คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter10: Aggressor of Gehenna
“ แหมๆ ยังเป็นคู่พี่น้องที่น้องข่มพี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ”
“ ไนติงเกล ” ทอล และ โลกิ ทั้งคู่ต่างอุทานขึ้นพร้อมกับหันไปมอง กระต่ายสาวขนสีชมพู เธอยิ้ม
และทักทายกับพวกเขาอย่างคนรู้จักมักจี่ และที่ข้างๆเธอหมาป่าสีฟ้าผู้เป็นเลขาที่มาด้วยกันกับเธอ
“ อะไรกันคุณป้าเองก็เป็นผู้กล้าด้วยงั้นเรอะ…. ”
ทันทีที่ โลกิ พูดออกไปแบบนั้น กระต่ายสาวก็หายวับไปจากสายตาของเขา จากนั้นห้องทั้งก็พลิกกลับหัว
สลับพื้นกับเพดานอันที่จริงแล้วเป็นเพราะ ตัวของเขาเองต่างหากที่กำลังกลับหัวกลางอากาศ
ด้วยท่าทุ่มแบบกอดเอวแล้วยกกลับหัวทุ่ม ของกระต่ายสาว ร่างลิงหนุ่มจึงลงนอนกองกับพื้นและ
ถูกจับกดล็อคเอาไว้
“ ไหน!! ลองพูดอีกทีซิ เจ้าขนดกขี้แหย ใครเป็นคุณป้ากันหา!!!!!!!! ”
ไนติงเกล พูด พร้อมกับออกแรงรัดคอโลกิ ที่อยุ่ในอ้อมแขนของตน ด้านลิงหนุ่ม
ถูกรัดจนหายใจไม่ออก ใบหน้าจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว จน ทอล กับ ซาจิ ต้องเข้ามาช่วยกัน
แยกทั้งคู่ออกจากกัน
“ แค่กๆ ยังเป็นกระต่ายป่าเถื่อนไม่มีเปลี่ยนเลยนะ แค่กๆ ”
โลกิ สำลักพลางมองกระต่ายสาวด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก แต่ไหนแต่ไรแล้ว
นับตั้งแต่เข้าร่วมภาคีอัศวินพิธีกรรม ไนติงเกล คือเพื่อนร่วมงานตัวแรกที่ได้เจอกัน
และพวกเขาก็ทำงานร่วมกันมาตลอดในรูปแบบความสัมพันธ์ที่เป็นคู่กัดกัน
จนเมื่อตัวเขาขึ้นเป็นหัวหน้าคณธภาคีอัศวินพิธีกรรม เธอจึงย้ายไปสังกัดกับภาคีอัศวินกาชาด
แทน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากรับคำสั่งจากหัวหน้าอย่าง เขา
“ เอ้ารับนี่ไปสิ ” ไนติงเกลพูดพร้อมกับยื่น ซองเอกสารขนาด A4 ให้ โลกิ รับมันมาดูอย่าง งงๆ
กระต่ายสาวจึงเริ่มอธิบาย ต่อ
“ นั่นคือ เอกสารเกี่ยวกับคดีของนายที่ฉันรวบรวมมาตลอด ครึ่งปีมานี้
ถึงนายจะได้รับการอภัยโทษแล้วก็เถอะนะ แต่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ดีถ้าไม่รีบล้างมลทิน
ออกให้หมดชาตินี้ได้เป็นนักโทษตลอดชีวิตแน่ ”
โลกิ ทอล และ ซาจิ มีสีหน้าฉงนขึ้นมาทันที ที่เธอพูดถึงเรื่องควบคุมตัว เพราะในความเป็นจริงแล้ว
ทางศาลตุลาการ ได้กำหนดให้ โลกิ ถูกควบคุมทางวินัย โดยให้ ทอล และ ซาจิทาเรียส เป็นผู้ควบคุม
ห้ามไปไหนโดยไม่ได้อยู่กับผู้ควบคุมตัวใดตัวหนึ่ง แต่กำหนดการนี้ก็มิได้แจ้งให้ทราบกันโดยทั่วไป
มีเพียงผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นที่ได้รับการแจ้งให้ทราบ จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ ไนติงเกล รู้ถึงมันได้
“ ทำไมเธอถึงรู้ว่า โลกิ ถูกควบคุมตัวล่ะ? ” ทอล ถาม
“ ก็มันผิดปกติน่ะสิ ที่พวกนายสามตัวจะมาสายพร้อมกัน เพราะปกติแล้ว ตัวที่มาเป็น
ตัวสุดท้ายจะต้องเป็นทอล แต่พวกนายสามตัวดันมาพร้อมกันซะได้นี่ แค่นี้ก็เดาออกแล้วล่ะย่ะ
ว่า พ่อขนดกขี้แหย จะต้องถูกคุมตัวโดยผู้คุมสายเสมอน่ะ จริงไหม~~ ”
ไนติงเกล ตอบน้ำเสียงยียวน พร้อมกับแอบหัวเราะคิกคักอยู่ในใจที่ได้เห็น สองพี่น้องทำสี้หน้า
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ คุณไนติงเกล ครับ ได้เวลาต้องกลับไปเคลียเอกสาร ที่สำนักงานแล้วนะครับ ”
คากามิ หมาป่าฟ้าผู้เป็นเลขาของเธอ กล่าวขึ้นด้วยอาการสงบ กระต่ายสาวจิกปากด้วยความหงุดหงิด
ที่ถูกขัดจังหวะ
“ ชิ! งั้นไว้หลังเลิกงานฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพวกนายซักหน่อย สี่โมงครึ่งเจอกันที่ร้านจาม่อน นะ ”
ไนติงเกล กล่าวก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องหนังสือไปพร้อมกับ เลขาหมาป่าของเธอ
“ ทอล!!!!!! ”
โครม ตึงๆๆ
หลังจากเสียงเรียกชื่อของทอล ดังขึ้นร่างของหมาป่าดำ ก็ถูกหมาป่าแดงทุ่มตัวตะครุบใส่
จนล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้นห้อง
“ แง~~~ ทอล ช่วย เรจิ ล่วยยยยยย!!!! ”
หมาป่าแดง พูดไปน้ำตาไหลพรากไป เหมือนกับไปเจออะไรที่น่ากลัวมา ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ สังฆราชสิงโตทะเล เรกกุ เดินลงบันได เข้ามาหาพอดี
“ องค์ชาย! ทรงไม่เสวยมาสามวันเต็มๆแล้วนะพะยะค่ะ เป็นตายร้ายดียังไงวันนี้กระหม่อมก็ต้องทำให้พระองค์ เสวยให้ได้ไม่งั้น เดี๋ยวจะประชวรไปเสียก่อน ”
เรกกุ กล่าวพร้อมกับเข้ามาลากตัว เรจิ ลุกขึ้นจากพื้น แต่เจ้าตัวก็ยังดื้อไม่ยอม ไปไหน
พร้อมทั้งกอดร่างของ หมาป่าดำไว้แน่นชนิดแทบจะลากไปด้วยกันเลย
“ เหวอ ด..เดี๋ยวสิ นายปล่อยฉันก่อนเถอะ เรจิ หวา!! ”
ทอล พูดก่อนจะต้องร้องเสียงหลงเพราะถูกลากจนหลังครูดไปกับพื้นห้อง ซึ่งเกิดจากแรงดึง
ของเรกกุ และ ทหารเสือดำที่ตามลงมาช่วยกันลากตัว เรจิ ออกไป
“ เรจิ ม…ม…ม่ายหวายแย้วววว ย..อยากกินเนื้อ…. ”
หมาป่าแดง ร้องครวญพร้อมกับกระพริบตาปริบๆส่งสายตา อ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเขา
เหตุการณ์ในตอนนี้กำลังถูกเรียบเรียงในหัวของ ทอล หลังจาก คืนที่ช่วยโลกิ สำเร็จ และ เรจิ ประกาศ
ฐานะที่แท้จริงของตัวเองออกไป ก็ถูก เรกกุ จับตัวเข้ามาดูแลในพระราชวัง ตามที่พระราชสา สน์ ได้
เขียนฝากให้ เรกกุ ดูแลต้อนรับเขา แต่สภาพของ เรจิ ที่ดูผอมแห้งลงไปยิ่งกว่าเดิม จนแทบจะเห็น
หนังแนบซี่โครง คำถามแรกที่วิ่งเข้ามาในหัวของ ทอล และทำให้ปากขยับถามออกไปทันทีคือ
“ ท่านเรกกุ ให้เขากินอะไรกันน่ะครับ? ”
“ ลูกไม้แข็งอย่างดีสำหรับสัตว์ฟันแทะ แบบเดียวกับที่ท่านสมเด็จพระราชาคณะ ชอบข้าก็เลยคิดว่า
องค์ชายน่าจะชอบเหมือนกัน แต่กลับไม่ยอม เสวยเลยแม้แต่ลูกเดียว จนผอมโกร่งหนังติดกระดูกเนี่ยข้าเองก็ชักจะเป็นห่วงเสียแล้วสิ ”
สังราชสิงโตทะเล กอด อกพูดพลาง ถอนหายใจอย่างเป็นกังวล ทว่าคำตอบของเขานั้นกลับทำเอา
สัตว์หางตรงหน้า เกิดอาการที่เรียกว่า เงิบ กันเป็นแถบ
/ให้หมาป่ากินลูกไม้เนี่ยนะ……/ ทอลคิดในใจ พลางมอง เรจิ ด้วยความรู้สึกสงสาร ที่จะปล่อยให้ไป
ทรมานกินลูกไม้ ก็คงจะไม่ดี อีกทั้งยังเป็นเพื่อนผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขากับน้องชายไว้อีก
ด้วยความสำนึก จึงออกปากกับ เรกกุ อาสาพา เรจิ ไปหาอาหารกินเสียเอง
“ เอ่อ ท่านเรกกุ ถ้าไม่ว่าอะไรขอผมเป็นคนดูแลเขาเองจะได้ไหมครับ? ”
สังฆราชสิงโตทะเล เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ถึงแม้จะรู้สึกสงสัยเจตนาของ ทอล ที่เสนอตัวออกมาแบบนั้น
แต่เมื่อเห็นอากัปกริยาของ หมาป่าแดง ที่เหมือนอยากจะไปกับ ทอล เสียมากกว่า จึงจำใจตอบออกไป
“ เอางั้นก็ได้ดูเหมือน องค์ชายจะชอบเจ้ามากด้วย ถ้างั้นข้าฝากเจ้าดูแลก็แล้วกัน ”
หลังจากฝากฝังเสร็จ เรกกุ ก็หันกลับเดินขึ้นบันไดไป
ในตอนนั้นเองที่ ทอล เริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัว เรจิ หลังจากการประชุมที่ผ่านมา เขาได้รับรู้
เรื่องราวเบื้องลึกของ เซเวอร์ เด็กหนุ่มปริศนาแล้ว ทว่า เรจิ หมาป่าผู้มากับ เซเวอร์ นั้น
ยังมีปริศนาที่เขายังไม่รู้อยู่อีกมาก ทั้งการที่เป็น บุตรของสมเด็จพระราชาคณะผู้นำสูงสุดของศาสนจักร
ทั้งยศอัศวินสวรรค์ ทั้งพลังในการลอกเลียนแบบวิชาอย่างสมบูรณ์ และ พลังที่รังสรรค์โลกสมมติ
ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่กระตุ้นต่อมความอยากรู้ของเขา
/จริงสิ ท่านเรกกุ พยายามจะเอา ลูกไม้ให้หมอนี่กิน เพราะเข้าใจว่าจะชอบกินลูกไม้เหมือน
สมเด็จพระราชาคณะงั้นก็แปลว่า สมเด็จพระราชาคณะ องค์ปัจจุบัน เป็นสัตว์ฟันแทะน่ะสิ แล้วทำไม
ลูกถึงเป็นหมาป่า หรือว่าจะเป็นลูกบุญธรรม งั้นพ่อแม่ที่แท้จริงของหมอนี่เป็นใครกันแน่/
คำถามมากมายก่อตัวขึ้นในจิตใจ รู้สึกตัวอีกที ทอล ก็พบว่าตนจ้อง เรจิ อยู่นานมากจนถูก เพื่อนๆทัก
จึงได้ละสายตาและคำถามที่คิดไว้ ก่อนจะออกเดินนำทั้งหมดออกไป เพื่อจะพา เรจิ ไปหาข้าวกินเสียก่อน
……………………………………………………………..
………………………………………………….
…………………………….
ตลอดเวลาช่วงบ่ายนับตั้งแต่ที่พา เรจิ ไปเลี้ยงข้าวเป็นที่เรียบร้อย เมื่อหมาป่าแดงท้องอิ่ม ก็แยกกลับ
ไปพักที่บ้านของทอล พร้อมกันกับ เซเวอร์ ส่วนทอล ซาจิ และ โลกิ ทั้งหมดไปยังค่ายทหาร
เพื่อเข้าประชุมพล โดย โลกิ ซึ่งถูกควบคุมตัวใช้เวลาตลอดบ่ายระหว่างรอ ทอล กับ ซาจิ ประชุมพล
หมดไปกับการอ่านปึกเอกสาร ในซองที่รับมาจาก ไนติงเกล รายละเอียดในเอกสารคือ สรุปความคดี
ของเขา และการสอบพยานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี สิ่งที่ โลกิ อยากจะรู้มากที่สุดในตอนนี้ คืออะไรที่
ถูกสร้างขึ้นในพิธีกรรมวันนั้น และ ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ ในศาสนจักร
ทว่าในปึกเอกสารทั้งหมดก็ไม่ได้เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการจะรู้เอาไว้เลย
ท้ายที่สุดตัวเขาก็ไม่ได้อะไรจากการอ่านเอกสารพวกนี้แม้แต่น้อย
เวลาล่วงเลยมาจนถึงบ่ายสี่โมง แสงแดดแรงกล้าทยอยอ่อนแรงแดดลง แต่ไอร้อนจากแดดยังคง
ตลบอบอวลไปทั้งเมืองแสงที่บัดนี้ปกคลุมด้วยหิมะได้อบอุ่นขึ้น อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลอง
วันสิ้นปีและขึ้นปีใหม่ของตกแต่งตามบ้านเรือนและร้านค้าในช่วงวันคริสต์มาส ถูกเก็บลงจนหมด
เพื่อเตรียมที่จะประดับด้วยของตกแต่งสำหรับเทศกาลปีใหม่แทน
บัดนี้ ลิงหนุ่มได้มาถึงร้านของจาม่อน แล้วและที่โต๊ะนึงในร้าน ซึ่งกระต่ายสาวไนติงเกล
ก็นั่งรอเขาอยู่เช่นกัน
“ นี่นายมาตัวเดียวเหรอ? ”
ไนติงเกล ถามเธอรู้สึกแปลกตา ที่เห็นลิงหนุ่มมาเพียงลำพังโดยไม่มีผู้คุมอย่าง
ทอล หรือ ซาจิทาเรียส ตามมาด้วย
“ ซาจิหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนพี่ป่านนี้คงกำลังวิดพื้นรอบที่800 อยู่ล่ะมั้ง เลยเดินออกมาเลยน่ะ ”
โลกิ ตอบอย่างเซ็งๆ จากคำพูดของเขา ไนติงเกล ก็พอจะเดาได้แล้วว่า ทอล คงจะไปประชุมพลสายตามคาด
หลังจาก ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะแล้ว พวกเขาจึงเริ่มการสนทนากันด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น
“ แล้วนายได้อะไรจากเอกสารพวกนั้นไหม? ”
ไนติงเกล ถาม
“ ไม่เลย รายละเอียดในการซักพยานพวกนี้ไม่มีอันไหนสาวไปถึงสิ่งที่เราต้องการเลย ”
คำตอบของลิงหนุ่ม ทำให้กระต่ายสาวต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“ สิ่งที่ต้องการ? หมายถึงอะไร ” เธอถามเขา
“ ฉันอยากจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกสร้างในวันนั้น แล้วตัวการที่ดำเนินพิธีกรรมนั้นด้วย ”
โลกิ ยืนยันความต้องการของเขา ความสงสัยต่อเหตุการณ์ในคืนแห่งกบฏกองอัศวินพิธีกรรม
ที่เขาได้ถูกใส่ร้าย
“ ฉันนึกว่านายรู้อยู่แล้วซะอีก วันนั้นที่นายไปโผล่หางอยู่ที่โบถส์ นายไม่ได้เห็นมันทั้งหมดหรอกเหรอ ”
“ ไม่เลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนที่ฉันไปถึงพิธีกรรมก็เสร็จไปแล้ว
หลังจากนั้นพวกทหารก็เข้ามา ฉันเลยสงสัยไงว่ามันเร็วเกินไป ”
“ งี้นี่เอง มันก็เร็วเกินไปจริงๆนั่นแหละ หยั่งกับรอจังหวะอยู่แล้ว….เดี๋ยวก่อนนะ นี่นายจะบอกว่ามีผู้ทรยศอยู่ในศาสนจักรงั้นเหรอ! ”
ไนติงเกล พูดเธอรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย สมมติฐานเรื่องผู้ทรยศนี้เธอเพิ่งจะนึกถึงเป็นครั้งแรก
จนอดแปลกใจกับไหวพริบของ ลิงหนุ่มเสียมิได้ ทั้งที่ตลอด 6เดือนที่ผ่านมา ทางศาสนจักรหรือแม้แต่
ระดับสูงก็ไม่มีใครเอะใจถึงเรื่องนี้เลย
“ ใช่ เพราะงั้นตลอด 6 เดือนมานี่ฉันถึงไม่ยอมกลับมาสู้คดีไง จนกว่าจะลากตัว
เจ้าหนอนบ่อนไส้นั่นออกมาได้ ”
โลกิ พูด ทว่าเมื่อได้รับรู้สถานการณ์เพิ่มเติม กระต่ายสาวก็มีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมา
“ ลองนายพูดขึ้นมาแบบนี้ฉันก็ชักจะหวั่นๆแล้วสิ เรื่องใหญ่แบบนี้แต่ไม่มีใครพูดขึ้นมาเลย
เป็นไปได้ว่าเจ้าตัวทรยศ นั่นจะต้องมีเส้นสายอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ ”
ลิงหนุ่ม ฟังคำตัดพ้อของเธออย่างพินิจพิเคราะห์ เขาชั่งใจอยู่ว่าจะพูดดีหรือไม่
“ เพราะตอนนี้มีแค่เธอกับฉันงั้นจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในศาลตอนที่ฉันถูก
จับเมื่อสามวันก่อนให้ฟังก็แล้วกัน ”
แล้ว โลกิ ก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชั้นศาลวันนั้น ตั้งแต่เริ่มไต่สวนจนถึงตอนที่คดีพลิก
และ ตอนที่ แม่ทัพเหยี่ยวอิทารุส ใช้กำลังเพื่อบังคับให้การตัดสินจบลงที่การประหาร
“ จากที่ฟังนายเล่ามาฉันว่านี่มันชักจะเลยเถิดไปใหญ่แล้วนะเนี่ย ถ้าลองโดน อาร์คไนท์ รุมเล่นงานขนาดนั้นแสดงว่า เจ้าตัวทรยศนั่นคงอยากให้นายรีบๆตายไปเลยแหงะแซะ ”
ไนติงเกล ถึงกับหน้าถอดสี เมื่อเธอลองนึกดูอำนาจขนาดที่จะปั่นหัวเหล่า อาร์คไนท์
ให้ทำการกำจัดแพะรับผิดอย่างโลกิ ตัวการของเรื่องนี้คงจะเป็นสัตว์หางที่ร้ายกาจไม่ใช่เล่น
“ แน่นอน การที่อยากให้ฉันรีบตายก็มีความหมายแค่อย่างเดียว เพราะฉันคือตัว
เดียวที่เห็นพิธีกรรมในวันนั้นแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่ ”
โลกิ สรุปความและนั่นก็ทำให้ ไนติงเกล เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงอยากจะรู้ว่าอะไร
ถูกสร้างขึ้นจากพิธีกรรมในวันนั้น
“ เท่ากับว่ามันไม่อยากให้ใครรู้ว่าอะไรที่ถูกสร้างขึ้นมาในวันนั้นอย่างงั้นสินะ ”
“ …และถ้าเราเปิดโปงสิ่งที่ถูกสร้างในวันนั้นได้ ก็อาจจะสาวถึงเจ้าตัวการได้ด้วย ”
ยามที่ข้อสรุปออกมา พวกเขาก็พอจะเห็นหนทางที่จะปลดตัวให้พ้นมลทินของความผิดได้แล้ว
“ นายเนี่ยยังฉลาดเป็นกรดเหมือนเดิมเลยแหะ แต่ว่านะทำไมนายถึงไม่ใช่พลังมองอนาคตนั่นช่วยล่ะ
บางทีเราอาจจะรู้ตัวการของเรื่องเร็วกว่านี้ก็ได้นี่ ทีฉันให้เอกสารสอบปากคำพยานกับนาย
ไปเพราะนึกว่านายจะทำแบบนั้นซะอีก ”
ไนติงเกล แย้งด้วยเหตุที่ว่า เอกสารทั้งปึกที่เธอยกให้โลกิ ไปก็หวังจะใช้พลังของเขาทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ทว่า ลิงหนุ่มกลับส่ายหน้าแล้วตอบเธอด้วยเสียงเศร้าๆ
“ ตอนนี้ฉันมองอนาคตไม่เห็นเลยน่ะสิ บางทีอาจจะเป็นเพราะมันทำนายผิดเป็นครั้งแรกก็ได้ ”
“ ทำนายผิดเหรอ? ” ไนติงเกล ทวนคำด้วยความสงสัยว่าเธอได้ยินไม่ผิด
“ ใช่ ฉันเห็นจากภาพอนาคตว่าตัวฉันจะถูกประหารพร้อมกับพี่ สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ถูกแก้ไข
เพราะ เรจิ ช่วยเอาไว้ แล้วหลังจากนั้นพลังทำนายอนาคตก็ไม่ยอมทำงานอีกเลย ”
คำตอบของ โลกิ ทำเอา เธอรู้สึกท้อใจขึ้นมาทันที ตอนนี้พวกเขาไม่มีเบาะแสอะไรเลย
“ แต่ว่านะถึงจะมีเป้าหมายแล้วก็เถอะ แต่ไม่มีเบาะแสอะไรเลยเราก็ทำอะไรไม่ได้หรอก
ตัดใจซะดีกว่ามั้งแบบเนี้ย ”
“ เธอเนี่ยน้า เป็นคนเริ่มแท้ๆยังจะมาบอกให้เลิกซะเอง แล้วก็ใครบอกว่าไม่มีเบาะแส เอกสารที่เธอให้มาช่วยให้เจอเบาะแสแล้วอย่างหนึ่งล่ะ ”
ไนติงเกล แทบจะลุกพรวดจากเก้าอี้ทันทีหลังจากเอนหลังพิงพนักไปได้ไม่ทันไร
“ จริงอ่ะ?! เบาะแสไหน! ” เธอถามทันที
“ จริงๆแล้วฉันก็แค่สงสัยน่ะนะ ว่าทำไมเขาคนนี้ถึงยังอยู่ลอยหน้าลอยตาไปสอบปากพยานได้ ”
โลกิ พูดพลางเอาหยิบเอาเอกสารที่ได้มาจากเธอ วางบนโต๊ะแล้วเลือกเอาขึ้นมาแผ่นหนึ่งส่งให้เธอ
รับไปดู มันเป็นเอกสารการสอบปากคำพยานตัวหนึ่ง
“ นี่มันอดีตหัวหน้ากองอัศวินพิธีกรรมคนก่อน คุณโมโซลี่(Mosoly)!! ”
“ ใช่ฉันจำเขาได้ดีเลยเพราะว่า วันนั้นในโบถส์ที่เกิดเรื่อง เขาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทำพิธี ”
……………………………………………………………………
………………………………………..
……………………….
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งวันก่อน
ณ หุบเขาแห่งสายลม ส่วนใจกลางของหุบเขา ซากร่างของแมลงโบราณ เอนเชี่ ยนบัค กองแผ่
อยู่บนพื้นทรายในสภาพที่ เขี้ยวของมันหักไปข้างหนึ่ง และนอนจมกองของเหลวสีเขียว
ซึ่งก็คือเลือดที่มีฤทธิ์เป็นพิษของมันนั่นเอง และเพราะเขื่อนกั้นลมที่ พวกของ อาร์ไมม่อน
สร้างเอาไว้แบบลวกๆ จึงทำให้มันพังลงมาในเวลาต่อมา สายลมจึงพัดผ่านหุบเขาอีกครั้ง และหอบเอาไอพิษที่ระเหยจากเลือดของ เอนเชี่ ยนบัคให้ลอยออกไป จึงไมมีไอพิษตกค้างอยู่ในหุบเขาอีก
“ คราวก่อนสกายบัค มาตอนนี้ก็ เอนเชี่ ยนบัค เจ้าพวกนั้นมีจุดประสงค์ที่จะรวบรวมพิษร้ายสินะ ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับร่างซึ่งปกคลุมด้วยขนสีขาวของ บาบูนเฒ่าโมโซลี่ เขายกมือขึ้นประนมจากนั้น
พระสูตรจึงถูกขับขานออกจากปาก
“ วิรูปักเขหิ เม เมตตัง เมตตัง เอราปะเถหิ เม….. ” (เมตตาจิตแห่งเรา จงสถิตย์กับนาคาทั้งปวง
ไปจนวิรูปักษ์ ไมตรีจิตแห่งเรา จงสถิตย์กับนาคาทั้งปวง จวบจนสกุลเอราบถ)
ยามเมื่อพระสูตรจบลง ร่างมหึมาของ เอนเชี่ ยนบัค ก็เกิดอัศจรรย์ หดขนาดตัวลงอย่างรวดเร็ว
จนเหลือขนาดตัวพอๆกับลูกหมา หนำซ้ำมันยังฟื้นกลับคืนชีพมีชีวิตอีกครั้ง (Mini Ancient Bug)
บาบูนเฒ่า ใช้สองมือของตนอุ้ม เอนเชี่ ยนบัคจิ๋วขึ้นมาโอบกอดไว้ แล้วจึงเดินไปตามทางของหุบเขา
…………………………………………..
………………………………….
……………..
พระอาทิตลับขอบฟ้าไปแล้ว ราตรีกาลมาเยือนอีกคราแต่กระนั้นการประชุม ของ โลกิ และ ไนติงเกล
ก็ยังไม่จบลง กระต่ายสาวกำลังชี้แจงเบาะแสที่เธอมี
“ ถ้าหากว่านายกำลังสงสัย โมโซลี่ อยู่ล่ะก็ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะเจาะที่สุดเลย
ล่ะที่เราจะแอบเข้าไปที่นั่นกัน ”
ไนติงเกล พูดพร้อมกับยกมือชี้ข้ามหัว โลกิ ไป ลิงหนุ่มหันกลับไปมองตามที่มือของเธอชี้
ไปยังอาคารหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับที่หน่วยงาน Guild โลกิ จำได้เป็นอย่างดีอาคารหลังนั้นคือ
โบถส์สำหรับประกอบพิธีกรรมของกองอัศวินพิธีกรรม หรือก็คือสถานที่เกิดเหตุเมื่อ6เดือนก่อนนั่นเอง
“ แต่ว่าภายในอาคารน่ะปรับปรุงใหม่เป็น โรงละครไปแล้วล่ะป่านนี้ข้าวของข้างในถูก
รื้อทิ้งออกไปหมดแล้วล่ะ ”
ไนติงเกล ชี้แจงนั่นทำให้ โลกิ หันมามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“ ถ้างั้นมันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าป่านนี้หลักฐานที่เหลือก็
อยู่โดนทำลายไปหมดแล้วสิ ”
โลกิพูด
“ ใช่…เฉพาะบนดินนะ… ” คำพูดของกระต่ายสาว ช่วยให้ ลิงหนุ่มฉุกคิดขึ้นมาได้
“ ห้องใต้ดินของโบถส์!! ”
“ ถูกต้อง แถมช่วงนี้ฉันเห็น โมโซลี่ ไปทิ้งงานรับจ้างหาเปลิอกหอยกับเปลือกแมลง
ที่ร้านของ มีมี่ อีก ถ้ามีเปลือกหอยกับ เปลือกแมลง ก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่าจะเอาไปทำ
น้ำมนต์ความเข้มข้นสูง ”
“ น้ำมนต์คือ น้ำที่ได้รับการถ่ายเท มานา ผสมลงไป การที่ต้องใช้น้ำมนต์ความเข้มข้นสูงนั่นก็หมายความว่า
จะต้องใช้ประกอบพิธีกรรมชั้นสูงอะไรซักอย่างสินะ ”
รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลิงหนุ่ม ความรู้สึกของเขาตอนนี้ประหนึ่ง ราชสีห์เห็นเหยื่อตรง
หน้าเลยทีเดียว
“ ถ้างั้นเราไป… ”
“ อั๊วะเองก็จาปายช่วยพวกลื้อหาอีกแรงก็แล้วกัง ”
ไม่ทันที่ โลกิ จะพูดจบก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา พวกเขาหันมาจ้องหน้ากันด้วยความสงสัย
ที่มีต่อเสียงนั้น ใครเป็นคนพูดกัน? คือคำถามที่แสดงอยุ่บนสีหน้าของพวกเขา จนเมื่อดวงตา
สะดุดเข้ากับสัตว์หางอีกตัวที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันกับพวกเขา
“ อ….เอ่อ ….ใครอ่ะ? ” โลกิ และ ไนติงเกล ถามขึ้นพร้อมกัน
“ ป๋ายหวู่ ไงฮ่อ! อา โลกิ ลื้อจำอั๊วะม่ายล่ายแล้วเราะ! ที่สำคัญอั๊วะนั่งฟังพวกลื้อมาตั้งแต่เริ่มคุยกังแล้วนะ! ”
เจ้าของเสียงปริศนา คือแพนด้าตัวจิ๋ว ผู้แสนจืดจาง 1ใน12ผู้กล่าเช่นเดียวกับพวกเขานั่นเอง
ทว่าด้วยความจืดจางที่มีเป็นทุนเดิมประกอบกับการไม่ได้กลับมาที่เมืองถึง 6 เดือน จึงทำให้
โลกิ ลืมชื่อเพื่อนของ พี่ชายตนเองไปเสียสนิท
“ แบบว่า จำไม่ได้เลยอ่ะ…. ”(= =’)
ลิงหนุ่ม ตอบพลางเกาหัวแกรกๆ และพยายามนึกความสัมพันธ์กับแพนด้าตรงหน้า
แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที
ตูมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงดังสนั่นนั้น ดึงให้พวกเขารวมไปถึงสัตว์หางที่อยุ่แถวนั้น หันไปมองต้นเสียงด้วยความสนใจ
ประตูโรงละคร ที่พวกเขากำลังจะไปสำรวจกันบัดนี้ กระเด็นตกลงมากองบนพื้นถนน โดยที่ภายใน
โรงละครนั้น อบอวลไปด้วยฝุ่นควันมากมายซึ่งเกิดจากการระเบิดของดินระเบิด สัญชาตญาณและความใจร้อนของ ลิงหนุ่มดึงให้ตัวเขาออกวิ่งตรงเข้าไปยังโรงละครในทันที
ไนติงเกล แม้จะหัวเสียกับการที่ โลกิ พรวดพราดเข้าไปแบบนั้นแต่เธอเองก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น
จึงกวาดข้าวของบนโต๊ะเก็บลงในกระเป๋าสะพาย โดยไม่ลืมที่จะคว้าเอา ปืนไรเฟิลคู่ใจ
ที่วางพิงอยู่กับโต๊ะติดมือมาด้วยแล้วออกวิ่งตาม โลกิ ไปทันที
ภายในโรงละครนั้น ที่นั่งผู้ชมแถบหนึ่งกลายเป็นหลุมเป็นบ่อเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50 เซนติเมตร
และมีร่องรอยของการระเบิดหลงเหลืออยู่บนพื้นไม้ของโรงละคร โดยที่หลุมนั้นอยู่ห่างจากประตูไม่
ไกลนักประตูจึงโดยแรงระเบิดพัดจนกระเด็นออกไปนั่นเอง
/ระเบิดแรงขนาดนี้ ไม่ใช่อุบัติเหตุ ธรรมดาๆแล้ว นี่มันหยั่งกับมีสัตว์หางจงใจทำให้มันระเบิด/
โลกิ คิดพลางมองหลุมตรงหน้า ด้วยสายตาระแวง ฉับพลันเขาก้นึกไปถึงว่า ผู้ก่อการระเบิดครั้งนี้
อาจจะมีเป้าหมายที่ห้องใต้ดินของ อาคารแห่งนี้ซึ่งเป็นเป้าที่พวกเขาจะลงสำรวจ และนั่นทำให้ เลือดในตัว
ของโลกิ เย็บเฉียบขึ้นมาเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ที่เหตุการณืในครั้งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีของเขา
ขณะเดียวกัน กระต่ายสาวได้วิ่งตามเข้ามาถึงตัวเขาและเริ่มต่อว่าทันที
“ ตาบ้า! โลกิ จู่ๆพรวดเข้ามาแบบนี้ได้ไงมันอันต… ”
ก่อนที่เธอจะส่งเสียงดังไปมากกว่านี้ โลกิ ใช้มือขวาของตน ปิดปากเธอให้สนิท อากัปกิริยาของ
โลกิ ที่แสนจริงจังนั้นทำให้เธอพอจะจับใจความของสถานการณ์ได้ เธอจึงเงียบเสียงลงทันที
พร้อมกับ ดึงมือของ เขาออกจากปาก
พวกเขาทั้งคู่หยุดนิ่งทันทีเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นมาจากหลุม
“ อะฮ้า!! ปลดล็อกได้แล้ว!! ”
“ รีบเข้าไปกันเถอะ ข้าไม่อยากรอจนพิษลพลายออกมาจากขวดนะ ”
จากการสนทนา พวกเขาพอจะคาดเดาได้ว่ามีสัตว์หางอยุ่ข้างล่างนี้สองตัว ซึ่งก็ไม่ใช่จำนวน
ที่ยากเกินจะรับมือสำหรับฝีมือระดับผู้กล้าอย่างพวกเขา ลิงหนุ่มและกระต่ายสาว ตัดสินใจ
กระโดดลงไปในหลุมทันที ความลึกของหลุม เทียบกับน้ำหนักตัวและสมรรถนะทางร่างกาย
ที่เป็นสัตว์หางอย่างพวกเขาแล้ว มันก็ไม่สูงจนทำให้บาดเจ็บได้ พวกเขา เดินลึกเข้าไปตามทางเดิน
ด้านล่าง ซึ่งค่อยๆลาดเอียงลงลึกไปยังชั้นใต้ดิน สุดเส้นทางนั้นพวกเขาพบกับประตูไม้ถูกเปิดทิ้งไว้
บนบานประตูลงอักขระเวทย์สำหรับป้องกันผู้บุกรุกเอาไว้ และกลอนประตูทำจากโลหะถูกไข
ออกวางทิ้งอยู่บนพื้น
พวกเขาเดินผ่านประตูเข้ามาอย่างง่ายดาย อาคมที่ลงไว้ที่บานประตู จึงน่าจะถูกสลายด้วยฝีมือของ
ผู้บุกรุกที่ทำการระเบิดพื้นโรงละครแห่งนี้
ภายในเป็นห้องทดลองทางไสยาศาสตร์ ที่มีการวงเวทย์ไว้บนพื้นอยู่ทุกหนแห่ง และมีตู้หนังสือมากมายที่บรรจุไว้ด้วยตำราเวท และตำราการเล่นแร่แปรธาตุ
โต๊ะใหญ่สองตัวในห้องก็ล้วนแล้วแต่เรียงรายไปด้วย ขวดยาและโหลส่วนผสม กับพวกเครื่องมือต่างๆ
สุดทางเดินในห้องมีประตูอีกบานถูกเปิดทิ้งไว้เช่นกัน ทั้งสองรีบวิ่งผ่านประตูออกไปทันที
แล้วพวกเขาก็พบกับผู้บุกรุกสองตัว เป็น ตุ่นสีขาว และ แมวเฒ่าแก่ๆอีกตัว
“ พวกแกกำลังทำอะไรกันน่ะ! ” โลกิ และ ไนติงเกล พูดและ ผู้บุกรุกหันมามองพวกเขาในทันที
“ ชิ….มีหนูเข้ามาสอดซะได้ ” แมวชรา พูดเขาดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ที่ถูกขัดขวาง
“ มาโอห์ คุณทำพิธีไป สองตัวนั่นผมจะจัดการเอง ”
ตุ่นขาว บอกเช่นนั้น แมวชราวางใจให้เขา รับมือกับหางผู้กล้าสองตัวเพียงลำพัง
แล้วเดินลึกเข้าไปในมุมมืดของห้อง ซึ่งแสงจากเข้าไปไม่ถึง
“ ไนติงเกล ถ่วงเวลาเจ้าตุ่นไว้ที ฉันจะเข้าไปหยุดเจ้าแมวนั่น ”
โลกิ สั่งพร้อมกับบุกตรงเข้าไปทันที
“ อย่ามาสั่งกันง่ายๆสิยะ นายคิดว่าฉันสนับสนุนเก่งนักรึไง!! ”
ไนติงเกล สวนพลางหยิบ กระสุนซึ่งมีหัวเป็นเข็มฉีดยา จากกระเป๋าเสื้อกาวน์ ขึ้นมาบรรจุใส่
แล้วประทับ เล็งยิงไปยังต้นขาอันสั้นป้อมของ ตุ่นขาว
“ เอา Maim Shot ไปกินซะพวก!! ” ไนติงเกลพูดพร้อมกับลั่นไกปืน กระสุนพุ่งตรงเข้าไปปักที่หัวเข่า
ของตุ่นขาว พอดิบพอดี สารพิษที่บรจุในกระสุนไหลซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหัวเข็มฉีดยา
ที่ฝังทะลุผิวหนัง
==================== Maim Shot==================
การยิงจู่โจมของ ไนติงเกล ทำให้ตุ่นขาวหยุดชะงักไป ชั่วขณะด้วยความตกใจ พริบตานั่นเอง
โลกิ ได้เร่งฝีเท้าวิ่งอ้อนผ่านเข้าไปยังมุมมืด ในทันที
“ ไหน ขอดูหน่อยเถอะว่าพวกแกะคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
โลกิ พูดพร้อมกับจุดไฟขึ้นที่ปลายนิ้วชี้ในความมืดมิด แสงจากเปลวไฟส่องสว่าง
และเผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ในความมืด
สิ่งนั้นทำให้ทั้งคุ่ถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ที่ตรงหน้านั้นเอง แทงค์แก้วขนาดใหญ่เท่าไบสัน ภายในบรรจุ
ของเหลวสีเขียวเอาไว้เต็มหลอกและสิ่งที่แช่อยู่ในของเหลวนั้นคือ ก้อนตะกอนสีดำขนาดใหญ่
บริเวณใจกลางของตะกอน มีสิ่งซึ่งสะท้อนแสงมันวาวคล้ายกับดวงตาคู่หนึ่ง
“ นั่นมันคืออะไรกัน? ” ลิงหนุ่มกล่าวด้วยความฉงน
“ หึๆๆ เจ้าสิ่งที่อยู่ในแทงค์น้ำนี่คือ พิษที่ร้ายกาจที่สุด พิษที่ว่ากันว่ากัดกินมานาได้
มันคือ ราชาปฏิกูล(Foul King) ”
แมวชรา ตอบด้วยเสียงแหบแห้ง และในมือถือขวดแก้วซึ่งบรรจุของเหลวสีเขียวเข้มอยู่เต็มขวด
“ นั่นแกคิดจะทำอะไรน่ะ! ” ลิงหนุ่ม สบถ ไม่ว่าแมวชราตัวนั้นคิดจะใช้ของเหลวในขวดนั้น
ทำอะไรก็ตามมันต้องเป้นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน เขาจึงคิดจะชิงหยุดมันเสียก่อน
ปากจึงเอ่ยร่ายรหัสปลดปล่อยมนตราของตนออกมา “ เกนลูเบนิล ดิ นิลเบล….อ่อก อัก! ”
ไม่ทันที่คำขานรหัสขึ้นต้นจะจบดี โลกิ กลับสำลักน้ำลายออกมากอง เขารู้สึกจุกเสียดที่หน้าท้อง
นั่นเพราะถูก ตุ่นขาว ซัดกำปั้นใส่ที่ท้องของตน มันรุนแรงเกินกว่าที่จะเป็นแรงของ
ตุ่นตัวเล็กๆเช่นนี้ น้ำหนักของหมัดราวกับถูกไบสัน ขวิดใส่ อาการคลื่นเหียนแล่นขึ้นมา
จนรู้สึกหน้ามืด ลิงหนุ่มปล่อยตัวให้ล้มพับลงไปกองกับพื้นในหมัดเดียวเหมือนนักมวยที่ถูกทำ KO
“ ไหงไปอยู่นั่นได้ล่ะเนี่ย ก็เมื่อกี้โดนยิงที่ขาแล้วกระสุนยาชา….อุก ”
ไนติงเกล ตกใจได้ไม่ทันไรรู้สึกตัวอีกหน ตัวเธอล้มลงไปกองอยู่บนพื้นแล้วโดยที่
หน้าอกถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าของตุ่นขาว
/บ้าน่า!ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เคลื่อนไหวแบบนี้มันไม่ใช่สัตว์หางแล้ว ทั้งที่โดนกระสุนยาชาเข้าไปเต็มแต่กลับ
ไม่ช้าลงเลยเนี่ยนะ/
กระต่ายสาวคิด ตอนนี้ถึงเธออยากจะกรีดร้องตกใจก็ร้องไม่ออกเสียแล้ว เพราะแรงกด
จากเท้าของตุ่นขาว กำลังจะขยี้ปอดเธอให้เละไปพร้อมๆกับหน้าอก
“ อยู่เฉยๆดีกว่า ผมไม่มีธุระกับกระต่ายอย่างเธอหรอกนะ ”
ตุ่นขาว พูดพร้อมกัถอนหัวกระสุนที่ฝังอยุ่บนหัวเข่าออกหน้าตาเฉยราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
ทั้งีท่หัวเข็มของกระสุนยาชา นั้นทั้งใหญ่และยาวพอจะสร้างความเจ็บปวดขนาดที่ สัตว์หางเผ่าวาฬ
ยังร้องไห้ได้ แต่ตุ่นที่ตัวเตี้ยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำกลับไม่เจ็บไม่ปวดอะไรเลย
ระหว่างนั้นเอง โลกิ ที่เกือบจะสลบไปได้ประคองสติที่เหลืออยู่ คลานเข้าไปใกล้ตุ่นขาวโดยไม่ให้รู้ตัว
ปากก็พึมพำร่ายคาถาด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ เกนลิเบนิล ดิ นิลเบลู…เกน…. ” โลกิ แบมือขวาออก แล้วดวงไฟก็ลุกติดบนมือข้างนั้น
ไอควันจากดวงไฟ สร้างอักขระโบราณ ขึ้นในอากาศ แล้วเขาก็พูดตามมัน
-----------------------------------------------------------
Eoh Sigel Ansuz
-----------------------------------------------------------
“ ยูวห์ ซีเกล…. ” (วงจรสุริยะเอ๋ย)
โลกิ เกือบจะหมดสติระหว่างที่ร่ายคาถานี้แต่เขาก็ฝืนกลั้นทนเอา และร่ายมันจนจบก่อนจะคว่ำมือ
แปะดวงไฟลงบนพื้นห้อง “ …….อันซูส!! ” (จงตอบรับข้า!!)
สิ้นคำก็บังเกิดวงแหวนไฟแผ่พุ่งออกจาก มือขวาที่คว่ำหน้าอยู่บนพื้น
====================Flash Fire====================
วงแหวนเพลิงขยับเข้าไปใกล้ ตุ่นขาว แล้วเผาก้นของมันไปหนึ่งที
จ๊ากกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ตุ่นขาว สะดุ้งตกใจกระโดดตัวลอยจากพื้น โดยที่มีไฟไหม้ติดก้นไปด้วย
และนั่นคือโอกาสที่จะตอบโต้ เพราะตอนนี้ ไนติงเกล หลุดจากเท้าของ ตุ่นแล้ว
เธอพลิกตัวขึ้นมาพร้อมกับเอามือล้วงลงไปในกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบเอา
ปืนซึ่งมีรูปร่างเหมือนเข็มฉีดยาออกมา ประทับเล็งไปที่แขนของ แมวชรา จังหวะเดียวกับที่
ตุ่นขาว ลงมายืนบนพื้นพอดิบพอดีเธอจึงลั่นไกปืนทันที แสงสว่างวิ่งผ่านออกจากลำกล้อง
ปืนฉายอาบร่างของตุ่นขาว และ แมวชรา ไปพร้อมๆกัน เมื่อแสงสว่างดับลง ร่างของ
ผู้บุกรุกที่อาบแสงเข้าไป ก็แปรเปลี่ยนเป็นรูปปั้นหิน ทำท่าค้างเติ่งอยู่ในท่าก่อนที่จะอาบแสงสว่าง
=================Gorgon Shot==================
“ เห้อ คงเบาใจไปได้เปราะหนึ่งล่ะนะ ” ไนติงเกล ถอนหายใจเธอรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย ที่อาวุธ
ไม้ตายของเธอใช้ได้ผล และเชื่อว่า พวกมันจะขยับไม่ได้ไปซักพัก กระต่ายสาว เบี่ยงความสนใจไปที่
ลิงหนุ่มผู้นอนคู้ตัวบนพื้น
“ เฮ้ เป็นอะไรมากเปล่า นายยังไม่ตายใช่ไหม! ”
“ อึก…จะมีใครปากเสียกว่าเธออีกไหมเนี่ย…อูยยย ”
โลกิ ประชด พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งยันตัวลุกขึ้นและอีกข้างกุมหน้าท้องที่แดงช้ำจาก การถูกต่อย
“ รีบไปตามใครมาช่วยก่อนเถอะ ” ลิงหนุ่มกล่าวถึงแม้ ตอนนี้ร่างของศัตรูจะแน่นิ่งเป็นรูปปั้นหินไปแล้ว
ก็ตามแต่ จากการปะทะที่ผ่านมา ทำให้เขารู้ซึ้งแล้วว่า สัตว์หางเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
“ เอาน่าไม่เห็นต้องหัวเสียไปเลย ยังไงซะตอนนี้พวกมันก็สิ้นท่าไปแล้วเรามีเวลาอีกตั้งเยอะ ”
กระต่ายสาวพูดลอยๆ และปล่อยตัวตามสบายไม่ทันไร เรื่องชวนตกตะลึงก็มาเยือนพวกเขาอีกครั้ง
ฟุ่บ ฟ้าว ฟุ่บๆๆ
ผ้าพันแผลเก่าๆยาวเป็นสายพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง พวกมันออกมาจาก เงามืดของห้องใต้ดินแห่งนี้
แล้วมัดตรึงแขนขาของทั้งสอง และยกให้ลอยขึ้นจากพื้น พวกเขาถูกพันธนาการจนเป็นฝ่ายสิ้นท่า
เสียเองแล้ว
ความสงสัยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเบ่งบานอยู่เต็มอกของพวกเขา สายตาจับจ้องไปที่รูปหินที่ไม่น่าจะขยับได้
แต่มันกลับขยับ รูปปั้นของแมวชรา กำลังควงไม้เท้าที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ ผิวหินของรุปปั้นที่
เกาะอยู่ตามร่างกายกระเทาะ ปริแตกและหลุดออก
“ อาร์ไมม่อน เลิกทำเป็นเล่นได้แล้วข้ารู้นะว่าเจ้าแกล้งอู้งาน สัจจะแห่งผืนดิน
อย่างเจ้าไม่มีทางเสียท่าให้กับเวทย์กลายหินอยู่แล้ว!! ”
แมวชรา สบถและหยุดควงไม้เท้าในมือ
“ อ๊ะ! นั่นสินะครับ ลืมไปซะสนิทเลย ” เสียงดังออกมาจากรูปปั้นตุ่น แล้วผิวหินของมัน
ก็กระเทาแตกหลุดออก ร่างของตุ่นขาวเป็นอิสระจากคำสาปหินแล้ว มันสะบัดหัวและตัวเพื่อให้
เศษหินที่เกาะตามขนหลุดออกไป
“ เฮ้อ นี่แกล้งลืมหรือลืมจริงกันเนี่ย ” แมวชรา บ่นก่อนจะหันกลับไปทำหน้าที่ของตนต่อ
มันเอายกเอาโหลซึ่งบรรจุของเหลวสีเขียวเข้มขึ้นมาเปิดออก จากนั้นเปิดฝาแทงค์น้ำ
ที่บรรจุตะกอนซึ่งเรียกว่า ราชาปฏิกูล เตรียมจะเทของเหลวในขวดลงไปผสมกับน้ำในแทงค์
“ พวกแกเป็นใครกันแน่? แล้วมีจุดประสงค์อะไรกัน ”
ลิงหนุ่มถาม ถึงตอนนี้ตัวเขาจะหมดพิษสงแล้วก็ตามที แต่ความสงสัยในหัวที่มีอยู่แน่นขนัด
ทำให้เผลอพลั้งปากถามออกไป
“ พวกผมน่ะเหรอ? ” ตุ่นขาวขี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ก่อนจะพูดต่อ “ พวกเราคือ
แอ็กเกรเซอร์…..แอ็กเกรเซอร์ จาก เกเฮนน่า (Aggressor of Gehenna) ”
**************โปรดติดตามตอนต่อไป********************
ความคิดเห็น