คำสารภาพของหุ่นยนต์แมวสีฟ้า - คำสารภาพของหุ่นยนต์แมวสีฟ้า นิยาย คำสารภาพของหุ่นยนต์แมวสีฟ้า : Dek-D.com - Writer

    คำสารภาพของหุ่นยนต์แมวสีฟ้า

    เมื่อถึงวันที่ต้องลาจาก

    ผู้เข้าชมรวม

    747

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    747

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.พ. 50 / 19:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      " นานเท่าไหร่แล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่ "

              ผมขบคิดไปพร้อมกับเคี้ยวและกลืนโดรายากิตามด้วยน้ำหวานเพื่อลดอาการฟุ้งซ่าน( ที่กำลังก่อตัวในหัวโตๆของผม )

              สมองผมกำลังทำหน้าที่อย่างหนักในการรำลึกอดีต ตาทั้ง 2 ข้างของผมกำลังจ้องมองสิ่งรอบตัว เก็บรายละเอียดต่างๆไว้ เพื่อไม่ให้มันสาบสูญหรือ หายไปจากความทรงจำอย่างดื้อๆ
              ท้องฟ้าที่นี่สวยมาก ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนเมฆที่เป็นก้อนกลมๆก็ดูคล้ายสายไหมดูน่ากินอยู่เสมอ
      ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าภายในเมืองเล็กๆ บ้านเล็ก หรือ ห้องเล็กๆ รวมถึงการเจริญเติบโตของเด็กชายตัวเล็กๆคนนึงที่ถูกเฝ้ามองจากดวงตากลมคู่นี้มานานนัก นานจนผมอดคิดไม่ได้ว่า หากผมไม่อยู่เขาจะ...เขาจะผอม เขาจะอ่อนแอ เขาจะเล่นกีฬาไม่เก่ง เขาจะใจไม่สู้ หรือเขาจะขี้เกียจ-อยู่อีกหรือเปล่า? และที่สำคัญ... อ๊ะ มานั่นแล้ว วิ่งมาแล้วครับ หน้าสะบักสะบอมเชียว ตาปูด หัวโน อาจเป็นไปได้ว่าถูกใครแกล้งมาอีกตามเคย
      " เจ้าพวกนั้นมันแกล้งฉันอีกแล้ว.....เฮ้ นายได้ยินฉันหรือเปล่า...แม้แต่นายก็ยังไม่สนใจฉันY-Y "
            ผมเอื่อมระอากับประโยคนี้เต็มทนแล้ว บอกตามตรงครั้งแรกที่ผมรับหน้าที่นี้มา ผมไม่เคยคิด ไม่สิ ความเป็นจริงไม่น่าจะมีคนไม่เอาไหนได้ขนาดนี้อยู่ในโลก ( ย้ำอีกครั้งว่าอ่อนแอ เล่นกีฬาไม่เก่ง ใจไม่สู้ ห่วงแต่เล่น ขี้แย ไม่สนใจเรียน เอาแต่ใจ ฯลฯ ) และใช่เขาคือเด็กผู้ชายคนแรกที่ผมพบ

            ผมถูกส่งมายังที่นี่ หน้าที่ของผมคือมาดูแลพฤติกรรมที่ไม่เอาไหนทั้งหลายทั้งเหล่ของเด็กชาย ป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น- และขณะนี้หน้าที่นั้นกำลังจะจบลง นั่นหมายถึงผมหมดภาระหน้าที่ทุกอย่างถึงเวลาพักผ่อนเสียที เวลาแห่งการลาจากคือวันพรุ่งนี้...
            แต่ทำไม? ทำไมผมจึงรู้สึกเหงา เมื่อนึกถึงว่าต่อไปจะไม่ได้เจอเขาอีก...ต่อไป... จะไม่มีเสียงร้องไห้อันน่ารำคาญ จะไม่มีใบหน้าที่เซ่อซ่าแกมน่าหมั่นไส้ จะไม่มีเสียงดุด่าจากแม่เด็กชายเวลาที่เขาสอบได้ศูนย์คะแนนให้ระคายหูคอมพิวเตอร์
           " เฮ้อ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้าโดรายากิ 2ชิ้นเข้าปากอย่างรวดเร็ว เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยอีกชิ้น อีกชิ้น อีกชิ้น และอีกชิ้น ต่อไป...ผมจะไม่มีโอกาสได้กินของอร่อยแบบนี้อีกแล้ว ผมลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ได้สนใจเด็กชายขี้แยข้างๆ ซึ่งเขาร้องไห้จนหมดแรง นอนกลางวันไปแล้วนั่น-o-"
            เปล่า ผมยังไม่เลิกสนใจเขาอย่างถาวร ผมแค่คิดอยากไปเดินเล่น สูดอากาศรอบๆเมืองเป็นครั้งสุดท้าย...อย่างน้อยก็สักครั้ง  ขอให้ผมได้อำลาเมืองนี้และ...จากไปอย่างสบายใจที่สุด
           เดินออกจากบ้านได้ 3ก้าววิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคยอยู่ต่อหน้าผม -ที่หุวมุมเสาไฟฟ้ามีเสียงสองเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วๆมากระทบโสดประสาทของผม มีเด็กชาย 2 คนกำลังทะเลาะกันเด็กคนนึงหน้าเหมือนกอริลล่า ส่วนอีกคนหน้าเหมือนสุนัขจิ้งจอก

      " เอามาให้ฉันซะดีๆ ไม่งั้นนายเจ็บแน่ " นายกอริลล่าขู่พร้อมกับถลกแขนเสื้อขึ้น ตั้งท่าจะออกหมัด

      นายจิ้งจอกไม่มีทางหนี ยื่นถุงที่ข้างในมีหนังสือการ์ตูนอยู่ 9 เล่มให้โดยดี

      " ดีมาก..เพื่อนซี้ " นายกอริลล่าแสยะยิ้ม " หนึ่ง 2 3 4 5 6 7 8..9 -_- " การ์ตูนหายไป 1 เล่ม ไม่ครบตามสัญญาเด็กชายกอริลล่าเบิกตากว้าง สีหน้าโมโห มือซ้ายขยุ้มที่คอเสื้อของเด็กชายจิ้งจอก-เขายังไม่ปริปาก เด็กชายกอริลล่าถามต่อ " อีกเล่มหล่ะ... เอาไปซ้อนไว้ไหน ! " พร้อมกระชากคอเสื้อของเด็กชายจิ้งจอก " ฉันเปล่านะ เจ้าโนบิมันเอาไปต่างหาก " เด็กชายจิ้งจอกตอบด้วยอาการสั่นหงกๆๆ

      " ฮึ่ม.. แกเจ้าโนบิ เดี๋ยวสวยแน่ !" เด็กชายกอริลล่าพูดจบก็ตรงดิ่งมาทางผมราวกับพายุใต้ฝุ่นขนาดย่อม

       'ฉันคงจะช่วยได้เป็นครั้งสุดท้ายละน่ะ ' ผมคิดในใจพร้อมกับล้วงมือลงไปยังกระเป๋าหน้าท้องควานหาบางสิ่ง( เป็นนิสัยเสียที่ผมแก้ไม่ตกเสียที ผมไม่เคยหาของที่ต้องการเจอในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั่นคือข้อเสียของการไม่ชอบจัดกระเป๋า-o-a )

      ในที่สุดผมก็เจอมัน !...." ดอกไม้ขี้ลืม"

              เด็กชายกอริลล่าเดินตรงเข้ามา ผมยื่นดอกไม้เข้าไปใกล้จมูกทันเวลาพอดี !
      " อ้าว นี่ฉันกำลังจะทำอะไรเนี่ย-o-a???? "
      " นายกำลังจะเอาการ์ตูนไปคืนให้ซึเนโอะไง "
      " อ๋อ งั้นหรอกหรอ "
               เขาเดินจากไปโดยดี - ผมถอนหายใจ โล่งอกไปอีกเปราะ คนที่ได้ดมกลิ่นดอกไม้นี้จะเป็นอัลไซเมอร์ไปสักพักใหญ่ๆ รู้ตัวอีกทีคงพบว่าการ์ตูนไม่ได้อยู่กับตัวเสียแล้ว - ทำไงได้หละ เพื่อโนบิตะ ผมยักไหล่ 2 ทีและเดินต่อไปตามทาง
                ร้านขายขนมที่อร่อยที่สุดอยู่ทางซ้ายมือ ผมหันซ้ายหันขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกนั้นผมจึงตัดสินใจซื้อโดรายาจิกักตุนเอาไว้กินที่ศตวรรษที่ 22 แก้เหงา 1,293 ชิ้น
                เดินต่อไปอีกหน่อยคือลานว่าง ความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน ลานกว้างเป็นทั้ง สนามเบสบอล ที่ชุมนุม ที่ๆใช้แข่งความอดทนในหน้าหนาว เวทีคอนเสิร์ตของไจแอนท์ -ผมยื่นมือไปสัมผัสมันครั้งสุดท้าย ลูบไล้มันด้วยความคิดถึง....

      ภาพหลายภาพมันผุดขึ้นในความทรงจำ วันหยุดภาคฤดูร้อนที่ทุกคนแข่งกันจับแมลงที่ภูเขา การแข่งขันเบสบอลระหว่างทีมไจแอนท์และทีมจากร.รอื่นที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้เสมอและคอนเสิร์ตมหาโหดของไจแอนท์ โดยที่เสียงนั้นสามารถฆาตกรรมคนได้อย่างสบายๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าบอกเจ้าตัวว่าเสียงห่วยแตกขนาดไหน
                                          ผมเอนตัวลงบนพื้นลาน ดูเมฆบนท้องฟ้าที่น่ากินเคลื่อนไปเคลื่อนมา
      ......จนเผลอหลับในที่สุด

                  สดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าเริ่มมืด พระจันทร์ดวงกลมโต ดาวเต็มฟ้า ผมพลันนึกถึงครั้งนึงที่เราเคยท่องไปในอวกาศด้วยกัน แทบจะไม่มีที่ไหนแล้วมั้งที่พวกเรายังไม่เคยไป.......



                  ขณะนี้ผมได้ยืนอยู่หน้าบ้านเธอ เอาหละ นี่คงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมทำให้ ' เธอ '  เธอเป็นขวัญใจของทุกคน เด็กหญิงน่ารักร่าเริง นิสัยดี อ่อนโยน เมตตา ถ้าเธอรู้อนาคตว่าต่อไปจะได้แต่งกับชายผู้ไม่เอาไหนโนบิตะ เธอจะทำหน้ายังไงนะ ??? => ผมคิด และล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า " บอดี้การ์ดที่มองไม่เห็น " หวังว่าสิ่งนี้มันคงจะช่วยเธอได้
       - " ถ้าใครมาแอบดูเธอตอนอาบน้ำอยู่ละก็ ให้โยนออกไปเลยรู้ไหม " ผมกำชับอย่างแน่นหนา หวังว่าต่อไปนี้เธอจะไม่ถูกรบกวนเวลาอาบน้ำอีก - ผมหันหลัง เดินกลับออกมาแต่กลับประชันหน้ากับเธอเข้าอย่างจัง

      " อ้าว โดราจัง ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรอจ๊ะ " เธอยิ้ม
      " ฉันกำลังจะกลับพอดี ไปก่อนนะ " ผมกลั้นต่อมน้ำตาไว้วิ่งออกมาจากบ้านเธออย่างรวดเร็ว 
                  
                 เฮ้อ...นี่ก็ดึกแล้วสินะ ผมเดินไปตามทางกลับบ้านและก็ยังมีคำถามหลายข้อที่ไม่ได้ตอบ
           - ไม่รู้ป่านนี้นายจะทำอะไรอยู่ ?
           - จะตื่นรึยังนะ ?
           - ได้ยินว่าพรุ่งนี้สอบอ่านหนังสือรึยัง ? เดี๋ยวก็ได้ 0 คะแนนอีกตามเคยหรอก
      รู้สึกตัวอีกที ผมก็มายืนอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆที่ทำมห้ความเศร้าของผทบรรเทาลงเวลาที่คิดถึงศตวรรษที่ 22 ป่านนี้ข้าวเย็นคงเสร็จแล้วกับข้าววันนี้จะเป็นอะไรนะ? โนบิตะนายต้องกินเยอะๆนะ ไม่งั้นจะเป็นเด็กที่แข่งแรงได้ยังไง เฮ้อ ผมคิดแล้วผมก็อยากอยู่ต่อที่นี่อีกเพื่อที่จะดูแลเด็กชายไม่เอาไหนที่เปรียบเสมือนเพื่อนที่เคียงข้างกายผมเสมอ ผูกพันกันเป็นเหมือนเชือกที่ตัดขาดกันไม่ได้
                  นี่มันก็ดึกมากแล้วสินะ ผมจะถูกแม่ดุรึเปล่าก็ไม่รู้ => ผมคิด  ครั้งหนึ่งผมเคยร้องไห้ทั้งวันเมื่อรู้ตัวว่าไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ ผมยังจำได้ดี วันนั้นเธอกอดผมพูดกับผมว่า " โดราจังก็เป็นลูกแม่เหมือนกันนะจ๊ะ " เธอเป็นแม่ที่ดีที่สุดคนนึง ผมมั่นใจว่าอย่างนั้น ถึงบางครั้งเธอจะขี้บ่นไปก็ตาม
                  ผมผลักประตูเข้าไป มีแต่ความเงียบกับความมืด
      ไฟทุกดวงปืดหมดแล้ว คงจะกินข้าวเย็นกันไปเรียบร้อย หรือว่าผมเห็นความสำคัญของตัวเองมากเกินไป ความจริงแล้วทุกคนอาจไม่สนใจว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร....
                 พรึบ ! ไฟในห้องนั่งเล่นสว่างขึ้น ทุกคนนั่งอยู่ข้างใน พ่อ แม่... และโนบิตะ 
       " ไงโดราเอมอน ทำไมนายกลับดึกจังหละ " โนบิตะพูด
       " สุขสันต์วันเกิด " ทั้ง 3 คนตะโกนพร้อมกัน
      ผมตกใจ ดีใจและแปลกใจ ในขณะเดียวกัน และนั่น ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีโดรายากิวางอยู่เต็มจาน

      " นี่ไม่ใช่วันเกิดฉันซักหน่อย "
       " ใครบอกว่าวันเกิดนายหละ "
       " ถ้าไม่ใช่วันเกิดนายแล้ววันเกิดใครหละ " ผมหันไปทางพ่อกับแม่ทั้งคู่ส่ายหัว
       " ฉลองเนื่องในโอกาสที่เรารู้จักกันครบหนึ่งปีไงหละ "
      เขาเปิดขวดน้ำอัดลม " แด่มิตรภาพของเราที่มีอายุครบหนึ่งปี "
                   น้ำตาผมไหล ใช่สิ ผมเป็นหุ่นยนต์อันดับหนึ่งของศตวรรษ 22 เชียวนะ เอ่อ จะว่าที่หนึ่งก็เกินไป เอาเป็นว่าที่ 3 ก็แล้วกัน ผมถูกสร้างให้มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดีใจ ยิ้ม หัวเราะ มีความสุข โกรธ เหงา เศร้า และ ร้องไห้....
       " โนบิตะ นายทำการบ้านคนเดียวได้ไหม ถ้าถูกไจแอนท์แกล้งจะสู้เขาไหม ฉันเป็นห่วงนายมากนะ..."
      " อย่าเป็นห่วงนักเลย จะถามไปทำไมหละ ในเมื่อฉันมีนายอยู่แล้วทั้งคน เอ้อ ว่าแล้วก็ขอยืมไอ้นั่นหน่อยสิ ไอที่ทำให้แข็งแรงขึ้นไง "
       " ถ้าทะเลาะด้วยตัวเองไม่ได้ก็อย่าทะเลาะเลย !" ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
       " นี่โดราเอมอนนายเป็นอะไรไปหนะ " โนบิตะพูดพร้อมทำหน้างงๆ
       " ไม่..เป็น..ไร  ฉันแค่เหนื่อยหนะ... นี่ไงหละ ยาที่นายอยากได้ ดื่มนี่แล้วหลับซะ ตื่นเช้ามาพรุ่งนี้นายจะเข้มแข็งขึ้น  " ผมล้วงมือเข้าไปกระเป๋าพร้อมกับหยิบขวดยาสีฟ้าออกมา
       " ดื่มซะสิ "
       " นี่หนะหรอ ขอบใจนะโดเรมอน^o^ " เขากระโดดเข้ามากอดผมพร้อมกับ คว้าขวดยาไป เปิดจุกออกและดื่มรวดเดียวหมด ผมคิดในใจว่า นี่คงเป็นกอดสุดท้ายที่ผมจะได้จากเขา..ผมแทบกลั้นน้ำตาที่มันอยากจะออกมาสูดอากาศที่แสนอบอุ่นจากโนบิตะไว้ไม่ได้ 
                    เป็นเวลาสักพักเขาก็นอนหลับไป...ผมเอาหมอนรองไว้ที่หัว และห่มผ้าให้เขา ยาขวดเมื่อกี้ไม่ใช่ยาที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นหรอก มันคือยาลบความทรงจำ ทันทีที่เขาตื่นมาในเช้าวันพรุ่งนี้ จะไม่มีคำว่าโดราเอมอนอีกตลอดกาล อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา

            " โนบิตะ....ต่อไปนายห้ามฉี่รดที่นอนอีกนะ เวลาทะเลาะกับใครต้องชนะ อย่าไปร.รสายอีกหละฉันวางประตูทุกหนทุกแห่งไว้หน้าบ้านแล้ว  "

                       บ่อน้ำตาผมเริ่มแตกอีกครั้ง สงสัยคอมพิวเตอร์ในตัวคงจะพังเต็มทีเพราะผมไม่สามารถหยุดร้องได้ ผมเฝ้ามองเขาหลับจวบจนรุ่งสาง นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ดูแลเค้าอย่างเต็มที่

                       มันถึงเวลาแล้ว - ผมอุ้มสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องมันมีขนาดใหญ่จนผมเซถลาไปข้างหลัง " ตู้โทรศัพท์ ติ๊งต่าง "

      ผมก้าวเข้าไปในตู้ เป็นก้าวสั้นๆที่ลำบากเหลือเกิน ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นและกระซิบเบาๆ " ขอให้โลกนี้...ไม่มีโดราเอมอน " ไม่ว่าจะสมมุติให้โลกเป็นอย่างไรก็ตามเพียงแต่ยกหูไปและพูดตามใจคิด โลกทั้งโลกก็จะเปลี่ยนแปลงตามนั้น

                                                        มันเป็นสุดท้ายจริงๆที่ผมจะทำเพื่อโนบิตะได้
                                                                             " ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย "
                         ผมดึงลิ้นชักออก ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าซ้ายเข้าไปในลิ้นชักขณะที่ตาเหลือบมองโนบิตะ สองมือของผมจับขอบโต๊ะและก้าวเท้าขวาตาม ตัวผมลงไปอยู่ในลิ้นชักครึ่งตัว ขาทั้งสองส่ายไปมาสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า
                      " ล่าก่อนโ นบิตะ ล่าก่อนเพื่อนรักผู้อยู่เคียงข้างฉัน " ผมปล่อยมือ ร่างทั้งร่างจมดิ่งลงไปในอุโมงกาลเวลา...........

      หมายเหตุ เรื่องนี้คัดลอกมาจากหนังสือชื่อ " หากแต่ร่มคันนั้นซึ่ง..."ผู้แต่งคือ วิน นิมมานวรวุฒิ หากใครชอบเรื่องนี้แนวนี้ และเรื่องสั้นแบบนี้ ให้ไปซื้อหนังสือได้เลย แนะนำว่าคุณๆต้องชอบเรื่องที่เขาแต่ง
      - อ้างอิง
      1.โดเรมอน ฉบับที่ 1-45 ของสำนักพิมพ์เนชั่น
      2.โดราเอมอน box set เล่นที่ 1- 16 ของสำนักพิมพ์เนชั่น
      3.หนังสือการ์ตูนทำมือ " หุ่นยนต์แมวสีฟ้า ที่คุณก็รู้ว่าตัวไหน? " ผู้แต่ง พระเจ้าเป็นหมา/โลกของเรา/และอีกมาก
      4.งานโดจินชิ ตอบจบของโดราเอมอน โดยTaiji yasue
      5.อ.ฟุจิโกะผู้กำเนิดโดราเอมอน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×