คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #141 : Login 138: การสัพยุทธหน้าพระเจดีย์ อารย-สนธยา
Login 138: การสัพยุทธหน้าพระเจดีย์ อารย-สนธยา
“แถวนี้ก็ยังมีคลื่นรบกวนอยู่ติดต่อกับพรรคพวกของดิฉันไม่ได้เลยค่ะ”
โซเดียมพูดหลังจากพยายามติดต่อไปยังกองกำลังของตัวเองผ่านหน้าจอมาซักพักแล้ว
ถึงตอนที่อยู่ในมิติของจอกศักดิ์สิทธิ์จะเคยสื่อสารระยะใกล้ๆ
ได้ผลมาแล้วแต่พอออกมาข้างนอกกลับทำไม่ได้แม้แต่กับพวกพ้องในปาร์ตี้ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่
หน้าจอสื่อสารไม่มีสัญญาณตอบรับกับใครเลย
อิงศรพยักหน้าให้คำพูดของราชครูสาวแล้วบอกผลการสื่อสารของทางตนกลับไปด้วย
“ฉันเองก็เป็นห่วงเพื่อนอยู่เลยลองติดต่อไปแต่ก็ไม่ได้เหมือนกันคงจะเป็นเพราะเขตแดนของปีศาจที่ชื่อจาตุมหาราชิกกานั่นแหละ”
ก่อนหน้านี้เกวตซัลโกอัตเคยพูดเอาไว้แบบนั้น
บอกว่าเป็นเขตแดนที่มีไว้เพิ่มพลังให้ปีศาจ
ทำให้มนุษย์คลุ้มคลั่งได้ง่ายขึ้น
บางทีอาจจะมีไว้ป้องกันสัตว์เทวะด้วยเพราะมิกซ์บอกว่ามีเขตแดนที่คล้ายกับฮาบิแททพอยซ์ลดอัตราเกิดของสัตว์เทวะกางล้อมรอบ
อารย-สนธยา
“เอาเถอะถ้าไปถึงเจดีย์นั่นคงเจอใครมั่งแหละ”
อิงศรพูดแล้วปิดหน้าจอสื่อสาร
ถ้าหากว่าเป้าหมายของฝ่ายพันธมิตรคือการโค่นอารย-สนธยาแล้วคนอื่นๆที่กระจัดกระจายกันไปก็คงหาทางกลับไปที่เจดีย์ซึ่งเป็นที่มั่นสำคัญ
ตอนนี้อยู่ระหว่างเดินไปที่เจดีย์ซึ่งเป็นที่มั่นหลักของศัตรูตามข้อมูลที่ได้จากมิกซ์บวกกับการคาดเดาเอาเองของเขาว่านรินทร์อาจจะถูกจับตัวไว้ที่นั่นรวมถึงโดโกบาร์ด้วย
พวกเขายึดถือเอายอดของเจดีย์ทรงจานบินที่ลอยสูงพ้นแนวแมกไม้เป็นที่ตั้ง
ระหว่างที่เดินอยู่นี้ทิวทัศน์รอบๆ
ก็เปลี่ยนจากต้นไม้เป็นอาคาร
พื้นดินลูกรังที่อยู่ระหว่างก่อสร้างกลายเป็นถนนลาดยาง
ที่นี่น่าจะเป็นเขตการค้าหรืออะไรซักอย่างเพราะอาคารแต่ละหลังมีป้ายร้านติดอยู่
ระหว่างที่เดินทัพกันอยู่พวกเขาก็ไม่ได้รักษาความเงียบกันเลยแม้แต่น้อยกลับส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกันดังสนั่นแทนที่จะบอกว่าเป็นหน่วยรบน่าจะเรียกว่ากลุ่มทัศนศึกษาเสียมากกว่า
ฟูยังคงลากมิกซ์ไปคุยเฟื่องเรื่องเก่ากับมิ่งขวัญราวกับเป็นวันเลี้ยงรุ่นอย่างไรอย่างนั้น
พลอยที่เพิ่งฟื้นหลังจากเป็นลมเพราะตื่นเต้นมากเกินไปตอนนี้ก็คุยปร๋อกับนิวรอย่างกับชุมนุมแม่บ้านตอนเที่ยงวันอย่างไรอย่างนั้น
“จะคึกกันเกินไปไหมเนี่ย”
อิงศรกล่าวเปรยๆ
กับตัวเอง
ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสองแล้วอีกสี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะขึ้นแต่พยกเขาที่ต่อสู้มาตลอดทั้งคืน
ความเหนื่อยล้าน่าจะสะสมแถมยังเพิ่งพักกินข้าวกันมาน่าจะง่วงจนอยากนอนเต็มแก่
แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น…
นอกจากจะไม่ง่วงแล้วยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย
หรือจะเป็นผลจากเขตแดนปลุกเร้าอารมณ์
ไม่สิอาจจะเป็นเพราะก๋วยจั๋บแวมไพร์ที่กินกันไปนั่นก็ได้บางทีปีกจอบมิกซ์อาจจะมีสารกระตุ้นให้รู้สึกสดชื่นหรือไม่ก็พวกเขาติดเชื้อกลายเป็นแวมไพรืกันหมดจนไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป
“ฟุ้งซ่านแหะเราเนี่ย”
รู้สึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อยที่หย่อนยานได้ขนาดนี้หากเป็นปกติตนคงจะตะหวาดพวกงี่เง่าที่อยู่ตรงนี้ว่า
อยากจะให้ศัตรูรู้ที่อยู่กันนักรึไง
แต่เพราะมิกซ์ซึ่งล้วงข้อมูลจากพวกอารย-สนธยามาก่อนจะทรยศบอกว่าเส้นทางที่กำลังเดินเป็นจุดบอดของการคุ้มกันเขาเลยปล่อยให้ทุกคนทำตัวตามสบายไป
แต่แบบนี้อาจจะดีก็ได้เพราะอีกเดี๋ยวถ้าต้องสู้แล้วจะเครียดกันเกินไปให้รู้สึกผ่อนคลายเอาไว้น่าจะดีกว่า
อิงศรเดินควบคู่ไปกับราชครูสาวถัดไปเป็นฟู
มิกซ์ มิ่งขวัญ ถัดไปอีกเป็นกวินทร์กับอิซานามิ และ กลุ่มที่เดินรั้งท้ายคือพลอย
เน็กส์ และนิว
กวินทร์กำลังคุยเรื่องจริงจังกับอิซานามิ
เห็นว่าเป็นเรื่องการใช้ดาบ
หล่อนเองก็ใช้ดาบเป็นอาวุธหลังจากรวมร่างกับอลิซที่เจอตอนอยู่ที่รากอาคาชิกเรคคอร์ดแถมยังเป็นเทพเจ้าของประเทศที่สร้างดาบญี่ปุ่นซึ่งดาบในร่างเวพอนไนซ์ของกวินทร์ก็เป็นดาบแบบญี่ปุ่นทำให้หล่อนกำลังสั่งสอนรุ่นน้องอยู่
“เทนกะโกเค็นของเจ้ายังเข้าไม่ถึงแก่นเลยนะรู้ไหม”
อิซานามิพูดพลางเชิดหน้าขึ้นเป็นการวางตัวอยู่เหนือกว่า
แต่รุ่นน้องผู้ไร้เดียงสาเหมือนจะไม่ได้สังเกตท่าทีเช่นนั้น
“จะว่าไปคุณอิซานามิใช้คาตานะสินะครับวิธีจับดาบด้วยสองมือนี่ผมไม่ค่อยถนัดเลยแถมยังใช้สลับกับดาบคู่อีกรู้สึกยังจับเก้ๆ
กังๆ ยังไงไม่รู้”
พอกวินทร์พูดแบบนั้นเทพมารดรก็ยิ้มย่องอย่างพอใจแล้วชักดาบที่เอวขึ้นมาสอนท่าทางการจับดาบ
“ก่อนอื่นเลยท่าทางการจับดาบกับท่ายืนเป็นสิ่งสำคัญวิชาดาบคู่ของเจ้าข้าเห็นว่ามันดีอยู่แล้วนะแต่ดาบเดี่ยวยังแย่อยู่เพราะเอาท่าร่างแบบเดียวกันมาใช้ปนกันไม่ได้”
หล่อนหยุดเดินแล้วเริ่มกางขายกดาบขึ้นในท่าแบก
“เพลงดาบที่ใช้กับคาตานะหรือดาบญี่ปุ่นทั่วไปต้องอาศัยการวางน้ำหนักเท้าอันดับแรกเลยเท้าของเจ้าจะต้องมั่นคงเพราะดาบมีน้ำหนักมากกว่าดาบทั่วไปจึงไม่เน้นการฟันแบบผาดโผนแต่เน้นการสังหารแบบเล็งผลมากกว่าและเพราะน้ำหนักมากกับตัวดาบที่ยาวทำให้ใช้ป้องกันได้ดีกว่าการใช้ดาบคู่ที่สลับฟันดาบหนึ่งป้องกันดาบหนึ่งวิธีสู้แบบนั้นจะเสริมเรื่องความคล่องตัวเพื่อให้หลบหลีกได้เป็นหลักเท้าของเจ้าจึงไม่ได้กางออกแต่ยืนชิดเท้าเพื่อให้ออกตัวได้รวดเร็วยังไงล่ะ”
จากนั้นกวินทร์ก็ตั้งท่าแบบเดียวกับหล่อนบ้าง
“แบบนี้เหรอครับ”
“ใช่ๆ
แบบนั้นแหละ”
เพราะสองคนนี้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแถวเลยหยุดเดินไปด้วย
“…”
อิงศรมองกวินทร์กับอิซานามิด้วยสายตาจริงจัง
ที่จริงควรจะต่อว่าที่ทำให้เดินแถวช้าแต่เรื่องที่อิซานามิพูดมาก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
แล้วก็เป็นโอกาสดีที่กวินทร์จะได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
“ทำตัวมีประโยชน์กับเขาเป็นเหมือนกันนี่”
อิงศรพึมพำแบบนั้น
อิซานามิจึงหยุดชะงักพลางหันมามองด้วยสายตาเคืองๆ
“เดี๋ยวซี่ข้าก็ทำประโยชน์ให้ตลอดนั่นแหละน่าคิดว่าใครกันที่ช่วยเจ้าจากโลกิน่ะหืม”
จริงตามที่หล่อนพูด
เขาเป็นหนี้ชีวิตหล่อนอยู่ครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่รากอาคาชิกเรคคอร์ด
“ก็ใช้คืนไปแล้วนี่คิดว่าใครกันที่ลำบากเกือบตายถึงจะฆ่าเฟนริลได้ล่ะ”
ถึงคนที่ลงดาบจะเป็นเมอร์คาบาห์ก็เถอะแล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าการที่เมอร์คาบาห์ออกมาในตอนนั้นเป็นเพราะตัวเขาเองหรือว่ามีใครชักนำให้เป็นแบบนั้น
ผู้บงการที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครยังคงหลบซ่อนอยู่ในเงามืดที่เขามองไม่เห็น
อิซานามิยืนเท้าสะเอวและชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ
“จ้า
พ่อคนมีประโยชน์”
อิงศรยิ้มรับคำประชดนั้น
“ก็ตามนั้นแหละ
เอ้า ทีนี้จะไปกันต่อรึยังใกล้จะถึงเจดีย์กันแล้วนะ”
ระยะทางเหลือแค่เดินออกจากเขตร้านค้าไปก็จะเจอลานกว้างหน้าพระเจดีย์แล้ว
ที่นั่นคือสถานที่ซึ่งพวกเขาถูกจับแยกกันจนกระจัดกระจายไป
จากตอนนั้นก็ผ่านมาหลายชั่วโมงควรจะมีการสู้รบกันไปบ้างแต่ว่า…
ไม่ได้ยินอะไรเลย
ตลอดทางที่เดินเข้าใกล้พื้นที่รอบเจดีย์ไม่มีเสียงการสู้รบหรือเสียงเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งไม่น่าเป็นไปได้แต่จะบอกว่ามีแค่พวกเขาที่รอดกลับมาถึงตรงนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้อีกเหมือนกัน
ในกองทัพของเมตไตรยมีพวกทูตสวรรค์ที่ปลอมเป็นมนุษย์ปะปนมาด้วย
ไหนจะพวกมนุษย์ต่างดาวก็มีชั้นราชครูอย่างซีเซียมที่เป็นอันดับสองอยู่อีกตนมันไม่มีทางจะเงียบได้ขนาดนี้
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในลานกว้าง
กลิ่นไอความตาย
กลิ่นคาวเลือด
ก็ลอยโชยมา
ที่เบื้องหน้าพวกเข้า
เบื้องหน้าทางเข้าเจดีย์
กองซากศพซึ่งเป็นคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมสนามรบจึงดูเงียบผิดปกติ
ศพเหล่านั้นประกอบไปด้วย
ทหารของเมตไตรย มนุษย์ต่างดาว ซากร่างของปีศาจและทูตสวรรค์ที่ถูกฆ่าแล้วยังสลายไปไม่หมดกระจัดกระจายเกลื่อนลานกว้าง
ศพส่วนใหญ่สภาพไม่สมประกอบซักรายไม่หัวขาดก็ลำตัวหายไปครึ่งหนึ่งหรือไม่ก็เหลือแต่ท่อนล่าง
เลือดจากกองเนื้อพวกนั้นอาบพื้นจนแดงฉาน แล้ว...
บนกองซากศพก็มีเงาคนปรากฏอยู่ด้วยกันห้า...ไม่สิหกตนต่างหาก
เงาเหล่านั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจ
นี่คือตำตอบว่าทำไมถึงเงียบสงบ
เพราะว่าทัพพันธมิตรถูกฆ่าจนหมดแล้วนั่นเอง
เสียงร้องเหมือนกับจะร้องไห้ของพลอยดังมาจากทางด้านหลัง
“โหดร้าย”
พอเหลือบสายตาไปมองก็เห็นหล่อนทำเรื่องเสียเปล่าอย่างการพยายามจะปิดตาเน็กส์กับนิวที่ยังเด็ก
ทำแบบนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะอีกเดี๋ยวจะต้องต่อสู้กับพวกโหดร้ายที่ว่านั่นก็อาจจะเห็นอะไรที่มันเลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก
“…”
รู้สึกได้ว่ากวินทร์ที่อยู่ด้านข้างกำลังตัวสั่น
“กลัวเหรอ”
“เปล่าครับ....สั่นสู้น่ะ”
ดูก็รู้ว่าโกหก
ตอนนี้กระทั่งขวัญที่เป็นมนุษย์ต่างดาว แม้แต่ฟูกับมิกซ์ที่เป็นเดโมนอยด์
เหล่าเด็กหนุ่มที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดก็ยังแสดงอาการหวาดผวาออกมาให้เห็นกัน
“…”
ไม่อยากยอมรับ
แต่ว่าเขาเองก็เหมือนกัน
ต้นขาสั่นเล็กน้อยเพราะว่าความตายกองอยู่เบื้องหน้า
ซากศพน่าแขยงกองเกลื่อนสนามรบ
ภาพพวกนั้นกระตุ้นสัญชาตญาณเอาตัวรอดจนแสดงออกมาเป็นความหวาดกลัว
“ใจเย็นไว้ทุกคน!
ความรู้สึกหวาดกลัวนี่เป็นอาคมของพวกปีศาจ”
อิงศรรู้ตัวแล้ว
ในความหวาดกลัวพวกนั้นมันมีสิ่งแปลกปลอมปะปนมาเป็นความรู้สึกเหมือนกับบีบบังคับจนเกินเหตุ
เพราะว่าตัวเขาไม่มีทางหวาดกลัวกับอีแค่เห็นซากศพของคนที่ไม่ใช่พวกพ้องนอนเกลื่อนอยู่ตรงหน้า
พอทุกคนได้ยินที่พูดไปก็เริ่มปรับอารมณ์กับความรู้สึกกันใหม่
ความหวาดกลัวหายไปแล้วมันกำจัดทิ้งได้ง่ายเพราะเป็นสิ่งจอมปลอม
แค่ตั้งสมาธิ
ตั้งสติ มนต์มายาก็จะคลายออกเอง
พวกเขามองตรงไปยังศัตรูเบื้องหน้า
มีสี่ตนที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ปกติ
เป็นชายแก่ร่างสูงใหญ่ไว้เครายาวถึงอกกันทุกตน
แต่ละตนมีใบหน้าแตกต่างกันไปแต่จะคงสี่หน้าแบบเดิมไว้ตลอด
ใบหน้าโกรธ
ใบหน้าบึ้งตึง
ใบหน้ายิ้มแย้ม
ใบหน้าสงบนิ่ง
เครื่องแต่งกายเป็นชุดเกราะหนังแบบเอเชียไม่มีหมวกเหล็ก
ลักษณะของทั้งสี่ที่เหมือนเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันนั้นทำให้คิดว่าน่าจะเป็นปีศาจที่เรียกว่า
‘มหาจาตุราชิกกา’ หรือสี่ราชันย์สวรรค์นั่นเอง
แล้วอีกสองตนที่เหลือก็คือมหากาฬ
ปีศาจของเมษา กับ เวตาล ปีศาจของมีนา
หนึ่งในจาตุมหาราชิกกามองเห็นพวกเขาแล้วจึงพูดว่า
“ยังมีมนุษย์เหลืออยู่อีกรึ”
ปีศาจตนนั้นมีใบหน้ายิ้มแย้ม
ต่อมาปีศาจที่มีใบหน้าสงบนิ่งก็
“นั่นมันผู้มีฟันเฟืองไม่ใช่รึ”
พูดแล้วชี้มาที่เขา
ปีศาจหน้าโกรธตะเบ็งเสียงดังลั่น
“พวกมันมาอยู่นี่ก็หมายความว่าจัดการอวโลกิตะไปแล้วสิ
หนอยแน่เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ”
ปีศาจใบหน้าบึ้งตึงพูด
“ดูเหมือนว่าจะมีพวกลูกมนุษย์ที่อวโลกิตะเลี้ยงไว้ติดสอยมาด้วยนี่....พวกมันทรยศสินะ”
จังหวะนั้นเองอิงศรก็สั่งให้โจมตี
“บุกเลย!”
ด้วยคำสั่งนั้นทุกคนก็พากันวิ่งขึ้นไปข้างหน้าโดยมีเขาเป็นคนนำขบวน
ต่อมา
มิ่งขวัญ กวินทร์ ฟู ก็วิ่งแซงขึ้นไป
อิงศรหยุดเท้าลงหลังจากวิ่งไปได้อีกสองสามก้าว
มิกซ์หยุดยืนเคียงข้างเขา
พวกพลอย
อิซานามิ เน็กส์ นิว รอสนับสนุนอยู่ด้านหลังอีกที
เน็กส์ใช้แอพพลิเคชั่นปีศาจเรียกเมลคีเซเดคออกมาสวมแว่นตาวิเคราะห์ข้อมูลจากนั้น
“ช่วยทีนิวให้ฉันเข้าไปสิงพี่ศรเลย”
นิวพยักหน้าแล้วร่ายสกิลพร้อมกับผลักเด็กชายออกไป
“มาริโอเน็กซัส”
เน็กส์เข้ามาสิงในร่างของอิงศร
รู้สึกว่าพลังเพิ่มสูงขึ้น
สัมผัสได้ถึงสายลมของเน็กส์
อิงศรสั่งว่า...
“พาพี่อ้อมไปอยู่ข้างหลังเจ้ายักษ์นั่นที”
‘ข้างหลังมหากาฬนะฮะ’
ดูเหมือนว่าแอพพลิเคชั่นปีศาจของเน็กส์จะยังคงทำงานแม้จะเข้ามาสิงร่างแล้วก็ตามไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางรู้ชื่อปีศาจของเมษาที่เพิ่งจะไปอยู่กับพวกอารย-สนธยาได้แน่นอน
วินาทีนั้นเองเน็กส์ที่สิงอยู่ในร่างก็ร่ายสกิล
‘วินด์วาร์ป’
วินาทีถัดมาอิงศรก็ลอบมาอยู่ข้างหลังของมหากาฬเป็นที่เรียบร้อย
เด็กหนุ่มเหวี่ยงธนูออกไป
มีดบนธนูเฉือนหลังของปีศาจเป็นแผลลึก
มันกรีดร้อง
“อ๊าก...หนอยเจ้ามนุษย์”
แล้วหันกลับมายกแขนทั้งสี่ข้างเงื้อดาบขึ้นพร้อมกันหมายจะสับเขาเป็นชิ้น
“เน็กส์พาพี่ขึ้นข้างบนเลย”
‘สตอร์มวาร์ป’
ทันใดนั้นเองก็บังเกิดลมหมุนพัดโหมอย่างรุนแรง
ปีศาจตัวใหญ่ก็จริงแต่ก็ถูกลมนั่นพัดจนเซถลาเสียหลักไปเหมือนกัน
อิงศรหายตัวไปด้วยสกิลนั้นแล้วโผล่ขึ้นด้านบนพลางเล็งคันศรโดยขึ้นดาบแทนลูกธนู
“ไวลด์วูล์ฟ!!”
ธนูดาบพุ่งทะลวงร่างของมหากาฬจนเกิดรูกลวงกลางหน้าอกเป็นวงกว้างและทำให้มันถึงแก่ความตายในทันที
ร่างของปีศาจเกิดการสลายตัว
เดาว่ามันคงจะกลับไปที่แอพพลิเคชั่นของเมษา
ช่วงที่กำลังโล่งใจเพราะจัดการไปได้ตัวหนึ่ง
ตอนนั้นเอง
ตูม!! เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น
มิ่งขวัญ
กับ ฟู ตัวลอยละลิ่วกระเด็นไปถึงอีกฟาก ทั้งสองลงไปกองอยู่หน้าพวกพลอย
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ”
จากนั้นเน็กส์ก็คงใช้พลังของเดม่อนแอพฯ
ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น
‘’เมื่อกี้เป็นการโจมตีของปีศาจสี่ตัวฮะเป็นสกิลมหาอัคคีสี่ครั้งซ้อนเลย’
เพราะอย่างนั้นถึงได้เกิดระเบิดขึ้นสินะ
ตรงจุดที่ว่ายังมีเปลวไฟตกค้างอยู่เลย
“พาพี่ตรงนั้นที”
‘เหลือแค่ไต้ฝุ่นวาร์ปนะฮะจากนั้นต้องรอคูลดาวน์วินด์วาร์ปกับสตอร์มวาร์ปอย่างละสี่สิบวินาทีกับหนึ่งนาทีฮะ’
หมายความว่าหลังจากนั้นจะไม่สามารถเคลื่อนที่พริบตาได้จนกว่าสกิลจะฟื้นพลังเสร็จในอีกสี่สิบวินาที
“อืม จัดการเลย”
อิงศรพูด
‘ไต้ฝุ่นวาร์ป!!’
พริบตาที่เน็กส์ร่ายสกิลร่างของอิงศรก็หายวับไปและเกิดพายุลูกใหญ่หมุนพัดบริเวณโดยรอบแต่ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ทำให้มันสูญเปล่าไป
แต่แลกกับการเหาะไปช่วยพวกพ้องได้ในทันทีถือว่าเป็นการแลกที่คุ้มค่า
อิงศรปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าสี่ราชันย์สวรรค์แล้วแต่ถึงอย่างนั้นพลังของเขาก็ไม่พอจะรับมือปีศาจระดับสูงทีเดียวสี่ตนไหว
ดังนั้น...
“ลุยเลยเมอร์คาบาห์”
จึงเรียกปีศาจออกมา
ปีศาจจากอาคานาร์มหาโชคชะตา
เมอร์คาบาห์ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับแสงสว่างเจิดจ้าทำให้พวกปีศาจตาบอดกันไปครู่หนึ่ง
อิงศรจึงร่วมมือกับปีศาจใช้จังหวะนั้นประเคนอาวุธฟันใส่เทพที่มีใบหน้าบึ้งตังอยู่ตลอด
ธนูเฉือนเนื้อบนหน้าอกแขวะเป็นทางส่วนดาบสั้นแทงเข้าที่คอและใบมีดบนแขนของเมอร์คาบาห์ผ่าครึ่งลำตัวออกเป็นสองท่อน
หนึ่งในสี่ราชันย์สวรรค์สิ้นลมหายใจลงตรงนั้น
“เวสสุวัณ!”
เหล่าเทพที่เหลือพากันเรียกชื่อของเทพที่ถูกฆ่าไป
“บังอาจทำร้ายเทพเจ้างั้นรึปล่อยไว้ไม่ได้แล้วเจ้าลูกมนุษย์!”
เทพผู้มีใบหน้าโกรธขึงอยู่ตลอดเวลาลั่นวาจาด้วยโทสะเต็มเปี่ยมแล้วบุกเข้ามาพร้อมกับเงื้อตะบองขึ้นหมายจะฟาดอิงศรให้จมธรณี
“ดราโกนิกเบลด!”
แต่กวินทร์ก็แทรกเข้ามาป้องกันไว้ให้
ดาบของเด็กหนุ่มถูกเคลือบไว้ด้วยชั้นหินมรกตที่มีพลังของมังกรสถิตอยู่
ดาบกับตะบองปะทะกันส่งเสียงทื่อๆ
ดัง เคร้ง แล้วยันกันอยู่อย่างนั้น
เทพใช้มือเดียวจับตะบองไว้แล้วยื่นมือที่ว่างออกมา
มันตั้งใจจะจู่โจมทั้งอย่างนั้น
“ไหม้เป็นจุลไปเถอะมนุษย์เอ๋ย มหาอัค...”
หากว่ามันร่ายสำเร็จกวินทร์คงจะถูกไฟคลอกจนได้รับบาดเจ็บหนัก
อิงศรอยากที่จะช่วยแต่ว่าเขาใช้พลังไปเกือบทั้งหมดกับการจัดการปีศาจถึงสองตนทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าลง
แสงสว่างปะทุขึ้นตรงด้านหน้ามือของเทพที่หันเข้าหากวินทร์
ตอนนี้ยังร่ายไม่เสร็จดีไฟจึงยังไม่ออกมา
ทว่า
เด็กหนุ่มนั้นกลับเผยรอยยิ้มให้เห็น
“แก! ร่ายสกิลใส่ผมแล้วสินะ”
กวินทร์พูดตอบโต้กลับไปแล้วร่ายจึงร่ายสกิลสวนกลับ
น่าจะเป็นสกิลประเภทเดียวกับที่ใช้ตอนจับคู่ซ้อมกันตอนนั้น
“เอาพลังชีวิตไปสองพันแล้วซัดมันให้ปลิวเลย ดราโกนิคจัดจ์เมนท์!! อึก...”
สิ้นคำพลังชีวิตของกวินทร์ก็ลดลงไป
ได้ยินเสียงครางเหมือนทรมานในตอนท้ายของการร่ายสกิลนั่น
กวินทร์ Lv.75 [/////8200:10200///..]
[Dragonic Judgement Lv(1/1)
Element: Dragon
Attribute: Counter , Physical Attack
(Cast Condition) ร่ายสวนกลับเมื่อถูกร่ายสกิลใส่ตัวเอง
;
(Cast Cost) สละ Buffs
ธาตุมังกรที่มีชื่อ Saber หรือ Blade ,
จ่ายพลังชีวิต 2000 ; พลังของมังกรตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าสายฟ้า
ยกเลิกสกิลนั้นแล้วโจมตีสวนกลับด้วยเพลิงมังกร]
พริบตาถัดมาแสงของสกิลที่ปีศาจร่ายก็กลับหายไปแล้วหินที่เคลือกดาบของกวินทร์ก็ลุกโชนเป็นไฟแทน
กวินทร์ตวัดดาบออกไปทั้งอย่างนั้น
เพลิงไฟบนดาบก็พุ่งทะยานเป็นมังกรกระแทกเทพผู้โกรธขึงจนร่างกระเด็นลอยออกไป
“บริโอแน็กส์!”
เสียงร่ายสกิลของมิ่งขวัญดังขึ้นมาในตอนนั้น
เทพที่ลอยละลิ่วไปก็ถูกหอกแสงที่ยืดออกจากเรเปียของมิ่งขวัญแทงทะลุร่างพอดี
“ย้าก!!”
มิ่งขวัญกดดาบลงฟันมันลงมาทั้งอย่างนั้น
ร่างของเทพขาดเป็นสองเสี่ยงและสิ้นใจกลางอากาศ
“วิรูปักษ์!!”
เทพที่เหลือพากันเรียกชื่อของเทพที่เพิ่งถูกฆ่าไปอีกตนว่าแบบนั้นด้วยน้ำเสียงหวาดผวา
มิ่งขวัญเดินเข้าไปขวางหน้าพวกเทพที่เหลือแล้วตั้งโล่ขึ้น
อิงศรเห็นดังนั้นก็เข้าใจสิ่งที่น้องชายตั้งใจจะทำได้ทันที
“เทคนิคัลเวพ่อน!”
เขาเปลี่ยนธนูเป็นหน้าไม้เพราะว่าสกิลเรียกยันต์อาคมขึ้นมาใช้งานแบบอัตโนมัตินั้นเป็นสกิล
‘กลุ่มเทคนิคัล’
ทำให้ใช้หน้าไม้จะยิงศรอาคมได้เร็วกว่าแล้วเขาก็ติดตั้งสกิล ‘Auto Reload’ ที่เป็นแพสซีฟอีกอย่างหนึ่งสำหรับยิงหน้าไม้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาดึงคันชักใหม่ซึ่งก็แสดงให้เห็นไปแล้วตอนที่จับคู่ซ้อมกับกวินทร์
อิงศรลั่นลูกดอกอาคมออกไปห้าครั้งสร้างเขตแดนล้อมรอบเทพทั้งสองจากนั้น
“มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกรนิลพ์!”
ด้วยพลังของเมอร์คายาห์จึงละขั้นตอนการบริกรรมคาถาขณะร่ายออกไปทั้งหมดและทำให้สกิลที่ต้องเสียเวลาเตรียมการสกิลนี้กลายเป็นของที่ใช้ได้จริงๆ
เเป็นสกิลผนึกการเคลื่อนไหวในสไตล์ของเขาเองไปโดยสมบูรณ์แบบ
โซ่มนตราห้าเส้นพุ่งออกมาจากวงเวทบนพื้นมัดร่างเทพเจ้าตรึงเอาไว้อย่างนั้น
มิ่งขวัญที่เห็นเข้าก็ยิ้มและสบตาเขาราวกับจะชื่นชมแล้วร่ายสกิลที่จะปลิดชีพ
“เอลิเชี่ยนฟินาเล่!”
โล่เปล่งแสงสว่างวาบออกมา
แสงนั้นเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทว่า...
“นี่ๆ น้องสาวน่ารักที่ยืนถือไม้เท้าเวทมนต์คนนั้นน่ะชื่ออะไรหรือจ๊ะ”
เวตาล
ปีศาจคนแคระตัวจิ๋วมีพังพืดเป็นปีกเหมือนค้างคาวก็บินลงมาขวางทางยิงแล้วพ่นอุบายใส่พลอยที่อยู่อีกฟากของทางปืนของมิ่งขวัญ
อิงศรนึกถึงเดม่อสกิลที่มีนจาเคยใช้ขึ้นมาก็เข้าใจอุบายนั้นในทันทีและตั้งใจจะเตือนพลอยแต่ว่า..
“หา?”
“อย่าไปตอบมันนะพลอย!!”
ช้าไป
เขาตอบสนองช้าเกินไป
พลอยขานรับอุบายของเวลตาลไปแล้ว
ฟุ่บ
เกิดเสียงแบบนั้นขึ้นแล้วเด็กสาวก็หายตัวมาอยู่ตรงที่เวตาลอยู่พอดี
มันจับตัวพลอยไว้
“เอ้าๆ แกจะยิงพวกเดียวกันด้วยเหรอ”
แล้วกล่าวใส่มิ่งขวัญแบบนั้น
มิ่งขวัญเดาะลิ้น
“ชิ เล่นสกปรกนี่หว่า”
แต่ก็จำต้องยอมหยุดอยู่แค่นั้นเพราะไม่งั้นจะยิงโดนพลอยไปด้วย
“ไม่ต้องไปกลัวยิงต่อไปเลย”
แต่กลับมีเสียงบอกให้ยิงดังแว่วมา
ทันใดนั้นเองก็มีเงาสีดำพุ่งเข้ามาคว้าเงาของพลอยไว้แล้วก็มีเงาอีกหนึ่งเป็นกำปั้นเหวี่ยงซัดเงาของเวตาล
ผลคือร่างจริงของเจ้าของเงาก็เป็นไปตามเงาด้วย
เวตาลปลิวกระเด็นไปส่วนพลอยถูกดึงออกมาจากทางปืน
มิ่งขวัญที่เห็นแบบนั้นเข้าก็เร่งพลังจนปล่อยลำแสงมฤตยูสังหารสี่ราชันย์สวรรค์ที่เหลือในอึดใจเดียว
ภายหลังจากเสียงระเบิดกัมปนาท
ศัตรูที่เหลืออยู่ก็มีแค่เวตาล
“ปล่อยข้านะ!!”
แต่มันก็ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ช่วยพลอยเอาไว้
“กลับไปหามีนาได้แล้วเจ้าบ้า!”
เด็กหนุ่มพูดแบบนั้นแล้วบีบขยี้เวตาล
“อ๊ากกก!”
มันกรีดร้องโหยหวนแล้วก็ถูกบีบจนแหลกคามือและสลายไป
กลับไปหาเดม่อนแอพฯของมีนา
“นาย...”
อิงศรมองหน้าของผู้ที่แทรกเข้ามาในการต่อสู้ของพวกเขา
จ้องมองใบหน้าของเด็กหนุ่มผมสีแดงร่างกำยำในเครื่องแบบของเมตไตรยที่เป็นที่คุ้นตา
“เฮ้ อย่าจ้องกันแบบนั้นสิมันชวนสยองนะเว้ย”
เมษานั่นเอง !!
***พบกันใหม่วันอังคารหน้าคร้าบ~~***
ความคิดเห็น