คำสารภาพของหุ่นยนต์แมวสีฟ้า
เมื่อถึงวันที่ต้องลาจาก
ผู้เข้าชมรวม
747
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
" นานเท่าไหร่แล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่ "
ผมขบคิดไปพร้อมกับเคี้ยวและกลืนโดรายากิตามด้วยน้ำหวานเพื่อลดอาการฟุ้งซ่าน( ที่กำลังก่อตัวในหัวโตๆของผม )
สมองผมกำลังทำหน้าที่อย่างหนักในการรำลึกอดีต ตาทั้ง 2 ข้างของผมกำลังจ้องมองสิ่งรอบตัว เก็บรายละเอียดต่างๆไว้ เพื่อไม่ให้มันสาบสูญหรือ หายไปจากความทรงจำอย่างดื้อๆ
ท้องฟ้าที่นี่สวยมาก ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนเมฆที่เป็นก้อนกลมๆก็ดูคล้ายสายไหมดูน่ากินอยู่เสมอ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าภายในเมืองเล็กๆ บ้านเล็ก หรือ ห้องเล็กๆ รวมถึงการเจริญเติบโตของเด็กชายตัวเล็กๆคนนึงที่ถูกเฝ้ามองจากดวงตากลมคู่นี้มานานนัก นานจนผมอดคิดไม่ได้ว่า หากผมไม่อยู่เขาจะ...เขาจะผอม เขาจะอ่อนแอ เขาจะเล่นกีฬาไม่เก่ง เขาจะใจไม่สู้ หรือเขาจะขี้เกียจ-อยู่อีกหรือเปล่า? และที่สำคัญ... อ๊ะ มานั่นแล้ว วิ่งมาแล้วครับ หน้าสะบักสะบอมเชียว ตาปูด หัวโน อาจเป็นไปได้ว่าถูกใครแกล้งมาอีกตามเคย
" เจ้าพวกนั้นมันแกล้งฉันอีกแล้ว.....เฮ้ นายได้ยินฉันหรือเปล่า...แม้แต่นายก็ยังไม่สนใจฉันY-Y "
ผมเอื่อมระอากับประโยคนี้เต็มทนแล้ว บอกตามตรงครั้งแรกที่ผมรับหน้าที่นี้มา ผมไม่เคยคิด ไม่สิ ความเป็นจริงไม่น่าจะมีคนไม่เอาไหนได้ขนาดนี้อยู่ในโลก ( ย้ำอีกครั้งว่าอ่อนแอ เล่นกีฬาไม่เก่ง ใจไม่สู้ ห่วงแต่เล่น ขี้แย ไม่สนใจเรียน เอาแต่ใจ ฯลฯ ) และใช่เขาคือเด็กผู้ชายคนแรกที่ผมพบ
ผมถูกส่งมายังที่นี่ หน้าที่ของผมคือมาดูแลพฤติกรรมที่ไม่เอาไหนทั้งหลายทั้งเหล่ของเด็กชาย ป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น- และขณะนี้หน้าที่นั้นกำลังจะจบลง นั่นหมายถึงผมหมดภาระหน้าที่ทุกอย่างถึงเวลาพักผ่อนเสียที เวลาแห่งการลาจากคือวันพรุ่งนี้...
แต่ทำไม? ทำไมผมจึงรู้สึกเหงา เมื่อนึกถึงว่าต่อไปจะไม่ได้เจอเขาอีก...ต่อไป... จะไม่มีเสียงร้องไห้อันน่ารำคาญ จะไม่มีใบหน้าที่เซ่อซ่าแกมน่าหมั่นไส้ จะไม่มีเสียงดุด่าจากแม่เด็กชายเวลาที่เขาสอบได้ศูนย์คะแนนให้ระคายหูคอมพิวเตอร์
" เฮ้อ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้าโดรายากิ 2ชิ้นเข้าปากอย่างรวดเร็ว เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยอีกชิ้น อีกชิ้น อีกชิ้น และอีกชิ้น ต่อไป...ผมจะไม่มีโอกาสได้กินของอร่อยแบบนี้อีกแล้ว ผมลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ได้สนใจเด็กชายขี้แยข้างๆ ซึ่งเขาร้องไห้จนหมดแรง นอนกลางวันไปแล้วนั่น-o-"
เปล่า ผมยังไม่เลิกสนใจเขาอย่างถาวร ผมแค่คิดอยากไปเดินเล่น สูดอากาศรอบๆเมืองเป็นครั้งสุดท้าย...อย่างน้อยก็สักครั้ง ขอให้ผมได้อำลาเมืองนี้และ...จากไปอย่างสบายใจที่สุด
เดินออกจากบ้านได้ 3ก้าววิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคยอยู่ต่อหน้าผม -ที่หุวมุมเสาไฟฟ้ามีเสียงสองเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วๆมากระทบโสดประสาทของผม มีเด็กชาย 2 คนกำลังทะเลาะกันเด็กคนนึงหน้าเหมือนกอริลล่า ส่วนอีกคนหน้าเหมือนสุนัขจิ้งจอก
" เอามาให้ฉันซะดีๆ ไม่งั้นนายเจ็บแน่ " นายกอริลล่าขู่พร้อมกับถลกแขนเสื้อขึ้น ตั้งท่าจะออกหมัด
นายจิ้งจอกไม่มีทางหนี ยื่นถุงที่ข้างในมีหนังสือการ์ตูนอยู่ 9 เล่มให้โดยดี
" ดีมาก..เพื่อนซี้ " นายกอริลล่าแสยะยิ้ม " หนึ่ง 2 3 4 5 6 7 8..9 -_- " การ์ตูนหายไป 1 เล่ม ไม่ครบตามสัญญาเด็กชายกอริลล่าเบิกตากว้าง สีหน้าโมโห มือซ้ายขยุ้มที่คอเสื้อของเด็กชายจิ้งจอก-เขายังไม่ปริปาก เด็กชายกอริลล่าถามต่อ " อีกเล่มหล่ะ... เอาไปซ้อนไว้ไหน ! " พร้อมกระชากคอเสื้อของเด็กชายจิ้งจอก " ฉันเปล่านะ เจ้าโนบิมันเอาไปต่างหาก " เด็กชายจิ้งจอกตอบด้วยอาการสั่นหงกๆๆ
" ฮึ่ม.. แกเจ้าโนบิ เดี๋ยวสวยแน่ !" เด็กชายกอริลล่าพูดจบก็ตรงดิ่งมาทางผมราวกับพายุใต้ฝุ่นขนาดย่อม
'ฉันคงจะช่วยได้เป็นครั้งสุดท้ายละน่ะ ' ผมคิดในใจพร้อมกับล้วงมือลงไปยังกระเป๋าหน้าท้องควานหาบางสิ่ง( เป็นนิสัยเสียที่ผมแก้ไม่ตกเสียที ผมไม่เคยหาของที่ต้องการเจอในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั่นคือข้อเสียของการไม่ชอบจัดกระเป๋า-o-a )
ในที่สุดผมก็เจอมัน !...." ดอกไม้ขี้ลืม"
เด็กชายกอริลล่าเดินตรงเข้ามา ผมยื่นดอกไม้เข้าไปใกล้จมูกทันเวลาพอดี !
" อ้าว นี่ฉันกำลังจะทำอะไรเนี่ย-o-a???? "
" นายกำลังจะเอาการ์ตูนไปคืนให้ซึเนโอะไง "
" อ๋อ งั้นหรอกหรอ "
เขาเดินจากไปโดยดี - ผมถอนหายใจ โล่งอกไปอีกเปราะ คนที่ได้ดมกลิ่นดอกไม้นี้จะเป็นอัลไซเมอร์ไปสักพักใหญ่ๆ รู้ตัวอีกทีคงพบว่าการ์ตูนไม่ได้อยู่กับตัวเสียแล้ว - ทำไงได้หละ เพื่อโนบิตะ ผมยักไหล่ 2 ทีและเดินต่อไปตามทาง
ร้านขายขนมที่อร่อยที่สุดอยู่ทางซ้ายมือ ผมหันซ้ายหันขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกนั้นผมจึงตัดสินใจซื้อโดรายาจิกักตุนเอาไว้กินที่ศตวรรษที่ 22 แก้เหงา 1,293 ชิ้น
เดินต่อไปอีกหน่อยคือลานว่าง ความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน ลานกว้างเป็นทั้ง สนามเบสบอล ที่ชุมนุม ที่ๆใช้แข่งความอดทนในหน้าหนาว เวทีคอนเสิร์ตของไจแอนท์ -ผมยื่นมือไปสัมผัสมันครั้งสุดท้าย ลูบไล้มันด้วยความคิดถึง....
ภาพหลายภาพมันผุดขึ้นในความทรงจำ วันหยุดภาคฤดูร้อนที่ทุกคนแข่งกันจับแมลงที่ภูเขา การแข่งขันเบสบอลระหว่างทีมไจแอนท์และทีมจากร.รอื่นที่ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้เสมอและคอนเสิร์ตมหาโหดของไจแอนท์ โดยที่เสียงนั้นสามารถฆาตกรรมคนได้อย่างสบายๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าบอกเจ้าตัวว่าเสียงห่วยแตกขนาดไหน
ผมเอนตัวลงบนพื้นลาน ดูเมฆบนท้องฟ้าที่น่ากินเคลื่อนไปเคลื่อนมา
......จนเผลอหลับในที่สุด
สดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีท้องฟ้าเริ่มมืด พระจันทร์ดวงกลมโต ดาวเต็มฟ้า ผมพลันนึกถึงครั้งนึงที่เราเคยท่องไปในอวกาศด้วยกัน แทบจะไม่มีที่ไหนแล้วมั้งที่พวกเรายังไม่เคยไป.......
ขณะนี้ผมได้ยืนอยู่หน้าบ้านเธอ เอาหละ นี่คงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมทำให้ ' เธอ ' เธอเป็นขวัญใจของทุกคน เด็กหญิงน่ารักร่าเริง นิสัยดี อ่อนโยน เมตตา ถ้าเธอรู้อนาคตว่าต่อไปจะได้แต่งกับชายผู้ไม่เอาไหนโนบิตะ เธอจะทำหน้ายังไงนะ ??? => ผมคิด และล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า " บอดี้การ์ดที่มองไม่เห็น " หวังว่าสิ่งนี้มันคงจะช่วยเธอได้
- " ถ้าใครมาแอบดูเธอตอนอาบน้ำอยู่ละก็ ให้โยนออกไปเลยรู้ไหม " ผมกำชับอย่างแน่นหนา หวังว่าต่อไปนี้เธอจะไม่ถูกรบกวนเวลาอาบน้ำอีก - ผมหันหลัง เดินกลับออกมาแต่กลับประชันหน้ากับเธอเข้าอย่างจัง
" อ้าว โดราจัง ดึกแล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรอจ๊ะ " เธอยิ้ม
" ฉันกำลังจะกลับพอดี ไปก่อนนะ " ผมกลั้นต่อมน้ำตาไว้วิ่งออกมาจากบ้านเธออย่างรวดเร็ว
เฮ้อ...นี่ก็ดึกแล้วสินะ ผมเดินไปตามทางกลับบ้านและก็ยังมีคำถามหลายข้อที่ไม่ได้ตอบ
- ไม่รู้ป่านนี้นายจะทำอะไรอยู่ ?
- จะตื่นรึยังนะ ?
- ได้ยินว่าพรุ่งนี้สอบอ่านหนังสือรึยัง ? เดี๋ยวก็ได้ 0 คะแนนอีกตามเคยหรอก
รู้สึกตัวอีกที ผมก็มายืนอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆที่ทำมห้ความเศร้าของผทบรรเทาลงเวลาที่คิดถึงศตวรรษที่ 22 ป่านนี้ข้าวเย็นคงเสร็จแล้วกับข้าววันนี้จะเป็นอะไรนะ? โนบิตะนายต้องกินเยอะๆนะ ไม่งั้นจะเป็นเด็กที่แข่งแรงได้ยังไง เฮ้อ ผมคิดแล้วผมก็อยากอยู่ต่อที่นี่อีกเพื่อที่จะดูแลเด็กชายไม่เอาไหนที่เปรียบเสมือนเพื่อนที่เคียงข้างกายผมเสมอ ผูกพันกันเป็นเหมือนเชือกที่ตัดขาดกันไม่ได้
นี่มันก็ดึกมากแล้วสินะ ผมจะถูกแม่ดุรึเปล่าก็ไม่รู้ => ผมคิด ครั้งหนึ่งผมเคยร้องไห้ทั้งวันเมื่อรู้ตัวว่าไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ ผมยังจำได้ดี วันนั้นเธอกอดผมพูดกับผมว่า " โดราจังก็เป็นลูกแม่เหมือนกันนะจ๊ะ " เธอเป็นแม่ที่ดีที่สุดคนนึง ผมมั่นใจว่าอย่างนั้น ถึงบางครั้งเธอจะขี้บ่นไปก็ตาม
ผมผลักประตูเข้าไป มีแต่ความเงียบกับความมืด
ไฟทุกดวงปืดหมดแล้ว คงจะกินข้าวเย็นกันไปเรียบร้อย หรือว่าผมเห็นความสำคัญของตัวเองมากเกินไป ความจริงแล้วทุกคนอาจไม่สนใจว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร....
พรึบ ! ไฟในห้องนั่งเล่นสว่างขึ้น ทุกคนนั่งอยู่ข้างใน พ่อ แม่... และโนบิตะ
" ไงโดราเอมอน ทำไมนายกลับดึกจังหละ " โนบิตะพูด
" สุขสันต์วันเกิด " ทั้ง 3 คนตะโกนพร้อมกัน
ผมตกใจ ดีใจและแปลกใจ ในขณะเดียวกัน และนั่น ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีโดรายากิวางอยู่เต็มจาน
" นี่ไม่ใช่วันเกิดฉันซักหน่อย "
" ใครบอกว่าวันเกิดนายหละ "
" ถ้าไม่ใช่วันเกิดนายแล้ววันเกิดใครหละ " ผมหันไปทางพ่อกับแม่ทั้งคู่ส่ายหัว
" ฉลองเนื่องในโอกาสที่เรารู้จักกันครบหนึ่งปีไงหละ "
เขาเปิดขวดน้ำอัดลม " แด่มิตรภาพของเราที่มีอายุครบหนึ่งปี "
น้ำตาผมไหล ใช่สิ ผมเป็นหุ่นยนต์อันดับหนึ่งของศตวรรษ 22 เชียวนะ เอ่อ จะว่าที่หนึ่งก็เกินไป เอาเป็นว่าที่ 3 ก็แล้วกัน ผมถูกสร้างให้มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดีใจ ยิ้ม หัวเราะ มีความสุข โกรธ เหงา เศร้า และ ร้องไห้....
" โนบิตะ นายทำการบ้านคนเดียวได้ไหม ถ้าถูกไจแอนท์แกล้งจะสู้เขาไหม ฉันเป็นห่วงนายมากนะ..."
" อย่าเป็นห่วงนักเลย จะถามไปทำไมหละ ในเมื่อฉันมีนายอยู่แล้วทั้งคน เอ้อ ว่าแล้วก็ขอยืมไอ้นั่นหน่อยสิ ไอที่ทำให้แข็งแรงขึ้นไง "
" ถ้าทะเลาะด้วยตัวเองไม่ได้ก็อย่าทะเลาะเลย !" ผมกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
" นี่โดราเอมอนนายเป็นอะไรไปหนะ " โนบิตะพูดพร้อมทำหน้างงๆ
" ไม่..เป็น..ไร ฉันแค่เหนื่อยหนะ... นี่ไงหละ ยาที่นายอยากได้ ดื่มนี่แล้วหลับซะ ตื่นเช้ามาพรุ่งนี้นายจะเข้มแข็งขึ้น " ผมล้วงมือเข้าไปกระเป๋าพร้อมกับหยิบขวดยาสีฟ้าออกมา
" ดื่มซะสิ "
" นี่หนะหรอ ขอบใจนะโดเรมอน^o^ " เขากระโดดเข้ามากอดผมพร้อมกับ คว้าขวดยาไป เปิดจุกออกและดื่มรวดเดียวหมด ผมคิดในใจว่า นี่คงเป็นกอดสุดท้ายที่ผมจะได้จากเขา..ผมแทบกลั้นน้ำตาที่มันอยากจะออกมาสูดอากาศที่แสนอบอุ่นจากโนบิตะไว้ไม่ได้
เป็นเวลาสักพักเขาก็นอนหลับไป...ผมเอาหมอนรองไว้ที่หัว และห่มผ้าให้เขา ยาขวดเมื่อกี้ไม่ใช่ยาที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นหรอก มันคือยาลบความทรงจำ ทันทีที่เขาตื่นมาในเช้าวันพรุ่งนี้ จะไม่มีคำว่าโดราเอมอนอีกตลอดกาล อาจจะฟังดูโหดร้าย แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
" โนบิตะ....ต่อไปนายห้ามฉี่รดที่นอนอีกนะ เวลาทะเลาะกับใครต้องชนะ อย่าไปร.รสายอีกหละฉันวางประตูทุกหนทุกแห่งไว้หน้าบ้านแล้ว "
บ่อน้ำตาผมเริ่มแตกอีกครั้ง สงสัยคอมพิวเตอร์ในตัวคงจะพังเต็มทีเพราะผมไม่สามารถหยุดร้องได้ ผมเฝ้ามองเขาหลับจวบจนรุ่งสาง นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ดูแลเค้าอย่างเต็มที่
มันถึงเวลาแล้ว - ผมอุ้มสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหน้าท้องมันมีขนาดใหญ่จนผมเซถลาไปข้างหลัง " ตู้โทรศัพท์ ติ๊งต่าง "
ผมก้าวเข้าไปในตู้ เป็นก้าวสั้นๆที่ลำบากเหลือเกิน ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นและกระซิบเบาๆ " ขอให้โลกนี้...ไม่มีโดราเอมอน " ไม่ว่าจะสมมุติให้โลกเป็นอย่างไรก็ตามเพียงแต่ยกหูไปและพูดตามใจคิด โลกทั้งโลกก็จะเปลี่ยนแปลงตามนั้น
มันเป็นสุดท้ายจริงๆที่ผมจะทำเพื่อโนบิตะได้
" ฉันไม่น่ามาที่นี่เลย "
ผมดึงลิ้นชักออก ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าซ้ายเข้าไปในลิ้นชักขณะที่ตาเหลือบมองโนบิตะ สองมือของผมจับขอบโต๊ะและก้าวเท้าขวาตาม ตัวผมลงไปอยู่ในลิ้นชักครึ่งตัว ขาทั้งสองส่ายไปมาสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า
" ล่าก่อนโ นบิตะ ล่าก่อนเพื่อนรักผู้อยู่เคียงข้างฉัน " ผมปล่อยมือ ร่างทั้งร่างจมดิ่งลงไปในอุโมงกาลเวลา...........
หมายเหตุ เรื่องนี้คัดลอกมาจากหนังสือชื่อ " หากแต่ร่มคันนั้นซึ่ง..."ผู้แต่งคือ วิน นิมมานวรวุฒิ หากใครชอบเรื่องนี้แนวนี้ และเรื่องสั้นแบบนี้ ให้ไปซื้อหนังสือได้เลย แนะนำว่าคุณๆต้องชอบเรื่องที่เขาแต่ง
- อ้างอิง
1.โดเรมอน ฉบับที่ 1-45 ของสำนักพิมพ์เนชั่น
2.โดราเอมอน box set เล่นที่ 1- 16 ของสำนักพิมพ์เนชั่น
3.หนังสือการ์ตูนทำมือ " หุ่นยนต์แมวสีฟ้า ที่คุณก็รู้ว่าตัวไหน? " ผู้แต่ง พระเจ้าเป็นหมา/โลกของเรา/และอีกมาก
4.งานโดจินชิ ตอบจบของโดราเอมอน โดยTaiji yasue
5.อ.ฟุจิโกะผู้กำเนิดโดราเอมอน
ผลงานอื่นๆ ของ ~%kim hye seong%~ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ~%kim hye seong%~
ความคิดเห็น