ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Broken in Silence .. (KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #11 : Broken in silence .. // 5 //

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 685
      5
      11 ก.ย. 54

     

























    .. Chapter 5 ..







                คิบอมหยุดยืนมองร่างของคนที่เขาตามหาทั่วงาน แต่พอเจอเข้ามันก็สายไปแล้ว 

                นอกจากจะทำอะไรไม่ได้มันยังทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด เหตุการณ์ตรง

    หน้าที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นนั้นทำเอาเขาแทบอยากจะบ้า ไม่ได้กลัวนักหรอกว่าเจ้านายจะทำโทษเพราะพวกเขาทำพลาด แต่บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่กำลังเป็นอยู่นั้นมันมีผลเสียเท่าไหร่เขาย่อมรู้ดี

                 ในพิธีวิวาห์ซึ่งรอบกายเคยเคลื่อนไหว ในตอนนี้ราวกับมีใครมาสั่งให้ทุกอย่างหยุดลง ใจดวงน้อยยืนคอยในสิ่งที่เป็นความหวังลมๆแล้งๆ อีซองมินเคยนึกว่าตัวเองอาจจะเป็นคนที่อีกฝ่ายเลือก เรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่น แต่ดูในตอนนี้สิ ในความเป็นจริงที่เป็นอยู่คือเขาที่ไม่รู้ว่าจะก้าวออกไปทางไหน เขาไม่สามารถหลบตาคู่นั้นที่สบกันอยู่ไปได้ เกลียดใจตัวเองนักที่ดื้อดึงไม่เข้าเรื่อง เหมือนเป็นตัวอะไรที่มาอยู่ผิดที่ผิดเวลา ทุกสายตาเริ่มจับจ้องกับอาการที่น่าแปลกใจ เจ้าบ่าวที่ชะงักไปเอาแต่มองไปที่ใครสักคนซึ่งจ้องตอบกลับมาเช่นกัน

    โจวคยูฮยอนปล่อยให้เวลาแต่ละวินาทีผ่านไปโดยที่ใจของเขาไม่คิดที่จะเลือกอีกแล้ว .. เพราะยังไงเสีย คนไม่ดีคนนี้ก็เห็นแก่ตัวเกินกว่าจะยอมเสียดวงใจของตัวเองไปได้

     

                 .. ขอโทษนะ ซองมิน

                 ใบหน้าคมเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ก่อนจะตัดใจหันหนีดวงตาคู่นั้นที่เขาไม่อยากเห็นมันต้องมีน้ำตา แหวนเพชรเม็ดงามค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่เรียวนิ้วของเจ้าสาวแสนสวย ขณะที่ใจของคนๆหนึ่งกำลังกล้ำกลืน ขณะที่ใจของคนอีกคนกำลังแตกสลาย


     

                 ปัง ปัง ..ปัง!!!

     

                 เสียงปืนไม่กี่นัดดังลั่นไปทั่วทั้งงาน แขกเหรื่อมากมายไม่รอช้าให้ความไม่ปลอดภัยคืบคลานเข้ามา พิธีวิวาห์ที่ดำเนินอยู่จึงต้องหยุดทุกอย่างโดยที่ความวุ่นวายโกลาหลได้บดบังไปจนหมด หลายคนวิ่งหนีออกจากงานไป หลายคนก็หลบอยู่ตามโต๊ะหรือมุมต่างๆ คยูฮยอนตื่นตระหนกมากเพียงใดเขาก็ยังมีสติครบ ร่างสูงไม่รอให้ใครต้องตัดสินใจ เขาถือโอกาสฝากเจ้าสาวเอาไว้กับบอดี้การ์ดของหล่อนที่วิ่งเข้ามาหาอย่างทันท่วงที

                 “คยูฮยอนคะ ...”

                 “ไม่ต้องห่วง คุณหลบไปก่อนนะมินอา” คยูฮยอนพูดจบหญิงสาวก็พยักหน้าให้อย่างอย่างรวดเร็ว เมื่อคิมมินอาออกไปจากที่ตรงนี้แล้วคยูฮยอนก็ไม่ลืมจะกวาดสายตาไปหาพ่อกับแม่ของตัวเองที่ตอนนี้ปลอดภัยและมีคนคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว ความวุ่นวายในงานที่ล่มไม่เป็นท่านั้นไม่ได้ทำให้คนที่รู้กันดีสงสัยเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ใครเลยจะคิดว่าจะโดนกัดกันกลางงานอย่างนี้

                 ชายหนุ่มวิ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อจะหาคนที่เขาห่วงสุดหัวใจ เวลานี้ไม่จำเป็นแล้วที่ต้องเก็บความห่วงเอาไว้ คนหลายคนวิ่งผ่านเขาเข้ามาชนคนแล้วคนเล่าทำให้ไม่ง่ายนักต่อการจะวิ่งออกไปหาคนๆนั้น แต่แล้วคยูฮยอนก็หลุดออกมาจากผู้คนได้ เขาชะเง้อหาซองมินซึ่งกำลังยืนอยู่ที่เดิม แค่นั้นแหละที่หัวใจมันแทบจะหยุดเต้นเพราะเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่แค่คนเดียว ลูกน้องคนเก่งที่เขาไว้ใจให้ดูแลนอกจากจะทำพลาดที่ปล่อยให้เข้ามาในงานได้แล้วยังผิดที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนกันหมด 

           คยูฮยอนนึกอยากจะฆ่าลูกน้องตัวดีทั้งสองคนเหลือเกิน  อีซองมินที่ยืนอยู่ต่อหน้า
    เขาไม่ได้เป็นอะไร แต่หากว่าช้าไปแค่วินาทีแล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ ต่อให้เขาอยู่ห่างแค่สามก้าวแต่ถ้าไม่ทันแล้วจะทำยังไง ห้วงความคิดทั้งหมดแล่นวนในหัวผ่านสายตาอันแสนห่วงใยออกมาอย่างไม่มีปิดบัง วินาทีนั้นเองที่ซองมินได้เห็นก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป คุณชายคยูฮยอนคนนี้กำลังห่วงเขาใช่ไหม .. ใช่หรือเปล่า

                 ไม่ทันจะได้ก้าวเข้าไปใกล้กว่าเดิมเท่าใด คนที่ไม่เคยละทิ้งหน้าที่ก็วิ่งเข้ามาอีกทาง คิมคิบอมเข้าประชิดตัวอีซองมินอย่างรวดเร็วก่อนจะสบตากับเจ้านายตัวเองอย่างรู้กัน บอดี้การ์ดหนุ่มพยักหน้าให้พร้อมทั้งคว้าเข้าที่คนตัวเล็กอย่างไม่รอช้า

    ซองมินที่ยืนอึ้งไปเมื่อรู้สึกตัวจึงดันตัวเองออกจากการเกาะกุมนั้น

                 “นายจะพาฉันไปไหน ปล่อยนะ ..”

                 “อย่าดื้อเลยน่าคุณ ไปกับผมเดี๋ยวนี้ อยู่นี่อันตรายแค่ไหนไม่เห็นรึไง”

                 “ไม่ ปล่อย ฉันไม่ไป ..  ขอร้องล่ะ นายอย่าพาฉันไปเลยนะคิบอม ขอร้องแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเอง” ซองมินรั้งตัวเองออกพลางอ้อนวอนให้มือคู่นั้นปล่อยเขาไปแต่ก็ยังถูกดึงเอาไว้เหมือนเดิม แววตาหมดหวังหันมาอีกคนที่เขาอยากเจอ คยูฮยอนที่ยืนอยู่จึงรีบหันหน้าหนีและพยายามจะเดินจากไป คิบอมมองภาพคนที่เขาจับมือเอาไว้อย่างแสนสงสาร น้ำตานองหน้าอย่างนี้กับท่าทางจะวิ่งตามคนที่รักมันสะเทือนเข้าไปในใจของคิบอมจนเจ็บตามไปด้วย เขาไม่ได้อยากจะรั้งซองมินเอาไว้อย่างนี้หรอกนะแต่มันไม่สามารถปล่อยไปได้เพราะเป็นคำสั่ง

                 “ฮึก .. ปล่อยฉันคิบอม ฉันมาที่นี่เพื่อมาหาคุณชายของนาย แล้วไม่เห็นรึไงว่าเค้ากำลังจะเดินหนีฉันไป ขอร้องล่ะ” คิบอมแข็งใจไม่ยอมปล่อยมือ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ อยากอ้อนวอนให้คนตัวเล็กกลับไปกับเขาดีๆแต่ก็พูดไม่ออก จะปล่อยก็ไม่กล้า ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าเขารู้และเข้าใจคุณชายของตัวเองล่ะก็นะ คงนึกว่ามันโหดร้ายเกินไปตั้งแต่แรกแล้วล่ะ


                
    “คยูฮยอน!! คุณอย่าเดินหนีได้มั้ย .. ขอผมถามแค่นิดเดียว แล้วผมจะไม่มาอีก” ซองมินดันตัวเองออกจากคิบอมซึ่งมันไม่มีผลอะไรเลย เขาจึงได้แต่หมดแรงและ
    ตะโกนเรียกคนที่กำลังเดินจากไป คยูฮยอนข่มใจก้าวต่อไปโดยไม่หันมามอง เขาตั้ง

    ใจแล้วว่าจะไม่ใจอ่อนในเวลานี้ แต่เสียงที่ดังตามหลังมานี่สิที่ยังไม่หยุด น้ำเสียงที่เขาไม่เคยลืมกำลังตะโกนร้องขอให้เขากลับไป ร่างสูงหยุดเดินก่อนจะหันมาช้าๆ

                 “ปล่อยได้แล้วคิบอม..” เขาสั่งแค่สั้นๆร่างเล็กของซองมินก็เป็นอิสระทันที คิบอมมองคนข้างกายที่วิ่งตรงไปข้างหน้าพลางระวังอันตรายทั้งหมดที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ในเวลานี้ ซองมินหยุดยืนห่างจากคยูฮยอนไม่ไกลมากนัก อย่างน้อยก็ได้ยินเสียงโดยไม่จำเป็นต้องตะโกน

                 “คุณมันใจร้ายจริงนะ..”

                 .. แล้วอีซองมินจะรู้ไหมนะ ว่าคนใจร้ายคนนี้มันเจ็บแค่ไหน ..

                 ภายใต้ใบหน้าที่ซ่อนความรู้สึกเอาไว้ คยูฮยอนกำลังทรมานที่ทำอย่างใจคิดไม่ได้ แก้มขาวๆดวงตาช้ำๆ น้ำตาพวกนั้นอีก แล้วดูสิ .. แค่มองกันแบบนี้เขาก็แทบทนดูไม่ได้แล้ว ร่างสูงก้าวไปข้างหน้าหวังอยากจะสัมผัสสักนิดให้หายคิดถึง อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าความรู้สึกที่ใกล้กันมันเป็นอย่างไร คยูฮยอนเดินไปได้แค่ก้าวเดียวสองขาก็ต้องชะงักหยุดลง .. เมื่อเขารู้สึกได้ถึงบางอย่าง

                 คยูฮยอนสบตากับคิบอมอย่างรู้กัน ขณะที่คนตรงกลางนั้นไม่มีอะไรในหัวเลยนอกจากตรงหน้าของเขา

                 “ขอโทษนะที่ผมมารบกวนคุณ อยากจะมาแสดงความยินดีแต่ก็ทำไม่ลง .. ไม่นึกว่ามันจะเกิดอะไรที่ผมไม่เข้าใจขึ้น แต่ยังไงก็ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี” ซองมินเอื้อนเอ่ยแต่ละคำแต่ละพยางค์ออกไปให้ดีที่สุด เขาพยายามตั้งสติทั้งที่พูดไปพร้อมกับน้ำตา

                 “ที่มาวันนี้ เพราะอยากถามอะไรคุณซักคำ”

                 “ว่ามาสิ” ท่าทางเฉยเมยของคยูฮยอนนั้นทำให้ซองมินแทบไม่อยากจะได้คำตอบเลย เขารู้ตัวดีแล้วล่ะกับอะไรทั้งหมด แต่ไหนๆก็มาแล้วนี่ หากไม่ได้ยินกับหูตัวเองคงกลับบ้านไปแล้วนอนไม่หลับแน่ๆ ใบหน้าหวานถูกอาบไปด้วยหยดน้ำตาที่

    กลิ้งหล่นลงมาผ่านริมฝีปากที่ยกยิ้มบางๆขึ้นมา

                 “คุณน่ะ .. ไม่รักผมแล้วใช่มั้ย หรือที่ผ่านมาคุณแค่ล้อเล่น”

                 “............”


                
    “ที่ผ่านมาผมอาจจะโง่ที่ยังไม่ยอมเชื่อ แต่วันนี้ผมแค่อยากได้ยินจากปากคุณ ผมจะได้ตัดใจให้มันจบไป แล้วผมจะไปโดยไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก..ผมสัญญา”



                 คยูฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มันไม่ใช่คำถามที่น่าแปลกอะไร แต่เขาไม่นึกว่าตัวเองจะต้องมาตอบในเวลาที่มันบีบคั้นอย่างนี้



                 “อืม..มันก็แค่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ฉันไม่ติดใจอะไรหรอก”

     


                 สายลมเอื่อยผิดเวลาพัดพาถ้อยคำทำร้ายจิตใจให้ได้ยินชัดเจน

                 รอบข้างพวกเขาแทบจะว่างเปล่าไปด้วยผู้คน รอบนอกเท่านั้นที่ตำรวจและคนที่เกี่ยวข้องจะวุ่นวายกันอยู่ โต๊ะหลายตัวและทุกสิ่งในพิธีล้มระเนระนาดไปหมดเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น คนสามคนท่ามกลางความเงียบยืนนิ่งไปด้วยความ

    รู้สึกลึกๆที่แทบไม่ต่างกัน ซองมินที่บอกตัวเองให้เข้มแข็งก่อนมา พอเอาเข้าจริงแล้วก็แทบจะไร้ความรู้สึก มันเจ็บจนชาไปทั้งร่าง ขณะที่คยูฮยอนยืนกำมือแน่นฝืนทำเฉยออกไป ทุกอย่างจึงนิ่งงันไปหมด บรรยากาศรอบข้างที่เขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างก็พลอยนิ่งไปเช่นกัน

                 “กลับบ้านนายไปเถอะนะอีซองมิน”

                 “แสดงว่าที่ผ่านมาผมโง่คิดไปเองคนเดียวใช่มั้ย โง่ที่ปล่อยให้คุณหลอกลวงด้วยคำพูดต่างๆนานา”


                
    “ใช่ ..นายมันโง่เอง”

                 และหากยังไม่ชัด โจวคยูฮยอนก็จะบอกให้อีซองมินจำเอาไว้อีกที









                 “ฉันไม่ได้รักนาย”

                 จบแล้ว ..แค่นี้แหละที่ซองมินอยากได้ยิน

                 คนตัวเล็กยืนช้ำใจอยู่ระหว่างอีกสองคนที่กำลังประมวลเหตุการณ์บางอย่างที่เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย ซองมินรู้แค่ว่าน้ำตาของเขาเท่านั้นที่ไหลรินลงมาหยดแล้วหยดเล่า


                
    “ขอบคุณครับที่กรุณาบอกให้ผมทราบ”

                 “.........”

                 “ต่อไปผมจะได้เข้าใจ ว่าเรามันก็แค่ ... คนเคยรู้จัก”

                 ประโยคที่ไม่ได้อยากฟังทิ่มแทงลงไปในใจอย่างยากจะเอ่ย คยูฮยอนอยากจะก้าวหันหลังแล้วเดินจากไป แต่เขากลับเลือกที่จะยืนสบตากับคนตรงหน้าอยู่อย่างนี้ ความรู้สึกปวดหนึบในใจแม้ว่ามันมีผลแค่ไหนแต่เขาจะไม่แสดงออกมา สิ่งที่สมองควรคิดอีกในอีกเรื่องก็สั่งให้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปภายใต้เสื้อสูทที่ใส่อยู่เพื่อกำวัตถุบางอย่างเอาไว้

                 อีซองมินยืนก้มหน้าน้ำตาไหลอย่างหนักเสียจนคนที่ยืนมองด้านหลังอยากจะเข้าไปช่วยพยุงเอาไว้เหลือเกิน คิบอมไม่เพียงแต่คิดเท่านั้น เขาสบตากับผู้เป็นนายก่อนที่จะพยักหน้ารับคำสั่งที่ส่งมาผ่านเพียงสายตา

                 และวินาทีที่บางอย่างเริ่มเคลื่อนไหว

                 คิมคิบอมปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี เข้าวิ่งเข้าไปคว้าเอาร่างเล็กไว้อย่างรวดเร็ว ไม่มีแรงขัดขืนอย่างทุกครั้งที่เป็น ร่างอ่อนแรงเหมือนไร้วิญญาณถูกเขาโอบไว้ให้วิ่งออกไปด้วยกัน

                 คยูฮยอนยืนมองภาพตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งจนคนทั้งสองลับตาไป ร่างสูงจึงรีบตวัดตัวหลบกระสุนที่พุ่งตรงมาที่เขาแทน มือข้างที่ซ่อนไว้ในเสื้อกระชากวัตถุสีดำออกมาป้องกันตัว .. และบางเรื่องที่เขาต้องทนมานาน ไม่นึกว่าเวลาที่จะได้สะสางนั้นจะใกล้เข้ามาทุกที

                                 
                   


                          

                 เมื่อพ้นประตูรั้วออกมาได้ คนทั้งสองจึงหยุดวิ่งลงอย่างทุลักทุเล คิบอมพยุงร่างของซองมินเอาไว้ก่อนที่รถสีดำคันหนึ่งจะแล่นมาจอดลงต่อหน้าพวกเขาอย่างรวดเร็ว




                 “มาได้ทันใจจริงนะไอ้ตัวต้นเหตุ”

                 เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆซึ่งคนในอ้อมกอดก็ใช่ว่าจะมีสติพอที่จะได้ยิน คิบอมหันซ้ายหันขวาก่อนจะรีบดันร่างของซองมินเข้าไปที่เบาะหลังแล้วปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว เขารีบวิ่งมาเข้าไปนั่งยังเบาะข้างคนขับทันทีที่รถเริ่มออกตัวไปตามถนน  ใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตานั้นไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร ซองมินเวียนหัวอย่างมากเพราะความเสียใจที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีสติ

                 “คุณโอเคมั้ยซองมิน” คิบอมหันกลับมาถามเพราะความเป็นห่วง ร่างเล็กตัวสั่นเทาเพราะหมดเรี่ยวแรง ซองมินไม่ได้ตอบคำถามที่ได้ยิน เขาเพียงแต่หลับตาลงเพื่อควบคุมตัวเองครู่หนึ่งแล้วลืมขึ้นอย่างเก่า ซองมินสบตากับคิบอมก่อนจะเบนหนีแล้วก็ต้องพบว่าใครอีกคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยอยู่นั้นเป็นใคร แม้ว่าจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง แต่เขาก็มั่นใจว่าตัวเองจำได้ไม่มีผิดแน่

                 “รยออุค..” ซองมินครางชื่อนี้ออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ความฉงนสงสัยปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา และเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรซองมินก็พอจะเข้าใจดี

                 “นาย .. ทำไมถึง ......”  ซองมินไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจอเรื่องอะไรมากมายไปอีกนานแค่ไหน ที่สำคัญคนพวกนี้จะหลอกลวงเขาไปถึงไหนกัน เขาเงียบและไม่พูดอะไรอีกเลย นั่นทำให้คิบอมรู้สึกลำบากใจขึ้นมาเช่นเดียวกับคนซึ่งเป็นสาเหตุที่ตอน

    นี้ทำได้แค่บังคับพวงมาลัยไปด้วยความรู้สึกผิด เขาทำตามหน้าที่ แต่หากจะผิด รยออุคก็ขอยอมรับผิดเพราะทำให้ซองมินเสียใจ

                 “ผมขอโทษ” ถึงรยออุคจะบอกออกไป คนฟังก็ไม่คิดอยากจะได้ยิน และยิ่งซองมินเงียบก็ยิ่งทำให้คนทั้งสองรู้สึกหวั่นใจ พวกเขาจะทำอย่างไรกับคนที่เอาแต่นั่งน้ำตาไหล แม้ไม่ได้ฟูมฟายปานจะขาดใจ แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะน้ำตาหมดตัวแล้วช็อคไปเสียก่อน คิบอมและรยออุคหันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง

                 “ดื่มน้ำก่อนสิคุณ” คิบอมยื่นขวดน้ำที่รับมาจากรยออุคให้กับซองมิน มือบางไม่คิดจะขยับมารับทำให้คิบอมต้องถอนหายใจแล้วจับมือของซองมินมารับเอาไว้ ซองมินดื่มน้ำที่คิบอมให้มา และครู่เดียวเท่านั้นที่ขวดน้ำของรยออุคได้ผลตาม

    ที่คาด ผ่านไปไม่กี่นาทีที่ซองมินรู้สึกง่วงนอนขึ้นมาเสียดื้อๆ สักพักร่างเล็กจึงเอนหลับลงไปตามแนวยาวของเบาะรถในทันที เห็นอย่างนั้นคิบอมก็ส่ายหน้าให้กับจอมวางแผน ซึ่งรยออุคไม่แน่ใจนักว่าเป็นการชมหรือด่ากันแน่

                 “ต้องขอบใจนายใช่มั้ยกับยานอนหลับในน้ำเนี่ย”

                 “แน่ล่ะ .. ขืนไม่ให้หลับฉันว่าได้ร้องไห้จนเป็นลมแน่”


                
    คิบอมมองคนที่หลับไปก่อนจะสั่งให้รยออุคจอดรถลงที่ข้างทางเมื่อคาดว่าออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว

                 “อะไรของนายวะคิบอม” ชายหนุ่มที่เบรกรถลงมองตามเพื่อนรักที่รีบเปิดประตูลงมาดูคนที่หลับพับไปกับเบาะ คิบอมจับร่างของซองมินให้นอนราบไปในท่าที่ดีที่สุดและคิดว่าจะสบายที่สุด ร่างสูงจัดแจงถอดเสื้อนอกของตัวเองออกแล้วคลุมลงไปบนร่างเล็กที่มีคราบน้ำตาอยู่เต็มหน้า ทุกอย่างเกิดขึ้นในสายตาของรยออุคตลอดเวลา และนั่นทำให้คนมองพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง คิบอมกลับเข้ามานั่งประจำที่เดิมก่อนที่รถจะแล่นออกไปอีกครั้ง

                 “หึ .. ห่วงใยจริงนะคิบอม”

                 “มันหน้าที่ว่ะ คุณชายสั่งเราไว้ยังไงนายจำได้ไม่ใช่เหรอรยออุค”

                 “จำได้สิ ดูแลให้ดีที่สุด”

                 “อืม”

                 ถึงกระนั้นก็ตาม รยออุคก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตารู้ทันไปให้คิบอม ซึ่งแน่นอนว่าที่ได้กลับมาจะเป็นหน้าตาที่บูดบึ้งอย่างไม่ยอมรับในสิ่งที่ทำลงไป

                 “อย่ามองแบบนี้สิวะ ก็บอกแล้วไงว่ามันหน้าที่”

                 “เออๆๆๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลยนี่หว่า”

              

                 “แต่ว่านะคิบอม ถึงเราจะดูแลดีแค่ไหน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมอย่างไร .. มันก็แค่ภายนอกเท่านั้น”

                 “..................”

                 “อยากจะบอกคุณชายเหลือเกินว่ามันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อหัวใจของคุณซองมินเค้าแหลกละเอียดไปหมดแล้ว”

     


                

                                                       

     

                 .. คนเรา หากได้ลองรักแล้วมันก็ยากจะถอนใช่ไหม แล้วถ้าได้ลองเจ็บล่ะ มันเลือกที่จะเดินหนีได้ยากเหมือนกันรึเปล่า ..

     

                 ร้านดอกไม้เล็กๆในมุมหนึ่งของชานเมืองกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง จะมีเปลี่ยนไปก็แค่ในวันนี้มีเพียงแค่เจ้าของร้านคนเดิมและคนเดียว สองบอดี้การ์ดหนุ่มนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน เขาทั้งสองไม่ได้ถูกชวนให้อยู่ ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ถูกไล่ให้กลับไปเช่นกัน มันอาจจะฟังดูดีแต่กลับกัน เพราะนั่นยิ่งแย่ไปใหญ่เมื่อคุณเจ้าของร้านกลับทำเหมือนมองไม่เห็นพวกเขาเลยมากกว่า คิบอมและรยออุคนั่งถอนหายใจกับเรื่องทุกอย่างที่คุณชายของพวกเขาวางเอาไว้แต่กลับล้มไม่เป็นท่าเพราะคนที่ไม่

    ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แค่รยออุคปล่อยให้ซองมินโผล่เข้าไปในงานเมื่อวานนี้ก็มากพอแล้ว คิบอมที่น่าจะจัดการได้ก็ดันพาออกไปไม่ทันอีก มันเรื่องบังเอิญหรือโชคชะตากำหนดก็ไม่รู้ ทั้งสองนั่งเงียบกันไปโดยที่มองใครอีกคนไปเช่นกัน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่วุ่นวายจนปวดหัวทุกอย่างก็กลับมาสงบลง จนเช้านี้ที่พวกเขาเอาแต่นั่งมองร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่ตั้งอกตั้งใจทำงานเสียเหลือเกิน

                 และเพราะทนดูไม่ไหว เมื่อรยออุคเห็นว่าซองมินกำลังยกของหนัก เขาก็ตรงเข้าไปหมายจะช่วยด้วยความเคยชิน แต่คนเคยเป็นเจ้านายกลับไม่คิดจะรับมันไว้

                 “ไม่เป็นไรหรอก ฉันยกเองได้”

                 “แต่ว่าผม..”

                 “คุณก็เป็นเหมือนแขกของร้าน เชิญนั่งที่เดิมตามสบายดีกว่านะครับ” ใบหน้าหวานๆที่มีแววเศร้าสร้อยนั่นยิ้มมาให้นิดหน่อย ท่าทางหมางเมินแบบนั้นทำให้คนฟังได้แต่นิ่งไปเพราะไม่มีเหตุผลจะไปดึงดัน รยออุคพูดไม่ออกเลยสักนิดเพราะรู้ตัวดีว่าตัวเองผิดที่หลอกลวงจึงทำให้เขาแทบไม่มีหน้าจะมองอีกฝ่ายต่อไป ชายหนุ่มจึงถอยออกมานั่งอยู่ข้างเพื่อนรักที่เดิม คิบอมเข้าใจดีจึงไม่ได้ออกความเห็นอะไรอีก

                 ซองมินจัดร้านไปตามปกติ ทั้งยกดอกไม้ที่เตรียมไว้สำหรับออเดอร์ออกมาจากตู้แช่ ทั้งจัดเรียงอุปกรณ์ทำช่อตามที่ลูกค้าสั่ง เขาหันไปง่วนอยู่กับสมุดบัญชีครู่หนึ่งก่อนที่จะจัดการทุกอย่างแล้วมาจบลงที่การยืนคัดกุหลาบแต่ละดอก ทุกการกระทำของซองมินอยู่ในสายตาของคิบอมและรยออุคตลอดเวลา ทั้งสองต่างรู้ดีกว่าภายในใจของอีกฝ่ายนั้นมันคงกำลังเจ็บทนแทบทนไม่ไหว ตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีอะไรให้ต้องห่วงกับเรื่องของคุณชายของพวกเขาเท่าไหร่ ห่วงได้ก็แค่จิตใจที่คงจะร้อนรนจนแทบทำอะไรไม่ได้เลยมากกว่า สองบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ซองมินแปลกใจที่เช้านี้ไม่มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเลยสักคน แต่ก็ดีแล้ว เพราะเขามีออเดอร์ตั้งเยอะให้จัดการ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวจะไม่ทันเสียก่อน

                 ขณะที่ในหัวคิดไปต่างๆนานาเพื่อให้ลืมใครบางคน สัญญาณที่ดูท่าว่างานจะมีมาเพิ่มอีกก็ปรากฏขึ้น เสียงเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจอดที่หน้าร้านของเขาราวกับกำลังต้องการดอกไม้สักช่ออย่างเร่งด่วน ซองมินมองไปยังประตูกระจกของร้านพลางปั้นยิ้มเอาไว้ ขณะเดียวกันก็รีบเช็ดมือให้สะอาดจากกองกุหลาบตรงหน้าเพื่อไปรับลูกค้าที่กำลังจะเข้ามาในร้าน มือบางรีบเช็ดมือออกอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะวิ่งออกไปไม่ทันแต่อย่างน้อยขณะที่รีบอยู่เขาก็ไม่ลืมจะส่งเสียงไปต้อนรับก่อน

                 “สวัสดีครับ .. ไม่ทราบว่ามีอะไรให้รับ..........” ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับลูกค้าตรงหน้าที่ก้าวเข้ามายืนตรงข้ามกับเขา ดวงตากลมโตชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อพบว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ซองมินเงียบไปในทันที ร่างเล็กก้าวถอยห่างออกมาด้วยแววตาที่คนมองไม่อยากจะคิดเลยว่ามันคือความเกลียดชัง

                 มาทำไม ซองมินถามออกไปตรงๆยิ่งเป็นการปิดกั้นให้คนผิดไม่กล้าจะเอ่ยแม้แต่คำว่าขอโทษ

                 “ฉันอยากได้กุหลาบสักช่อ .. จะได้ไหม”


                
    ผมไม่ขายคำปฏิเสธต่อมาอีกนั้นแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้เขามาเหยียบที่นี่ คยูฮยอนยิ้มบางๆพลางหัวเราะตัวเองในใจ เป็นไงล่ะ ถูกเกลียดเข้าแล้วสิ

                 “งั้นผมขอพบเจ้าของร้านได้รึเปล่า ร่างสูงยังไม่หมดความพยายาม ท่าทางเหนื่อยอ่อนกับแววตาเศร้าๆมันช่างแตกต่างจากที่ซองมินเคยเห็นเหลือเกิน แต่อย่าหวังว่าจะใช้ไม้นี้ให้เขาใจอ่อนหลงเชื่อลมปากได้อีก


                
    คุณมีอะไรก็รีบว่ามา ผมมีงานให้ต้องทำอีกเยอะ ซองมินดึงอารมณ์ตัวเองกลับมาไม่ให้ได้ไล่คยูฮยอนออกไปจากร้านเพราะควรจะคิดเสียว่าอีกฝ่ายเป็นลูกค้า และเขาไม่ใช่คนเลือกที่รักมักที่ชังเสียด้วย


                 ร่างสูงภายใต้เชิ้ตสีเข้มกำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้ แต่มันไม่ทันแล้วสิ ลูกน้องของเขาทั้งสองต่างก็ต้องมองเป็นตาเดียวกันเมื่อเลือดสีแดงสดซึมออกมาจากแขนเสื้อก่อนที่มันจะไหลลงมาตามแขนข้างหนึ่งของเขา ซองมินมองตามอย่างตกใจ พลางตรงเข้าหาอย่างลืมตัว

                 “คุณเป็นอะไร ทำไมเลือดออก...” ซองมินถามอย่างเป็นห่วง ท่าทางเดือดร้อนอย่างนั้นทำให้คนมองอดจะนึกถึงเรื่องในวันวานไม่ได้ แผลแค่นี้อีกฝ่ายยังห่วงเขาเลย ถ้าเลือกได้ให้กลับไปเจ็บปางตายแบบเมื่อก่อนเขาก็ยอม

                 คยูฮยอนมองซองมินอยู่ครู่หนึ่ง และนั่นทำให้เขาต้องผิดหวังขึ้นมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีเปลี่ยนไป คนตรงหน้าขยับกายออกห่างก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาต้องเจ็บเข้าไปในใจไม่น้อย

                 “ให้ผมเรียกหมอให้มั้ย คุณจะได้หายเร็วๆและไม่ต้องหลอกใครเค้าอีก .. ว่าคุณเจ็บ ว่าคุณต้องการใครสักคน เค้าคนนั้นจะได้ไม่ต้องกลายเป็นคนโง่เพราะคิดไปเองคนเดียว” คยูฮยอนอึ้งไปไม่ต่างกับอีกสองคนที่ดูอยู่ห่างๆ เขาถอนหายใจพลางยกมือขึ้นห้ามลูกน้องที่ทำท่าเหมือนจะเข้ามาช่วย แผลแค่กระสุนเฉียดเหมือนมดกัดแค่นี้ คยูฮยอนไม่ได้สนใจอะไรมักนักหรอก สิ่งที่เขาสนใจคือคนตรงหน้ามากกว่า


    ซองมินพยายามจะไม่คิดแล้วเชียว แต่พอคยูฮยอนขยับเดินเข้ามาใกล้เขาก็ต้องถอยออกห่าง ร่างเล็กชนเข้ากับแจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆเข้า มันหล่นลงกระแทกพื้นแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงจนคนทำต้องตกใจ ซองมินรีบก้มลงหมายจะเก็บมันขึ้นตามความเคยชิน และด้วยความห่วงคยูฮยอนจึงอยากจะห้ามเอาไว้


                 “อย่านะ ... อย่ามาใกล้ผม” ซองมินปัดมือของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว ความอดทนของเขามันกำลังหายไปหมดแล้วสิ หัวใจของเขาไม่ใช่ก้อนหินนะที่เจ็บแค่ไหนก็ไม่มีความรู้สึก และต่อให้เกลียดมากแค่ไหน มันก็คงไม่หายไปได้เพียงแค่วันเดียวหรอก


    ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแต่นั่นก็ทำให้มือหนาของคนตรงหน้าเอื้อมมาหาอย่างไม่ยอมลดละ เขาถอยออกจากคยูฮยอนด้วยแววตาที่ดูจะรังเกียจและไม่อยากเข้าใกล้ ใบหน้าคมชาวาบไปหมดกับท่าทางอย่างนั้นที่เขาไม่อยากจะเห็น ในตอนนี้อีซองมินผู้ที่บอกให้ตัวเองเข้มแข็งและลืมทุกอย่างนั้นไม่มีอีกแล้ว เขาคนที่อ่อนแอกลับมาอีกครั้ง ทั้งร่างหมดทางจะไปจึงตัดสินใจวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ด้าน
    หลังและปิดประตูลงเสียงดังลั่น

                 “คุณชาย...” รยออุคมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความวิตก เขาไม่นึกเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ ไม่สิ ก็รู้อยู่แต่ก็แค่ไม่อยากให้เกิดเท่านั้นเอง

                 “เอาเหอะ .. ไม่มีอะไรหรอก พวกนายไม่ต้องห่วง” ถึงจะบอกอย่างใจเย็น แต่คนเป็นเจ้านายที่พูดออกมานั้นกลับไม่ได้มีท่าทีใจเย็นไปด้วยเลย คยูฮยอนคว้าเอากุญแจที่เขายังคงมีอยู่แล้วเดินตรงเข้าไปที่หน้าห้อง คิบอมและรยออุคมองตามเจ้านายตัวเองที่กำลังไขกุญแจอยู่ก่อนจะหายเข้าไปในห้องด้วยกันกับอีกคน รยออุคมีท่าทีร้อนใจจนคิบอมต้องเอื้อมมาตบบ่าเบาๆ

                 “ใจเย็นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”

                 “เออ โทษทีว่ะ สงสัยจะอิน”

                 แม้จะเอ่ยราวกับว่ามันน่าขัน แต่แท้จริงแล้วเขาทั้งสองก็กลุ้มไปด้วยไม่น้อย

     

                 “คุณเข้ามาทำไม” ซองมินถามอย่างตกใจเพราะไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะกล้าเข้ามาในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ คยูฮยอนอยากจะเอ่ยคำว่าขอโทษออกไป แต่สายตาเขาดันไปสะดุดอยู่กับแหวนที่วางไว้บนโต๊ะเสียก่อน

                 “นายยังเก็บมันไว้ใช่ไหม” ชายหนุ่มถามราวกับอยากได้คำตอบยืนยันว่ายังมีใจให้กัน


                
    “ก็แค่เก็บไว้ ไม่ได้ใส่เอาไว้ .. หึ ผมน่ะฉลาดแล้วนะ ไม่ได้โง่งมถึงขนาดนั้นหรอก เชิญคุณเอากลับคืนไปได้เลย” ซองมินไม่มีท่าทีว่าจะลดราวาศอกในคำพูดของเขาลงเลย คยูฮยอนไม่คิดจะถือโกรธแม้แต่นิด คนที่ผิดคือเขาต่างหากล่ะ

                 “ฟังนะซองมิน  คือว่าทั้งหมดน่ะ...”



                 “พอแล้วครับคุณโจวคยูฮยอน
    !! คุณเลิกยุ่งกับผมทีเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน คุณอยากมาไถ่โทษเพราะรู้สึกผิดใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ทำอย่างเดิมสิ ทิ้งเงินไว้ให้ผมสักก้อนแล้วเขียนโน๊ตสั้นๆว่าลาก่อน แค่นั้นเอง ง่ายจะตายไป”

                 พระเจ้า .. โจวคยูฮยอนเหมือนกับกำลังถูกก้อนหินหนักๆทับลงมาที่อกให้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ มันถึงเวลาที่คนโง่อย่างเขาจะเริ่มฉลาดและจัดการเรื่องของตัวเองโดยไม่ต้องทำร้ายคนที่รักได้แล้ว แต่มันคงสายไปใช่ไหม ในเมื่อเขาไม่

    สามารถจะเอ่ยเป็นคำพูดออกไปได้

                 “นายฟังนะซองมิน ฉันน่ะ...”

                 “พอได้แล้ว ผมเกลียดคุณเหมือนกันนั่นแหละ ได้ยินมั้ยว่าผมเกลียดคุณ!!ซองมินตะโกนใส่หน้าคยูฮยอนพลันรีบวิ่งผ่านอีกฝ่ายออกมานอกห้อง ร่างเล็กแทบจะชนคนที่ยืนอยู่ซึ่งมองมาอย่างตกใจ คิบอมจ้องซองมินโดยที่รยออุคซึ่งก้มลงเก็บกวาดเศษแจกันอยู่ก็มองตามมาอย่างตกอกตกใจเช่นกัน

                 “คิบอม ช่วยพาฉันไปข้างนอกทีสิ ฉันอยากไปข้างนอก” ซองมินที่ไม่ยอมพูดคุยด้วยเหมือนเดิมกลับเอ่ยกับคิบอมอย่างเคย ใบหน้าหวานที่ดูจะคิดมากกำลังขอร้องเขา บอดี้การ์ดหนุ่มยืนนิ่งพลางมองไปยังด้านหลังของอีกฝ่ายที่ปรากฏร่างของเจ้านายตัวเองเดินตามออกมาช้าๆ ซองมินไม่หันไปมองหน้าคยูฮยอน เขาไม่อยากเห็นหน้า หรืออันที่จริงกำลังอยากจะหนีมากกว่า รยออุคยืนขึ้นทั้งที่ในมือจะยังเก็บกวาดพื้นไม่เรียบร้อย เขาเริ่มเห็นอะไรบางอย่างระหว่างสามคนนี้แล้วสิ

                 “เอ่อ คือ..” คิบอมไม่กล้ารับปากซองมินด้วยเพราะไม่มีคำสั่ง เขามองเจ้านายตัวเองกับคนตรงหน้าสลับกันไปมาเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร คยูฮยอนเห็นความลำบากใจของคิบอมจึงพยักหน้าให้ช้าๆ

     

                  น่าแปลก .. เจ้านายของเขากล้าจะยอมตามใจผู้ชายธรรมดาๆคนนี้ขนาดนี้เลยหรือ

     

                

     

                 สวนสนุกเล็กๆในเมืองกลายเป็นที่ที่ซองมินเลือกจะเดินอยู่เงียบๆคนเดียวโดยมีคิบอมเดินตามหลัง เป็นอย่างนั้นอยู่พักใหญ่กว่าที่จะเริ่มรู้สึกตัวว่าเหนื่อยแล้ว

                 “รอตรงนี้นะ ผมจะไปซื้อน้ำมาให้”

                 “ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็กวนนายมากพอแล้ว”

                 “เหอะน่ะ”

                 คิบอมหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับน้ำผลไม้กระป๋องในมือ กระป๋องหนึ่งของเขาเองส่วนอีกอันนั้นเขายื่นให้คนที่นั่งรออยู่แล้ว ซองมินรับมันมาดื่มพลางมองไปรอบกายข้างกันกับคิบอมที่นั่งเป็นเพื่อน เสียงหัวเราะของเด็กๆ หนุ่มสาวที่เดินจับมือกันผ่านไป ครอบครัวที่สุขสันต์ ทั้งหมดนี้ทำไมนะเขาถึงได้อิจฉาเสียเหลือเกิน แทบลืมไปเลยว่ากำลังหนีใครบางคนมา ทั้งเจ็บทั้งเกลียด แต่ทำอะไรได้ล่ะซองมินที่เริ่มจะกลับมามีสติกับเรื่องบ้าๆพวกนี้

    พอลองได้นั่งเงียบๆแล้วเขาก็ใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคิบอมนั้นอาจเป็นคนที่ซองมินโมโหน้อยที่สุดก็ได้ ซึ่งอาจ

    จะเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลอกอะไรเขา แต่เท่าที่นึกได้มันก็มีอยู่เรื่องหนึ่งนี่นะ

                 นี่คิบอม นายหลอกฉันอยู่เรื่องหนึ่งใช่ไหม

                 หลอกเหรอ อะไรล่ะ

                 ก็ที่นายเคยบอกว่ามีคนมาสมัครงานที่ร้านของฉัน ที่แท้นายก็แค่กุเรื่องขึ้นมา รุ่งขึ้นที่นายไม่อยู่แล้วรยออุคที่นัดกันไว้ก็โผล่มาหาฉัน .. หึ ฉันโง่เองนั่นแหละ ซองมินพูดไปก็หัวเราะในความไม่ฉลาดของตัวเอง คิบอมจึงรู้สึกแย่ไปด้วย แต่ดูเหมือนเขาเองก็มีเรื่องอยากจะบอกซองมินว่าที่เขาโกหกน่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอกนะ คิดได้ดังนั้นจึงตัดสินใจเอ่ยออกไป

                 “ซองมิน ผมขอโทษนะเรื่องวันนั้นน่ะ วันที่เราดูพลุกัน”

                 “ช่างเหอะน่ะ .. บอกแล้วไงว่าฉันไม่โกรธหรอก นายคงคิดถึงแฟนเก่ามากไม่งั้นคงไม่มาจูบฉันหรอกจริงไหม”


                
    “เอ่อ ผมแค่อยากขอโทษที่ผม.....”

                 “บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร อย่าพูดถึงอีกเลย” ซองมินบอกปัดเพราะเวลานี้เขาไม่อยากจะนึกเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่ คิบอมพยายามจะอธิบายแล้ว ชายหนุ่มกำลังอยากจะขอโทษเรื่องที่เขาโกหกต่างหากล่ะ แต่ซองมินก็ดันไม่ฟังเสียเลย คิบอมจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ถ้ามีโอกาสไว้เขาจะบอกแล้วกัน

                 “นี่คิบอม เราไปเล่นไอ้นั่นกันมั้ย”

                 “หือ...”

                 “ก็รถไฟเหอะไง ไม่พอนะ ถ้านายคิดว่าแน่จริงลองเข้าบ้านผีสิงกับฉันซักรอบเป็นไง” จู่ๆรอยยิ้มที่คิบอมไม่คิดว่าจะได้เห็นก็ปรากฎขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ เขายังอึ้งๆอยู่เลยพยักหน้ารับปากไปเสียแล้ว ซองมินฉุดคิบอมให้ลุกไปกับเขาเพื่อทำในสิ่งที่คิดว่าจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องบางอย่างให้ว้าวุ่นใจ



     

                 ทั้งหมดระหว่างคนทั้งสองนั้นปรากฏแก่สายตาสองคู่ที่ยืนมองอยู่ในมุมหนึ่งของสวนสนุก คยูฮยอนและรยออุคยืนมองคนทั้งคู่อยู่ตลอดเวลาหลังจากที่ตามมาตั้งแต่แรก รอยยิ้มสดใสที่คิบอมได้รับนั้นเป็นนสิ่งที่คยูฮยอนต้องการมากที่สุด แม้ว่าจะเป็นเพราะเขาเองที่พรากมันไปก็ตาม ร่างสูงยืนนิ่งเสียจนคนข้างกายที่มาด้วยเริ่มจะเป็นห่วง ที่สำคัญรยออุคกำลังหวั่นใจเรื่องที่ได้ยินพร้อมๆกับคุณชาย เพื่อนรักของเขาจะงานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ดันไปทำเรื่องแบบนั้นกับคนรักของเจ้านายแล้วยังจะมาขอโทษกันในเวลานี้ให้คยูฮยอนได้ยินอีก

                

                 .. ไอ้บ้าคิบอม นายทำอะไรลงไปวะ จูบคุณซองมินเนี่ยนะ

                 “เอ่อ ..คุณชายครับ เรายืนอยู่นี่นานแล้วนะ น้ำซักแก้วมั้ยผมจะไปซื้อให้”


                 ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามของรยออุคแต่อย่างใด  คยูฮยอนส่ายหน้าให้พลางถอนหายใจเบาๆ เขาเหนื่อยน่ะเหนื่อย แต่มันเหนื่อยใจมากกว่าเป็นไหนๆ

                 “นายหิวก็ไปหาอะไรกินได้นะ”

                 “ครับ” รยออุคตอบ แต่ทว่าเขากับคุณชายยังคงยืนมองตามคนทั้งสองที่กำลังสนุกสนานกันอยู่ ใบหน้าคมนิ่งเฉยหากแต่มือกลับกำเข้าหากันแน่น มันแน่นมากเสียจนคนที่ยืนมองชักจะเริ่มเป็นห่วง รยออุคมองดูก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อนรักตัวเองชอบคนรักของเจ้านายไม่เท่าไหร่ แต่ในเวลาปัญหาแบบนี้ เจ้านายที่ยืนมองคนรักของตัวเองมีความสุขอยู่กับลูกน้องนี่สิ ไหนจะเรื่องที่ได้ยินนั่นอีก เห็นแล้วเขาหนักใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ

                 คยูฮยอนตัดสินใจกลับไปรอที่บ้านโดยมีรยออุคขับรถให้อย่างรู้ใจ ระหว่างทางใบหน้าคมของผู้เป็นนายก็เอาแต่นิ่งทั้งที่ในใจขบคิดไปต่างๆนานา

                 “เอ่อ .. คุณชาย...”

                 “เรื่องพ่อกับแม่เคลียร์แล้วนะ นาย
    ไม่ต้องห่วง พวกท่านปลอดภัยดี ส่วนเรื่องอื่นก็อย่างที่รู้ ฉันกำลังตามอยู่ ไงพรุ่งนี้ฝากนายสองคนไปเช็คอีกทีละกันนะรยออุค”

                 “ครับ คุณชาย”

                 ทั้งรถเงียบไปอีกทีเมื่อบทสนทนาสั้นๆที่เข้าใจแค่ระหว่างกันได้จบลง



     

                                                       

     

                 เวลาล่วงเลยจนค่ำแล้ว พระจันทร์ลอยเด่นขึ้นมาบนท้องฟ้าพร้อมกับอากาศที่เย็นลงมาก ซองมินถึงได้กลับมาที่บ้านพร้อมกับคิบอมที่ตัวติดกันมาตลอดทั้งวัน เป็นอย่างที่คิดว่ารยออุคยังอยู่ที่บ้าน ซองมินพยายามไม่แม้จะอยากมองหน้าอีกฝ่าย ในเมื่อที่นี่ก็เหมือนกับไม่ใช่ที่ของเขาอยู่แล้ว ใครอยากทำอะไรก็เชิญ

     

                 “คุณซองมิน ไปเที่ยวที่ไหนมาเหรอครับ” รยออุคยังพยายามยิ้มถามออกไป

                 “ก็ สวนสนุกน่ะ ไม่ได้ไปไหนหรอก” ถึงกระนั้นคนมารยาทดีที่ด่าใครไม่เป็นนักก็ยิ้มให้ตามปกติ ร่างเล็กเดินผ่านคนที่เคยได้ชื่อว่าลูกน้องที่หวังดีของเขาไปด้วยความผิดหวัง ซองมินไม่ได้เกลียดรยออุคหรอกนะ แต่สำหรับที่ผ่านมามันก็ทำให้เขาเสียใจได้มากพอสมควร .. เสียใจที่ถูกหลอกลวงโดยคนที่ตัวเองไว้ใจที่สุดคนหนึ่ง

               รยออุคพูดไม่ออกกับท่าทางเฉยเมยกันแบบนั้น ทำอาชีพนี้มาก็นาน แต่เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนๆนี้จะทำให้บอดี้การ์ดที่ห้ามใช้หัวใจทำงานต้องแอบใจหายอย่างห้ามไม่ได้ สักพักมือของเพื่อนรักก็ตบลงมาที่บ่าเบาๆ คิบอมสบตาอย่างเข้าใจในความเป็นไปทุกอย่าง พวกเขาไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนี้เลย รวมทั้งคุณชายด้วยก็ตามที ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งก่อนที่จะออกไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทำหน้าที่ของตัวเองตามคำสั่งที่ได้รับมา


    เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วทำให้คุณเจ้าของบ้านที่เหมือนไม่สนใจต้องเดินออกมายืนชะเง้อมองเหตุการณ์ ซองมินไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร แต่มันไม่ใช่ธุระของเขาเลยสักนิด ร่างเล็กไม่คิดจะสนใจจึงหันกลับไปยังห้องนอน เขาคงกำลังลืมบางอย่างไปแล้ว แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องชะงักในทันที




     

                 แสงสลัวจากพระจันทร์ด้านนอกสาดส่องเขามาให้สว่างพอจะดูออกว่าใครบางคนกำลังนั่งทำอะไรอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง

                 “คุณยังไม่กลับ....” ซองมินเอ่ยถามคนที่มองมายังเขาในความมืด ร่างสูงนั่งไขว้ขาพลางยกแก้วบรั่นดีในมือขึ้นดื่ม เขายกมันขึ้นดื่มจนหมดแล้วรินจากขวดแก้วลงไปใหม่ราวกับมันคือน้ำเปล่า กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั้งห้อง

                 “ไง .. ไปเที่ยวไหนกันมา หมอนั่นคงทำให้สนุกมากเลยสินะ” คยูฮยอนเอ่ยเรียบๆแต่ชายหนุ่มกลับปิดเสียงกลั้วหัวเราะในคอไม่มิด คนฟังหน้าขึ้นสีทันทีด้วยความไม่พอใจเมื่อได้ยิน ทำไมซองมินจะไม่รู้ความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อ

                 “ใช่ ผมสนุกแล้วก็มีความสุขมาก .. ทำไมเหรอ คุณไม่เคยมีช่วงเวลาอย่างนั้นหรือไง” เสียงเล็กเอ่ยกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ซองมินแสร้งเข้มแข็งทั้งที่ความจริงแล้วเขากำลังทนไม่ไหว ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นที่สนุกอยู่กับคิบอมแล้วลืมเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้สิ เขากลับลืมเรื่องสนุกไปหมดแล้วต่างหาก

                 “หึ ..ปากดีสมกับเป็นนายจริงๆเลยนะ” เสียงทุ้มที่รู้ตัวดีกว่ากำลังเมามากเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด แต่เขาจะรู้ไหมว่ามันทำให้คนฟังเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างเล็กกำมืออย่างพยายามอดทน เขาอยากไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปจากที่นี่เสียจริงๆ

                 “คุณเมามากแล้ว ผมไม่อยากจะใจร้ายไล่ออกไปตอนนี้หรอกนะ เพราะงั้นก็ถือซะว่าผมให้คุณยืมห้องแล้วกัน พรุ่งนี้แล้วก็หวังว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่นี่อีก” ซองมินพูดจบก็ตวัดตัวเพื่อจะกลับออกไป

                 “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ .. คิดว่านายเป็นใครกันอีซองมิน”

                 .. คิดว่าเป็นใครกัน ถึงได้มาทำให้ฉันต้องคิดถึงแต่นายแบบนี้

                 “ผมน่ะเหรอ ก็แค่คนโง่ๆคนหนึ่งที่ถูกคนฉลาดอย่างคุณหลอกเอา .. พอใจรึยัง  แล้วก็ถ้าไม่มีธุระผมก็อยากให้คุณไปจากที่นี่ เข้าใจรึเปล่า” เมื่อคนหนึ่งหมดความอดทน อีกคนก็ใช่ว่าจะอดทนอีกต่อไป คยูฮยอนกระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะตัวเล็กก่อนจะตรงปรี่เข้ามาหาซองมินที่ยืนสู้หน้าไม่ถอยไปไหน ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นพลางมองสำรวจคนตัวเล็กไปทั่งทั้งร่าง ความเมาไม่ได้ทำให้เขาขาดสติขนาดนั้นหรอก เขารู้ตัวดีว่าตัวเองทำอะไร และรู้สึกอะไรจึงพูดออกไป

                 “หึ... แบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกนะที่คิบอมมันจะชอบ ตอนฉันไม่อยู่มันชวนทำอะไรบ้างล่ะ จูบกันไปกี่รอบแล้ว...” พูดได้แค่นั้นใบหน้าคมก็ต้องหันไปตามแรงของมือบางที่ฟาดลงบนหน้าของเขา

                 “คุณมันเลวจริงๆ!! คิดว่าการที่หลอกผมให้มาเป็นของเล่นของคุณได้น่ะมันแน่นักหรือไง คนโง่ๆอย่างผมไม่ใช่จะรักใครก็ได้หรอกนะ” ซองมินโกรธมากที่ถูกกล่าวหา ใจหนึ่งก็สงสัยว่าที่คยูฮยอนพูดหมายถึงอะไร แต่ก็ช่างมันเป็นไรในเมื่อเขากับคิบอมไม่ได้มีอะไรอย่างที่คิด ที่สำคัญพูดไปก็ไม่ฟังอยู่ดี

                 เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้งให้ความในใจส่งผ่านไปไม่ถึงกัน คยูฮยอนจ้องลึกลงมาในตาคู่สวยท่ามกลางแสงสลัวจากพระจันทร์ด้านนอก ชายหนุ่มอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขาไม่พอใจแค่ไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าซองมินไม่ได้คิดอะไรแต่ในเวลานี้

    คยูฮยอนคงไม่มีสติพอจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ อีกเรื่องที่อยากจะเอ่ยอธิบายให้เข้าใจก็ดันต้องปัดมันไปเพราะทุกอย่างมันดันไม่เป็นใจเอาเสียเลย ไม่ได้อยากจะทำร้ายหรอกนะ แต่ร่างตรงหน้าที่กำลังจะเดินหนีมันทำให้เขาต้องคว้าตัวเอาไว้ คยูฮยอนฉุดแขนของซองมินอย่างแรงให้ทั้งร่างต้องเซเข้าปะทะกับอกของเขา

                 “ผมเจ็บนะ .. ”

                 “เจ็บสิดี นายจะได้ไม่ต้องเดินหนีฉันอีก”

                 “คุณมันบ้า คุณเมามากแล้วรีบไปนอนจะดีกว่า”

                 “ไม่!! ฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไร ...”

                
    “ก็เรื่องของคุณ
    สิ ผมไม่อยากรู้ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ ผมเกลียดคุณ เข้าใจมั้ยว่าผมเกลียดคุณ...อื้อ” เรียวปากอิ่มที่เอาแต่พร่ำบอกว่าเกลียดนั้นถูกปิดลงด้วยปากของคนตรงหน้า ร่างสูงล็อคแขนให้คนในอ้อมกอดหนีเขาไปไหนไม่ได้

    คยูฮยอนบดขยี้อารมณ์ลงมาอย่างไม่ลดละ พักใหญ่รสจูบที่หนักหน่วงก็ดึงให้น้ำตาเม็ดโตของคนถูกเอาเปรียบต้องร่วงหล่น ร่างสูงหยุดการกระทำลงแต่เขากลับถูกตบหน้าเป็นครั้งที่สอง ดวงตากลมที่เต็มไปด้วยน้ำตากำลังมองเขาอย่างเคียดแค้น


                
    “ถ้าไม่ได้ประสงค์ดีกันแต่แรก ก็กรุณาอย่าทำกับผมแบบนี้”

                 “..................”

                 “แล้วก็อย่าพาลว่าคนอื่น เพราะคิบอมเค้าไม่เหมือนคุณ” ซองมินไม่ได้ตั้งใจจะปกป้องใคร เขาแค่พูดไปตามความถูกต้อง แต่นั่นกลับทำให้คนฟังคิดตรงกันข้าม ซองมินจะรู้มั้ยล่ะ ว่าการเอ่ยชื่อมันยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างมาก เรื่องเล็กๆที่ต่างคนต่างรู้ว่าไม่มีอะไรจึงกลายเป็นเลยเถิดให้บรรยากาศไม่ดีเกิดขึ้นระหว่างกัน

                 “คนโง่ๆคนนี้ หวังว่าจะไม่ต้องเห็นหน้าคุณอีก” ซองมินเอ่ยเสียงเย็นบาดลึกลงไปในใจของคยูฮยอน คนฟังใจหายเพราะกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะหมดรัก แต่มีหรือที่คุณชายคนนี้จะยอมง่ายๆ เขาคว้าเอาคนที่กำลังจะเดินหนีไปเข้าหาตัวอีกครั้ง คราวนี้แววตาดุดันจดจ้องลงมาอย่างไม่มีทีท่าจะหาความอ่อนโยนได้เลย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ซองมินรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ

                 “ปล่อยผมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะงั้นอย่ามาแตะตัวผม” ซองมินดันตัวเองออกจากคยูฮยอนที่ยังคงตั้งใจล็อคตัวของเขาเอาไว้ มือบางทุบอีกฝ่ายเพราะหมดความอดทน แต่นั่นย่อมแพ้ความขุ่นมัวในใจของอีกคนที่มีมากกว่าเป็นไหนๆ

    คยูฮยอนย้ำตัวเองว่าเขาไม่ได้เมา ทุกอย่างที่ทำนั้นรู้ตัวดี หากจะเมาก็เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นแหละที่ทำให้เขาไม่ยับยั้งความรู้สึกได้อย่างทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้ากัน


    อยากกอดมากแค่ไหน อีกฝ่ายคงไม่เข้าใจ ที่เขาแสดงออกไปจึงเป็นแค่การทำตามใจอย่างรุนแรง


                 “โอ๊ย .. เจ็บนะ ปล่อยผม” ซองมินร้องลั่นเมื่อทั้งร่างถูกรวบเข้าไปกอดไว้แน่น ใบหน้าคมฉกฉวยหาโอกาสจากคนในอ้อมกอดอย่างบ้าคลั่ง จะให้บอกไหมว่าเขาคิดถึงแค่ไหน ให้บอกหรือไม่ว่าอดทนทำทุกอย่างเพราะอะไร แล้วจู่ๆไอ้ลูกน้องตัวดีนั่นดันได้จูบและรอยยิ้มของคนที่เขาหวงแหนไป ขณะที่ตัวเขาเองต้องพบกับคำว่าเกลียดที่อีกฝ่ายตั้งใจมอบให้ อย่าโทษใครเลย ต้นเหตุเพราะตัวเองทั้งนั้น น่าสมเพชสิ้นดีไหมล่ะ..  โจว คยูฮยอน


     

                 แรงอารมณ์กำลังปะทุขึ้นมา ยามเมื่อความหึงหวงตีแผ่ไปทั้งความคิด

                 ร่างเล็กแม้จะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากการกระทำป่าเถื่อนนี้ได้ ซองมินเก็บก้อนสะอื้นไว้เพื่อไม่แสดงความอ่อนแอออกมา รักมากแค่ไหนแต่ในใจมันเจ็บกว่านัก

                 “ผมเกลียดคุณ เกลียดคุณที่สุด!!” เสียงหวานสั่นเครือตะโกนขึ้นข้างหูของคนที่สนุกกับการย่ำยีความรู้สึกของเขา ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นกับซอกคอขาวเนียนที่เขาไม่อยากจะละจากไป คยูฮยอนเอ่ยตอบอย่างไร้ซึ่งความเห็นใจ

                 “งั้นเหรอ .. เกลียดนักก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อเกลียดไปแล้วก็เกลียดให้มันถึงที่สุดเลยแล้วกัน” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่อีกนัยกลับเป็นการตอกย้ำตัวเอง คยูฮยอนอยากจะอ่อนโยนด้วยหรอกนะ หากว่าซองมินไม่มีทีท่าจะหนีเขาไปอีก ร่างสูงจำต้องรั้งอีกฝ่ายให้ไว้ ทว่าความไม่ตั้งใจกลับทำให้คยูฮยอนต้องผลักซองมินลงไปที่เตียง ร่างสูงจึงถือโอกาสล้มตัวตามลงไป คนตรงหน้าที่ยิ่งถดกายหนีเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่พอใจเท่านั้น

                 “จะทำอะไรน่ะ ออกไปนะ..”

                 “ไม่มีทางหรอก อย่าคิดหนีให้ยากเลย” เสียงทุ้มว่าแล้วก็ดึงร่างเล็กเข้าหาตัวก่อนจะล็อคข้อมือให้จมลึกลงไปกับที่นอน ใบหน้าข่าวผ่องแดงก่ำเพราะการร้องไห้ ดวงตาช้ำต่อว่าคยูฮยอนคนที่เขาเกลียดแสนเกลียด

                 “ปล่อยผม บอกให้ปล่อย”

                 “บอกแล้วไงว่าไม่ ทำไมเหรอ รังเกียจฉันขนาดนั้นเลย”

                 “หยุดเถอะนะ ผมขอร้อง คุณเมามากแล้วนะรู้ตัวมั้ย”

                 “ฉันไม่ได้เมา นายเอาอะไรมาตัดสินกันฮะ”

                 “ก็ที่ทำอยู่นี่ไงล่ะ คุณทำแบบนี้ทำไม คุณกลับไปหาคนที่คุณรักไม่ดีกว่าเหรอ”

                 “เพื่อให้นายได้อยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันงั้นสิ”

                 “พูดอะไรน่ะ ผมไม่...”

                 “อย่าพูดเลยอีซองมิน .. หึ อย่าทำหน้าแบบนี้สิ อย่าทำเหมือนเราไม่เคยมีอะไรกัน” ประโยคแทงใจดังเข้าไปเต็มสองหูของคนที่นอนหวาดกลัวอยู่ใต้ร่าง ซองมินไม่อยากจะนึกหรอกนะว่าเขาเคยมีอะไรกับคยูฮยอนที่เป็นแบบนี้หรือไม่ คุณชายคนไม่เอาไหนในสายตาของเขาที่เคยบอกว่ารักกันนั้นแม้จะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ไม่เคยทำรุนแรงกับเขาอย่างนี้ นึกแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีก

                 “ร้องไห้ทำไม เกลียดฉันมากใช่มั้ย บอกมาสิเหมือนเมื่อกี้ไง”

                 “ฮึก .. ใช่ ผมเกลียดคุณ เกลียดๆๆๆๆๆ เข้าใจมั้ยว่าผมเกลียด ............” พูดไม่ทันจบเรียวปากอิ่มก็ถูกปิดลงด้วยจูบอันหนักหน่วงอีกครั้ง คยูฮยอนไม่อยากจะได้ยินมันอีกต่อไป เขาหมดความอดทนแล้วสิ ร่างกายนุ่มที่ดิ้นไปมาภายใต้อ้อมแขนแกร่งยิ่งกระตุ้นอารมณ์อันเดือดดาลอย่างไม่มีเหตุผลให้โหมกระพือขึ้น คยูฮยอนใช้กำลังที่มีปลุกปล้ำซองมินอย่างบ้าคลั่ง เสื้อตัวบางถูกเขาดึงออกไปให้พ้นร่าง ผิวกายเปลือยเปล่าจึงถูกบดเบียดยัดเยียดความใคร่จากคนด้านบนอย่างไม่มีทีท่าจะปราณีกัน ความร้อนแผ่กระจายไปทั่งทั้งร่างกายเมื่อยามที่สองร่างกอดเกี่ยวแนบชิด หยดน้ำตาร่วงหล่นคราใดคนใจร้ายก็หาได้สนใจไม่ โจวคยูฮยอนทั้งโกรธทั้งเสียใจจนลืมไปแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิด


                
    “ฮึก .. ทำแบบนี้กับผมทำไม คนใจร้าย ผะ ผมเกลียดคุณ ..ฮึก...” เสียงสะอื้นไห้กล่าวตัดพ้อในยามที่ร่างกายถูกโถมแรงลงมาจนหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ได้
    ซองมินจึงต้องยึดไหล่ของคยูฮยอนเอาไว้อย่างหมดทาง เรียวขาขาวที่เคยพยามยามดันตัวเองหนีกลับต้องถูกแยกออกให้เกี่ยวรับแรงอารมณ์จากคนด้านบน เสียงครางหวานหูดังขึ้นทั้งที่อยากจะต่อต้าน ซองมินไม่นึกเลยว่ารสชาติของบทรักที่เคยหวานชื่น ในวันนี้จะขมระทมความเจ็บได้ขนาดนี้

                 .. ไม่แปลกหรอก เพราะมันไม่ได้มาจากความรัก

     

                 

     

                 เมื่อความต้องการสิ้นสุด เมื่อบทรักอันแสนเจ็บปวดอันยาวนานได้จบลง คนถูกกระทำก็หมดสติหลับไปในทันที

                 “อา....” เสียงทุ้มครางต่ำเมื่อเขาเสร็จสิ้นและหยุดทุกอย่างลง ใบหน้าคมฟุบลงข้างกับแก้มขาวเนียนที่ถูกเขาทั้งกอดทั้งจูบจนหนำใจ คยูฮยอนเงยขึ้นเห็นว่าซองมินหลับไปจึงเขย่าที่ใบหน้าเบาๆ รอยแดงช้ำตามเรียวแขนจากฝีมือของเขาและหยาดน้ำตาที่เปรอะเต็มหน้าในตอนนี้ดึงให้ความนึกคิดของคนที่มองอยู่หวนกลับมา ร่างสูงยันตัวเองขึ้นมองคนในอ้อมกอดให้เต็มตาก่อนจะนิ่งไปพักใหญ่

                 “โธ่เว้ย...” 

               เสียงทุ้มสบถเบาๆกับตัวเองที่ทำอะไรลงไปไม่คิด เขาก้มลงแนบ
    ริมฝีปากที่พวงแก้มช้ำๆเพื่อซับน้ำตาเหล่านั้นให้อย่างทนุถนอม รู้ดีแก่ใจว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร แต่ใจมันสั่งให้ทำ คยูฮยอนจึงไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้น และต่อให้มันสายไปแล้ว แต่คนไม่ดีอย่างเขาก็ตั้งใจจะบอกเอาในเวลานี้

     

                 “นายคงไม่อยากฟัง .. แต่ฉันขอโทษ”

     

                              

                               


                 

     

                 ความปวดแปลบแผ่กระจายไปทั่วร่างกายทุกอณู แต่อย่างน้อยในใจของเขาก็มั่นใจว่าไม่นานมันจะผ่านไป .. ตามกาลเวลา

                 อ้อมแขนแกร่งเปรียบดั่งคีมเหล็กที่ใช้ทำร้ายร่างกายอีกคนให้ต้องชอกช้ำ สุดท้ายก็ยังคงกอดไว้แนบกายตลอดทั้งคืนเช่นกัน แต่ยามเช้าที่ไม่ค่อยสดใสเท่าใดนัก คนที่รู้สึกผิดกลับตื่นขึ้นมาพบเพียงความว่างเปล่า ที่นอนซึ่งยับยู่และร่องรอยต่างๆจากเรื่องเมื่อคืนยิ่งตอกย้ำให้เจ็บใจตัวเองมากไปกว่าเก่า คยูฮยอนถอนหายใจอย่างหัวเสียก่อนสักพักความกลัวจะปราดเข้ามาในสมองอย่างทุกทีเหมือนคนบ้า คยูฮยอนรีบคว้าเอาเสื้อขึ้นสวมแล้ววิ่งออกจากห้องเพื่อไปยังส่วนที่เป็นหน้าร้านดอกไม้ ภาพที่เห็นทำให้เขาต้องถอนหายใจอย่างโล่งอก .. อีซองมินปลอดภัยดี


                 ชายหนุ่มยืนมองอีกฝ่ายเงียบๆอย่างคนไม่มีสิทธิ์ ร่างเล็กในชุดลำลองปกติที่ทับอีกทีด้วยผ้ากันเปื้อนด้านหน้ากำลังทำหน้าที่เจ้าของร้านคนเดียวอย่างทุกที จะต่างไปก็คือความสดใสที่เคยมี ตอนนี้เหลือเพียงแต่ความหม่นหมองในดวงตาคู่นั้น

                 คยูฮยอนนึกถึงแต่ก่อนที่เขาเคยมายืนตรงนี้ วันที่เคยจีบอีซองมิน วันนั้นที่เก็บความในใจไว้ไม่อยู่จึงต้องบอกรักออกไป และหากจะย้อนเวลากลับไปในวันแรกที่เจอกัน เขาก็ไม่นึกด้วยซ้ำว่าจากที่แค่คิดเล่นๆมันจะมาถึงขึ้นนี้ได้ รอยแดงเป็นจ้ำที่เรียวแขนขาและลำคอของซองมินปราฎแก่สายตาของคยูฮยอนเป็นอย่างดี เกลียดตัวเองนัก ทำเก่งได้ตลอดแล้วดูสิ เห็นแบบนี้แล้วเป็นยังไงล่ะ

                 “อ๊ะ ..บ้าจริง” เสียงเอ็ดตัวเองดังขึ้นเมื่อความเจ็บเกิดขึ้นที่ปลายนิ้ว หนามกุหลาบช่อโตปักเข้าเต็มๆให้เลือดหยดออกมา ซองมินเบื่อตัวเองเต็มทีกับความไม่เอาไหน ไม่รู้ว่าเพราะซุ่มซ่ามจนเป็นนิสัยหรือเหม่ออะไรกันแน่ ก้มดูที่นิ้วของตัวเองก็อดนึกถึงเรื่องในวันวานไม่ได้ วันนั้นที่เป็นแบบนี้ คิดได้ไม่เท่าไหร่บางเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นก็กำลังเกิดซ้ำอีกอย่างไม่น่าเชื่อ คยูฮยอนที่โผล่เข้ามารีบคว้ามือของซองมินไปดูอย่างเป็นห่วง ใบหน้าหวานหม่นลงเมื่อยามมองคนตรงหน้า คิดถึงเรื่องในวันนั้นที่เขาฝันไปเองคนเดียว ทั้งที่มันไม่จริงสักนิด .. ไม่จริงเลย

                 “ทำอะไรน่ะ...” ซองมินรีบดึงมือตัวเองออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ เขาไม่อยากได้ความหวังดีนั่นอีก นั่นมันก็แค่การหลอกลวงอย่างไม่คิดจริงจังอะไร

                 “เลือดนายออก”

                 “ไม่เป็นไร แค่นี้เจ็บไม่ถึงตาย .. ไม่เท่าเมื่อคืนหรอก”

                 “............” คยูฮยอนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่สามารถจะเอ่ยอะไรออกมาได้อีก คุณชายที่แสนอวดดีและขี้เอาแต่ใจคนเดิมหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วคุณชายใจร้ายที่ตัดเยื่อใยกันให้ขาดไม่มีชิ้นดีเสียหลายครั้งก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มีแค่คุณชาย คนที่ไม่แทบเหลือสิทธิ์เหล่านั้นอีกแล้ว

     

                 ความหวังดีถูกปฏิเสธพร้อมทั้งผลักไส คยูฮยอนทำเหมือนจะบอกอะไรกับซองมิน แต่แล้วลูกค้าของร้านที่แวะมาแต่เช้าก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน คุณเจ้าของร้านจึงปรับสีหน้าหันไปยิ้มรับตามหน้าที่ ทิ้งให้อีกคนยืนมองอยู่ห่างๆ

                 วันทั้งวันผ่านไปโดยที่คยูฮยอนแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย ชายหนุ่มทำราวกับคนว่างงานที่นอนอยู่บ้านเฉยๆ เขาใช้เวลาทั้งหมดไตร่ตรองและจัดการบางอย่างทางโทรศัพท์เป็นระยะขณะเดียวกันต่อให้อีกคนจะไม่สนใจเขาก็ช่างปะไร

                 “ทำอะไรน่ะ” ซองมินถามขึ้นเมื่อคยูฮยอนเข้ามายืนถือนู่นจัดนี่ข้างๆเขา โดยมีลูกค้าไม่กี่คนนั่งรออยู่ในตอนกลางวัน

                 “ก็ทำหน้าที่ที่เคยทำไง” เสียงทุ้มหันมาตอบกับคนข้างกายที่ทำทีจะต่อว่าเขาขึ้นมาเพราะไม่พอใจ เขาจึงต้องรีบปรามขึ้นก่อน

                 “แน่ะ .. อย่าเรื่องมากนักเลย ไม่เห็นรึไงว่าลูกค้ารออยู่ รีบจัดเข้าสิ”

                 “ไม่ ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นผมจะ ....”

                 “จะอะไร ลูกค้ามองแล้วเห็นมั้ยนั่น” คยูฮยอนกระทุ้งซองมินเบาๆเมื่อท่าทางแปลกๆของพวกเขากำลังถูกมองมาอย่าสงสัย ทำให้อีกคนต้องเงียบไปแต่โดยดี เรียวปากอิ่มเม้มเข้าหากันพลางมองหน้าอย่างอดทนเอาไว้ คยูฮยอนเห็นคนหน้างอก้มหน้าจัดดอกไม้ต่อไปจึงยิ้มออกมานิดๆ ก่อนที่สักพักมันจะหายไป เขาจดจ้องคนข้างกายด้วยแววตาแตกต่างจากเมื่อครู่ มันหม่นลงอย่างไร้ซึ่งความหวังแทบจะในทันที



    ซองมินไม่ยอมรับเขาอีกแล้ว คนๆนี้ไม่มีวันจะยอมคิดกับเขาอย่างเดิมได้หรอก แล้วเรื่องเมื่อคืนนั่นอีก

     

                 เมื่อร้านปิดลงความเงียบทั้งหมดที่รอจะเข้ามาเยือนก็พลันเกิดขึ้นในทันที คุณเจ้าของบ้านไม่ได้ไล่แขกคนเดิมที่หน้าทนอยู่ต่อเพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ที่สำคัญคือเขาไม่อยากจะพูดด้วยมากกว่า หลายครั้งที่ซองมินต้องแอบร้องไห้คนเดียวเพราะยังเสียใจกับเรื่องเดิมๆที่ไม่ว่าจะบอกให้ตัวเองเข้มแข็งแค่ไหน เอาเข้าจริงมันก็ยังลืมไม่ได้ แล้วยิ่งต้องมาเห็นหน้ากันอยู่อย่างนี้มันยิ่งเจ็บไปกว่าเก่า และสิ่งที่ทำให้ไม่เข้าใจก็คือว่าทำไมเมื่อคืนถึงต้องทำกับเขาอย่างนั้น หรือเพราะยังเห็นเป็นที่ระบายความใคร่ .. ใจร้ายเกินไปแล้ว ทำร้ายจิตใจกันมามากแล้วยังต้องการเรื่องอย่างนี้จากเขาอีก

     

                 แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่รยออุคและคิบอมก็พอจะมองออกว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ถึงในสายตาของสองบอดี้การ์ดหนุ่มจะคิดว่ามันออกจะรุนแรงเกินไปหน่อยสำหรับรอยแดงตามตัวของคุณเจ้าของร้าน แต่พวกเขาก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์ไปออกความคิดเห็นอะไรกับเรื่องของเจ้านายได้ ที่สำคัญเขาทั้งสองก็รู้ดีว่าคุณชายคงไม่ได้ตั้งใจ แต่รยออุคที่พอจะรู้สาเหตุเมื่อเล่าให้คิบอมฟังจึงลงความเห็นว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นอกจากความเครียดบวกกับความหึงแล้วยังมาเจอเหล้าเข้าไปอีก เลยคงจะคุมตัวเองไม่อยู่ คิบอมคิดว่าตัวเองไม่น่าพูดเรื่องวันดูพลุกับซองมินออกไปในตอนนั้นเลย คุณซองมินเลยต้องมาเจ็บตัวเพราะความโกรธของคุณชายของเขา

                

                 ระหว่างที่ซองมินอยู่ในบ้านของค่ำวันหนึ่ง ด้านนอกตรงโต๊ะไม้ตัวเดิมที่คยูฮยอนเคยจัดการเอามาวางไว้จึงเป็นที่สำหรับให้คนทั้งสามนั่งปรึกษาบางอย่างกันได้ พวกเขาไม่ลืมที่จะกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณที่ดูจะน่าโล่งใจมากขึ้นเพราะเรื่องที่พวกเขากำลังจัดการนั้นกำลังไปได้ดี หลังจากพูดคุยกันตามประสาเจ้านายลูกน้อง สักพักคยูฮยอนจึงเอ่ยบางอย่างที่ทำบรรยากาศดูจะต้องนิ่งไป

                 ชอบเหรอ เสียงทุ้มเอ่ยถามสั้นๆกับหนึ่งในสองคนตรงหน้าของเขา บรรยากาศเริ่มจะอึดอัดเมื่อเสียงนิ่งๆนั้นไม่พูดอะไรออกมาอีกนอกจากจ้องหน้าคิบอมอย่างรอคำตอบ คนที่ไม่คิดจะหลีกหนีคำถามนี้เท่าไหร่เพราะถึงยังไงเขาก็คิดว่าคุณชายน่าจะรู้นั้นจึงได้แต่สบตาเจ้านายกลับ

                 ครับ

                 หึ .. กล้าดีนะ ฉันให้นายมาดูแล แต่ดันไปทำมากกว่านั้นซะได้

                 คุณชายคงได้ยินแล้ว ผมขอโทษ ผมผิดเอง แต่คุณซองมินเค้าไม่ได้....

                 ไม่ต้องรีบออกตัวปกป้องกันขนาดนั้นหรอกน่ะ

                 ไม่ใช่นะครับ ผมแค่เอ่ยตามความจริง คุณซองมินเค้าไม่เคยมองคนอื่นนอกจากคุณชายเลย เพราะงั้นถ้าคุณชายจะโกรธก็มาลงที่ผมเถอะ

                 พอแล้ว อย่ามาทำปกป้องกันขนาดนั้นเลย ฉันไม่ชอบ

                 คยูฮยอนเอ่ยออกมาตรงๆ และมันก็มากพอจะทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอีก คนที่นั่งเงียบอย่างรยออุคเลยได้แต่ภาวนาให้เวลานี้ผ่านไปได้ด้วยดี เขาล่ะห่วงอารมณ์ของคนทั้งสองเหลือเกิน แต่โชคดีที่คุณชายของเขามักไม่ทำให้ผิดหวังเสมอ

                 ฉันรู้หรอกน่ะ .. หึ ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย ในฐานะที่นายทำงานที่ฉันมอบหมายให้ได้เป็นอย่างดี ฉันจะยกโทษให้ แล้วพวกนายก็เลิกทำหน้าเหมือนจะถูกฉันฆ่าได้แล้ว คยูฮยอนถอนหายใจเป็นเชิงว่าเขาไม่ได้คิดอะไร ซึ่งแน่นอนที่คนทั้งสองจะโล่งใจขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะรยออุคที่ดูจะรู้สึกรอดตายมากกว่าคนผิดจริงๆเสียอีก คยูฮยอนระบายยิ้มเศร้าๆออกมาเพียงนิดก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

                

                 สำหรับเค้าแล้ว ไม่ผิดหรอกนะที่ใครจะชอบ ใครจะรัก ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งห้ามใจไม่ไหวใช่ไหมล่ะ .. เพราะตั้งแต่แรกแล้วที่ฉันไม่เคยทำมันได้เลย

     

                                     




                       

     

                 ไม่กี่วันผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนสองคนอยู่ด้วยกันแต่สามารถนับคำพูดกันได้เลยทีเดียว สุดท้ายคนที่ทนไม่ไหวจึงต้องเอ่ยปากถามในสิ่งที่คาใจมานาน

     

                 “ทำไมไม่กลับไปหาภรรยาของคุณ แล้วที่ทำอยู่นี่ต้องการอะไร บอกผมมาตรงๆแล้วไปจากที่นี่เสียที”

                 “แล้วถ้าบอกไป นายจะเชื่อฉันได้รึเปล่า”

                 แค่สองประโยคที่เดิมพันด้วยคำตอบระหว่างสองหัวใจ ต่างฝ่ายต่างยืนจ้องกันอยู่อย่างนั้น เสียงเครื่องยนต์จากด้านนอกก็บังเอิญเข้ามาขัดจังหวะพอดี คิบอมกับรยออุคที่หายหน้าไปทำหน้าที่กลับมาอย่างดูจะเครียดไม่น้อย เขาทั้งสองมองสองคนที่อยู่ก่อนแล้วสลับกันไปมา คยูฮยอนรู้ดีจึงปลีกตัวไปคุยกับลูกน้องด้านนอกทิ้งให้ซองมินต้องอยู่ในความเงียบงันคนเดียวในบ้าน เขามองผ่านความมืดด้านนอกออกไปก็พบว่าคนทั้งสามกำลังคุยอะไรบางอย่างกันอยู่ข้างกับรถที่จอดไว้

                 ช่างเถอะ .. มันคงเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนตัวเขาเองก็แค่ส่วนประกอบที่ความสำคัญต่างชั้นกันนัก เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดเหล่านี้เสียที






    อีซองมินต้องเจ็บปวดอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่เคยรู้อะไร ที่จริงแล้วเขาเองไม่เคยรู้อะไรตั้งแต่เริ่มเลยมากกว่า เพราะไม่มีใครอยากจะหยิบยื่นเรื่องอะไรให้เขารู้

     

                 เหมือนกับใจสลายอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน

                

                 เขาไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้สักนิด ไม่รู้ว่าตอนที่แอบร้องไห้ ทุกเสียงสะอื้น ทุกหยาดน้ำตามันจะบาดลึกลงไปในใจของใครบางคนที่แอบมองอยู่ห่างๆ


               

                 .. ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว ..  ตัวเองจะสำคัญมากแค่ไหน






    .
    .

    Tbc. Chapter 6











                          ในที่สุดก็เปิดจองรวมเล่มเรื่องนี้รอบพิเศษจนได้ค่ะ (มีแต่คนถามเลยเปิดเลยละกัน .. แอบเหนื่อยไม่ไหว โหะๆๆ = =) 
    อีกไม่กี่พาร์ทก็จะจบแล้วนะคะ มันเป็นอะไรยังไงก็ติดตามได้เลย ขออภัยล่วงหน้าถ้ามันจะทำให้คุณอ่านแล้วอึดอัดอย่างที่ได้ยินมา ...ฮา

     

                            ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ ((_ _))





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×