คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #190 : Login 187: ความทรงจำที่ลืมเลือน
Login 187: ความทรงจำที่ลืมเลือน
กาลครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์
เป็นสิงห์ ธุวดารกะ
เป็นคนทรยศ
เป็นราชามนุษย์ต่างดาว
แล้วตอนนี้ก็เป็นแฟรนเซียม
ผู้คิดต่อต้านคำสาปของผู้สร้างหรือแอดมินิสเทรเตอร์หรืออาจจะเรียกว่าพระเจ้าที่ได้สาปใส่มนุษย์เอาไว้
คำสาปที่มีชื่อว่าชะตากรรม
แล้วชะตากรรมที่ว่าก็กำลังจะสำเร็จโทษตนที่คิดต่อต้านอำนาจซึ่งไปควรไปเกี่ยวข้องด้วย
แสงสว่างเจิดจ้า แสงแห่งการลงทัณฑ์ซึ่งเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าถ่าน
ไฟชำระที่แอดมินิสเทรเตอร์ลูนาริสได้ทิ้งลงมายังสวนที่เรียกว่าโลกกำลังแผ่ขยายและเคลื่อนเข้ามาหาเขาที่ไม่สามารถขยับตัวได้
“บ้าเอ้ย”
ทำได้แค่สบถอย่างเจ็บใจเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพลังกดดันของแอดมินิสเทรเตอร์ที่กดร่างกายทุกคนบนชายหาดให้นอนฟุบดินอยู่แบบนี้
แต่ตอนนี้แรงที่ว่าหายไปแล้วเพราะแอดมินิสเทรเตอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ คงจะกลับไปยังสรวงสวรรค์ที่เรียกว่า
‘อาคาชิกแซงทัวรี่’ สถานที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเซิฟเวอร์ส่วนกลางซึ่งควบคุมโลกเอาไว้
แต่ถึงแม้จะไม่มีแรงกดดันนั่นแล้วเขาก็ยังลุกไม่ไหว
เป็นเพราะบาดเจ็บหนักจากที่ถูกดึงฟันเฟืองออกไปจากร่างตำแหน่งของฟันเฟืองที่ถูกดึงออกไปคือตรงบริเวณท้ายทอย
การที่มันแหวกผิวหนังจนทะลุทำให้เลือดไหลออกมามาก
เมื่อรวมกับที่เสียเลือดไปกับการใช้ดาบมังกรเทวะด้วยทำให้ในร่างกายแทบจะไม่มีเลือดเหลือมากพอให้รักษาชีวิตได้ถ้าหากเขายังเป็นมนุษย์ก็คงได้ขาดเลือดตายไปแล้วแต่สำหรับมนุษย์ต่างดาวที่แข็งแกร่งที่สุดมันเพียงแค่ทำให้ขยับตัวไม่ได้
แต่นั่นก็ทำให้ถึงตายได้เหมือนกันหากไม่รีบหนีออกจากที่นี่จะต้องถูกไฟชำระนั้นคลอกจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ไฟได้เคลื่อนเข้าหาอิงศรกับพรรคพวกก่อนแต่เจ้าพวกนั้นจู่ๆ
ก็ถูกแสงห้อมล้อมแล้วหายตัวไป
คงจะหนีไปแล้ว แฟรนเซียมคิดได้ว่านั้นคงจะเป็นฝีมือของซีเซียม
แล้ว…ในตอนนั้นเอง
“สิงห์!”
เสียงของข้าวหลามดังขึ้นที่ข้างหูแต่ไม่รู้ว่าหมอนั่นมาอยู่ข้างๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาอยากจะหันไปมองแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงพอให้ทำแบบนั้น
รู้สึกเหมือนถูกยัดอะไรเข้ามาในมือ
“ท่านสิงห์ขออภัยค่ะ”
เสียงนั่นฟังดูเหมือนวิเชียรมาศ แต่น้ำเสียงแหบต่ำเสียเหลือเกิน
ฟังดูเหมือนกับเสียงของงู
จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกจับยกขึ้น
ภาพทิวทัศน์เปลี่ยนเป็นมองข้างล่างจากมุมสูง
เขาเห็นข้าวหลามกับวิเชียรมาศที่กลายเป็นงูยักษ์กำลังมองขึ้นมา
พวกมนุษย์ต่างดาวบางส่วนที่กำลังคลานหนีแสงไฟชำระกันสุดชีวิต
แต่ไม่เห็นรูบิเดียม
ยัยนั่นคงจะชิงถอยไปก่อนตั้งแต่ตอนที่เห็นเค้าลางว่าแอดมินิสเทรเตอร์จะปรากฏตัว
ถ้าอย่างนั้นทุกคนที่ยังอยู่ที่นี่ก็ไม่มีใครรอดกันหรอกถึงจะจับเขาเหวี่ยงขึ้นมาข้างบนนี่ก็คิดว่าคงตั้งใจให้ลอยออกห่างจากไฟ
แต่ว่าไฟนั่นก็เคลื่อนที่ไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว มันกลืนข้าวหลามกับวิเชียรมาศ
กลืนพวกมนุษย์ต่างดาว
กลืนชายหาด
กลืนทะเล
กลืนทุกสิ่งอย่างแปรเปลี่ยนมันเป็นเถ้าธุลีสีขาวบริสุทธิ์
ยกเว้นเขา…
ในตอนสุดท้ายของความทรงจำ แสงสว่างห้อมล้อมตัวเขาจากนั้นสติก็ขาดหายไปกลางคัน
“…”
แล้วตื่นขึ้นมาที่ไหนซักแห่ง
บนเนินสูงหรืออาจจะเป็นไหล่ภูเขาที่ไหนซักแห่งบนเกาะกลางทะเลที่ห่างไกล
เขามาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
สาเหตุคงจะเป็นเพราะสิ่งที่ข้าวหลามยัดใส่มือเขามา
หลังจากได้พักซักเล็กน้อยก็มีแรวพอจะขยับตัวได้
สิ่งแรกที่แฟรนเซียมทำคือเอาของที่ข้าวหลามยัดใส่มือขึ้นมาดู
กระดาษแผ่นเล็กสีขาวแบบเดียวกับที่พวกอิงศรรับแจกมาจากซีลอร์ดกับซีเซียม
เจ้านี่คงจะเป็นไอเท็มสำหรับทำการเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน
“…”
แฟรนเซียมขยำกระดาษแผ่นนั้น กำมือจนแน่นซีดเป็นสีขาว
จากนั้นจึงลุกขึ้น
กวาดตามองไปรอบๆ
จนกระทั่งไปสะดุดกับจุดหนึ่งของท้องฟ้าที่มีแสงสีขาวตีเป็นเส้นตัดลงมาราวกับจะแบ่งผืนฟ้าออกเป็นสองซีก
“ที่นั่นคือที่ๆ เราจากมาสินะ”
เขาบอกกับตัวอย่างนั้นแล้วกระโดดลงไปจากเนิน
วิ่งตะลุยป่าที่อยู่ด้านล่างของภูเขา
ฝ่าไปจนถึงชายหาด
แค่ทะเลยังหยุดเขาไม่ได้
แฟรนเซียมวิ่งไปบนผิวน้ำด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้ากลับไปยังสนามรบ
”เจ้าพวกนั้น”
…แล้วนั่นก็เป็นช่วงเวลาก่อนที่อิงศรจะฟื้นจากหมดสติจนกระทั่งผ่านการต่อสู้กับจ่าฝูงสัตว์เทวะ
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปสามวัน
มีนาที่มีอาการสูญเสียความทรงจำ
ที่จริงหล่อนเป็นมากกว่านั้น
อาการหนักถึงขั้นความจำในปัจจุบันเสื่อมทันทีที่เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที
มิ่งขวัญไม่ได้อยู่เฝ้าอาการหล่อนร่วมกับทุกคนแต่ออกมาหาเสบียงด้วยกันกับกวินทร์สองคนเท่านั้น
ที่จริงก็ยังมีฟูกับมิกซ์ที่ออกมาหาเสบียงพร้อมกันแต่แยกไปหาในป่าบนภูเขาแล้วก็ตักน้ำดื่นที่ลำธารข้างบน
ดังนั้นเขากับกวินทร์จึงออกมาหาปลาที่ทะเล
ที่เขตน้ำตื้นหน้าชายหาดโดยที่ใส่มาแค่กางเกงว่ายน้ำซึ่งยืมอิงศรมาแล้วพกแต่อาวุธลงมายืนในน้ำที่สูงแค่หน้าอก
ดูเหมือนจะเป้นของที่ผลิตขึ้นใช้ในกองทัพของเมตไตรย
เพราะกวินทร์ก็มีอยู่ตัวหนึ่งเหมือนกัน
“ขวัญมันกระโดดไปทางนั้นแล้ว!”
ให้ถูกคือมาล่าสัตว์เทวะเพื่อเอาไอเท็มอาหารจากพวกมัน
ที่เบื้องหน้าตอนนี้งูทะเลขนาดเท่าเสาไฟฟ้ากำลังโก่งคอเงื้อเขี้ยวพุ่งลงมา
มิ่งขวัญไม่มีท่าทีตกใจ
เด็กหนุ่มเพียงแค่จ้องมองสัตว์เทวะนั่นด้วยสายตาเหม่อลอยครุ่นคิด
เขาครุ่นคิดถึงเรื่องของมีนาที่เป็นหนึ่งในพวกพ้องของพี่ชาย
อิงศรบอกว่าเธอเป็นอัลไซเมอร์ซึ่งมีผลมาจากที่ขึ้นไปขับเครื่องทำสวนซีเซียมก็ยืนยันแบบนั้น
แต่ว่าเขากับอิงศรก็ขึ้นไปขับมาเหมือนกันทำไมถึงไม่เป็นอะไรเลย
หรือว่าอาการยังไม่แสดงกันนะ
มิ่งขวัญเอาแต่ครุ่นคิดด้วยความกังวลว่าตนกับพี่อาจจะได้รับผลกระทบมาเหมือนกัน
ไม่ได้กำลังเป็นห่วงพวกพ้องของพี่ชายที่ไม่ได้รู้จักเลย
เขี้ยวของงูทะเลเข้ามาถึงระยะดาบพอดี
มิ่งขวัญตวัดเรเปียด้วยความเร็วระดับมนุษย์ต่างดาวชั้นครู
หัวของงูทะเลลอยกระเด็นขึ้นไปตกบนชายหาด
ของเหลวสีเขียวข้นพุ่งออกมาจากรอยของร่างที่โดนตัดหัว มิ่งขวัญยกโล่ขึ้นกำบัง
ของเหลวสีเขียวจึงรดใส่โล่ดำของเขา เกิดเสียงเดือดดังฉู่ฉ่า
หยดของเหลวที่ไหลลงลงในน้ำทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย
คิดว่าคงไม่มีพิษหรือไม่ก็กางเกงว่ายน้ำที่ยืมอิงศรมาช่วยป้องกันพิษให้เห็นอวดสรรพคุณมาว่ามีความสามารถป้องกันพิเศษที่สูงมาก
“ยังสุดยอดเหมือนเดิมเลยนะขวัญ”
กวินทร์วิ่งลุยน้ำเข้ามา
เมื่อย่างเท้ามาถึงจุดที่ของเหลวสีเขียวละลายผสมอยู่ก็หยุดฝีเท้าไปดื้อๆ
“โอ๊ะๆๆ”
แล้วทำท่ายกแข้งยกขาถอยหลังกลับไป
แน่นอนว่าน้ำบริเวณนี้ร้อนจัดเหมือนกับอยู่ในหม้อต้มแต่สำหรับเขาที่เป็นมนุษย์ต่างดาวผิวคงหนาเกินไปจนรู้สึกเหมือนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอุ่นมากกว่า
ไม่นานนักของเหลวสีเขียวก็ระเหยไป
ที่จริงมันเหมือนกับเหือดหายไปเองมากกว่า
ระบบของเกมได้ยืนยันว่าพวกเขาจัดการสัตว์เทวะลงแล้วจึงเปลี่ยนร่างกายกับของเหลวของมันเป็นไอเท็ม
ห่อถุงผ้าซึ่งบรรจุของไม่ทราบชนิดกับเหรียญทองและขวดบรรจุยาจำนวนมาก
ปรากฏออกมาหลังจากที่ร่างของสัตว์เทวะหายไป
ของพวกนั้นไม่ไหลแล้วก็ไม่จมไปกับน้ำแต่ลอยอยู่ห่างจากผิวน้ำไม่กี่เซนติเมตร
“เข้ามา”
มิ่งขวัญยื่นมือไปสูบเอาไอเท็มเหล่านั้น
ไอเท็มทั้งหมดจะถูกเก็บเข้าไปในคลังโดยอัตโนมัติ
กวินทร์มองมาทางนี้แล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ยิ้มอะไรของนายน่ะ”
“เปล่า... ก็แค่คิดว่ามันแปลกดีนะ”
“อะไร”
“ก็ผมน่ะตอนที่ได้ยินเรื่องของขวัญจากพี่ศรก็คิดมาตลอดว่าจะต้องเป็นเพื่อนกับขวัญให้ได้เลย”
“แล้วไง คิดจะพูดเรื่องอะไรกันแน่”
หมอนี่มันแปลก...ตั้งแต่ตอนที่เจอกันที่วัดอารย-สนธยา
ก็รู้สึกว่ากวินทร์ให้ความสนใจในตัวเขามากกว่าปกติ
หรือจะบอกว่านั่นเพราะอยากจะเป็นเพื่อนแค่นั้นน่ะเหรอ
“ตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลานานแล้วก็คงจะยากเย็นน่าดูเพราะครั้งแรกที่พวกเราเจอกันก็หันดาบเข้าหากันเลยนี่นา”
ครั้งแรกที่เจอกันตอนนั้น
ไม่ใช่แค่กวินทร์แต่ เมษา มีนา นรินทร์ แล้วก็ศร ที่ยังไม่รู้ว่าเขาได้กลายเป็นมนุษย์ต่างดาวไปนั้นต่างก็เข้าห้ำหั่นกัน
ตัวเขาที่ตั้งใจแค่จะไปช่วยศรออกมาจากเมตไตรย
คิดแค่ว่าช่วยพี่ชายออกมาแล้วจะหนีไปด้วยกันแค่สองคนพี่น้อง
ตอนนี้กลับมายืนแช่น้ำกับเพื่อน แล้วก็ยังมีพวกพ้องที่ฝากท้องรอเสบียงอีกเป็นสิบ อยู่ที่รีสอร์ทร้างบนเกาะข้างหลัง
ดูเหมือนซีเซียมจะเลือกเป้าในการเคลื่อนย้ายตอนที่หนีตายจากการลงทัณฑ์ของแอดมินิสเทรเตอร์เป็นที่นี่โดยเล็งเรื่องที่พักอาศัยกับการหาอาการเอาไว้แต่แรก
“แต่แล้วก็มีเรื่องนู้นเรื่องนี้เกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดรู้ตัวอีกทีเราสองคนก็กลายเป็นเพื่อนกันไปซะแล้ว”
“จ...จู่ๆ พูดอะไรของนายฟระ”
มิ่งขวัญรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองแดงขึ้นมาเล็กน้อยจึงหลบหน้า
ทั้งที่คนที่พูดประโยคหน้าอายพรรค์นั้นอย่างกวินทร์ต่างหากที่ควรจะรู้สึกเขินแบบนี้
“ช่างเหอะรีบไปล่าตัวต่อไปได้แล้วศรบอกว่าคืนนี้จะจัดงานสำคัญด้วยให้ฃ่ามาเยอะๆ
นี่ก็เกือบเย็นแล้วขืนไม่รีบเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก”
มิ่งขวัญพูดตัดบทแล้วเดินตัดหน้ากวินทร์
กะว่าจะมุ่งหน้าลงน้ำลึกไปหาพวกสัตว์เทวะที่ตัวใหญ่กว่านี้แล้วลงไปใต้น้ำกวินทร์จะได้เลิกพูดซะที
แต่
ทว่า...
“ฮะฮะฮะ นี่นายเขินเหรอ!”
กวินทร์กระโจนเข้ามารวบจากด้านหลัง
“อะ เฮ้ย อย่ามากอดกันสิเว้ยเดี๋ยวจม!!”
@@@
อิงศรเข็นรถเข็นอยู่บนระเบียงมทางเดินที่นำไปสู่ห้องพยาบาล
รถเข็นซึ่งทำขึ้นโดยเอาเบาะจากโซฟากับรถเข็นมาประกอบกัน
เป็นวัสดุที่หาได้จากภายในรีสอร์ทเก่าบนเกาะแห่งนี้
ตั้งแต่มาที่นี่ก็ผ่านมาสามวัน
ช่วงสามวันนั้นพวกเขาไม่ได้อยู่เฝ้าไข้มีนาเพียงอย่างเดียวแต่ฝึกฝนและเพิ่มเลเวลด้วยการล่าสัตว์เทวะมาประทังชีวิตไปด้วย
เพียงแค่สามวันนี้นรินทร์กับเมษาที่เลเวลตามหลังก็รุดหน้าตามคนอื่นๆ
ทัน ดูเหมือนซีเซียมที่เป็นคนเลือกปลายทางเป็นเกาะนี้จะตระเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ
สถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คืออาคารหลักของรีสอร์ทที่มีล็อบบี้ต้อนรับลูกค้าไปจนถึงห้องพยาบาล
มีนาอยู่ข้างหลังบานประตูห้องสีฟ้าบานนี้
เขาเปิดประตูแล้วจึงเข็นรถเข้าไป
ภายในห้องเด็กสาวนอนหลับอยู่บนเตียงโดยที่มีเมษาคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ
แต่ดูเหมือนจะผล็อยหลับไปได้ซักพักแล้ว
อิงศรมองภาพนั้นแล้วถอนหายใจ
“ต้องทำใจแข็งสินะเวลาแบบนี้จะมัวมารอคนถ่วงแข้งถ่วงขาไปมันก็ไม่ช่วยอะไร”
แล้วจอดรถเข็นที่ข้างเตียง
อุ้มมีนาขึ้นมาจากเตียงโดยทำให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้หล่อนตื่น
ตอนนี้ถ้าหล่อนตื่นก็จะเอาแต่ถามว่า
‘ตัวเองเป็นใคร’
‘ที่นี่ที่ไหน’
‘คุณเป็นใคร’
วนซ้ำไปซ้ำมาพอตอบแล้วห้านาทีผ่านไปก็จะถามซ้ำอีก
กระทั่งวิธีจะเดินหรือจะยืนหล่อนก็ลืมไปหมดแล้ว ดังนั้นจัดการให้เสร็จๆ
ทั้งที่ยังหลับอยู่แบบนี้นั่นแหละดีที่สุด
อิงศรวางมีนาลงบนรถเข็นแล้วเข็นออกจากห้อง
ออกจากอาคารต้อนรับ เข็นผ่านทางเดินในป่าลงไปที่ชายหาดซึ่งไม่มีใครอยู่
“อะ”
มีนาตื่นขึ้นมาเพราะแรงกระแทกตอนที่เข็นรถข้ามท่อระบายน้ำที่ตัดขวางชายหาดกับทางเดิน
เด็กสาวหันไปมาอย่างลนลานแต่พอหันไปทางชายหาดก็หยุดแล้วทำตาเคลิบเคลิ้มขึ้นมา
“พระอาทิตย์ตกสวยจังเลย”
แล้วพูดขึ้นมาแบบนั้น
ทั้งที่อัลไซเมอร์จนแทบจะจำอะไรไม่ได้แล้วแต่ยังจดจำได้ว่าพระอาทิตย์ตกนั้นงดงาม
ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วควรจะรีบทำให้เสร็จๆ
ไปก่อนที่ฟ้าจะมืด
อิงศรจัดให้รถเข็นหันหน้าเข้าหาทะเลแล้วจึงเดินอ้อมรถเข็นออกไปยืนข้างหน้าโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร
“คุณเป็นใครกันคะ”
มีนาเริ่มถามคำถามเดิมๆ ถ้าตอบไปเดี๋ยวเจ้าหล่อนก็ลืมอีก
“อิงศร”
แต่ถ้าไม่ตอบหล่อนก็จะเอาแต่ถามแล้วก็จะเกิดลนลานจนเสียเรื่องขึ้นมาอีก
“งั้นเหรอคะ”
แต่สามวินาทีถัดมาก็...
“คุณเป็นใครกันคะ”
ความเร็วในการอัลไซเมอร์มันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
จากหน้านาทีเริ่มจะลดหลั่นลงมา โดยเฉพาะวันนี้ลดลงมาเหลือแค่หลักวินาทีไปแล้ว
“เธอไม่ต้องรู้หรอก”
“เอ๋”
อิงศรชักปืนออกมาจากกระเป๋า
เล็งไปที่มีนาซึ่งขยับตัวหนีไม่ได้
“ยินดีต้อนรับกลับมีนา”
ปัง! เสียงปืนดังกึกก้องแต่ก็ถูกลมทะเลพัดกลบไป
ความคิดเห็น