คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : One heart One love :: 25
One Heart One Love
-Twenty-Five-
ผมเสียใจ...
ชานยอลนอนนิ่งไม่ไหวติง เปลือกตาขยับเปิดอย่างเชื่องช้า เขาหันมองรอบกายก็พบเพียงเหม่ยฉีซึ่งนอนหลับอยู่บนโซฟาเท่านั้น
แล้วแบคฮยอน?
แบคฮยอนไปไหน?
แล้วเขาหลับอย่างนี้ไปกี่วันแล้ว?
ร่างสูงยันตัวเองขึ้น ก้าวลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า ยืนโงนเงนทรงตัวไม่อยู่ด้วยเพราะสมองหนักอึ้งและด้วยเพราะเพิ่งตื่นจากการนอนหลับมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ชานยอลยึดขอบเตียงนอนไว้ กระพริบตาถี่ๆไล่ความพร่ามัวที่เริ่มบดบังแววตา มือหนาดึงสายน้ำเกลือตรงหลังมือออก ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บแล่นริ้วขึ้นสมอง แต่ก็แค่เวลาชั่วครู่สำหรับความเจ็บ.. เพราะเวลาของเขามีให้แค่แบคฮยอนคนเดียวเท่านั้น... เรื่องอื่นไม่สำคัญมากพอให้ใส่ใจ
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่โหมดปกติชานยอลก็ค่อยๆก้าวขายาวๆออกจากห้อง เพื่อไม่ให้เวลาอันแสนมีค่าหดสั้นลงไปอีก
ทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวเกิดเสียงดังทุกครั้งยามชานยอลกดน้ำหนักลงไป เขาเกาะผนังไปเรื่อยๆพลางกวาดสายตาหาแบคฮยอนที่อาจจะอยู่แถวๆนี้
ดวงตาดำขลับยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างดี ชานยอลผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆเพราะสภาพร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์แต่ก็ยังฝืนตามหาแบคฮยอนอย่างไร้จุดหมาย
พระเจ้า...
นำทางผมไปหาแบคฮยอนทีเถอะครับ... ได้โปรด
เดินไปเรื่อยๆก็มาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งตรงสุดทางเดิน แสงไฟสว่างออกมาด้านนอกพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความทรมานของผู้ป่วยในห้อง ชานยอลถอนใจเตรียมจะเดินกลับแต่เพราะเสียงทุ้มปนหอบหายใจจากคุณหมอที่วิ่งตรงมาด้านหลังทำให้ชานยอลชะงักขาไว้อย่างนั้น
"คุณแบคฮยอนอาการกำเริบอีกแล้วหรอ!?"
คุณหมอเงยหน้ามองชานยอลเล็กน้อยก่อนเบี่ยงตัวจะเข้าไปในห้องแต่กลับโดนชานยอลรั้งแขนไว้เสียก่อน
"คนในห้อง...เอ่อ...พยอนแบคฮยอน..."
"คุณเป็นญาติคนไข้งั้นหรอครับ" คุณหมอขยับแว่นตาขึ้นลง มองสำรวจร่างสูงตรงหน้าที่ยังอยู่ในชุดของโรงพยาบาลอย่างแปลกใจ
"เอ่อ...ประมาณนั้นครับ จริงๆผม..."
"งั้นไปด้วยกันเลยครับ!"
ไม่รอให้ชานยอลพูดจบประโยคคุณหมอหนุ่มก็รีบดึงตัวชานยอลเข้าไปในห้องด้วยกันอย่างรวดเร็ว ร่างสูงก้าวตามไปด้วยหัวใจที่สั่นไหวแปลกๆ... รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้
"ปล่อยผม! ปล่อย!"
ภาพตรงหน้าทำชานยอลแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ...ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตามากมายพรั่งพรูไม่ยอมหยุด แขนขาที่โดนตรึงไว้กับเตียงจนขึ้นรอยแดงด้วยผ้าสีขาวผืนหนา ร่างเล็กดิ้นพล่าน หวังเพียงหลุดออกจากห้องนี้ไปให้ได้ ริมฝีปากเรียวบางแดงช้ำเนื่องจากคมฟันที่ขบกัดลงไปตลอดเวลา...
แบคฮยอน...
เรี่ยวแรงที่มีหายไปจนเกือบหมด...
ดวงตาทอประกายความปวดร้าวอย่างไม่อาจปกปิดคลอไปด้วยม่านน้ำตา ความสงสารจู่โจมเข้าสู่หัวใจอย่างรุนแรง ขายาวก้าวประชิดเตียงคนไข้ด้วยความรวดเร็วและเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
"ขอผมอยู่กับเขาสองคนได้ไหมครับ"
ไม่มีเสียงตอบรับใดเว้นแต่เสียงประตูเปิดและปิดออกไปเท่านั้น ชานยอลทอดสายตามองร่างที่นิ่งไปแล้วทั้งน้ำตา ดวงตาไร้แววแต่กลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามากมายแอบแฝงอยู่ ผมกระเซอะกระเซิงชื้นเหงื่อผสมกับเม็ดน้ำตาจนเลอะหมอนไปหมด มือหนาปลดผ้าสีขาวซึ่งตรึงแขนและขาของแบคฮยอนออกให้อย่างเบามือเพราะเกรงว่าอีกคนจะเจ็บ
ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้...
"แบคฮยอน..."
"นาย... " แบคฮยอนปรือตามองร่างสูงซึ่งยืนค้ำหัวตัวเองด้วยความรู้สึกสับสน "ชานยอลหรอ...นายยังไม่ตายใช่ไหม...นาย.."
หมับ!
อ้อมแขนอบอุ่นตวัดรัดร่างเล็กเข้าแนบอก หลับตาลงพร้อมปล่อยน้ำตาแห่งความรักและห่วงใยให้รินไหล ใช้มือลูบผมของแบคฮยอนอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลมคนอ่อนแอที่ซุกหน้าเข้ากับอกของเขา
"นาย...นายยังไม่ตายจริงๆด้วย"
"ฉันอยู่นี่ ชานยอลอยู่ตรงนี้กับแบคฮยอน"
"ลุงของนายบอกว่านายตายไปแล้วแต่แม่ของนายบอกว่านายยังไม่ตาย ฉัน...ฉันไม่รู้จะเชื่อใครถึงแกล้งอาละวาดไปอย่างนั้นเพื่อให้พวกพยาบาลปล่อยให้ฉันไปตามหานาย แต่เปล่าเลย...พวกเขาทำเหมือนกับต้องการขังฉันไว้ในห้อง ฉันโดนมัดแขนขาไว้กับเตียง..."
"..."
"แต่ละวันที่ไม่มีนาย...ฉัน..ฉันอยู่ไม่ได้ ฉันไม่รู้สึกหิวหรือง่วงนอนเลยถ้าไม่ได้เห็นหน้านายในฝัน ฉันไม่อยากกินยาถ้าพยาบาลพวกนั้นไม่บอกว่านายจะมาหา ฉัน...ฉันมันบ้าชะมัด"
ชานยอลรับฟังทุกอย่างที่แบคฮยอนเล่าเงียบๆ เผยรอยยิ้มบางเบาเป็นบางครั้ง ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในบางเรื่อง โกรธนิดหน่อยกับการที่แบคฮยอนไม่ยอมนอนถึงสี่วันเพราะรอเขามาหา
นายทรมานตัวเองเกินไปแล้วแบคฮยอน...
"วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ"
หลังจากที่แบคฮยอนเล่าทุกเรื่องที่ตนเจอระหว่างที่ชานยอลไม่อยู่กระทั่งหลับไปในอ้อมกอดของเขาเรียบร้อยแล้วชานยอลถึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดตลกปนห่วงใย
“ถ้าเกิดนายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”
แอ๊ด....
เสียงประตูเปิดดังขึ้นในความเงียบงัน ดวงตาที่คุ้นเคยมองตรงไปยังร่างคนสองคนที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงด้วยความโกรธจัด มือสั่นรุนแรงเนื่องจากการบีบมันไว้ ริมฝีปากสีแดงสดกับแว่นตาอันใหญ่ช่วยอำพรางใบหน้าของเธอไม่ให้ทุกคนจำได้
‘ฮานา’ ยิ้มเย้ยหยันให้กับคนที่นอนหลับสบายอย่างมีความสุขในอ้อมกอดของชานยอล เธอนั่งลงบนโซฟา วางกระเป๋าใบโปรดไว้ข้างกาย ถอดแว่นตาที่น่ารำคาญออกแล้วเก็บมันใส่กล่องแว่น เหยียดขาคลายความเมื่อยล้าจากการต้องเดินวุ่นกับงานที่บริษัททั้งวันแต่ก็ยังอุตส่าห์เจียดเวลาพักผ่อนอันน้อยนิดเพื่อจัดการเรื่องที่สำคัญกว่า
ในเมื่อเจ็บแล้วไม่จำ...ก็คงต้องทำให้เข็ดไปจนวันตาย!
----------------------------------------
แสงสว่างลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้องแยงสายตาของชานยอล ร่างสูงลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก สะบัดหัวแรงๆไล่ความง่วง ขยับแขนที่ใช้ต่างหมอนให้แบคฮยอนหนุนออกแล้วนำหมอนใบใหญ่ของทางโรงพยาบาลมาหนุนหัวให้ร่างเล็กแทน
สายตาประกายแพรวพราวมองแบคฮยอนด้วยความรู้สึกรักเกินกว่าจะอธิบาย ริมฝีปากเรียวก้มประทับจุมพิตแสนหอมหวานให้ร่างบาง ก่อนเลื่อนไล้ไปตามแก้มใสจนถึงบริเวณขมับอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล
เพื่อแสดงว่าคนคนนี้มีเจ้าของแล้ว
“เกรงใจกันบ้างก็ดีนะแกน่ะ”
ชานยอลหันขวับไปตามเสียงเรียก ใบหน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ...ปาร์คฮานา!
“คุณมาทำอะไรที่นี่!?”
“พูดให้มันสุภาพหน่อยสิปาร์คชานยอล ฉันเป็นแม่แกนะ มาขึ้นเสียงอย่างนี้ได้ยังไง” ฮานาต่อว่าเสียงเข้มแต่ชานยอลก็ไม่ได้สนใจ เขาทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินเสียงของฮานาแล้วเอ่ยถามต่อทันที
“ผมถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี่”
“มาจัดการอุปสรรคที่ทำให้เงินก้อนโตที่ฉันกับเหม่ยฉีควรจะได้ลอยหายไปไงล่ะ!”
พูดจบก็ตวัดสายตามองร่างด้านหลังชานยอลด้วยความเคียดแค้น ก้าวดุ่มๆประชิดเตียงนอนแล้วผลักชานยอลออกห่าง
ร่างสูงเซถลาจนตกเตียง มือที่ใช้พยุงน้ำหนักทั้งหมดชาไปจนถึงต้นแขน ความเจ็บแล่นพล่านไปทั้งร่าง ชานยอลกัดฟันแน่นไม่ยอมเผยความอ่อนแอซึ่งค่อยๆกัดกินร่างกายทีละส่วนช้าๆแล้วยันตัวเองลุกขึ้นประจันหน้ากับฮานาที่จับแบคฮยอนเป็นตัวประกันไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้!
แบคฮยอนดิ้นอย่างแรงและพยายามส่งเสียงร้องตะโกนออกมาให้คนอื่นได้ยินแต่เพราะความเหนื่อยอ่อนบวกกับเพิ่งตื่นนอนร่างกายจึงยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็นทำให้จะทำอะไรก็ดูติดขัดไปเสียหมด
“ปล่อยแบคฮยอนซะ คุณฮานา”
ชานยอลกดเสียงต่ำลงเพื่อให้หญิงสาวยอมปล่อยแบคฮยอนไปง่ายๆ แต่เขาคิดผิด...เพราะฮานาชักปืนที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมาจ่อที่ขมับของแบคฮยอนโดยไม่ทันให้ตั้งตัว!
“คุณจะทำอะไร!?!”
ร้องถามด้วยเสียงหวาดหวั่น ไม่กล้าแม้จะขยับตัวเพราะไม่รู้ว่าลูกกระสุนจะถูกยิงออกมาจากปลายกระบอกปืนตอนไหน
“ฟังฉันให้ดีๆแล้วตอบตกลงซะ!”
ฮานากระตุกยิ้มเยาะ กดปลายกระบอกลงบนขมับอย่างแรง แบคฮยอนหลับตาปี๋ เขาหยุดดิ้นและไม่กล้าส่งเสียงร้อง ความเย็นเยียบจากมือเล็กที่ใช้ปิดปากของตนยิ่งทำให้แบคฮยอนหวาดกลัวยิ่งกว่าเก่า
ภาพฝันร้ายจากเมื่อตอนที่โดนฮานาตบหน้าแถมยังผลักจนหัวเขาแตกตามมาหลอกหลอน และสร้างภาพซ้อนขึ้นมาให้แบคฮยอนมองเห็นมันแต่เพียงผู้เดียว
กลัว....
ชานยอล...ฉันกลัว...
จิตใจที่อ่อนไหวและเปราะบางส่งเสียงร้องตะโกน หากแต่ดวงตาแสนว่างเปล่ากลับเฉยชาเสียจนชานยอลไม่แน่ใจว่าถ้าเกิดเขาบุ่มบ่ามเข้าไปกระชากตัวแบคฮยอนออกมาแล้วปืนเกิดลั่นโดนแขนไม่ก็ตามลำตัวของร่างบาง แบคฮยอนจะตกใจกลัวไหม...
เขาไม่อยากให้แบคฮยอนเสียขวัญแต่ก็ไม่อยากให้แบคฮยอนทนกลัวอยู่แบบนั้น...เขาควรทำยังไงดี
“คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมา”
ชานยอลตอบอย่างหนักแน่น จ้องกระบอกปืนนิ่งและพยายามอย่างยิ่งที่จะประคองสติของตนไว้
“เพราะแกแอบมาหาแบคฮยอน... ทางฝั่งนู้นเขาถึงยกเลิกงานแต่งงานของแกกับหนูซอลลี่”
“…”
“เพราะแกแอบมาหาแบคฮยอน...เงินก้อนโตกับหุ้นอีกห้าเท่าที่เราควรจะได้รับจากการแต่งงานถึงลอยหายไป!”
“เรางั้นหรอ? แค่คุณคนเดียวต่างหากคุณปาร์คฮานา! ถ้าผมแต่งงาน เงินพวกนั้นก็เข้ากระเป๋าคุณหมด! แล้วอย่างนี้คุณจะเรียกว่า ‘เรา’ อีกหรอ!?”
เพราะชานยอลเหมือนไฟและฮานาเหมือนน้ำมัน... ของสองสิ่งที่ไม่ควรเอาเข้าใกล้กันแต่พอต้องมาปะหน้ากันตรงๆห้องทั้งห้องถึงร้อนระอุราวกับจะมอดไหม้เสียให้ได้
สายตาฟาดฟัดของทั้งคู่กดดันกันและกันไปมาและไม่มีใครยอมถอนสายตาออกไป กระทั่งความอดทนของปาร์คฮานาเดินมาถึงจุดสิ้นสุด
“แกเถียงฉันงั้นหรอปาร์คชานยอล... กล้าดียังไงฮะ!!”
น้ำเสียงเนิบนาบไร้ซึ่งความโกรธแค้นอย่างที่ควรจะเป็นทำให้ชานยอลขนลุก... ร่างสูงก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อตั้งหลักรอเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อให้แกเลิกกับไอ้เด็กนี่ซะ... ตอนแรกฉันคิดไว้นะว่าจะเจรจากับแกอย่างใจเย็นมีเหตุผลที่สุด แต่ในเมื่อแกเถียงฉันและฉันไม่ชอบ...ก็คงต้องใช้กำลังกันหน่อย!”
เอ่ยจบฮานาก็ดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วเก็บปืนเหน็บไว้ที่เดิมก่อนผู้ชายตัวใหญ่สองสามคนจะวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับล็อกตัวของชานยอลไว้โดยที่ไม่ต้องรอรับคำสั่งอะไรทั้งสิ้น
“เฮ้ย! ปล่อยดิวะ ปล่อย!”
ชานยอลดิ้นอย่างแรงแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะชายสองคนที่ล็อกแขนเขาไว้แข็งแรงกว่าเขามากนัก
“จับมันให้แน่นๆนะพวกแก ถ้าขืนมันดิ้นหลุด ม้วนหนังที่มันยังไม่เคยดูอาจต้องจบลงกลางคัน...”
ทิ้งคำพูดปริศนาไว้ให้ชานยอลสงสัยเล่น... แต่วินาทีต่อมาการกระทำของฮานาถึงกับทำให้ชานยอลอ้าปากค้างและเริ่มดิ้นแรงกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าพันเท่า!
พลั่ก!
หัวทุยๆกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรง แบคฮยอนร้องโอดโอยพร้อมกับร้องไห้อย่างหนักเมื่อเห็นเลือดค่อยๆไหลลงมาตามขมับกระทั่งถึงริมมุมปาก... ร่างเล็กกระเถิบตัวหนีแต่ก็ไม่ทันเพราะฮานาใช้ความยาวของแขนตัวเองให้เป็นประโยชน์ด้วยยการกระชากผมของแบคฮยอนกลับมา ก่อนฟาดฝ่ามือลงบนแก้มเปรอะน้ำตาโดยไม่ออมแรง
แบคฮยอนหน้าหันไปตามแรงตบ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วช่องปากก่อนค่อยๆไหลลงมาจนเลอะเสื้อของทางโรงพยาบาล... แต่นั่นมันยังไม่พอสำหรับฮานา... เธอมีแรงเหลือเฟือพอให้เด็กคนนี้เจ็บเล่นๆอีกนาน!
มือบางฟาดลงบนใบหน้าของแบคฮยอนไปมาไม่ยอมหยุด ส่วนมืออีกข้างที่ยังว่างก็กดร่างของแบคฮยอนให้แนบไปกับพื้นก่อนที่เธอจะขยับตัวขึ้นคร่อมร่างที่ตัวพอๆกับตนไว้ แล้วสวมวิญญาณนักตบอีกรอบราวกับคนเสียสติ
“หยุดสักที! พอได้แล้วคุณฮานา!!”
เพียะ! เพียะ!
“ผมบอกให้พอไง!”
เพียะ! เพียะ!
ฮานาปล่อยให้เสียงร้องห้ามของชานยอลเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปโดยไม่คิดจะฟัง สมองของเธอคิดออกแต่ว่าต้องบีบให้ชานยอลยอมพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ได้แม้ว่าจะต้องตบแบคฮยอนจนตายกันไปข้าง เธอก็ยอม!
แบคฮยอนร้องสะอึกสะอื้นหนักขึ้นๆ พยายามไม่มองหน้าของคนบ้าอย่างฮานาเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องกลัวหนักไปกว่านี้...
พระเจ้า...ช่วยหยุดเธอที
ผมเจ็บ...เจ็บไปหมดแล้ว...
ร่างเล็กทำได้เพียงภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยสภาพที่ใกล้หมดสติลงเต็มที
“คุณฮานา! ปล่อยแบคฮยอน! ปล่อยเขาไปซะ!!!”
“ช...ชานยอล” แบคฮยอนเอ่ยได้แค่นั้นเพราะริมฝีปากมันทั้งเจ็บทั้งแสบเกินกว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้
เพียะ!
“สงสัยมันคงยังไม่พอสินะ”
ฮานาเอ่ยกับตัวเองแล้วหยุดมือตัวเองชะงักค้างกลางอากาศ ดวงตาประกายความเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วกระชากร่างของแบคฮยอนตามไปด้วย
“รับลมเย็นๆหน่อยดีกว่าไหมพยอนแบคฮยอน”
พูดจบก็ดึงแขนของแบคฮยอนให้ตามตัวเองออกไปที่ระเบียง ร่างสะบักสะบอมไร้ซึ่งเรี่ยวแรงทำอะไรทั้งสิ้นตื่นขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้สัมผัสกับลมเย็นๆพร้อมกับร่างของตนเองที่ลอยขึ้นในอากาศก่อนจะถูกวางลงบนที่นั่งตรงไหนสักที่...
ราวระเบียง!
คราวนี้แบคฮยอนถึงกับตื่นเต็มตาเมื่อรู้ว่าตนเองถูกวางลงที่ใด ลมเย็นๆพัดเข้าหน้าอย่างแรง ขาเรียวทิ้งลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก มือเล็กล็อคราวระเบียงแน่นกันไม่ให้ตัวเองตกลงไปแม้จะรู้ว่ามันอาจไม่เป็นผลเพราะคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอาจผลักเขาตกลงไปเมื่อไรก็ได้
พระเจ้าครับ... ท่านจะไม่ช่วยผมเลยหรอ
ท่านไม่สงสารผมบ้างเลยหรือครับ...
“ฉันจะผลักหมอนี่ลงไปถ้าแกไม่รับปากมาก่อนว่าจะเลิกยุ่งกับมันแล้วยอมแต่งงานกับหนูซอลลี่ใหม่อีกรอบ... ถึงเงินมันจะน้อยลงแต่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่คุณชเวท่านยอมให้โอกาสเราอีกครั้ง”
“…”
“ฉันให้เวลาแกสิบวินาทีแลกกับการที่พยอนแบคฮยอนจะไม่ต้องตายก่อนวัยอันควร”
ชานยอลเริ่มลุกลิ้ลุกลน มองฮานาทีแบคฮยอนที สมองมันตีกันมั่วไปหมดจนรู้สึกปวดหัวขึ้นมาดื้อๆแต่เขาก็ต้องฝืนทนต่อไปเพราะชีวิตของแบคฮยอนอยู่ในกำมือของฮานาทั้งหมด
“10….9….”
พระเจ้าครับ...ช่วยผมเลือกที
“8….7…”
ผมต้องยอมตอบตกลงเพื่อแลกกับความปลอดภัยของแบคฮยอนใช่ไหมครับ...
“6…5…”
ถ้าผมเลือกแบบนั้น...มันจะดีกับทุกฝ่ายใช่ไหมครับ
“4…3…”
แบคฮยอนขนลุกไปทั้งร่างเมื่อคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังหลังเริ่มดันร่างของเขาขยับออกจากราวระเบียงทีละนิด...ทีละนิด...
ไม่นะ...
“2…1..”
“ผมยอมแล้ว!!!” ชานยอลตะโกนสุดเสียง พร้อมบรรยากาศรอบกายที่เงียบสงบลงก่อนเสียงปรบมือเปาะแปะจะดังใกล้ๆหู
“ต้องอย่างนี้สิปาร์คชานยอล”
“…”
“แต่งงานกับหนูซอลลี่นอกจากจะได้รับการยอมรับจากนักธุรกิจจากทั่วโลกแล้วแกยังได้เงินใช้สบายๆอีกด้วย แกน่าจะเลือกมันตั้งแต่ที่ฉันเริ่มนับสิบแล้วด้วยซ้ำ”
“ผมได้เงิน...ได้รับความการยอมรับ...เป็นที่รู้จัก... แล้วมันดียังไง”
“…”
“คุณไม่รู้จักความรัก... ถ้าจะให้ฟังผมพล่ามก็คงฟังไม่รู้เรื่องแต่ผมขอบอกอะไรไว้อย่าง”
“…”
“เงินกับ ‘ความรัก’ ที่ผมมีให้แบคฮยอนมันเทียบกันไม่ได้”
“…”
“ความรักของผมมีค่ามากกว่าเม็ดเงินพวกนั้นร้อยเท่าพันเท่า รู้ไว้ซะด้วย!!!”
“ฮึก...”
แบคฮยอนกลั้นสะอื้น... ร่างบางหันกลับมามองชานยอลทันทีที่ถูกอุ้มลงมาจากราวระเบียง ดวงตาแห่งความรักที่ทั้งคู่มีให้กันโอบล้อมหัวใจอันแสนเย็นเฉียบให้อุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
นี่สินะ... ความรักที่แท้จริง
ความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนและไม่หวังว่าต้องอยู่ด้วยกัน...
ความรักที่ยิ่งใหญ่และมีค่ามหาศาลเกินจะอธิบายได้...
ความรักที่จะพันผูกหัวใจสองดวงไว้ด้วยกันตลอดไป....
“หึ... ถ้าความรักมันกินได้ฉันก็คงไม่ดิ้นรนมาลากตัวแกกลับไปแต่งงานหรอกปาร์คชานยอล”
ฮานาอธิบายเหตุผลที่งี่เง่าเสียเหลือเกินในความคิดของชานยอลให้เขาฟังก่อนจะสั่งชายสองคนที่ล็อคแขนชานยอลอยู่ให้ลากเขาตามเธอออกไป ทิ้งแบคฮยอนกับชายอีกคนซึ่งเป็นลูกน้องของฮานาอยู่กันเพียงลำพัง
“ขอโทษที่ต้องรุนแรงกับนาย”
“ไม่เป็นไรครับ...” แบคฮยอนตอบกลับเสียงเศร้า
“อย่าคิดมากเลย ผู้หญิงคนนั้นเขาก็แค่คิดไม่เป็น สักวันผลกรรมก็จะย้อนกลับมาหาเขาเอง” คนข้างกายเอ่ยปลอบพร้อมกับยกมือลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ
“ผมจะพยายามไม่คิดมากนะครับ”
“ต้องทำให้ได้นะ... เอ้านี่”
มือหนายืนกระดาษแผ่นเล็กสองใบให้แบคฮยอนที่รับมาอย่างงงๆ
“กระดาษนี่จะทำให้นายจดจำหมอนั่นได้...ตลอดไป”
แล้วชายคนนั้นก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
แบคฮยอนคลี่กระดาษใบหนึ่งเปิดออกอ่านส่วนอีกใบก็ยัดใส่กระเสื้อไปก่อน
‘ถึงแบคฮยอน
เมื่อนายได้อ่านข้อความนี้ฉันอาจโดนคุณปาร์คฮานาลากตัวกลับจีนไปเรียบร้อยแล้วแต่ฉันอยากให้นายรู้ไว้อย่าง
ฉันจะพยายามทุกวิถีทางให้ได้มาพบนาย
จะแอบพวกลูกน้องทุกคนกลับมาหานายที่เกาหลี หวังว่านายจะรอฉันได้นะ ฉันสัญญาว่ามันต้องมีวันนั้น
วันที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน
ไม่ใช่ตลอดกาล... แต่เป็นตราบสิ้นลมหายใจ
ชานยอล’
“นายมันบ้าที่สุดเลย...”
พูดไปก็สะอื้นไป... แบคฮยอนพับกระดาษเก็บไว้ดังเดิมแล้วหยิบอีกใบมาเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้น
‘ถึงแบคฮยอน
เห็นอะไรในนี้ไหม... สำหรับฉันและนายเท่านั้น นายเห็นมันหรือเปล่า? นายเห็น ‘ความรัก’ กับ‘หัวใจ’ ของฉันไหม?
ปล.เอากระดาษใบนี้ทาบกับแสงแล้วนายจะมองเห็นมัน
ชานยอล’
แบคฮยอนทำตามวิธีในจดหมายก่อนน้ำตามากมายจะพร้อมใจกันรินไหลลงมาราวกับทำนบกั้นน้ำตาแตก
...ปาร์คชานยอล ♥ พยอนแบคฮยอน...
“ฮึก...รักนายเหมือนกันนะชานยอล...จะรัก...ตลอดไป”
----------------------------------------
แม้รักมากเพียงใด... แม้ต้องการอยู่ด้วยกันมากแค่ไหน... แต่เมื่อความตายคืบคลานเข้ามา สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่จึงมีเพียงร่างกายที่ไร้ซึ่ง...หัวใจ
1+1=0
หัวใจสองดวงรวมกันเป็นหนึ่ง... หากตอนนี้... กลับกลายเป็นแค่
ความว่างเปล่าและการสูญเสีย
พวกเขาเริ่มต้นนับเรื่องราวทุกอย่างใหม่โดยเริ่มจาก...จุดเริ่มต้นแห่งชีวิต
---------------------------------
แม้จะอยากยื้อความรักนี้ไว้... แม้มันจะเป็นเรื่องที่ผิดบาป...
แต่ในเมื่อเรารักกัน
ใครก็ไม่อาจเข้ามาห้ามได้...
1+1=1
หัวใจสองดวงที่รักกันเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจ
ตอนนี้กลับเหลือเพียงแค่ดวงเดียว... เพราะว่าเจ้าของหัวใจอีกหนึ่งดวง
เขาจากไปพร้อมกับหัวใจของเขาแล้ว...ตลอดกาล
---------------------------------
แม้ต้องการทำตามคำสั่งของหัวใจ... แม้รู้ว่าผลสุดท้ายคือการจากลา...
แต่หัวใจของพวกเขากลับพันผูกเกินกว่าจะแยกจากกัน
1+1=2
หัวใจที่อ่อนแอและเจ็บช้ำ... ยังคงอยู่เคียงกันตลอดเวลา
เพราะว่าพวกเขายังรักกันอยู่
พวกเขายังต้องการกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
---------------------------------
The End
ความคิดเห็น