คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : นายเป็นใคร?
“น่าเบื่อจัง... ฮ้าว~! -O-”
ฉันเดินอ้าปากหาวไปตามทางที่ว่างเปล่า
ก็วันนี้วันอาทิตย์นี่นาฉันเองก็ไม่มีอะไรทำ ส่วนอีตายูกิก็บอกว่ามีเรียนพิเศษพาฉันไปด้วยไม่ได้
ชิ!
เรื่องแค่นี้เองโด่...
แต่จะว่าไป...
เมื่อวานหลังจากที่เขาตื่นเขาก็มีสีหน้าตกใจหน่อยๆ ประมาณว่า ‘ฉันมานอนบนตักเธอได้ไง’ อะไรประมาณนี้แหละ จากนั้นเขาก็พาฉันกลับบ้าน
เราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนกระทั่งเมื่อเช้านี้
“เฮ้อ!”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำไมกันนะกะอีแค่เขาทำตัวใกล้ชิดนิดหน่อยทำไมฉันต้องรู้สึกหวั่นไหวด้วยล่ะ
ทั้งที่ก็พยายามหลายต่อหลายครั้งว่าจะไม่หวั่นไหวแล้วนะ แต่มันก็ฝืนไม่ได้
นับวันความรู้สึกเจ็บที่หัวใจก็ยิ่งทวีความถี่และรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
จนฉันเริ่มควบคุมไม่ค่อยอยู่
แต่...
คนอย่างอีตานั่นน่ะเรอะจะมารู้สึกเหมือนกับฉัน บอกเลยว่าไม่มีทางที่คนเย็นชาอย่างอีตานั่นจะมาหวั่นไหวได้หรอกน่า
เปอร์เซ็นต์มันมีต่ำมากถึงมากที่สุด =_=
ถ้าอีตานั่นหวั่นไหวนะฉันจะยอมหอมแก้มอีตานั่นเลยล่ะ อ๊ะ!
อันนี้ฉันล้อเล่น -///-
เอ๋?
นี่ฉันเดินมาถึงสวนสาธารณะแล้วเหรอเนี่ย ฉันนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ
บ่อน้ำแห่งหนึ่งในสวนสาธารณะ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
วิ้ดวิ้ว~
เสียงลดพัดกระทบใบหน้าช่วยทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
อา... เย็นสบายดีจัง บรรยากาศคล้ายๆ กับตอนนั้นเลย...
...ตอนที่ฉันกับเขายืนคุยกันอยู่บนสะพาน
ตอนที่ฉันกับเขากำลังจ้องตากันอย่างไม่กระพริบ และก็เป็นตอนที่เขา...
จะ...จูบฉัน -///-
แล้วทำไมฉันต้องไปนึกถึงเหตุการณ์ที่อีตานั่นจูบฉันด้วยเนี่ย
ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ เลยฉัน
แต่ก็นะ... ทำไมกันล่ะ
ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ฉันลองถามตัวเองหลายครั้งแต่คำตอบที่ได้กลับเหมือนเดิม...
...ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ใบหน้านิ่งที่อยู่ภายใต้แว่นตากรอบหนานั้นกำลังคิดหรือว่ารู้สึกอะไรอยู่ก็ไม่มีใครสามารถตรัสรู้ได้นอกจากตัวอีตานั่นเองเท่านั้นแหละ
“แม่ครับ!”
เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งผ่านหน้าฉันทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย
“ผมขอไปเล่นทางนู้นได้มั้ยครับ”
เด็กผู้ชายคนนั้นอ้อนผู้เป็นแม่ก่อนจะทำตาแป๋ว
“จ้ะๆ ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ตามไป” ผู้เป็นแม่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ลูกชายแล้วหันมาคุยกับฉันที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ
“เด็กผู้ชายก็อย่างนี้แหละหนูดื้อจริงๆ
ฉันต้องคอยดูแลตลอดเดี๋ยวก็ต้องไปเล่นกับเขาแล้วล่ะขอตัวนะจ๊ะ” คุณน้ายิ้มบางๆ
ให้ฉันแล้วเดินตามลูกชายไป
นั่นสิ! นายยูกิเคยพูดนี่นา...
‘แม่ที่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาว่างแบบนั้นน่ะ
ฉันยอมไม่มีดีกว่า’
...
‘ทานข้าวคนเดียว...
มันเหงานะ’
ยูกิ...
นายคงจะเหงาและโดดเดี่ยวมากสินะ ฉันเองก็เข้าใจความรู้สึกของนายนะ เข้าใจดีเลยล่ะ แต่ว่านายก็คงไม่รับรู้ล่ะสิ
ฉันรู้แล้วล่ะว่าสิ่งที่นายต้องการคืออะไร
ทำไมนายถึงชอบแสดงออกว่าเป็นห่วงฉัน ชอบให้ฉันมอบความอบอุ่นให้ เป็นแบบนี้เองใช่มั้ย
ยูกิ... ฉันอยากให้นายตอบคำถามของฉันนะ
แต่ว่า... (-_- ) ( -_-) (-_-;) เหลียวซ้ายมองขวาก็ไม่พบเงาของใครสักคน แต่จะว่าไปวันนี้อีตายูกิมีเรียนพิเศษนี่นา
แล้วทำไมฉันที่ถามตัวเองในใจต้องมองหาคนที่ต้องมาตอบคำถามด้วยล่ะเนี่ย ทึ่มจริงๆ
เลยเรา
เฮ้ย! ถ้างั้นก็แสดงว่ามีแค่ฉันนั่งซึมอยู่ในสวนสาธารณะนี้คนเดียวน่ะสิ
ฮือๆ T_T ตอนนี้กลับกลายเป็นฉันเองที่อยากร้องไห้
ทำไมมันเหงาอย่างนี้เนี่ย
“เฮ้อ! เหงาจังเลยเนอะ...”
“...???”
จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งนั่งลงข้างๆ ฉัน
พอเหลียวไปมองปุ๊บ... โอ้แม่เจ้า!
*()*
นี่มันเทพบุตรชัดๆ!! หล่อมาก~~ ใบหน้าเรียวรูปไข่
ดวงตาคมกริบที่จ้องมาที่ฉันนั้นแทบจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายไป
จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงสดรับกับผิวที่ขาวเวอร์ราวกับหิมะแรกรุ่น
แถมด้วยทรงผมที่ถูกเซตจนตั้งขึ้นไปเล็กน้อยยิ่งทำให้เขาดูเท่ขึ้นไปอีก...
นี่หรือคือมนุษย์! คงไม่ใช่เทวดามาจุติหรอกนะ =.,=
“นะ... นายเป็นใครเนี่ย!”
ฉันกระโดดผลุงลุกจากม้านั่ง
พลางยืนจ้องหน้าเขาอย่างพินิจพิจารณา ไม่คุ้นหน้าพ่อเทพบุตรคนนี้เลยแฮะ
(ตั้งชื่อให้เอง)
“อ๋อลืมแนะนำตัว...” เขายิ้มตาหยี
“ฉันชื่อเฟิร์ส ยินดีที่ได้รู้จักนะเธอ...”
“...”
“ฉันถามชื่อเธออยู่ ^^”
“ละ...ลูน่า คือชื่อฉัน”
“อือลูน่า เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ”
เขายื่นมือมาให้ฉันจับ อะไรกัน!!!!
เพิ่งเจอกันเมื่อกี๊แท้ๆ จะมาขอจับมือได้ไง
“นายจะแต๊ะอั๋งฉันเหรอ”ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ฮู้ยัยบ๊อง
แค่จับมือเขาไม่เรียกว่าแต๊ะอั๋งหรอกน่า”
“ก็ได้” ฉันยื่นมือไปจับมือกับเขา
“อะ... เป็นเพื่อนกันแล้วกัน”
แต่ในใจฉันอยากจะบอกว่า ‘ขอจีบได้ป่ะ’ มากกว่า แต่เขาให้เราได้แค่เพื่อนนี่นา ต้องทำใจเสียแล้วสิ
“ทำไมมาคนเดียวล่ะ ไม่มีเพื่อนเหรอ”
หลังจากที่ปล่อยมือฉันและฉันก็นั่งลงบนม้านั่งเรียบร้อยเขาก็ถามขึ้น
“หึ! มีน่ะมี แต่อีตานั่นน่ะทั้งยุ่ง ทั้งไม่มีเวลาว่าง
แถมยังเย็นชาอีกต่างหาก” ฉันเผลอบ่นเรื่องอีตายูกิให้เฟิร์สฟัง
แย่ล่ะพลาดแล้วสิเรา
“เพื่อนเธอเป็นผู้ชายเหรอ”
“อะ...อืม ก็มีคนเดียวนี่แหละ
แต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเพื่อนได้มั้ยเพราะฉันกับหมอนั่นไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่”
ฉันเงียบไปพักหนึ่ง “แถมหมอนั่นยังติดสะสางเรื่องบางเรื่องกับฉันอยู่”
“เรื่องอะไรเหรอบอกได้มั้ย”
...ก็เรื่องที่อีตานั่นขโมยจูบแรกของฉันไปน่ะสิ! ไม่อยากจะพูดเลยไม่อยากจะคิดด้วย
ฮือๆ อีตาบ้า
“หือ... ว่าไงบอกได้มั้ย”
“อะ... เอ่อคือว่าไม่มีอะไรหรอก”
ฉันก้มดูนาฬิกา “เที่ยงแล้วเดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ” ก่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่งอีกครั้ง
“เฮ้! เดี๋ยวก่อน” เขาคว้าแขนฉันไว้ทำเอาฉันชะงักกึก
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“คือว่า...
ถ้าไม่รังเกียจมาทานข้าวกับฉันเอามั้ย”
“เอ๋”
รู้สึกว่าฉันจะหูไม่ฝาดนะว่าอีตานี่ชวนฉันน่ะ
“ไปกินข้าวด้วยกันนะ”
“อะ...อืม ก็ได้”
ณ ภัตตาคารสุดหรูแห่งหนึ่ง
ในที่สุดเราสองคนก็มานั่งลั้ลลาตากแอร์เย็นๆ
ในภัตตาคารสุดหรูที่อีตาเฟิร์สเป็นคนพามาแล้วบอกว่าจะเลี้ยงในฐานะเพื่อนใหม่
เอิ่ม... เอากับเขาสิ
“เอาแบบเดิมนะครับ”
เขาสั่งพนักงานอย่างชำนาญ สงสัยมาบ่อย =_=
“เธอล่ะ”
“อ่า... เอาเหมือนนายแล้วกัน”
สั่งเสร็จฉันก็มองรอบๆ
ร้านอย่างพินิจพิจารณา โต๊ะที่เขาพาฉันมานั่ง เป็นโต๊ะที่ติดกับกระจกร้านทำให้มองเห็นวิวจากสวนสาธารณะ
ข้างๆ กันนั้นมีดอกกุหลาบสีแดงสดที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามภายในแจกันสีสวย
มีดนตรีเปิดคลอตลอดเวลาทำให้บรรยากาศยิ่งโรแมนติกเข้าไปใหญ่
“ชอบงั้นเหรอ นี่ร้านโปรดฉันเลยล่ะ”
“ก็นะ”
ความจริงฉันอยากบอกว่าชอบมากกก! เลยล่ะ
“งั้นไว้ถ้ามีโอกาสไว้ฉันจะพามาอีกนะ”
“จริงๆ นะ พามาจริงๆ ด้วยนะ”
ฉันย้ำถามอีกครั้ง เขาผงกหัวขบขันในท่าทางของฉัน อะไรยะเดี๋ยวแม่ต่อย!
“ของที่สั่งได้แล้วค่ะ”
พี่พนักงานคนสวยเดินถือถาดที่มีจานใส่สเต๊กเนื้อหอมกรุ่นออกมา
ทำให้ฉันรู้เลยว่าเขาสั่งสเต๊กราคาเหยียบพันให้ฉัน
ไอ้นี่ใช่สเต็กลือชื่อในแถบนี้หรือเปล่านะ แบบว่าเคยเห็นในใบปลิวอะ
“อะ! สเต็กลือชื่อในแถบนี้” เขายื่นจานมาตรงหน้าฉัน
“กินสิ”
“แต่มันไม่แพงไปเหรอ”
“ไม่หรอก ^^” เขาส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง
“กินได้แล้วเดี๋ยวเย็นหมดนะ”
ฉันหยิบส้อมขึ้นมาแทงลงบนเนื้อหมูก่อนจะใช้มีดหั่นเบาๆ
“ฮึ่บ!”
“ฮ่าๆ
หั่นแบบนั้นเมื่อไหร่จะได้กินล่ะเนี่ย” เขายื่นสเต๊กของตัวเองให้ฉัน “อะ ลองชิมสิ”
“ขอบใจนะ”
ฉันงับสเต๊กพิสดารนั้นแล้วเคี้ยวช้าๆ
เนื้อหมูกรอบๆ รมควันกับกลิ่นกระเทียมอ่อนๆ
ทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติอาหารตรงหน้า ราวกับอยู่ในสวรรค์ชั้นเจ็ด
“เป็นไง อร่อยใช่มั้ยล่ะ”
“อือ...”
อร่อยมากสมชื่อเลยล่ะ
แล้วเราสองคนก็ทานข้าวไปพลางคุยกันไปพลาง
รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยเมื่ออยู่กับเขา
“อา... หมดแล้วเหรอ”
ฉันพูดขึ้นอย่างเสียดายทั้งที่ตอนนี้พื้นที่ในกระเพาะของฉันแทบไม่มีเหลือ
“ถ้าเธออยากกินเดี๋ยวฉันสั่งให้อีก”
“ไม่เป็นไรหรอกเกรงใจ” ฉันปฏิเสธ
“ทั้งหมดนี่นายจะเป็นคนจ่ายจริงๆ เหรอ”
“อือ ^^” เขาควักแบงค์พันออกมาสองใบ
ก่อนจะยื่นให้พนักงานที่เขาพึ่งเรียกมาเมื่อกี๊
“อะนี่ครับค่าอาหาร”
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ
บ้านฉันอยู่ใกล้ๆนี่เอง”
“ให้ฉันไปส่งเอามั้ย”
“อ๊ะ! ไม่ดีกว่า”
ถ้าเกิดนายรู้ว่าฉันอยู่บ้านเดียวกันกับเพื่อนชายคนเดียวของฉันล่ะก็... ซวยน่ะสิ T_T
“งั้นเดินทางกลับดีๆ นะคนสวย”
“ขอบใจนะ แต่...
ฉันชื่อลูน่าต่างหาก =_=”
“จะเรียกคนสวยอะ มีอะไรป่ะ”
เขาทำหน้ากวนโอ๊ยมาก แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจเขาก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกมาจากภัตตาคารไฮโซนั่นตรงไปบ้านของอีตายูกิทันที
อีตาบ้าเฟิร์ส
เขาเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นแต่ก็แอบกวนนิดๆ พออยู่กับเขาแล้วสบายใจยังไงก็ไม่รู้...
ฉันได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคนแล้ว เย้!
(ทำไมถึงรู้สึกว่าความจริงแล้วเพื่อนจริงๆ ของฉันมีแค่คนเดียวนะ ชักสับสนซะแล้วสิ -*-)
ความคิดเห็น