ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #81 : Login 78: เจรจาสงบศึก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 495
      25
      15 ก.พ. 60

    Login 78: เจรจาสงบศึก

     

                ผู้ที่มาปรากฏตัวต่อหน้าอิงศรคือคนที่โหยหามาตลอด

                ใบหน้าเช่นนั้น เรือนผมสีดำเช่นนั้น ดวงตาแบบนั้น มิ่งขวัญ...

                น้องชายในชุดมนุษย์ต่างดาวเดินแหวกพุ่มไม้ออกมาพร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาด้วย

                “ท่านพี่อิงศร

                มิ่งขวัญพูดแล้วหยุดยืนพลางวางกระเป๋าลง

                “ในที่สุดก็ได้พบกัน

                แล้วพูดมาอย่างนั้น

                “น้องชายพี่ศรนี่! ดีใจด้วยนะครับพี่ศร

                เสียงตื่นเต้นของกวินทร์ดังมาจากด้านหลังเด็กหนุ่มรุ่นน้องวิ่งมาหยุดยืนเคียงข้างแล้วปั้นหน้าดีใจแทนเขาซะอย่างนั้นขณะเดียวกัน...

                “อุ้ยตาย ผู้บ่าวนี่ใครก่อหล่อแต๊หล่อว่าหล่อนักๆ แนะนำให้ฮารู้จักมั่งซิ

                อิซานามิก็กระโดดเข้ามาเกาะไหล่เกาะแขนแล้วหลบอยู่ข้างหลังอิงศรพลางส่งสายตาหยาดเยิ้มใส่มิ่งขวัญ

                “อะโหเจ๊เมื่อกี้บอกว่ามีสามีแล้วไม่ใช่เหรอ นองอก(แรด)มาเชียว

                กวินทร์พูดด้วยสีหน้าลำบากใจและคำพูดที่เหมือนจงใจจะจิกกัดแต่อิซานามิก็หาได้ระแคะระคายแม้แต่น้อยแล้วยังตอบสวนกลับไปอีกว่า

                “”ฮาบ่ใจ้มนุษย์ซะหน่อยจะหากิ๊กเด็กไว้ก็บ่ได้ผิดอะหยังนิ

                อิงศรเมินบทสนทนาที่ฟังไม่สมเป็นเทพเจ้าอย่างที่ประกาศตัวไว้ของอิซานามิแล้วเริ่มถามคำถามกับมิ่งขวัญ

                “แกไม่ใช่ขวัญนี่ แกเป็นใครกันแน่

                ได้ยินดังนั้นกวินทร์ก็แสดงอาการตกใจ

                “เอ๋ เอ่อไม่ใช่เหรอ

                “ก็ดูดีๆ สินายเองก็เคยเจอขวัญมาแล้วใช่ไหมล่ะแต่เจ้าคนที่อยู่ตรงหน้าเรามันไม่ดูโตกว่าคราวก่อนไปหน่อยหรือไง

                มิ่งขวัญที่อยู่ตรงหน้านี้ดูเหมือนจะอายุราว 17 ถึง 18 แต่มิ่งขวัญที่เจอกันคราวก่อนน่าจะอายุ15ซึ่งเทียบตามปีที่พวกเขาพรากจากกันไปก็จะได้เท่านั้นพอดี ดังนั้นมิ่งขวัญตรงหน้านี่จึงไม่ใช่ตัวจริงแต่น่าจะเป็นใครซักคนปลอมตัวมา

                อิงศรนึกถึงรูบิเดียมราชครูที่เจอกันในห้องทดลองใต้ดินของอารย-สนธยาในวันนั้น หล่อนได้เปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นสีดาแล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีที่มนุษย์ต่างดาวปลอมเป็นมนุษย์ NPC มาก่อน ทุกกรณีของการปลอมตัวที่พวกมนุษย์ต่างดาวใช้กันนั้นจะมีจุดร่วมคือมนุษย์ NPC หรือก็คือการปลอมตัวน่าจะมีปัญหาตรงที่ไม่สามารถแสดงชื่อและพลังชีวิตให้เห็นได้

                แต่ตอนนี้อารย-สนธยาทำให้ระบบของเกมหยุดชะงักแถบพลังชีวิตกับชื่อจึงไม่แสดงกันทุกคนอย่างไรเสียการที่มันเลือกปลอมตัวเป็นมิ่งขวัญก็ถือว่าผิดพลาดอย่างแรงเพราะซีลอร์ดเคยบอกเอาไว้ว่ามิ่งขวัญเองก็อาจจะมีเฟืองแบบเดียวกับเขาดังนั้นหมอนั่นก็จะต้องมีชื่อกับแถบพลังชีวิตแสดงอยู่เหมือนกันอย่างแน่นอนแต่เจ้าคนที่อยู่ตรงหน้านี่ไม่มีดังนั้นจึงมั่นใจได้

                อิงศรเล็งธนูใส่มิ่งขวัญตัวปลอม โชคดีทีก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกับอิซานามิเลยทำให้ถืออาวุธติดตัวเอาไว้ตลอด

                “ดูออกรึ

                มิ่งขวัญตัวปลอมกล่าว

                “แหงสิก่อนอื่นเลยตอนนี้ขวัญน่าจะอายุสิบห้าแต่สัดส่วนร่างกายแกดูยังไงก็ไม่ต่ำกว่าสิบเจ็ดแถมยังวิธีพูดจาแบบนั้นอีกขวัญไม่ได้พูดแบบที่แกพูดแค่นี้ดูไม่ออกก็โง่แล้ว

                “ชาวโลกเนี่ยฉลาดกว่าที่เอโนคบอกไว้นะมีพัฒนาการขึ้นมาจากเมื่อพันปีก่อนหรือว่าเพราะสมสู่กับเจ้าพวกนั้นกันนะ

                “เจ้าพวกนั้น?”

                อิงศรทวนคำพูดของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเป็นงง

                “ก็ที่พวกเธอเรียกกันว่าเนฟิลิมไงล่ะ

                ถึงจะพูดขยายมาแต่อิงศรก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอะไรคือ เอโนคอะไรคือ เนฟิลิมหรือบางทีจะเกี่ยวข้องกับตำนานหรือศาสนาอะไรอีกรึเปล่าเพราะชื่อพวกนั้นเหมือนจะเคยคุ้นหูอยู่ว่ามาจากคาบเรียนในวิชาทหารของเมตไตรยพวกวรรณกรรมศาสนาอะไรเทือกนั้น เพียงแต่เขาไม่ค่อยจะตั้งใจเรียกวิชาพวกนี้ซักเท่าไหร่

                มิ่งขวัญตัวปลอมได้พูดมาอีก

                “เป็นพวกที่เคยสมคบคิดกับราชครูที่มีชื่อแรกเกิดว่าฟอสฟอรัสก่อกบฏแล้วหนีลงมายังดาวโลกแห่งนี้น่ะ

                “…”

                แน่นอนว่าอิงศรก็ยังคงไม่เข้าใจเรื่องที่พูดอยู่ดี บางทีมันอาจจะเป็นการเปรียบเปรยเชิงประวัติศาสตร์เหมือนที่ซีลอร์ดเคยพูดให้ฟังมาก่อนหลายๆ อย่างในไบเบิลค่อนข้างจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีต้นตอมาจากพวกที่อยู่ในสวนแห่งที่หนึ่ง

                “…”

                เมื่อเห็นว่าพูดกันไม่ไปไหนฝ่ายนั้นก็เลยออกตัวเปลี่ยนเรื่องคุย

                “เอาเถอะ ตอนแรกก็กะว่าจะลองหลอกให้เชื่อว่าเป็นมิ่งขวัญอยู่หรอกแต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์แล้วสินะถ้าอย่างนั้นก็มาเข้าเรื่องกันเลยเถอะ

                มิ่งขวัญปลอมพูดจบก็ก้มตัวลงแกะกระเป๋าเดินทางโดยไม่แยแสธนูของอิงศรที่กำลังเล็งมาและพร้อมจะแผลงออกไปได้ทุกเมื่อ

                แต่ก็นับเป็นโอกาสหาทางหลบหนีที่ดี

                อิงศรเริ่มประเมินพลังของศัตรู

                ดูจากเครื่องแบบอีกฝ่ายน่าจะชั้นครู

                เพราะไม่มีพลังชีวิตกับชื่อก็เลยพลอยไม่รู้ระดับเลเวลไปด้วยข้อมูลของอีกฝ่ายค่อนข้างจะคลุมเครือ

                แต่ตอนนี้ไม่มีการสนับสนุนจากเกมถ้าอย่างนั้น...

                วินาทีที่อิงศรจนใจจะวิเคราะห์พลังแล้วคิดจะให้พวกพ้องหลบหนีกันซึ่งๆ หน้าไปเลยนั่นเอง

                “อ้อ จริงสิกระผมมีนามว่าแบเรียมเป็นผู้ติดตามของราชครูลำดับที่สองรวมถึงเป็นว่าที่ของเขาด้วยเรื่องพลังน่ะผมเป็นรองแค่รูบิเดียมที่อยู่อันดับสามเท่านั้นเองถึงตอนนี้จะไม่มีระบบของเกมช่วยสนับสนุนแต่พวกเราก็ยังมีพลังเหนือกว่าชาวโลกที่เป็นของดั้งเดิมอยู่นะเธอในตอนนี้เอาชนะกระผมไม่ได้หรอก

                อีกฝ่ายก็ยอมเผยข้อมูลให้โดยจงใจใช้มันข่มขู่ให้เขาวางอาวุธหรือไม่ก็ตั้งใจจะบอกว่าถึงคิดหนีไปก็เปล่าประโยชน์อย่างนั้นสินะ

                แต่อิงศรก็ไม่ลดธนูลงตามที่ว่าเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นหลักประกันไม่ให้ถูกเล่นงานทีเผลอ

                ที่สำคัญคำพูดเมื่อครู่อาจจะเป็นการโกหกพวกมนุษย์ต่างดาวเองก็น่าจะสูญเสียพลังจากเกมไปเหมือนกันและถึงฝ่ายนั้นจะบอกมาว่าพลังเหนือมนุษย์ที่เป็นของดั้งเดิมยังคงหลงเหลืออยู่ก็ไม่น่าจะห่างชั้นกับตัวเขาที่ยังมีพลังสนับสนุนจากเกม

                "แต่สบายใจได้กระผมไม่ได้มาหาเรื่องหรอกนะแค่อยากจะพูดคุยด้วยเท่านั้นเอง"

                แบเรียมพูดมาอย่างนั้น

                ควรจะเชื่อดีรึเปล่าหรือควรจะให้พวกกวินทร์รีบหนีไปแล้วเขาก็สู้ถ่วงเวลา

                อิงศรเลือกอย่างแรก

                ข้อมูลของอีกฝ่ายไม่แน่ชัดจะผลีผลามเคลื่อนไหวก็อันตรายเกินไปบางทีเขาอาจจะไม่ถูกฆ่าแต่กวินทร์น่าจะตายตอนนี้หมอนั่นไม่มีพลังของเกมคอยสนับสนุนแรงกายที่มีก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งคงหนีการไล่ล่าของมนุษย์ต่างดาวไม่พ้นแน่

                อิงศรมองใบหน้าของน้องชายที่อยู่บนตัวแบเรียมแล้วก็รู้สึกรำคาญมันเหมือนถูกยั่วยุอยู่ตลอดเวลา

                "ว่าแต่แกน่ะเมื่อไหร่จะเลิกปลอมตัวซักที"

                แบเรียมหยุดมือที่กำลังรูดซิปกระเป๋าพลางเงยหน้าขึ้น

                "ปลอมตัว?"

                แล้วทำหน้าฉงน

                "ใช่ ก็ตอนนี้พวกฉันรู้แล้วว่าแกไม่ใช่ขวัญเพราะงั้นก็เลิกปลอมตัวซักทีโชว์ใบหน้าแท้ๆ ของแกมาซะ"

                "ใบหน้าแท้ๆ ตอนนี้ก็กำลังทำแบบนั้นอยู่นะ"

                "..."

                หมายความว่ายังไงกัน?

                จะบอกว่าตอนนี้คือหน้าจริงๆ ของมันงั้นรึ

                ...อิงศรคิดแล้วก็จ้องหน้าของมนุษย์ต่างดาวไม่หยุด

                อีกฝ่ายเหมือนจะเข้าใจความสงสัยของเขา

                "อ้อ ชาวโลกไม่รู้เรื่องการกำเนิดของบุตรแห่งแสงสินะ"

                เลยพูดมาแบบนั้น เรื่องที่ว่านั่นอิงศรก็เคยได้ยินจากโดโกบาร์

                พวกมนุษย์ต่างดาวถูกพระเจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อหาสาเหตุการแปดเปื้อน แต่ไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับประเด็นในตอนนี้

                “พวกเราถือกำเนิดขึ้นจากแสงของโซราลิสผู้สร้างแห่งแสงสว่างโดยการฉายแสงลงไปยังชาวโลกแล้วทำให้กำเนิดขึ้นมาดังนั้นพวกเราจึงมีความคล้ายคลึงกันด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าบุตรแห่งแสงแน่นอนว่าจะมีคนที่หน้าเหมือนกระผมหรือคนที่หน้าเหมือนกับเธอด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหมล่ะ

                “…”

                “จริงด้วย!

                จู่ๆ กวินทร์ก็โพล่งมา เด็กหนุ่มทุบมือทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้

                “ก่อนหน้านี้ตอนที่พี่ศรอาละวาดพวกเราได้เห็นหน้าของราชครูลำดับที่หกด้วยล่ะครับหน้าของเจ้านั่นเหมือนพี่เมษาเปี๊ยบเลย

                “ท่านลิเธียมเองก็ได้พบกับรากเหง้าของตัวเองแล้วสินะ

                แบเรียมพูดก่อนจะหันกลับไปจัดการกับกระเป๋าต่อ

                “ถึงพวกเราจะเป็นเหมือนเงาของชาวโลกและมีความคล้ายคลึงกับต้นแบบแต่อัตตาตัวตนข้างในก็ไม่เหมือนกันแล้วดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็นคนๆ เดียวกันหรือเงาของใครอีกจำไว้ด้วยล่ะ

                พลางก็พูดต่อโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา

                อิงศรฟังสิ่งที่อีกฝ่ายอธิบายมาเข้าใจทั้งหมดแล้ว

                พวกมนุษย์ต่างดาวน่าจะมีต้นแบบร่างกายมาจากมนุษย์ก็เลยทำให้มีรูปร่างคล้ายกับคนบนโลกไปด้วยส่วนเรื่องอายุรูปร่างที่ไม่เหมือนกับต้นแบบนั้นอาจจะมีสาเหตุอื่นผนวกรวมเข้ามาด้วย

                “ใบหน้าของมนุษย์น่ะน่อซักพันปีก็จะซ้ำกันซักทีเพราะจำนวนวิญญาณที่มีอย่างจำกัดทำให้การกำเนิดที่เพิ่มมากขึ้นนั้นต้องอาศัยการแตกแขนงจากวิญญาณดั้งเดิม

                คนที่อยู่ๆ ก็เข้ามาอธิบายคืออิซานามิบางทีหล่อนคงอ่านใจเขาได้หรือไม่ก็เป้นพลังของปีศาจที่ทำให้รับรู้ความสงสัยในหัวของเขาได้

                อิงศรมองไปที่อิซานามิพลางคิดไปด้วยว่าทำไมหล่อนถึงรู้เรื่องนั้น

                “ฮาเป็นเทพมารดรน่อก็ต้องฮู้อยู่แล้วก่อที่เป็นแบบนี้ก็เพราะสามีเปิ้นอู้ไว้ตอนหนีฮาไปว่าจะทำให้คนเกิ๋ดวันละพันห้าร้อยคนนั่นแหละน่อมนุษย์ถึงได้ล้นโลกจะอี้

                หญิงผู้อ้างตัวเป็นเทพเจ้าทุบมือลงบนอกตัวเองแล้วเชิดหน้าพูดมาอย่างมั่นอกมั่นใจ

                “ตกลงว่าแกอ่านใจฉันได้เหรอ

                “อ้าว~ คิงนี่ง่าวก่อ ฮาก็อู้กะคิงมาตั้งนานผ่อไม่ออกเลยเรอะ

                อิงศรฟังภาษาถิ่นของหล่อนไม่ค่อยเข้าใจนักแต่พอเดาได้ว่ากำลังโดนด่าดังนั้นปลายคิ้วของเขาจึงกระตุกเล็กน้อยแล้วอีกฝ่ายที่อ่านใจได้ก็คงจะรับรู้อารมณ์ฉุนเฉียวลึกๆ ข้างในนี้ถึงจงใจทำหน้ายั่วยุมา

                “แล่ว แล่ว แล่ว นี่โคดฮาแล้วก่อ

                อิซานามิชี้หน้าเขาแล้วพูดด้วยท่าทียียวนแบบนั้น

                แต่ก็พอสรุปเรื่องราวที่หล่อนต้องการจะสื่อได้ว่าเหตุที่มนุษย์ต่างดาวมีใบหน้าคล้ายกันแต่อายุไม่เท่ากันอาจจะเป็นเพราะใบหน้าของมิ่งขวัญและเมษาที่ไปอยู่บนตัวพวกมนุษย์ต่างดาวคือชาติก่อนในช่วงเวลานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์ในปัจจุบัน

                “…”

                ตอนที่อิงศรคิดว่าจะทำเมินเทพจิตไม่สมประกอบตรงหน้านี่เองแบเรียมก็งัดเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าพอดี มันเป็นจอ LCD ....คิดว่าน่าจะอย่างนั้นเพราะรูปร่างคล้ายกับของที่มีอยู่บนโลกแต่ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย

                “คิดว่าน่าจะได้เวลาพอดีเลยล่ะมั้ง

                แบเรียมพูดแล้วจึงกดปุ่มหนึ่งที่ข้างจอจากนั้นภาพก็ถูกฉายขึ้นบนนั้น

                ในจอมีคนคุ้นหน้าอยู่สองคน

                กุมภา ธุวดารกะ

                ซากิริ อามาเนะ

                นอกจากนั้นก็เป็นพวกทหารของเมตไตรย...แล้วที่กำลังเผชิญหน้ากับพวกนั้นอยู่ก็คือทัพของมนุษย์ต่างดาวที่ตั้งแถวหน้ากระดานเรียงรายอยู่เต็มชายหาด

                สถานที่น่าจะเป็นแถวประตูเมืองติดกับชายทะเล

                ที่ด้านหน้าของทัพมนุษย์ต่างดาวนั้นมีตนหนึ่งยืนล้ำออกมานอกแถวบางทีคงเป็นผู้นำ

                เมื่อลองจ้องดูให้ดีๆ แล้วก็เห็นว่าเป็นเพศหญิง ดูจากชุดน่าจะเป็นชั้นราชครู

                อิงศรนึกออกทันทีว่ามนุษย์ต่างดาวตนนั้นคือราชครูลำดับที่สามรูบิเดียม

                ดูเหมือนว่ารูบิเดียมกำลังมองมาทางนี้

                สายตาของหล่อนกำลังจับจ้องมาทางนี้จริงๆ

     

                ‘ท่าทางจะเจอตัวฝั่งนั้นแล้วนะ

                จากนั้นกุมภาก็พูดมาจากอีกด้าน

                ‘ก็ดี จะได้เริ่มกันซักที

                กุมภาเองก็หันมาทางนี้เช่นกัน

                บางทีหน้าจอของที่นี่คงจะฉายภาพไปทางนั้นผ่านอุปกรณ์บางอย่าง

                กวินทร์กับอิซานามิก้าวถอยกลับไปอยู่ข้างหลังอย่างรู้หน้าที่ดังนั้นอิงศรจึงกลายเป็นตัวแทนของฝั่งนี้ไปโดยปริยาย

                “แล้ว...นี่มันเรื่องอะไรกัน

                อิงศรถามสายตาจับจ้องไปที่กุมภา

                เมษากับมีนาอยู่ที่ไหน... เขาอยากจะถามแบบนั้นอยู่แต่คิดว่าคงไม่เหมาะซักเท่าไหร่และอีกฝ่ายคงไม่ตอบมาแน่ๆ

                ตอนนั้นเองรูบิเดียมก็พูดขึ้นมา

                ‘ถ้าอย่างนั้นก็ขอพูดเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันพวกเราอยากจะเจรจาขอสงบศึกเป็นการชั่วคราว

                “สงบศึกเหรอ!

                เสียงของกวินทร์ที่โพล่งมาจากข้างหลังนั้นสัมผัสได้ถึงความตื่นตระหนกเต็มขั้น อิงศรเองก็เช่นกันดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้จากพวกมนุษย์ต่างดาว

                เผ่าพันธุ์ที่ต่อสู้กันมาอย่างยาวนานถึงสี่ปีจู่ๆ ก็พูดเรื่องขอสงบศึก

                บางทีอาจจะเกี่ยวกับสิ่งที่อารย-สนธยาทำลงไปก็ได้เพราะจากหน้าจอนี้มองเห็นได้ว่าพวกมนุษย์ต่างดาวเองก็ไม่มีแถบพลังชีวิตแสดงขึ้นมาคงได้รับผลกระทบจากการยับยั้งอมฤตไปเหมือนกัน

                อิงศรพูด

                “สงบศึกเนี่ยนะ

                ‘ใช่ เพราะตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหนก็คงกำลังประสบเหตุแบบเดียวกันดังนั้นเป้าหมายของพวกเราก็น่าจะเป็นการจัดการอารย-สนธยาเหมือนๆ กันใช่ไหมล่ะ

                อิงศรเลื่อนสายตาจากรูบิเดียมที่พูดตอบกลับมาไปทางกุมภา

                “แล้วทางนั้นล่ะคิดยังไงกันแน่

                ‘ก็แน่นอนเรายอมรับเงื่อนไขที่เสนอกันมาจากแต่ละฝ่ายแล้วเพราะถ้าต้องมานั่งระแวงกันเองระหว่างที่โจมตีอารย-สนธยาคงทำการโจมตีอย่างเต็มประสิทธิภาพไม่ได้

                กุมภาตอบ

                สรุปคือช่วงเวลาเก้าชั่วโมงที่พวกเขาไม่ถูกไล่ตามก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง

                เก้าชั่วโมงที่ผ่านไปอย่างสูญเปล่าทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากขนาดนี้

                “แล้วไงในเมื่อคุณๆ ผู้ยิ่งใหญ่ตกลงกันเองได้แล้วยังมีธุระอะไรมาคุยกับทางนี้อีกล่ะ

                อิงศรพูดไปแบบนั้นก็จริงแต่เขาพอเดาสาเหตุได้อยู่

                ขณะเดียวกันรูบิเดียมก็ตอบมาจากอีกฟากของจอทีวี

                ‘ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ตอนนี้ทั้งโลกคนที่ยังใช้พลังของเกมโลกาวินาศได้เหลือแค่นายกับมิ่งขวัญสองคนการจะล้มอารย-สนธยาได้จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของชาวโลกแต่ว่าแค่นั้นมันไม่พอหรอกยังต้องมีพลังของพวกนายพี่น้องด้วย

                พอได้ฟังแบบนั้นอิงศรก็นึกภาพห่วงโซ่ขึ้นมา

                ห่วงโซ่ที่ประกอบไปด้วยมนุษย์ ปีศาจ และ มนุษย์ต่างดาว โดยที่เส้นแสดงความเป็นผู้ล่าของมนุษย์ต่างดาวชี้มาที่มนุษย์แล้วเส้นของมนุษย์ก็ลากไปหาปีศาจจากนั้นเส้นของปีศาจก็ลากไปมนุษย์ต่างดาวอีกทีวนกันเป็นห่วงโซ่

                นั่นคือโลกเดิมที่มนุษย์ควบคุมปีศาจเพื่อใช้ฆ่ามนุษย์ต่างดาวแต่เพราะการแทรกแซงของอารย-สนธยาทำให้ความสมดุลของห่วงโซ่ถูกทำลายลงไป กลายเป็นว่าเส้นผู้ล่าของปีศาจลากเข้าหาทั้งมนุษย์กับมนุษย์ต่างดาวตอนนี้โลกกำลังดำเนินไปแบบนั้น

                คำพูดของรูบิเดียมจงใจสื่อถึงข้อความที่ว่ามาอย่างไม่ต้องสงสัย

                มนุษย์ต่างดาวที่เสียเปรียบปีศาจเป็นทุนเดิมก็เลยต้องยื่นมือเข้าหามนุษย์เพื่อให้ช่วยกำจัดปีศาจแต่เพราะมนุษย์เองก็กำลังอ่อนแอลงในเวลานี้เช่นกันดังนั้นขุมกำลังหลักในการต่อกรกับอารย-สนธยาจึงน่าจะเป็นพลังของฟันเฟืองที่เขากับมิ่งขวัญครอบครองอยู่

                “แล้วถ้าฉันปฏิเสธล่ะ

                เพียงเท่านั้นสองผู้นำของแต่ละเผ่าพันธุ์ก็พูดออกมาพร้อมกัน

                ‘ทางนี้มีขวัญเป็นตัวประกันอยู่นะ

                ‘พูดแบบนั้นไม่ห่วงชีวิตของมีนากับเมษาแล้วสินะ

                นั่นปะไร...อิงศรคิด

                ฝ่ายเขาไม่มีสิทธิ์มีเสียงจะต่อรองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เจ้าพวกนั้นมีตัวประกันที่ใช้บังคับเขาให้ยอมจำนน

                อย่างไรเสียอิงศรก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอยู่แล้วเพราะยังก็ต้องไปช่วยนรินทร์จากอารย-สนธยาแล้วก็ถ้าปล่อยเอาไว้โลกจะถูกความว่างเปล่ากัดกินจนหมดพวกเขาเองจะพลอยไม่รอดไปด้วยยังไงก็ต้องเข้าร่วมการเจรจาสงบศึกคราวนี้อยู่ดี ถือว่าครั้งนี้ตัวเลือกไม่ได้ดีหรือเลวร้ายอะไร

                ดังนั้น...

                “ก็ได้ฉันจะยอมให้ความร่วมมือด้วยแต่ว่ามีเงื่อนไขอยู่อย่าง

                อิงศรจ้องไปที่กุมภา

                “มีนากับเมษาอยู่ไหน

                พลเอกหญิงยิ้มกริ่มแล้วตอบกลับมาว่า

                ‘ไม่ต้องห่วงยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็อาการสาหัสเหมือนกันเพราะว่าขัดขืนไม่เข้าเรื่องถ้าไม่อยากให้สองคนนั่นตายก็คงต้องรีบฟื้นฟูระบบของเกมกลับมาล่ะนะเพราะวิทยาการทางแพทย์ของเราเป็นอัมพาตมาตั้งแต่ตอนที่โลกล่มสลายไปแล้วคงยื้อชีวิตสองคนนั่นไม่ได้นานนักหรอก

                “ชิ

                อิงศรเดาะลิ้น

                ดูเหมือนว่าเขาจะถูกคุมเกมเอาไว้หมดแล้วตอนนี้ถ้าไม่ร่วมมือด้วยก็จะต้องสูญเสียพวกพ้องไปและถ้าไม่พยายามจัดการอารย-สนธยาพวกพ้องก็จะต้องตาย

                ไม่มีทางอื่นให้เลือกอีกแล้วสำหรับอิงศรในตอนนี้

                ตัวเขาที่ยึดติดกับพวกพ้องและครอบครัวไม่อาจเลือกหนทางหนีเอาตัวรอดได้เจ้าพวกนั้นรู้ถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอนถึงได้ใช้ตัวประกันต่อรอง

                “…”

                ‘ถ้างั้นก็เป็นอันตกลงรายละเอียดเดี๋ยวจะให้คนที่ส่งไปบอกให้ก็แล้วกันส่วนทางนี้จะส่งทัพหลักที่มีราชครูควบคุมออกไปโจมตีอารย-สนธยาแล้วทางนั้นล่ะ

                รูบิเดียมพูดจากนั้นก็หันไปมองฝั่งกุมภาบ้าง

                ‘ทางนี้จะส่งกิลด์ฝีมือดีที่สุดไปแล้วก็เหล่าเทวทูตที่ยังอยู่ข้างเราจะไปร่วมสมรภูมิด้วยถือว่าเป็นอันตกลงใช่ไหม

                รูบิเดียมพยักหน้าตอบ

                ‘งั้นก็เอาตามนี้

                เสียงของกุมภาดังขึ้นแล้วจอภาพก็ดับลง

                นั่นถือว่าการเจรจาได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย

                อิงศรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

                ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยังถูกองค์กรจูงจมูกโดยที่ขัดขืนอะไรไม่ได้อยู่ดี

                ช่างน่าสมเพช...

                ช่างน่าสมเพชตัวเองเหลือเกิน

                สมเพชตัวเองที่แสนอ่อนแอขนาดนี้

                เด็กหนุ่มแหงนใบหน้าขึ้น มองท้องฟ้าเพื่อหวังให้มันช่วยลบเลือนความรู้สึกอดสูในศักดิ์ศรีของตนเองลงไปได้บ้าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×