คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : Chapter 30.5 :Mana/Myth Tailogy Special 2
Mana/Myth Tailogy Special 2
พบกันอีกครั้งกับบทพิเศษแจกแจงรายละเอียดในเนื้อเรื่องนะขอร้าบ แหะๆเว้นช่วงมาซะนานครั้งก่อนแทรกอยู่ช่วงตอนที่8 กับ ตอนที่ 9 มาอีกทีปาเข้าไปจะ 30 ตอนแล้วในเนื้อเรื่องก็มีคำศัพท์ใหม่ๆ ท่าใหม่ๆ ศัตรูใหม่ๆออกมากันเพียบ เลยทำให้เกิดบทพิเศษนี้ขึ้นมาอีกรอบเพื่อแจกแจงให้ทราบโดยทั่วกันว่าแต่ละอย่างคืออะไรและมีที่มาอย่างไร รวมถึงในครั้งนี้พวกรายละเอียดพลังอะไรต่างๆจะมีสปอยของตอนต่อๆไปแทรกมาด้วยแต่ไม่เยอะขนาดทำให้รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น (เว้นแต่ท่านจะอ่านแล้วสังเคราะห์เป็นเรื่องราวออกมาได้ล่ะนะ) เอาล่ะไปดูกันเลยดีกว่าครับ
Saver เซเวอร์
เพศ: ชาย | อายุ: ไม่ทราบ |ส่วนสูง : 170 | น้ำหนัก : 48 |
ครอบครัว : น้องสาว 1 คน
ความชำนาญการรบแยกตามพื้นที่
บนอวกาศ : S | บนท้องฟ้า : S | บนพื้นดิน : A | ใต้น้ำ : S | ใต้ดิน : C
อาวุธประจำตัว :
-ก่อนปลดล็อกกัลกยาวตาร : ดาบฟ้าฟื้น
-หลังปลดล็อกกัลกยาวตาร :ดาบฟ้าฟื้น | มีดลิ้นนาคา | ดาบธรรมะ | ปีกแห่งวินายักกะ(จ้าวแห่งครุฑ)
Skill ประจำตัว: (ก่อนปลดล็อกกัลกยาวตาร)
- High Ancient Magic ขวานอัสนีบาต [รวบรวมประจุไฟฟ้าบนชั้นบรรยากาศยิงเป็นลำแสงใช้ได้เฉพาะบนพื้นผิวโลก Base Damage:4000]
- High Ancient Magic เทพสุริยาทรงกลด [สร้างมวลพลังงานแสงสว่างที่มีความร้อนเทียบเท่าความร้อนของดวงอาทิตย์ Base Damage: 3000 ต่อวินาที ระยะเวลา Skill ใช้ได้เรื่อยๆจนกว่า MP,SP จะหมดโดยกิน MP และ SP 5 ต่อวินาที ]
- Celestial Splitter(แยกนภา) [เมื่อชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับ ฟ้าฟื้นจนเต็มจะปลดปล่อยการโจมตีแบบพิเศษทำให้ทุกสิ่งที่ถูกท่านี้ฟันจะถูกทำลาย เงื่อนไขคือการโจมตีนี้จะปล่อยออกไปทางทิศข้างบนเท่านั้น Base Damage: Infinity ไม่สามารถวัดได้]
- 10 Avatar Ability [ความสามารถ 10 อย่างอ่านรายละเอียดข้างล่าง]
Skill ที่ได้เพิ่มหลังปลดล็อกกัลกยาวตาร:
- วินายักกะแผลงสุบรรณ [ขนปีกจะกลายเป็นดาบแล้วยิงออกไป สามารถยิงโจมตีได้สูงที่สุด 10เล่มต่อวินาที ให้ผล Art Cancel(ยกเลิกท่าโจมตีของศัตรู) Base Damage: 500 ต่อHit ที่โดน]
- ธรรมะ [ดาบธรรมมะจะยืดข้อต่อ ออกไปโจมตีคล้ายแส้ ข้อต่อแต่ละข้อจะหมุนเกลียวและสร้างพลังฉีกมิติโดยรอบ Base Damage: 7000 ต่อวินาที ระยะเวลาSkill ไม่จำกัด และไม่ใช้ MPและSP ในการใช้Skill ความรุนแรงของSkill จะลดลงตามระยะห่างที่โดน Effect Damage(เป็นDamage สีม่วงเหมือน Dark Edge)]
- सत्य युग(Sanskrit: Satya Yuga สัตยายุค)[ท่าโจมตีสวนกลับ โดยจะหักล้างการโจมตีและย้อนกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่ความเสียหาย สถานะต่างๆกลับไปเหมือนตอนที่ประกาศใช้สัตยายุค แล้วโจมตีด้วยพลังที่หักล้างความเป็นจริงได้ Base Damage: Unknown เป็นท่าโจมตีระดับต่อต้านจักรวาล(โจมตีระดับFicพังได้)]
ความเป็นมา : สมัยที่ยังมีชีวิต เป็นมนุษย์ที่ได้รับการยืนยันว่าเป็น GX หรือ Generation Next(รุ่นถัดไป)
ชื่อเดิมคือ อัลแตร์ เดเน็บ อาศัยอยู่กับน้องสาวอีก1คน ชื่อ เวกะ เดเน็บ เนื่องจากเป็น GX ที่มีพลังมากเกินไปทำให้ร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถช่วยตัวเองได้ อดีตในส่วนนี้ยังคงเป็นปริศนา ปัจจุบันกลายเป็น
เซเวอร์ที่เรียกขานว่า กัลกี
ครั้งก่อนได้มีการ อธิบายความสามารถของ Avatart Ability กันไปแล้ว 5 อย่างด้วยกัน ซึ่งในเนื้อเรื่อง
เซเวอร์ก็ได้บอกออกมาแล้วว่าเขานั้นมีความสามารถ 10 อย่างด้วยกัน แปลว่าเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่ยังไม่ได้แสดงออกมา แต่ว่ากันตามตรงแล้ว ครั้งก่อนที่บอกไป 5 อวตาร มีอยู่อวตารหนึ่งที่ยังไม่ได้ใช้ หรือยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมคือ กัลกยาวตาร कल्कि(Kalki) ส่วนที่เหลือ Kurma(โล่อากาศ) Vamana(ก้าวพริบตา+วาร์ประยะไกล) Varaha(แยกแผ่นดิน+ยกพื้นดินขึ้น) Rama(สะท้อนคำสาปและสถานะผิดปกติกลับไปหาผู้ใช้+เพิ่มทักษะการต่อสู้พื้นฐาน) ก็ได้ใช้ออกมาให้เห็นในเนื้อเรื่องหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลืออีก 6 อวตาร
ด้านล่างนี้ไปคือ สเกลพลังAvatar Abilityของ เซเวอร์ที่ได้ทำการกำหนดเอาไว้ และจะเขียนอธิบายว่าปรากฏในเนื้อเรื่องตอนไหนไว้ใน [] นะครับ อนึ่ง Active คือต้องสั่งใช้งาน ส่วน Passive คือใช้งานตลอดเวลานะครับ
อนึ่ง ชื่ออวตารทั้งหมดนี้มาจาก พระนารายณ์อวตารทั้งสิ้นครับ
ปางที่ 1 มัตสยาวตาร Matsya(Sanskrit: मत्स्य): เดินบนน้ำและสู้รบใต้น้ำได้อย่างเชี่ยวชาญ เรียกใช้ควบคุม Ewinir ได้ผ่านทาง มีดลิ้นนาคา
[ความสามารถนี้เป็นแบบ Passive ทำให้เซเวอร์ สามารถหายใจและปรับสภาพอยู่ใต้ทะเลลึกได้ ความสามารถนี้ถูกใช้ในตอนที่ 28 ซึ่งเฟิสเทลเอายาปรับสภาพสำหรับอยู่ใต้ทะเลมาให้พวกผู้กล้าแต่ไม่ให้เซเวอร์เพราะมีอวตารนี้คอยช่วยอยู่แล้ว ความสามารถนี้ประยุกต์ใช้ในอวกาศได้ด้วย นอกจากนี้ความสามารถนี้ยังใช้แบบ Active เรียกบอสมังกรดันเจี้ยนโจรสลัดมาช่วยต่อสู้ได้ด้วยโดยจะใช้อาวุธมีดขลุ่ยเป่าเพื่อเรียก *o*]
ปางที่ 2 กุรมาวตาร ทาน Kurma (Sanskrit: कुर्म): เกราะป้องกันไร้เทียมทาน
[เป็นความสามารถแบบ Active ด้วยความสามารถนี้เซเวอร์สามารถสร้างบาเรียป้องกันที่มองไม่เห็นขึ้นรอบตัวได้โดยทำให้อากาศแข็งตัว และยังสามารถเร่งเต็มกำลังเพื่อสร้างโล่เพชร7อันที่มีพลังป้องกันสูงสุดเพื่อช่วยป้องกันเฉพาะจุดได้อีกด้วย ความสามารถนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในตอนที่ 7 โดยสร้างกำแพงอากาศขึ้นมาปิดกั้นการสนทนาระหว่างโอดินกับทอล ไม่ให้แชร์คานที่มาสืบได้ยินการสนทนา และ เร่งเต็มกำลังเรียกโล่เพชรมาใช้ในตอนที่ 27 เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยเลือดของทอล ]
ปางที่ 3 วราหาวตาร Varaha (Sanskrit: वराह) : อำนาจพลิกผืนดินหรือยกแผ่นดินขึ้น
[ความสามารถนี้เป็นแบบ Active ใช้ขับเคลื่อนพื้นผิวโลกได้ ถ้าเร่งเต็มกำลังสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7 ริกเตอร์ ได้เลยทีเดียว ส่วนมากเซเวอร์ใช้เพื่อเปิดคอมโบกับท่า Celestial Splitter ที่ฟันได้แต่ของที่อยู่ข้างบนโดยยกพื้นส่งศัตรูขึ้นไปให้อยู่สูงกว่าตัวเองแล้วฟันทิ้งซะ ความสามารถนี้ใช้เป็นครั้งแรกในตอนที่ 6 โดยใช้แยกแผ่นดินเพื่อหวังเก็บคามิโอ กับลัทธิเงาที่บุกมาโจมตี ]
ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร Narasimha(Sanskrit: नरसिंह) : ตัวตนไม่อยู่ในสังกัดใดของสัตว์ และ มนุษย์ การโจมตีไม่นับเป็นอาวุธ
[ความสามารถนี้เป็น Passive คือทำให้เซเวอร์ มีสถานะคล้ายกับสัตว์หางคือมนุษย์ก็ไม่ใช่ สัตว์ก็ไม่ใช่นั่นเอง ความสามารถนี้โดยหลักแล้วเอาไว้ป้องกันผลกระทบจากมานาที่จะเป็นพิษต่อมนุษย์ นอกจากนั้นความสามารถนี้ยังทำให้การโจมตีของเซเวอร์ เป็นแบบคริติคอลตลอดเวลา และไม่สามารถป้องกันดาเมจได้อีกด้วย แต่ยังหลบได้อยู่โดยส่วนนี้ดัดแปลงจากเนื้อเรื่องของ นรสิงห์ ที่ฆ่ายักษ์หิรัณยกศิปุ ซึ่งมีความสามารถเป็นอมตะทั้งกลางวันกลางคืน ในบ้านนอกบ้าน ไม่รับดาเมจจากทั้งคนทั้งสัตว์ และอาวุธกับมือเปล่าไม่สามารถใช้ได้ผล เลยต้องจับฆ่าที่กึ่งกลางบานประตูเพราะไม่ใช่ทั้งในบ้านและนอก ในเวลาโพล้เพล้เพราะไม่ใช่ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยใช้กรงเล็บซึ่งไม่ใช่อาวุธและมือเปล่า
ส่วนตัวนรสิงห์เป็นสัตว์หางงับไม่ใช่ทั้งคนและสัตว์(ว่าไปนั่นมันเป็นอมนุษย์ไม่ใช่เรอะ =[]=!) จึงสามารถฆ่าเจ้ายักษ์เกรียนใช้โปร ตนนี้ได้ ด้วยการโจมตีติดคริติคอล นั่นเอง ทำให้เซเวอร์โจมตีติดคริติคอลตลอดเวลาครับ แหม่ความสามารถนิดเดียวเขียนซะยาว]
ปางที่ 5 วามนาวตาร Vamana (Devanagari: वामन): "ตรีวิกรม" เพียงสามย่างก้าวไปได้ทั้งจักรวาล
[เป็นความสามารถแบบ Active ที่ใช้บ่อยที่สุดและใช้ออกมาครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่ 1 เลย โดยใช้วาร์ปไปตำหนักเทพเงาเซร่า นั่นเอง คำว่าตรีวิกรมหมายถึงการก้าวสามย่างนั่นเอง ความสามารถนี้จะใช้ได้ถ้าเซเวอร์สามารถนึกภาพของสถานที่จะไปได้อย่างชัดเจนดังนั้นในการเคลื่อนย้ายระยะไกลสถานที่แห่งนั้นควรจะเป็นที่ๆเขาเคยเห็นมาก่อน อย่างตำหนักเทพเงา หรือ เมืองแสง ส่วนสถานที่อย่างแผลแห่งโลกจากตอนที่15 นั้น เซเวอร์ไปได้สุดแค่ปากเหวเท่านั้นเลยต้องเดินลงไปสำรวจข้างล่างเอง เพราะข้างล่างเหวเขายังไม่เคยไปมาก่อนและไม่รู้ว่าเป็นสถานที่แบบไหนจึงไม่สามรถใช้ความสามารถนี้วาร์ปไปได้
นอกจากการไปยังที่ๆเคยไปมาก่อนแล้วความสามารถนี้ ยังใช้ตามหาคนได้ด้วย โดยนึกหน้าคนที่เราอยากจะไปหาก็จะวาร์ปไปหาคนนั้นเลย ซึ่งการใช้แบบนี้นั้นปรากฏในตอนที่ 26 ที่วาร์ปมาช่วยเรจิ ในพีรามิดออฟดาร์คเนสของมาโอห์ ถึงแม้ว่าเซเวอร์จะไม่เคยเข้าไปในพีรามิดออฟดาร์คเนสมาก่อนเลยก็สามารถวาร์ปไปได้ เพราะกำหนดเป้าหมายไว้ที่เรจิ น่ะเอง ยังไงก็ตามความสามารถต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากทำให้ ไม่สะดวกที่จะเอาใช้ในการต่อสู้ที่เน้นความรวดเร็วเพราะฉะนั้นเรื่องที่คิดจะวาร์ปหลบนี่เลิกคิดไปได้เลย]
ปางที่ 6 ปรศุรามาวตาร Parashurama (Sanskrit: परशुराम): ทำให้มีฉายามือปราบทรราชTyrant Buster
สามารถหักล้างกฎเกณฑ์ได้หนึ่งรูปแบบ ความสามารถนี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียว
[ความสามารถนี้เป็นแบบ Active และไม่ค่อยจะมีประโยชน์ในด้านรูปธรรมเท่าไหร่นัก ถ้าจะอธิบายว่ามันใช้ยังไง ต้องบอกว่า ความสามารถนี้เก็บไว้ใช้กับทอลครับ เพราะตอนนี้เซเวอร์อยู่ในสถานะที่ไม่สามารถฆ่าทอลได้ ที่จริงแค่จะทำความเสียหายเกิน 2,000 ดาเมจ ใส่ทอลยังไม่ได้เบย=w= (เวทย์ขวานอัสนีบาตร Base Damageอยู่ที่ 4,000 เลยวืดไปนั่นเอง) โดยเซเวอร์จะใช้ความสามารถนี้หักล้างกฎเกณฑ์ได้หนึ่งข้อ เช่นทำให้ข้อบังคับที่โจมตีใส่ทอลได้ ไม่เกิน 2000 ดาเมจ หายไปเป็นต้น อ่อความสามารถนี้ให้ผลแบบ Passive ด้วยอย่างหนึ่งคือหากโจมตีใส่ศัตรูที่มีสถานะเป็น ทรราช
เช่นกษัตริยา จะสร้างความเสียหายให้ 2 เท่า]
ปางที่ 7 รามาวตาร Rama (Sanskrit:राम ) :หรือ รามจันทราวตาร ทักษะการยุทธ์ระดับกษัตริย์ และ บารมีสะท้อนคำสาป[ Chalisma อนันต์ จาก อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางอัปสร หรือ นางฟ้าผู้เลอโฉม) เพื่อหลอกล่อเหล่าอสูร เพื่อให้เหล่าเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤตที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร )]
[ความสามารถนี้ให้ผลแบบ Passive คือเพิ่มค่า Cha ของเซเวอร์เป็น Infinity และยังสะท้อนSkillที่สร้างสถานะผิดปกติทั้งหมดไปให้เจ้าของSkillด้วย นอกจากนี้ความสามารถนี้ช่วย เพิ่มBasic พวกท่าฟันดาบ พื้นฐานให้ด้วย(แบบBasic Skillแถวแรกของหมาป่าที่อัพแล้วฟันเพิ่ม1จังหวะ) โดยความสามารถนี้ปรากฏเป็นครั้งแรกตอนที่ 2 โดยใช้ย้อนคำสาปของ นัวร์และมอการ์น่า]
ปางที่ 8 กฤษณาวตาร Kṛṣṇa (Sanskrit: कृष्ण) เหตุผลที่ต้องปราบกลียุค เป็น สัตยายุค
[ความสามารถนี้ก็เป็น Passive เช่นกัน แต่ผลของความสามารถนี้สร้างมาเพื่อใช้กับเซเวอร์โดยเฉพาะ เป็นเหมือนคำสาปที่ทำให้เซเวอร์ ต้องทำการต่อสู้ในศึกอาโพคาลิปส์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอวตารนี้ อาโพคาลิปส์สร้างไว้เพื่อใช้ควบคุมเซเวอร์ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางนั่นเอง ส่วนที่ว่าปราบกลียุคเป็นสัตยุค นั้น คือ สำหรับมนุษย์แล้วยุคที่สัตว์หางครองโลกอยู่แบบนี้คือกลียุคน่ะเอง และสัตยายุค คือการทำให้มนุษย์กลับมาครองโลกอีกครั้ง]
ปางที่ 9 พุทธาวตาร Gautama Buddha ( Sanskrit: गौतम बुद्ध) มอบความสามารถตรัสรู้ในสรรพสิ่งและสามารถหาทางแก้ไขได้
[เป็นความสามารถแบบ กึ่ง Passive และ Active โดยความสามารถนี้จะใช้ได้คือต้องเคยโดนSkillหรือท่าของศัตรูมาก่อน แล้วจากนั้นหากสั่งใช้งานความสามารถนี้จะทำให้Skillหรือท่าที่เคยโดนไปแล้วใช้กับเซเวอร์ไม่ได้ผลอีกแต่ความสามารถนี้ก็แก้ได้ไม่หมดทุกอย่าง เช่นใช้กับทอลที่มีพลังเก้าบุตรไม่ได้แน่นอน ส่วนมากแล้วความสามารถนี้เอาไว้แก้ทางพวกสกิลสร้างสถานะที่ Rama สะท้อนไม่ได้ อย่างหยุดเวลาของคามิโอ เป็นต้น ใช้ความสามารถนี้ครั้งแรกตอนที่ 27 ]
ปางที่ 10 กัลกยาวตาร Kalki (Sanskrit: कल्कि):ทรงร่างราชันย์วีรชน เคียงคู่ดาบ"ธรรมะ"(Dharma)
[ความสามารถนี้คือ Ultimate Skill หรือเปรียบเป็น Final Move ของเซเวอร์นั่นเอง โดยความสามารถนี้ปัจจุบันถูกผนึกเอาไว้ เนื่องจากการต่อสู้กับทอลเมื่อ 8 ปีก่อน ทำให้เซเวอร์บาดเจ็บหนักจนถูกผนึกพลังบางส่วนเอาไว้และอยู่ในร่างกึ่งสมบูรณ์ ถ้าปลดผนึกความสามารถนี้ได้ เซเวอร์จะกลับไปอยู่ในร่างสมบูรณ์อีกครั้ง โดยจะมี Ultimate Weapon อย่าง ดาบธรรมะ ที่มีพลังทำลายล้างสเกลเกือบสูงสุดในเรื่องเป็นอาวุธประจำตัว ระดับพลังของมันน่ะเหรอ หักล้างความเป็นจริงได้เลยทีเดียวเชียว แต่ก็ยังไม่สามารถใช้กับ เกร กีก้าสเลฟที่เป็นตัวตนสูงสุดของเรื่องได้อยู่ดี แล้วก็ใช้กับอาโพคาลิปส์ไม่ได้ด้วย]
เพิ่มเติม ดาบธรรมะ จะมีAvatar Ability พ่วงติดมากับตัวดาบอีกอย่างคือ
มหิงสาวตาร อวตารเป็นมหิงสาเพื่อจัดการอสูรมหิงสาที่มาขวิดเขาพระสุเมรุ
[ ทำให้การโจมตีของท่า ธรรมะ ที่แผ่ออกไปนั้น มีพลังในการปะทะเหนือกว่าเสมอ จึงมิอาจมีสิ่งใดต้านทานการโจมตีนี้ได้ ให้ผลเมื่อเกิดการปะทะพลังของSkillกับธรรมะ แล้วแพ้Damage
ตัวธรรมะจะเพิ่ม Base Damageขึ้นไปจนเท่ากับSkill ที่ปะทะด้วยแล้วบวกอีก 1 จุดเพื่อให้ชนะพลัง อนึ่งความสามารถนี้หากอีกฝ่ายใช้ ธรรมะ ที่มีผลเหมือนกันมาจะเกิดเป็นLoop วนเพิ่มพลังกันจนจักรวาลสูญสิ้นเลยทีเดียว ภาวนาอย่าให้ เรจิ ก็อปปี้ท่านี้ได้นะไม่งั้นคนเขียนเหนื่อยงับไม่รู้จะพรรณนาพลังทำลายล้างระดับจักรวาลยังไงดี สงสัยต้องไปหากุเรนลากันต์มานั่งดูมั้งเนี่ย(ฮา)]
ก็จบกันไปแล้วนะครับสำหรับพลังของเซเวอร์(นี่สปอยหมดเปลือกเลยนะเนี่ย) ส่วนตัวจริงในอดีตของเซเวอร์นั้น
รอเฉลยในเรื่องนะคร้าบ ตอนนี้บอกได้แค่ชื่อกับมีน้องสาวคนหนึ่งและตัวเซเวอร์เคยเป็นคนที่ช่วยเลหือตัวเองไม่ได้
ต้องให้น้องสาวดูแล(เอ๊ะคุ้นๆ บ่องตงตอนเจอUser คนนั้นยังรู้สึกอึ้งไม่หายเลย นึกว่าเซเวอร์ตัวจริงมานะเนี่ย =w=’)
ทำไมกษัตริยาต้องเป็นแกะ
อื้ม— ทุกท่านอาจจะ ห๊ะ! ไอนี่มันเป็นเรื่องน่าสงสัยตรงไหนมันต้องมีคอนเซปต์ด้วยเรอะ ก็แค่ชื่อที่ตั้งให้ตัวละครเท่านั้นเองนิ? แหม่ๆระดับผมแล้วตั้งชื่อเฉยๆได้ไง มันต้องมีคอนเซปต์ประจำตัวสิคร้าบ อย่างพวก ทอล คนที่มีความสัมพันธ์
แบบครอบครัวเฉพาะที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ของเรื่อง(คือไม่นับแม่ของทอลที่เอาชื่อซาตานในศาสนาโซโรอัสเตอร์มานั่นเอง) จะตั้งชื่อด้วยตัวละครจากตำนานเทพนอร์ส ส่วนความสัมพันธ์ของชื่อกับบทบาทของพวกทอลจะไว้ไปต่อในหัวข้อถัดไปนะครับหัวข้อนี้ของกษัตริยา สาเหตุที่ต้องให้กษัตริยาเป็นแกะ ก็เพราะว่าบทของกษัตริยาที่ตั้งเอาไว้ตอนแรกคือ
สัตว์หางที่เป็นการกลับชาติมาเกิดของกิลกาเมซ (จากมหากาพย์กิลกาเมซของเทโสโปเตเมีย)
โดยมีคอนเซปต์ว่าล้างแค้นเทพเจ้าครับ ดังนั้นในฟิค กษัตริยา ถึงเป็นตัวต้นคิดที่จะปลดแอกสัตว์หางจากเหล่า
เทพเจ้านั่นเองส่วนที่เลือกใช้ตัวละครแกะมาเป็นคาแรกเตอร์นั้น เพราะว่าเราต้องการสื่อถึงความเคียดแค้นที่มีต่อเทพ
ซึ่งแกะเป็นสัตว์ที่เหมาะที่สุดจากทั้ง 12 หางในเกม เพราะอะไรนะรึครับ ก็แกะ กับแพะ ถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยเพื่อ
เทพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้วนั่นเองครับ แบบนี้ก็จะเหมือนการแก้แค้นของเหล่าเครื่องสังเวยที่ไม่รู้
อิโหน่อิเหน่นั่นเอง มันถึงลงตัวมวาก!! ที่จริงตอนแรกมีการวางบทของกษัตริยาให้ ลิง ส่วนบทของโลกิ
แกะ จะได้ไป ทำไปทำมา อยากให้พระเอกมีน้องชายมากกว่า(ก็บ้านกระผมมีแต่น้องชายนี่ครับ=w=แหม่) เพื่ออรรถรสในการจิ้นวายเอ้ยไม่ใช่เพื่อ อรรถรสในการรับชมความรักของพี่น้อง นั่นเองครับ
เฟิสเทล :ถือซะว่าเราไม่ได้พูดก็แล้วกันแต่จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของพวกไร้หางถ้าเป็นน้องสาวมันน่าจะดราม่า
มากกว่าไม่ใช่รึ!?
OsoraRaji : ไปหัวข้อต่อไปกันเลยงับ ^w^
เฟิสเทล : ถือซะว่าเราไม่ได้พูดก็แล้วกันแต่อย่ามาเมินเรานะ!!
ทอลชื่อเดิม คือ เฟนเรอร์ มาจาก เฟนริล(Fenrir) หมาป่าแห่งนอร์สผู้สังหารเทพโอดิน
จากตอนที่ 25 คามิโอ บอกว่าการจะทำลายเทพเจ้าให้สิ้นซากนั้นต้องใช้เลือดของทอล ซึ่งเรารู้กันทีหลังจากปากคำของเฟิสเทล ว่าแม่ของทอลหรืออังคราเมนยูนั้นเป็นโฮมุนคิวลัส(สิ่งมีชีวิตเทียมที่สร้างขึ้นด้วยการเล่นแร่แปรธาตุ)หมาป่าที่สร้างขึ้นด้วยพิธีรังสรรค์โดยใช้เลือดของ เกร กีก้าสเลฟ ซึ่งมันเป็นใครนั้นเนื้อเรื่องยังไม่เฉลยรอต่อไปงับ แต่ที่เรารู้เพิ่ม มาคือเลื อดของตานี่มีฤทธิ์เป็นพิษกับพวกเอเลเมนท์ ซึ่งเทพเจ้าในฟิคนี้ มีType เป็น เอเลเมนท์ งับจึงโดนหางเลขไปโดยปริยาย แต่ว่าอังคราเมนยูที่สร้างขึ้นมาเกิดความผิดพลาดทำให้เลือดของเธอไม่ได้รับสืบทอดคุณสมบัติที่ต้องการ คามิโอ กับเฟิสเทล เลยจะเอาเธอไปหลอมสร้างใหม่บังเอิญโอดิน ตกหลุมรักเธอซะนี่และโชว์แมนโดยจะขอเป็นคนที่ล้มเซเวอร์ แลกกับการไว้ชีวิตอังคราเมนยู ซึ่งแน่ล่ะสเกลพลังของเซเวอร์ เราๆท่านๆ ก็เห็นกันไปแล้วว่าเว่อขนาดไหน จะให้หมาป่าไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนมาขัดขวางทางรอดหนึ่งเดียวของสัตว์หางเนี่ยนะ แต่ว่าเฟิสเทล เล็งเห็นประโยชน์จากความรักของโอดิน เนื่องจากพิธีรังสรรค์มีข้อจำกัดมากมายทำให้ กำหนดสเป็กที่ต้องการสืบทอดจากเลือดของเกร กีก้าสเลฟได้ไม่ครบ ในเมื่อสังเคราะห์ไม่ได้ก็ให้ธรรมชาติจัดการดีกว่า หรือก็คือให้โอดิน ปั๊ม เฟนเรอร์ กับ ยอร์มุน หรือ ทอล กับ คากามิ ออกมานั่นเองแล้วก็สำเร็จตามที่ต้องการทอล เกิดมาโดยมีความสมบูรณ์ของสายเลือดอย่างครบถ้วนราวกับว่าเป็นลูกหลานของ เกรกีก้าสเลฟ เองเลยก็ไม่ปานเพื่อให้เข้ากับการที่ทอลมีเลือดต้องคำสาปที่สามารถฆ่าเทพเจ้าได้และเข้าตำนานนอร์สที่เป็นธีมหลักของครอบครัวหมาป่าเข้าไปอีกก็เลยตั้งชื่อตอนเด็กของทอลว่าเฟนเรอร์นั่นเองครับ
นอกจากนี้ โซ่ 6 ธาตุที่คามิโอ ใช้ตรึงทอลเอาไว้ในตอนที่ 28 ชื่อว่าไกรพ์นิล (Gleipnir) อีกด้วยซึ่งเป็นชื่อของโซ่ที่ใช้ล่ามเฟนริลในตำนานนอร์สเช่นกัน
รอบนี้พักกันไว้แค่นี้ก่อนละกันครับ เด๋วจะอ่านกันจนชักเป็นลมไปซะก่อน แล้วครั้งหน้าเราจะมาดูสเกลพลังของ ทอล ใน
โหมดทวงเมีย เอ้ย โหมด เฟนริล ไรซิ่ง ลำดับแรกแห่งสรรพสิ่งกันนะครับว่าจะเว่อแข่งกับ เซเวอร์ได้ขนาดไหน กันเชียว อิๆๆ
ความคิดเห็น