ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Broken in Silence .. (KyuMin)

    ลำดับตอนที่ #13 : Broken in silence .. // 7 //

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 54


     


















    .. Chapter 7 ..





                 คิบอมออกไปพร้อมกับรยออุคแล้ว ตอนนี้ซองมินจึงอยู่ที่ร้านคนเดียว แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดีแต่เขาก็เปิดร้านเพื่อทำงานไปตามปกติโดยที่มีลูกค้าแวะเวียนเข้าออกอยู่เหมือนเคย ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คุณเจ้าของร้านทำหน้าที่ของตัวเองไปตามปกติโดยที่พยายามจะไม่คิดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ ..

     

                 ของคุณซอนมีนัดรับวันที่สิบหกนะครับ ซองมินทวนรายการให้ลูกค้าสาวรายหนึ่ง แต่หล่อนกลับขมวดคิ้วให้เขาเสียอย่างนั้น

                 เอ่อ .. เรานัดกันวันที่สิบสองไม่ใช่เหรอคะ หล่อนบอก ทำให้ซองมินนึกได้จึงต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

                 เอ่อ นั่นสินะครับ ขอโทษนะครับขอโทษ ผมจำผิดเอง ขอโทษมากๆเลยนะครับ ซองมินโค้งให้หญิงสาวเสียหลายครั้ง

                
                
    ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร

                 เพราะมัวแต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ซองมินจึงรู้สึกเหนื่อยใจกับตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เพระเขาก็เป็นอย่างนี้ไปทั้งวัน โทรศัพท์มือถือถูกจ้องแล้วจ้องอีก สุดท้ายเจ้าของมันก็หยิบขึ้นมาจนได้ในตอนที่ร้านใกล้จะปิด ซองมินติดต่อไปหารยออุคแต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสายเขาเลย เขาตัดสินใจติดต่อไปที่เบอร์ของคยูฮยอนแต่ก็พบว่ามันติดต่อไม่ได้อย่างเคย คิบอมเองก็ไม่เคยติดต่อกันด้วยแล้วอย่างนี้จะต้องรออยู่นี่อย่างเดียวเลยรึไง ซองมินเริ่มจะร้อนใจอย่างปิดตัวเองไม่มิด เขาเดินวนไปวนมาในร้านก่อนจะตัดสินใจโทรไปยังเบอร์ของรยออุคอีกครั้งด้วยความหวังที่ว่าอีกฝ่ายจะรับสายเขาบ้างเพราะไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ ซองมินรู้ใจตัวเองดีว่าตอนนี้ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่ได้ยินว่าใครบางคนปลอดภัยดี

                 ครับคุณซองมินเสียงปลายสายตอบรับกลับมาทำให้เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ

                 นี่นายอยู่ไหนน่ะ แล้ว เอ่อ .. พวกนายจะกลับมาอีกรึเปล่า จากที่ในตอนแรกอยากจะรู้ข่าวเรื่องของใครอีกคน ซองมินอยากจะถามอะไรต่างๆนานา แต่เอาเข้าจริงเขากลับทำได้เพียงพูดออกไปสั้นๆแค่นั้น แต่มีหรือที่คนฟังจะไม่รู้ รยออุครู้อยู่เต็มอกตั้งแต่แรกแล้วว่าซองมินคงจะเป็นห่วงคยูฮยอนแน่ๆ

                 คืองี้นะครับคุณซองมิน เรื่องของ..........

                 เดี๋ยวนะรยออุค ซองมินเบรกอีกฝ่ายไว้ก่อนเมื่อเขาสังเกตได้ว่าประตูกระจกด้านนอกข้างร้านปรากฏเงาของใครสักคนที่เขาคาดว่าน่าจะเป็นลูกค้า ยิ่งเห็นว่าไม่ยอมเดินเข้ามาซองมินก็นึกห่วงว่ามีอะไรหรือไม่ ด้วยสามัญสำนึกในหน้าที่จึงต้องพักเรื่องของตัวเองเอาไว้ก่อน

                 นี่รยออุค เดี๋ยวนายถือสายรอก่อนนะ ซองมินกำโทรศัพท์เครื่องเล็กเอาไว้ในมือก่อนจะรีบตรงไปดึงประตูร้านให้เปิดออก

                 สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า.................... คำพูดติดปากที่เอ่ยประจำกับแขกหยุดชะงักลงทันใด ใบหน้าของคุณเจ้าของร้านต้องเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นความตกใจเข้ามาแทนที่ มือข้างที่เอื้อมไปเปิดประตูยังคงค้างอยู่อย่างเดิม ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความกลัวที่ก่อเกิดขึ้นมาในใจของเขา

     

    โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กหล่นลงไปบนพื้นทั้งที่ปลายสายยังไม่ได้วางไปแต่อย่างใด





     

                 อะไรเนี่ย ทำไมไม่รับสายล่ะ ร่างของบอดี้การ์ดหนุ่มยืนร้อนใจอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเจ้านายที่เขาเพิ่งหลบออกมาคุยโทรศัพท์ได้ไม่นาน หลังจากที่เรียกแล้วเรียกอีกแต่ซองมินก็ไม่ตอบกลับมารยออุคจึงโทรไปใหม่อีกรอบแต่ทางนั้นก็ไม่รับสายเขาอีก ชายหนุ่มยังคงไม่ลดละความพยายามจะติดต่อให้ได้

    ภายในห้องนอนข้างในกำลังมีหมอมาทำแผลที่ถูกกระสุนเฉียดไปแค่นิดเดียวให้กับคยูฮยอน ซึ่งรยออุคยังไม่ได้บอกซองมินเลยว่าคุณชายของเขาปลอดภัยดี นึกโกรธคนที่โทรมาบอกที่ไม่ชัดเจนจนทำให้พวกเขาเข้าใจผิดคิดว่าคุณชายเป็นอะไรมากกว่านี้ ชายหนุ่มยังกดโทรหาอีกคนอย่างไม่ยอมลดละ สักพักคิบอมที่เดินออกมาก็พบกับท่าทางแปลกๆของเพื่อนตัวเอง


                
    เป็นอะไรน่ะ แล้วเมื่อกี้ใครโทรมา คิบอมถามเพราะสงสัยตั้งแต่แรกแล้ว นั่นมันเบอร์ส่วนตัวที่รยออุคไม่ได้ใช้ในงาน เพราะฉะนั้นถ้าให้เขาเดาล่ะก็ ..

                 ก็คุณซองมินน่ะสิโทรมา คงอดห่วงคุณชายไม่ได้ แต่ฉันยังไม่ได้บอกเค้าเลยว่าคุณชายไม่ได้เป็นอะไรมาก เค้าก็บอกให้รอก่อนแล้วก็เงียบไปเลย โทรไปอีกก็ไม่รับ

                 ติดลูกค้าอยู่ล่ะมั้ง

                 ฉันก็คิดอย่างนั้น แต่นี่โทรกลับเป็นสิบรอบแล้วนะ เค้าน่าจะรับบ้าง .. ถ้าเกิดว่าอยู่ที่ร้าน

                 หมายความว่าไง นายจะบอกว่าคุณซองมินเค้าไม่ได้อยู่งั้นเหรอ

                 ก็ ไม่รู้สิ ฉันคงไม่คิดมากถ้าหากว่า….”


       
              ว่าอะไรล่ะ คิบอมเริ่มรู้สึกไม่ทันใจกับคนตรงหน้าเอาเสียเลย รยออุคจึงเงยหน้าตอบอย่างหวั่นใจ

                 แต่ว่าตอนที่เค้าเงียบไป ฉันรู้สึกได้ยินเสียงอะไรหล่นลงบนพื้น ฉันอาจจะคิดไปเองนะ แต่ก็แค่คิดว่าโทรศัพท์คุณซองมินนั่นแหละที่หล่น จบประโยคสั้นๆง่ายๆทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างเข้าใจในความหมายเดียวกัน พวกเขาพูดไม่ออกเพราะกลัวในสิ่งที่กำลังคิด จากที่สบตากันก็ต้องเบนหน้าไปมองยังบานประตูห้องนอนของคนเป็นเจ้านาย ทันใดนั้นเองที่สมองยังไม่ทันจะได้ประมวลผลอะไรประตูบานนั้นก็ถูกผลักออกมาเสียแล้ว ร่างสูงที่แขนข้างหนึ่งเพิ่งผ่านการพันแผลมาหมาดๆเดินตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางที่มันนิ่งมากเสียจนคนทั้งสองเริ่มจะหวั่นวิตกกับท่าทีจริงจังอย่างนั้น

                 มีอะไรจะบอกฉันรึเปล่า ดูเหมือนคยูฮยอนคงจะได้ยินในสิ่งที่พวกเขาพูดกันแล้ว รยออุคมองหน้าคิบอมทีก่อนจะหันมาหาคุณชายที่รอฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอก

                 คือว่า............

     

                        

                                   

     

                 ระหว่างทางที่ตะวันกำลังคล้อยต่ำ รยออุคลอบมองใครบางคนผ่านกระจกหลังขณะที่เขากำลังขับรถไปตามทางด้วยความเร็วสูงเพื่อดูอาการอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไรบ้าง คิบอมที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอาแต่เงียบชวนให้เขารู้สึกว่าคงเป็นที่พึ่งทางอารมณ์ไม่ได้แน่ๆ ดูเหมือนเขาจะหวั่นใจกับบรรยากาศตึงเครียดอยู่คนเดียว ถึงแม้ว่าเจ้านายที่นั่งนิ่งอยู่ด้านหลังจะแต่เขาก็รู้ว่ากำลังร้อนใจแค่ไหน คยูฮยอนไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ใช่ว่าเขาไม่เคยมีความรักอย่างใครๆ แต่ครั้งนี้มันฝังลึกลงไปในใจขนาดที่ว่าหากต้องเสียไปเขาคงต้องขาดใจตายแน่ๆ ถึงตอนนี้แล้วคุณชายที่เคยเข้มแข็งซึ่งอยู่เหนือใครต่อใครมาโดยตลอดจึงขอเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างแลกกับรักครั้งนี้ให้เขาไม่ต้องเสียมันไป


                
    นอกจากความเห็นแก้ตัวแล้ว คยูฮยอนก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองต่างหากที่เป็นฝ่ายทำร้ายซองมินมาโดยตลอด ถ้าเขาไม่เข้ามาในชีวิตของอีกฝ่าย ไม่เป็นคนเริ่มความรักระหว่างกัน เรื่องอย่างนี้มันคงไม่เกิดขึ้นในชีวิตของเจ้าของร้านดอกไม้เล็กๆ

    ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิด เพราะฉะนั้นแล้วถ้าผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นอะไรไปล่ะก็ มันก็ล้วนมาจากเขาคนนี้เพียงคนเดียวทั้งสิ้น

     

                 วันแรกที่พบกัน ฉันก็ติดหนี้ชีวิตนายมาแล้วหนึ่งครั้ง

                 ณ วันนี้ก็อีกครั้ง ที่ฉันติดหนี้ความรักของนาย .. อีซองมิน

     

                 “จอดรถข้างหน้านี่แหละ” สิ้นเสียงสั่งเพียงสั้นๆรถทั้งคันก็จอดลงเทียบข้างทางในทันที ความฉงนสงสัยของสองบอดี้การ์ดหนุ่มแสดงผ่านแววตาที่สบกันแค่เพียงนิด คุณชายที่นั่งอยู่เบาะหลังผลักประตูรถออกมาหาคนขับด้วยท่าทางอย่างเดิม


                
    “เดี๋ยวฉันขับเอง”

                 เท่านั้นแหละที่รยออุคทำตามทันทีอีกเช่นกัน

                 ความร้อนใจที่ไม่แสดงออกผ่านใบหน้าหากแต่มันรวมกันไปยังปลายเท้าที่เหยียบคันเร่งจนมิด คิบอมนั่งตัวติดกับเบาะไม่ต่างกับรยออุคที่นั่งหวั่นใจอยู่ด้านหลัง ก่อนจะห่วงคุณซองมินพวกเขาจึงภาวนาให้รถทั้งคันไปถึงที่หมายอย่างปลอด

    ภัยเสียก่อน





     

                 ราวกับว่ายามนี้ทุกอย่างรอบกายเป็นดั่งความฝัน ความรู้สึกนึกคิดถึงใครบางคนแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ 

                 ยังไม่ทันจะได้รู้เลยว่าเป็นอย่างไรสติมันก็เหมือนจะดับวูบไปเสียก่อน แสงจันทร์สลัวส่องกระทบเปลือกตาที่อ่อนล้าให้ลืมขึ้นช้าๆ อีซองมินรู้สึกปวดหัวและรับรู้ได้เพียงอย่างเดียวคือหิมะขาวๆกำลังร่วงโรยและหล่นลงมารอบกายของเขา แต่น่าแปลกที่มันหยุดอยู่แค่ภายในสายตาไม่ได้สัมผัสลงมาที่ตัวเขาแต่อย่างใด ซองมินขยับตัวเพื่อจะตั้งสติให้ตื่นเต็มตาแต่แล้วก็พบว่ามือของเขามันไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อชัดเจนแล้วว่าตัวเองกำลังถูกมัดไว้กับเบาะด้านข้างคนขับของรถคันหนึ่ง หิมะด้านนอกยังคงตกลงมากระทบกระจกรถและชวนให้อึดอัดนักเมื่อกวาดสายตาไปรอบข้างก็เจอแต่ต้นไม้ที่คาดว่าคงจะเป็นป่าแถวนี้แน่ๆ และพอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขากลัวขึ้นมาจับใจ ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่คิดว่าคือลูกค้าแต่มันกลับไม่ใช่เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้เขาก็คือกระบอกปืนที่จ่อตรงมา ซองมินจำได้ว่าจากนั้นไออะไรบางอย่างก็พุ่งมาที่หน้าของเขาแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก

                 ร่างเล็กไม่ลืมที่จะมองหาใครคนนั้นซึ่งน่าจะยังไม่ไปไหน นึกแล้วก็กลัวจนแทบทนไม่ไหว ซองมินคาดว่าจากที่นี่ไปไม่น่าจะไกลจากบ้านของเขานักและถึงแม้ว่ามันจะค่ำมากแล้ว และจะหนาวแค่ไหนเขาก็จะออกไปจากรถคันนี้ให้ได้ ทันใดนั้นเองสิ่งที่กลัวที่สุดก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประตูด้านคนขับถูกกระชากออกแล้วตามเข้ามาด้วยร่างของชายคนหนึ่ง แรงปิดกระตูกลับคืนเสียงดังจนซองมินต้องสะดุ้ง แววตาดุดันจ้องกลับมาพลางขยับเข้าหาราวกับพร้อมจะฆ่าเขาได้อย่างเลือดเย็น ซองมินกลัวจนแทบขยับไม่ออก ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้น่ากลัวนัก

                 จะหนีไปไหนกระต่ายน้อย .. ไม่ต้องกลัวๆ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก เสียงทุ้มต่ำพูดเนิบๆก่อนจะหัวเราะลั่นกับตัวเองเหมือนคนสติไม่ค่อยจะดี ท่าทางผู้ชายคนนี้ดูดีมีฐานะไม่น้อย แต่ซองมินไม่รู้หรอกว่ามาทำแบบนี้กับเขาทำไม ในใจมันกลัวจนลืมจะถามออกไปแต่อีกฝ่ายกลับตวัดสายตามาหาเขาแล้วพูดต่อ


             
        สงสัยล่ะสิ ว่าฉันเป็นใคร ฮะฮะ น่าสงสารนะที่ต้องมาตายโดยที่ไม่รู้อะไรเลย รอยยิ้มเย็นฉาบไว้เต็มใบหน้าขณะที่ยื่นเข้ามาพูดใกล้ๆ คนตัวเล็กเบนหน้าหนีจนติดประตูรถ ซองมินบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ จู่ๆสิ่งที่ได้ยินก็ทำให้เขาต้องตั้งใจหันกลับไปหาอีกฝ่ายบ้าง

                 คุณพูดอะไร ใครจะตาย คุณจะฆ่าผมรึไงซองมินถามออกไปตรงๆพลางพยายามซ่อนอาการหวาดกลัวเอาไว้

                 หึหึ อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับใครบางคนนะ

                 หมายถึงใคร

                 ใครน่ะเหรอ พูดแค่นี้ไม่รู้รึไง ก็คนที่ทำให้นายต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไง

                 ..............

                 รักมันมากใช่มั้ยล่ะ โถๆ จะมีคนรักทั้งทีหาที่ดีกว่านี้ไม่ได้รึไงนะ

                 ไม่ดียังไง คยูฮยอนไม่ดีตรงไหน

                 โฮ่ !! ปกป้องกันดีซะด้วยสิ หมอนั่นมันคงรักนายมากสินะ


                
    ..............

                 ฉันว่าแล้วเชียว ไอ้คุณชายที่แสนเก่งกาจกลายเป็นคนไม่เอาไหนเพราะนายนี่แหละนะ น่าสมเพชนะ คงกลัวว่าคนที่ตัวเองรักจะรังเกียจล่ะสิ หึ .. ตั้งใจจะหลอกฉันว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาย แรกๆก็หลงเชื่ออยู่หรอก แต่สุดท้ายแผนมันก็แตกจนได้ คิดว่าจะจับฉันได้แต่พลาดท่าให้ฉันหนีมาได้แล้วคิดเหรอว่านายจะปลอดภัยดี ฮ่าฮ่าฮ่า!! คนพวกนี้เริ่มต้นก็ดีมาตลอด แต่ตอนจบพวกมันก็โง่เหลือเกิน นายว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่าพูดไปหัวเราะไปราวกับคนบ้า


    เรื่องที่ได้ยินย้ำลงไปในใจของซองมินให้นึกถึงเรื่องที่รยออุคเล่ามาทั้งหมด ทุกอย่างมันเริ่มจะโยงเข้าหากันและทำให้ซองมินรู้สึกว่าเขาน่าจะเชื่อในสิ่งที่รยออุคกับคิบอมบอกตั้งแต่แรก และหากจะคิดไปถึงใครอีกคนก็พาลจะทำให้น้ำตาไหลออกมาอีก ที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นคยูฮยอนแค่เล่นละครใช่ไหม คำว่าไม่รักที่ซองมินได้ยินที่แท้แล้วมันมาจากความรักงั้นสินะ
     คยูฮยอนกลัวว่าเขาจะไม่ปลอดภัย กลัวว่าใครจะมายุ่ง

                 คุณใช่มั้ยที่ทำให้คุณคยูฮยอนต้องเป็นแบบนี้ คุณทำให้ชีวิตของเค้าต้องเจ็บเพราะการกระทำของคุณ ทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน

                 เพื่ออะไรงั้นเหรอ!! อย่ามาย้อนถามฉันหน่อยเลย

                 ผมไม่ได้ย้อน แต่วิธีที่คุณทำไปมันไม่ใช่วิธีของลูกผู้ชายเค้าทำกันหรอกนะ

                 หุบปากเดี๋ยวนี้นะ .. นายจะรู้อะไรกันฮะ ในเมื่อนายไม่เคยล้มหรือแพ้เพราะคนอย่างไอ้หมอนั่น นายไม่เคยโดนเหยียบให้จมดินเพราะอำนาจของพวกมัน และนายก็คงไม่เคยถูกแย่งของรักไปแน่ๆ

                 ของรัก...

                 ก็ใช่น่ะสิ คนที่มันตั้งใจแต่งงานด้วยเพื่อชื่อเสียงหน้าตา นั่นแหละคือคนที่ฉันรัก แต่เขาก็หนีฉันไปแต่งงานกับมัน สุดท้ายแล้วมันก็แย่งทุกอย่างไปจากฉันจนหมด เพราะงั้นวันนั้นก็อย่าหวังว่างานจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ตราบใดที่ฉันยังอยู่พวกมันก็อย่าหวังว่าจะได้ครองรักกันเลย ชายที่ซองมินคาดว่าอายุคงมากกว่าคยูฮยอนไม่เท่าไหร่กำลังเอ่ยออกมาด้วยความเคียดแค้น เขาจึงนึกขึ้นมาได้ว่ารยออุคคาดการณ์ผิดไปแค่นิดเดียว ที่จริงแล้วงานแต่งงานพังลงไม่ใช่แค่เพราะอยากทำลายคยูฮยอน แต่เพราะว่าเจ้าสาวต่างหากล่ะที่เป็นสาเหตุหลัก

                 ซองมินไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นกับผู้ชายคนนี้เคยมีอดีตด้วยกันหรือไม่อย่างไร แต่เขาก็เชื่อว่าหากเธอคนนั้นจะหมดรักผู้ชายคนนี้ก็คงไม่แปลก คนที่ยอมใช้วิธีสกปรกเพื่อทำลายคนอื่นนั้นมันคงไม่แปลกหรอกหากใครสักคนจะไม่อยากคบด้วย บางทีเรื่องนี้เธอคนนั้นก็คงจะรู้และยอมจะแต่งงานกับคยูฮยอนก่อนจะไปเรียนต่อเมืองนอกตามที่ตั้งใจ และหวังว่ามันอาจเป็นการทำให้เรื่องจบลงที่ว่าเธอกับเขาแต่งงานกัน แต่ดูเหมือนความหวังดีมันดันเป็นการเติมน้ำมันลงในกองไฟเมื่อคนๆนี้กลับไม่ได้คิดจะรามือไปอย่างที่คิด

                 ซองมินเริ่มจะหายใจไม่ออกเมื่อคิดแล้วคิดอีกเขาก็ยังคงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากว่าเป็นอย่างที่ตัวเองเข้าใจ ไม่ผิดหรอก มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ

                 ถ้าคุณรักเค้า แล้วทำไมเค้าต้องจากคุณไปล่ะ

                 เพราะมันไง

                 ไม่ใช่หรอก คุณเองต่างหากล่ะ

                 ฉันบอกให้หยุดพูดไงเล่า ใบหน้าเหี้ยมโหดกันมาตวาดซองมินด้วยความโกรธ แสงจันทร์ที่ส่องมากระทบใบหน้าของผู้ชายคนนี้ดูยังไงซองมินก็ไม่อยากจะมองทุกที แบบนี้สินะทีเค้าเรียกว่าปีศาจในร่างมนุษย์ เพราะแรงโทสะและความอาฆาตหากได้เกาะกินจิตใจของใครแล้วก็พร้อมจะทำลายคนรอบข้างได้ทุกเมื่อ อย่างที่ผู้ชายคนนี้เป็น มือหนาฉวยเข้าที่ใบหน้าของซองมินพลางบีบที่แก้มจนช้ำ

                 หึ .. อย่าทำมาเป็นคนดีทั้งที่ก็แค่ปากดีเลย รอวันทรมานจากนี้ไปได้เลย ในเมื่อมันรักมากก็ต้องรู้ซะมั่งว่าเจ็บมันเป็นยังไง

                 ฮึก .. คุณจะทำอะไรอีก ที่ผ่านมามันก็มากพอแล้ว เลิกทำแบบนี้กับคยูฮยอนเสียที

                 เลิกเอ่ยถึงมันได้แล้วมั้ง จะห่วงอะไรนักหนา ไม่รู้ว่าป่านนี้ยังจะหายใจอยู่รึเปล่า พูดจบก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เขาอยากจะหัวเราะลั่นเมื่อเห็นแววตาคู่ใสกำลังเริ่มจะมีน้ำตา

                 คุณทำอะไรเค้า คยูฮยอนเป็นอะไร ซองมินพูดไปก็พยายามขยับหน้าหนีแต่ไม่มีทางจะต้านแรงบีบจากมือของอีกฝ่ายได้ ร่างเล็กบิดแขนตัวเองให้หลุดจากเชือกเท่าไหร่ก็ไม่มีผลเช่นกัน ตอนนี้ทั้งกายและใจของเขากำลังจนตรอก นึกย้อนไปถึงสิ่งที่รอฟังจากรยออุคแล้วก็ต้องเสียดายและเสียใจที่ไม่ฟังให้จบก่อน

                 ทำไม คิดว่ามันกำลังนั่งสบายรึไง

                 ฮึก .. คุณใจร้าย คุณทำอะไรเค้า

                 ก็แค่นิดๆหน่อยๆ แต่สงสัยจะแรงไป

                 ไม่ ผมไม่เชื่อ คุณโกหก

                 “นั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า แกนี่ก็ยังมีส่วนของความฉลาดอยู่บ้างที่ยังไม่ยอมเชื่อง่ายๆ ดี!! งั้นจะบอกให้ก็ได้นะ คนอย่างฉันไม่ให้มันได้ตายง่ายๆหรอก มันต้องเจ็บและรู้ซึ้งเสียมั่ง” ว่าแล้วก็ผลักประตูรถด้านของซองมินออก แรงผลักดันให้ร่างที่ถูกมัดมือไพล่หลังไว้ตกลงไปบนพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน


    ความหนาว
    แทรกซึมลงสู่ผิวกายในทันทีที่ออกมากจากรถ ร่างเล็กในชุดเสื้อผ้าธรรมดาตะเกียกตะกายไปตามพื้นหิมะอย่างยากลำบากท่ามกลางแสงจันทร์สลัวที่พอจะส่องให้มองเห็นทาง ต่อให้ต้องตายอยู่ด้านนอกเขาก็ไม่ขอกลับเข้าไปในรถคันนั้นอีกแล้ว แต่ซองมินก็คิดผิดไปแค่นิดเดียว เพราะผู้ชายคนนี้ไม่ได้ต้องการจะปล่อยให้เขาหนาวตายอยู่ที่นี่ ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวหนาเดินลงมาจากรถแล้วออกแรงลากเขากลับไปยังเบาะหน้าอย่างเดิมก่อนที่เลือดในตัวของเหยื่อในเกมนี้อย่างเขาจะหยุดไหลเวียนไปเสียก่อน

     





                 เวลายามเย็นล่วงเข้าสู่พลบค่ำก่อนที่จะเปลี่ยนไปให้เห็นพระจันทร์ลอยเด่นขึ้นบนท้องฟ้า ปุยหิมะสีขาวเริ่มพากันทิ้งตัวผ่านอากาศเย็นเยียบลงมายังพื้นถนน ไม่นานนักผลจากการพุ่งตรงมาอย่างเดียวของรถทั้งคันก็ทำให้พวกเขามาถึงร้านดอกไม้แห่งเดิมเร็วกว่าปกติ ร่างสูงพุ่งลงมาจากรถอย่างรวดเร็วและเมื่อเห็นแค่ประตูร้านเปิดเอาไว้และข้างในมืดสนิทหัวใจของเขามันก็เริ่มจะวูบไหวแล้ว อีกสองคนที่วิ่งตามมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเอื้อมไปกดเปิดสวิตซ์ให้ทั้งร้านสว่างขึ้นมา


                
    คยูฮยอนกวาดสายตาไปทั้งร้านและก็ยิ่งใจไม่ดีไปใหญ่ มันไม่มีอะไรในร้านที่ผิดแปลกไปหรอก มันปกติมากเสียจนน่าแปลกต่างหากว่าทำไมป่านนี้แล้วเจ้าของร้านคนขยันยังไม่เก็บร้านและปิดประตูอย่างเคย คยูฮยอนรู้สึกว่าเท้าของเขาจะสะดุดกับอะไรบางอย่างและพอก้มหน้าลงไปที่พื้นเท่านั้นก็พบกับโทรศัพท์มือถือที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใคร เขานิ่งไปก่อนจะรีบก้มลงเก็บมันขึ้นมา

                 “ของคุณซองมินนี่ครับ” รยออุคเอ่ยด้วยเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังเครียดไม่แพ้กัน ทั้งสามเงียบกันไปอีกทีและมั่นใจว่าสิ่งที่คิดนั้นไม่ต่างกันนัก คยูฮยอนเก็บโทรศัพท์มือถือของซองมินเอาไว้กับตัวแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านในบ้านด้วยความหวังที่คิดว่าจะพบอีกคนแม้ว่ามันจะไม่น่าเป็นไปได้ก็ตามที

                 ชายหนุ่มหยุดยืนในห้องนอนที่ว่างเปล่าอย่างคนหมดหนทาง สายตาที่กวาดไปทั้งห้องพบเข้ากับแหวนและกระดาษโน๊ตของตัวเองที่เพิ่งจะทิ้งเอาไว้ แหวนที่เจ้าของมันยังไม่ได้สวมใส่ถูกเขาหยิบขึ้นมากำเอาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของมันหายไปไหน คยูฮยอนเดินหาซองมินจนทั่วก็ไม่พบแล้วอย่างนี้จะให้เขาคิดไปในแง่ดีได้อย่างไร

                 คนทั้งสามยืนอยู่กลางร้านพลางมองหน้ากันบ้าง ขบคิดไปต่างๆนานาบ้าง มันอาจจะไม่น่าห่วงนักหรอกหากว่าใครบางคนมันไม่ดันกำลังหลบหนีอยู่ในตอนนี้  นี่ก็ดึกมากแล้วและสภาพที่เห็นก็มากพอที่จะเข้าใจว่าคิดไม่ผิดแน่ แล้วจู่ๆคุณชายที่อารมณ์โกรธใกล้จะปะทุออกมาต้องชะงักไป คยูฮยอนดึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเพราะมีข้อความเข้า คลิปวีดีโอจากใครสักคนถูกส่งมาให้เขาต้องขมวดคิ้วแล้วจึงรีบเปิดดูด้วยมือที่สั่นอย่างห้ามไม่อยู่

                 โจวคยูฮยอนยืนจ้องสิ่งที่ฉายอยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้ด้วยแววตาที่แสนทรมาน เขาอยากจะเขวี้ยงมันออกไปด้วยซ้ำหากไม่ติดว่าในใจมันหวงแหนคนในคลิปมากแค่ไหน ภาพของร่างเล็กที่ถูกเชือกมัดแขนไว้ที่ด้านหลังกำลังนอนขดกายอยู่กับกองหิมะอันแสนหนาวเหน็บ อีซองมินพยายามจะตะเกียกตะกายหนีมือของคนโหดร้ายที่ยื่นออกมา ขาทั้งคู่ของใครสักคนเขี่ยร่างที่แทบจะแข็งเพราะความหนาวให้ไม่ต้องเผลอตายไปเสียก่อน ร่างนั้นถูกประชากไปตามพื้นแล้วดึงขึ้นไปในรถพลางหอบหายใจรวยรินแล้วถูกโยนลงมาใหม่ ใบหน้าซีดเผือดราวกับคนจะหมดลมของซองมินทำให้คยูฮยอนที่ยืนจ้องอยู่นั้นแทบจะกำโทรศัพท์ให้แหลกคามือได้เลยในตอนนี้ คุณชายที่เก็บความรู้สึกไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเฉยมาตลอด บัดนี้ทุกอย่างมันกลับพังทลายออกมาจนหมด แววตาคู่เรียวหรี่ลงอย่างเจ็บปวด ความโกรธแค้นและห่วงหาคนในโทรศัพท์ถูกแสดงออกมาอย่างไม่มีปิดบัง เส้นเลือดที่นูนขึ้นตามมืออีกข้างที่กำแน่นทำเอาคนที่มองอยู่รู้สึกเป็นห่วง

                 รยออุคเห็นท่าไม่ดีจึงรีบคว้าโทรศัพท์เครื่องนั้นออกมาจากมือของเจ้านายอย่างแผ่วเบา เขาทั้งสองยืนก้มหน้าดูในโทรศัพท์ปล่อยให้คุณชายยืนปวดใจและโกรธจนแทบยืนไม่ไหว

                 “นี่มัน...” รยออุคและคิบอมเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อนักว่าอีกฝ่ายที่เจ้านายให้ทำหน้าที่ดูแลมาตลอดจะถูกเล่นงานได้รวดเร็วอย่างนี้ ไอ้คนชั่วมันลอบกัดกันในตอนที่พวกเขาเผลอ

    แค่ช่วงจังหวะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แค่บังเอิญกับที่พวกเขาปล่อยคุณซองมินให้อยู่ที่ร้านคนเดียวแล้วมันกลับหนีการเผชิญหน้าทางกฎหมายออกมาได้ ใครเลยจะคิดว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ คิบอมหัวเสียกับความชะล่าใจในหน้าที่และยิ่งรู้สึกผิดมากไปอีกที่คุณชายไม่คิดจะเอ่ยต่อว่ามาสักคำ

    ขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดโทรศัพท์ที่รยออุคถืออยู่ก็ดังขึ้นเพราะมีสายเข้า เขายื่นมันคืนให้คุณชายพร้อมกับมองดูเหตุการณ์อย่างตั้งใจ คยูฮยอนรีบกดรับอย่างไม่รอช้า และก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ

                 “แกต้องการอะไร” เขากรอกเสียงลงไปชัดๆและพยายามกลั้นความขุ่นมัวในจิตใจเอาไว้

                 “ไม่ได้ต้องการอะไรหรอก แค่อยากรู้ว่าคลิปที่ส่งไปถูกใจรึเปล่า”

                 “แก....”

                 “อ้าวๆๆๆ คุณโจวคยูฮยอนครับ ปกติแล้วคุณไม่เคยใช้สรรพนามหยาบคายแบบนี้กับผมเลยนะ” ปลายสายว่าพลางกลั้วหัวเราะในลำคอซึ่งทำให้คนฟังโมโหยิ่งกว่าเก่า ชายหนุ่มนึกถึงทุกครั้งที่ต้องเจอหน้ากันไม่ว่าจะเรื่องงานหรือในงานเลี้ยงใหญ่โตของคนในวงการธุรกิจ เขากับคนๆนี้ก็ได้แต่ยิ้มและพูดคุยกันในฐานะคู่แข่งทางธุรกิจซึ่งในใจต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่านั่นคือการเสแสร้งแกล้งทำ เพราะภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มให้กันเพื่อหน้าตาในสังคม ความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ทำอยู่นั้นพวกเขาต่างก็ห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร หากแต่จะเลยเถิดล้ำเส้นกันเกินไปหน่อยก็เห็นจะเป็นฝ่ายเดียวเท่านั้นที่จงใจใช้วิธีสกปรกทำร้ายกัน

                 “ฮ่าฮ่าฮ่า .. เป็นอะไรไปครับคุณชาย ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ” เสียงนั้นตั้งใจยั่วอารมณ์ให้คนฟังโมโหมากไปกว่าเก่า คยูฮยอนรู้ดีว่าถ้าเขาจะเต้นเร่าๆตามที่มันต้องการก็เห็นจะเข้าทางและเปล่าประโยชน์อะไร ถึงรู้อย่างนั้นก็เถอะ แต่พอนึกถึงหน้าใครบางคนที่ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างเขาก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน

                 “ฉันจะถามแกอีกครั้งนะปาร์คซึงโฮ แกเอาเค้าไปไว้ที่ไหน”

                 “ก็ดูเอาเองสิ แค่นี้ไม่รู้เหรอว่าอยู่ที่ไหน .. อา ก็แค่นอนเล่นอยู่ในกองหิมะเท่านั้นเอง ฮ่าฮ่าฮ่า”

                 “แก...”

                 “ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อีกแค่นิดเดียว ถ้าแกยังอยากจะชนะก็หาเอาเองละกันนะคุณชายคนเก่ง” ว่าแล้วเสียงหัวเราะอย่างคนไร้สติก็ดังขึ้นก่อนจะกดตัดสายไปทิ้งให้คุณชายที่ใครก็ว่าเก่งนักเก่งหนาร้อนใจจนแทบบ้า

                 ให้ตายสิ สองบอดี้การ์ดหนุ่มอดนึกไม่ได้กับการที่พวกเขาอุตส่าห์รวบรวมหลักฐานและจัดการเรื่องนี้ให้สาวไปถึงตัวมันได้ อีกแค่นิดเดียวใครเลยจะรู้ว่ามันจะหนีหัวซุกหัวซุนออกมาเหมือนหมาบ้าและลอบกลับมากัดกันอย่างนี้

                 “โทรบอกให้พวกที่เหลือมาที่นี่และหาให้ทั่ว นอกนั้นพวกนายก็จัดการกันเอง ถ้าไม่เจอก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า” คยูฮยอนสั่งเสียงเข้มให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องรับคำอย่างเข้าใจ ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นแต่คนเป็นเจ้านายกลับเป็นฝ่ายที่รีบบึ่งออกไปจากร้านเสียเอง

     

                 คยูฮยอนเกลียดตัวเองนักที่เก่งไปเสียทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของผู้ชายธรรมดาอย่างอีซองมิน เขาจะทำอย่างไร หัวใจมันเต้นรัวเสียจนแทบก้าวขาไม่ออก กลัวงั้นหรือ กลัวว่าจะทำใจไม่ได้หากต้องเสียอีกฝ่ายไป กลัวว่าตัวเองจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคนๆนี้

     


                 

                                                       

     

                 ยามมืดที่แสงจันทร์สาดส่องพร้อมกับเกล็ดหิมะที่ยังคงร่วงโรยลงมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ยามที่รถทั้งคันเบรกลงตามถนนแถบชานเมืองที่เจ้าของมันคาดว่าจะเป็นสถานที่ที่อาจจะพบใครคนนั้น หลายครั้งที่คยูฮยอนจอดรถลงเพื่อตามหาซอง

    มินในบริเวณที่น่าจะเป็นป่าเพราะเท่าที่เขาเห็นมันปกคลุมไปด้วยหิมะและเป็นลานกว้างห้อมล้อมด้วยต้นไม้สูง แต่ทุกที่ก็ไม่เจอคนที่เขาห่วงหาเลยแม้แต่เงา ในเวลาเร่งรีบอย่างนี้ล่ะนะที่โชคมักไม่เข้าข้าง

                 “บ้าเอ๊ย ..” 

                 คุณชายที่เริ่มหัวเสียแทบจะทนไม่ไหวจึงต้องสถบกับตัวเองขณะ
    ที่เที่ยววนหาใครสักคนแต่ก็ไม่พบ คยูฮยอนฟาดฝ่ามือลงไปกับพวงมาลัยรถเสียหลายหน สภาพตัวเองตอนนี้เหมือนกับคนใกล้ขาดอากาศหายใจเข้าไปทุกที

     

                 “คุณน่ะ .. ไม่รักผมแล้วใช่มั้ย หรือที่ผ่านมาคุณแค่ล้อเล่น”

     

                 ประโยคที่เคยได้ยินในตอนนั้นหวนเข้ามาทำให้โสตประสาทของเขาเริ่มจะบีบตัวมากขึ้นจนกลั่นออกมาผ่านหยดน้ำตาที่ไม่คิดว่าตัวเองจะมีมันออกมาง่ายๆ นึกถึงใบหน้าที่ร้องไห้อยู่เงียบๆมันยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกผิดจนแทบไม่อยากให้อภัยตัวเอง ที่ทำได้มากที่สุดก็คงไม่พ้นที่จะเข้าไปกอดเอาไว้แล้วบอกว่าเขารักมากแค่ไหน อยากบอกให้รู้ว่าโจวคยูฮยอนคนนี้รักอีซองมินได้แค่คนเดียว

     

                 “.. ใครบอกว่าฉันไม่รัก เพราะฉันรักนาย ได้ยินรึเปล่าซองมิน”

     

     




     

                 ความเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็งที่ซึมซาบเข้าสู่ร่างกายกำลังจะทำให้เขาหยุดหายใจได้แล้วในตอนนี้ หากครั้นเปลือกตาจะปิดลงก็ทรมานอย่างสุดแสนเมื่อมีมือคู่เดิมมากระชากร่างกายที่รวดร้าวจากความชาให้กลับเข้าสู่ความอุ่นกว่าเดิมแค่เพียงนิดจากรถยนต์ที่จอดอยู่ แต่นั่นมันก็สามารถหล่อเลี้ยงให้เลือดของเขาไหลเวียนใหม่ได้อีกครั้ง และสักพักก็ถูกผลักให้ลงมากองอยู่ที่เดิมอย่างเก่า

                 เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆท่ามกลางสายตาของคนโหดร้ายที่ยิ้มเยาะอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง ปาร์คซึงโฮที่ตอนนี้ไม่เหลือคราบของคนมีหน้ามีตาในสังคมกำลังรอคอยฝ่ายตรงข้ามที่เขาแสนเกลียดว่าจะมาถึงที่นี่ได้หรือเปล่า แม้ว่าอาจจะดูโง่ไปหน่อยที่ไม่ระวังตัวแต่เขามีอะไรให้ต้องเสียล่ะ หากจะต้องถูกจองจำหรือรับโทษข้อหาอะไรก็ขอให้ไอ้คุณชายที่แย่งทุกอย่างไปจากเขาได้ลิ้มรสของการสูญเสียบ้างจะเป็นไรไป

                 “ฮ้า .. นี่ก็ใกล้จะตีสองแล้ว ดูเหมือนว่าไอ้คุณชายที่นายรักนักรักหนาจะหานายไม่เจอแล้วล่ะมั้ง แต่เอ๊ะ หรือว่าไม่คิดจะหากันแน่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะของปีศาจในร่างมนุษย์เรียกให้ซองมินที่นอนหายใจรวยรินต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ หากจะตายตรงนี้เขาก็ขอสาบานเลยว่าชาติหน้าอย่าได้ต้องเกิดมาเป็นคนไม่มีหัวใจและไร้รักอย่างผู้ชายคนนี้เลย

                 ร่างสูงใหญ่ในโค้ทยาวตัวหนายืนบดบังแสงจันทร์ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง แววตาน่ากลัวไล่มองเหยื่อที่ใกล้จะหนาวตายพร้อมแสยะยิ้มร้ายให้ ซองมินไม่อยากจะมองมันนักจึงหลับตาลง ไม่นานนักหูของเขาก็ได้ยินเสียงรถทั้งคันแล่นจากไปพร้อมกับคนใจโหดโดยที่ไม่สามารถหันไปมองได้ว่ามันแล่นไปทางไหน และหากสองขาของเขาไม่ชาจนหมดแรงก็คงพอจะลุกวิ่งหนีไปแล้วเหมือนกัน ผู้ชายคนนั้นทิ้งเขาเอาไว้ให้นอนรอความหวังหรือรอความตายกันแน่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ ที่แน่ๆในตอนนี้รู้แค่ว่าได้ยินแค่เสียงลมเย็นๆกับลมหายใจแผ่วเบาของตัวเองที่นอนนิ่งรอเวลาให้ใครมาเจอเข้าเท่านั้น

                 “ฮึก....” ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ซองมินจะยังเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมว่าสำคัญขนาดที่คยูฮยอนต้องตามหาเขาจนเจอ สิ่งที่ได้ยินจากผู้ชายคนนั้นมันอาจทำให้ใจไขว้เขวไปบ้างแต่ในเมื่อซองมินได้เชื่อแล้วก็จะขอเชื่ออีกสักครั้ง ที่ผ่านมาเขาดันทุรังไปก็มาก หากจะดื้อด้านกับรักครั้งนี้อีกสักครั้งก็คงจะไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกแล้ว

                 ซองมินหลับตาอย่างหมดหวังกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เขาน้อยใจทั้งที่ไม่อยากจะเป็นอย่างนี้เลยแม้แต่นิด

                 .. คุณจะมาใช่ไหม คุณตามหาผมอยู่ใช่หรือเปล่า





     

                 สองขาของคนหมดทางวิ่งผ่านต้นไม้สูงที่โอบรอบเขาไว้และหากไกลออกไปอีกก็ยิ่งลึกเข้าไปในป่า ร่างสูงที่ละทิ้งรถไว้ที่ด้านนอกกำลังวิ่งเหยียบย่างพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะราวกับแข่งกับอะไรสักอย่าง เสื้อนอกตัวหนาอันแสนเรียบหรูปลิวสะบัดไปตามแรงวิ่งที่ไม่แม้แต่จะสนใจอะไรอีกแล้ว

    คยูฮยอนที่ใกล้จะหมดหวังเมื่อลองนึกถึงคนที่รักแล้วความท้อที่มีอยู่เต็มอกก็พลันหายไป แรงกายแรงใจของเขาทั้ง
    หมดมันคงรวมกันอยู่ที่สมองและร่างกายในตอนนี้แล้ว เขาไม่รู้หรอกว่าซองมินอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่มีทางเลือกอีก ในเมื่อหาจนทั่วก็ไม่พบและสิ่งที่มั่นใจคือคนเลวคนนั้นคงไม่พาซองมินออกไปไกลจากที่นี่หรอก เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องวิ่งต่อไป ต่อให้ต้องออกแรงฝ่าหิมะไปจนเช้าเขาก็จะทำ

     




                 นานเท่าไหร่แล้วนะที่ซองมินรู้สึกว่าตัวเองนอนหนาวอยู่ตรงนี้แต่ก็ยังไม่หมดลมหายใจ หิมะสีขาวเริ่มจะกลายเป็นปุยสีก่อนจะละลายหายไปเพราะแสงแดดอ่อนที่ส่องลงมาให้รับรู้ว่าล่วงเข้าสู่เช้ามืดแล้ว ซองมินหมดแรงแม้กระทั่งจะกระพริบตา มือสองข้างที่ถูกพันธนาการไว้ที่ด้านหลังด้วยเชือกเส้นหนาทำยังไงก็ไม่มีทางให้มันหลุดออกไปได้ ผิวขาวที่โผล่พ้นเสื้อผ้าเนื้อบางเป็นรอยแดงจากการถูกหิมะกัด แต่ถึงยังไงมันคงไม่ทรมานเท่าที่หัวใจ

                 นอกจากครอบครัวแสนรักที่จากไป เกิดมาชีวิตนี้ก็เพิ่งจะเคยมีความรักสักครั้งอย่างคนอื่นเค้า อีซองมินไม่ได้อยากจะขออะไรมากเลยจริงๆ แต่ ณ เวลานี้ถ้าเขาจะต้องตายไป หากขอพรได้ก็แค่อยากเห็นหน้าคนๆนั้นแค่สักครั้ง สักครั้งเท่านั้น ต่อให้มันอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็ตามที อย่างน้อยเขาก็พอจะหลอกตัวเองให้ยิ้มได้ก่อนจะหมดลมหายใจ

     


     

                 “ซองมิน!!!

     

                 ราวกับสวรรค์เห็นใจและได้ยินในสิ่งที่คนตัวเล็กๆคนนี้ขอ เสียงดังที่แว่วมาแต่ไกลดึงสติให้ลมหายใจแผ่วเบายังคงเข้าออกอย่างเดิม และตามสัญชาตญาณแล้วซองมินจึงขยับกายที่แน่นิ่งเพียงนิดเท่าที่แรงในตอนนี้จะมี เขาอาจจะฝันเหมือนจริงก็เป็นได้กับสัมผัสอบอุ่นที่แตะต้องลงมาบนเนื้อตัว

                 “ซองมิน ซองมิน ...” เสียงของคยูฮยอนตะโกนเรียกทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ใกล้แค่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มวิ่งแบบแทบไม่คิดชีวิตเพื่อตรงเข้ามาโอบร่างนี้ไว้ เขาดีใจแค่ไหนที่หาอีกฝ่ายจนเจอแต่สภาพที่เห็นทำเอาคยูฮยอนแทบหัวใจสลายลงในทันที ร่างสูงตั้งสติพลางรีบแก้เชือกหนาที่ข้อมือเล็กออกอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเขย่าคนในอ้อมกอดให้รับรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้

                 “คุณมาหาผมจริงๆใช่มั้ย หรือว่าผมฝันไป”

                 “ไม่ นายไม่ได้ฝันหรอก ฉันอยู่นี่แล้วไงซองมิน” เสียงทุ้มก้มลงกระซิบที่ข้างหูพลางแนบใบหน้าลงกับคนที่เขาห่วงหาอย่างสุดแสน คยูฮยอนถอดเสื้อนอกของตัวเองออกแล้วคลุมให้ร่างเล็กนี้อบอุ่นขึ้นมาบ้าง เขากอดทับอีกฝ่ายไว้อีกทีด้วยความอบอุ่นที่อย่างน้อยก็พอจะบรรเทาความหนาวได้ในเวลานี้

                 “ฮึก .. คุณมาจริงๆด้วย”

                 “ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”

                 “ผมไม่ได้กลัวแล้ว แค่รู้ว่าคุณมาตามหาก็พอใจแล้วล่ะ” ซองมินพูดได้แค่นั้นก็พลันต้องน้ำตาไหล สองมือเล็กที่แทบไม่มีแรงยกโอบคยูฮยอนเอาไว้แน่น ร่างสูงที่ได้ยินก็ไม่รู้จะพูดคำไหนออกมากอีก เขาขอเวลาทำใจก่อนได้ไหมกับจิตใจที่โล่งอก ทั้งสองคนกอดกันแน่นท่ามกลางแสงแดดอ่อนที่เริ่มส่องลงมาอีกในเช้ามืดที่ยังไม่สว่างดีเท่าไหร่

                 สักพักคยูฮยอนก็เป็นฝ่ายดันร่างเล็กออกจากอกพลางจ้องตาเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สิ่งไหนเลยจะเท่าความห่วงใยของเขาที่มีในตอนนี้

                 “มันทำอะไรนายรึเปล่า”

                 “ปะ เปล่าหรอก เค้าทิ้งผมไว้ที่นี่” นั่นไงล่ะ อีซองมินที่มองโลกในแง่ดีตอบปฏิเสธแทบจะในทันทีว่าไม่ได้ถูกทำอะไร งั้นสิ่งที่เจอและสภาพที่คยูฮยอนเห็นมันก็แค่การทิ้งไว้เฉยๆงั้นสินะ

                 “เฮ้อ .. รู้มั้ยว่าฉันตามหาแทบแย่ ทีหลังอย่า.....” ถึงตรงนี้เขาก็เงียบไปขณะที่สบตากับคนในอ้อมกอดที่เงยมองอย่างรอฟังในสิ่งที่เขาจะพูด คยูฮยอนแค่กำลังจะบอกว่าอย่าหายไปอย่างนี้อีก แต่เขาจะพูดได้อย่างไรในเมื่อเรื่องโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายมันมาจากเขาทั้งนั้น ใช่ว่าอีซองมินอยากจะออกมานอนหนาวอยู่ตรงนี้เสียเมื่อไหร่ ใบหน้าหวานพร้อมคราบน้ำตาซีดเซียวอย่างอ่อนระโหยโรยแรง คยูฮยอนกลั้นใจมองใบหน้าของซองมินที่ทำให้เขาเจ็บกว่านัก

                 “ทีหลังฉันจะดูแลนายดีๆ จะไม่ให้ห่างสายตา จะไม่ให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องได้อีก” ทุกถ้อยคำและทุกพยางค์ที่เน้นย้ำออกมาชัดๆแสดงผ่านคำพูดและสายตาจริงจังของคยูฮยอนราวกับคำมั่นสัญญาที่ไม่มีวันจะลืมเลือน ซองมินที่เพิ่งจะผ่านฝันร้ายมาจึงได้แต่อึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ดวงตากลมวูบไหวกับคนตรงหน้าที่สบตากันอยู่

                 “งั้นเรื่องที่ผ่านมา เรื่องที่สองคนนั้นเล่าให้ผมฟัง”

                 “ใช่แล้วล่ะ อย่างที่พวกนั้นเล่าให้นายฟัง .. ฉันขอโทษ”

                 “แล้วทำไมคุณไม่บอก คุณโกหกทำไม.........”

                 ขณะที่พูดคุยกันได้แค่ไม่กี่ประโยค คนตัวเล็กที่ยังแคลงใจก็ต้องหยุดขมวดคิ้วพร้อมกับสีหน้าตกใจกับสิ่งที่กำลังเห็น ร่างของคนใจร้ายที่ซองมินไม่นึกว่าจะมาปรากฏกายขึ้นนั้นโผล่มายืนข้างหลังของคยูฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ท่อนไม้ยาวใหญ่ในมือของอีกฝ่ายง้างขึ้นกลางอากาศพร้อมๆกับที่ซองมินอ้าปากขึ้นจะร้องบอกคยูฮยอนที่หันหลังให้คนๆนั้น

                 “คุณคยูฮยอน!!

     

                 ผลั่ก!!

                 ไม่ทันเสียแล้ว ท่อนไม้ขนาดใหญ่ถูกฟาดลงที่ศีรษะด้านข้างของคยูฮยอนอย่างแรง ร่างสูงของคุณชายเอนล้มไปตามแรงที่ถูกของแข็งฟาดลงมา เลือดสีแดงไหลลงมาตามขมับพร้อมกับมือที่ยกขึ้นกุมด้วยความเจ็บ ซองมินดึงแขนคยูฮยอนเอาไว้ด้วยอาการที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

                 “คยูฮยอน คุณ คุณเลือดออก”

                 “อึก .. ซองมินหลบไป” ชายหนุ่มพยายามดันตัวเองขึ้นจากพื้นเอื้อมปัดป้องให้อีกคนถอยออกไปจากเขา ห่วงเหลือเกินว่าคนที่โผล่เข้ามาจะทำร้ายอีกฝ่ายได้

                 “แหมๆ ห่วงกันดีจังนะ”

                 “แก ถอยไปนะ” คยูฮยอนส่งเสียงดังไล่คนที่ก้มหน้ามองพวกเขาอย่างไม่คิดจะปราณีอะไรอีก สองแขนกางออกกั้นร่างเล็กให้พ้นออกมาจากไอ้คนตรงหน้า ซองมินเลยทำได้เพียงหลบอยู่ข้างหลังของคยูฮยอนโดยไม่นึกว่าตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายห่วงมากขนาดที่สมองอันปราดเปรื่องของคุณชายคนนี้จะลดทอนประสิทธิภาพลงไป อาการมึนและชาที่หัวมันไม่ได้ทำให้คยูฮยอนหวั่นใจเท่าไหร่นักหากเทียบกับคนด้านหลังที่เขาห่วงยิ่งกว่าชีวิต

                 “จะตายแล้วยังทำเก่งอีกนะพวกแก!” ปาร์คซึงโฮเปลี่ยนจากยิ้มร้ายมาเป็นสายตาอาฆาตแทบจะในทันที มือข้างหนึ่งที่ถือปืนยกขึ้นจ่อสองร่างที่อยู่แทบเท้าของเขา คยูฮยอนไม่ใช่คนที่จะจนมุมเอาง่ายๆในสถานการณ์อย่างนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะถูกทำร้ายจากด้านหลังก็ตามที มือที่ปกป้องคนรักเอาไว้ไม่รอช้าที่จะชักเอาปืนในเสื้อออกมาป้องกันตัวจากคนตรงหน้า หากแต่มันคงจะช้าไปนิดเมื่อจุดอ่อนของเขามันอยู่ที่อีกคนมากกว่า


    ร่างสูงใหญ่เตะเข้าไปที่มือของคยูฮยอนทำให้ปืนที่เพิ่งดึงออกมาได้กระเด็นตกลงที่พื้น และจังหวะเดียวกันกับที่เขาเอื้อมจะไปคว้ามันขึ้นมาคืนก็ถูกสองขาคู่เดิมซัดเข้าที่ท้ายทอยจนล้มพับลงไปอีก แค่วินาทีเดียวเท่านั้นที่คยูฮยอนไม่สามารถปกป้องซองมินไว้ได้ ร่างของศัตรูจึงตรงเข้าดึงเอาคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนแล้วกระชากให้เดินตามไป

                 “ซองมิน!” คยูฮยอนเซลงไปพร้อมกับเลือดบนหัวที่เปรอะแดงไปทั้งเสื้อเชิ้ตสีขาว ชายหนุ่มแทบขาดใจเมื่อเห็นคนรักถูกใครอีกคนลากออกไปจากตัวเขา ซองมินที่ยังคงชาไปทั้งร่างถูกมือใหญ่นั่นลากถูไปกับกองหิมะที่บาดเย็นลงไปตามขาของเขา ร่างเล็กปัดป้องตัวเองด้วยแรงอันน้อยนิดโดยไม่ลืมหันไปมองยังอีกคนที่กำลังเจ็บ

                 “ฮึก .. คยูฮยอน”

     

                 “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!

                 คยูฮยอนลืมไปแล้วซึ่งความเจ็บหรืออะไรทุกอย่าง เขารู้แค่ไม่มีทางปล่อยให้ไอ้คนชั่วมันทำอะไรคนที่เขารักได้อีกแล้ว ร่างสูงตะกายเท้าฝ่ากองหิมะวิ่งตามพร้อมกับปืนในมือที่เตรียมเหนี่ยวไกได้ทุกเมื่อ ปาร์คซึงโฮเห็นท่าไม่ดีจึงตรงเข้าล็อคคอของซองมินเอาไว้พร้อมกับกดปลายกระบอกปืนลงไปที่ศีรษะ

                 “ฮะฮะฮะ ก็ยิงมาเลยสิวะ ฆ่าฉันอย่างที่แกอยากฆ่าเลยสิ ฉันจะได้ฆ่าหมอนี่แลกกันไง” หลังจากตะโกนแล้วก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา คยูฮยอนจำต้องหยุดยืนห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าวพร้อมกับใจแทบขาดเมื่อเห็นว่าสีหน้าคนรักที่เหนื่อยอ่อนกำลังหวาดกลัวจนตั่วสั่น ร่างสูงของคุณชายยืดแขนออกไปข้างหน้าพร้อมกับปืนที่จ่อเล็งไปยังเป้าหมาย แต่เขาจะทำอะไรต่อไปได้อีกในเมื่อตัวประกันนั้นอยู่ในสภาพที่บังคับให้เขากระดิกไม่ได้เหมือนกัน

    ซองมินรู้สึกว่าตัวเองกำลังน้ำตาไหลออกมาทีละหยดอีกครั้ง มือบางกำรั้งท่อนแขนที่ล็อคคอของเขาเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออก ปลายกระบอกปืนเย็นเยียบสัมผัสเข้าที่ขมับให้รู้ว่าหากขยับหรือคิดหนีเข้าหน่อยมันก็พร้อมจะปลิดชีพเขาได้ทุกเมื่อ

     

                 พอแล้วล่ะ อีซองมินเหนื่อยเหลือเกิน เขาจะทนได้อีกเท่าไหร่ถ้าต้องเห็นคนตรงหน้าเจ็บตัวไปกว่านี้

                 “ฮึก .. คยูฮยอน คุณหนีไปเถอะ ไม่ต้องห่วงผมอีกแล้ว”

                 “พูดอะไรน่ะซองมิน”

                 “ก็มันไม่จริงรึไง คุณยังมีอนาคต มีคนที่รักคุณและรอคุณอยู่ อย่าเอาชีวิตมีค่าของคุณมาแลกกับผมเลยนะ”

                 “.............” คยูฮยอนที่จ่อปืนตรงไปข้างหน้ายังคงอยู่ในท่าเดิมขณะที่ฟังเสียงซองมินพร่ำบอกออกมา ใบหน้าของคนใจร้ายแสยะยิ้มอีกทีกับความทรมานของคนที่เขาอยากให้เจ็บเจียนตาย

                 “คุณน่ะ ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วคยูฮยอน แค่คุณมาหาผม แค่คุณยังรักกันอยู่บ้าง แค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ฮึก .. เชื่อผมนะ กลับไปเถอะ” สิ้นพยางค์สุดท้ายท่อนแขนใหญ่ก็ล็อคลำคอขาวให้แน่นขึ้นพร้อมทั้งกดย้ำปลายกระบอกปืนลงไปมากกว่าเก่า และการกดดันนี้ก็เป็นไปตามที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ คุณชายคยูฮยอนที่ทนดูไม่ได้จึงจำต้องตะโกนถามออกไปอย่างไม่มีทางเลือก

                 “แกต้องการอะไร บอกฉันมาแล้วปล่อยเค้าไป”

                 “ต้องการอะไรงั้นเหรอ ไม่รู้รึไงวะไอ้ผู้ดีที่เก่งแต่โง่ ฮ่าฮ่า”

                 “.. ถ้าอยากให้ฉันเลิกยุ่งกับแกงั้นก็ปล่อยเค้ามาหาฉันซะ แล้วแกจะไปไหน ก็ไป ฉันสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับแกอีก เรื่องที่ผ่านมาฉันก็จะลืมมันแล้วเราก็ถือว่าจบกัน” คยูฮยอนกัดฟันพูดเรียบๆกับข้อเสนอที่คิดว่ามากพอให้กับอีกฝ่าย แม้มันจะหมายถึงต้องแลกกับทั้งหมดที่เพียรพยายามมา แต่งานนี้ต้องจะแลกกับอะไรอีกเขาก็ยอม

                 ปาร์คซึงโฮหัวเราะลั่นอีกครั้งกับข้อเสนอที่ไม่นึกว่าจะได้ยินจากปากของคุณชายคนที่เขาคิดว่าจะแน่สักแค่ไหน แม้มันจะน่าสนแต่จะเอาอะไรเป็นหลักประกันล่ะ ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วจะให้เชื่อว่าจะปล่อยกันไปอย่างนั้นหรือ เชื่อก็โง่แล้ว


                 “โธ่เอ๋ย คุณชายโจวคยูฮยอน คิดว่าเงื่อนไขหลอกเด็กแบบนั้นมันใช้กับคนอย่างฉันได้งั้นเหรอ”

                 “แล้วแกต้องการอะไร”

                 “ก็ต้องการให้แกได้รับรู้ถึงความเจ็บของการพ่ายแพ้ยังไงล่ะ”

                 “พ่ายแพ้ นายแพ้เพราะตัวนายเองไม่ใช่เพราะคนอื่น ทุกอย่างหัดยอมรับตามกติกาซะมั่งสิ .. ”

                 “งั้นกติกาอะไรไม่ทราบที่ทำให้แกมีสิทธิ์แย่งคนที่ฉันรักไปนะฮะ!!” เมื่อถึงตรงนี้เสียงทุ้มของคนที่ล็อคร่างซองมินเอาไว้ก็ตะคอกออกมาด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นอย่างน่ากลัว นอกจากการแข่งขันกันเรื่องธุรกิจแล้วก็ใช่ว่าคยูฮยอนไม่รู้อะไรเลยหรอกนะ แต่เขาจะพูดยังไงได้อีกในเมื่อเหตุผลคนเรามันต่างกันขนาดนี้

                 “มินอาเค้ารักแกมั้ยล่ะ เค้าเคยบอกว่ารักแกมั้ยหรือคิดไปเองคนเดียว หรือถ้าเค้ารักแกจริงเค้าคงไม่ทิ้งให้แกอยู่กับความอาฆาตและทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้หรอก เพราะงั้นอย่าได้เที่ยวโทษคนอื่นอีกเลย เพราะแกเองนั่นแหละ แกทำตัวของแกเอง...”

                 “หุบปาก!! อย่าได้รู้ดีไปหน่อยเลย คนที่ไม่เคยถีบตัวเองมาจากที่ต่ำๆอย่างแกคงไม่รู้หรอกว่ามันลำบากแค่ไหน” คยูฮยอนได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะให้ตัวเองเสียเหลือเกิน .. ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ คนอื่นมองว่าเขาได้อะไรมาง่ายๆงั้นเหรอ จริงอยู่ว่าเขาเกิดมามีพร้อมขณะที่คนอื่นๆอิจฉากันนักหนา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าความสำเร็จและเพรียบพร้อมของเขานั้นแลกมาด้วยอะไรบ้าง

                 “แกต่างหากล่ะที่ไม่รู้ แกคิดว่าตัวเองลำบากอยู่คนเดียวงั้นสิ คิดว่าฉันไม่พยายามหรือยังไงกัน หึ .. และถ้าแกคิดว่าตัวเองถีบตัวมาจากที่ต่ำๆได้แล้วทำไมถึงปล่อยให้จิตใจตัวเองกลับไปต่ำแบบนั้นได้อีกล่ะ”

                 “หนอยไอ้นี่ ถ้าแกไม่อยากให้มันตายก็หุบปากพล่อยๆของแกไปซะ” ว่าแล้วร่างนั้นก็กระชับคนตัวเล็กพลางลากให้ถอยหลังออกมาอีกก้าว ปืนที่จ่ออยู่เหมือนจะถูกเจ้าของมันเตรียมลั่นไกเพราะอารมณ์ขุ่นมัวในตอนนี้ คยูฮยอนเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้าที่เขาไม่รู้จะยื้อมันไว้ด้วยวิธีไหนนอกจากตะโกนขอร้องออกไป

                 “อย่านะ อย่าทำอะไรเค้า ฉันขอร้อง” ร่างสูงที่กำปืนยื่นตรงไปบัดนี้จึงต้องลดมันลงข้างกาย ภาพตรงหน้าทำเขาใจสั่นแค่ไหนที่นึกว่าเสียงปืนจะดังเมื่อไหร่ แต่ยังดีที่โชคเข้าข้างอยู่บ้างซองมินจึงยังคงปลอดภัยจากน้ำมือของคนชั่ว

                 “ขอร้องงั้นเหรอ ..อา คำนี้ไม่นึกเลยนะว่าจะได้ยินจากปากของนาย ว่าแต่ว่ากระต่ายน้อยตัวนี้มันมีดีอะไรนักหนานะ คุณชายที่ไม่เคยยอมใครถึงได้จะเป็นจะตายด้วยนัก” ว่าแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียมก็แสร้งปรากฎขึ้นก่อนจะก้มลงซุกไซร้ไปเบาๆตามพวงแก้มที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตา ซองมินหลับตาลงแน่นกับสัมผัสที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ เขาทรมานเหลือเกินกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเช่นไร

                 คยูฮยอนยืนมองภาพตรงหน้าที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากร้องขอและอ้อนวอน

                 “อย่าทำอะไรเค้า ขอร้อง ฉันขอร้องจริงๆ อยากฆ่าก็มาทำที่ฉันนี่ อย่าทำอะไรซองมินเลย ได้โปรด”


               
      “ฮึก .. ไม่นะคยูฮยอน คุณอย่าขอร้องเค้าอย่างนี้ อย่ายอมแพ้เพียงเพราะผมคนเดียว” สองคนที่ห่วงหากันด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ยิ่งเห็นก็ยิ่งสะใจผู้ชายคนนี้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว แต่ทำไมนะเสี้ยวหนึ่งภายในใจมันถึงได้รู้สึกหงุดหงิดกับความรักของสองคนนี้ขึ้นมา และโดยไม่รู้ตัวว่าสาเหตุมันมาจากความอิจฉา เมื่อเห็นอย่าง
    นั้นแล้วจึงอยากจะทำลายมันซะ

                 “วางปืนลง”

                 “...........”

                 “ฉันบอกให้แกโยนปืนทิ้งไปเดี๋ยวนี้ไงเล่า ได้ยินมั้ยฮะ!!” ปาร์คซึงโฮคำรามลั่นไปทั้งป่า และต่อให้ซองมินร้องห้ามแค่ไหนคยูฮยอนก็คงทำตามไม่ได้อยู่ดี ชายหนุ่มนิ่งไปสักพักก่อนจะตัดสินใจโยนปืนของตัวเองลงไปที่พ้นห่างจากตัว แขนสองข้างยกขึ้นช้าๆให้รู้ว่าเขาไม่มีอาวุธอีกแล้ว

                 “พอใจรึยัง ฉันสู้อะไรแกไม่ได้แล้ว เพราะงั้นปล่อยเค้าไปแล้วแกจะทำอะไรกับฉันก็ได้”คยูฮยอนยอมแล้วจริงๆ ถ้าแลกกับการที่ลูกปืนนัดนั้นไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของซองมินแค่นี้เขายอมได้ คนสามคนที่ยืนห่างออกไปเป็นสองฝั่งกำลังจ้องกันและกันอย่างไม่ลดละ ซองมินรู้สึกว่าทั้งหมดมันแน่นอยู่ในอกปานจะขาดใจ แรงสะอื้นของเขาแผ่วเบาเสียเหลือเกิน ยามเมื่อจองตากับคนที่รักสุดหัวใจ ต่อให้พยายามจะไขว่คว้าไว้แค่ไหนทำไมมันเอื้อมไม่ถึงเสียที

     

                 “รักกันนักใช่มั้ย ดี!! ในเมื่อแกไม่อยากให้ฉันทำอะไรคนๆนี้ ฉันก็จะไม่ทำ งั้นเริ่มที่แกเลยแล้วกัน” ว่าแล้วปืนที่จ่ออยู่ขมับของซองมินก็เปลี่ยนทิศในทันที

     

                 ปัง!!!!!

     

                 สิ้นเสียงดังลั่นเหล่านกไม่กี่ชีวิตในป่าบริเวณนี้ก็บินกระเจิงหนีไป เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากขาข้างหนึ่งของคยูฮยอนก่อนจะไหลซึมย้อมให้พื้นสีขาวโพลนแดงฉานไปทั้งบริเวณที่ยืนอยู่ ร่างสูงทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นเพราะไม่สามารถต้านความเจ็บปวดที่ต้นขาไป คยูฮยอนกัดฟันฝืนสติให้ทนความเจ็บเข้าไว้โดยไม่ลืมจะเงยขึ้นสบตากับคนที่มองมาอย่างห่วงใยเพื่อบอกว่าเขาไม่เป็นอะไร

                 “ฮึก ..ปล่อยนะ อย่าทำเค้า” ซองมินมองเลือดของคนตรงหน้าที่ไหลออกมาผ่านม่านน้ำตาของตัวเอง เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุมอย่างไม่คิดชีวิต แต่แรงแค่นั้นมันคงไม่สามารถหลุดออกไปได้ สายตาของคุณชายที่เคยอวดดีกับเขา ในตอนนี้มีเพียงแววตาห่วงหาอาวรณ์ส่งมาให้ คยูฮยอนแค่คิดว่าเขาเจ็บแทนได้ทั้งหมดอยู่แล้ว


                
    “ปล่อยเค้าไปได้รึยัง”

                 “ฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้เองเหรอวะ ฉันยังสนุกไม่พอหรอก” ว่าแล้วกระสุนอีกนัดก็ตรงเข้าทะลวงที่หัวไหล่ด้านเดียวกับขาก่อนหน้านี้ ครั้งนี้แทบทำให้ชายหนุ่มทรุดลงไปทั้งร่างเช่นเดียวกับตัวประกันที่ร้องลั่นปานจะขาดใจ แต่นั่นมันก็แค่เรื่องสนุก

    สนานสำหรับคนที่ทำมันลงไปเท่านั้นเอง

                 “ไอ้คนเลว นายมันเลวที่สุด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะฉันจะไปหาเค้า ฮึก .. ปล่อยนะ!!” ร่างเล็กดิ้นไปมาขณะที่คนหัวเราะไม่คิดจะสนใจอะไร แต่แล้วท่อนแขนใหญ่ที่เคยล็อคร่างนี้ไว้ก็เผลอคลายออกเพราความชะล่าใจ เป็นจังหวะกับที่ฟันซี่เล็กจะกัดเข้าให้เต็มแรง

                 “โอ๊ย!” ปาร์คซึงโฮร้องออกมาเพราะความเจ็บก่อนที่คนในอ้อมแขนจะได้โอกาสหนีไปจากเขาได้ แค่ไม่กี่ก้าวที่ซองมินวิ่งตรงมาหาคยูฮยอนปลายกระบอกปืนที่ด้านหลังก็เล็งมาที่เขาแล้ว ร่างเล็กโผเข้าหาคนตรงหน้าที่นั่งอยู่กับกองเลือดอย่างเป็นห่วง หากแต่คยูฮยอนกลับเป็นฝ่ายที่ห่วงซองมินมากกว่า ใบหน้าคมมองตามปืนที่เล็งมาทางพวกเขาก่อนที่ทางเลือกมันจะเหลือน้อยเต็มที หรืออันที่จริงแล้วมันคงไม่มีเลยมากกว่านอกจากร่างกายของเขาเองที่เจ็บแทนและสามารถตายแทนได้ทุกเมื่อ

                 “ซองมิน..” คยูฮยอนโอบคนตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะตวัดกายเข้าบังทั้งร่างของซองมินจากกระสุนนัดปลิดชีพ ครั้งที่สามที่เลือดของเขาต้องหลั่ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ที่แขนหรือที่ขาเพราะมันตรงเข้าทะลุที่อกซ้ายจากทางด้านหลัง คยูฮยอนแน่นิ่งขณะที่โอบกอดซองมินไว้แน่น แรงกอดของอ้อมแขนที่คลายออกทำเอาหัวใจดวงน้อยคล้ายจะหยุดเต้น ซองมินรับน้ำหนักของคยูฮยอนเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงจะทิ้งตัวลงมาบนตักของเขา

                 “ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันเชื่อเลยว่าแกรักกันจริงๆ นี่ถึงขนาดยอมตายแทนได้เลยใช่มั้ยคุณชาย” เสียงหัวเราะอันโหดร้ายยังคงดังก้องสะท้อนไอหนาวที่แสงแดดส่องมาถึงได้เพียงน้อยนิด ผู้ชายคนนี้ยืนมองเหยื่อที่ไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือของเขาด้วยแววตาสั่นระริกอย่างภาคภูมิใจ

                 เลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายในคราวนี้ยิ่งกว่าน้ำที่ไหลเสียอีก สีแดงฉานย้อมกลืนเกล็ดหิมะรอบกายรวมถึงเสื้อผ้าของคนทั้งสองที่ตระคองกอดกันอยู่อย่างนั้น

                 “ฮึก คยูฮยอน คยูฮยอน คุณเลือดออกมากขนาดนี้ต้องแข็งใจไว้นะ เดี๋ยวรยออุคกับคิบอมคงจะต้องหาเราเจอ ถ้าคุณเป็นอะไรไปสองคนนั้นคงต้องโกรธผมแน่ๆ” ใบหน้าหวานที่น้ำตาอาบแก้มละล่ำละลักพูดไปทั้งที่หัวใจบอบช้ำเกินทน คนที่นอนอยู่บนตักหน้าซีดไร้สีเลือดเสียจนน่าเป็นห่วงก็อดคิดไม่ได้ว่าแม้เวลานี้เขาก็ยังจะเอ็นดูคำพูดน่ารักของคนๆนี้ได้อย่างเคย คยูฮยอนยกยิ้มอ่อนโยนให้ซองมินก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นสัมผัสใบหน้านั้นอย่างทนุถนอม น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงมาบนหน้าของเขา

                 “อย่าร้องเลย ต่อให้ฉันต้องตายสองคนนั้นมันก็ไม่โทษนายหรอก”

                 “อย่าพูดนะว่าคุณจะตาย คุณต้องไม่เป็นไรนะ อย่าทิ้งผมไปนะ”

                 “ที่ผ่านมาฉันขอโทษ อึก ..ปล่อยให้สองคนนั้นมันดูแลนายทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย วันนี้ก็ถือว่าฉันได้ทำหน้าที่ของฉันบ้างแล้วนะ”

                 “ใครบอกล่ะว่าคุณไม่ได้ทำอะไร คำสั่งของคุณไม่ใช่รึไงที่บอกให้พวกเค้าดูแลผมให้ดีๆ ฮึก ถึงคุณไม่ได้ทำเองแต่ทั้งหมดมันก็คือคุณ เข้าใจมั้ยคยูฮยอน ..ฮือ” ซองมินโอบร่างที่จมกองเลือดเอาไว้ด้วยใจที่ร้าวราน แต่ละวินาทีมันพร้อมจะพรากผู้ชายคนนี้ไปจากเขาได้ตลอดเวลา

                 “บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง ขอร้องล่ะนะ ฉันไม่อยากเห็นนายร้องไห้เลย”

                 “แล้วคุณทำทำไมล่ะ คุณมันใจร้ายมากที่ไม่บอกอะไรผมแต่แรกแล้วยังจะมาทิ้งกันไปแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน”

                 “ขอโทษ ฉันมันเห็นแก่ตัว ฉันแค่กลัวว่าถ้านายรู้แล้วจะจากฉันไป ถ้านายรู้เรื่องของฉันนายอาจจะรังเกียจและกลัวจนไม่อยากยุ่งเกี่ยว อึก .. ฉันกลัวว่าจะเสียนายไป เข้าใจมั้ย ฉันผิดเอง ขอโทษ ...”

                 “ไม่ต้องขอโทษแล้ว ฮึก ผมมันดูโลเลขนาดนั้นเลยรึไงกัน” เสียงเล็กทั้งต่อว่าตัดพ้อพลางสะอึกสะอื้นไปด้วย

                 “ไม่ใช่หรอก ฉันมันไม่ดีเอง..”

                 “พอแล้ว ช่างมันเถอะนะ เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ ตอนนี้ต่างหากล่ะที่ผมกลัวว่าจะต้องเสียคุณไป” ว่าแล้วซองมินก็แนบใบหน้าลงข้างแก้มของคยูฮยอน เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าใครอีกคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปสามารถยิงกระสุนออกมาอีกเพื่อคร่าชีวิตเขาไปด้วยได้ ซองมินกอดร่างของคยูฮยอนด้วยอ้อมแขนที่สั่นเทา คนที่เลือดไหลออกจากหน้าอกจนแทบกระอักจำต้องหลั่งน้ำตาออกมาบ้าง ชายหนุ่มหมดแรงแม้จะพร่ำพรรณนาอะไรออกไปได้อีก เขาจึงเลือกจะพูดตามที่หัวใจสั่งในเวลานี้


                
    “รู้อะไรมั้ย นายทำให้ฉันเข้าใจว่ารักแรกพบมันมีจริง ตั้งแต่วันนั้น ต่อให้ฉันเจ็บจนแทบทนไม่ไหวหรือฟ้าฝนจะมืดมัวแค่ไหน แต่ใครคนนั้นที่วิ่งออกมานั่งลงข้างๆ แค่เห็นหน้าเค้า อึก.. ฉันก็ตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัวเลยล่ะ” คยูฮยอนเอื้อนเอ่ยบางสิ่งที่ไม่เคยปริปากบอกซองมินออกมาให้รู้ และมันก็ยิ่งรั้งหัวใจคนฟังให้สั่นไหวยิ่งกว่าเก่า


    รักแรกพบงั้นเหรอ ผู้ชายคนนี้รักเขาได้เร็วขนาดนั้นได้ยังไง ยิ่งฟังก็ยิ่งซึ้งลงไปในใจ ซองมินเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นเพื่อกลั้นอาการสะอื้นไห้ออกมากับทุกสิ่งทุกอย่าง เขาที่โง่มานานจึงต้องยอมรับได้แล้วว่าควรจะเชื่อผู้ชายคนนี้เสียที


                 สองร่างที่พร่ำรำพรรณท่ามกลางหยดน้ำตาและเลือดสีแดงฉานกลับยิ่งทำให้คนที่ยืนมองอยู่รู้สึกโมโหขึ้นมาทั้งที่น่าจะยินดีมากกว่า ความริษยาในรักแท้ที่ตัวเองไม่เคยได้รับกำลังทำให้ใจของเขาพาลเกลียดไปทุกสิ่ง ทำไมยิ่งมีอุปสรรคความรักของคนอื่นกลับยิ่งทวีค่ามากกว่าเก่า ต่างจากตัวเองที่ยิ่งวิ่งหาก็ยิ่งเหมือนผลักไสให้ความรักหนีไป


                 “หึ .. ฮ่าฮ่าฮ่า รักกันมากนักใช่มั้ย งั้นตายไปด้วยกันเลยดีกว่านะ” ทันทีที่มือข้างที่ถือปืนยกขึ้นเตรียมเหนี่ยวไกมาที่พวกเขา คยูฮยอนก็รู้ได้ว่าเป้าหมายของมันคงไม่พ้นคนตัวเล็กที่เอาแต่ร้องไห้กอดเขาอยู่เป็นแน่ ดวงตาคมแม้จะไร้แรงไปเสียทุกส่วนแต่สายตาที่กวาดไปรอบกายก็พบสิ่งที่ทำให้ในใจพอจะมีความหวังขึ้นมา

     

                 .. แม้ว่าพระเจ้าอาจจะไม่เข้าข้างเขา แต่สำหรับอีซองมินแล้ว ถึงพระเจ้าจะใจร้ายแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องคนๆนี้ได้


     

                  ปัง !!

     

                 ไม่มีคำว่าโชคหรือชะตาลิขิตอีกแล้วสำหรับโจวคยูฮยอน กระสุนหนึ่งนัดตรงเข้าทะลวงร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ให้ล้มลงไปในทันทีเพราะฝีมือของเขาเองโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งชะตาบ้าบออะไรอีก ปาร์คซึงโฮแน่นิ่งไปพร้อมกับปืนที่ไม่ทันจะได้เหนี่ยวไกได้หลุดออกจากมือไป ใบหน้าของคนที่มีแต่ความริษยากำลังนอนหายใจรวยรินพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากลำตัว

                 ไอเขม่าลอยคลุ้งจากปลายประบอกปืนที่ทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นดั่งดวงใจเอาไว้ก่อนจะหล่นจากมือลงสู่พื้นดินอันเย็นเยียบอย่างเคย เช่นเดียวกับมือข้างนั้นที่อาบด้วยเลือดจากบาดแผลที่พร้อมจะพาหัวใจให้หยุดเต้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของคนเจ็บหยุดสะดุ้งกับเหตุการณ์ที่รวดเร็วชวนให้ตกใจ ซองมินไม่กล้าจะหันไปมองคนด้านหลังที่นอนอยู่กับพื้นห่างออกไป ผู้ชายคนนั้นแม้จะไม่ตายแต่ดูท่าว่ากระสุนของคยูฮยอนจะทะลวงเข้าสู่จุดสำคัญและทำให้ไม่

    สามารถลุกขึ้นมาได้ในเวลานี้แน่ๆ ที่สำคัญ .. เขาคงไม่มีเวลาไปสนใจใครอีกนอกจากคนที่โอบเขาเอาไว้แม้ว่าร่างกายจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเพียงใดก็ตาม

     

                 เรื่องนี้ที่คนไม่ดีพ่ายแพ้ไปมันอาจจะจบลงด้วยดีอย่างที่ควร แต่สำหรับซองมินมันไม่ใช่เลยสักนิดในเมื่อผู้ชายที่เขาเฝ้าคิดถึงกำลังนอนจมกองเลือดเพราะเอาตัวเองปกป้องเขาไว้ ซองมินจะทำอย่างไรดีกับคยูฮยอนที่เสียเลือดมากมายขนาดนี้

                 คยูฮยอนอยากจะกอดซองมินเอาไว้อีกนานเท่านาน แต่มันสายไปแล้วเมื่อเขาจำต้องคลายอ้อมแขนที่ทำหน้าที่สุดท้ายเสร็จสิ้น ร่างของคุณชายที่ไม่เคยแพ้ใครกลับต้องนอนอาบเลือดของตัวเองบนตักคนรัก เสื้อเชิ้ตสีขาวย้อมกลืนเป็นสีแดงด้วยเลือดที่ไหลซึมออกมา ซองมินไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้นอกจากกอดคยูฮยอนเอาไว้แนบอก ผู้ชายคนนี้ปกป้องเขาเอาไว้จนนาทีสุดท้ายอีกแล้วสินะ

                 “บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง”

                 “ฮึก .. ไม่นะ คุณอย่าพูดแบบนี้”

                 “อะไรกัน คนน่ารักของฉันเมื่อไหร่จะเลิกขี้แย” เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนมาให้ ซองมินส่ายหน้าเพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรแบบนี้ในเวลานี้เลยแม้แต่นิด หลายครั้งที่พยายามเงยหน้ามองซ้ายมองขวาเพื่อหาทางจะออกไปจากที่นี่ แต่รอบกายกับคนที่แทบจะหยุดหายใจในอ้อมกอดของเขาก็ทำให้ท้อใจตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มลุกยืน

                 “คยูฮยอน ผมจะพาคุณไปหาหมอนะ ฮึก .. คุณต้องอดทนนะ” ว่าแล้วก็พยายามออกแรงดันคนอีกฝ่ายขึ้นแต่มือนั้นกลับคว้าเขาเอาไว้เสียก่อน

                 “ไม่ต้องหรอกซองมิน ไม่ต้องลำบาก”

                 “ลำบากตรงไหน ผมไม่....”

                 “ไม่ต้องหรอก เชื่อฉันสิ” คยูฮยอนบอกเบาๆเพราะรู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ร่างสูงพยายามดันตัวเองออกไปเพื่อเอื้อมไปคว้าเอาเสื้อนอกของที่ตกอยู่ข้างๆหลังจากที่มันหลุดจากตัวของซองมินไปแล้ว เขากางมันออกคลุมให้ร่างเล็กอย่างห่วงใย แต่หารู้ไม่ว่าถึงคซองมินจะรู้สึกอุ่นขึ้นมาแต่ในจิตใจกลับยิ่งเหน็บหนาวมากกว่าเก่า

                 “ใส่ไว้นะ อึก .. แดดมันยังไม่ออกเท่าไหร่ สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีซะด้วย ไม่นานสองคนนั้นคงจะตามหานายเจอ”


                
    “............”

                 “สวมนี่ไว้ก่อน อาจไม่อุ่นนักแต่ระหว่างที่รอเวลานายจะได้ไม่หนาว” คยูฮยอนขยับบังคับแรงที่พอจะหลงเหลือให้ดันกายขึ้นมาห่วงใยอีกคนพร้อมกับเลือดที่ไหลหนักกว่าเก่า ซองมินหมดคำพูดใดๆนอกจากมองการกระทำนั้นด้วยน้ำตาที่ร่วงไหลลงมาตามแก้มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เขาไม่เข้าใจนักหรอกว่าคนตรงหน้าเกิดมาเพื่อเจ็บกับทุกแผลเลยหรืออย่างไร หนักขนาดนี้แล้วยังฝืนขยับกายมาห่วงเขาได้อีก มันมากเกินไปหรือเปล่า

                 “อย่าพูดแบบนี้ได้มั้ย อย่าบอกว่าคุณจะปล่อยให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียว”

                 “ใครบอกว่าคนเดียวล่ะ ฉันจะอยู่กับนายตรงนี้ จนกว่าสองคนนั้นจะมา”

                 “หมายความว่าไง อยู่จนกว่าผมจะไปงั้นเหรอ”

                 “ใช่แล้ว อยู่ตรงนี้จนกว่าคนอื่นจะมา เค้ามาเมื่อไหร่ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงนาย”

                 “ไม่ ไม่ ขอร้องนะคยูฮยอน ฮึก...”

                 “อึก!!!” จู่ๆมือหนาก็ล่วงลงมาจากเสื้อนอกหลังจากที่วางมันลงบนตัวของคนที่เขารักมากที่สุด เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากภายในผ่านริมฝีปากของเขาขณะที่ร่างกายจะหมดแรงทรุดลงไปกับพื้น ซองมินรีบคว้าเอาร่างของคยูฮยอนไว้แนบอกอีกครั้ง เขาก้มมองสบตากับคนใกล้ขาดใจด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถจะร้อยเรียงมันออกมาเป็นคำพูดได้

                 “ผมรักคุณนะ ผมรักคุณที่สุด ได้ยินมั้ย ฮือ”

                 “ฉันรู้....” คยูฮยอนอยากจะพูดต่อแค่ไหนก็ทำไม่ได้แล้วเมื่อนึกได้ว่าไม่ควรจะเสียเวลาให้มาก มือข้างหนึ่งคลำเข้าบริเวณกระเป๋าเสื้อที่โชกไปด้วยเลือดก่อนจะหยิบบางอย่างออกมาช้าๆ แหวนเพชรเม็ดเดิมปรากฎแก่สายตาของซองมินที่ไม่เข้าใจกับการกระทำอย่างนี้นัก

                 “จะเป็นไรมั้ยถ้าจะขอให้สวมมันไว้อีกครั้ง .. ก่อนฉันจะตาย ยังไม่ได้ขอนายแต่งงานเลย” ใบหน้าซีดไร้สีเลือดเอ่ยออกมาในสิ่งที่เขาต้องการ คนฟังนิ่งอยู่อย่างเดิมและรอฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด


                 “แต่งงานกับฉันนะซองมิน”

     

                 หากรักคือการให้ โจวคยูฮยอนก็อยากจะขอมันจากอีซองมินอีกสักครั้ง เขาอยากจะขอความรักทั้งหมดที่แสดงออกผ่านแค่การตอบตกลงกับคำขอของเขา

     

                 ซองมินพยักหน้ารับช้าๆกับสิ่งที่คยูฮยอนขอ มือบางที่สั่นเทาถูกมือของอีกคนดึงขึ้นมาอย่างแผ่วเบา สองมือที่จับกันไว้ไม่ได้แนบแน่นน้อยลงไปเลยแม้ว่ามันจะชโลมไปด้วยเลือดก็ตาม คยูฮยอนใช้แรงเฮือกสุดท้ายสวมแหวนลงไปที่นิ้วข้างเดิมของซองมิน น้ำตาคนที่เขารักจึงจำต้องร่วงรินอาบแก้มลงมาอีก มันไหลออกมาจากดวงตาช้ำๆแล้วหยดลงกระทบบนใบหน้าของเขาหลอมรวมกับเลือดที่เปรอะไปทั่วทั้งร่าง มือคู่เดิมยกขึ้นแนบใบหน้านั้นอย่างห่วงหาอาวรณ์


                 “บอกแล้วไงว่าอย่าร้อง” ความอบอุ่นแผ่ผ่านความรู้สึกทางมือที่สัมผัสลงที่แก้มนิ่ม ซองมินยกมือตัวเองขึ้นมากุมที่มือของคยูฮยอนเอาไว้อีกที

     

                 “ฉันรักนายนะซองมิน”


                 “ผมก็รักคุณ .. คยูฮยอน”


     

                 ความตายที่พร้อมจะพรากชีวิตให้พวกเขาแยกจากนั้นกำลังเดินทางมาหา



                หยดน้ำตาของสองหัวใจร่วงรินหลอมรวมกับเลือดซึมซาบลงไปยังเนื้อหิมะเย็นเยียบ ฝ่ามือที่ไร้ซึ่งความอุ่นกลับเต็มไปด้วยไออุ่นที่โอบล้อมหัวใจทั้งสองเอาไว้ แม้มันจะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แม้มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย และแม้ว่ามันอาจจะไม่มีอีกแล้วก็ตาม

     

                 ผมขอสาบาน .. ถึงความตายจะพรากผมไปจากเค้าได้ แต่ไม่มีทางพรากความรักไปจากใจของเรา .. ไม่มีทาง

     

                 สายลมเย็นพัดผ่านพาให้หัวใจดวงน้อยแทบจะต้องหยุดเต้น เพราะอีกหนึ่งหัวใจใกล้จะดับสูญ มือของผู้ชายที่เคยถูกตราหน้าจากคนที่รักว่าใจร้าย ค่อยๆคลายออกและร่วงลงสู่พื้นดินข้างกาย








    .
    .

    Tbc. Ending Part











                        พาร์ทก่อนจบค่ะ หวังว่าพาร์ทนี้คงเต็มอิ่มกันนะคะ 
                        จะจบจริงๆแล้วนะกับฟิคชวน(......)เรื่องนี้ บอกตัวเองว่าจะไม่แต่งคู่นี้อีก ในวงเล็บ "ถ้าไม่จำเป็น" ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

                         ขอบคุณทุกคำชม และการติดตามนะคะ ((_ _))

                          พาร์ทนี้น่าจะยาวที่สุดในเรื่องแล้ว (รึเปล่า?) ดีไม่ดีขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย .. ไม่อยากจะบอกเลยว่าจำได้ตอนที่เขียนตอนนี้ น้ำตาซึมเลยทีเดียว 


                       เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ TT



    หมายเหตุ : หลังรอบสั่งรวมเล่มรอบ ปณ. กอนเผื่อมานิดหน่อยเหลือสี่ห้าเล่ม ใครจะเอาเมล์มาถามได้นะคะ ตามเมล์สั่งจองนั่นแหละ
    Gorn_fiction@hotmail.com







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×