ขุมทรัพย์ฟาโรห์ - ขุมทรัพย์ฟาโรห์ นิยาย ขุมทรัพย์ฟาโรห์ : Dek-D.com - Writer

    ขุมทรัพย์ฟาโรห์

    การขุดพบสมบัติอันล้ำค่าของชาวอียิปต์นั้น มันเริ่มต้นเมื่อ นักล่าสมบัติผู้มุ่งมั่นสองคน ซึ่งทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิต เพื่อค้นหาความลับที่ฝังอยู่ใต้ผืนทราย เมื่อปี 1816 พบหินสลักรูปศีรษะหนัก 7 ตัน

    ผู้เข้าชมรวม

    721

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    721

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 49 / 15:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      อนุสรณ์ของชาวอียิปต์โบราณ ตั้งตระหง่านอยู่บนภูมิประเทศห่างไกลและแล้งแห้ง บนผืนทะเลทราย พวกมันย้ำเตือนถึงโลกแห่งพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ และความมั่งคั่งของอารยธรรมที่เฟื่องฟู มาช้านาน ก่อนพระประสูติกาล ของพระเยซูคริสต์

      การขุดพบสมบัติอันล้ำค่าของชาวอียิปต์นั้น มันเริ่มต้นเมื่อ นักล่าสมบัติผู้มุ่งมั่นสองคน ซึ่งทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิต เพื่อค้นหาความลับที่ฝังอยู่ใต้ผืนทราย เมื่อปี 1816 พบหินสลักรูปศีรษะหนัก 7 ตัน นอนอยู่บนผืนทะเลทรายอียิปต์อันร้อนระอุ มันอยู่ที่นี่มานานกว่า 3,000 ปีแล้ว ซึ่งในตอนนั้นชาวฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่างก็แข่งขันกันเพื่อค้นหาสมบัติ ไปประดับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ การล่าวัตถุโบราณในอียิปต์จึงกลายเป็นการตื่นทองอย่างรวดเร็ว การเดินทางไปเก็บเอาศีรษะและสมบัติอื่นๆ ในดินแดนที่ไร้ซึ่งกฎหมายและยังไม่มีการสำรวจมากนัก มันเป็นอาณาเขตที่บริสุทธิ์สำหรับนักล่าสมบัติ การโจรกรรมสุสานของคนที่นั่นต้องหยุดไปชั่วขณะ เพราะหน้าที่ใหม่ของพวกเขาคือการเคลื่อนย้ายศีรษะหินยักษ์ไปสู่ประเทศอังกฤษ

      จากนั้นนักล่าก็เริ่มหาแหล่งสมบัติใหม่ พวกเขาเดินผ่านเนินเขาเตี้ยในทะเลทรายแห่งหนึ่ง และกำลังเข้าไปในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอียิปต์นั่นคือหุบเขาแห่งพระราชากว่า 500 ปี ฟาโรห์ ได้ถูกนำมาฝังไว้ที่นี่ทุกพระองค์ และถูกทำให้เป็นมัมมี่ตามพิธีกรรมที่กินเวลานานถึง 70 วัน ผู้ปกครองชาวอีปยิต์เชื่อว่า การเก็บรักษาร่าง จะทำให้พระองค์จะมีชีวิตเป็นนิรันดร์ คนภายนอกมักจะมองชาวอียิปต์ว่าเป็นผู้คนที่หมกมุ่นกับความตาย ความมืดมัว แต่ที่จริง ชาวอียิปต์รักการมีชีวิต และอยากจะสร้างชีวิตต่อไปในโลกหลังจากนี้ เข้าไปสู่โลกหน้า นี่คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขานำสิ่งของที่จำเป็นเข้าไปด้วยในสุสาน หุบเขาแห่งพระราชานั้น จึงเรียงรายไปด้วยสุสาน

      ในตอนนั้น นักล่าสมบัติ กลายเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญโบราณวัตถุไปในที่สุด พวกเขาได้ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สุสานขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในหุบเขาแห่งพระราชา การค้นพบสิ่งที่เคยถูกลืมเลือนไปนาน และแสดงให้โลกเห็นถึงอนุสรณ์ที่สมบูรณ์แบบของอียิปต์โบราณ สุสานแห่งนี้คือ สุสานของ เซโธส ที่หนึ่ง” (Sethos I) ผู้ปกครองอียิปต์ในยุครุ่งเรืองสูงสุด สุสานนี้สะท้อนความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้เป็นอย่างดี เนฟทิส (Nephtys) พร้อมด้วยปีกที่แผ่กว้างไกล ช่วยรักษาร่างของฟาโรห์ ส่วนภาพบนผนังแสดงให้เห็นว่ามีขบวนเรือแล่นตามกัน ข้ามแม่น้ำสายต่างๆ ในยมโลก มุ่งหน้าไปกับกษัตริย์ผู้มาถึงใหม่ บนเพดานมีเทพเจ้าสำคัญหลายองค์ ล้วนชุมนุมกันเหนือจักรราศีบนท้องฟ้าทางเหนือในรูปของสัตว์

      การขุดหาสมบัติของฟาโรห์เริ่มขึ้นอีกครั้ง มันคือโอกาสสุดท้ายที่จะได้พบ ตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ทุ่มเทไปกับการค้นหาสุสาน จนกระทั่งพวกเขาพบขั้นบันไดหินปูนที่ฝังอยู่ใต้พื้นทราย มันคือขั้นบันไดที่นำลงไปยังประตูทางเข้าที่ปิดผนึก พวกเขาเรียกมันว่า สุสานแห่งวิหค มันเป็นการค้นพบสิ่งที่แสนมหัศจรรย์ในหุบเขา สุสานอันงดงามที่ถูกปิดผนึก เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 1922 การเจาะรูผ่านผนังที่ล้อมรอบสุสานก็เริ่มขึ้น ภาพที่ปรากฎภายในนั้น คือ สัตว์รูปร่างประหลาด, รูปสลัก ทุกแห่งเรืองรองไปด้วยทองคำ สิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อน สิ่งของจากราชสำนัก สุสานของตุตันคาเมนถูกเปิดเผยบัลลังค์ทองคำ และถูกประดับด้วยภาพของพระนางแอนเคเซนามุน (Ankhesenamun) มเหสีผู้อ่อนวัยของฟาโรห์ วัย 16 ชันษา กำลังแสดงออกถึงความรักต่อพระองค์บนพระแท่นทองคำ มันคือภาพของตุตันคาเมน กำลังรินไวน์ลงบนมือของพระมเหสี และภาพของพระนางที่กำลังกระชับสร้อยรอบพระศอ อย่างละมุนละไมแม้แต่ภาพวาดบนผนังที่ล้อมรอบโลงพระศพ ก็เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง มันเป็นภาพที่แสดงออกถึงกษัตริย์หนุ่มน้อยผู้ไร้เดียงสา ฟาโรห์ ตุตันคาเมน จึงกลายเป็นผู้ที่ทุกคนคุ้นเคย มันเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้น

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×