ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My lovely cool guy. เผลอไปรักได้ไง โอ้ย! โรคหัวใจจะกำเริบ

    ลำดับตอนที่ #8 : นายเป็นใคร?

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 58


    “น่าเบื่อจัง... ฮ้าว~! -O-

    ฉันเดินอ้าปากหาวไปตามทางที่ว่างเปล่า ก็วันนี้วันอาทิตย์นี่นาฉันเองก็ไม่มีอะไรทำ ส่วนอีตายูกิก็บอกว่ามีเรียนพิเศษพาฉันไปด้วยไม่ได้ ชิ! เรื่องแค่นี้เองโด่...

    แต่จะว่าไป... เมื่อวานหลังจากที่เขาตื่นเขาก็มีสีหน้าตกใจหน่อยๆ ประมาณว่า ฉันมานอนบนตักเธอได้ไง อะไรประมาณนี้แหละ จากนั้นเขาก็พาฉันกลับบ้าน เราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนกระทั่งเมื่อเช้านี้

    “เฮ้อ!

    ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำไมกันนะกะอีแค่เขาทำตัวใกล้ชิดนิดหน่อยทำไมฉันต้องรู้สึกหวั่นไหวด้วยล่ะ ทั้งที่ก็พยายามหลายต่อหลายครั้งว่าจะไม่หวั่นไหวแล้วนะ แต่มันก็ฝืนไม่ได้ นับวันความรู้สึกเจ็บที่หัวใจก็ยิ่งทวีความถี่และรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า จนฉันเริ่มควบคุมไม่ค่อยอยู่

    แต่... คนอย่างอีตานั่นน่ะเรอะจะมารู้สึกเหมือนกับฉัน บอกเลยว่าไม่มีทางที่คนเย็นชาอย่างอีตานั่นจะมาหวั่นไหวได้หรอกน่า เปอร์เซ็นต์มันมีต่ำมากถึงมากที่สุด =_= ถ้าอีตานั่นหวั่นไหวนะฉันจะยอมหอมแก้มอีตานั่นเลยล่ะ อ๊ะ! อันนี้ฉันล้อเล่น -///-

    เอ๋? นี่ฉันเดินมาถึงสวนสาธารณะแล้วเหรอเนี่ย ฉันนั่งลงบนม้านั่งข้างๆ บ่อน้ำแห่งหนึ่งในสวนสาธารณะ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

    วิ้ดวิ้ว~

    เสียงลดพัดกระทบใบหน้าช่วยทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น อา... เย็นสบายดีจัง บรรยากาศคล้ายๆ กับตอนนั้นเลย...

    ...ตอนที่ฉันกับเขายืนคุยกันอยู่บนสะพาน ตอนที่ฉันกับเขากำลังจ้องตากันอย่างไม่กระพริบ และก็เป็นตอนที่เขา...

    จะ...จูบฉัน -///-

    แล้วทำไมฉันต้องไปนึกถึงเหตุการณ์ที่อีตานั่นจูบฉันด้วยเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ เลยฉัน

    แต่ก็นะ... ทำไมกันล่ะ ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ฉันลองถามตัวเองหลายครั้งแต่คำตอบที่ได้กลับเหมือนเดิม...

    ...ก็ไม่รู้เหมือนกัน

    ใบหน้านิ่งที่อยู่ภายใต้แว่นตากรอบหนานั้นกำลังคิดหรือว่ารู้สึกอะไรอยู่ก็ไม่มีใครสามารถตรัสรู้ได้นอกจากตัวอีตานั่นเองเท่านั้นแหละ

    “แม่ครับ!

    เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่วิ่งผ่านหน้าฉันทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย

    “ผมขอไปเล่นทางนู้นได้มั้ยครับ” เด็กผู้ชายคนนั้นอ้อนผู้เป็นแม่ก่อนจะทำตาแป๋ว

    “จ้ะๆ ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ตามไป” ผู้เป็นแม่ส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ลูกชายแล้วหันมาคุยกับฉันที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ๆ

    “เด็กผู้ชายก็อย่างนี้แหละหนูดื้อจริงๆ ฉันต้องคอยดูแลตลอดเดี๋ยวก็ต้องไปเล่นกับเขาแล้วล่ะขอตัวนะจ๊ะ” คุณน้ายิ้มบางๆ ให้ฉันแล้วเดินตามลูกชายไป

    นั่นสิ! นายยูกิเคยพูดนี่นา...

    แม่ที่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาว่างแบบนั้นน่ะ ฉันยอมไม่มีดีกว่า

    ...

    ทานข้าวคนเดียว... มันเหงานะ

    ยูกิ... นายคงจะเหงาและโดดเดี่ยวมากสินะ ฉันเองก็เข้าใจความรู้สึกของนายนะ เข้าใจดีเลยล่ะ แต่ว่านายก็คงไม่รับรู้ล่ะสิ

    ฉันรู้แล้วล่ะว่าสิ่งที่นายต้องการคืออะไร ทำไมนายถึงชอบแสดงออกว่าเป็นห่วงฉัน ชอบให้ฉันมอบความอบอุ่นให้ เป็นแบบนี้เองใช่มั้ย ยูกิ... ฉันอยากให้นายตอบคำถามของฉันนะ

    แต่ว่า... (-_- ) ( -_-) (-_-;) เหลียวซ้ายมองขวาก็ไม่พบเงาของใครสักคน แต่จะว่าไปวันนี้อีตายูกิมีเรียนพิเศษนี่นา แล้วทำไมฉันที่ถามตัวเองในใจต้องมองหาคนที่ต้องมาตอบคำถามด้วยล่ะเนี่ย ทึ่มจริงๆ เลยเรา

    เฮ้ย! ถ้างั้นก็แสดงว่ามีแค่ฉันนั่งซึมอยู่ในสวนสาธารณะนี้คนเดียวน่ะสิ ฮือๆ T_T ตอนนี้กลับกลายเป็นฉันเองที่อยากร้องไห้ ทำไมมันเหงาอย่างนี้เนี่ย

    “เฮ้อ! เหงาจังเลยเนอะ...”

    “...???”

    จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งนั่งลงข้างๆ ฉัน พอเหลียวไปมองปุ๊บ... โอ้แม่เจ้า! *()*

    นี่มันเทพบุตรชัดๆ!! หล่อมาก~~ ใบหน้าเรียวรูปไข่ ดวงตาคมกริบที่จ้องมาที่ฉันนั้นแทบจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างให้สลายไป จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงสดรับกับผิวที่ขาวเวอร์ราวกับหิมะแรกรุ่น แถมด้วยทรงผมที่ถูกเซตจนตั้งขึ้นไปเล็กน้อยยิ่งทำให้เขาดูเท่ขึ้นไปอีก...

    นี่หรือคือมนุษย์! คงไม่ใช่เทวดามาจุติหรอกนะ =.,=

    “นะ... นายเป็นใครเนี่ย!

    ฉันกระโดดผลุงลุกจากม้านั่ง พลางยืนจ้องหน้าเขาอย่างพินิจพิจารณา ไม่คุ้นหน้าพ่อเทพบุตรคนนี้เลยแฮะ (ตั้งชื่อให้เอง)

    “อ๋อลืมแนะนำตัว...” เขายิ้มตาหยี “ฉันชื่อเฟิร์ส ยินดีที่ได้รู้จักนะเธอ...”

    “...”

    “ฉันถามชื่อเธออยู่ ^^

    “ละ...ลูน่า คือชื่อฉัน”

    “อือลูน่า เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ” เขายื่นมือมาให้ฉันจับ อะไรกัน!!!! เพิ่งเจอกันเมื่อกี๊แท้ๆ จะมาขอจับมือได้ไง

    “นายจะแต๊ะอั๋งฉันเหรอ”ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ

    “ฮู้ยัยบ๊อง แค่จับมือเขาไม่เรียกว่าแต๊ะอั๋งหรอกน่า”

    “ก็ได้” ฉันยื่นมือไปจับมือกับเขา “อะ... เป็นเพื่อนกันแล้วกัน”

    แต่ในใจฉันอยากจะบอกว่า ขอจีบได้ป่ะ มากกว่า แต่เขาให้เราได้แค่เพื่อนนี่นา ต้องทำใจเสียแล้วสิ

    “ทำไมมาคนเดียวล่ะ ไม่มีเพื่อนเหรอ” หลังจากที่ปล่อยมือฉันและฉันก็นั่งลงบนม้านั่งเรียบร้อยเขาก็ถามขึ้น

    “หึ! มีน่ะมี แต่อีตานั่นน่ะทั้งยุ่ง ทั้งไม่มีเวลาว่าง แถมยังเย็นชาอีกต่างหาก” ฉันเผลอบ่นเรื่องอีตายูกิให้เฟิร์สฟัง แย่ล่ะพลาดแล้วสิเรา

    “เพื่อนเธอเป็นผู้ชายเหรอ”

    “อะ...อืม ก็มีคนเดียวนี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเพื่อนได้มั้ยเพราะฉันกับหมอนั่นไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่” ฉันเงียบไปพักหนึ่ง “แถมหมอนั่นยังติดสะสางเรื่องบางเรื่องกับฉันอยู่”

    “เรื่องอะไรเหรอบอกได้มั้ย”

    ...ก็เรื่องที่อีตานั่นขโมยจูบแรกของฉันไปน่ะสิ! ไม่อยากจะพูดเลยไม่อยากจะคิดด้วย ฮือๆ อีตาบ้า

    “หือ... ว่าไงบอกได้มั้ย”

    “อะ... เอ่อคือว่าไม่มีอะไรหรอก” ฉันก้มดูนาฬิกา “เที่ยงแล้วเดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ” ก่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่งอีกครั้ง

    “เฮ้! เดี๋ยวก่อน” เขาคว้าแขนฉันไว้ทำเอาฉันชะงักกึก

    “มีอะไรงั้นเหรอ?”

    “คือว่า... ถ้าไม่รังเกียจมาทานข้าวกับฉันเอามั้ย”

    “เอ๋” รู้สึกว่าฉันจะหูไม่ฝาดนะว่าอีตานี่ชวนฉันน่ะ

    “ไปกินข้าวด้วยกันนะ”

    “อะ...อืม ก็ได้”

     

    ณ ภัตตาคารสุดหรูแห่งหนึ่ง

    ในที่สุดเราสองคนก็มานั่งลั้ลลาตากแอร์เย็นๆ ในภัตตาคารสุดหรูที่อีตาเฟิร์สเป็นคนพามาแล้วบอกว่าจะเลี้ยงในฐานะเพื่อนใหม่ เอิ่ม... เอากับเขาสิ

    “เอาแบบเดิมนะครับ” เขาสั่งพนักงานอย่างชำนาญ สงสัยมาบ่อย =_=

    “เธอล่ะ”

    “อ่า... เอาเหมือนนายแล้วกัน”

    สั่งเสร็จฉันก็มองรอบๆ ร้านอย่างพินิจพิจารณา โต๊ะที่เขาพาฉันมานั่ง เป็นโต๊ะที่ติดกับกระจกร้านทำให้มองเห็นวิวจากสวนสาธารณะ ข้างๆ กันนั้นมีดอกกุหลาบสีแดงสดที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามภายในแจกันสีสวย มีดนตรีเปิดคลอตลอดเวลาทำให้บรรยากาศยิ่งโรแมนติกเข้าไปใหญ่

    “ชอบงั้นเหรอ นี่ร้านโปรดฉันเลยล่ะ”

    “ก็นะ” ความจริงฉันอยากบอกว่าชอบมากกก! เลยล่ะ

    “งั้นไว้ถ้ามีโอกาสไว้ฉันจะพามาอีกนะ”

    “จริงๆ นะ พามาจริงๆ ด้วยนะ” ฉันย้ำถามอีกครั้ง เขาผงกหัวขบขันในท่าทางของฉัน อะไรยะเดี๋ยวแม่ต่อย!

    “ของที่สั่งได้แล้วค่ะ”

    พี่พนักงานคนสวยเดินถือถาดที่มีจานใส่สเต๊กเนื้อหอมกรุ่นออกมา ทำให้ฉันรู้เลยว่าเขาสั่งสเต๊กราคาเหยียบพันให้ฉัน ไอ้นี่ใช่สเต็กลือชื่อในแถบนี้หรือเปล่านะ แบบว่าเคยเห็นในใบปลิวอะ

    “อะ! สเต็กลือชื่อในแถบนี้” เขายื่นจานมาตรงหน้าฉัน “กินสิ”

    “แต่มันไม่แพงไปเหรอ”

    “ไม่หรอก ^^” เขาส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง “กินได้แล้วเดี๋ยวเย็นหมดนะ”

    ฉันหยิบส้อมขึ้นมาแทงลงบนเนื้อหมูก่อนจะใช้มีดหั่นเบาๆ

    “ฮึ่บ!

    “ฮ่าๆ หั่นแบบนั้นเมื่อไหร่จะได้กินล่ะเนี่ย” เขายื่นสเต๊กของตัวเองให้ฉัน “อะ ลองชิมสิ”

    “ขอบใจนะ”

    ฉันงับสเต๊กพิสดารนั้นแล้วเคี้ยวช้าๆ เนื้อหมูกรอบๆ รมควันกับกลิ่นกระเทียมอ่อนๆ ทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มไปกับรสชาติอาหารตรงหน้า ราวกับอยู่ในสวรรค์ชั้นเจ็ด

    “เป็นไง อร่อยใช่มั้ยล่ะ”

    “อือ...”

    อร่อยมากสมชื่อเลยล่ะ แล้วเราสองคนก็ทานข้าวไปพลางคุยกันไปพลาง รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยเมื่ออยู่กับเขา

    “อา... หมดแล้วเหรอ” ฉันพูดขึ้นอย่างเสียดายทั้งที่ตอนนี้พื้นที่ในกระเพาะของฉันแทบไม่มีเหลือ

    “ถ้าเธออยากกินเดี๋ยวฉันสั่งให้อีก”

    “ไม่เป็นไรหรอกเกรงใจ” ฉันปฏิเสธ “ทั้งหมดนี่นายจะเป็นคนจ่ายจริงๆ เหรอ”

    “อือ ^^” เขาควักแบงค์พันออกมาสองใบ ก่อนจะยื่นให้พนักงานที่เขาพึ่งเรียกมาเมื่อกี๊

    “อะนี่ครับค่าอาหาร”

    “งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ บ้านฉันอยู่ใกล้ๆนี่เอง”

    “ให้ฉันไปส่งเอามั้ย”

    “อ๊ะ! ไม่ดีกว่า” ถ้าเกิดนายรู้ว่าฉันอยู่บ้านเดียวกันกับเพื่อนชายคนเดียวของฉันล่ะก็... ซวยน่ะสิ T_T

    “งั้นเดินทางกลับดีๆ นะคนสวย”

    “ขอบใจนะ แต่... ฉันชื่อลูน่าต่างหาก =_=

    “จะเรียกคนสวยอะ มีอะไรป่ะ” เขาทำหน้ากวนโอ๊ยมาก แต่ฉันก็ทำเป็นไม่สนใจเขาก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกมาจากภัตตาคารไฮโซนั่นตรงไปบ้านของอีตายูกิทันที

    อีตาบ้าเฟิร์ส เขาเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นแต่ก็แอบกวนนิดๆ พออยู่กับเขาแล้วสบายใจยังไงก็ไม่รู้...

    ฉันได้เพื่อนเพิ่มมาอีกคนแล้ว เย้! (ทำไมถึงรู้สึกว่าความจริงแล้วเพื่อนจริงๆ ของฉันมีแค่คนเดียวนะ ชักสับสนซะแล้วสิ -*-)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×