เค้านี่ล่ะ อัจฉริยะหมายเลขเก้า - เค้านี่ล่ะ อัจฉริยะหมายเลขเก้า นิยาย เค้านี่ล่ะ อัจฉริยะหมายเลขเก้า : Dek-D.com - Writer

    เค้านี่ล่ะ อัจฉริยะหมายเลขเก้า

    เค้านี่ล่ะเด็กอัจฉริยะ ไม่ใช่แค่อัจฉริยะธรรมดานะ แต่เป็นอัจฉริยะที่หัวทึบที่สุด ไอเดียบรรเจิดที่สุด และก็ยังน่ารักที่สุดในโลกด้วย

    ผู้เข้าชมรวม

    282

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    282

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ส.ค. 52 / 02:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                จินนี่เป็นเด็กอัจฉริยะ  ไม่ใช่แค่อัจฉริยะธรรมดา  แต่เป็นอัจฉริยะหมายเลขเก้า
      จินนี่อายุห้าขวบ  แต่ก็สามารถบวกลบคูณหารเลขได้อย่างคล่องแคล่ว  เธอรู้ว่าห้าบวกสี่ได้เก้า  รู้ว่าสี่สิบสี่หารสี่ลบแปดแล้วยกกำลังสองได้เก้า  รู้แม้กระทั่งว่าหนึ่งบวกหนึ่งตามหลักกลศาสตร์ของดาวอุลตราแล้วก็จะได้เก้าเหมือนกัน
      ไม่เพียงเท่านั้น  เธอยังมีความรู้ที่กว้างขวางเหนือกว่าหนังสือไซโคพีเดีย  เพราะเธอรู้ว่าตัวเธอเองเป็นอัจฉริยะอันดับเก้าของโลกนี้  ซึ่งข้อมูลที่แสนลึกลับนี้ไม่มีหนังสือหรือแม้กระทั่งบันทึกอันไหนได้จดเอาไว้เลย  จึงนับได้ว่าข้อมูลนี้มีเธอถือครองไว้เพียงผู้เดียว
      เธอไม่คิดว่าตัวเองชาญฉลาดที่สุด  เธอมักจะพูดอยู่เสมอว่าตัวเองเพียงแค่ฉลาดเป็นอันดับเก้าเท่านั้น  ในโลกต้องมีคนที่เป็นอัจฉริยะมากกว่าเธออยู่อย่างแน่นอน  เพียงแต่ว่าเธอยังไม่เคยพบเท่านั้นเอง
      แน่นอนว่าข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันจากสมาพันธ์โลกแต่อย่างใด

      ------------------------ =_= ------------------------

      "ก็ตามที่ว่ามา  วันนี้แหละที่โลกจะได้รับรู้ถึงความเป็นอัจฉริยะของเค้า !!"
      จินนี่ประกาศกร้าวต่อหน้าสหายร่วมอุดมการณ์  มิตรร่วมเผ่าพันธ์  หรือที่เรียกกันง่ายๆว่าเพื่อนข้างบ้าน
      วันนี้ก็เป็นเช่นทุกวัน  จินนี่และเพื่อนผองมารวมตัวเล่นกันที่สวนสาธารณะไกล้ๆบ้าน  แน่นอนว่าเธอจะทำตัวเป็นหัวโจกของพวกเด็กๆในละแวกบ้านเสมอ  นั่นเพราะเธอมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าใครๆทั้งหมด  จะตัวเล็กใหญ่ไม่ว่า  เอาบ้าเข้าข่มก็กินขาดแล้ว
      "อัจฉริยะนี่อร่อยมั้ยอ่ะ ?"
      ลูกตาลจอมเขมือบ  เพื่อนที่อยู่ไกล้ที่สุดถามด้วยสีหน้ามีความหวัง  ส่วนจะหวังอะไรนั้นก็สุดแล้วแต่จะทราบได้
      "แล้วอัจฉริยะนี่เท่ไหม ?"
      เชน  เพื่อนอีกคนถาม
      จินนี่ยืดแล้วบอกว่า
      "เท่สิ  คนเป็นอัจฉริยะแล้วจะเท่ที่สุดในโลกเลย  เพราะงั้นเค้าก็เท่ที่สุดในโลกด้วยเหมือนกันล่ะ"
      "แล้วก็อร่อยที่สุดด้วยใช่ไหม ?"
      ลูกตาลยังคงถามย้ำคำเดิม
      "ยอดไปเลย  งั้นเชนก็จะเป็นอัจฉริยะบ้าง  แล้วต้องทำยังไงถึงจะเป็นอัจฉริยะได้ล่ะ ?"
      จินนี่ส่ายหน้าบอกว่า
      "ไม่ได้หรอก  เพราะว่าคนเป็นอัจฉริยะต้องบวกลบเลขได้  แล้วก็ต้องมีความรู้มากกว่าผู้ใหญ่ด้วย  เพราะงั้นเลยมีเค้าเป็นอัจฉริยะได้คนเดียวไงล่ะ"
      "เท่ไปเลย  งั้นก็แปลว่าจินนี่รู้ทุกเรื่องที่พวกเราอยากรู้เลยน่ะสิ"
      "ใช่แล้ว  เค้าเป็นคุณลุงอัปดุลที่รู้หมดทุกอย่าง  อัปดุลถามได้ตอบได้  เค้าเองก็ถามได้ตอบได้เหมือนกัน"
      "งั้นจินนี่รู้ไหมว่าทำไมป้าของเชนต้องพกร่มติดตัวไปไหนมาไหนตลอดเวลา ?"
      "แน่นอน  ก็เพราะร่มของคุณป้าเป็นปืนกลที่ใช้ต่อสู้กับผู้ร้าย  แล้วป้าของเชนก็เป็นสายลับของตำรวจสากลไอซียูน่ะสิ"
      เชนมีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที  แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าไอซียูคืออะไร  แต่จากที่ฟังมาป้าของเธอจะต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ๆ
      "แต่ว่าเรื่องนี้เป็นความลับระดับชาติ  ถ้าหากคุณป้ารู้ว่าพวกเรารู้ความลับล่ะก็  พวกเราทั้งหมดอาจจะถูกจับไปขังคุกที่ไอซียูก็ได้  เพราะงั้นความลับเรื่องนี้ห้ามพูดออกไปเด็ดขาดนะ !"
      เชนพยักหน้าหงึกๆด้วยความหวาดกลัว  เธอสาบานกับตัวเองว่าจากนี้ไปจะไม่ดื้อไม่ซนกับคุณป้าอีกแล้ว  รวมทั้งจะแกล้งมองไม่เห็นรอยตีนกาบนหน้าของป้าด้วย
      "แล้วต้องทำยังไงคนอื่นถึงจะรู้ว่าจินนี่เป็นอัจฉริยะล่ะ ?"
      เชนถามด้วยความสงสัย
      จินนี่กอดอกเชิดหน้าแล้วพูดด้วยความมั่นใจว่า
      "เค้าจะออกทีวี !!"
      "เค้าเคยเห็นคุณลุงหลายๆคนพูดออกทีวี  แล้วก็มีคนฮือฮาเห็นด้วยเต็มไปหมด  เพราะงั้นถ้าเค้าออกทีวีขึ้นเวทีพูดบ้างก็ต้องได้ผลเหมือนกันแน่ๆ"
      เธอกระโดดขึ้นไปยืนบนม้านั่ง  หยิบกิ่งไม้มาถือแทนไมโครโฟน  ชูมือขึ้นฟ้าแล้วทำท่าแบบเดียวกับที่เคยเห็นมาในทีวี
      "ได้เวลาแล้วที่เราจะให้โลกได้เห็นความเป็นอัจฉริยะของเค้า  จงลุกขึ้นเถิดพี่น้อง !!  มาร่วมกันต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม !!"
      เธอกล่าวอย่างอินได้ที่  แม้จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไหร่ก็ตามเถอะ  ส่วนเพื่อนผองคนอื่นๆแม้จะไม่เข้าใจเหมือนกันแต่ก็รู้ว่าเวลานี้ยังไงก็เฮกันไว้ก่อนดีกว่า  ก็บทในทีวีเขาว่าไว้ยังงั้นนี่...
      เวลาไหลผ่านไป  ตะวันเริ่มโพล้เพล้  แม้ความมืดมิดจะเริ่มคืบคลาน  แต่ภายในดวงตาของเด็กน้อยกลับทอประกายสุกใสด้วยความหวังอันแสนสวย
      จินนี่ยังทบทวนประโยค "ลุกขึ้นเถิดพี่น้อง" ซ้ำไปซ้ำมา  ส่วนคนฟังก็ทบทวนการเฮซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกัน  เรียกได้ว่าต่างคนต่างทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถราวกับคอนเสิร์ตของป้าเบิร์ดก็ไม่ปาน
      พรุ่งนี้แหละ  ที่ทั่วทั้งโลกจะได้รู้จักเธอ

      ------------------------ =_= ------------------------

      จินนี่เป็นผู้รอบรู้  ดังนั้นจินนี่จึงรู้ว่าบ้านนอกแบบนี้ไม่มีสถานีทีวีแน่ๆ  แต่ไม่มีสถานีทีวีก็ไม่เป็นไร  แค่ได้ไปโฟนอินที่สถานีวิทยุชุมชนก็คงพอไหวอยู่
      ในวันนั้นจินนี่เดินกลับมาด้วยรอยยิ้ม  รอยยิ้มที่มั่นใจเมื่ออยู่กับกับชุดกระโปรงสีน้ำเงินสดใสนั้นแล้ว  ก็ชวนให้คนมองรู้สึกเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก
      เหล่าเพื่อนฝูงเมื่อได้เห็นเช่นนั้น  ก็ต่างพากันกรูเข้าไปรุมล้อมเธอในทันที
      "จินนี่ได้ออกทีวีแล้วใช่ไหม ?"
      "จะออกทีวีช่องไหน ?  เมื่อไหร่ ?"
      "จินนี่จะเป็นดาราแล้ว"
      "จากนี้ไปจินนี่ต้องร่ำรวยมีเงินมากมายแน่ๆ  แล้วต้องเลี้ยงขนมเราทุกวันด้วยนะ"
      ท่ามกลางเหล่าคำถามที่ประดังกันเข้ามา  จินนี่บอกให้ทุกคนเงียบก่อนจะเฉลยว่า
      "เค้าไม่ได้ออกทีวีหรือวิทยุหรอก !"
      เกิดเสียงฮือฮาในหมื่อเพื่อนฝูงขึ้นมาอีกครั้ง  ก่อนจะมีเสียงใครซักคนบ่นขึ้นมาแว่วๆว่าทั้งที่คุณลุงยังออกทีวีได้  แล้วทำไมเด็กๆอย่างเราถึงออกทีวีไม่ได้  โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม  หรือว่าอยุธยาจะสิ้นคนดีเสียแล้ว 
      ในตอนนั้นเด็กคนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะแล้วโพล่งขึ้นมาว่า
      "แต่การที่แห้วกลับมาแบบนี้  ก็แปลว่าจริงๆแล้วจินนี่ไม่ใช่อัจฉริยะ  แต่เป็นแค่เด็กติงต๊องธรรมดาสินะ ?"
      คนที่กล่าวขึ้นมาคือต่าย  คู่กัดตลอดกาลของจินนี่
      กระต่ายเป็นสัตว์ขี้เหงา  เธอเองก็เป็นคนขี้เหงาตามชื่อ  เพราะงั้นยิ่งจินนี่เด่นมากเท่าไหร่  เธอยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกเมินมากขึ้นเท่านั้น  เธอจึงมักจะคอยขัดคอจินนี่อยู่เสมอ  ในวันนี้ก็เช่นกัน
      "ยอมรับซะเถอะจินนี่  ว่าจริงๆแล้วเธอก็แค่เด็กโง่ธรรมดาๆเท่านั้นแหละ"
      จินนี่บุ้ยปากค้อนกลับไปว่า
      "เค้าไม่ได้โง่นะ  การที่รายการเขาไม่ให้เค้าไปออก  นั่นก็เพราะว่าเค้าฉลาดเกินไปตะหาก !"
      "ฉลาดเกินไปก็ออกทีวีไม่ได้หรือ ?"
      จินนี่ทำท่าทางเสียดายเหมือนตัวอิจฉาที่เห็นมาในละคร  ผายมือออกแล้วกล่าวอย่างช้าๆว่า
      "ความอัจฉริยะของเค้ามันล้ำยุคเกินไป ที่รายการเขาบอกว่าคนในยุคสมัยนี้ยังไม่สามารถเข้าใจความยอดเยี่ยมของเค้าได้  ต้องรอให้ไอคิวคนในโลกสูงขึ้นกว่านี้ก่อน  ไอคิวของเค้ามันเท่ากับคนในโลกร้อยปีข้างหน้า  เพราะงั้นคงต้องรออีกซักร้อยปีคนถึงจะเข้าใจความยอดเยี่ยมของเค้า"
      เธอทอดถอนใจส่ายหน้าช้าๆแล้วกล่าวอีกว่า
      "นี่แหละความเศร้าของคนเป็นอัจฉริยะ  ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ขาดคนเข้าใจเสมอ"
      จินนี่ทำท่าเหมือนโบกพัดไปมาราวกับเป็นข้งเบ้งในหนังเรื่องสามก๊ก  แน่นอนว่านั่นก็เพิ่งดูมาเหมือนกัน
      จากนั้นเธอแหงนหน้ามองฟ้า  ทำท่าเหมือนกำลังเหม่อมองใบไม้แห้งร่วงจากต้น  แม้ว่าความจริงจะมีแต่เศษขยะที่คนทิ้งไว้ลอยไปลอยมาอย่างเดียวก็ตาม

      หลังจากโพสท่าขงเบ้งจนเมื่อยแล้ว  จึงค่อยชักชวนเหล่าเพื่อนฝูงไปหาอะไรเล่นซนกันต่อตามประสาเด็กๆ
      เสียงเฮฮาเริ่มดังขึ้นจากสวนสาธารณะ  จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่ทราบได้  แต่หากมีคนมองมาตามเสียงเฮฮา  จะพบว่าเด็กที่หัวเราะได้ดังที่สุด  ยิ้มได้น่ารักที่สุด  และร่าเริงได้มากที่สุด  ก็คือเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีน้ำเงินคนนี้นี่เอง
      จินนี่ไม่รู้จักความโศกสลด  เพราะเธอยังเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสา  เธอผ่านโลกมาน้อยเกินไป  น้อยจนไม่เข้าใจกระทั่งความหมายของความล้มเหลว
      หนึ่งบวกหนึ่งได้เก้าจะผิดตรงไหน  หากไม่รู้ก็ไม่ผิด  เมื่อไม่ผิดก็ไม่ล้มเหลว  คติข้อนี้ฟังดูบิดๆเบี้ยวๆและพิลึกกึกกือ  แต่บางครั้งก็ทำให้คนมีความสุขได้เหมือนกัน
      ดังนั้นแม้บนท้องฟ้าจะไร้ดวงตะวัน  แต่เธอจะส่องประกายเฉกเช่นหมู่ดาว
      นี่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเด็กๆทั่วโลก  โดยเฉพาะเด็กสมองกลวงที่เข้าใจอะไรครึ่งๆกลางๆอย่างเธอ
      นี่ล่ะคือจินนี่  อัจฉริยะตัวน้อยที่โลกยังไม่รู้จัก  และเป็นอัจฉริยะหมายเลขเก้าที่น่ารักที่สุดในโลก

      ------------------------ =_= ------------------------

      เจ้าของผลงาน  Grif Fiction 

      [ ผู้เป็น 1 ใน 3 ของ GJK Team ] 

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×