ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #46 : Login 44: โชคชะตาที่ไขว้สวนกัน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 905
      44
      16 ธ.ค. 59

    Login 44: โชคชะตาที่ไขว้สวนกัน

     

                ทีมของอิงศรเข้าปะทะกับมนุษย์ต่างดาวมิ่งขวัญ

                แต่จะขอย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านั้นซักเล็กน้อย...

                บนถนนเส้นหนึ่งในมหาวิทยาลัย

                อิงศรและพวกพ้องอยู่ระหว่างการเคลื่อนทัพไปยังประตูทิศเหนือ

                พลทหารพิเศษซึ่งมีอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม กวินทร์ วชิระ กำลังเหม่อลอย

                ‘พี่สาวซึ่งเป็นลูกของญาติห่างๆ ลูกพี่ลูกน้องซึ่งสนิทกันมากของเด็กหนุ่มได้พูดขึ้นในความทรงจำ

                ‘การตัดสินแพ้ชนะกันน่ะมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เลือกกลยุทธ์แล้วล่ะ

                ‘ครับ

                ในสมัยนั้นตอนที่โลกยังไม่ล่มสลายลงกวินทร์ได้แต่ตอบรับความเห็นของพี่สาวอย่างสนิทใจโดยไม่นึกสงสัย พี่สาวเป็นนักเล่นเกมที่มากฝีมือเต็มเปี่ยมด้วยพรสวรรค์จนอาจเรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นพระเจ้าแห่งเกมก็ว่าได้แต่แล้วเมื่อโลกล่มสลายลง

                ‘ยังไม่เข้าใจอีกเหรอวิธีเล่นเกมของพวกผู้รุกรานน่ะมันตัดสินกันตั้งแต่ตอนที่จัดชุดสกิลแล้วคนที่ทำได้แค่ต่อสู้ไปตามสกิลที่ฉันจัดให้อย่างนายก็เป็นได้แค่ตุ๊กตาเท่านั้น

                ‘ครับ...

                นับแต่ตอนนั้นมาคำพูดของพี่สาวก็เหมือนจะรุนแรงขึ้น เย็นชาขึ้น และไร้ซึ่งหัวใจมากขึ้นจนในที่สุด...

                ‘ไร้ประโยชน์จริงอยากจะหนีก็รีบไสหัวไปซะ...ไปสิกวินทร์

                “…”

                แล้วกวินทร์ก็หนีเอาตัวรอดโดยทิ้งพี่สาวไว้กับพวกมนุษย์ต่างดาว

                “กวินทร์

                มีเสียงเรียกชื่อของเขาแต่เด็กหนุ่มไม่ตอบ

                “…”

                “เฮ้ กวินทร์

                เสียงนั้นเรียกซ้ำทำให้กวินทร์รับรู้ได้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร อิงศรนั่นเอง

                กวินทร์หันกลับไปข้างหลัง

                “อะ...ครับมีอะไรเหรอครับพี่ศร

                พวกเขานั่งอยู่บนหลังของมังกรกระดูกสามเขาที่มีนาเรียกออกมาเธอนั่งอยู่ข้างหน้าสุดตรงบริเวณคอไล่ลำดับมาเรื่อยๆ ก็จะเป็นเมษา กวินทร์ อิงศร และนรินทร์ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนส่วนกระดูกสันหลัง

                “จะขอเปลี่ยนสกิลของนายน่ะสิเพราะอีกเดี๋ยวเราจะต้องสู้กับเอเลี่ยนแล้วนี่แต่สกิลของนายยังเป็นแบบที่ใช้ต่อสู้กับสัตว์เทวะแบบนั้นมันคงไม่สะดวกใช่ไหมล่ะ

                กวินทร์พยักหน้าให้คำพูดนั้นแล้วจึงเปิดหน้าต่างจัดการสกิลของตนส่งให้อิงศร

                “พี่ศรคิดว่าการจัดสกิลเป็นเรื่องสำคัญที่สุดหรือเปล่าครับ

                ก็ไม่รู้ว่าทำไมกวินทร์รู้สึกอยากจะถามแบบนั้น แต่อิงศรจ้องตอบกลับมาเหมือนไม่เข้าใจ

                “ก็สำคัญอยู่นะเพราะอะไรหลายๆอย่างในการต่อสู้มันก็ต้องพึ่งพาสกิลนี่แต่ว่ามันก็ขึ้นกับตัวคนใช้ด้วยแหละนะ

                “งั้นเหรอครับ

                “ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าเนี่ยจู่ๆ ถึงถามแบบนั้น

                “เปล่าครับไม่มีอะไร

                แล้วกวินทร์ก็หันกลับไปและไม่พูดอะไรอีก อิงศรจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้

                “จะว่าไปคุณอิงศรไม่รู้สึกว่านี่มันแปลกๆ บ้างหรือคะ

                เสียงของมีนาซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าสุดถามมา

                “หือ? หมายถึงที่ถล่มตึกพังพินาศราบเป็นหน้ากลองแถมยังย่ำสวนกับเกาะกลางถนนจนเละเทะเนี่ยน่ะเหรอ

                อิงศรพูดตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถไปถึงจุดหมายได้เร็วที่สุดจึงหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางที่ต้องอ้อมค้อมเพราะถูกขวางไว้ด้วยสิ่งก่อสร้าง มีนาถึงได้เสนอให้นั่งมังกรกระดูกบุกตะลุยโดยไม่สนสิ่งกีดขวางเป็นการวิ่งข้ามมหาลัยไปแบบเป็นเส้นตรง

                แต่เด็กสาวก็พูดมาว่า

                “ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะฉันหมายถึงคำสั่งที่ให้แค่พวกเราห้าคนไปเป็นทัพหนุนก่อนต่างหากไม่คิดว่านี่มันเป๊ะตามตำราเกินไปหน่อยหรือคะ

                คำพูดของมีนาสมเหตุสมผลอิงศรก็คิดเช่นเดียวกันว่าการสั่งการของกองบัญชาการดูแปลกไป ตอนนั้นเองนรินทร์ก็พูดขึ้นมา

                “คือว่าคนสั่งการตอนนี้ไม่ใช่ท่านพลเอกหรอกดูเหมือนจะออกไปข้างนอกเลยให้คนอื่นรับช่วงต่อน่ะ

                “ทิ้งสนามรบไปตอนนี้เนี่ยนะหมอนั่นคิดอะไรอยู่กันแน่

                พออิงศรพูดมาแบบนั้นใบหน้าของนรินทร์ก็เหมือนจะลังเลไปชั่วขณะ

                “คืออันนี้ผมคิดเอาเองนะบางทีท่านพลเอกอาจจะมีเป้าหมายอยู่ที่เดม่อนแอพของเรดบอสคราวนี้ก็ได้

                “หมายความว่าไงน่ะ

                คำถามของอิงศรเป็นคำถามเดียวกับในใจของทุกคน สายตาทั้งหมดจับจ้องไปที่นรินทร์

                “อิงศรรู้เรื่องของเดม่อนแอพที่ใช้สร้างสนามพลังปกป้องค่ายรึเปล่า

                “ก็พอรู้นิดหน่อยเห็นว่าเป็นการประยุกต์ใช้เดม่อนแอพหรืออะไรเนี่ยแหละ

                “ชื่อของเดม่อนนั่นคือโอริวหรือว่าราชามังกรแล้วลองดูพวกสัตว์เทวะที่บุกมาสิแต่ละตัวมีต้นแบบมาจากตัวอะไรบ้าง

                “ก็มีมังกรที่เจอตัวแรกจากนั้นก็เสือแล้วมันทำไมเหรอ

                อิงศรพูดพลางนับนิ้วไปพลาง

                “อีกสองตัวคือหงส์กับเต่าครับแล้วก็เสือน่ะเป็นเสือขาวด้วยถ้าพูดถึงสัตว์ทั้งสี่ตัวนี้แล้วไม่นึกถึงอะไรบ้างเหรอ

                “…”

                อิงศรครุ่นคิดพยายามทำความเข้าใจคำพูดของนรินทร์ มังกร เสือขาว หงส์แล้วก็เต่า คีย์เวิร์ดเหล่านี้วนเวียนไปมาอยู่ภายในสมอง

                สัตว์ทั้งสี่ตัวมักปรากฏในเรื่องเล่าหรือพวกนิทานถ้าอย่างนั้นก็เป็นกระต่ายกับเต่าเหรอ ไม่สิในนั้นมีแค่เต่าไม่มีอีกสามตัว

                ระหว่างที่คิดนั่นเองกวินทร์ก็พูดขึ้นมา

                “อ้ะๆ ผมรู้จักนะครับเรื่องศึกลูกข่างสะท้านฟ้าไง

                ทันใดนั้นสีหน้าของมีนา เมษา และนรินทร์ก็เปลี่ยนไปเหมือนกำลังลำบากใจ

                “มันคืออะไรน่ะ

                อิงศรถาม

                “พี่ศรไม่รู้จักเหรอครับเรื่องนี้ดังออกจะตายนะที่ฉายตอนเช้าช่อง...

                แต่นรินทร์กลับพูดขัดคำพูดของรุ่นน้อง

                “ไม่ใช่นะนั่นมันการ์ตูนต่างหากที่ผมพูดน่ะไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อย

                “อ้าวไม่ใช่เหรอครับ

                พอกวินทร์ทำหน้าไร้เดียงสาตอบกลับมานรินทร์ก็ถอนหายใจ

                รู้สึกเหมือนกับว่ามีแต่เขาคนเดียวที่อยู่นอกวงยังไงก็ไม่รู้...อิงศรคิดแบบนั้น

                จากนั้นมีนาก็พูดดึงทุกคนกลับสู่หัวข้อสนทนา

                “เรื่องที่คุณนรินทร์จะพูดน่ะหมายถึงตำนานของสัตว์เทพพิทักษ์สี่ทิศของจีนใช่ไหมล่ะคะ

                นรินทร์พยักหน้าให้คำพูดนั้น

                “ครับนั่นแหละเรดบอสคราวนี้ดูเหมือนจะมีที่มาจากตำนานของเรื่องนั้นแล้วก็เรื่องที่โอริวเป็นเดม่อนแอพที่ไม่สมบูรณ์ด้วย เคยได้ยินมาว่าตำนานเรื่องสัตว์เทพพิทักษ์ทั้งสี่น่ะมีตัวที่ห้าอยู่

                “จะบอกว่าโอริวอะไรนั่นคือสัตว์เทพตัวที่ห้าเหรอ

                อิงศรพูด

                “ก็ไม่เชิงผมก็แค่เดาเอาล่ะนะว่าบางทีเหตุผลที่ท่านพลเอกแยกตัวจากศูนย์ใหญ่มาตั้งค่ายถึงในเมืองหลวงอาจจะเพื่อเก็บกู้เดม่อนแอพจากเรดบอสคราวนี้เพื่อทำให้โอริวเป็นเดม่อนแอพที่สมบูรณ์ก็ได้

                นรินทร์เล่าสิ่งที่คิดออกมาทั้งหมด

                สรุปก็คือถ้าเป็นอย่างที่เล่ามาจริงๆ โลกนี้ก็คงเพี้ยนเกินไปแล้ว พอกลายเป็นเกมก็มีการอ้างอิงเทวะตำนานมากมายมาเป็นสัตว์ประหลาดล้างบางมนุษย์ ไหนจะมีพวกมนุษย์ต่างดาวอีก แต่อิงศรก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันมีความเป็นไปได้ก็ตัวเขาเองได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดๆ อย่างผู้ถูกลืมเลือนกับการ์ดอาคานาร์ต่างๆ ถ้าดูจากเรื่องนี้แล้วสิ่งที่นรินทร์พูดมาก็มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น

                จู่ๆ มีนาก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตะโกน

                “ทุกคนคะเราใกล้จะถึงแล้วค่ะ

                จากนั้นเมื่อมองไปข้างหน้าก็เห็นประตูทิศเหนืออยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกลนักแต่ที่นั่นมี 'สีน้ำตาล' กำลังก่อตัว อะไรบางอย่างสีน้ำตาลที่น่าจะเป็นฝุ่นหรือทรายกำลังหมุนเหมือนลมพายุ

                เมษาพูด

                “นั่นมันอะไรน่ะพายุทรายเหรอ

                “น่าจะใช่นะ

                นรินทร์พูดตอบพลางสั่งให้แอพพลิเคชั่นปีศาจทำงานเรียกให้แว่นตาปีศาจที่วิเคราะห์ได้ทุกอย่างซึ่งอาจจะมีความสามารถมองทะลุสภาพอากาศด้วยเจ้าตัวถึงได้ใช้เอาในเวลาแบบนี้

                “เป็นท่าที่เกิดจากการผสานของสัตว์เทวะจ่าฝูงที่เหลือสองตัวน่ะแล้วก็ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่พายุทรายธรรมดาๆ ด้วยในนั้นจะมองไม่เห็นหน้าจอแสดงพลังชีวิต

                จากนั้นมังกรกระดูกก็วิ่งมาถึงจุดที่เกือบจะเข้าใกล้พายุทราย ทุกคนลงจากหลังของมังกระดูก

                “โอ้ย

                อิงศรร้อง เสียงของเขาทำให้อีกสี่คนหันมาด้วยใบหน้าตกใจ

                “เฮ้ยเป็นอะไร

                “พี่ศร

                “คุณอิงศร

                นรินทร์เดินเข้ามาใกล้

                “บาดเจ็บงั้นเหรอ

                “เปล่าแค่ทรายมันเข้าตาน่ะคอนแทคเลนส์ก็เลย..."

                อิงศรพูดพลางใช้มือขยี้บริเวณขอบตาที่รู้สึกระคายเคืองจนคอนแทคเลนส์หลุดออกมา เด็กหนุ่มใช้มือรับไว้ทบนคอนแทคเลนส์มีเศษฝุ่นทรายเข้าไปติดอยู่คือสาเหตุนั่นเอง

                “เป็นสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับชั้นแฮะพวกนายไปลุยแนวหน้ากันสามคนละกันชั้นจะยิงสนับสนุนอยู่ข้างนอกนี่

                แล้วหันไปพูดกับนรินทร์

                “ฝากบอกตำแหน่งศัตรูทีละกันไม่มีคอนแทคเลนส์แล้วคงจะเล็งลำบาก

                นรินทร์พยักหน้าตอบแล้วจึงกันไปพูดกับอีกสามคน

                “ถึงสวมแว่นแล้วก็ยังมองเห็นแค่ลางๆ แต่ในนั้นน่าจะมีแค่พันโทข้าวหลามกับมนุษย์ต่างดาวที่เป็นศัตรู ผมจะทำหน้าที่โอเปอเรเตอร์จากตรงนี้ดังนั้นคงสนับสนุนไม่ได้มากขอให้ทั้งสามคนต่อสู้อย่างรอบคอบด้วย

                ในบรรดาสามคนนั่นมีนาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้สนใจฟังนรินทร์แต่หล่อนกลับจ้องมาทางอิงศร

                “ว่าแต่คุณอิงศรสายตาสั้นหรือคะ

                แล้วหล่อนก็ถามมาอย่างนั้น

                “ไม่ใช่ว่าเธอรู้อยู่แล้วหรอกเรอะ

                “ไอ้รู้มันก็รู้อยู่หรอกค่ะแต่อยากถามเหตุผลที่สายตาสั้นมากกว่า

                ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากรู้เรื่องแบบนั้นแต่สายตาของมีนาก็เป็นของจริงหล่อนไม่ได้ถามเล่นๆ หรือตั้งใจก่อกวนแต่อย่างใด

                “ก็...แค่ดูทีวีใกล้เกินไปสมัยเป็นเด็ก...

                แต่เด็กสาวกลับพูดขัดคำพูดของเขา

                “ไม่ใช่ค่ะฉันหมายถึงทำไมโลกล่มสลายไปแล้วคุณอิงศรถึงยังสายตาสั้นอยู่อีกล่ะคะ

                “…”

                “ก่อนหน้านี้ฉันเคยเล่าไปแล้วใช่ไหมคะว่าตัวฉันก่อนที่โลกจะล่มสลายน่ะป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายแล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ

                มีนาพูดแล้วหมุนตัวรอบหนึ่งกระโดดอีกสองรอบก่อนจะพูดว่า

                “เห็นไหมแข็งแรงขนาดนี้เชียวนะคะแล้วทำไมกับอีแค่สายตาสั้นเพราะดูการ์ตูนมากไปตั้งแต่เด็กมันถึงไม่หายล่ะ

                คำถามของหล่อนก็ฟังดูสมเหตุสมผลอยู่หรอก แต่ไม่น่ามาถามท่ามกลางสถานการณ์อย่างนี้ แล้วอีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน

                “ใครมันจะไปรู้เล่าเวลาแบบนี้อย่ามาถามเรื่องไร้สาระได้ป่ะ

                พอพูดไปอย่างนั้นเด็กสาวก็ผุดยิ้ม

                “นั่นสิคะงั้นสัญญาแล้วนะคะว่าถ้าจบสงครามแล้วเราจะมาถกเรื่องนี้กันดังนั้นห้ามใครตายไปก่อนนะค้า~~”

                สรุปว่าหล่อนตั้งใจจะผูกมัดหรือว่าปลุกใจกันแน่ จะอย่างไหนก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชวนให้รู้สึกดีขึ้นเลยซักนิด

                อิงศรจ้องมองมีนาแล้วพูดว่า

                “คำสั่งเสียหรือไงน่ะ...

                “คำสารภาพรักค่ะ

                หล่อนพูดมาแบบนั้นแล้วเวลาก็เหมือนจะหยุดไปพริบตาหนึ่ง

                “ห๊ะ...

                “ล้อเล่นค่ะ

                มีนาพูดตอบทันควันที่เห็นว่าเขาขยับปาก

                “เอาเป็นว่าการล้อเล่นพอแค่นี้แหละค่ะส่วนเรื่องสั่งการก็พูดมาทางแชทก็แล้วกันหน้าที่นำกลุ่มเดี๋ยวฉันทำเอง

                หล่อนพูดแบบนั้นแล้วลากคอเสื้อของน้องชายฝาแฝดกับรุ่นน้องที่ยังตัวแข็งทื่อเพราะคำพูดล้อเล่นนั่นวิ่งดุ่ยๆ เข้าไปในพายุทราย

                จากนั้นนรินทร์ก็พูดว่า

                “เป็นคนขี้เล่นจริงๆ นะเนี่ยคุณมีนา

                “เฮอะ ไม่รู้กาลเทศะล่ะไม่ว่า

                อิงศรพูดแล้วก็รู้สึกได้ว่าสายตาของนรินทร์ที่จ้องมองแผ่นหลังของมีนาซึ่งหายเข้าไปในพายุทรายได้เบี่ยงมาที่ตนแทน

                “ว่าแต่คบกันมานานยัง

                แต่อิงศรไม่รับมุก

                “ว่าไงดีล่ะยัยนั่นคงต้องอกหักล่ะมั้งเพราะชั้นมีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย

                รวมถึงพูดคำโกหกด้วยใบหน้าตายด้านแล้วชักคันธนูออกมา

                “เอ่อที่พูดนั่น

                นรินทร์เหมือนจะยังไม่เลิกตอแยกับเรื่องไร้สาระจนน่าสงสัยว่าหมอนี่ได้เป็นท็อปของค่ายแห่งนี้ได้ยังไง

                “สามคนนั่นไปถึงไหนแล้ว

                นรินทร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ลนลานหันกลับไปมองพายุทรายใช้พลังของแอพพลิเคชั่นปีศาจมองทะลุเข้าไปแล้วรายงาน

                “ดูเหมือนพันโทข้าวหลามจะถูกจับเป็นตัวประกันนะแต่อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่าพวกเราเข้าไปใกล้แล้ว

                ได้ยินแบบนั้นอิงศรก็ถ่ายทอดคำพูดไปถึงสามคนในพายุทรายด้วยหน้าจอสื่อสาร

                “แยกตัวประกันออกไปซะจากระยะนี้มันเสี่ยงยิงโดนพวกเดียวกัน

                หลังจากออกคำสั่งไปแบบนั้นภายในพายุทรายก็เหมือนจะเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมายกใหญ่ ฟังจากเสียงพากย์มวยของนรินทร์...

                “กวินทร์เข้าปะทะแล้วอีกฝ่ายรับได้ อ๊ะ! เปลี่ยนเป็นเมษาแล้ว เอ๊ะ!คราวนี้คุณมีนาเข้าไปโจมตีด้วยทั้งสองคนโจมตีพร้อมกันแต่ว่าหลบได้อีกแล้ว

                ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้นจากการคาดคะเนศัตรูน่าจะมีระดับสูงเอาเรื่องคงจะเป็นชั้นครู แถมยังหลบการโจมตีของทั้งสามคนนั้นได้ทั้งที่ไม่รู้ตัวก่อน

                “ฝ่ายโน้นถอยห่างไปแล้วพันโทข้าวหลามถูกปล่อยตัวแล้วล่ะ

                นี่คือโอกาส...

                แล้วเมื่อมีนาแจ้งเข้ามาที่หน้าจอสื่อสาร

                ‘แยกตัวประกันแล้วค่ะ

                “นรินทร์บอกตำแหน่งในพายุทรายมาทั้งหมดเลย

                “เอ่อ...พวกคุณมีนาสามคนน่าจะตั้งแถวอยู่หน้าศัตรูส่วนพันโทคงจะล้มอยู่

                อิงศรถามใส่หน้าจอสื่อสารไปว่า

                “ตอนนี้มันยืนอยู่หน้าใครในพวกเธอสามคน

                “ฉันเองค่ะ

                เสียงของมีนาตอบมาอย่างนั้น อิงศรยกคันธนูแล้วขึ้นลูกศรพลางถามนรินทร์ว่า

                “ได้ยินแล้วใช่ไหมบอกมาทีว่ายัยมีนาอยู่ตรงไหน

                “ตรงสิบสองนาฬิกาที่อิงศรหันหน้าอยู่นั่นแหละ

                “แปลว่าทางตรงเลยสินะ มีนาย่อตัวลงซะชั้นจะยิงข้ามหัวเธอไปเนี่ยแหละ

                แต่นรินทร์ก็ถามว่า

                “แบบนั้นมันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ

                “ถ้าไม่ใช้วิธีพิสดารโจมตีเข้าไปก็กินมันไม่ลงหรอกฝ่ายนั้นไวขนาดที่หลบการโจมตีของสามคนนั้นแบบไม่ทันตั้งตัวได้นะ

                ตอนนั้นเองเสียงของมีนาก็ดังจากหน้าจอสื่อสาร

                ‘จัดการเลยค่ะ

                อิงศรยิงออกไปโดยไม่ลังเล ไม่แม้แต่จะฟังคำทัดทานของนรินทร์ที่ตามมาหลังจากนั้นด้วย

                “เดี๋ยวก่อน!

                แต่ลูกธนูก็พุ่งออกไปแล้วทะยานเข้าไปในพายุทราย ไม่กี่วินาทีต่อมา...

                ‘เข้าเป้าค่ะ

                ก็มีเสียงของมีนาตอบกลับมาอย่างนั้น ไม่เกินไปจากที่คาดเอาไว้นักเพราะสามปีที่ฝึกฝนกับสิงห์มาถึงจะมองเห็นแค่ลางๆ ก็ยังสามารถยิงได้อย่างแม่นยำในระดับหนึ่ง

                อิงศรจึงเปลี่ยนไปส่งคำพูดถึงทั้งสามคนแทน

                “ที่ชั้นยิงไปคือไลท์เทนนิ่งร็อดแอโร่วใช้สกิลสายฟ้าแล้วมันจะสร้างความเสียหายให้จัดการกันตามสะดวกเลยมันหลบอีกไม่ได้แล้วล่ะ

                จากนั้นก็มีเสียงของมีนาดังมาว่า

                ‘ได้ยินกันแล้วนะ เอาล่ะค่ะมาเริ่มยุทธการสายล่อฟ้าเชือดเอเลี่ยนกันเถอะ

                จากนั้นก็มีประกายแสงวิบวับส่องออกมาจากพายุทรายคงจะเป็นแสงจากการใช้สกิลธาตุสายฟ้า

     

                ภายในพายุทราย

                “จะเป็นใครก็ช่างจะขอจัดการล่ะนะ

                มิ่งขวัญผู้ถูกเล่นงานด้วยธนูของอิงศรขบกรามแล้วพูดคำรามออกมา เบื้องหน้ามีมนุษย์สามคนและอีกคนจับมาได้ตอนแรกซึ่งปล่อยหลุดมือไป

                “เกะกะ

                มิ่งขวัญพึมพำแล้วกระชับดาบในมือ อีกฝ่ายจู่โจมเข้ามา

                กวินทร์กับเมษาโจมตีพร้อมกันด้วยดาบไฟฟ้าและกำปั้นสายฟ้า

                ทั้งหมดนั้นพลาดเป้ามิ่งขวัญเคลื่อนไหวด้วยความเร็วขนาดที่ว่าหากตั้งใจจะฆ่าจริงจังคงทำได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตามความเสียหายจากธนูที่ทำหน้าที่เป็นสายล่อไฟฟ้าซึ่งติดหนึบอยู่บนโล่คือสิ่งเดียวที่หลบไม่ได้ไม่ว่าจะว่องไวแค่ไหนก็ตาม

                “ลุยเลยไทรจัง

                มีนาพูดแล้วม่านทรายเบื้องหลังเด็กสาวก็แหวกออกจากกันเมื่อร่างกายอันใหญ่โตของมังกรกระดูกสามเขาพุ่งออกมา มันตรงดิ่งมาที่มิ่งขวัญ

                “ของแค่นี้กระจอกน่า

                มิ่งขวัญสบถแล้วฟาดดาบแค่ทีเดียวมังกรกระดูกก็เปลี่ยนสภาพเป็นกองกระดูก แต่นั่นเป็นกับดัก

                “ซุสนัคเคิล

                เมษาร่ายสกิลพลางหวดกำปั้นใส่มิ่งขวัญที่ยังไงก็หลบได้อยู่แล้วแต่ที่หวังเอาไว้ไม่ใช้พลังจากการโจมตีของตัวเองแต่เป็นผลพวงจากการใช้สกิลจะทำให้สายล่อฟ้าของอิงศรที่ติดอยู่บนโล่ของศัตรูทำงาน

                มิ่งขวัญรู้ถึงเรื่องนั้น แล้วก็รู้วิธีแก้ทางมันเป็นอย่างดีเพราะว่านี่คือสกิลที่เขากับพี่ชายช่วยกันคิดหาวิธีใช้และแน่นอนว่ารวมไปถึงวิธีแก้ทางด้วย

                เด็กหนุ่มต่างดาวตั้งโล่ขึ้นแล้วพูดว่า

                “โอดินเบรธ

                ทันใดนั้นสายลมก็แผ่พุ่งจากโล่พัดเอาลูกธนูที่มาติดหลุดลอยออกไปไม่เพียงเท่านั้นยังพัดเมษากับกวินทร์กระเด็นกลิ้งโค่โล่ไปด้วยเช่นกัน

                “แย่แล้วสิคะตะกี้ฝ่ายนั้นใช้โอดินเบรธลูกธนูเลยหลุดลอยไปแล้วล่ะค่ะ

                มีนารายงานสถานการณ์ให้อิงศรที่อยู่ปลายสายฟัง

                ‘โอดินเบรธเหรอเจ้านั่นอาชีพเวพ่อนเอนแชนเตอร์งั้นสิ

                “น่าจะใช่ค่ะดูจากที่ถือเรเปียกับโล่แล้วน่าจะบิลด์เป็นไชนิ่งเอ็นฟอร์ซเซอร์ค่ะ

                คำพูดของอิงศรหยุดไปครู่หนึ่งหลังจากรายงานเรื่องอาชีพของมนุษย์ต่างดาวก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

                ‘แล้วเจ้าหลามล่ะ

                “ปลอดภัยค่ะตอนนี้อยู่กับฉัน

                มีนากล่าวพลางก้มมองไปยังพันโทข้าวหลามที่เนื้อตัวสะบักสะบอมนั่งอยู่ข้างๆ

                ‘ขอชั้นคุยกับเขาหน่อย

                พันโทข้าวหลามก็ได้ยินคำพูดนั้นจึงพูดออกไปทันที

                “มาช้าชะมัดเลยนะศรเกือบซี้แล้วนา

                ‘น่าเสียดายรู้งี้แวะกินกาแฟกลางทางให้มันสายอีกซักนิดน่าจะดีนะ

                “ฮะๆๆ อย่าพูดอะไรแล้งน้ำใจนักเลยน่า แต่ว่านะฝากพวกนายจัดการเจ้าเต่ายักษ์นั่นก่อนได้ไหมเนี่ยเพราะท่าทางหลังจากนี้จะยุ่งน่าดูเลยล่ะถ้ายังมีพายุทรายแบบนี้น่ะ

                ‘แล้วจะทำยังไงกับเอเลี่ยนนั่นเล่า

                พันโทข้าวหลามเปิดหน้าจอคลังแล้วหยิบปืนกระบอกใหม่ออกมาคู่หนึ่งแทนที่อันเก่าซึ่งถูกทำลายไปแล้วพูดตอบกลับไปว่า

                “เดี๋ยวชั้นจะถ่วงมันไว้เองได้พักนิดหน่อยพอจะลุกไหวแล้วล่ะ

                พูดจบก็ดีดตัวลุกขึ้นยืนในทันที

                มีนาที่เห็นแบบนั้นก็พูดว่า

                “ถ้างั้นทางนี้ฝากให้พันโทก็แล้วกันนะคะส่วนพวกฉัน...

                ตอนที่ตั้งใจจะแยกกลุ่มไปจัดการสัตว์เทวะก่อนอยู่นั่นเอง

                มิ่งขวัญก็คำราม

                “ไม่ยอมให้ทำแบบนั้นหรอกน่า ลูซิเฟอร์!

                ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกันด้วย มนุษย์ต่างดาวชั้นครูที่มีพลังมากกว่ามนุษย์หกเท่าหูดีถึงขนาดนั้นแต่ยังไม่น่าตกใจเท่าปีกค้างคาวสีดำที่งอกจากกลางหลังนั่น

                ความรู้สึกของมีนาที่มองเห็นสิ่งนั้นก็ทราบได้ในทันทีเพราะเธอมีอาชีพซัมมอนเนอร์ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องแอพพลิเคชั่นปีศาจ

                “นั่นมัน...เดม่อนแอพ

                เด็กสาวหลุดปากออกมา ขณะเดียวกันโล่ของมิ่งขวัญก็เปล่งแสง

                “เอลิเชี่ยนฟินาเล่!!

                ลำแสงแผ่พุ่งจากโล่ จู่โจมใส่สัตว์เทวะหงส์เพลิง ลำแสงทะลวงร่างเพลิงกลวงเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่แล้วช่องว่างนั้นก็ขยายตัวออกจนกระทั่งกลืนกินร่างเพลิงของสัตว์เทวะหายไปในพริบตา

     

    Heraldic Beast Deity: Crimson Feather Lv. 50

    [.....0:59000.....]

     

                สัตว์เทวะจ่าฝูงสิ้นชีพในการโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้วพายุทรายก็สงบลง ทิวทัศน์ในพายุเปิดเผยแก่สายตาของอิงศรกับนรินทร์

                “นั่นมันอะไรกันน่ะ

                อิงศรพูดเมื่อเห็นมนุษย์ต่างดาวมีปีกสีดำปรากฏขึ้นบนหลัง ส่วนนรินทร์ยังคงวิเคราะห์ศัตรูด้วยแว่นตา

                “ไม่จริงน่านี่มันใช้เดม่อนแอพได้ด้วยเหรอ

                “ว่าไงนะเดม่อนแอพ ไหนว่าพวกเอเลี่ยนมันใช้ไม่ได้ไงล่ะ

                แล้วอิงศรก็หันไปพูดกับมีนาผ่านหน้าจอสื่อสาร

                “นี่มันหมายความว่ายังไงน่ะนรินทร์บอกว่าที่เจ้าเอเลี่ยนนั่นใช้คือเดม่อนแอพ

                ‘ไม่รู้สิคะฉันก็ยัง งงๆ อยู่เลยเนี่ย

                มีเสียงของพันโทข้าวหลามดังตามมาจากนั้น

                ‘ซวยแล้วไงไอ้บ้านั่นดันไปฆ่านกซะก่อน

                “หมายความว่ายังไง

                พออิงศรถามนรินทร์ก็ตอบให้

                “คริมสันเฟเธอร์สัตว์เทวะตัวนี้คือหนึ่งในสองตัวที่เรามีข้อมูลอยู่แล้วว่ามันมีความสามรถเมื่อตายเหมือนกับมังกรและเสือที่พวกเราเจอมาด้วยน่ะสิเป็นความสามารถที่จะฟื้นคืนชีพตัวเองพร้อมกับฟื้นพลังให้อีกสามตัวที่เหลือด้วยเพราะงั้นเราถึงให้มันมารวมกันไม่ได้

                ทันทีที่พูดจบสัตว์เทวะที่ถูกยิงตายไปก็ฟื้นกลับมาในสภาพเต็มร้อยรวมถึงฟื้นฟูพลังชีวิตของสัตว์เทวะเต่ายักษ์ให้ด้วย บาดแผลทั้งหมดหายไป ส่วนหางที่เหมือนกับหัวของงูก็หดกลับเข้าไปด้วยกลายสภาพกลับไปเหมือนตอนที่เริ่มต้นอีกครั้ง

     

    Heraldic Beast Deity: Crimson Feather Lv. 50

    [/////590000:59000/////]

     

    Heraldic Beast Deity: Dusk Shell Lv. 50

    [/////60000:60000/////]

     

                ตอนนั้นเอง...

                “ทีนี้ก็จบกันจริงๆ ซักทีนะ

                มิ่งขวัญพูดมาอย่างนั้นแล้วออกวิ่งโดยมีเป้าหมายคือชายคนที่ยิงธนูมาติดกับโล่ของตน

                ไม่ได้มุ่งหวังจะฆ่าอย่างจริงจังเพียงแค่ต้องการสั่งสอนให้รู้สำนึกที่บังอาจใช้วิธีการของพี่ชายกับตนมาเล่นงาน ถึงจะมีคิดเผื่อไปเหมือนกันว่าชายคนนั้นอาจจะเป็นพี่ชายก็ได้แต่ความคิดอันทรงพลังที่ว่า 'ศรไม่มีทางโจมตีใส่เราหรอก' ก็ขัดแย้งใส่ทฤษฎีนั้นจนตกไป

                มนุษย์สามคนที่เคยเข้าจู่โจมเขารู้สึกตัวและกรูกันมาขวางทาง

                “เอเลี่ยนมันจะบุกไปที่แนวหลัง

                เมษาตะโกน

                “สกัดเอาไว้ค่ะ

                มีนาตะโกน

                “ไม่ยอมให้ไปหาพี่ศรหรอกน่า

                กวินทร์พูดแล้วบุกเข้ามาเป็นคนแรกเหวี่ยงดาบที่ยาวกว่าแขนของตัวเองเกือบเท่าตัวและมีสายฟ้าวนพันรอบใบดาบด้วยความรวดเร็วเหนือมนุษย์ในโลกเก่า แต่มิ่งขวัญรับมันได้อย่างสบายๆ พลางดันดาบกลับจนอีกฝ่ายเซถาแล้วเหวี่ยงกำปั้น

                “อั่ก

                เป็นกำปั้นธรรมดาๆ ที่ไม่มีอะไรเลยแต่พอโดนชกเข้าที่ท้องกวินทร์ก็รับรู้ได้ว่าเพียงแค่นี้เขาก็เทียบอีกฝ่ายไม่ติดแล้ว กำปั้นดันหน้าท้องขึ้นมาจนเกือบถึงลิ้นปี่ เด็กหนุ่มหายใจไม่ออกไปพักหนึ่งและเผลอทำดาบหลุดมือก่อนล้มลงนอนลำตัวคู้งอพลางกุมหน้าท้องด้วยสีหน้าทรมาน

                มิ่งขวัญวิ่งผ่านกวินทร์ไปแล้วเบื้องหน้าเมษาก็เข้ามาขวาง

                “เชิ้ตออฟ

                เมษาถอดเสื้อออกเพิ่มพลังด้วยสกิล ตอนนี้ทั้งความเร็วและพลังมีเหนือกว่าเดิมหลายเท่าตัว ถึงกระนั้นแล้วอีกฝ่ายกลับเก็บดาบลงฝักที่เอวแล้วกำหมัดตรงเข้ามาแทนแถมยังยิ้มเหมือนจะท้าทาย

                “หนอย

                เมษาขบกรามแล้วเพิ่มความเร็วในการก้าวเท้าให้มากขึ้นกะว่าจะแลกกับอีกฝ่ายแบบไม่ถอย

                “ซุสนัคเคิล” “ซุสนัคเคิล

     

                ทั้งคู่ร่ายสกิลพร้อมกันเป็นสกิลเดียวกัน สายฟ้าสถิตลงในกำปั้นทั้งสองแล้วการแลกหมัดอันดุเดือดก็เริ่มขึ้นแต่ฝ่ายที่ถูกอัดกลับมีแค่เมษา หมัดไปไม่ถึงตัวของมนุษย์ต่างดาวเลยแม้แต่น้อยไม่แม้แต่จะเฉียดถูกร่างกายด้วยซ้ำ แล้วการแลกกำปั้นก็จบลงที่เมษาถูกกอดคอโน้นตัวลงมาตีเข่าเข้าที่ลิ้นปี่เต็มๆ จนล้มทรุดลง

                มิ่งขวัญผ่านเมษาไปเขาใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการผ่านทั้งสองคน

                ตอนนั้นเองข้าวหลามกับมีนาก็เข้ามาขวางพร้อมๆ กัน

                “ไม่ให้ผ่านไปหรอกค่ะ

                “มาเจอกันอีกรอบหน่อยเป็นไง

                สองคนนั้นพ่นคำพูดสิ้นเปลืองออกมามิ่งขวัญเมินคำพูดแล้วกางปีกบินข้ามไปเลย

                “อ้าวเฮ้ย! กลับมาก่อน

                ได้ยินเสียงของผู้ชายดังไล่หลังมาแต่มิ่งขวัญก็หาได้สนใจยังคงมุ่งหน้าต่อไปทั้งอย่างนั้น

                ด้านอิงศรที่ยังไม่รู้ถึงตัวตนของมนุษย์ต่างดาวซึ่งกำลังหมายปองชีวิตของตนก็...

                “ไม่ไหวแหะ

                บ่นพร่ำเพรื่อแล้วขึ้นลูกศรใหม่ด้วยยันต์อาคม

                “แต่ว่านะเล่นพุ่งมาเป็นเส้นตรงแบบนี้ก็เสร็จชั้นน่ะเซ่

                พูดพร้อมกับปล่อยลูกศรอาคมออกไปแต่อีกฝ่ายก็ชักดาบออกมาแล้วปัดทิ้งไปได้อย่างง่ายดาย

                “ชิ

                อิงศรเดาะลิ้นพลางขึ้นลูกธนูด้วยยันต์อาคมอีก ลูกศรแผลงออกไปแต่ถูกปัดทิ้ง เป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาถึงสี่ครั้ง พอจะเริ่มครั้งที่ห้ามิ่งขวัญก็รุกเข้ามาใกล้แล้ว

                แต่อิงศรกลับยิ้ม ยิ้มด้วยใบหน้าสนุกสนาน

                “ติดกับล่ะนะ

                พูดพลางชักดาบสั้นที่เอวเสียบแผ่นยันต์ลงไปจากนั้นก็ปักมันลงบนพื้นตรงหน้า

                “มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกลนิลพ์

                บรรดาลูกศรที่ถูกปัดทิ้งไปอย่างง่ายดายนั้นหลังตกลงบนพื้นก็ได้กลายเป็นเขตอาคม

                เขตอาคมทั้งห้าได้ถูกกางเป็นที่เรียบร้อย โซ่แสงพุ่งขึ้นมามัดร่างของมนุษย์ต่างดาวแล้วดึงลงมาบนพื้น

                “ปัดโธ่เว้ย!

                มิ่งขวัญสบถพยายามดิ้นให้หลุดจากโซ่แสงแต่การขัดขืนไม่เป็นผล ถึงอย่างนั้นโซ่ก็ยังสู้แรงของปีกที่เกิดจากเดม่อนแอพไม่ได้จึงยังดึงเขาลงไปบนพื้นไม่ได้เช่นกัน

                “ถ้างั้นก็...

                ถ้าอย่างนั้นก็พุ่งลงไปทั้งแบบนี้เลยไปให้ถึงตัวชายคนนั้น มิ่งขวัญที่ตัดสินใจได้ก็บินดิ่งใส่เป้าหมายทันที

                “ยังไม่หมดฤทธิ์อีกเรอะ

                อิงศรยกคันธนูขึ้นแต่กลับรวบรวมสมาธิเล็งไม่ได้อีกฝ่ายทำเรื่องเหนือความคาดหมายแถมยังพุ่งดิ่งลงมาทำให้กะตำแหน่งยิงได้ยาก

                มิ่งขวัญยื่นดาบไปข้างหน้าเท่าที่แขนซึ่งถูกมัดจะเอื้ออำนวยขอเพียงแค่ให้ดาบแทงเป้าหมายได้ก็เกินพอ

                ระยะห่างของทั้งคู่ลดลงทุกขณะรวมถึงภาพของแต่และฝ่ายต่างก็สะท้อนสู่ดวงตาของอีกฝ่าย

                การมองหน้ากันครั้งแรกในรอบสามปี

                มือของทั้งคู่ที่ต่างเล็งอาวุธเข้าใส่กันหยุดลงในวินาทีนั้น

                มิ่งขวัญดวงตาเบิกกว้าง

                “ศ...ศร

                อิงศรก็เช่นกันดวงตาเบิกกว้างด้วยความรู้สึกเหมือนกับฝันไปแต่เค้ารางของใบหน้าที่มองเห็นจากมนุษย์ต่างดาวตนนี้เขาไม่มีวันจำผิดไปได้

                “ขวัญ


    =================================

    ช่วงคุยกันเล็กน้อย

    ความจริงบทนี้อยากหั่นเป็นสองตอนย่อยนะครับเนี่ยฟาดไปซะ20หน้า T_T อยากเขียนฉากสัมพันธ์ของอิงศรกับเพื่อนๆ ก่อนจะไม่มีโอกาส ถือว่าชดเชยอาทิตย์ที่แล้วที่ลงตอนวันศุกร์น้อยเกินไปในตัวละกันครับ จนถึงตอนที่ผมมานั่งพิมพ์ช่วงคุยท้ายตอนอยู่นี่ต้นฉบับตอนต่อไปก็กำลังปั่นอยู่เลย จากนี้ไปจะเข้าไคลแมกซ์ของเนื้อเรื่องทั้งหมดกันแล้วขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมติดตามมาจนถึงตอนนี้ครับ และขอแจ้งข่าวว่าเร็วๆนี้จะรีไรท์ตอนที่1ใหม่อีกรอบ TwT ที่จริงคือผลักตอนที่1ไปตอนที่2แทนแล้วเอาตอนที่1เป็นบทนำ เนื่องจากอยากต้อนรับผู้อ่านใหม่ไม่ให้กลัวกับจำนวนบรรทัดที่มหายาวตั้งแต่บทนำจนพาลหนีไปซะก่อนหากรีไรท์เสร็จแล้วทุกท่านที่ติดตามกันมาก็สามารถย้อนไปอ่านบทนำได้นะครับตั้งใจว่าเขียนเป็นใจความสั้นๆ ให้ผู้อ่านใหม่ได้เข้าใจแกนเรื่องเล็กน้อยก่อนเริ่มฉากวันสิ้นโลกที่อิงศร กับ มิ่งขวัญ จะหนีตายกัน ว่าไปแล้วได้ย้อนกลับไปอ่านตอนแรกใหม่เพื่อหาจุดที่จะนำไปเขียนบทนำนี่ก็ทำเอารู้สึกว่ายาวนานเหลือเกินนะครับกว่าพี่น้องจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งว่างั้นไหม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×