คอย์น ยืนเกาหัวอย่าง งงๆ
“ อะไรของพวกมันฟระมีแต่คนหนีฉันกันหมด ฮึ่มคอยดูเถอะเดี๋ยวเอาตั่วรางวัลไปขึ้นเงินเสร็จต่อให้พวกนายมาก้มหัวให้ฉันก็ไม่สนหรอกนะ ”
แมวหนุ่ม ชูตั๋วพนันที่ของตนพร้อมกับวางท่าหยิ่งๆ โดยไม่ทันสังเกตุข้างหลัง มารร้ายที่พร้อมจะเอาชีวิตของเขาไปได้ทุกเมื่อได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว
“ คอย์น…… ”
เอื้อก!~~
เสียงอันน่าสยดสยองเรียกชื่อของเขา ชวนให้สันหลังเย็นวาบขึ้นมากระทันหันทั้งที่อากาศร้อนจนเหงื่อแตกเจ้าตัวกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพื่อทำใจหันกลับไปมอง นรกบนดินของเขา แชร์คาน นางกำลังโกรธจนตัวสั่นระริก ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง กำลังลอยขึ้นในอากาศราวกับเธอกลั่นมานา มายกมันขึ้นก็ไม่ปาน
“ งานการไม่ทำ….โดดภาระกิจ หนีมาเล่นพนัน….วันนี้ถ้าไม่ได้เอาเลือดนายมาล้างอายแล้วล่ะก็ อย่าเรียกฉันว่ามือสังหารอีกเล้ยยยย ”
“ จ๊ากกกกกกกกกกกกก เก๊าขอโต๊ดดดด!!!!! อย่าทำเก๊าน้า~~~~ ” (0[]0 llll)
“ ฉันจะฆ่านายแล้วเป็นผู้กล้าเองงงงง มาให้ฉันจ้วงซะดีๆ!!!! แฮ่~~~ ”
และแล้วทั้งคู่ก็ไล่ล่ากันไปสุดขอบฟ้า ส่วนตั๋วรางวัลน่ะหรือ เนื่องจากไม่ได้เอาไปขึ้นเงินในวันนั้นตามกำหนดก็เสียสิทธิไปนะจ๊ะ แฮ่เจ้ามือกินเรียบ (^_^’)
……………………………………………………………
……………………………………………..
…………………………
ณ ตำหนักเทพเงา
มอการ์น่า กำลังต้อนรับการกลับมาของ โลกิ ในยามราตรีซึ่งได้ขี่ สีหมอก กลับมานั่นเอง
“ ยิ้มแบบนั้นไปเจออะไรมารึปล่าว? ”
มอการ์น่า ถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็น โลกิ ยิ้มไม่ยอมหุบหลังจากมาถึงตำหนักเทพแล้ว
“ ฉันไปเจอมาน่ะสิ เงาที่จะกลืนกินแสงสว่างทั้งหมดได้ เชื่อเถอะถ้าเธอได้เห็นมันล่ะก็ต้องพูดแบบเดียวกับฉันแน่ ลองคิดดูสิถ้าเราเลี้ยงให้มันเป็นทหารแห่งความมืดได้ล่ะก็ จะใช้เป็นอาวุธทำลายล้างพวกศาสนจักรได้อย่างดีเลยทีเดียว ”
โลกิ พูดไม่หยุดกับเรื่องที่เขาไปเจอมาวันนี้ แผนการณ์มากมาย ถูกสร้างขึ้นในสมองของเขานับไม่ถ้วน
สารพัดวิธีที่จะพาตัวเรจิ มาเป็นสมุนของพวกเขา เพื่อให้เป็นอาวุธของลัทธิเงาแห่งนี้
“ แหมๆ ฟังดูน่าสนุกดีนี่ขรับ จะให้กระผมได้ส่วนร่วมในแผนการณ์ด้วยซักกะหน่อยจะได้ไหมขรับ? ”
ถ้อยคำหวานๆแต่น้ำเสียงแหบแห้ง ลอยมาพร้อมกับการมาถึงของ บุรุษอีกาสูทขาว เซอร์ คามิโอ กินนัมกาแกป นั่นเอง
“ จริงสิ คามิโอ วันนี้แกก็อยู่ด้วยนี่นะ ไอการประลองบ้าๆนั่นฝีมือแกใช่ไหม? ”
โลกิ หันไปถาม
“ แหมๆก็ออกจะเป็นความบันเทิงที่สุดจะโมเดิลของยุคนี้เลยไม่ใช่รึไงขรับ กระผมเองก็เห็นคุณท่าทางสนุกกับมันดีนี่นะ ”
เซอร์ คามิโอ หยอกกลับ
“ เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แล้วแกคิดยังไงกับเจ้านั่น เรจิ น่ะ… ”
“ อ๋อ….ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็ผมพอจะมีข้อมูลของเขาอยู่น่ะขรับ สนใจไหมเอ่ย? ”
เซอร์ คามิโอ เสนอตัวทันทีพร้อมกับดึงหมวกทรงสูงของตนลงมาแล้วหยิบเอเอกสารในหมวกออกมาเหมือนเล่นกล ส่งให้กับ โลกิ
“ ดีถ้างั้นแกก็มาช่วยวางแผนด้วยกันซะเลย ถ้าได้ตัวมันมาไว้ในครอบครองล่ะก็ ชัยชนะก็อยู่อีกไม่ไกล ”
*****************************โปรดติดตามตอนต่อไป******************************
ความคิดเห็น