ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #191 : Login 188: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (บทนำ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 198
      8
      9 ม.ค. 61

    Login 188: พงศาวดารแห่งเทวาสุรสงคราม (บทนำ)

     

                มีนากรีดร้อง

                “อ๊ะ...”

                แต่เสียงกลับไม่ออกมา

                เธอถูกอิงศรยิง ถูกยิงเพราะเป็นตัวถ่วงของกลุ่ม เพราะเธอได้รับผลกระทบจากากรขึ้นขับเครื่องทำสวนจนพิกลพิการทางสมอง

                ...ดังนั้นอิงศรจึงยิงเธอ

                ในตอนนั้นเอง ความทรงจำก็เริ่มกลับคืนมา

                “เอ๋!”

                มีนาสะดุ้งตัวอย่างแรงจนเก้าอี้รถเข็นเอนหงายหลัง

                รถเข็นเทร่างสาวน้อยที่ตกอยู่ในห้วงภวังแห่งความแตกตื่นลงไปนอนกองกับพื้นชายหาด

                “ทำอะไรของเธอน่ะ”

                อิงศรถาม

                มีนาพยายามอยู่ครู่หนึ่งจึงพลิกตัวแล้วปีนรถเข็นขึ้นมา

                “ก…ก็เมื่อกี้ จู่ๆ ก็มีภาพคุณอิงศรยิงปืนใส่ฉันที่ขยับตัวไม่ได้แล่นขึ้นมาน่ะค่ะ”

                แต่พอเห็นปืนในมืออิงศรมีนาก็หุบปากเงียบทันที

                หล่อนชี้มาที่ปืนในมือเขา ปืนซึ่งยิงธงออกมา ไม่ใช่ลูกปืน

                “เอ่อ นั่นมัน…อะไรกันคะ”

                แต่อิงศรเมินคำถามของมีนาแล้วหันไปตะโกนพูดกับต้นมะพร้าวที่อยู่ห่างออกไป

                “ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจะต้องทำให้ตกใจด้วยฟระ”

                จากด้านหลังของต้นมะพร้าวนั่นเอง มีเงาตะคุ่มๆ เดินออกมา

                มีนาเพ่งสายตาพยายามมองให้ออกว่าใบหน้าของเจ้าเงาเป็นใคร แต่พอเห็นอย่างชัดเจนแล้ว

                “คุณอิงศร” หล่อนหันเหสายตากลับไปมา “...มีสองคน”

                ระหว่างอิงศรคนที่ยิงปืนกับคนที่เดินออกมาจากต้นมะพร้าว

                อิงศรโยนปืนส่งให้อีกคนหรือก็คือซีเซียมนั่นเอง

                ซีเซียมพูด

                “ยาที่ให้กินเข้าไปก่อนหน้านี้มันมีฤทธิ์กล่อมประสาท เพราะประสาท ยัยนี่ถูกกดทับด้วยพลังของฟันเฟืองกับการผ่าตัดอะไรซักอย่างพอร่างกายผ่านจุดที่วิกฤติที่สุดอย่างความตายมาได้ก็เลยทำให้จิตใจพยายามปิดกั้นตัวเองถึงได้สมองเสื่อมรัวๆ อยู่นั่นไงเพราะงั้นถ้าทำให้ตกใจก็จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองอีกครั้งหนึ่งด้วย”

                ระหว่างที่ซีเซียมอธิบายอยู่นั่นเอง มีนาก็ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องตาเขม็งมาที่พวกเขา พลางก้าวถอยหลังไปด้วยท้าทีกระอักกระอวน

                จะเพราะตกใจหรืออะไรก็ตามแต่มันทำให้หล่อนที่เดินถอยหลังเกิดเสียหลักจนเซถลา

                “เฮ้ ระวังหน่อยสิ”

                เด็กสาวไม่ได้ล้มลงแต่เซไปชนถูกใครบางคนเข้า

                สัมผัสของอีกฝ่ายตรงที่หลังแขนไปโดนเข้านั้นรู้สึกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำแล้วก็เป็นผิวหนังล้วนๆ แต่มีความแข็งภายในที่ค่อนข้างแน่น อีกฝ่ายจะต้องเป็นเด็กผู้ชายแล้วก็ร่างกายกำยำสมส่วนไม่น้อย บางทีคงไม่ได้ใส่เสื้อด้วยเพราะจุดที่หลังแขนไปโดนเข้ามันอยู่ระดับหน้าอกเห็นจะได้

                มีนาหันกลับไปเพื่อจะขอโทษ แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็เปลี่ยนคำพูด

                “น…น้องชายคุณอิงศร”

                มีนาสะดุ้งตัวแทบลอย

                อีกฝ่ายคือมนุษย์ต่างดาวที่สวมแค่กางเกงว่ายน้ำทำให้เห็นเรือนร่างอันกำยำสมส่วนกับแววตาที่เหมือนกับอิงศร นั่นก็ทำให้รู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาแล้ว

                มิ่งขวัญเพ่งสายตามองเด็กสาวแล้วพูดบ่นอย่างไม่พอใจ

                “จะตกใจอะไรกันนักกันหนา”

                เขาพอจะเดาได้ว่าสาวรุ่นพี่ที่อายุเท่ากับอิงศรแต่ตัวสูงถึงแค่ไหล่ของตน กำลังหวาดระแวงความเป็นมนุษย์ต่างดาว

                ตอนนั้นเอง กวินทร์ก็ยื่นหน้าโผล่ออกมาจากทางด้านหลังของมิ่งขวัญ

                เด็กหนุ่มก็สวมแค่กางเกงว่ายน้ำเหมือนกับมิ่งขวัญแล้วโบกมือให้

                จะว่าไปแล้วกางเกงว่ายน้ำที่น้องชายของอิงศรสวมอยู่นั้นก็ดูเหมือนชุดปฏิบัติการใต้ทะเลที่เคยใช้กันตอนออกไปเปลี่ยนอาชีพเทคนิคัลให้ตัวเองมาก่อน

                มีนาจึงสรุปเอาเองจากตรงนั้นว่าคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้อิงศรกับน้องชายได้กลับมาอยู่ด้วยกัน

                กวินทร์พูด

                “พี่มีนาหายความจำเสื่อมแล้วเหรอครับ”

                “ความจำเสื่อม?”

                อิงศรพูดแทรกเข้ามาว่า

                “เออสิ เล่นเอาแทบแย่แน่ะ”

                ต้องใช้เวลาซักพักกว่ามีนาจะใจเย็นลงจนเริ่มคิดได้ หล่อนก็ทุบมือดังปึก

                “จริงด้วย ฉันกับเมษาช่วยกันถ่วงเวลาให้คุณอิงศรหนีไปแล้วจากนั้นฉันก็โดนแทงจากข้างหลังแล้ว....”

                มีนาชะงักคำพูดไป เมื่อรอบตัวเริ่มจะมีคนโผล่ขึ้นมาบนชายหาด เดินมาจากทางป่าบ้าง วิ่งอ้อมชายหาดบ้าง ขึ้นมาจากทะเลบ้าง

                หนึ่งในคนที่เดินออกมาจากป่านั้นคือเมษาที่เดินมาด้วยใบหน้างัวเงียเหมือนเพิ่งตื่น

                “เมษา!”

                น้องชายฝาแฝดที่ถูกเรียกเดินตรงเข้ามาทางนี้ โดยที่ยังใช้มือขยี้ตาให้หายงัวเงีย

                “อาจจะน่าตกใจไปหน่อยแต่นี่เพิ่งผ่านไปสี่วันหลังจากวันที่เราทรยศตระกูลเอง”

                ดูเหมือนเมษาจะเข้าใจความรู้สึกของมีนาเป็นอย่างดีถึงได้ลำดับคำพูดได้ตรงกับช่วงความทรงจำของพี่สาวฝาแฝด

                ระหว่างที่รอให้เมษาอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ฟังอิงศรก็หันไปถามมิ่งขวัญที่กลับมาจากหาเสบียง

                “แล้วเสบียงเป็นยังไงบ้าง”

                น้องชายพยักหน้าให้คำพูดของเขาแล้วเปิดหน้าจอคลังส่งมาให้ดู

                “เก็บมาได้เยอะเลยนี่ไปหาจากแถวไหนน่ะ”

                “ตรงน้ำลึกมีพวกปลาไหลมุดกันอยู่ในซอกหินน่ะ”

                แต่กวินทร์ก็แย้งว่า

                “นั่นมันปะการังต่างหาก”

                “ก็แข็งๆ เหมือนหินก็เลยเรียกหินไง”

                “มันไม่เหมือนกับหินนา คนละอย่างกันเลย”

                เมื่อน้องชายกับรุ่นน้องเริ่มคุยนอกเรื่องกัน อิงศรจึงพักไว้แล้วหันกลับไปคุยกับมีนาต่อ

                ดูเหมือนว่าเมษาจะช่วยอธิบายสถานการณ์โดยรวมให้แล้ว

                “สรุปก็คือฉันถูกพี่กุมภาจับไปผ่าตัดฝังฟันเฟืองที่ทำให้บังคับเครื่องทำสวนที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดม้าที่คุณอิงศรเคยทำให้มันอาละวาดอย่างนั้นสินะ แล้วก็...”

                หล่อนชะงักคำพูดไว้เล็กน้อย สีหน้าลังเลเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่หรือไม่ก็กำลังทำใจเชื่อเรื่องที่เชื่อได้ยาก

                “พี่สิงห์ไม่ได้ถูกพี่กุมภาฆ่าแล้วทั้งสองคนยังเป็นมนุษย์ต่างดาวราชครูลำดับที่หนึ่งกับสามด้วยสินะ”

                หลังจากพูดจบเด็กสาวก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง

                “ดูยังกะเธอทำใจยอมรับได้ง่ายจังเลยนะ”

                อิงศรลองถามดู

                “ก็ทำไงได้ล่ะคะ ฉันก็เคยคิดเอาไว้เหมือนกันว่าพี่สิงห์เขาคงมีความลับอะไรที่ใหญ่มากๆ อุบเอาไว้แน่ๆ ก็เลยไม่ค่อยจะตกใจเท่าไหร่”

                แต่เธอเคยบอกว่าสิงห์นั้นแปลกไปหลังจากได้ครอบครองแอพพลิเคชั่นปีศาจนรสิงห์ นั่นแสดงว่าก่อนหน้านี้เธอไม่เคยรู้เรื่องที่สิงห์แกล้งทำเป็นพี่ชายใจดีก่อนโลกจะล่มสลายเลยดังนั้นคำพูดที่ว่ารู้อยู่แล้วนั่นจึงเป้นเรื่องโกหก หรือไม่ก็...

                หมอนั่นเคยเป็นคนใจดีมาก่อนแต่เปลี่ยนไปเพราะได้รับมอบ นรสิงห์มาจากที่ไหนหรือจากใครซักคน แล้วที่มีนาเห็นเมื่อตอนเป็นเด็กก็คือตัวจริงของหมอนั่น

                อิงศรแค่นเสียงขึ้นจมูก

                “เฮอะ ไม่หรอก ไม่มีทางซะล่ะ”

                ตัวตนของสิงห์ไม่ได้เปลี่ยนไปเขามั่นใจในเรื่องนั้นมากยิ่งกว่ามีนากับเมษาที่เป็นพี่น้องกับหมอนั่นเสียอีก จุดที่เป็นปมให้สงสัยในตอนนี้ก็คือนรสิงห์เป็นแอพพลิเคชั่นปีศาจที่ได้มาจากที่ไหน

                แอพพลิเคชั่นปีศาจซึ่งตัวตนที่แท้จริงนั้นกลับเป็นวิญญาณของเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ ออร์ทิเกสซาร์

                นี่เป็นเรื่องที่เขาคิดว่าจะลองถามซีลอร์ดดูแต่ว่า...

                ซีเซียมพูด

                “งั้นตอนนี้พวกพ้องแกก็กลับมาครบถ้วนทุกคนแล้วไหนลองบอกคำตอบที่ฉันถามไปเมื่อสามวันก่อนเด๊ะ”

                สามวันก่อน

                ตอนที่มาถึงเกาะแห่งนี้ ตอนที่มีนาฟื้นขึ้นมาและอยู่ในอาการอัลไซเมอร์

                บนชายหาดสถานที่เดียวกับที่พวกเขากำลังยืนอยู่ตอนนี้

                ซีเซียมได้บอกกับเขาว่า

                “ไฮโดรเจนฝากให้ฉันดูแลพวกแกจนกว่าจะไปถึงอาคาชิกเรคคอร์ดแล้วก็ฝากคำถามมาด้วย”

                “คำถามอะไร”

                “คงจะรู้แล้วสินะจากที่เพิ่งผ่านมาหยกๆ เนี่ยว่าแอดมินิสเทรเตอร์ฟันธงเรื่องกำจัดวัชพืชไปแล้วหลังจากนี้ไปนายจะทำยังไงต่อ”

                คำถามนั้นกลับมาวนเวียนอยู่ในหัวของอิงศรอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของมีนา

                พวกพ้องคนนี้จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า เขาเอาแต่คิดกังวลเรื่องนั้นจนไม่ได้คิดเรื่องคำถามของซีเซียมเลย

                คำถามที่ซีลอร์ดฝากมาอีกทีมันมีความหมายอย่างไรกันแน่

                มีนาที่เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์และหัวเย็นลงแล้วก็เริ่มพูดจาแซวใส่เขาถึงเรื่องที่ทำเอาไว้กับหล่อนก่อนหน้านี้

                “เจ็บจังเลยค่ะมายิงใส่สาวน้อยแบบนี้ได้ยังไงกันคุณอิงศรใจร้าย”

                อิงศรเหลือบไปมองหล่อนด้วยสายตาเอือมระอา

                “…”

                แต่แล้วก็มีคนแทรกเข้ามาในบทสนทนาอีก คนที่จะกวนบทสนทนาให้ยิ่งออกทะเลไปไกลกว่าเดิม

                “อ้าว อ้าว คุณแฟนหายดีแล้วหรือซุงอิงยินดีด้วยน้า~~”

                โพแทสเซียมนั่นเองกำลังโบกมือให้ขณะเดินผ่านป่าออกมาจากทางรีสอร์ทพร้อมกับลิเธียม

                พอสองคนนั้นเข้ามาใกล้มีนาก็แสดงท่าทางเกร็งๆ ออกมา

                คิดว่าเมษาคงบอกเรื่องที่พวกราชครูบางส่วนมาเข้าร่วมกับฝ่ายพวกเขาไปแล้วแต่เจอของจริงเข้าคงจะตกใจไม่น้อย ก็อีกฝ่ายเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนแถมยังแข้งแกร่งขนาดที่ไล่ต้อนพวกเขาอย่างง่ายดาย

                “เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยสิคะ”

                จู่ๆ พลอยก็เข้ามาดึงชายเสื้อมีนาโดยที่มีพวกเด็กกำพร้าคนอื่นๆ ตามหลังมาด้วย

                ด้วยความที่ทั้งหมดนั่นอายุน้อยกว่าและเป็นเด็กรุ่นน้องมีนาจึง

                “เอ๋ แล้วนี่ใครกันละคะเนี่ย เอ่อ จะว่าไปก็ดูเหมือนกลุ่มเราจะใหญ่ขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนเลยนะคะ”

                พลอยดำเนินคำถามต่อ

                “เอ่อ พี่คะ พี่ชื่อมีนาสินะคะ”       

                “อ่า ใช่จ้ะ”

                “คือว่าพี่เป็นแฟนของพี่อิงศรเหรอคะ”

                ได้ฟังดังนั้นมีนาก็หน้าแดงอย่างเข้าใจได้ง่าย สาเหตุที่พลอยถามคงจะมาจากคำพูดล้อเล่นของโพแทสเซียม

                อิงศรจึงตักเตือน

                “พลอย อย่าเพิ่งมาล้อเล่นกันตอนนี้สิพวกพี่กำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่นะ”

                แต่พลอยไม่ฟังแล้วพูดต่อ

                งั้นก็เป็นแฟนของพี่หัวแดงคนนั้นเหรอคะ

                หล่อนชี้ไปที่เมษาในตอนที่พูด ทำให้มีนายิ้มเจื่อน

                เออ คือพี่กับคุณอิงศรไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ แล้วนายหัวแดงคนนั้นก็เป็นน้องชายของพี่เอง

                มิน่าล่ะถึงได้หน้าเหมือนกันเลยเป็นฝาแฝดหรือคะ

                พลอยพูดว่าหน้าเหมือนกัน แบบนั้นมันก็ต้องรู้ก่อนจะถามแล้วไม่ใช่เหรอว่าอีกฝ่ายเป็นพี่น้อง เป็นฝาแฝดกัน แต่ก็ยังถามแบบนั้นอีก ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไรอยู่กันแน่

                แต่พลอยที่ได้รับคำตอบแล้วก็กล่าวขอโทษ

                ขอโทษที่รบกวนค่ะพี่ศร ไม่มีอะไรแล้ว

                เด็กสาวมีสีหน้าโล่งอกและหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย หรือว่าความหมายของคำถามนั้นบางที...

                อิงศรเหลือบตามองไปทางเมษา หมอนั่นยังอ้าปากหาวหวอดอย่างง่วงงุน

                คนอย่างหมอนี่เนี่ยนะสเป็คพลอย

                เขาส่ายหัวเบาๆ ให้กับความรักที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของคนที่เป็นเหมือนน้องสาว ถึงจะคิดว่าไม่เหมาะสมกันแต่ก็ไม่คิดจะเข้าไปขัดขวางทางเลือกของพลอย

                ให้เจอกับตัวเองนั่นแหละดีที่สุด

                เขาพึมพำกับตัวเอง แต่ดูเหมือนมีนาจะไม่คิดอย่างนั้น

                มองเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหล่อนผุดขึ้นมาแวบหนึ่ง คงรู้สึกตัวถึงความต้องการที่แท้จริงของพลอยแล้วล่ะมั้ง

                มีนาจับไหล่พลอยแล้วก้มลงกระซิบข้างหู ด้วยเสียงที่เบาบวกกับเสียงรอบๆ ทำให้ได้ยินไม่ชัดแต่จับใจความได้ว่า

                ยังเวอร์จิ้นอยู่ค่ะ กับ เพราะงั้นยังสบายใจได้

                แล้วพลอยก็ทำหน้าดีใจแบบที่คาดเดาได้เลยว่าเพราะอะไร

                ขอฝากตัวด้วยค่ะคุณพี่ขา

                “ด้วยความยินดีค่า

                แล้วสองสาวก็เริ่มถกกันถึงเรื่องความรักอย่างสนิทสนม

                เวลาผ่านมาได้ซักพักหนึ่งแล้วแสงแดดจากพระอาทิตย์ก็หมดลง

                ดวงตะวันลับขอบฟ้าและเปลี่ยนเข้าสู่ห้วงรัตติกาล

                ทันทีแสงหายไปชายหาดก็มืดสนิท มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่คนที่อยู่ข้างหน้าตัวเอง

                โดยปกติจะมีแสงจากดวงจันทร์ส่องลงมาบ้างแต่วันนี้เป็นคืนเดือนมืดพอดีทำให้มืดมิดยิ่งกว่าทุกครั้ง

                อากาศเริ่มเย็นลงขึ้นทันใด บรรยากาศเองก็วังเวงเพราะทุกคนพากันหยุดพูดคุยหยุดส่งเสียง

                อิงศรคิดว่ามันถึงเวลาแล้วจึงประกาศออกไปให้ทุกคนได้ยิน

                งั้นเรามาจัดปาร์ตี้บาบีคิวกันเลยก็แล้วกันฉลองที่มีนาหายดีแล้ว

                กวินทร์พูด

                ที่ให้ไปหาเสบียงมาเพิ่มก็เพื่องานนี้เองสินะครับพี่ศร

                ใช่ เพราะยัยนี่เพิ่งฟื้นไม่ได้กินอะไรมาตั้งสี่วันแล้วเดี๋ยวท้องจะครากเอาน่ะสิ

                ถึงจะอยู่ในความมืดมิดแต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตามองค้อนของอีกฝ่าย

                หลังจากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันก่อกองไฟขึ้นมาก่อนโดยใช้ฟืนที่เก็บรวบรวมมาจากในป่าตั้งเมื่อช่วงบ่าย จัดปาร์ตี้บาบีคิวทะเล

                หลังจากเริ่มมื้ออาหารค่ำกันมาได้ซักพัก อิงศรก็แยกตัวออกจากกลุ่มที่นั่งล้อมรอบกองไฟโดยบอกว่าจะไปนั่งตากลมเพราะรู้สึกร้อนจากการนั่งหน้ากองไฟนานๆ

                อิงศรเดินมุ่งหน้าไปทางทิศที่ทะเลตั้งอยู่ ห่างจากกองไฟไปไม่ไกลนักจะมีขอนไม้ยาวอยู่ขอนหนึ่ง

                ที่นั่นซีเซียม โพแทสเซียม ลิเธียม พวกราชครูมนุษย์ต่างดาวมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว พวกเขานัดกันว่าจะประชุมเรื่องต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไรโดยเป็นการพูดคุยกันเองก่อนเพื่อหาแนวทางแล้วค่อยไปหารือกับทุกคนอีกที

                เมื่อเดินมาถึงหน้าขอนไม้ซึ่งซีเซียมนั่งไขว่ห้างรออยู่บนนั้น อีกฝ่ายก็ถามคำถามนำมาทันที

                ยัยนั่นเป็นไงบ้าง

                นั่นน่าจะเป็นคำถามถึงมีนา

                กินไม่บันยะบันยังซะเกือบติดคอน่ะสิ

                ถ้าแข็งแรงแล้วก็ดีไป

                เรื่องมีนาก็รู้สึกขอบคุณอยู่หรอกแต่ว่าทำไมนายถึงมาช่วยพวกฉันล่ะ

                อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่เห็นซีลอร์ดกับหมอนี่คุยกันก็จะรู้เลาๆ อยู่บ้างว่าซีเซียมจะมาร่วมกลุ่มด้วย แต่ไม่นึกว่าจะถึงขั้นมอบความช่วยเหลือให้มากมายขนาดนี้ดังนั้นจึงไม่อยากคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าซีเซียมตั้งใจจะเป็นพวกเดียวกับพวกเขา

                พวกชาวโลกมีเยอะไว้ก่อนนั่นแหละดีแล้วอ่อนแอแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ตายหมดก่อนจะทำการใหญ่สำเร็จกันพอดี

                ซีเซียมให้เหตุผลในเรื่องของกำลังรับมา ซึ่งนั่นหมายความว่า...

                ลองนายพูดแบบนั้นแสดงว่ามีโอกาสจะต้องสู้กับแอดมินิสเทรเตอร์อย่างนั้นเหรอ

                ก็อาจจะ

                อีกฝ่ายตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจ

                ฉันเพิ่งไปที่ห้องของไฮโดรเจน...อันที่เรียกว่ารูนรูมนั่นน่ะ ไปมาก่อนที่จะโผล่มาช่วยพวกนาย ก็เลยได้รู้เรื่องที่ลูนาริสจะไปโผล่ที่นั่น แล้วก็เลยถามไฮโดรเจนไปว่าทางเลือกของนายมันยังมีหวังอยู่อีกรึเปล่า

                แล้วหมอนั่นว่ายังไงบ้าง

                ซีเซียมถอนหายใจนิดหน่อย หรี่ดวงตาลงแล้วจ้องมองมาที่เขา

                จะอธิบายแบบให้เข้าใจคงต้องถามแบบนี้ก่อนล่ะนะ สมมติว่าอวาตาร์ในเกมที่นายเล่นเป็นตัวแรกลองผิดลองถูกจนถึงที่สุดแล้วแต่อัพสกิลกับสเตตัสสะเปะสะปะผิดไปหมดเลยจนต้องลบอวาตาร์นั้นทิ้งแล้วสร้างตัวใหม่มาเล่นให้ถูกต้องกว่าเดิมแต่อวาตาร์ตัวเก่าเกิดร้องขอชีวิตขึ้นมาล่ะนายคิดจะทำยังไง

                “จะบอกว่าพวกฉันก็เหมือนอวาตาร์ในเกมงั้นสิ

                ซีเซียมพยักหน้าให้คำตอบนั้น

                ความรู้สึกของแอดมินิสเทรเตอร์ก็คงจะประมาณนั้นแหละ เพราะงั้นคงรู้สินะว่าพวกนั้นไม่ฟังคำขอร้องของชาวโลก หรือ ของใครทั้งนั้นล่ะ

                เรื่องแค่นั้นไม่เห็นต้องลบตัวเล่นใหม่เลยนี่แค่หาทางรีสกิลสเตตัสซะก็พอ

                .แล้วถ้าสกิลกับสเตตัสร้องขอชีวิตล่ะ

                “…”

                สรุปว่านั่นคือสถานภาพของมนุษย์กับพระเจ้าอย่างนั้นสินะ ไม่ว่ายังไงก็คงไม่ฟังคำอ้อนวอนที่ไม่เกิดประโยชน์กับพวกตนเองเป็นแน่

                แต่ก่อนจะมาพูดเรื่องจะทำยังไงต่อ ฉันอยากรู้มากกว่าว่าซีลอร์ดไปอยู่ไหนทำไมหมอนั่นถึงไม่ยอมมาหาพวกเรากันล่ะ

                เพราะว่าการทดสอบมันเริ่มขึ้นแล้วไงล่ะ

                ทดสอบ ทดสอบอะไรอีก

                ก่อนหน้านี้เขาก็ถูกทดสอบมาแล้ว ให้ต่อสู้กับเครื่องทำสวนที่แข็งแกร่งที่สุดหรือก็คือตัวซีลอร์ดเองนั่นแหละ กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็เล่นเอาปางตายแล้วตอนนี้ยังจะมาทดสอบอะไรอีก เจ้าพวกนั้นชอบทดสอบอะไรกันนักกันหนา

                นายคงไม่ได้ลืมหรอกนะว่าถึงจะอยู่ข้างเดียวกันแต่ไฮโดรเจนก็เป็นเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์เขาต่อต้านผู้ที่สร้างเขาขึ้นมาไม่ได้

                ทั้งที่เป็นแบบนั้น ทั้งที่ต่อต้านไม่ได้แต่กลับมายุแยงให้มนุษย์ต่อต้านแบบนี้มันไม่ตลกเกินไปหน่อยหรือ

                อิงศรได้แต่เก็บงำความรู้สึกอันน่ารำคาญนั่นไว้ในใจ เพราะถึงจะบ่นไปเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเขาเองก็พอจะเข้าใจเหตุผลที่ซีลอร์ดฝืนทำแม้จะขัดกับหน้าที่ของตัวเอง

                หมอนั่นรักในตัวมนุษย์มาก รักมากถึงขนาดยอมเป็นคนทรยศ

                แต่ทั้งที่เครื่องทำสวนทรยศแล้วแอดมินิสเทรเตอร์ยังไม่รู้อีกนี่มันก็อธิบายได้ยากเหมือนกัน

                หรือว่าสาเหตุที่ไม่ได้โผล่หน้ามาที่นี่จะเป็นเพราะถูกจับตาดูอยู่

                ถ้างั้นพวกฉันต้องทำไงบ้างหมอนั่นน่าจะบอกอะไรมาบ้างสิไม่งั้นถึงรู้ความตั้งใจต่อไปของฉันมันก็ไม่มีความหมายอยู่ดี

                ซีเซียมพยักหน้า

                นายจะต้องไปให้คำตอบนั่นกับไฮโดรเจนที่ทางขึ้นไปอาคาชิกเรคคอร์ด

                จู่ๆ ก็มีคำศัพท์ที่ไม่คุ้นโผล่ขึ้นมาในบทสนทนาทำให้อิงศรรู้สึกสับสน

                ทางขึ้นอาคาชิกเรคคอร์ด...มันคืออะไร

                มันก็เหมือนกัลป์เทอมินัลเคลื่อนย้าย มันถูกเรียกว่าบาเบลเป็นเส้นทางเดียวที่จะขึ้นไปยังอาคาชิกเรคคอร์ดจากโลกใบนี้ได้

                ถ้าบอกว่าเหมือนกับเทอร์มินัลเคลื่อนย้ายก็น่าจะหมายถึงเป็นจุดวาร์ปแบบเดียวกับที่ใช้เวลาเดินทางลงไปดันเจี้ยนแบบที่เคยไปเก็บเลเวลกับพามีนาไปเปลี่ยนอาชีพเทคนิคัล

                ซีเซียมพูดต่อ

                แต่มันยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง

                ปัญหาอะไร

                เราไม่รู้ว่าที่ตั้งของเทอร์มินัลนั่นมันอยู่ที่ไหนน่ะสิ

                เฮ้ เฮ้ ไม่ใช่ว่าหมอนั่นต้องบอกมาด้วยหรอกเหรอไม่งั้นจะไปรวมตัวกันได้ยังไงเล่า

                มาถามแบบนั้นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแหละเว้ย ที่พอจะรู้ๆ อยู่ก็มีแค่...

                ทว่า ในตอนนั้นเอง

                กรี้ดด!!”

                ก็มีเสียงกรีดร้องดังมา เสียงของพวกที่อยู่ตรงกองไฟ

                พวกเขาหันไปยังต้นทางเสียงทันที ที่นั่นแสงจากกองไฟทำให้เห็นว่าทุกคนกำลังแตกตื่นและพากันยืนขึ้น

                เกิดอะไรขึ้น!!

                อิงศรตะโกนพร้อมกับวิ่งออกไปทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×