ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Apocalypse Online เกมโกงวันโลกาวินาศ

    ลำดับตอนที่ #140 : Login 137: คนร้ายตัวจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 301
      8
      10 ส.ค. 60

    **ประกาศแก้ไขสีของอาชาในตอนที่แล้วจาก อาชาสีเขียวหม่นแห่งหายนะเป็น อาชาสีดำแห่งความอดอยากและ อาชาสีดำแห่งความตายเป็น อาชาสีซีดแห่งความตายครับ (ตอนที่แล้วปั่นย่ำรุ่งเลยเมาๆ จำสีผิดไม่พอจำสิ่งที่เป็นตัวแทนผิดอีกตะหาก แง~~~)**

     

    Login 137: คนร้ายตัวจริง

     

                กวินทร์เป็นพี่ของมิ่งขวัญ

                ต้องใช้เวลาซักพักกว่าที่แฟรนเซียมจะตีความคำพูดของซีลอร์ดได้แล้วก็เกิดคำถาม

                “จะเป็นงั้นได้ไงอิงศรกับมิ่งขวัญสองคนนั้นต่างหากที่เป็นพี่น้องกันกวินทร์แค่คนนอกไม่ใช่เรอะ

                แต่ซีลอร์ดยังคงยืนยันเช่นเดิม

                “กวินทร์เป็นพี่ของมิ่งขวัญ

                “…”

                หรือว่าจะเป็นแค่การเปรียบเปรยกันนะ?

                หมอนี่ชอบพูดสองแง่สองง่ามจนชวนเข้าใจผิดอยู่เสมอถ้าอย่างนั้นสิ่งที่พูดมาอาจตะเป็นรหัสลับที่ต้องไขให้ออกถึงจะเข้าใจ

                บางทีคงจะเกี่ยวข้องกับตำนานไหนซักเรื่อง

                เจ้านั่นบอกว่า

                อาชาสีซีดคือพี่ชายที่คิดแค้นตัวน้องชายซึ่งได้รับความรักไปมากกว่าจึงได้ก่อคดีฆาตกรรมขึ้นเป็นครั้งแรกบนโลก

                ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องงั้นเรอะ

                แต่ถ้าเชื่อมตรงนี้เข้ากับความเป็นอาชาสีแดงของมิ่งขวัญก็จะกลายเป็นว่าตรงกับคำพยากรณ์ที่ว่าอาชาสีแดงจะนำสงครามมา เป็นผู้นำความขัดแย้งมา

                แล้วท่อนที่เหลือต่อจากนั้นก็

                เป็นฆาตกรผู้นำพาซึ่งความตายมาสู่มวลมนุษย์อย่างแท้จริง

                คืออาชาสีซีดที่นำพาความตายมาจึงเป็นฆาตกร เป็นคนที่ฆ่าน้องชาย

                เพราะความริษยา

                เพราะนำพาสงครามมาสู่ตัวเอง

                เพราะเป็นผู้นำพาความตายมา

                แฟรนเซียมพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่ซีลอร์ดพูดเข้ากับตำนานหรือเรื่องเล่าที่มีอยู่จนได้คำตอบ

                มันมีเรื่องเล่าในไบเบิลอยู่เรื่องหนึ่ง หลังจากอดัมกับอีฟถูกขับไล่ออกจากสวนสวรรค์

                เรื่องเล่านั้นกล่าวถึงลูกชายสองคนของพวกเขา

                พี่ชายคาอินและน้องชายอาเบล

                ในวันหนึ่งพระเจ้าได้ตรัสให้สองพี่น้องนำของมาถวายแต่พระเจ้ากลับถูกใจเครื่องเซ่นของอาเบลมากกว่าคาอินที่เป็นพี่เลยอิจฉาน้องชายและลวงอาเบลผู้ใสซื่อคนนั้นไปฆ่าจนตาย

                ถ้าอย่างนั้นที่หมอนี่พูดมา

                “นั่นมันอาเบลกับคาอินไม่ใช่เรอะ

                แล้วซีลอร์ดก็หัวเราะ

                “พัฒนาขึ้นอีกแล้วนะทั้งที่เมื่อก่อนจะต้องทำหน้าไม่เข้าใจเรื่องที่ผมพูดไปแท้ๆ แต่ทั้งที่รู้แล้วนายก็ยังจะทำแบบนั้นได้ลงคออีกเพราะว่านายคืออาชาสีเขียวหม่นผู้นำพาโรคระบาดและความยากจนมา นายคือผู้ที่สร้างหายนะให้สวนแห่งนี้จนถึงคราล่มสลาย

                “นั่นมันเป็นเพราะพวกแกอย่ามาโยนความผิดกันสิ

                “ความผิดของผมงั้นเหรอ แต่คนที่เข้าใจผิดว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อนรินทร์เป็นอาชาสีซีดแล้วฝืนทำเมอร์คาบาห์ต่อจนผิดพลาดกลายเป็นนำพาอมฤตลงมาที่โลกแทนคือพวกนายไม่ใช่เหรอ

                “คนที่ทำไม่ใช่ฉันซักหน่อย

                “แต่นายก็เข้าไปแทรกแซงการทดลองของอารย-สนธยานี่ นายนั่นแหละทำให้ผมต้องทุกข์ระทมที่ต้องเห็นมนุษย์ล้มตายไปมากมายเป็นอาชาสีดำมืดที่นำพาความหายนะมาสู่มวลมนุษย์เจ้าฆาตกรตัวจริง

                “นี่แกชูเรื่องอาเบลกับคาอินขึ้นมาเพราะนึกอยากจะหลอกด่าฉันรึไง

                “ไม่รู้สิ

                “…”

                แฟรนเซียมจ้องมองซีลอร์ดแล้วก็ทำให้คิดขึ้นมาว่า

                เจ้านี่ตั้งใจมาทำอะไรกันแน่

                หมอนั่นอ่านความคิดได้ดังนั้นคงจะอ่านความคิดเมื่อครู่ไปแล้วถึงเริ่มเปิดปากพูด

                “ออฟิอูคูมันนาร์นั่นคือนามแห่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกลืมเลือนไป สิงห์ ไม่สิ แฟรนเซียมถ้านายยังจะล้ำเส้นมากไปกว่านี้…”

                คำพูดข่มขู่แต่กลับไร้น้ำหนักเสียงจนไม่มีความน่ากลัวกลับกันมันเหมือนกับว่าหมอนี่ กำลังเศร้าใจ กำลังพยายามฝืนใจพูด

                เพราะแบบนั้นถึงได้น่าขบขัน

                น่าขำเกินไปแล้ว

                แฟรนเซียมหัวเราะ

                “ถ้างั้นก็ทำซะเลยสิเครื่องทำสวนอย่างแกคงทำได้ง่ายเหมือนบี้มดอยู่แล้วนี่

                พอพูดไปแบบนั้นซีลอร์ดก็ทำหน้าเศร้า

                “ถ้าผมทำแบบนั้นมนุษย์ก็คงไร้ซึ่งตัวเลือก

                “เฮอะ เห็นไหมเพราะอย่างนั้นแกถึงเป็นแค่ของที่ชำรุดแล้วยังไงล่ะ

                “แต่ว่านะแค่ตอนนี้เท่านั้น

                “…”

                คำพูดนั้นออกมาพร้อมกับสีหน้าอันจริงจังมีน้ำหนักเสียง

                แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมั่นใจเป็นอย่างมาก

                แฟรนเซียมกลืนน้ำลายดังเอือก ขาของเขาก้าวถอยไปด้านหลังก้าวหนึ่ง

                เรื่องที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้

                ‘ถ้างั้นก็ทำซะเลยสิเครื่องทำสวนอย่างแกคงทำได้ง่ายเหมือนบี้มดอยู่แล้วนี่

                มันเป็นเรื่องจริง หากต้องปะทะกันตรงๆ แล้วไม่มีทางเอาชนะได้

                จนถึงตอนนี้แค่เครื่องทำสวนเครื่องเดียวยังไม่มีวิธีรับมือเลยด้วยซ้ำแล้วถ้าต้องสู้กับหมอนี่แล้วล่ะก็

                ซีลอร์ด

                Z-Lord

                Z จาก Zero

                Z จาก Zodiac

                นามนั้นมีความหมายว่าจ้าวแห่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์

                เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดในหมู่เครื่องทำสวน

                ไม่ถูกนับรวมอยู่ในสิบสองเครื่อง

                ออฟิอูคูมันนาร์ คือลำดับที่ศูนย์จากทั้งหมดจึงถูกเรียกว่า ซีลอร์ด

                ซีลอร์ดคนนั้นพูดว่า

                “มนุษย์กำลังจะมีตัวเลือกอื่นนอกจากนาย มีมนุษย์คนหนึ่งกำลังก้าวเดินอย่างสุดกำลังเพื่อหนีออกไปจากกรงแห่งโชคชะตา

                บางทีคนที่หมอนี่พูดถึงคงจะ

                “หมายถึงอิงศรเรอะ

                “…”

                เพราะอีกฝ่ายไม่พูดแย้งจึงแปลว่าที่คาดเดานั้นถูก

                หมอนี่กำลังจะบอกว่ามีคนอื่นให้ไปเกาะนอกจากเขาแล้วถ้ายังไม่คิดกลับใจก็จะถูกทิ้ง

                แต่ก็เพราะคำพูดข่มขู่พรรค์นั้นแหละที่น่าขบขันยิ่งกว่าอะไร

                แฟรนเซียมระเบิดเสียงหัวเราะราวกับเป็นบ้า

                “ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

                “มีอะไรน่าขำขนาดนั้นเลยเหรอ

                “มันก็แหงอยู่แล้วสิ มนุษย์มีตัวเลือกอื่นอย่างนั้นเหรอ ถ้าตัวเลือกนั้นคืออิงศรแกก็คิดผิดแล้วหมอนั่นคือกุญแจไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้นรวมถึงจะไม่ถูกใครเลือกไปด้วยเพราะหมอนั่นเป็นของๆ ฉันโดยสมบูรณ์ยังไงล่ะ

                แต่ซีลอร์ดยิ้มให้คำพูดนั่น

                “งั้นเหรอถ้าอย่างนั้น…”

                เด็กหนุ่มหยุดคำพูดไว้แล้วหันหลังให้

                “มนุษย์เหมาะสมจะได้มียุคสมัยเป็นของตัวเองรึเปล่า ผมจะขอดูปลายทางที่มนุษย์จะเลือกต่อไปอีกซักหน่อยก็แล้วกัน

                เมื่อสิ้นสุดคำพูดจ้าวแห่งเครื่องทำสวนศักดิ์สิทธิ์ก็หายตัวไป

                แฟรนเซียมจ้องมองไปยังจุดที่แผ่นหลังนั้นหายวับไปราวกับอากาศธาตุ

                “…”

                มนุษย์เริ่มต้นอารยธรรมพร้อมกับแสงอาทิตย์ผู้เปรียบเสมือนพระเจ้า จากนั้นมนุษย์ก็อาศัยแสงที่ตัวเองสร้างเพื่อหนีออกจากพระเจ้าแต่กระนั้นก็ไม่อาจขาดแสงอาทิตย์ได้

                แต่แล้วเจ้านั่นก็ยังพูด

                มนุษย์เหมาะสมที่จะมียุคสมัยเป็นของตัวเองรึเปล่า

                คำถามที่เหมือนกับเป็นคำเย้ยหยัน

                คำถามที่บอกให้มนุษย์เลือกด้วยตัวเอง

                หรือหมอนั่นก็แค่ต้องการคำตอบจากมนุษย์ที่ได้ตั้งความหวังไว้กันแน่

                “แกเองก็เป็นเครื่องทำสวนนะอย่าลืมเรื่องนั้นซะล่ะ

                แฟรนเซียมลองพึมพำแบบนั้นดู

                แล้วก็....

                ครั้งหนึ่ง สิงห์ ธุวดารกะ เคยเป็นมนุษย์

                ในอดีตกาลเคยเป็นบุตรแห่งแสง

                แล้วตอนนี้ก็เป็นเทวะ ผู้ปรารถนาจะแก้ไขโลกที่บิดเบี้ยวใบนี้

                “…”

                แฟรนเซียมยืนเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พึมพำออกมาอีก

                “มิ่งขวัญกับกวินทร์เป็นพี่น้องกัน...หมายความว่ายังไง

                สรุปแล้วก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลที่หมอนั่นมาที่นี่อยู่ดี

     

                .....

     

                “หา! อยากให้เป็นคู่มือให้?”

                มิ่งขวัญส่งเสียงดังขึ้นมา อิงศรจึงเบนสายตาไปยังน้องชายซึ่งกำลังสนทนากับกวินทร์

                ที่นั่นพวกเขาเพิ่งเลิกประชุมกันและใช้เวลาไปกับการเตรียมตัวเพื่อไปต่อสู้จึงนั่งจัดสกิลและจับคู่กันทดลองพลังและลับฝีมือให้พร้อมไว้เสมอ

                เนื่องจากการประชุมไม่คืบหน้าท้ายที่สุดก็ไม่ได้คำตอบว่าทำไมทูตสวรรค์ถึงร่วมมือกับมนุษย์ขัดขวางพวกต่างดาว

                ได้คำถามไร้คำตอบเพิ่มพูนมาอีกแล้ว

                ข้อสรุปของการประชุมจึงกลายเป็นการหารือว่าจะไปช่วยนรินทร์แล้วก็ทำลายอารย-สนทยา ซึ่งฐานที่มั่นสำคัญคือเจดีย์ในตอนแรกที่มาถึงที่นี่

                สถานที่ซึ่งพวกเขาถูกแยกจนกระจัดกระจายไปกันคนละทางแล้วบางทีที่นั่นก็อาจจะมีนรินทร์อยู่

                ดังนั้นพวกเขาจะบุกไปโจมตีที่นั่น

                “…”

                น้องชายกับรุ่นน้องดูจะสนิทกันอย่างน่าประหลาด

                “ถ้าลำบากก็ไม่เป็นไรแค่ลองถามดูน่ะ

                กวินทร์พูดพลางทำหน้าเกรงใจหรือควรจะเรียกว่าเกรงกลัวกันดีนะ

                “…”

                กับพวกเด็กกำพร้าที่รู้จักเหมือนเป็นครอบครัวนั้นก็ว่าไปอย่างเพราะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้วถึงจะกลายเป็นมนุษย์ต่างดาวก็คงไม่รู้สึกแตกต่างซักเท่าไหร่แต่กรณีของกวินทร์หรือคนอื่นที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นถ้าจะหวาดกลัวอยู่บ้างก็ไม่แปลก

                ก็มนุษย์ต่างดาวปกครองโลกมาถึงสี่ปีแล้วนี่นะ

                มิ่งขวัญที่กอดแขนตัวเองชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แค่เล็กน้อยเท่านั้น

                ไม่ได้โกรธเคืองอะไรน่าจะเรียกว่าหงุดหงิดกับท่าทีของกวินทร์เสียมากกว่า

                “ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำซักหน่อยกลัวอะไรของนายเนี่ย

                มิ่งขวัญคลายแขนที่กอดไว้ออกแล้วคว้าคอเสื้อกวินทร์ดึงจนใบหน้าอีกฝ่ายเข้าไปแทบจะติดกัน

                ”เพราะฉันเป็นมนุษย์ต่างดาวใช่ไหม

                แล้วถามออกไปแบบนั้น

                กวินทร์ทำหน้าลำบากใจแต่ก็สบตากับมิ่งขวัญอย่างตรงไปตรงมา

                “เปล่านะ คือ...ไม่ได้คิดอย่างนั้นหรอกแต่ว่าไหนๆ แล้วก็ออมมือด้วยล่ะ

                “…”

                มิ่งขวัญผลักกวินทร์จนเซถอยหลังไปสามก้าวจากนั้นก็ชักเรเปียออกมาแล้วยกโล่ในมือซ้ายตั้งท่าเตรียมสู้

                กวินทร์เข้าใจในทันทีว่าอีกฝ่ายยอมรับคำขอแล้วจึงคลี่ยิ้มแล้วชักดาบที่สะพายหลังไว้แยกมันออกเป็นสองเล่ม

                ทั้งคู่ประดาบกัน...สิบวินาทีต่อมาก็รู้ผล

                ดาบของกวินทร์ถูกปัดจนกระเด็นหลุดมือไปทั้งสองเล่มการประลองเลยจบแค่นั้น

                แต่ก็เป็นสิบวินาทีที่น่าตกใจอยู่เหมือนกัน

     

    กวินทร์ Lv.75 [/////10200:10200////]

    มิ่งขวัญ Lv.102 [/////25000:25000/////]

     

                เพราะระดับเลเวลห่างกันเกือบสามสิบขั้นแถมมิ่งขวัญยังเป็นมนุษย์ต่างดาวชั้นครูที่ข้ามขีดจำกัดจนตอนนี้มีพลังเป็นสิบสองเท่าของมนุษย์ปกติแต่ก็ยังต้านไว้ได้ถึงสิบวินาที ว่ากันตามตรงฝีมือระดับกวินทร์น่าจะจอดตั้งแต่วินาทีที่ห้าด้วยซ้ำ

                “เพราะเฟืองกับอาคานาร์เรอะ

                อิงศรได้แต่เดาสุ่มแบบนั้น

                ถึงอย่างไรมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการเหตุผลมารองรับอยู่เสมอ

                ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่กวินทร์ต้านทานพลังระดับมนุษย์ต่างดาวชั้นครูที่ข้ามขีดจำกัดแล้วก็คือ..

                “หมอนี่เก่งขึ้นงั้นสิ

                พอเป็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกเครื่องร้อนขึ้นมาเล็กน้อย

                ได้เห็นพวกน้องเล็กฝีมือพัฒนาขึ้นตนเองก็เลยอยาจะรู้ว่าฝีมือตัวเองจะทัดเทียมหรือว่ายังเหนือกว่ากันแน่ มันมีความรู้สึกแบบนั้นคุกรุ่นอยู่ลึกๆ ภายในใจ

                “…”

                อิงศรย้ายมือไปวางบนดาบที่เอวขณะที่อีกมือก็ยังแตะเพื่อลากไอคอนสกิลบนหน้าจอติดตั้งใส่ตัวเองไปด้วย

     

    อิงศร Lv.93 [/////12500:12500/////]

     

                เพราะเลเวลที่เพิ่มขึ้นมาทำให้ขีดความสามารถกับข้อจำกัดของสกิลเปลี่ยนไป มันสามารถเพิ่มอานุภาพได้มากกว่าแต่ก่อนจึงต้องเริ่มจัดการกันใหม่เกือบจะทั้งหมด

                ที่ผ่านมาเคยจัดชุดสกิลเน้นต่อสู้ระยะไกลเป็นหลัก

                ทั้งชุดสกิลสาย ‘Hunter’ ที่เน้นการประยุกต์กับทริควางกับดักก็ดี หรือ สาย ‘Mystic Shooter’ ที่เน้นจู่โจมด้วยลูกศรเวทมนต์ที่มีขอบเขตทำลายกว้างก็ดี

                แต่ตัวเขาไม่ได้มีแค่ฝีมือด้านเล็งยิงเพียงอย่างเดียว

                การต่อสู้ประชิดตัวด้วยดาบก็เป็นสิ่งที่ทำได้อย่างช่ำชองเกือบจะพอๆ กัน

                แม้แต่ในศึกที่ผ่านๆ มาหากไม่มีทักษะนี้อยู่กับตัวเขาคงจะตายไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว

                “เพราะศัตรูที่บุกเข้ามาประชิดตัวได้ง่ายๆ มันมีเยอะไปน่ะสิ

                ดังนั้นการจัดสกิลครั้งนี้จึงคิดที่จะรวมการต่อสู้ระยะประชิดเข้าไปด้วย

                พอลองประเมินการต่อสู้ที่ผ่านมาแล้วตำแหน่งของตัวเองไม่ค่อยมีความแน่นอนหรือตายตัวเพราะมักจะมีเหตุให้ต้องขยับขึ้นไปช่วยคนข้างหน้าอยู่บ่อยครั้ง

                เพราะตนใจดีเกินกว่าจะทนดูพวกพ้องถูกฆ่านั่นเอง

                “…”

                และแล้ว ก็จัดชุดสกิลใหม่เสร็จเรียบร้อยเหลือก็แค่ทดลองนำไปใช้กับปรับปรุงอีกสักครั้งน่าจะเพียงพอนำไปสู้จริงได้

                ตอนนั้นเอง

                “พี่ศรครับช่วยเป็นคู่มือให้หน่อยได้รึเปล่า

                จู่ๆ กวินทร์ก็เสนอหน้าเข้ามาถาม

                ถึงจะกะทันหันไปหน่อยแต่จังหวะก็พอดีเลย

                “ถ้าโดนอัดขึ้นมาอย่าร้องไห้ก็แล้วกัน

                อิงศรยิ้มระหว่างที่พูดแล้วเดินห่างออกไปเพื่อวางระยะที่จะประลอง

                “เอ่อ ถ้ายังไงช่วยออมมือหน่อยก็ดีนะครับเมื่อกี้ยังระบมอยู่นิดๆ เลย

                กวินทร์พูดพลางใช้มือลูบบริเวณหลังที่กระแทกตอนโดนมิ่งขวัญปราบจนเสียหลักล้มลงไป

                “งั้นอันนี้นายก็ระวังหน่อยล่ะเพราะแบทเทิลเรนเจอร์ที่ฉันบิลด์คราวนี้เป็นแบบต่อสู้ประชิดตัว

                ว่าแล้วอิงศรก็ชักดาบที่เอวออกมาแล้วจับธนูซึ่งติดตั้งมีดสี่เล่มเอาไว้พลางกางแขนออกตั้งเป็นท่าร่างสำหรับต่อสู้เหมือนกับท่าจับดาบ

                “แบทเทิลเรนเจอร์เนี่ยคือสายต่อสู้ประชิดตัวของเรนเจอร์ที่ใช่ธนูเป็นอาวุธสินะครับ

                กวินทร์พูดพร้อมกับตั้งท่าสู้

                ท่าร่างของพวกเขาแทบจะเหมือนกันเพราะถืออาวุธสำหรับฟาดฟันถึงสองอย่าง

                ใช่แล้ว ธนูนี่ไม่ได้มีไว้ยิงแต่มีไว้เพื่อฟาดฟันต่างดาบดีๆ นี่เอง

                ดังนั้นจึงต้องใช้ธนูที่มีลักษณะพิเศษ คันจับต้องทำจากเหล็กที่แข็งทนทานและมีใบมีดหรือมีดติดอยู่บนคันจับเป็นลักษณะเฉพาะของอาวุธที่เรียกว่า ‘Battle Bow’ และนั่นก็คือที่มาของชื่อสาย แบทเทิลเรนเจอร์

                การประลองเริ่มขึ้น

                กวินทร์วางดาบไขว้กันไว้ด้านหน้าแล้วบุกเข้ามาตรงๆ เป็นท่าฟันแบบกรรไกร อิงศรหมุนข้อมือหันดาบสั้นลงแล้วใช้มันขัดตรงกลางจุดที่ดาบไขว้กัน แต่นั่นเป็นแผน...

                กวินทร์ดึงดาบเข้าหาตัวเองทำให้เกิดช่องว่างตรงจุดที่ดาบเคยขัดกันอยู่แล้วตวัดดาบพร้อมทั้งท่านั้นโดยเบนปลายดาบลงข้างล่างหวังตัดขาให้ขาด

                อิงศรมองออกอยู่ก่อน จึงหลบโดยถีบตัวกระดอนขึ้นไปแล้วตวัดคันธนูที่มีมีดติดเอาไว้สี่เล่มลงมา

                หากฟันถูกจะสร้างบาดแผลสาหัสที่มีโอกาสแผลฉีกเพิ่มซึ่งจะทำให้พลังชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่องไปในตัว แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนั้นกวินทร์ก็จะต้องเจ็บหนักไปด้วยซึ่งเขาควรจะยั้งมือ...

                “อ้าว จะไปไหนน่ะ

                กวินทร์ที่น่าจะหยุดไปแล้วเพราะโจมตีพลาดกลับพุ่งตัวต่อไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอิงศรที่กระโดดหลบซึ่งปกติแล้วไม่น่าจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะหลบขึ้นด้านบนอีกอย่างถ้าเขายังอยู่บนพื้นคงแทงดาบสวนกลับท่าร่างที่มีแต่ช่องโหว่นั่นแล้วกวินทร์ก็จะถูกฆ่า

                ดังนั้นหมอนี่จึงโชคดีที่คู่ต่อสู้เป็นเขาซึ่งตัดสินใจกระโดดหลบแล้วจู่โจมจากด้านบนซึ่งหวังผลได้มากที่สุด ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่...

                “พี่ศรขอใช้สกิลนะครับ

                กวินทร์พูดแบบนั้นแล้วหมุนตัวกลับพร้อมกับไขว้ดาบประสานกันและทั้งที่เขายังไม่ตอบรับข้อเสนอเลยรุ่นน้องก็

                “ดราโกนิคเบลด (Dragonic Blade)”

                ร่ายสกิลเสริมพลังให้ดาบไปซะก่อน

                พลังที่เสริมลงไปนั้นคือธาตุแห่งมังกรซึ่งมองเห็นเพลิงไฟสีเขียวมรกตห่อหุ้มใบดาบแล้วเมื่อกวินทร์ตวัดดาบออกจากที่ไขว้กันไว้เพลิงไฟนั้นก็จับตัวแข็งเป็นผลึกสีเขียวใสรูปทรงเรียวแหลมดูคล้ายหินงอกหินย้อย

                แทนที่จะเรียกว่า เบลดมันดูเหมือนกับ เรเปียซะมากกว่าแต่ว่ามีความยาวเป็นสองเท่าดูแล้วน่าจะกวัดแกว่งได้ยาก แต่กวินทร์ก็ยังกวัดแกว่งมันอย่างคล่องแคล่วแล้วบุกโจมตีเข้ามาอีก

                อิงศรเพิ่งจะลงพื้นแล้วยืนขึ้นได้เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนก็ต้องพลิกตัวพร้อมกับดันทั้งธนูทั้งดาบออกไปต้านรับดาบของกวินทร์

                แรงแขนเกือบจะสู้ไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นอาชีพที่มีพละกำลังมากกว่าแขนของอิงศรจึงถูกดันกลับจนกระทั่งกวินทร์เข้ามาใกล้มากพอก็ปล่อยลูกถีบใส่ท้อง

                “อัก

                อิงศรกระเด็นไถลไปกับพื้นราวสองถึงสามก้าวก่อนจะหยุดและเพราะฝืนเค้นแรงขาเพื่อไม่ให้หงายหลังไปตอนที่ไถลจึงทำให้เสียสมดุลจนเข่าข้างขวาทรุด

                “ย้าก!!

                กวินทร์ประชิดเข้าในตอนนั้นแล้วเงื้อดาบ ดาบหินงอกที่เสริมความแข็งแรงด้วยพลังของมังกรถึงไม่มีคมแต่ถ้าโดนฟาดเต็มแรงคงถึงกับสลบได้

                ดังนั้นในเมื่อเสียหลักจนจะล้มทั้งยืนอยู่แล้วก็ขอใช้ประโยชน์หน่อยละกัน

                อิงศรย่อตัวลงไปแล้วยกคันศรขึ้นรับดาบของกวินทร์ไว้โดยเล็งให้ดาบไปขัดตรงซอกที่เกิดจากการเว้นช่วงของมีดบนธนูแต่ละเล่ม

                เสียงโลหะแหลมสูงปะทะกันดังแกร๊ง คันธนูทำจากโลหะส่วนดาบหินงอกเองก็แข็งในระดับเดียวกับเหล็กกล้าจึงส่งเสียงแบบนั้น

                จังหวะที่ยันกันอยู่นั่นเองอิงศรก็ยืดขาออกไปจนตั้งหลักจากที่จะสะดุดล้มได้แล้วซัดด้ามดาบเข้าไปที่ท้องของกวินทร์ เอาคืนที่โดนเมื่อครู่นี้

                “อึก

                รุ่นน้องเพียงแค่ส่งเสียงทรมานออกมาเล็กน้อยลำตัวเกร็งจากการถูกกระแทกไปวินาทีหนึ่ง

                ถ้าเมื่อกี้เขาหมุนดาบก่อนจะแทงท้องของกวินทร์คงได้เป็นรูไปแล้ว

                แต่นี่ก็แค่ซ้อมมือ

                อิงศรถีบตัวทั้งท่านั้นส่งแรงกระดอนไปที่หมัดซึ่งกำด้ามดาบให้จมเข้าไปในท้องของรุ่นน้องจนมันยุบตัวลงเล็กน้อย

                “อ่อก

                กวินทร์กระอักออกมาก่อนจะร่างจะกระเด็นไปตามแรงผลักและเสียหลักจนล้มก้นคะมำไปทีหนึ่ง

                ก่อนที่จะลุกขึ้นมา อิงศรก็ชิงกระโดดหลังจนทิ้งระยะห่างได้ประมาณหนึ่งก็

                “เทคนิคัลเวพ่อน

                เปลี่ยนคันธนูเป็นหน้าไม้แล้วยิงลูกดอกเวทที่เหมือนกับลูกไฟออกไปโดยที่ไม่ได้ชักยันต์ออกมาจากแขนเสื้ออย่างทุกที แต่เพียงแค่ลั่นไกหน้าไม้แผ่นยันต์จากกระเป๋าก็ปรากฏขึ้นมาขวางหน้าและติดไปกับลูกดอกกลายเป็นลูกศรอาคมสำหรับสร้างเขตแดนเพราะว่าติดตั้งสกิลใหม่เพิ่มเข้าไป ‘Auto Bill Cast’ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาชักยันต์เสริมอาคมขึน้มาถือก็สามารถใช้สกิลที่ต้องการยันต์อาคมได้ทันที

                อิงศรยิงไปห้าครั้งสร้างเป็นอาณาเขตล้อมรอบตัวกวินทร์จากนั้นก็ร่ายสกิล

                “มหาเขตแดนตรวนผนึกหมาป่าไกรพ์นิล

                โซ่อาคมพุ่งขึ้นมาจากพื้นที่วาดเป็นวงเวทเอาไว้จำนวนห้าเส้นมัดตรวนรุ่นน้องจนขยับไม่ได้

                “เอ้า รู้ผลแล้วนะ

                การประลองจึงจบลงเพียงแค่นั้น ทว่า...

                กวินทร์กลับยิ้มอย่างมั่นใจ ความมั่นใจนั่นมันอะไรกัน?

                “ดราโกเบรฟ!! (Dragobrave)”

                ทันทีที่รุ่นน้องร่ายสกิลนั้นพันธนาการก็คลายลง

                หินงอกที่ห่อหุ้มคมดาบคืนกลับเป็นไฟอีกครั้งแล้วลุกลามขยายตัวเป็นมังกรกัดกินโซ่อาคม

                ตรวนแห่งพันธนาการที่ว่ากันว่าใช้จองจำหมาป่าปีศาจผู้กลืนกินพระเจ้าในตำนานนอร์สนั่นถูกกินเข้าไปเหมือนเป็นขนมสายไหม

                กวินทร์หลุดจากพันธนาการโดยสมบูรณ์พร้อมกันนั้นเพลิงมังกรก็สลายไปแต่ทำให้ดาบทั้งสองเล่มได้รับพลังธาตุทั้งสี่ฉาบเอาไว้แทน

                “ดราโกเบรฟจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเสริมพลังอาวุธด้วยดราโกนิคเบลดและถูกทำให้ตกอยู่สภาวะที่เคลื่อนไหวไม่ได้ก็จะทำการคลายสภาวะนั้นและบัพดาบสี่ธาตุให้ธาตุละสองครั้งเป็นไงบ้างครับสกิลนี้น่ะ

                รุ่นน้องพูดพลางยกดาบอวดพลังธาตุที่หมุนวนเป็นแสงสี่สีห้อมลอบตัวดาบซึ่งต่างจากปกติจะแบ่งกันไปเล่มละสองธาตุในกรณีที่ใช้เทคนิคัลเวพ่อนแยกดาบออกจากกันเพราะแต่ละสกิลที่เสริมพลังจะติดช่วงฟื้นพลังหลังจากใช้ไปทำให้เสริมธาตุซ้ำลงไปไม่ได้

                “ทั้งดราโกนิคเบลดแล้วก็ดราโกเบรฟนั่นเป็นสกิลเทคนิคัลทั้งคู่สินะ

                กวินทร์พยักหน้าให้คำถามของเขาแล้วเสริมให้ว่า

                “แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ดราโกนิคเบลดมันทับสกิลธาตุที่เสริมไปทั้งหมดกับถูกทับไม่ได้เวลาใช้ก็เลยเล่นลูกเล่นธาตุเพิ่ไม่ได้น่ะครับแต่ว่ามีสกิลสวนกลับแบบดราโกเบรฟแบบที่แสบอยู่ๆ เยอะเหมือนกัน

                สรุปก็คือสกิลเมื่อครู่เป็นของที่ใช้งานได้ยากเพราะเป็น สกิลสวนกลับซึ่งมีเงื่อนไขทำให้ใช้งานทันทีไม่ได้ ดูเหมือนว่าบิลด์สกิลใหม่รอบนี้กวินทร์คิดจะเล่นแบบรอจังหวะสวนกลับคาดว่าคงได้ผลกระทบมาจากสกิลเวพอนไนซ์ที่เงื่อนไขใช้งานเป็นแบบสวนกลับกระมัง แต่ว่า...

                “นี่ ถ้านั่นเป็นสกิลเทคนิคัลก็แปลว่าไม่ใช่สกิลที่พี่นายจัดให้น่ะสิ

                พอถามไปแบบนั้นรุ่นน้องก็ก้มหน้าลง

                “อ๊ะ..ขอโทษไม่ได้ตั้งจ...

                ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าจะเป็นข้อแกตัวที่ดีรึเปล่าแต่เขาลืมคิดถึงความรู้สึกของรุ่นน้องไปจนได้

                แต่แล้ว เมื่อกวินทร์เงยหน้าขึ้นก่อนที่เขาจะพูดคำขอโทษออกไปหมด

                “ก็จริงที่มันเป็นของอย่างสุดท้ายที่พี่สาวเหลือไว้ให้แต่ว่าผมไม่คิดจะให้มันจมอยู่แค่นี้หรอกครับมันยังพัฒนาได้อีกพี่เองก็คงต้องการแบบนั้น

                รุ่นน้องยิ้มอย่างมั่นใจ

                “…”

                “ถ้างั้นก็หยุดซ้อมแค่นี้ก่อนละกันครับที่โดนต่อยไปเมื่อกี้ทำเอาที่กินไปจะไหลย้อนเอา

                ระหว่างที่พูดก็วางมือบนจุดที่ถูกหมัดต่อยเข้าไปแล้วทำหน้าทรมานเล็กน้อย คงจะฝืนทนเอาไว้นั่นแหละ

                “ก็นั่นสิ

                อิงศรตอบรับคำขอนั้นอย่างเห็นด้วยตัวเขาลองวางมือลงบนจุดที่โดนถีบเช่นกัน จนถึงตอนนี้เพิ่งจะมารู้สึกเจ็บคงเพราะระหว่างสู้อะดรีนารีนหลั่งออกมา

                ตอนนั้นเองกวินทร์ก็พูดมาว่า

                “จริงๆ ด้วยล่ะครับเชิงดาบของพี่สาวน่ะเหมือนของพี่ศรเลย

                “หา? หมายความว่าไงล่ะนั่น

                “ที่จริงแล้วที่ขอให้ช่วยซ็อมเพราะผมติดใจบางอย่างตอนสู้กับพี่สาวน่ะครับตอนนั้นทั้งที่พี่เขาใช้ดาบสู้กับผมแท้ๆ แต่ยิ่งสู้เหมือนจะยิ่งถอยห่างออกไปเรื่อยๆ แถมสกิลของพี่เขาก็มีสกิลที่ใช้โจมตีระยะไกลอยู่ด้วย ผมรู้สึกเหมือนเคยเห็นวิธีสู้แบบนั้นมาก่อนที่แท้ก็เหมือนของพี่ศรนี่เอง

                ที่กวินทร์ว่ามานั้นคงหมายถึงวิธีสู้แบบ ‘Hit & Away’ ซึ่งเป็นเทคนิคการสู้แบบโจมตีแล้วหาจังหวะถอยห่างไปด้วย มันเป็นคำศัพท์ที่บ่งบอกรูปแบบการชกมวยแบบหนึ่งแล้วก็ถูกนำมาใช้ในเกมต่อสู้หลายๆ เกมเหมือนกัน

                เชิงดาบของเขาเป็นแบบนั้นเพราะด้วยอาชีพพื้นฐานแล้วไม่แข็งแรงในการต่อสู้ประชิดตัวจึงมีวิธีสู้แบบนั้นไปโดยอัตโนมัติแต่สาเหตุจริงๆ ที่เขาใช้วิธีสู้แบบนี้ก็มาจากสิงห์

                คนที่สอนดาบให้เขาคือสิงห์ที่มีอาชีพหลักเป็นซัมมอนเนอร์ซึ่งก็ไม่ใช่สายที่เก่งสู้ประชิดตัวอีกเหมือนกันดังนั้นจึงน่าแปลกที่พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของกวินทร์เป็นอาชีพเวพ่อนเอนแชนท์เตอร์ซึ่งถนัดการต่อสู้ประชิดตัวพอๆ กับพวกโคลสเซอร์เลยทีเดียวแต่กลับมีวิธีการต่อสู้เหมือนเขากับสิงห์ได้อย่างไร

                ระหว่างนี้เองเน็กส์กับนิวก็แทรกเข้ามา

                “พี่ศรฮะช่วยทดลองสกิลหน่อยสิ

                เน็กส์พูด เด็กชายจูงมือนิว น้องเล็กที่อายุเท่ากันและเป็นผู้หญิงซึ่งไม่น่าจะต่อสู้ได้ดีแต่กลับพาเธอมาปรึกษาเรื่องการต่อสู้ด้วยกันคงจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

                “หือ ว่ามาซิ

                อิงศรเบรกที่คุยกับกวินทร์ไปเพราะรุ่นน้องก็เหมือนไม่มีอะไรจะคุยด้วยแล้วจากนั้นก็เริ่มฟังเรื่องของพวกเด็กๆ

                “คือว่านิวเขาได้สกิลใหม่ที่ทำให้คนเข้าไปสิงในตัวอีกคนหนึ่งได้น่ะฮะก็เลยคิดว่าผมจะลองสิงพี่ศรดู ได้รึเปล่าฮะ

                เด็กชายพูดด้วยดวงตาที่ฉายแววความมุ่งออกมาเต็มเปี่ยมจนยากจะปฏิเสธ อีกอย่างแนวคิดที่ว่ามานั้นก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

                “เอาสิ

                อิงศรตอบรับและยอมเป็นหนูลองยาให้ทั้งคู่

                จากนั้นเน็กส์ก็หันไปบอกเด็กสาวให้เริ่มการทดลอง

                “งั้นนิวทำแบบเมื่อกี้เลยนะ

                “อื้อ

                นิวพยักหน้าแล้วชี้มาที่เขาจากนั้นตบหลังเน็กส์พร้อมกับพูดว่า

                “มาริโอเน็กซัส

     

    [MarioNE-XUS Lv(1/1)

    Element: -

    Attribute: Domination, Target Ally

    ร่ายใส่พวกเดียวกันเท่านั้น (Party) หลอมรวมจิตวิญญาณของพวกพ้องให้กลายเป็นหนึ่ง Believe in NEXUS!!]

     

                พริบตานั้นเน็กส์ก็กลายเป็นลูกไฟแล้วพุ่งมาที่อิงศรทะลุผ่านเข้าไปในร่าง

                “...”

                รู้สึกได้ว่าพลังเอ่อล้นขึ้นมาจากภายใน อบอุ่นราวกับมีชีวิตในร่างกาย นี่คือพลังสกิลของนิวอย่างนั้นสินะ

                ‘นิวถอยไปก่อนนะจะลองสกิลหน่อย

                เสียงของเน็กส์ดังออกมาทั้งที่เขาก็ไม่ได้ขยับปากพูด มันแค่ลอยออกมาจากร่างของเขาอย่างเป็นปริศนา

                “อื้อ

                นิวตอบรับคำพูดนั้นแล้วถอยห่างออก ตอนนั้นเองคนอื่นๆ ก็เริ่มเบนสายตามามองด้วยความสนอกสนใจ

                เพราะว่าเน็กส์ส่งเสียงดังมากตอนที่พูดให้นิวถอยไปบางทีคงจะไม่รู้ว่าระดับเสียงประมาณไหนถึงจะส่งออกมาข้างนอกได้ก็เลยเหมือนจะพูดตะโกน

                ‘วินด์วาร์ป!!

                เสียงตะโกนของเด็กชายที่ตอนนี้สิงอยู่ภายในตัวของเขาดังขึ้นในวินาทีนั้น

                วินาทีถัดมาอิงศรก็รู้สึกตัวว่าได้ย้ายออกมาจากที่เดิมราวสิบเมตรเห็นจะได้และที่จุดเดิมนั้นก็มีลมพายุขนาดเล็กก่อตัวขึ้นพัดหอบเอาเศษฝุ่นทรายขึ้นมา

                “เมื่อกี้ที่ใช้วินด์วาร์ปก็เลยพาพี่มาตรงนี้เลยงั้นเหรอ

                ‘ใช่แล้วฮะ ตอนที่สิงอยู่ผมสามารถใช้สกิลสนับสนุนให้พี่ศรได้ด้วย

                เสียงของเน็กส์เบาลงกว่าก่อนหน้านี้บางทีคงรู้ถึงระดับเสียงที่ต้องใช้แล้ว จากนั้นนิวก็เข้ามาเสริมให้อีก

                “แล้วก็ความเสียหายที่ได้รับระหว่างสิงจะแบ่งจากเจ้าของร่างสามสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยค่ะแต่ถ้าพลังชีวิตลดลงเกินครึ่งหนึ่งของพลังชีวิตเต็มก็จะถูกบังคับปลดการสิง

                แบบนั้นมันยอดไปเลยไม่ใช่หรือไงน่ะ...อิงศรคิดอย่างนั้น

                หากมีการเคลื่อนที่พริบตาของเน็กส์มาเสริมตัวเขาก็สามารถสลับไปตำแหน่งไหนก็ได้ในทันทีหรือแม้แต่ประยุกต์ใช้โจมตีแบบเซอไพรส์ก็ดี

                ระหว่างที่ความคิดสร้างสรรค์กำลังเฟื่อง ฟูกับมิกซ์ก็มาถึงพอดีตามด้วยมิ่งขวัญคงจะมาดูสกิลใหม่ที่พวกเขาลองกัน

                มิกซ์ถาม

                “เมื่อกี้ที่พี่ศรวาร์ปได้นั่นฝีมือเน็กส์เหรอครับ

                อิงศรพยักหน้า มิกซ์จึงเริ่มหันมองไปรอบๆ ราวกับจะหาตัวเน็กส์แน่นนอนว่า...

                “ว่าแต่เน็กส์หายไปไหนเนี่ย

                ‘อยู่นี่ฮะพี่มิกซ์!

                พอเสียงของเน็กส์ดังออกมาเจ้าตัวก็ทำหน้าตกใจ

                “เมื่อกี้เสียงดังมาจากตัวพี่ศรนี่

                ‘อืม รวมร่างกันอยู่น่ะด้วยสกิลของนิว

                อิงศรชี้ไปที่เด็กสาวซึ่งกำลังแอบหัวเราะพี่ชายที่ไม่รู้ว่าเน็กส์หายไปไหน

                จากนั้นฟูก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า

                “รวมร่างกันได้เหรอแบบนั้นก็สนุกไปเลยดิ

                แล้วหันไปทางมิ่งขวัญพร้อมกับคว้าคอมิกซ์ติดไปด้วย

                “จะทำอะไรเนี่ยฟู

                “ว่าไงขวัญฉันกับมิกซ์จะรวมร่างกันแล้วมาลองทีดิ๊ว่าใครจะเก่งกว่า

                มิ่งขวัญยิ้มรับคำท้านั้นอย่างว่าง่ายและดูจะนึกสนุกไปกับมันด้วย

                “เอาดิ เอาดิ

                จากนั้นก็ให้นิวร่ายสกิลใส่โดยทีฟู่เป็นคนสิงมิกซ์

                “ตกลงเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย

                มิกซ์ทำหน้าเซ็งขณะที่บ่นแบบนั้นมิ่งขวัญก็ถอยออกไปสี่ก้าวแล้วหันกลับมาตั้งท่าพร้อมสู้

                ดูเหมือนว่ามิกซ์จะไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมทำตามฟูจึงชักปืนออกมา

                ‘ดีล่ะงั้นจะเริ่มจากสกิลนี้ก่อนเลย

                เสียงของฟูดังเหมือนตะโกนอยู่ตลอดแม้ว่าจะสิงมิกซ์มาได้พักหนึ่งและพูดคุยสอบถามกับเน็กส์กับนิวมาแล้วก็ยังคงไม่ปรับระดับเสียงลง อาจจะไม่รู้ตัวแต่นี่ก็เป็นระดับเสียงปกติอยู่แล้วเพราะฟูขี้โวยวายกว่าใครในกลุ่ม

                “คร้าบ คร้าบ จะทำอะไรก็ทำเถอะ

                มิกซ์ขานรับอย่างเหนื่อยหน่าย

                ตอนนั้นเองเสียงร่ายสกิลของฟูก็ดังกระหึ่ม

                ‘ทอร์แฮมเมอร์!!

                นั่นคือสกิลที่เรียกสายฟ้าลงมาสถิตในค้อนแล้วฟาดอย่างรุนแรงซึ่งเคยทุบมิตราพุทธะจมธรณีมาแล้วเป็นสกิลที่อลังการงานสร้างไม่ใช่น้อย

                “…”

                “…”

                “…”

                อนิจจา รอบข้างเงียบสนิทไม่มีแม้แต่ลมหรืออะไรออกมาเลย

                ‘อ้าว...ไหงมันไม่มีอะไรออกมาอ่ะ

                ฟูเริ่มโวยวายจากนั้นก็ลองร่ายสกิลออกมาอีกหลายอย่างแต่ก็ไม่มีสกิลไหนทำงานได้เลยซักสกิล

                ท่ามกลางความ แป้กนั่นเสียงเดียวที่อิงศรซึ่งมีประสาทสัมผัสฉับไวได้ยินคือเสียงหอบหายใจรุนแรงจากพลอยที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก

                “ฟูรวมร่างกับมิกซ์...แฮ่ก...ฟูอยู่ในตัวมิกซ์...แฮ่ก

                ได้ยินเสียงหื่นกระหายที่อธิบายไม่ได้ดังแว่วมาจากจุดที่พลอยยืนอยู่ ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องสาวบุญธรรมตอนนี้ทำหน้าตาแบบไหนแต่เขารู้สึกกลัวที่จะหันกลับไปมอง รู้สึกได้ว่าอันตรายต่อสวัสดิภาพในฐานะพี่ชายอาจจะพังทลายได้ถ้าหันกลับไป

                ‘เอ่อ พี่ฟูฮะสกิลที่ต้องใช้อาวุธโจมตีด้วยหรือสกิลเพิ่มพลังมันจะใช้ไม่ได้นะครับ

                เสียงของเน็กส์ดังออกไปจากตัว นั่นทำให้ฟูส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นกว่าเดิม

                ‘อ้าว!! แบบนี้ที่มาสิงมิกซ์ก็ไม่มีความหมายอ่ะเด้!

                กวินทร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หันมาถามเขา ที่จริงแล้วคิดว่าถามเน็กส์มากกว่าเพราะว่าสายตาของกวินทร์ไม่ได้สบมาที่ตาของเขา

                “คือว่าตอนที่สิงอยู่เนี่ยรู้สึกเป็นยังไงมั่งเหรอ

                ‘...’

                เน็กส์ไม่ได้ตอบกลับไปในทันทีมันคงจะอธิบายเป็นคำพูดได้ยากเพราะขนาดคนโดนสิงอย่างเขาถ้าโดนถามคล้ายๆ กันก็ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรให้อีกฝ่ายเข้าใจ

                ‘ถ้าจะให้พูดก็เหมือนกับกอดตัวพี่ศรอยู่ตลอดเวลาน่ะครับเพราะมันจะอุ่นๆ แล้วก็รู้สึกเหนียวๆ น่ะฮะ

                กวินทร์ทำหน้าทึ่งกับคำตอบแต่ก็มิวายมีคำถามเกิดขึ้นอีก

                “อันที่บอกว่าเหนียวนี่ไม่ค่อยเข้าใจแหะ คือเหนียวเหงื่อแบบแก้ผ้ากอดกันอยู่อะไรงี้เหรอ

                รู้สึกว่าที่รุ่นน้องพูดเมื่อครู่ปล่อยผ่านไม่ได้อิงศรจึงขัดไปว่า

                “เฮ้ พูดแบบนั้นมันโรคจิตไปไหมน่ะ

                แต่กวินทร์ก็ตอบรับอย่างไร้เดียงสา

                “อะขอโทษครับมัวแต่คิดภาพตามจนเผลอไปหน่อยจะว่าไปก็ดูโรคจิตจริงๆ ด้วย

                แล้วแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนความเขินอาย

                จากตรงนั้นที่อิงศรรู้สึกได้ว่าจิตสัมผัสอันชั่วร้ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าปีศาจเหมือนกับแก่กล้าขึ้นมาจากทิศที่พลอยอยู่ชนิด เอลิกอร์ ยังชิดซ้าย

                รู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมาทันที

                แล้วเน็กส์ยังคงพยายามจะอธิบายให้ชวนเข้าใจผิดหนักข้อขึ้นไปอีก

                ‘คือที่ว่าเหนียวนั่นมันไม่ใข่เหนียวแบบนั้นน่ะฮะมันแบบว่าเหมือนสนิทกันมากขึ้นผมพูดไม่ถูกว่ามันเหนียวอะไรซักอย่าง…’

                กวินทร์ทุบมือดังปึ้ก

                “อ๋อ จะบอกว่าเหนียวแน่นขึ้นสินะครับ เป็นความรู้สึกประมาณว่าสนิทกันมากขึ้นใช่มะ

                ‘อื้อ อื้อ นั่นแหละฮะที่อยากจะพูดเลย

                ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมสูงดัง ปรี้ด เหมือนกับของเหลวพุ่งกระฉูดออกมาจากที่ไหนซักแห่ง

                จากนั้นเสียงกรีดร้องของนิวก็ดังลั่น

                “พี่พลอยเป็นลมไปแล้วเลือดกำเดาท่วมด้วย!!

                ทุกคนละความสนใจของตัวเองไปที่พลอยทันที

                อิงศรก็หันกลับไปด้วยและเห็นเด็กสาวนอนหงายหลังแอ้งแม้งอยู่บนพื้นในสภาพที่เลือดกำเดาไหลเปื้อนไปทั่ว

                ขวัญร้องตะโกนเป็นคนแรก

                “เฮ้ พลอยทำใจดีๆ ไว้นะ!

                ากนั้นเสียงเอะก็เริ่มตามมาเป็นพรวน

                “เป็นอะไรไปน่ะหรือว่าจะมีไข้

                “พี่พลอยอย่าตายนะ!

                เสียงเอะอะโวยวายและตื่นตระหนกดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ

                ฟูกับเน็กส์ออกจากสภาพวิญญาณแล้วทุกคนก็พากันไปดูอาการของพลอย พลังชีวิตลดลงไม่มากยังไงก็ไม่ถึงตาย แต่ว่า

                “เฮ้ย ยัยต่างดาวแกเป็นคนร้ายใช่มะ

                ฟูเริ่มไปหาเรื่องกับราชครูมนุษย์ต่างดาวที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว

                “อะไรกันอย่ามาใส่ร้ายนะฉันยังไม่ได้ขยับไปจากตรงนี้เลยนะคะ

                “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันเล่าทำไมพลอยถึงได้เลือดท่วมแบบนี้ล่ะ

                “จะไปรู้เหรอคะก็เห็นเธอคนนั้นท่าทางแปลกๆ ตอนยืนดูพวกคุณอยู่ แล้วจู่ๆ ก็ล้มลงไปดิฉันซะอีกค่ะที่ตกใจน่ะ

                จากนั้นมิกซ์ก็เริ่มสันนิษฐานอย่างจริงจัง

                “หรือว่าจะเป็นฝีมือของปีศาจกันแน่

                นิวทำท่าหวาดกลัวแล้ววิ่งไปกอดเน็กส์ กอดเด็กชายแน่นจนเริ่มทำหน้าอึดอัดออกมา

                “น่ากลัวจังเลย

                สถานการณ์เริ่มจะเหมือน ราโชม่อนเข้าไปทุกที

                เอะอะโวยวายและแตกตื่น ราวกับเป็นบ้ากันไปหมด

                เหตุทำร้ายร่างกายปริศนา

                คนร้ายที่มองไม่เห็น

                แค่นั้นก็เพียงพอจะสร้างความตึงเครียดให้จนทุกคนพากันชักอาวุธออกมาระแวดระวังภัยรอบด้าน

                “ระวังนะทุกคนบางทีปีศาจจะยังอยู่แถวนี้ก็ได้

                มิกซ์พูด

                “เดี๋ยวผมจะลองใช้เมลคีเซเด็คตรวจสอบดูนะฮะ

                เน็กส์กล่าวแล้วก็เรียกปีศาจออกมา เทวทูตผู้ตรวจสอบพระเจ้าตนนั้นจะหาคนร้ายเจอไหมนะ

                คนที่รู้คงจะมีแต่ผู้เสียหายอย่างพลอยซึ่งหมดสติไป

                “…”

                เว้นเสียแต่อิงศรที่พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้

                เขารู้ตัวคนร้ายที่ทำร้ายพลอย

                คนร้ายตัวจริง

                “ก็คือพวกนายนั่นแหละ

                อิงศรรำพึงด้วยใบหน้าเอือมระอาเล็กน้อยขณะที่สายตามองไปยังกวินทร์กับเน็กส์ซึ่งกำลังกระวนกระวายกับเรื่องบ้าๆ ที่กำลังลุกลามใหญ่โต

                พลอยก็แค่เป็นลมไปเพราะฟังที่พูดกันจนเอาไปคิดเลยเถิดแล้วก็บรึ้ม

                หมดสติไป

                “…”

                รู้สึกได้ว่าเสียงของความพินาศดังขึ้นมาเล็กน้อย

                เสียงเข็มวินาทีดังติ๊กๆ

                โอเคก็แค่ข้ออ้าง

                อิงศรเพียงแต่คิดว่า

                “มีฮีลเลอร์แบบนี้ทีมตูจะไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมเนี่ย

     

                จบเห่


    *** ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวถึงตัวเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่ชื่อของเขาคือยอดนักสืบ คอยนาน. ออกมาในช่องคำพูดเดียวแล้วหายไป เป็นชื่อหนังสือที่อิงศรชอบอ่าน... ต้องขออภัยที่ให้คอยนานนะฮะ เลทจาก 5 โมง มาซะ 5 ทุ่ม =w=; พอดีว่าไรท์เจียดเวลาไปทำรูปประกอบสำหรับตอนข้างหน้าอีกไม่ไกลเลยเกิดอาการตันปั่นไม่ทันจนต้องพี้กาวเขียนขนาดนี้ ต้องขออภัยที่ทำให้ 'เอดอกกาวว่ะ คอยนาน' แอ่วววเจอกันใหม่วันศุกร์ฮะ (รู้สึกการแกล้งติงต๊องเพื่อกลบเกลื่อนประเด็นของตอนจะสำเร็จ...รึป่าว)***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×