คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : "ความบังเอิญ" - การเดินทางวันที่ 9
การเดินทางวันที่ 9
D-6
(chanyeol part)
“เฮ้ย มึงอาบน้ำเสร็จยังเนี่ย”
ผมยืนพิงประตูห้องน้ำและหลับตางัวเงียไปด้วย มือก็เคาะประตูไปพลางด้วยความอ่อนแรง ทั้งอาการมึนเมาจากเมื่อคืนและอาการงัวเงียโจมตีผมอย่างรุนแรง แทบจะยืนกันไม่ได้เลยทีเดียว
“แปปนึงดิ”
“กูจะอาบน้ำบ้าง”
ผ่าง!
แบคฮยอนกระชากประตูห้องน้ำให้เปิดออก พร้อมๆกับร่างขาวที่ออร่าความวิ๊งปะทะสายตาผมพอดี หยดน้ำเกาะแพรวพราวทั่วทั้งร่างเนียน อีกทั้งใบหน้าขาวใสที่มุ่ยทุ่ยเพราะผม
ทั้งหมดทั้งมวลนั่น..เรียกเสียงหัวใจของผมให้มีชีวิตอีกครั้ง
“ยั่วเช้ายั่วเย็นเลยนะมึง” ผมพูดเล่นๆ และมันก็ไม่ได้สนใจฟังอะไร
“อาบพร้อมกันแม่งเลยไหม เร่งจัง” เขากระทืบเท้าเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะใช้ผ้าขนหนูขยี้หัวไปพลาง
ท้ากูใช่ไหม…
“จัดไปดิเพื่อน”
ผมเอื้อมตัวไปคว้าแขนเล็ก ก่อนจะเหวี่ยงเขาเข้าไปในห้องน้ำเหมือนเดิมทันที ร่างเล็กที่เปลือยท่อนบนถูกผมกระชากเข้ามาในห้องน้ำอย่างแรงจนเกือบลื่น ดีที่ผมยังจับตัวเขาไว้อยู่ ไม่งั้นได้มีหัวร้างข้างแตกกันบ้าง
“เฮ้ย”
ปัง!
ผมใช้เท้าหลังดันประตูให้ปิดลง ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวที่คาดเอวออกและพาดไว้บนราวด้านข้าง แบคฮยอนยกขาขึ้นถีบผมเบาๆ ปากก็ด่าไปนู้นไปนี่ แต่เจ้าตัวก็รีบดึงผ้าม่านที่กั้นระหว่างโซนอาบน้ำกับอ่างล้างหน้าไว้
ส่วนผมก็เปิดฝักบัวอาบน้ำไปเงียบๆ ขณะที่แบคฮยอนก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการบำรุงสุขภันฑ์ผิวหน้าตัวเอง ผมเหลือบไปมองไอน้ำที่เกาะตัวอยู่ข้างๆผ้าม่านสีขาวจนมันเกิดฝ้า จากนั้นก็ลองเป่าลมร้อนๆที่ออกมาจากอุณภูมิในร่างกายลงไปบนผ้าม่านที่ขึ้นไอน้ำนั่น ก่อนจะจรดนิ้วเขียนลงเป็นตัวอักษรหัวกลับ จากซ้ายก็เขียนกลับไปทางด้านขวาทั้งหมด..
บ อ ช
“แบคฮยอน หันมานี่ดิ”
ผมอยู่หลังผ้าม่านสีขาวขุ่นๆ ที่จะมองเห็นอะไรจากด้านนอกไม่ค่อยชัด แต่ก็ขึ้นเป็นภาพลางๆพอให้เดาท่าทางออก
“อะไรมึง”
“ให้ทายกูเขียนว่าไร”
ผมลบที่เขียนตอนแรกออก ก่อนจะจรดนิ้วเขียนลงไปใหม่ แบคฮยอนมองค้างอยู่อย่างนั้นเหมือนพยายามเพ่งเล็งว่าผมกำลังเขียนว่าอะไร
“เขียนอะไรวะ..เตี้ย?” เขาทวน ซึ่งผมก็หัวเราะร่วนทันที แบคฮยอนหันไปคว้าที่ฉีดก้นออกมากดน้ำและอัดใส่หน้าผม แต่ดีที่มีผ้ากั้น ไม่งั้นผมได้ออกไปอัดมันทั้งแก้เปลือยนี่แน่ๆ
“คำนี้อ่ะ”
“ขี้แง..? ไอ้ห่า เขียนด่ากูทั้งนั้นเลยอ่ะ”
“นี่ๆ คำนี้..”
ผมอมยิ้มออกมาบางๆ ขณะที่ค่อยๆจรดนิ้วลงไปช้าๆ..
“อะไรวะ..ช.ช้าง? อ.อ่าง? ตัวสุดท้ายอะไรอ่ะ..มึงเขียนดีๆดิ” ผมตั้งใจเขียนหวัดๆเอง เพราะไม่อยากให้เขาอ่านมันเข้าใจ กำลังจะเขียนตัวสุดท้ายแต่ก็ตัดสินใจลบออก
“เอ้า! ตัวสุดท้ายอะไรอ่ะ มึงเขียนว่าไร บอกกูบ้างดิ”
ผมไม่ได้ตอบอะไร หันไปอาบน้ำล้างตัวต่อเงียบๆ พอเสร็จธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ผมก็แหวกผ้าม่านออก ก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบผ้าขนหนูมาพาดเอว ขณะที่ขาก็ก้าวเข้าไปใกล้ๆแบคฮยอนซึ่งกำลังหลับตาและวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าที่มีแต่โฟมเต็มไปหมด
เมื่อเขาล้างหน้าจนโฟมออกหมดเกลี้ยงแล้ว เจ้าของใบหน้าหวานก็ลืมตาขึ้น เงยหน้ามองกระจกที่มีผมยืนซ้อนและยิ้มแฉ่งอยู่ด้านหลัง
“เฮ้ย ตกใจหมด ไอ้เหี้ยนี่!” เขาสาดน้ำใส่หน้าผมและผลักอกออกแรงๆ แบคฮยอนหยิบผ้าขนหนูมาซับหน้าไปพลางขณะที่มองผมด้วยสายตาหวาดๆ
“อาบเสร็จก็ออกไปแต่งตัวดิ” มันชะงักมือที่กำลังซับหน้าลงก่อนจะเดินถอยหลังหนีผมที่เข้าต้อนเรื่อยๆ แบคฮยอนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเขา..
“โฟมติดหน้า…”
ผมหัวเราะเสียงขึ้นจมูกก่อนจะใช้นิ้วปาดโฟมสีขาวจุดเล็กๆที่ติดอยู่ตรงข้างขมับเขาออกเบาๆ จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไปแต่งตัวข้างนอก..
และเมื่อพ้นสายตาเขาแล้ว จิตวิญญาณเรกเก้สการ์ก็เข้าสวมทันที!!
ตึกตัก…ตึกตัก…
ผมกระโดดลงไปดิ้นบนเตียงและขยี้หัวตัวเองด้วยความบ้าคลั่ง ยิ่งมองหน้าแบคฮยอนใกล้ๆแบบนั้น ยิ่งทำให้ผมเป็นบ้าหนักไปกว่าเดิม
นี่กูชอบมันเหรอ
กูชอบผู้ชายจริงๆเหรอ
เออ ช่างแม่ง จะผู้หญิงหรือผู้ชายขอแค่เป็นแบคฮยอนก็พอแล้ว!!
“มึงเป็นห่าไรวะน่ะ”
ผมกระเด้งตัวขึ้นมายืนและจ้องหน้าเขาด้วยสีหน้าที่ปั้นไม่ถูก แบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นถามอีกรอบจนผมต้องยิ้มแหยๆกลับไป ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อขึ้นมาใส่กลบเกลื่อน เหลือบไปมองแบคฮยอนที่เกาหัวตัวเองงงๆเหมือนไม่เข้าใจในกิริยาของผม
“จะเก้าโมงล่ะ รีบไปเหอะ”
ผมหันไปมองเขาที่กำลังนั่งเตรียมของและหันหลังให้ แอบกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างหลังคนเดียวโดยที่เขาไม่รู้เรื่อง เมื่อแบคฮยอนตงิดว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลัง เขาจึงหันหน้ากลับมามอง ส่วนผมก็ทำเป็นออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายแทน
“เมื่อยๆเนอะ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน ส่วนแบคฮยอนก็หรี่ตามองผมแบบจับผิด
“เป็นอะไรเมื่อย…”
เขินมึงนั่นแหละ
“แบกมึงเยอะเกินอ่ะ นี่กูหลังไม่เคล็ดก็บุญแล้วสัด” แบคฮยอนทำท่าจะขว้างหนังสือใส่ผมแต่ก็วางไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปเก็บข้าวของของตัวเองที่วางเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วทั้งห้อง
ผมค่อยๆหุบรอยยิ้มลงช้าๆ เมื่อมองร่างเล็กที่กำลังเดินไปทั่วทั้งห้องเพื่อเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ข้าวของที่ตอนแรกมันวางคู่กับของๆผมค่อยๆหายไปทีละอย่าง…ทีละอย่าง
จนเหลือแค่ของๆผมที่วางอยู่อย่างโดดเดี่ยว…
“มึงจะกลับจริงๆเหรอวะ”
ผมยืนนิ่งๆและถามแบคฮยอนที่กำลังเก็บกวาดไส้ดินสอบนพื้น ร่างเล็กชะงักมือที่กำลังเก็บดินสอสองบีทั้งหมดลงกระเป๋าก่อนที่เขาจะค่อยๆยืดตัวขึ้นมามองหน้าผมช้าๆ..
“ก็จริงดิวะ..”
ไม่ไปไม่ได้เหรอ…มึงไม่ไปได้ไหม
“อ๋อ..เออๆ”
ก็ได้แต่เรียกร้อง..อยู่ในใจเท่านั้น
ถึงกูจะเริ่มชอบมึงแค่ไหน มึงก็ไม่มีวันรู้ใช่ไหมวะ
“งั้นเดี๋ยวกูช่วยเก็บล่ะกัน..”
(chanyeol part end)
จังหวัดสตูล
เกาะหลีเป๊ะ
พวกเขาทั้งคู่ก้าวลงจากรถสองแถวที่นั่งต่อจากในเมืองเข้ามาภายในตัวหาด หลังจากเดินไปจ่ายตังค์ค่ารถค่าราเสร็จเรียบร้อย แบคฮยอนก็เดินนำหน้าเข้าไปทันทีโดยมีชานยอลที่ยืนละล้าละลังอยู่ข้างหลัง
แบคฮยอนชะงักเมื่อไม่มีเพื่อนร่วมทางคู่ใจเดินมาขนาบข้างกันอย่างที่ควร เจ้าของร่างเล็กและใบหน้าขาวใสหันไปทำหน้าหงิกหน้างอใส่เจ้าของใบหน้าคมคายที่บัดนี้ฉายไปด้วยความกังวลเต็มไปหมด
“ข้ามมาดิ” เสียงทุ้มเล็กตะโกนบอกจากอีกฝั่ง ชานยอลวิ่งเยาะๆข้ามไปหาแบคฮยอน ก่อนที่มือหนาจะจับที่สายคล้องกล้องแน่นๆ เหมือนกำลังนึกถึงใครบางคนที่เป็นต้นเหตุทำให้เขามายืนอยู่จุดๆนี้
ชานยอลไม่กล้าออกเดิน ด้วยความกลัวที่คืบคลานเข้ามาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้กลิ่นอายของทะเลสีใส ภาพความทรงจำวันร้ายๆจากเมื่อตอนเด็กๆผุดขึ้นมาทำให้เขารู้สึกกลัว..
“จับมือกูดิ”
แบคฮยอนยื่นฝ่ามือเล็กออกมาตรงหน้าร่างสูง ชานยอลก้มมองมือขาวเนียนนั่นด้วยความรู้สึกแปลกๆในจิตใจ คล้ายว่าหัวใจกำลังจะหยุดเต้นไปเพราะการกระทำของคนตรงหน้า
ไม่รู้ว่าความกลัวที่อัดแน่นไปทั่วทั้งใจค่อยๆเลือนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่…
อาจจะเป็นตอนที่เสียงหัวใจแทรกเข้ามาแทนที่อาการหวาดกลัวนั่นก็ได้..
“จับไม่ปล่อยเลยเอาเปล่า” ชานยอลยักคิ้วที่พาดเฉียงได้รูปขึ้นข้างเดียวแบบกวนๆก่อนจะยื่นมือไปจับฝ่ามือคนตรงหน้าช้าๆ
“จับแน่นๆก็พอล่ะ” แบคฮยอนมุ่ยหน้าใส่ชานยอล ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจับมือกันและมุ่งหน้าไปทางหาดทรายขาว
เกาะหลีเป๊ะเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางอย่างหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสตูล ซึ่งตั้งอยู่ที่เกาะทางใต้มีชื่อว่าเกาะอาดัง จุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวนี้คือความเป็นธรรมชาติของปะการังรอบๆเกาะ มีอ่าวที่โค้งตัวซัดเซาะไปตามผืนทรายอันขาวละเอียดเกิดความสวยงามแก่สายตา
“โคตรของโคตรพ่อสวยเลยว่ะ…”
ชานยอลเอ่ยออกมาด้วยความตกตะลึงไปกับความงามของธรรมชาติ ทันทีที่ฝ่าเท้าสัมผัสลงที่ผืนทรายสีขาวละเอียด ความนุ่มนิ่มของเม็ดทรายทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินเล่นไปเรื่อยๆ
ความกลัวค่อยๆบินหายไป กลับกลายเป็นความตื่นเต้นแทนที่
ไม่เห็นน่ากลัวอย่างที่คิด..
“สวยเนอะ…”
ทั้งคู่หันมามองหน้ากันก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ชานยอลกุมฝ่ามือเล็กแน่นก่อนจะแกว่งไปมาช้าๆด้วยความสุขที่เอ่อล้นภายในหัวใจ
“ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้นะเนี่ย”
แบคฮยอนย่อตัวลงนั่งเล่นกับทรายสีขาวละเอียด มือเรียวเอื้อมไปแตะที่ผิวน้ำทะเลใสๆซึ่งไม่อาจหาได้ง่ายๆจากทะเลอ่าวไทย โดยที่มืออีกข้างก็ยังจับอยู่ที่มือหนา ซึ่งก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยออกเหมือนกัน
ร่างสูงก้มหน้าลงมองร่างเล็กที่กำลังพยายามคว้าหอยทะเลซึ่งลอยละล่องไปตามคลื่นของน้ำ เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะยกขาขึ้นเตะที่ก้นเล็กอย่างหยอกล้อ
“ทำอะไรของมึงอ่ะ” ชานยอลถามพลางกลั้วหัวเราะ เขาโยกศรีษะเล็กไปมาเบาๆพร้อมกับหัวเราะไปด้วย แบคฮยอนจึงออกแรงดึงให้ชานยอลย่อตัวลงมานั่งข้างๆกัน
ทั้งคู่นั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติด้วยความสุขขีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชานยอลเองก็หัวเราะออกมาดังๆเหมือนๆกับแบคฮยอนเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ดูมีความสุข..
ความสุข..ที่กำลังจะจบลงในไม่ช้า
โดยที่พวกเขาสองคนต่างก็รู้ดี..ว่าความสุขที่กำลังมี
มันไม่ใช่ตลอดกาล..
“ทรายขาวกว่าที่คิดไว้อีก นุ่มด้วย”
ชานยอลพยักหน้าลงก่อนจะลุกขึ้นยืน เห็นอย่างนั้นแบคฮยอนจึงออกแรงฉุดมือหนาเป็นแรงยึดจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนข้างๆชานยอล พลางมองไปรอบๆเกาะที่สวยงามราวกับอยู่ในความฝัน
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาพร้อมๆกับรอยยิ้มบางๆ กวาดสายตาเรียวโตไปทั่วทุกส่วนด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“ฮาคยอง เราอยู่เกาะหลีเป๊ะแล้วนะ”
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงที่กำลังคุยโทรศัพท์กับคนสำคัญอยู่ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เพียงเท่านั้นก็ทำให้แบคฮยอนค่อยๆดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของฝ่ามือหนา ทว่า..
ฝ่ามือหนาอบอุ่นกลับจับอุ้งมือเล็กไว้แน่นกว่าเดิมคล้ายกับเป็นการบอกนัยๆว่าไม่ให้ไปไหน…
“อื้อ..สวยจริงๆแบบที่เธอบอกนั่นแหละ..”
“…”
“เข้าใจแล้วว่าทำไมเธออยากมานักหนา…ฮ่าๆ รู้แล้วน่า”
“…”
“เดี๋ยวถ่ายไปให้และส่งให้คืนนี้เลยนะ เตรียมเปิดเมล์รอได้เลย”
“…”
“อาการโคม่าอีกแล้วเหรอ…แล้วตอนนี้ว่างมาคุยโทรศัพท์ได้ยังไง”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยกรีดลึกลงที่หัวใจของแบคฮยอนช้าๆราวกับมีดที่คมกริบ…
ต่างคนต่างก็มีเชือกผูกที่ข้อเท้าทั้งคู่สินะ…ไม่รู้ว่าวิ่งออกมาไกลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งวิ่งก็ยิ่งรั้งคนที่ถือเชือกไว้ให้เจ็บปวดไปเรื่อยๆ
ความรู้สึกผิดของแบคฮยอนเข้ามาคืบคลานทันทีที่ยืนฟังบทสนทนาของทั้งคู่มานานหลายนาที ร่างเล็กอมยิ้มบางๆอีกครั้งขณะที่เงยหน้ามองคนหน้าหล่อคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แบคฮยอนค่อยๆดึงมือตัวเองออกจากฝ่ามือหนา ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินห่างออกไปอีกทาง เพื่อคุยโทรศัพท์เช่นกัน
“(ไอ้ลูกหมา..ว่าไง ถึงแล้วเหรอ)”
“อื้อ..สวยจนพูดไม่ออกเลยล่ะพี่คริส”
“(ของจริงนี่เหมือนกับในรูปไหม)”
“ก็คล้ายๆนะ แต่ถ้ามีโอกาสมายืนดูของจริงจะดีกว่าเยอะเลยล่ะ สวยมากๆ สวยมากจริงๆ”
“(ไว้รอพี่หายดีสักพัก..เราค่อยไปด้วยกันนะ)”
แบคฮยอนพยักหน้าลงช้าๆก่อนจะปาดน้ำตาที่ไหลอาบหน้าลงมาเงียบๆออก…
รู้สึกผิด..
เขาทำร้ายคนดีๆแบบนี้ไปได้ยังไง เขาฆ่าผู้ชายที่แสนดีคนนี้ลงไปได้ยังไงกัน..
“…”
“(แบคฮยอน…ร้องไห้หรอ)”
“พี่คริส..” เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกลั้นเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไหว เบือนหน้าไปมองพระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ไม่ค่อยเจิดจ้าอย่างที่ควรเป็นมากนัก ถึงแม้จะเป็นตอนกลางวันก็ตาม
“(..ครับ)”
“เดี๋ยวพี่ก็จะกลับมาเดินเล่นกับผมได้แล้วใช่ไหม…”
“(…)”
“ใช่ไหม…พี่คริสจะกลับมาเดินกับผมได้เหมือนเดิมใช่ไหม..”
“(..ตอนนี้เราก็เดินอยู่ข้างๆกันแล้วไม่ใช่เหรอไง)” ปลายสายหัวเราะตามมาเป็นนิสัยทำให้แบคฮยอนค่อยๆเผยอยิ้มออกมาด้วยความสบายใจขึ้น
“อื้อ..จริงด้วยเนอะ”
“(เห็นไหม..เราจับมือกันแน่นเลย)”
“พี่คริสอย่าเดินเร็วสิ”
“(พี่ก็เดินปกติแล้วนะ เรานั่นแหละมัวแต่สนใจอย่างอื่น!)”
แบคฮยอนขำออกมาเสียงดัง ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยกันตามปกติด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เจอกันกว่าหนึ่งอาทิตย์เต็ม
“ได้มาหลายรูปเลยนะพี่คริส แต่ที่เกาะหลีเป๊ะนี่แบคฮยอนจะวาดสวยๆเลย”
“(ดีมาก..เดี๋ยวมีรางวัลให้สำหรับคนเก่งของพี่ครับ)”
“จริงเปล่าเหอะ พี่คริสชอบขี้โม้!”
“(เดี๋ยวขอกอดก่อนหนึ่งทีให้ชื่นใจ ไม่ได้เจอตั้งหนึ่งอาทิตย์เลยเนอะเรา)”
“คิดถึงอ่า..แต่แบคไม่มีของฝากให้หรอกนะ ไม่มีเงินแล้ว ฮ่าๆ”
“(เอารูปมาฝากให้ได้ก่อนก็พอละไอ้ลูกหมา)”
“รู้แล้วน่า งื้ออออ”
“(กลับพรุ่งนี้ใช่ไหมแบคฮยอน)”
เสียงเข้มดูหนักแน่นแปลกๆทำให้แบคฮยอนเอ๊ะใจขึ้นมาตงิดๆว่าทำไมคนปลายสายถึงย้ำหนักย้ำหนาว่าให้กลับเร็วๆ ทั้งที่ก่อนมาก็บอกซ้ำๆว่าจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ แล้วแต่จะเบื่อ..
“ก็ใช่..พี่คริสบอกให้กลับพรุ่งนี้นี่นา ความจริงยังเที่ยวไม่ทั่วกระบี่เลยนะ”
“(ไปแค่เกาะหลีเป๊ะก็พอแล้ว)”
“ก็มาแล้วนี่ไงเล่า…” แบคฮยอนยื่นปากล่างงุ้มงอเหมือนขัดใจเล็กๆ ก่อนที่ขาเรียวจะกระโดดไปรอบๆเพราะรู้สึกสนุกที่ได้เหยียบย่ำบนผืนทรายนุ่มๆ
“(พี่รักเรามากนะ..)”
“…”
“(และพี่ก็จะไม่ยอมปล่อยให้แบคฮยอนไปไหนง่ายๆแน่ๆ..นอกจากแบคฮยอนจะอยากไปเอง พี่ก็ไม่ห้ามหรอกนะ)”
“…”
“(แค่แบคฮยอนบอก พี่ก็ทำให้หมดนั่นแหละ..)”
“…”
“(เที่ยวให้สนุกเถอะ มีความสุขจากที่นั่นให้มากๆ กลับมาจะได้ผ่อนคลายนะ)”
“ครับ..บ๊ายบายพี่คริส เดี๋ยวโทรหาใหม่อีกรอบนะ..”
แบคฮยอนเก็บโทรศัพท์ของตัวเองลงด้วยความรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจในความคิดตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะส่วนหนึ่งอาจจะเป็นความคิดมากที่มีมากเกินไปของเขาก็เป็นได้
แต่ถ้าตอนนี้มีใครสักคนเดินจับมือไปเรื่อยๆก็ดีนะ…
ฟึ่บ..
“ไหนบอกจะไม่ปล่อยมือกูไง”
ชานยอลนั่นเองที่วิ่งเข้ามาจับมือแบคฮยอนและยักคิ้วกวนๆ ร่างเล็กยกมือขึ้นเขกศรีษะร่างสูงแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยวแต่ก็ไม่ได้ชักมือออก ทั้งคู่จับมือกันแน่นๆพร้อมทั้งเดินไปเรื่อยๆรอบเกาะที่เรียกว่าสวรรค์ดีๆนี่เอง
“ฮาคยองเป็นไงบ้าง”
“หนึ่งเดือน..” สีหน้าชานยอลดูหม่นหมองลงช้าๆ เขาบีบมือแบคฮยอนแน่นและแกว่งไปมาเรื่อยๆ
“หนึ่งเดือน?”
“หนึ่งเดือนที่เขาจะมีชีวิตอยู่กับกู”
แบคฮยอนรู้สึกตกใจกับคำตอบของคนตรงหน้า ร่างเล็กไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเป็นคำปลอบใจที่ดีที่สุดนอกจากการจับมือกันไปเรื่อยๆแบบนี้
“แย่เนอะ…”
“อย่าเศร้าดิ เดินไปตรงนู้นกัน”
ชานยอลกลืนความรู้สึกแย่ๆที่รุมเร้าเขาลงไปก่อนจะดึงมือเล็กให้วิ่งไปตรงโคนต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีชิงช้าห้อยอยู่
มันเป็นเชือกที่ทำจากเถาวัลย์ซึ่งมีความหนาแน่นและมั่นคงพอๆกับเชือกผ้าธรรมดา ที่นั่งถูกทำด้วยตอไม้ซึ่งถูกขัดเกาจนเป็นแผ่นหนาๆพอให้นั่งได้กว้างๆประมาณสองคน
“มึงแกว่งให้กูหน่อย”
แบคฮยอนวิ่งไปนั่งลงบนชิงช้าที่ใครสักคนทำไว้ด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อชานยอลยืนกอดอกมองห่างๆและไม่ยอมเดินไปไกวตามที่ร่างเล็กบอก เจ้าของใบหน้าหวานใสก็มุ่ยทุ้ยทันที
“เพื่อนปะ”
ชานยอลขมุบขมิบปากตามอย่างล้อเลียนก่อนจะวิ่งเข้ามาจับที่เชือกเถาวัลย์ทั้งสองข้างและออกแรงไกวแรงๆเพื่อแกล้งร่างเล็ก
“เฮ้ย เบาๆ ไอ้สัดชานยอล กูจะหล่นแล้วโว๊ย!!!”
ชานยอลหัวเราะร่วนก่อนที่เขาจะค่อยๆผ่อนแรงที่ไกวชิงช้าด้วยความรุนแรงลง และเปลี่ยนเป็นการไกวแบบเชื่องช้าให้คนที่นั่งอยู่เกิดความสบาย
ทั้งคู่เงียบไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ร่างสูงเดินไปซ้อนอยู่ข้างหลังแบคฮยอนที่กำลังถูกไกวให้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า แต่จู่ๆร่างเล็กก็เล่นพิเรนทร์ด้วยการแหงนหน้าขึ้นมาข้างบน ประจวบเหมาะกับเจ้าของใบหน้าคมคายที่ก้มลงไปมองพอดิบพอดี…
สองสายตาประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ เป็นเสี้ยววินาทีที่มีความหมายที่สุดสำหรับพวกเขาสองคน และเสี้ยววินาทีที่เหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุนนั้น ชานยอลก็ไม่สามารถห้ามใจตัวเองให้หยุดเคลื่อนหน้าลงไปใกล้ๆริมฝีปากบางได้..
ดวงตาเรียวโตของแบคฮยอนจ้องที่ดวงตาคมกริบด้วยความตื่นเต้น เมื่อใบหน้าคมคายโน้มลงมาใกล้ๆ ขณะเดียวกันที่มือหนาก็หยุดรั้งเชือกเถาวัลย์ทั้งสองข้างให้อยู่นิ่งๆ ริมฝีปากสีซีดของชานยอลเฉียดกลีบปากบางไปเพียงเสี้ยวเพราะเขาตั้งใจจะจูบลงที่คางมน..
ทั้งคู่กลับมาตั้งสติได้และต่างก็เบือนหน้าหนีใส่กัน แต่ชานยอลก็ยังคงไกวเชือกไปด้านหน้าและหลังช้าๆเหมือนเดิม พร้อมๆกับความเงียบที่อึดอัดแปลกๆ
“มึงแม่ง…” แบคฮยอนพูด ขณะที่ก้มหน้ามองขาตัวเองซึ่งกำลังแกว่งเล่นไปมา
“กูทำไม”
“แม่งบ้า” แบคฮยอนหันมาบีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยว และช่วงจังหวะที่กำลังจะหันกลับไปนั้น ชานยอลก็จับข้อมือเล็กไว้ ทำให้แบคฮยอนต้องทำหน้าเหวอด้วยความงงงวย
“กูก็ว่ากูบ้ามาสักเกือบอาทิตย์ล่ะ” คำพูดที่สื่อความหมายของชานยอลทำให้แบคฮยอนต้องรีบดึงข้อมือตัวเองกลับและกระโดดลงไปบนพื้นทราย
“มึงแม่งบ้ามาตั้งแต่วันแรกแล้วต่างหาก”
พวกเขาทั้งคู่เดินเรียบไปกับหาดทรายขาวเงียบๆ มองโขดหินที่ขึ้นระเกะระกะตามชายหาดด้วยความตื่นตาตื่นใจ รวมไปถึงท่อนไม้ที่มีรูปร่างลักษณะแปลกตาชวนดึงดูด
“ถามจริง วันนั้นมึงนึกยังไงไปขับเลนส์ซ้ายวะ” ชานยอลกลั้นขำไว้สุดชีวิตแต่ก็ต้องปล่อยก๊ากออกมาดังลั่น แบคฮยอนชักสีหน้าใส่เขาแต่ก็บอกความจริงมาในที่สุด
“ไอ้เหี้ย จริงๆแล้วกูจะแซงมึง แต่มึงดันขับเร็วกว่า! พอกูจะหักเสียบหน้า มึงก็พุ่งมาอย่างกับกำลังขับหนีเจ้าหนี้ อีเหี้ย”
“ควาย ถ้ารู้ว่ากูขับเร็วกว่าก็ไม่ควรจะตีคู่ต่อป่ะวะ ไอ้สัด” ชานยอลกลั้วหัวเราะไปด้วยขณะที่พูด เขาก้มตัวไปหยิบกิ่งไม้เล็กๆขึ้นมาเขี่ยนู่นนี่เล่นตามประสาคนมือว่าง
“มึงก็ไม่ควรขับเร็วเกินร้อยยี่สิบขนาดนั้นดิ!”
“เออ กูผิดครับกูผิด” ชานยอลเคาะก้านไม้เรียวๆลงบนศีรษะแบคฮยอนเบาๆก่อนจะเบ้ปาก
“ไม่นึกเลยเนอะ ว่ากูต้องมาเจอมึงอีกที่นี่”
“เออ คิดว่าจะตายๆห่าจากกันที่โรง’บาลละ”
“มึงดิตายคนเดียว”
แบคฮยอนฟาดฝ่ามือไปบนแผ่นหลังกว้างแรงๆ จนชานยอลต้องกระเถิบตัวถอยห่างร่างเล็กทันที
“มึงชอบทำร้ายกูอ่ะ ตอนนั้นก็ต่อยกู ดีแค่ไหนกูไม่เอาคืน”
“ก็มาต่อยกูคืนดิ”
“บอกว่าไม่ทำคนไม่มีทางสู้ไง”
ชานยอลยักคิ้วกวนประสาทส่งให้ร่างเล็กก่อนจะวิ่งหนีแบคฮยอนที่ทำท่าจะกระโดดถีบเขา ทั้งคู่วิ่งเล่นกันไปมาพร้อมๆกับเสียงหัวเราะที่ดังก้องไปทั่วหาดทรายอันแสนจะเงียบสงบไร้ซึ่งสิ่งรบกวนใดๆ
“ไปดำน้ำกันปะ” ชานยอลชวน ซึ่งทำให้แบคฮยอนต้องหันขวับมามองทันที
“หะ?”
“ดำน้ำไง ที่นี่เขาขึ้นชื่อเรื่องปะการังนะมึง” ชานยอลพยักหน้ารัวๆเพื่อเชิญชวนแบคฮยอน ร่างเล็กเดินหนีทันทีและส่ายหัวพรึ่บๆ
“ไม่เอาด้วยอ่ะ กูกลัวจมน้ำตาย”
“ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะเว้ย!”
“แล้วมึงไม่กลัวเหรอวะ”
แบคฮยอนยิงคำถามที่ทำให้ชานยอลเงียบไปสักพักก่อนที่เจ้าของใบหน้าหล่อจะส่งรอยยิ้มกลับมาหนักแน่นพลางส่ายหัวช้าๆ มือหนาคว้าฝ่ามือเล็กไปกุมไว้และชูขึ้นมาท่ามกลางสายตาของคนทั้งคู่
“มึงก็จับมือกูอยู่ จะกลัวอะไรวะ”
แบคฮยอนละสายตาจากมือของตัวเองและหันไปมองร่างสูงข้างๆช้าๆ ทั้งคู่ส่งสายตาแปลกๆให้กันสักพักก่อนที่แบคฮยอนจะเป็นคนกระชากมือตัวเองกลับมา
“อยากขี่หลัง” อ้อนด้วยคำพูดไม่พอ หนำซ้ำยังกระพริบตาปริบๆมองชานยอลที่แกล้งมองนกมองไม้และพูดเรื่องอื่น
“วันนี้อากาศดีเนอะ”
แบคฮยอนถอยหลังกลับไปตั้งหลักก่อนจะออกแรงวิ่งและกระโดดขึ้นไปเกาะแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าอยู่ก่อนแล้ว
หมับ!
“เชี่ยเอ๊ย กูว่าแล้ว”
ชานยอลเบี่ยงหน้ามาคุยกับแบคฮยอน แต่เขาก็ไม่ได้ย่อตัวให้แบคฮยอนลงไปจากหลังแต่อย่างใด ร่างสูงกระชับอ้อมแขนแน่นๆก่อนจะออกเดินไปเรื่อยๆ
“กูว่าเกาะนี้สวยกว่าที่พังงากับกระบี่อีกว่ะ”
ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหันหน้ากลับมาคุยกับแบคฮยอนบ้าง ริมฝีปากกระจับได้รูปของแบคฮยอนก็ดันแตะลงที่แก้มเนียนของชานยอลพอดี..
“เฮ้ย มึงหันมาไม่บอกอ่ะ!!” แบคฮยอนเฉไฉก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“อยากหอมแก้มกูก็บอก”
“เพ้อเจ้อนะมึง”
ทั้งสองคนกลับมาหยุดยืนอยู่ที่จุดๆเดิมจากตอนที่ลงรถมาตอนแรก ชานยอลเหลือบไปเห็นกระดานไม้ของแบคฮยอนที่วางพิงอยู่สภาพเดิมไม่มีใครแตะต้อง ก่อนที่เขาจะหันมาพูดกับแบคฮยอนด้วยความสงสัย
“แล้วมึงไม่วาดรูปเหรอ”
“เดี๋ยวค่อยว่ะ ไม่ค่อยมีรมณ์” แบคฮยอนส่ายหน้าช้าๆก่อนจะตอบเสียงเบา
“กลับกันเหอะ”
ทั้งแบคฮยอนและชานยอลตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆของเกาะหลีเป๊ะด้วยความวุ่นวายตลอดทาง เพราะมีเรื่องราวแปลกๆมากมายเกิดขึ้นกับพวกเขาสองคน ไม่ว่าจะเป็นการเจอคนบ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือจะเป็นการเดินทางของพวกเขาสองคนที่แสนจะธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความสุขแปลกๆ
ใกล้จะตกเย็นเข้าไปทุกที และตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ที่จุดรอรถเพื่อกลับที่พักเดิม
“ได้รูปมาเยอะเลยว่ะ กูว่ากูถ่ายดีขึ้น” ชานยอลยื่นกล้องของฮาคยองไปให้แบคฮยอนดู ซึ่งแบคฮยอนก็พยักหน้าส่งๆไปอย่างนั้นก่อนจะหันกลับไปดูรถต่อ
“โห่ ไรว้า ไม่ตั้งใจดูของกูเลย ใจร้าย” แบคฮยอนแกล้งชะโงกหน้าเข้ามาดูรูปใกล้ๆแบบประชดประชันก่อนที่เขาจะเบ้ปากเหมือนปกติที่ชอบทำจนติดเป็นนิสัย
“มึงก็ร่างภาพไว้หลายมุมเลยดิ” ชานยอลถาม หลังจากเก็บกล้องลงกระเป๋าสพาย แบคฮยอนพยักหน้าหงึกๆและหยิบออกมาโชว์ร่างสูง
“มีชิงช้า แล้วก็ท่อนไม้ตรงนั้น”
ชานยอลทึ่งไปในความสวยงามของภาพวาดจากแบคฮยอน เขาลองหยิบกล้องออกมาเทียบกับภาพร่างของคนข้างๆด้วยความทึ่งเล็กๆ ก่อนจะพบว่ามันออกมาใกล้เคียงกันเล็กน้อย โดยที่มีความต่างจากจุดเล็กๆนิดหน่อย
“มึงเจ๋งว่ะ วาดสวยเหี้ยๆอ่ะ”
“เออ กูก็ว่าอันนี้กูตั้งใจสุด มันเลยออกมาแบบนี้แหละ”
“ตั้งใจให้พี่คริสมึงอ่ะดิ..” ชานยอลพูดเสียงเบาแต่ก็ตีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนปกติ แบคฮยอนไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
ตั้งใจอยากจะวาดเพราะมึงด้วยนั่นแหละ..
แบคฮยอนพูดในใจ
“รถมาแล้ว”
ชานยอลจูงมือแบคฮยอนให้ขึ้นรถประจำทางที่จะต่อยาวไปถึงภูเก็ตในอีกหลายชั่วโมง ตัวร่างสูงตั้งใจจะไปที่ร้านลุงคนสนิทของเขาก่อน ซึ่งแบคฮยอนก็เออออตามน้ำ เพราะเจ้าตัวยังไงก็ได้อยู่แล้ว
อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็ลงรถที่ภูเก็ตซึ่งจะต้องนั่งรถแท็กซี่ต่อเข้าไปที่โรงแรมอีกรอบ และนั่นก็เรียกความเมื่อยล้าจากร่างกายพวกเขาได้เป็นอย่างดี
“โอ๊ย เมื่อยหลังสัด นี่ถ้ามึงไม่กลับพรุ่งนี้กูจะหาที่นอนที่สตูลสักคืนนะเนี่ย”
ชานยอลยกมืออ้อมไปทุบหลังตัวเองเบาๆ ขณะที่พวกเขาทั้งคู่ก็พยายามลากสังขารตัวเองให้เดินกลับไปถึงห้องให้ได้
“กูไม่ไปไหนละ เมื่อย”
ชานยอลบ่นอิดโอย พลางเปิดประตูห้องเข้าไปและกระโจนลงที่เตียงทันที ส่วนแบคฮยอนก็เลื้อยตัวไปนอนบนฟูกข้างล่างช้าๆด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ผ้าขนหนูผืนหนาก็ถูกโยนมาคลุมหัวชานยอล ก่อนที่เสียงเล็กจะบ่นตามมาราวกับบทสวด
“ไปอาบน้ำไป”
“แปป”
“ไปอาบน้ำ” เสียงทุ้มเล็กกดน้ำหนักเสียงเบาๆคล้ายการข่มขู่
“ขี้เกียจอ่ะ..”
แบคฮยอนเขย่าร่างสูงทั้งสองมือด้วยท่าทางเนือยๆจนร่างสูงยาวที่นอนแผ่ไปทั้งเตียงต้องยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งเพื่อตัดความรำคาญ
“ไปอาบน้ำไปชานยอล” ชานยอลนั่งจ้องหน้าแบคฮยอนสักพัก ก่อนที่อยู่ๆเขาก็ทะลึ่งตัวลุกไปเข้าห้องน้ำทันทีอย่างไม่มีปลี่ไม่มีขลุ่ย
“อะไรของมึงวะ”
จนทั้งคู่เวียนอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อย เวลาก็เดินไปเรื่อยๆตามหน้าที่ของมันจวบจนจะเที่ยงคืนเข้าทุกที..
ชานยอลถ่ายรูปจากกล้องของฮาคยองต่อจากไอโฟนเพื่อส่งไปทางอีเมล์ให้เธอตามที่สัญญาไว้ ก่อนที่เขาจะวางมันลงข้างๆหัวเตียงเพื่อเตรียมตัวนอน สายตาเหลือบไปเห็นคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อเจ้าตัวล้างหน้าเสร็จ
ชานยอลแกล้งนอนกางแขนกางขาไปทั่วทั้งเตียงเพื่อไม่ให้แบคฮยอนลงมานอนข้างๆเขาได้ และแปลกที่คนตัวเล็กกลับเดินไปทิ้งตัวนอนลงข้างล่างแบบเงียบๆโดยไม่มีอาการท้วงติงใดๆอย่างที่ควรเป็น
“เฮ้ย กูล้อเล่น มานอนข้างบนนี่มา” ชานยอลเอียงตัวไปสะกิดแบคฮยอนที่นอนตะแคงข้างหันไปอีกด้านแรงๆเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
“มึง..มานอนข้างบนมา”
แบคฮยอนพลิกกายตัวเองให้หันมานอนหงาย ก่อนจะเอื้อมแขนเรียวขึ้นมาโอบรอบคอชานยอลไว้และใช้มันเป็นแรงยึดเพื่อพาร่างของเจ้าตัวขึ้นไปด้านบน
ร่างเล็กของแบคฮยอนนอนก่ายอยู่บนลำตัวกว้างอย่างสบายๆ จนชานยอลต้องดันร่างเล็กออกเพื่อจัดแจงท่านอนดีๆให้สบายกันทั้งคู่ แต่กระนั้นแบคฮยอนก็ดึงดันจะนอนซบบนแผ่นอกกว้างต่อ ชานยอลยอมจำนนทุกหนทาง เขาบีบหัวไหล่เล็กๆให้ลงไปนอนราบกับเตียง
“นอนดีๆดิว่ะไอ้ห่านี่”
“อยากเล่นโยกเยกอ่ะ..” แบคฮยอนช้อนตาขึ้นมองใบหน้าคมคาย ก่อนที่คนตัวเล็กจะค่อยๆยันแขนตัวเองกับที่นอนเพื่อลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน
“โยกเยกเหี้ยไรมึงวะ”
ชานยอลขมวดคิ้วเข้มด้วยความสงสัย แต่เจ้าของร่างเล็กที่มีกลิ่นกายหอมเตะจมูกเป็นเอกลักษณ์ก็แย้มยิ้มออกมาบางๆ ฝ่ามือเล็กประสานกับอุ้งมือใหญ่ช้าๆทั้งสองข้าง ก่อนที่แบคฮยอนจะขยับกายตัวเองให้ขึ้นไปอยู่บนลำตัวของชานยอลอย่างเนือยๆ
เหมือนเป็นสัญชาติญาณหรืออะไรก็ตามแต่ ฝ่าเท้าเรียวยาวทั้งสองข้างของชานยอลค่อยๆดันหน้าท้องที่แบนเรียบของแบคฮยอนขึ้นช้าๆ ทำให้ร่างเล็กลอยคว้างอยู่กลางอากาศ โดยมีแขนแกร่งทั้งสองข้างของชานยอลที่ประสานกับมือเล็กไว้อย่างแนบแน่นคอยพยุงร่างเขาไม่ให้ร่วงหล่นลงมา
“แดกนมแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับเพื่อน แก่จะตายห่าแล้วสัด” ชานยอลหัวเราะแต่ก็โอนเอนร่างเล็กไปซ้ายทีขวาทีอย่างเชื่องช้า
“ก็ยังไม่แก่เหมือนหน้ามึงอ่ะ”
“แหนะ มึงอยู่ข้างบนนะครับ กูโยนมึงเมื่อไหร่ก็ได้นะครับ อย่า ไอ้สัด อย่า”
แบคฮยอนแลบลิ้นปลิ้นตาอย่างกวนประสาทก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเมื่อชานยอลกระดิกนิ้วเท้าไปโดนเส้นบ้าจี้เข้า
“จะลงแล้ว!”
ชานยอลค่อยๆดึงมือตัวเองกลับ ก่อนจะปล่อยให้ร่างเล็กโถมน้ำหนักลงมาที่ร่างตัวเองช้าๆ ทั้งๆที่ทั้งคู่ควรจะผละออกจากกันและพลิกตัวกลับไปนอนดีๆ แต่แบคฮยอนกลับนอนค้างไว้อยู่อย่างนั้นโดยที่ชานยอลก็ไม่ได้ผลักร่างเล็กออกเช่นกัน
แบคฮยอนยันตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อมองใบหน้าคมคายนิ่งๆ เมื่อสองสายตาประสานกันท่ามกลางความเงียบโดยไม่มีสิ่งใดเอื้อนเอ่ย ราวกับไฟที่ถูกน้ำมันชนวนดีอย่างแบคฮยอนราดลงและเกิดกองเพลิงโชกโชน..
“เฮ้ย…”
ชานยอลร้องท้วงและกดหัวตัวเองติดกับเตียงนอน เงยหน้ามองแบคฮยอนที่กำลังจะโน้มหน้าลงมาใกล้เรื่อยๆ สองมือเล็กและใหญ่ประสานคาไว้อย่างนั้นก่อนจะบีบเข้าหากันแน่นๆ ใบหน้าหวานเอียงเล็กน้อยเพื่อให้ได้องศาที่พอเหมาะ ก่อนที่กลีบปากบางจะแตะลงอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากสีซีด…
CUT
ตามไปใน Bio เลยแจ้ @glsr_
ความคิดเห็น