คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : WHEN ? .. Chapter.[8]
***ใครที่ตามอ่าน แล้วเจอพาร์ท 5 ถูกแบน ทิ้งเมล์ไว้นะคะ กอนจะส่งให้ค่ะ
ตอนแรกจะแก้ แต่ว่าแก้แล้วมันไม่ใช่ล่ะ ฉากมันสำคัญ ^^!!!!!!!!
*โทษนะคะที่มาลงช้ามาก ทั้งที่มันจบแล้ว 19พาร์ทค่ะ 19พาร์ททั้งหมด!!!
หลังๆจะยิ่งยาวเลยล่ะค่ะ ยาวขึ้นเรื่อยๆ (รู้หรอกว่าแอบเบื่อกันแล้ว ฮี่ๆๆๆๆ) ไม่เป็นไรๆ
ไงก็ขอบคุณนะคะ ไว้กอนจะลงให้เร็วกว่านี้นะคะ
*ไหงพาร์ทนี้มันสั้นจัง กอนลงครบหมดป่ะเนี่ย (ล้อเล่น 55+)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 8
สายลมยามเย็นของชายหาดที่พัดมาจากทะเลกว้างกลางเกาะชวนให้ชื่นใจได้มากในเวลาที่กำลังสับสน ร่างโปร่งบางเดินวนไปวนมาอยู่ริมชายหาดพลางมองตามร่างสูงของชายหนุ่มรุ่นน้องที่มาด้วยกัน คิบอมกดวางโทรศัพท์มือถือไป
อย่างหัวเสียนิดๆ ทั้งที่ตอนกำลังพูดกับคนปลายสายเขากลับไม่ได้แสดงอาการอารมณ์เสียเท่าใดนัก
“คุยกับใครอยู่เหรอ เครียดเชียวนะ” ฮันคยองถามขึ้นข้างใบหูเล่นเอาคิบอม
ตกใจเล็กน้อย
“เปล่า ผมก็แค่คุยเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ” ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเพิ่งวางสายจากซีวอนไป
“เหรอ อืม .. อันที่จริงนายไม่เห็นต้องทิ้งงานมาเลยนะ แค่พาพี่มาเที่ยวเนี่ย”
“ไม่หรอกครับ ผมแค่อยากมาพักผ่อนด้วยเท่านั้นเอง อีกอย่างช่วงนี้ที่ไซปันน้ำทะเลจะสวยเป็นพิเศษ แถมอากาศก็ดีด้วย แต่อย่างว่าแหละ นักท่องเที่ยวก็ยังคงไม่น้อยเหมือนเคย” คิบอมเอ่ยอธิบายเพิ่มเผื่อว่าคนที่ฟังอยู่จะเพลินคิดเรื่องพวกนี้แทนการจะต้องคิดเรื่องวุ่นวายในตอนนี้
“งั้นเหรอ ก็ดีนะ .. ขอบใจอีกครั้งแล้วกัน” ว่าแล้วก็ยิ้มจนคนได้รับแอบชื่นใจเสียไม่น้อย นี่ถ้าเกิดว่าคิบอมจะบอกรักฮันคยองขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไงกันนะ อีกฝ่ายจะยอมฟังกันหรือเปล่า จะเบื่อไหม แล้วถ้าหากว่าไม่พอใจแล้วจะเกลียดกันเลยหรือจะตัดเยื่อใยไปจากกัน .. คิบอมเองก็ยังไม่แน่ใจ แค่ตอนนี้รู้ว่าสิ่งที่เขาเองนั้นทำได้คือการคอยอยู่เคียงข้างในเวลาที่ย่ำแย่แบบนี้เท่านั้นก็น่าจะมากพอ
“นี่ก็เย็นแล้ว ผมว่าเราเข้าบ้านกันก่อนดีไหม อากาศเย็นๆแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาได้”
“ไม่ล่ะคิบอม พี่ว่านายนั่นแหละเข้าไปก่อนดีกว่า ตอนนี้อากาศกำลังดีเลย ขอพี่เดินเล่นซักพักแล้วกัน”
“งั้น เดี๋ยวผมไปเตรียมอาหารรอ .. ถ้าหนาวก็รีบเข้าบ้านนะครับ” ว่าแล้วร่างสูงก็หายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ทางชายฝั่งซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศของเขาเอง นี่เป็นครั้งแรกที่คิบอมพาคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติมาพัก ยกเว้นซีวอนกับดงแฮที่เคยมาเมื่อก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี
ฮันคยองมองแผ่นหลังที่เดินจากไปจนลับตา ดวงตาสีนิลเริ่มหรี่ลง แววหมองเศร้าตอนนี้นั้นดูแล้วแสนน่าสงสาร ใบหน้าเรียวหันมองออกไปมองทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา จากมาแบบนี้จะมีใครคิดถึงบ้างไหมนะ น้องชายที่บอกว่าเกลียดกับตอนนี้ที่เขาเองไม่กล้าสู้หน้า แล้วคนๆนั้นอีก คนที่คิดว่าจะดูแลดงแฮได้เป็นอย่างดีตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากเขาเองที่เป็นคนทำร้ายน้องที่ตัวเองแสนรัก แค่อยากรู้ว่าจะมีใครสักคนไหมที่ต้องการตัวเองจริงๆ ต้องการเพราะเป็นที่หนึ่ง ไม่ใช่แค่ตัวสำรองหรือของเล่น
.. บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ ว่าแม้แต่คนข้างกายที่เฝ้าบอกว่าเป็นห่วง ซึ่งเขาก็แอบมีใจ ที่จริงแล้วจะต้องการกันบ้างรึเปล่า หรือที่ทำไปเพราะแค่สงสารเท่านั้น .. รู้สึกเหมือนไร้ค่า
ชายทะเลแบบนี้ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึง ภาพเก่าๆในยามเด็กก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของฮันคยองทันที
.
“ฮันคยอง เอาให้น้องไปเถอะนะ เราโตแล้ว แม่ว่าให้น้องไปก่อนเถอะ” เสียงหญิงสาววัยสามสิบต้นๆเอ่ยออกมาขณะที่กำลังมองลูกชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างกองทรายที่เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
“ก็ได้ฮะ ผมไม่อยากเล่นอยู่แล้ว” มือน้อยๆยื่นที่ตักทรายพลาสติกให้เด็กชายที่ตัวเล็กกว่า
“ดีแล้วจ้ะลูก เดี๋ยวไว้แม่ซื้อให้ใหม่แล้วกันนะ” ว่าแล้วก็พลางลูบหัวลูกชายคนโตเบาๆก่อนจะหันไปหาลูกชายตัวน้อยอีกคนที่ยืนยิ้มที่ได้ของเล่นที่อยากได้ เด็กชายคนพี่ได้แต่ยืนมองตามน้องชายที่กำลังส่งยิ้มมาให้ตัวเอง รอยยิ้มบริสุทธิ์ที่เขาในฐานะพี่ภูมิใจที่ทำให้น้องได้ทุกอย่าง
ตั้งแต่จำความได้ เขาเองใช่รึเปล่าที่เสียสละมาตลอด อะไรที่น้องต้องการ เป็นเขาใช่ไหมที่ต้องยอมให้ แม้แต่คนที่ตัวเองอยากจะได้แค่ไหนก็ตาม
.. แต่คนนี้ไม่ใช่ใช่มั้ยดงแฮ คนนี้เค้าไม่ใช่ของพี่แต่แรกแล้ว เค้าเป็นของนาย พี่ไม่ได้ตั้งใจ .. พี่ขอโทษ
.
แสงตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่คนที่ยืนอยู่กลับไม่มีทีท่าว่าจะกลับออกไปจากตรงนี้เลย ร่างโปร่งนั่งกอดเข่าพลางฟังเสียงคลื่นซัดสาดทรายยามพลบค่ำ ลมหนาวเริ่มพัดผ่านเสื้อเนื้อบางแต่กลับอบอุ่นขึ้นมาเมื่อผ้าคลุมผืนนุ่มห่มทับลงที่ไหล่
“ผมรอทานข้าวอยู่นะ” เสียงทุ้มเอ่ยแล้วนั่งลงข้างกับฮันคยอง คิบอมมองออกไปที่ทะเลเช่นกัน ระยะห่างที่ว่างเว้นช่างเป็นตัวบ่งชี้เหลือเกินว่าไม่ต้องการใกล้ไปมากกว่านี้
“ขอโทษนะ พอดีเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก .. ผมก็เพิ่งโทรไปเคลียร์งานมานี่เอง ที่บริษัทยุ่งๆน่ะ” ทั้งที่ตัวเองนั่งรออยู่ในบ้านแท้ๆก็ยังจะโกหกไปอีก น่าขันนัก ได้แต่วางฟอร์มทั้งที่ในใจกำลังแทบจะเป็นบ้า
“คิบอม ...”
“ครับ”
“.......”
“.......”
ในขณะที่ไม่ทันตั้งตัว เรือนผมนุ่มก็ค่อยๆแนบลงกับไหล่กว้าง
“ขอพิงแป๊บนะ...”
“.......” คิบอมไม่ได้เอ่ยอะไร อยากบอกเหลือเกินว่าจะพิงไปทั้งชีวิตก็ยังได้ เพราะยังไงเขาเองก็ไม่เหลือที่ตรงนี้ไว้ให้ใครอีกแล้ว
สายลมเอ่ยๆ หลังตะวันเพิ่งลับขอบฟ้า ...
คนหนึ่งอยากบอก ทั้งที่ไม่กล้า .. คนหนึ่งแอบหวัง ทั้งที่ไม่มีทาง
“ฮึกๆ..” เสียงสะอื้นของเด็กน้อยดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในยามค่ำคืนของบ้านหลังใหญ่
“พี่ฮัน พี่เป็นอะไรไป พี่ร้องไห้ทำไม” เสียงใสของเด็กชายตัวน้อยอีกคนถามขึ้นอย่างห่วงใย มือเล็กดึงเบาๆที่ชายเสื้อของผู้เป็นพี่ชายที่กำลังรีบเช็ดน้ำตาออก
“ไม่มีอะไรหรอก .. แล้วดงแฮยังไม่นอนอีกเหรอ”
“คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ ดงแฮนอนไม่หลับ แล้วพี่ร้องไห้ทำไมอ่ะ”
“เอ่อ คือพี่”
“พี่โกรธดงแฮที่ขอเสื้อตัวนั้นที่คุณพ่อซื้อให้พี่ใช่รึเปล่า ดงแฮไม่เอาแล้วก็ได้นะ ไม่อยากได้แล้วแหละ พี่อย่าร้องไห้อีกนะ นะ นะ” ตากลมคู่ไสเว้าวอนพี่ชาย
“ไม่เป็นไรหรอก คือพี่ไม่อยากได้มัน ดงแฮเอาไปเหอะ” แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนที่เด็กชายตัวเล็กๆซึ่งเป็นพี่พึงจะมีก็ถูกส่งให้ผู้เป็นน้องก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งไว้ให้อีกคนคอยตะโกนไล่หลังอย่างอ้อนวอน
.. เหมือนกับว่าประตูห้องที่ปิดลงจะไม่มีวันเปิดให้ทั้งสองได้พบกันอีก ..
“เดี๋ยวสิพี่ฮัน ขอโทษนะ ดงแฮขอโทษ ไม่อยากได้แล้วจริงๆ ..อย่าโกรธได้มั้ย พี่อย่าไปนะ พี่ฮัน .. ดงแฮขอโทษ......”
.
“ไม่!!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกลุกขึ้นนั่งบนเตียงคนไข้ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมในยามดึก
“ดงแฮ เป็นอะไรไป..” ซีวอนที่นอนหลับอยู่บนโซฟาข้างๆได้ยินก็ตกใจจึงรีบลุกขึ้นมาหาอีกคนทันที ห่วงเหลือเกินว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า ร่างสูงแค่เอื้อมมือจะสัมผัสแต่กลับเป็นร่างเล็กที่โผเข้ากอดเขาเสียเอง มือบางโอบรอบคอซีวอนไว้ ใบหน้าชื้นเหงื่อซบอยู่กับอกกว้าง แรงสะอื้นทำให้ซีวอนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังร้องไห้
ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงเครือจนเขาฟังไม่ชัด
“ขอโทษ พี่ฮัน ผมขอโทษ พี่อยู่ไหน ..ฮึก”
“ดงแฮ เธอฝันร้ายเหรอ”
“ขอโทษ ..ฉันกลัว ..พี่ฮันไปไหน ทุกคนหายไปไหนหมด”
“ไม่เอานะคนดี อย่าร้องนะ ฉันอยู่ตรงนี้ไง ซีวอนไง ไม่ทิ้งเธอไปหรอก”
มือหนาลูบเบาๆที่แผ่นหลังบางอย่างอ่อนโยน โอบกอดคนรักอยู่สักพักแล้วจึงค่อยๆเชยคางมนขึ้นมาสบตากับตัวเอง แม้ในความมืดแต่ก็ยังเห็นแววตาคู่นี้ได้ชัดเจน
ใบหน้าหวานขาวซีดจากฝันร้ายที่มาจากอดีตในตอนเด็ก คราบน้ำตายังคงไม่เลือนหาย ริมฝีปากอุ่นจึงค่อยๆประทับจุมพิตบนเปลือกตานั่นแสนเบา .. แต่ก็เนิ่นนาน
“ซีวอน” เสียงเรียกค่อยๆทำเอาต้องหยุดการกระทำลง
“หืม” เพิ่งนึกได้ว่าดงแฮยอมเรียกชื่อเขาแล้ว รอยยิ้มเริ่มฉายบนใบหน้าคม
“ฉันจะนอนแล้ว” ดงแฮตั้งสติได้จึงรีบบอกให้อีกฝ่ายกลับไปนอนที่เดิม มือเล็กดันอกกว้างออกเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน แต่แรงที่มีคงไม่มีผลถ้าร่างสูงนี้ไม่คลายอ้อมแขนออกให้เสียเองอย่างที่กำลังเป็นอยู่ ที่ยอมก็เพราเห็นว่าคนตรงหน้ากำลัง
แย่อยู่หรอกนะ ไม่อยากจะตอแย แต่เขาก็ยังอดถามกลับไม่ได้
“ว่าแต่ว่า ไม่ให้ฉันนอนด้วยเหรอ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเหนื่อย” ดงแฮเองก็แทบไม่มีแรงจะผลักไส เรื่องร้องไห้แล้วไปกอดอีกฝ่ายเองนั้น แค่นี้ก็แย่พอแล้ว
“งั้นก็นอนเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว” ถ้าคนฟังฟังไม่ผิด น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นดูจะน้อยใจนิดๆ ซีวอนลุกกลับไปที่เดิมก่อนจะทิ้งตัวนอนราบบนโซฟาแล้วหันหลังให้ร่างบางที่ยังนอนอยู่บนเตียงคนไข้
“ซีวอน” เสียงหวานแผ่วเบาเอ่ยผ่านความมืด
“หืม”
“ขอบคุณนะ..” ได้ยินดังนั้นคนที่นอนอยู่ก็ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก ก่อนที่ความเงียบจะกลับเข้ามาอีกรอบมีเพียงเสียงลมหายใจของคนที่หลับสู่ห้วงนิทราไปแล้ว แต่ค่ำคืนก็ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ ขณะซีวอนกำลังเคลิ้มจะหลับไปกลับเป็นอันต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“หนาว..” ซีวอนลุกขึ้นนั่งหันกลับทางเตียงคนไข้ คนที่นอนอยู่นั้นหลับไม่รู้เรื่องแต่ริมฝีปากยังเพ้อออกมาไม่หยุด ดงแฮนอนขดเล็กน้อยเพื่อหาความอบอุ่นที่มีเพียงน้อยนิด จะว่าแล้วคืนนี้ก็หนาวไม่ใช่เล่น ซีวอนเส่ายหน้ากับตัวเองแล้วรีบเดินเข้าไปทิ้งตัวลงข้างกายคนรักทันที มือใหญ่ค่อยๆรั้งร่างตรงหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด คนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องก็ได้แต่ซุกหน้าลงกับอกกว้างที่แสนอบอุ่นเช่นเดียวกับสันจมูกโด่งที่สูดเอาความหอมจากเรือนผมนุ่นนั่นแผ่วเบา
.. เห็นไหมล่ะ ใครกันจะคอยดูแลเธอ ถ้าไม่ใช่ฉัน เชว ซีวอน คนนี้
แสงแดดอ่อนๆในยามเช้าปลุกให้ร่างสูงลืมตาตื่นขึ้น แม้จะอยู่ในที่ไม่คุ้น
สายตาคมขยับถี่ๆเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่างในตอนนี้ ก่อนจะก้มมองคนในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม ลมหายใจอุ่นสัมผัสกับท่อนแขนแกร่งที่ช้อนรองอยู่ใต้ศีรษะ ใบหน้าที่เริ่มจะมีสีเลือดฝาดทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ซีวอนลูบไล้เบาๆเข้าที่พวงแก้มของดงแฮก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปหมายจะจูบ
แต่ก่อนที่จะได้แตะลงที่แก้มเนียน เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น แล้วร่างเล็กของเด็กน้อยที่ดูจะหลับอยู่ก็ถูกอุ้มเข้ามาโดยซูยองพี่เลี้ยงพร้อมกับป้ายุนฮีคนเดิม
“คุณซีวอน..”
“ชู่ววว .. เบาๆสิครับป้า เดี๋ยวดงแฮก็ตื่นหรอก” ซีวอนยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปาก
“เอ่อ ค่ะ...” ภาพที่เห็นเล่นเอาเกิดอาการงง ก็นี่ขนาดที่โรงพยาบาลก็ยังจะหวานให้ได้อีกนะพ่อคนหล่อ ป้ายุนฮีคิดในใจอย่างนั้น สักพักดงแฮก็ลืมตาตื่น ก่อนที่จะงงเข้าอีกคนเมื่อเห็น;jkใบหน้าของคนที่เขาไม่อยากจะเข้าใกล้อยู่ห่างออกไปเพียงแค่คืบนี่สิ
“นี่นาย” สายตาส่งไปเชิงตำหนิก่อนจะยันตัวขึ้นพิงหมอน ร่างสูงได้ทีก็รีบหอมแก้มเข้าไปฟอดใหญ่แล้วรีบลงจากเตียงมาอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะได้เจ็บตัวแต่เช้า
“คนฉวยโอกาส”
“งั้นเหรอที่รัก.. เอ๊ะ ว่าแต่เมื่อคนนี้ใครกันนะที่ฉวยโอกาส เล่นกอดคนอื่นเค้าซะแน่น แล้วก็ใครกันนะที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะฝันร้าย แถมยังเพ้อว่าหนาวอีก... เฮ้ออออ.”
“นี่ หยุดพูดนะ”
“ขอโทษทีนะเจ้าหญิง อย่าดื้อไปหน่อยเลยน่า รีบนอนต่อเหอะก่อนที่ฮีชอลตื่นมาแล้วเธอจะไม่ได้นอน”
“พูดบ้าอะไร ใครเป็นเจ้าหญิง” ดงแฮหน้าขึ้นสีเพราะความโกรธที่ได้ยินอะไรแปลกๆอย่างนั้น ซีวอนเพียงแค่ยิ้มออกมาก่อนจะรีบเดินเข้าไปหยิบเสื้อโค้ท ปล่อยให้อีกคนนั่งโกรธโดยที่ทำอะไรไม่ได้
“ป้าครับ เดี๋ยวผมจะแวะเข้าบ้านไปแต่งตัวแล้วจะออกไปบริษัท จะกลับมาก็คงตอนเย็นๆ ไว้หมอตรวจอาการดงแฮแล้วผมจะมารับ” หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเข้าใจตามที่ซีวอนสั่งไว้ ซีวอนเดินเข้าไปหอมแก้มลูกสาวที่หลับอยู่ที่ตักพี่เลี้ยง
โดยที่ไม่ลืมบอกลาคนสำคัญของเขาที่เอาแต่ไม่ยอมมองหน้า เขาเลยอยากจะขอแกล้งอีกสักนิด ริมฝีปากอุ่นสัมผัสหนักๆเข้าทีหนึ่งที่แก้มของอีกฝ่ายแล้วรีบถอยห่างออกมา คนที่รู้ตัวว่าถูกหอมแก้มได้แต่ถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจ
“ไอ้คนบ้า .. รีบไปเลยนะ”
“ครับๆ แล้วตอนเย็นเจ้าชายจะมารับนะครับเจ้าหญิง” ดงแฮมองตามประตูที่ปิดลงเมื่ออีกฝ่ายเดินออกไป มือบางข้างหนึ่งทุบลงที่หมอนทั้งที่ใจจริงอยากจะขว้างมันไปตามหลังเสียด้วยซ้ำ ป้ายุนฮีที่มองอยู่เห็นแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ไม่น่าแปลกเลยใช่ไหมที่ใครๆจะหลงเสน่ห์ผู้ชายที่ชื่อซีวอนคนนี้ นี่ขนาดคุณหนูของหล่อนความจำเสื่อม แต่บรรยากาศน่ารักแบบนี้มันมาจากไหนกัน ..
ดงแฮก้มลงมองที่เด็กหญิงตัวน้อยที่หลับอยู่ และพอกลับเข้าเรื่องเดิมทีไรก็มักจะปวดหัวขึ้นมาทุกที
“ป้ายุนฮีครับ .. ผม จำอะไรไม่ได้”
“ใช่ค่ะ .. คุณหนูของป้าความจำเสื่อม” ว่าแล้วก็เงียบกันไปพักใหญ่ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี
“โถๆ อย่าคิดมากไปเลยนะคะ เดี๋ยวคุณหนูดงแฮของป้าก็กลับมาจำได้แล้ว ไหนลองบอกป้ามาสิคะ ว่าจำอะไรได้บ้าง” เมื่อได้ฟังดังนั้น ริมฝีปากบางก็เริ่มจะขยับตอบตามช้าๆ
“ผม ผมจำได้แค่ว่าพ่อกับแม่เพิ่งเสียไปไม่นาน .. แล้ว แล้วก็มี มีพี่ฮัน มีแค่พวกเราที่บ้าน ไม่ใช่สิ ผมมีเพื่อนนะ ผมกำลังเรียน .. แต่ไม่ใช่หรอก ที่จริงแล้วมันนึกอะไรไม่ออกเลยครับป้า” ว่าแล้วก็เงียบไป ก่อนจะก้มหน้าลงเมื่อพยามนึก
“ว่าไงคะ จำได้ไหม”
“ผมขอโทษ ผมจำไมได้” ว่าแล้วดงแฮก็เงียบไปอีก เขาเริ่มจะกลัวเข้าจริงๆเมื่อทุกอย่างกำลังบอกว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย มือเล็กยกขึ้นกุมหัวอีกรอบอย่างหมดทางที่จะแก้ไข การไม่รู้จักตัวเองมันกำลังเกาะกินหัวใจให้มีแต่ความหวาดกลัว
“แล้ว ..เด็กคนนั้นเป็นใคร” ป้ายุนฮีไม่ตอบเมื่อนึกถึงเด็กที่คุณหนูของเธอถามถึง กลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะปวดหัวไปมากกว่านี้
“พอเถอะค่ะ นอนพักเถอะนะคะอย่าคิดอีกเลย ทรมานเปล่าๆ”
“ไม่คิดได้ไง แล้วป้าพามาทำไมล่ะ เค้า .. เค้าเป็นลูกผมจริงๆเหรอ”
“..........”
“ตอบผมหน่อยสิครับ.. มันไม่ตลกเลยนะ”
“ใช่ค่ะ มันไม่ตลก..”
“งั้น..”
“พอเถอะนะคะ นอนพักก่อนเถอะ” เธอบอกน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อคนตรงหน้าพยามที่จะถามเอาความจริงทั้งที่บอกไปยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ดงแฮพยายามจะอ้าปากถามขึ้นมาอีกแต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อความรวดร้าวแล่นเข้ามาในสมองอีกครั้ง ร่างบางเอนตัวลงนอนตามเดิม ดวงตากลมจ้องมองทุกอย่างก่อนจะค่อยๆปิดลง
.. เด็กผู้หญิงคนนี้ ใครกันนะ .. เป็นไปได้ไง
เมื่อเห็นว่าคุณหนูของเธอหลับไปแล้วใบหน้านั้นก็ดูจะผ่อนคลายลงมากกว่าเดิม แต่ความเครียดในเรื่องอื่นก็เข้ามาแทนที่อีก ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
เพราะเธอเองนั้นไม่สามารถติดต่อฮันคยองได้เลย ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน คุณหนูคนโตของเธอจะเป็นยังไงบ้างนะ
.. เรื่องต่างๆมากมายที่ผ่านเข้ามา ป้าคนนี้ก็แทบช่วยอะไรไม่ได้เลย
ซีวอนในตอนนี้นั้นกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารในแฟ้มหนาที่กองพะเนินรอเขาอยู่ แค่เพียงสองวันเท่านั้นที่เขาไม่ได้เข้ามาจัดการกลับมีเอกสารมากมายกว่าที่คิด ไหนจะประชุมอีก แม้ว่าความก้าวหน้าของบริษัทจะดำเนินไปเรื่อยๆแต่กลับไม่ได้สร้างความปิติยินดีให้กับเขาเท่าไหร่นักในเมื่อเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตกำลังแย่ลงสวนทางกับหน้าที่การงาน ใบหน้าหล่อเหลาเงยจากกองเอกสารที่เพิ่งจะจัดการเสร็จไปได้เกือบครึ่ง พลันมือก็เอื้อมไปหยิบกรอบรูปเล็กสีเงินที่อยู่มุมโต๊ะทำงานขึ้นมาดู ภาพของตัวเองที่ยืนโอบคนรักเอาไว้พร้อมกับเด็กทารกที่อุ้มอยู่อย่าง
ทนุถนอม เห็นแล้วความรู้สึกโหยหาก็เกิดขึ้นทันที
“ตอนนั้นฮีชอลยังตัวเท่าหนอนอยู่เลย” พูดเบาๆกับตัวเองแล้วยิ้ม เขานึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นอยู่ที่ไหนกัน
“ไซปันนี่นา” แล้วความคิดดีๆก็ผุดขึ้นมาในหัว ทำไมเพิ่งนึกออกนะ แล้ว
ซีวอนก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อทันที อยากรีบกลับไปหาคนที่กำลังคิดถึงให้เร็วที่สุด ป่านนี้จะกำลังทำอะไรอยู่ จะคิดถึงกันบ้างรึเปล่า อย่างน้อยใบหน้าเมื่อยามเช้าก็ทำให้เขาใจชื้นได้ล่ะนะ
“ป้าจะกลับไปก่อนนะคะคุณหนู” เสียงร้องบอกเรียกให้ดงแฮเงยหน้าขึ้นจากเด็กน้อยที่มานั่งบนตักเขาเพราะก่อนหน้านั้นป้ายุนฮีขอเอาไว้แท้ๆว่าให้แกล้งเออออเป็นแม่ไปก่อน ไม่อยากให้ฮีชอลตัวน้อยต้องร้องไห้ เขาเองอยากจะปฏิเสธใจแทบขาดแต่เมื่อมองหน้าเด็กน้อยแล้วก็ต้องยอมทำตาม
“อ้าว ทำไมล่ะครับ” ดงแฮถามอย่างไม่เข้าใจแต่คนที่ตอบกลับเป็นหนูน้อยเสียเอง
“ก็คุณพ่อจะมารับฮีชอลกับคุณแม่นี่นา”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าคุณพ่อจะมารับคุณแม่ตอนเย็นนู่นแน่ะ หลังจากตรวจร่างกายเสร็จ ส่วนเรากับพวกป้าก่อนนะคะ” ได้ยินแบบนั้นคนทั้งสองก็ต้องขมวดคิ้ว
“แต่ฮีชอลอยากกลับบ้านกับคุณพ่อคุณแม่นี่นา”
“ผมก็อยากกลับด้วยกันนะครับป้า” แม้ว่าทั้งสองจะตอบแบบเดียวกัน แต่ก็คนละจุดประสงค์ เด็กน้อยนั้นอยากกลับด้วยพร้อมกันแต่ดงแฮไม่อยากกลับกับคนๆนั้นเพียงสองคน
“โตแล้วนะคะคุณหนูดงแฮ”
“แต่ว่า...”
“ไม่เอาค่ะไม่เอา นี่ก็จะเย็นแล้ว คุณหนูรอคุณซีวอนไปก่อนนะคะ ป้าต้องดูแลคุณหนูฮีชอลต่อไปด้วย” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ที่จริงแล้วซีวอนโทรมาบอกให้พาลูกกลับไปก่อนได้เลย อีกอย่างที่ป้ายุนฮีเห็นด้วยเพราะว่าอยากให้คนสองคนได้ปรับตัวกันสักพัก เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นบ้าง .. ว่าแล้วเธอก็อุ้มเด็กน้อยลงมาจากเตียงคนไข้
“คุณแม่คะ งั้นฮีชอลไปรอที่บ้านก็ได้นะ บอกคุณพ่อซื้อขนมมาด้วยนะ ไม่งั้นโป้งทั้งคุณพ่อคุณแม่เลยด้วย” เสียงเด็กน้อยที่ส่งมาทำให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ได้แต่พยักหน้าตามแบบเออออไป ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาทำอะไรแบบนี้ .. อารมณ์สับสนของดงแฮยังคงไม่หมดไป
หลังจากที่ป้ายุนฮีกลับไปพร้อมกับลูกสาวตัวเองที่ไม่ได้อยากจะให้เป็น
ในเวลานี้ตัวเองเป็นยังไงก็จำไม่ได้ อดีตที่ผ่านมาก็นึกไม่ออก แต่ถึงขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างจะเป็นเรื่องที่ทุกคนแกล้งอำกันเล่นงั้นเหรอ มันจะใช่แน่เหรอ .. ควรจะทำยังไงต่อไปดีนะ จะมีใครเข้าใจรึเปล่าว่าคนความจำเสื่อมมันรู้สึกยังไง
แล้วเวลาก็ล่วงเลยไปอีก ดงแฮพยายามหยุดคิดเรื่องต่างๆแล้วนั่งรอซีวอนที่บอกจะมารับ แต่ยิ่งรอในหัวสมองก็ยิ่งคิดวกวนไปมาแล้วกลับมาที่เดิม สุดท้ายก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“โธ่เอ๊ย ถ้าไม่มาจะนัดทำไม คิดว่าเราไม่มีปัญญากลับเองรึไง” คิดแล้วก็ทำ
ท่าจะลุกจากเตียงคนไข้ คนอย่างเขาไม่ง้อใครให้ง่ายหรอก ตรวจก็ตรวจสิ แล้วจะได้กลับบ้านเสียที .. แต่คิดไม่ทันจะจบเสียงคนที่รออยู่ก็ดังขึ้น
“อะแฮ่ม เป็นอะไรไป ใครมาทำให้เด็กดื้อขัดใจล่ะเนี่ย” ซีวอนเดินเข้ามาทันที อันที่จริงเขาแอบได้ยินเสียงบ่นของอีกฝ่ายก่อนเข้ามาแล้ว ดงแฮหันมามองด้วยสายตารังเกียจ
“ไม่มีหรอก เพียงแต่อะไรมันก็ขัดใจไปทุกอย่าง คนที่ไม่อยากเห็นหน้าก็ยังต้องเห็น” ว่าออกไปตามความเป็นจริงก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่สนเลยว่าคนได้ยินจะแอบเจ็บลงไปลึกๆ แต่ก็ยังจะทนต่อไปเพื่อให้ได้คนๆนี้กลับมา
“สำหรับเธอนะ ดงแฮ” ซีวอนยื่นช่อคาร์เนชันสีขาวไปข้างหน้า หวังจะเรียกรอยยิ้มสดใสกลับมาอีกครั้ง ดงแฮได้ยินอย่างนั้นก็ปรับอารมณ์ไม่ถูกเลยทีเดียว ใบหน้าที่มีแต่ความไม่พอใจคลายลงก่อนจะหันกลับไปเจออีกฝ่ายด้วยความเฉยชา พลางเลิกคิ้วถาม
“ให้งั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“ทำไมล่ะ ทำไมต้องเป็นคาร์เนชัน... ฉันไม่ได้ชอบ” แล้วความเงียบก็เข้ามาเยือน สองสายตาแค่เพียงได้สบก็เหมือนกับเวลาหยุดนิ่ง ประโยคเดียวทำให้ซีวอนรู้สึกเหมือนกับว่าคนตรงหน้านั้นกลับมาแล้ว ในขณะที่อีกคนกลับคิดเป็นอื่น
.. คาร์เนชันงั้นเหรอ ท่าจะบ้าแน่ๆ
“ทุกครั้งฉันให้เธอมาตลอด เลยคิดว่าจะให้อีก .. ไปตลอดชีวิต” แค่เพียงได้ฟังก็เหมือนว่าภาพต่างๆที่เคยเกิดขึ้นจะไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วจนจับไม่ทัน ไม่ต่างจากที่สุดท้ายมันก็หายวับไปกับตาอีกเช่นกัน .. ไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้อีกตามเคย ดงแฮจำไมได้อยู่ดี มือทั้งสองข้างยกมือกุมหัว ท่าทางแย่แบบนี้ซีวอนจึงต้องรีบขยับเข้าไปหาเพราะห่วงว่าจะเป็นอะไรไป
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ปวดหัวนิดหน่อย .. ขอบคุณนะ” ว่าแล้วดงแฮก็คว้าเอาช่อดอกไม้มาถือไว้อย่างเสียไมได้พร้อมกับคำขอบคุณ แต่เพียงแค่นี้คนให้ก็ดีใจแล้ว
ถึงเวลาเย็น ซีวอนพาดงแฮไปตรวจร่างกายตามที่คุณหมอคังอินบอก ก่อนที่จะกลับบ้าน ตอนแรกคนหัวดื้อจะไม่ยอมไปเพราะอารมณ์ไม่ดี อยากจะกลับบ้านท่าเดียว ซีวอนเลยต้องอ้อนวอนแกมบังคับ ดงแฮจึงยอมแต่โดยดี
ร่างสูงนั่งรอคนรักอยู่ที่หน้าห้องตรวจร่างกายและเอ็กซเรย์สมอง ไม่นานนักดงแฮก็ออกมา มือหนาเลยรีบคว้าเข้าเบาๆที่ข้อมือเล็กก่อนจะดึงให้อีกฝ่ายเดินตามออกมา วงแขนข้างหนึ่งสอดเข้าที่เอวบาง
“เดินเองได้ ขาไม่ได้หัก” ว่าพลางจะแกะมือซีวอนออก
“ก็รู้ แต่เป็นห่วง”
“ก็แข็งแรงดี ร่างกายอย่างอื่นไม่ได้เป็นไร” อะไรก็ตามที่ไม่พอใจเป็นต้องระบายออกมาทุกที ดงแฮไม่แน่ใจในตัวเองเท่าไหร่หรอก เพราะอย่างนั้นจึงไม่อยากให้คนๆนี้เข้าใกล้นัก
“เกิดเธอเป็นอะไรไป ฉันกับลูกก็แย่สิ จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเธอ” ซีวอนบอกน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมจ้องมองดวงตาคู่สวย พูดขนาดนี้แล้วมีหรือที่คนฟังจะไม่รู้สึกอะไร ก็ใครไม่รู้มาบอกว่าขาดตัวเองไม่ได้เหมือนกับว่าสำคัญกับอีกฝ่ายมากเสียอย่างนั้น จากที่เอาแต่ดึงดัน ในตอนนี้กลับได้แต่ยืนนิ่ง
“เอ่อ ..คือ” ดงแฮไม่ตอบว่าอะไรได้แต่ก้มหน้าหลบตา ที่พูดมามันยิ่งกว่าบอกรักเสียอีกนะ
“ก็บอกแล้ว ว่าฉันรักเธอ” ซีวอนโอบเอาร่างบางนั่นเข้ามาชิดตัวด้วยอ้อมแขนที่อยากจะบอกให้รู้สึกมากกว่าคำพูด
ไม่มีการขัดขืนใดๆทั้งสิ้น .. บางทีการที่ไม่ต้องเอ่ยอะไรกันอีก ทิ้งไว้เพียงความเงียบ อาจจะไม่ต้องเหนื่อยเหมือนอย่างเคยก็เป็นได้
.
.
TBC. Chapter 9
ความคิดเห็น