ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #80 : Login 77: รอดพ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 512
      27
      13 ก.พ. 60

    Login 77: รอดพ้น

     

                ช่วงเวลาหลังจากที่ อารย-สนธยา ถอยกลับไปไม่นานนัก...

                ทั่วทั้งโลกได้เกิดเหตุการณ์ระบบของเกมหยุดชะงักขึ้นพร้อมกันสาเหตุมาจากอมฤตไม่ถูกแพร่กระจายออกไปด้วยฝีมือของอารย-สนธยา

                จากนั้นก็มีประกาศจากอารย-สนธยาโดยปรากฏขึ้นเป็นหน้าจอระบบแสดงต่อหน้าทุกคนบนโลกอย่างไม่ทราบวิธีการว่าพวกนั้นทำได้อย่างไรแต่เนื้อความมีดังต่อไปนี้

                คิดว่าทุกคนคงจะได้เห็นปรากฏการณ์หายไปของเกมโลกาวินาศกันแล้ว พวกเราคืออารย-สนธยาเป็นผู้สร้างสถานการณ์ในปัจจุบันขึ้นมา

                บนหน้าจอมีเงาของชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มองค์กรอารย-สนธยากำลังพูดประกาศถึงทุกคนบนโลกที่ล่มสลาย

                “โลกแห่งเกมโลกาวินาศที่ทุกคนได้ประสบกับมันคือโลกซึ่งแปดเปื้อนไปด้วยอมฤตคำสาปของพระเจ้าที่ต้องการจะกำจัดมนุษยชาติแต่ตอนนี้พวกเราอารย-สนธยาได้ควบคุมมันไว้แล้วจากนี้ไปมีเรื่องที่ทุกคนควรจะได้ทราบกันเรื่องที่ถูกปกปิดจากพวกต่างดาวความจริงที่ว่าพวกมันไม่ได้ทำให้โลกกลายเป็นเกมและความจริงที่ว่าโลกใบนี้กำลังเผชิญหน้ากับการล่มสลายที่แท้จริง

                ภาพบนจอถูกตัดไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเป็นภาพของเมืองหลวงที่ไหนซักแห่งบนโลกที่ถูกถ่ายมาจากที่ไกลๆ และเมืองแห่งนั้นกำลังถูกความมืดสีดำกลืนกิน....ให้ถูกคือทุกอย่างต่างหากที่กำลังถูกกลืนหายไปในความมืดมิด ทั้งท้องฟ้า ทั้งพื้นดิน ทั้งแม่น้ำ ทุกอย่างกำลังทยอยหายไปจนกระทั่งภาพบนจอเองก็ถูกความมืดกลืนกินจากนั้นสัญญาณภาพก็ถูกตัดไป

                ภาพตัดกลับมาที่เงาของชายคนแรกอีกครั้ง...

                นั่นคือความว่างเปล่า การทำลายล้างที่พระเจ้าได้สรรสร้างขึ้นมาเพื่อกวาดล้างพวกเรามนุษยชาติที่ยังเหลือรอดจากอมฤต น่าเสียดายที่จะต้องบอกว่าตอนนี้ประชากรบนโลกเหลือเพียงแค่ทวีปเอเชียอาคเนย์ไปจนถึงจีน นอกเหนือไปจากนั้นเหล่าประเทศมหาอำนาจต่างๆ ไปจนถึงประเทศที่ถูกลืมซึ่งพวกเรารู้จักกันอย่างอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น อินเดีย และอื่นๆ นั้นได้ถูกลบหายไปหมดแล้ว จากการคาดคะเนน่าจะเหลือเวลาอีกเพียงหกเดือนก่อนที่โลกจะถูกลบหายไปแต่ตอนนี้เพราะการหยุดยั้งอมฤตของพวกเราทำให้มันถูกเร่งให้เร็วขึ้นเวลาจึงเหลืออีกเพียงเจ็ดวันเท่านั้น

                แล้วภาพก็ถูกตัดไปอีกครั้งคราวนี้เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะเป็นวิหารของวัดตั้งอยู่บนพื้นที่มหาศาล วัดที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มีอยู่เพียงแห่งเดียวนั่นคือ มหาวิหารแห่งอารย-สนธยา

                เสียงของชายผู้ประกาศยังคงดังออกมา

                จงอย่าได้หวาดกลัวไป...เพราะนี่คือการรอดพ้นที่มนุษย์แสวงหามานาน วิญญาณของพวกเราจะไม่หายไปและจะแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าคิดผิดที่ลองดีกับพวกเราหากสนใจที่จะคงอยู่ตลอดไปหลังจากความว่างเปล่ามาถึงสามารถเข้าร่วมกับพวกเราอารย-สนธยาได้ตามที่อยู่ในรูปภาพหวังหว่าพวกท่านคงจะรู้จักมันเป็นอย่างดีกันอยู่แล้ว

                ประกาศมีถึงแค่ตรงนี้แล้วหน้าจอที่แสดงทั่วทุกมุมโลกก็ดับหายไป...

     

                หลังกระโดดลงจากชั้นเจ็ดของตึกธุรการที่ใช้จัดการประชุมตระกูลธุวดารกะ

                อิงศรและกวินทร์ก็หนีมาถึงในป่าบนภูเขาที่ตั้งอยู่นอกตัวเมือง ที่จริงแล้ว...อิงศรไม่ได้คิดจะหนีตั้งแต่แรกเขาตั้งใจจะกลับขึ้นไปช่วยมีนากับเมษาที่อยู่ถ่วงเวลาให้พวกเขาแต่ก็ถูกหญิงสาวปริศนาลากถูลู่ถูกังจนมาถึงที่นี่ทำให้จะกลับไปช่วยก็ทำไมได้ซะแล้ว

                ภายในป่าเงียบสงบทั้งที่โดยปกติจะมีสัตว์เทวะอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพราะที่นี่อยู่นอกเขตฮาบิแททพอยท์สาเหตุคงเป็นเพราะอมฤตหายไปทำให้พวกสัตว์เทวะพลอยหายไปด้วยเหมือนกันที่นี่จึงเงียบเชียบราวกับป่าช้า

                พวกเขาเองก็ได้ดูประกาศของอารย-สนธยาจบไปเมื่อเก้าชั่วโมงที่แล้ว

                ตอนนี้จึงเป็นช่วงบ่ายที่แสงแดดแรงกำลังดี

                ตลอดเก้าชั่วโมงที่ผ่านไปนั้นไม่มีวี่แววว่าจะมีคนไล่ตามมา

                อิงศรยืนอยู่บนกิ่งไม้ซุ่มดูต้นทางจากตรงนี้ซึ่งห่างจุดที่พวกพักกันมาพอสมควร

                เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามมาจริงๆ อิงศรก็กระโดลงจากต้นไม้แล้วเดินกลับที่พัก

               

                อิงศรมาถึงที่พัก กวินทร์ที่นั่งรออยู่บนโขดหินมองเห็นเขาจึงลุกขึ้นยืมโบกมือแล้วส่งเสียงมา

                พี่ศร

                ด้วยเสียงที่เบาแค่พอประมาณเพราะไม่รู้ว่านอกจากเส้นทางปกติแล้วพวกเมตไตรยจะไล่ตามมาจากเส้นทางอื่นหรือไม่ดังนั้นพวกเขาจึงซุ่มรออยู่ที่นี่

                ยังไม่มีใครไล่ตามมาเลยแล้วที่นี่ล่ะ

                ก็ไม่มีอะไรเหมือนกันครับ

                กวินทร์ตอบ

                ดูเหมือนพวกเขาจะถูกตัดสินไปว่าไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเมตไตรยในตอนนี้บางทีคงเป็นเพราะประกาศของอารย-สนธยาที่บอกว่าเหลือเวลาอีกเพียงเจ็ดวันโลกจะถูกลบหายไป

                พวกอารย-สนธยารู้เรื่องบททดสอบของพระเจ้าจริงๆ แล้วก็รู้ลึกอย่างไม่ธรรมดาเลยทั้งที่เรื่องแบบนั้นน่าจะมีแค่ซีลอร์ดที่รู้ ประมาณสองชั่วโมงที่แล้วซีลอร์ดก็ติดต่อเข้ามาคุยเรื่องนี้เหมือนกันแต่ก็ไม่ได้คำตอบที่กระจ่างชัดซักเท่าไหร่ว่าทำไมอารย-สนธยาจึงรู้เรื่องไปทั้งหมด

                ซีลอร์ดบอกแค่ว่าเวลาที่พวกนั้นประกาศเอาไว้เป็นความจริงเมื่อไร้ซึ่งอมฤตแล้วความว่างเปล่าก็เพิ่มความเร็วในการกัดกินโลกยิ่งขึ้นไปอีกแถมเหล่าเครื่องทำสวนในเวลานี้ก็พากันสิ้นฤทธิ์ เท่ากับว่าตอนนี้อารย-สนธยาคุมเกมไว้ได้ทั้งหมด

                ถ้าเรื่องนี้ไม่แดงไปถึงเหล่าแอดมินิสเทรเตอร์ก็คงดี

                นั่นเป็นคำพูดทิ้งท้ายของซีลอร์ดก่อนจะวางสายไป แอดมินิสเทรเตอร์ที่เป็นพระเจ้าผู้ควบคุมจัดการความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งถ้ารู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้แล้วจะยังทำอะไรได้อยู่รึเปล่านะหรือว่าอารย-สนธยาเองก็เตรียมการล่วงหน้าไว้ถึงขนาดนั้นด้วย

                อิงศรคิดว่าเรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังก็ได้...

                แล้วเลื่อนสายตาจากรุ่นน้องไปยังหญิงลึกลับที่นั่งอยู่บนโขดหินซึ่งหล่อนเองก็กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน

                หญิงสาวมีใบหน้าเปล่งประกายผิวสีขาวอมชมพูมีน้ำนวลแบบสาวแรกรุ่นอายุราว 20 ต้นๆ

                เรือนผมสีดำมัดรวบไปข้างหลังทำเป็นทรงหางม้า

                ชุดที่ใส่เป็นชุดออกแนวจีนโบราณราวกับหลุดออกมาจากหนังกำลังภายในอย่างไรอย่างนั้นบางที...

                เฮ้ย! หล่อนน่ะเป็นปีศาจใช่ไหม

                อิงศรถามออกไปหลังจากที่คิดทบทวนแล้วว่าความเป็นไปได้เดียวที่หญิงลึกลับผู้นี้จะเป็นปีศาจน่าจะถูกต้องที่สุด

                หญิงสาวหัวเราะ

                ฮะฮะฮะ อะไรกันเดาได้ถูกเผงไปเลยนี่

                เป็นพวกอารย-สนธยางั้นเรอะ

                ถ้าใช่ป่านนี้พวกคิงสองคนได้โดนฆ่าตายไปแล้วล่ะ

                หล่อนพูดพร้อมกับชูไม้เท้าที่น่าจะเป็นของนรินทร์ทำตกไว้ก่อนถูกลักพาตัวไป

                เห็นไม้เท้านี่ก็น่าจะรู้แล้วน่อฮาน่ะเป็นปีศาจที่อาศัยอยู่ในไม้เท้าของเปิ้นเพื่อนคิงไง

                ไม่รู้ว่าปีศาจสาวจงใจหรือว่ามันเป็นภาษาของปีศาจกันแน่แต่เขาฟังมันไม่ค่อยจะรู้เรื่องนักทั้งภาษาประหลาดและสำเนียงที่ฟังดูเหน่อแปลกๆ

                คิงๆ ฮาๆ เปิ้นๆ อะไรตั้งกะเมื่อกี้แล้ววะเนี่ยพูดให้มันเข้าใจหน่อยได้ไหม

                อิงศรตะคอก

                อุบ๊ะ! แล้วจะฮายะอะหยังล่ะก่อก็คนมันพูดแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วน่อ

                หล่อนตะคอกกลับเช่นกัน

                ตอนนั้นเองกวินทร์ก็พูดแทรกเข้ามา

                เอ่อ พี่ศรครับดูเหมือนอาเจ๊แกจะเว่าเหนือน่ะครับถ้ายังไงก็ช่วยทำใจร่มๆ ก่อนเถอะ

                หมายความว่านายฟังออกเหรอที่เจ้าปีศาจนี่มันพูดน่ะ

                กวินทร์พยักหน้าตอบ

                ก็พอฟังได้นิดหน่อยน่ะครับพอดีว่าผมเคยมีญาติที่อยู่เชียงใหม่

                งั้นนายก็จัดการถามมาให้ทีละกันว่ายัยนี่เป็นตัวอะไรมาจากไหนมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

                ดังนั้นจึงโบ้ยหน้าที่ล่ามแปลภาษาให้กวินทร์รับไป แต่ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจกับบ่นตัดพ้อของปีศาจ

                เฮ้อ~ เด็กสมัยนี้น้อ~ ทำไมถึงได้บ่มิไก๊กันแบบนี้น่อฮารึอุตส่าห์เอิ้นภาษาเดียวกันให้ก็แล้วแค่ติดสำเนียงเดิมมานิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นรังเกียจเดียด...

                คำพูดของปีศาจหยุดลงแค่ตรงนั้นเพราะลูกธนูได้พุ่งตัดหน้าหล่อนไปปักเข้ากับไม้เท้าแล้วดึงหลุดจากมือจนไปติดกับต้นไม้ที่อยู่ข้างหลัง

                ลูกศรเพลิงของอิงศรกับไมเท้าของนรินทร์กระแทกเข้ากับเปลือกไม้แล้วร่วงหล่นลงพื้น

                ถึงสำเนียงหล่อนจะเหน่อกับภาษาไม่ให้แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะฟังไม่ออกนะ

                เด็กหนุ่มพูดพลางส่งสายตาเย็นชา

                แต่ปีศาจกลับไม่แสดงอาการตระหนกให้เห็น

                อารมณ์ร้ายจริงน่อคิง ยะแบบนี้กับผู้สาวได้ไงน่อสาวเค้าจะกั๋วกันหมดนา

                ...

                แน่นอนว่าอิงศรฟังที่หล่อนพูดไม่ค่อยเข้าใจแต่กวินทร์ก็ช่วยแปลให้ในทันที

                เอ่อ เขาบอกว่าพี่ศรทำให้เขากลัวน่ะครับ...ประมาณว่ามันไม่งามกับผู้หญิง...

                รุ่นน้องค่อนข้างจะพูดตะกุกตะกักไปบ้างคงจะพยายามแปลเนื้อหาไม่ให้กระทบกระทั่งโดนอารมณ์ของเขา เพียงแต่กวินทร์ยังไม่รู้หรอกว่าเหตุที่เขาจู่โจมใส่ปีศาจนางนี้ไม่ได้มีแค่เหตุผลเรื่องวิธีพูดที่น่ารำคาญนั่นอย่างเดียว

                อิงศรลดคันธนูลงแล้วเดินไปเก้บไม้เท้าก่อนจะหันมาพูดกับปีศาจว่า

                แกไม่ใช่คนนี่นะงั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความเป็นสุภาพบุรุษหรอกแล้วอีกอย่างแกน่ะใช่ลาพาสของนรินทร์จริงๆ เหรอ

                ก็ใช่นี่ฮานี่แหละลาพาส..

                แต่อิงศรก็พูดขัดคำพูดนั้น

                เลิกโกหกได้แล้วน่า

                พลางเรียกหน้าจอแสดงปีศาจที่ติดตั้งเอาไว้ในไม้เท้าขึ้นมา

                ดูเหมือนว่ามีแค่เขาคนเดียวที่ยังเรียกใช้ระบบของเกมกับสิ่งของบางอย่างได้หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีแต่ละอย่างมากกว่า คอนแทกเลนส์ของกองทัพเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ในเกมแต่เป็นการประยุกต์ใช้ส่วนอาวุธกับแอพฯปีศาจเป้นของที่มีอยู่มาตั้งแต่แรกดังนั้นพอมาอยู่ในมือเขาก็เลยทำงานได้ตามปกติบางวทีมันคงเป็นแบบนั้น

                บนหน้าจอแสดงรายการปีศาจที่ติดตั้งกับไม้เท้ามีชื่อของ นัยน์ตาแห่งลาพาส เขียนเอาไว้นั่นน่าจะหมายถึงลาพาสยังอยู่ข้างในไม้เท้าไม่ได้ออกมาข้างนอกเหมือนเวลาที่เขาใช้พลังของอาคานาร์เรียกเอลิกอร์ออกมา

                แกเป็นใครกันแน่แล้วสังกัดอยู่กับฝั่งไหนไอ้ปีศาจ

                อิงศรทิ้งไม้เท้าที่ตรวจสอบแล้วลงพื้นพร้อมกับขึ้นลูกศรอย่างว่องไว

                ความแตกแล้วก่อ ยุ่งยากซะจริงนะ

                ปีศาจกล่าวเช่นนั้นด้วยใบหน้ารำคาญแล้วจึงกระโดดลงจากโขดหิน

                เห็นตัวจริงของคิงแล้วก็อย่าเพิ่งกั๋วกันไปซะล่ะหนูๆ

                สิ้นคำร่างของหล่อนก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างเหมือนตอนที่ซากิริเผยตัวเองว่าเป็นเทวทูตแต่แทนที่หญิงตรงนั้นจะปรากฏกายออกมาเป็นปีศาจที่มีความงดงามหรือน่าเกรงขามแบบเหล่าเทวทูตของธุวดารกะทุกอย่างกลับตรงกันข้าม

                ที่ตรงนั้น...สิ่งซึ่งมายืนอยู่แทนที่หญิงสาวผู้งดงามคือผีโครงกระดูกหุ้มด้วยเนื้อหนังที่เน่าเฟะเต็มไปด้วยหนอนชอนไช

                เพียงแค่แรกสบตาอิงศรก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อยขณะเดียวกันกวินทร์...

                เหวอ...อุบ

                ก็เกือบจะแหกปากร้องด้วยความตกใจแต่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปซะก่อนแล้วจึงวิ่งกลับไปอ้วกที่พงไม้ข้างหลัง

                แหวะ...โอ้ก

                ได้ยินเสียงสำรอกดังข้ามมาถึงทางนี้

                ปีศาจเปล่งเสียงพูดออกมาจากร่างซากศพเน่าของมัน

                เราคือเทพมารดรผู้ให้กำเนิดเทพทั้งปวงนามแห่งเราคืออิซานามิ

                น้ำเสียงแหบแห้งและวิธีพูดจาก็ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

                แต่ทว่า... หล่อนก็กล่าวเพียงแค่นั้นแล้วคืนร่างกลับเป็นมนุษย์

                โธ่ก็เพราะอย่างนี้แหละฮาถึงไม่ชอบให้ใครเห็นร่างจริงสามีฮาพอเห็นร่างนี้เข้าเปิ้นก็หนีเตลิดไปเลย

                หญิงสาวกอดอกพูดไปด้วยพลางชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

                อิงศรถาม

                แล้วตกลงเธออยู่ฝั่งไหนกันแน่

                อิซานามิถอนหายใจแล้วทำหน้าเหนื่อยหน่ายขณะที่หันมองมาทางนี้

                ก็อยากจะอยู่ฝั่งคิงเขานั่นแลที่จริงคือตอนนี้ฮาน่ะมีพลังแค่ครึ่งเดียวเพราะเคยเป็นปีศาจของอาคานาร์เดอะเดธมาก่อนแต่ถูกแยกครึ่งหนึ่ง...ไม่สิน่าจะแค่เสี้ยวเดียวเลยล่ะมั้งนั่นแล้วก็โดนเอามาใส่อยู่ในร่างของนรินทร์เปิ้นนั่นแล แล้วก็งี้น้าอยู่ดีๆมันก็รู้สึกว่าน่าจะหลุดออกไปได้แล้วก็เลยออกมาเดินโทงๆ เช่นนี้แล

                ถึงจะฟังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็พอรู้ว่าอิซานามิคือปีศาจจากอาคานาร์แล้วอาคานาร์นั้นก็เป็นของนรินทร์ นี่มันหมายความว่ายังไง...อิงศรคิด

                ทำไมนรินทร์ถึงได้มีอาคานาร์...มันเหมือนกับที่เขามีรึเปล่า ตอนที่อยากจะถามเรื่องนี้อยู่ๆ ก็รู้สึกจับสัมผัสได้ถึงบางอย่างในบริเวณใกล้ๆ เพราะประสาทสัมผัสที่เฉียบคมในโลกของเกมทำให้ได้ยินเสียเหยียบต้นหญ้าและใบไม้ดังแซ่กๆ เสียงฝีเท้ากำลังมุ่งตรงมาทางนี้ไม่ผิดแน่

                รีบซ่อนก่อนมีใครกำลังมาทางนี้

                อิงศรพูดด้วยเสียงที่เบาพอประมาณแค่ให้ได้ยินกันแต่ทว่า...

                วินาทีถัดมาหลังจากที่เขาพูดออกไปเจ้าของฝีเท้าก็โผล่ออกมาจากพงหญ้าด้านหลัง

                อิงศรหันกลับไปเพื่อจะดูว่าเป็นใคร

                ท่านพี่อิงศร

                มนุษย์ต่างดาวที่แหวกพงหญ้าออกมาเรียกอิงศร

                มนุษย์ต่างดาว....ไม่สิมิ่งขวัญต่างหาก

                ดวงตาของอิงศรเบิกกว้างในวินาทีนั้น

                ขวัญทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×