ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - la fondue au chocolate ♡ hunhan -

    ลำดับตอนที่ #19 : - 15 - ( 100% )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.68K
      9
      6 ก.ค. 57







     

    시린 기억들로 가득한가요

    혼자 되뇌이며 울던 사람
    คุณเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทุกข์ใจใช่ไหม?

    ร้องไห้อยู่คนเดียวในเวลาที่คิดถึงมันใช่ไหม?



     

                    ตัวสั่น

    เหมือนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าปีศาจร้ายที่จ้องจะชกชิงวิญญาณออกจากร่าง

    แบคฮยอนยืนตัวนิ่งค้างสั่นระริกต่อหน้าชายหนุ่มหล่อเหลาที่ดูสุขุมเงียบขรึมหากแต่แววตาอัดแน่นไปด้วยความเจ้าเล่ห์ปนทะเล้นขี้เล่นตามแบบฉบับของปาร์คชานยอล องครักษ์รูปหล่อผู้พิทักษ์ข้างกายคยุคประมุขแห่งเฮเลเนี่ยน

    แค่ได้ยินชื่อยศศักดิ์ของชายหนุ่มคนนี้ที่เป็นที่เลื่องชื่อของความเก่งกาจทางด้านการต่อสู้ก็ขอฟันธงว่าใครต่อใครคงกลัวกันหัวหดไม่แพ้ท่านดยุค แต่คงไม่ใช่กับบยอนแบคฮยอนที่รู้จักสนิทชิดเชื้อกันมาแต่เยาว์วัย

    “มีอะไรงั้นหรอ”

    “อะเอ่อคือฉะฉัน” กล่าวตะกุกตะกักคิดหาบทสนทนาที่ดีในการริเริ่มพูดคุยกับใครอีกคน

    “หืมว่ายังไงละ” คะยั้นคะยอเมื่อเห็นอาการตะกุกตะกักที่ชวนน่าแกล้งของอีกฝ่าย ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นปรางแก้มขาวนวลขึ้นสี

    “คะคือว่า” หากแต่ยิ่งคะยั้นคะยอหัวสมองกลับยิ่งทื้อคิดอะไรไม่ออกเสียอย่างนั้น ริมฝีปากบางเม้มฉับนึกขอโทษลู่หานที่คิดว่าบทเรียนอ่อยเพื่อได้หัวใจอีกฝ่ายแบบนั้นคงไม่ใช่วิถีของตัวเอง

    จะให้เขาวิ่งไปหาชานยอลแล้วแกล้งล้มใส่อ้อมกอดอย่างนั้นนะหรอ!

    น่าขำจะตายชัก

    ถึงแม้หัวสมองคิดปฎิเสธแต่ในใจส่วนลึกกลับกระหน่ำเต้นถี่รัว มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างเรียกกำลังใจก่อนเงยใบหน้าขึ้นทำใจกล้าสบดวงตาคม

    เอาไงเอากัน วันนี้ต้องบอกความในใจให้ได้!

    แต่ขอบอกด้วยวิธีของตัวเองตามแบบฉบับของที่ปรึกษาท่านดยุคแห่งเฮเลเนี่ยนคนฉลาดผู้มีไอคิวเกือบแตะเลขสองร้อยก็แล้วกันนะ

    “ชานยอล ฉันมีอะไรจะถาม” เมื่อเสียงหนักแน่นเอ่ยออกมาแทนเสียงตะกุกตะกักจึงทำให้ชายร่างกำยำเผลอยกแผงคิ้วเรียวขึ้นอย่างแปลกใจ

    “ถ้าตอบได้ก็จะตอบ”

    “คือว่า… มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของฉันนักหรอก แต่มีคนถามมาน่ะ” ดวงตาสวยมองอีกคนที่เอนกายพิงขอบโต๊ะรอรับฟังเรื่องราวของเขาเมื่อเห็นดังนั้นจึงเล่าต่อ “ถ้าสมมุติมึงไปแอบชอบใครสักคนเป็นเวลานาน อ่านานมากๆ มึงเฝ้าดูท่าทีเขาว่าจะมีใจให้มึงบ้างรึเปล่าซึ่งบางทีก็เหมือนมีและไม่มี มึงแอบคิดไปไกลทุกครั้งเวลาที่เขาชอบทำตัวให้มึงใจสั่น แต่สุดท้ายก็พยายามเรียกสติตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะเราเป็นเพื่อนกัน

    ชายหนุ่มกระตุกยิ้มยามได้ฟังเรื่องราวจากริมฝีปากสวย ลำตัวที่เคยเอนพิงขอบโต๊ะยันกายขึ้นยืนตัวตรงมองใบหน้าแบคฮยอนที่แดงไปเล่าเรื่องไป

    ชายหนุ่มกระตุกยิ้มยามได้ฟังเรื่องราวจากริมฝีปากสวย ลำตัวที่เคยเอนพิงขอบโต๊ะยันกายขึ้นยืนตัวตรงมองใบหน้าแบคฮยอนที่แดงไปเล่าเรื่องไป

    “แต่ถึงมึงจะคิดแบบนั้นแต่มันก็มีบางทีที่อดคิดไม่ได้ว่าเขาก็คิดเหมือนกัน ชอบเหมือนที่เราชอบเขาเหมือนกัน แถมบางครั้งยังใจเต้นแรงจนรู้สึกเจ็บหน้าอกไปหมดอีกแหนะ

    ขายาวก้าวเดินตรงไปยังเบื้องหน้าของร่างเล็ก ดวงตาคมสีรัตติกาลจ้องมองดวงหน้าขาวใสที่ยังเล่าเรื่องไม่หยุดหย่อน

    “มันก็ไม่ใช่เรื่องของกูหรอกนะ แต่กูรับปากเขามาแล้วว่าจะช่วย ไม่รู้จะทำยังไงเลยจริงๆ ก็แค่อยากรู้ว่าเขาคิดเหมือนกันรึเปล่า อยากรู้ว่าเขามีใจให้เหมือนเราที่เรามีรึเปล่า อยากรู้ว่าที่ทำไปทุกอย่างมันแค่เพื่อนหรือมีอะไรที่ซ้อนไว้มากกว่านั้น”

    เท้าใหญ่หยุดลงตรงหน้าแบคฮยอน สองร่างยืนใกล้กันจนเห็นได้ชัดถึงระดับความสูงใหญ่ที่ห่างกันมากโข

    “แล้วถ้าเป็นมึง ถ้ามึงคิดอะไรเกินเลยกับเพื่อน มึงจะทำยังไง”

    ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มส่งแววตาเจ้าเล่ห์ให้ปรางแก้มใสขึ้นสีแดงเรื่ออย่างลุ้นระทึก

    วินาทีเสี่ยงตายของบยอนแบคฮยอน

    “นี่

    ดวงตาเรียวขยับสบดวงตาคมพยายามอย่างหนักที่จะซ้อนแววตาสั่นไหว

    “ชอบกูก็บอกดิไม่ต้องมาทำแกล้งปรึกษาความรัก”

    !!!

    มันรู้

    “คะใครบอกว่ากูชอบมึงกันห๊ะ!

    “เรื่องที่มึงเล่าไม่ใช่เรื่องของเราหรอกหรอ”

    ไอ้ฉลาด

    “ว่าไงชอบกูหรอ”

    เออ

    “อย่าเงียบดิวะ”

    ก็บอกว่าเออไง

    “นี่กูรอคำตอบจากมึงอยู่นะ ชอบกูหรอ”

    เออกูชอบมึง

    “ถ้าเงียบงั้นกูจะปรึกษาบ้าง”

    ดวงตาเรียวขยับสบดวงตาคมอีกครั้งมองใบหน้าที่ดูไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาอย่างรู้สึกหนักอึ้ง

    ไม่ได้คิดอะไรกับกูเลยสินะ

    “กูชอบแอบมองคนอยู่คนหนึ่ง”

    พูดถึงเขาแล้วยิ้ม แต่เมื่อกี้กูสารภาพรักมึงกลับมาแสดงอารมณ์ออกมา มึงคงชอบเขาสินะ

    “เขาเป็นคนฉลาดและขยันตั้งใจทำงานมากๆ จนกูนึกชื่นชมอยู่หลายครั้ง อยากยื่นมือเข้าไปช่วยงานเขาบ้างแต่กูก็ดันโง่เรื่องแบบนั้นมือกูก็หนักจับได้แค่ปืนกับดาบจะให้กูไปแตะปากกาเอกสารมันคงจะหนักเอาเรื่องเลยขอแอบมองอยู่ห่างๆยังจะดีกว่า”

    มึงชอบเขาขนาดนี้เลยงั้นหรอ กูอิจฉานะ

                    “พอกูได้มองเขากูถึงรู้ว่ากูใจเต้นทุกครั้ง และไม่รู้ตัวการแอบมองหน้าเขาก็กลายเป็นงานอดิเรกกูไปแล้ว”

                    มาบอกกูแบบนี้ไม่คิดว่ากูจะเจ็บบ้างเลยรึไง

                    “ใบหน้าเวลาเคร่งเครียด ใบหน้าเวลาดีใจ ใบหน้าเวลาโมโห ใบหน้าเวลากลัว จะทำหน้ายังไงเขาก็น่ามองสำหรับกูเสมอ”

                    เหอะ

                    “กูคิดว่ากูรักเค้า”

                    แล้วจะมาบอกกูทำไม ทำไมไม่ไปบอกคนของมึงแทนละ

                    “แต่คิดตรงที่ว่าเขาไม่เคยรู้ถึงความรักของกูเลยทั้งๆที่กูก็แสดงออกตั้งหลายครั้ง”

                    มึงก็ไม่เคยรู้ถึงความรักของกูเหมือนกัน

                    “มึงเชื่อไหมขนาดกูบอกรักเขาอยู่เขายังคิดว่ากูรักคนอื่นเลย”

                    เออแม่งโง่จริงๆนั่นแหละ

                    “ทำไมกูต้องรักคนโง่ๆแบบมึงด้วยวะแบคฮยอน”

                    “ห๊ะ”

                    ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มทันทีเมื่อเห็นหน้าบูดบึ้งเมื่อครู่เหวอขึ้นอย่างตื่นตกใจ

    “มึงว่าอะไรนะ”

    “มึงหมายถึงอะไรละ”

    “กะก็เมื่อกี้ที่มึงพูดออกมา

    ปรางแก้มใสเห่อแดงร้อนระอุราวกับไฟลาวาที่ปะทุออกจากปล่อง ดวงตาสวยสั่นระริกกับคำว่ารักที่เฝ้ารอมานานนับหลายปี นึกอยากตบปากหน้าตัวเองแรงๆเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องราวที่ได้ฟังไม่ได้ฝันไป เรื่องทั้งหมดที่ออกมาจากปากชานยอลคือตัวเขาเองอย่างนั้นหรอโอ้ยแบคฮยอนไอ้โง่เอ้ย!

    “มึงพูดอีกทีได้ไหมบางทีกูอาจจะได้ยินมันผิดไป” เว้าวอนร้องขอชายหนุ่มตรงหน้าที่ยืนกดยิ้มหล่อร้าย ท่อนแขนกำยำยกขึ้นข้างหนึ่งสัมผัสท้ายทอยอีกคนดันให้หน้าผากเล็กแตะหน้าผากตัวเอง จมูกโด่งฉิวเฉียดเพียงฝ่ามือกั้น ดวงตาคมสบผสานจ้องลึกเข้าไปยังภายในลูกแก้วใสเพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องต่อไปนี้ คือความจริง

    “ฮึ กูรักมึงนะ”

    เหมือนได้ยินเสียงไอความร้อนดังจากกาต้มน้ำ คำว่ากูรักมึงนะดังก้องเต็มสองรูหูตอกย้ำหัวใจที่บ้าระห่ำเต้นหนักหน่วงจนแทบระเบิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือความจริง มันไม่ใช่ความฝัน

    “แล้วมึงก็ยังไม่ตอบคำถามกูเลย”

    “อะไร

    มึงชอบกูหรอ”


    แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องรอดผ่านจากผ้าม่านสีขาวบางที่ปลิวตามสายลมเอื่อย


    “ป่าวเลย”




    แสงของพระอาทิตย์แห่งเฮเลเนี่ยนที่ฉายวาบสะท้อนผิวน้ำแห่งบ่อน้ำพุรูปปั้นราชสีห์ยักษ์



    “กูไม่ได้ชอบซะหน่อย”



     

    แสงของพระอาทิตย์ที่แบ่งถ่ายเทความอบอุ่นไปยังหัวใจทั้งสองดวง



    “คิดไปเองรึเปล่า”
                     

     

    “อย่าเล่นตัวดิวะ”




    หัวใจสองดวงที่เต้นไปพร้อมกันกับความอุ่นใจของแสงอาทิตย์



    “เออ”





    แสงของพระอาทิตย์ที่โลดเต้นยินดีไปพร้อมกับความรักที่สมหวัง






    “กูรักมึงนะชานยอล”







     

    ( - la fondue  au chocolate - )



     

    เสียง

    กายบางหมุนตัวไปด้านหลังทันทีเพื่อมองหาต้นตอของเสียงปริศนา ชายหนุ่มรูปร่างบางไม่แพ้ตนผิวขาวละเอียดดุจหิมะเส้นผมสีดำรับกับดวงตาสีรัตติกาลดูมีเสน่ห์น่าค้นหาหากแต่ก็ดูลึกลับในทีเดียว ชุดประจำโรงเรียนเฮเลเนี่ยนที่ภายนอกเสื้อคลุมกรมท่ามีขีดสีทองหนึ่งเส้นบ่งบอกถึงยศตำแหน่ง

    “ซูโฮ…?

    “รู้สึกเป็นเกียติที่ท่านดัชเชสสามารถจำผมคนนี้ได้”

    “จะจำไม่ได้ได้อย่างไรก็ในเมื่อนายเป็นผู้ดำเนินพิธีมอบตำแหน่งดัชเชสให้ฉันเองนิน่า”

    ลู่หานคลี่รอยยิ้มอย่างเป็นมิตรส่งให้ซูโฮที่เป็นถึงประธานนักเรียนหากแต่ใบหน้าอีกฝ่ายกลับไม่ยิ้มตอบรับตีสีหน้าเรียบนิ่งจนรอยยิ้มสวยเจื้อนลง

    รู้สึกบรรยากาศรอบตัวมันไม่ค่อยจะดีเลยแห๊ะ

    “เอ่อแล้วนายรู้จักเจ้าดอกไม้นี่ด้วยหรอ” ถามพลางชูดอกไม้สีฟ้าอ่อนในมือขึ้น ซูโฮโค้งหัวลงเล็กน้อยตามธรรมเนียมก่อนเอ่ยให้อีกคนคลายสงสัย

    “เป็นดอกไม้ที่ท่านดยุคปลูกและดูแลทั้งสวนด้วยน้ำมือน้ำแรงของท่านเอง ท่านดยุคปลูกดอกไม้ชนิดนี้ได้เกือบครบสองปีและยังดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีโดยน้อยคนนักจะล่วงรู้ว่าภายในเขตตะวันตกที่แห่งนี้จะมีสวนดอกไม้อยู่”

    ดวงตาสวยไหววูบเพียงเพราะรู้ว่าดอกไม้ในมือมีความสำคัญกับเจ้าของหัวใจและดูท่าจะสำคัญมากถึงขั้นลงมือทำเองทุกขั้นตอน และเพราะเป็นคนสำคัญยิ่งทำให้อยากรู้มากขึ้นไปอีก ความอยากรู้ที่มีต้นตอมาจากคำว่ากังวลและหวาดระแวง

    ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้คืออะไรกัน

    และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ถึงอาการสงสัยใคร่รู้ ริมฝีปากบางเฉียบลอบกระตุกยิ้มก่อนเอ่ย “ถ้าท่านดัชเชสอยากรู้ว่าดอกนี้คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร ผมจะอธิบายโดยคร่าวให้ฟัง”

    ลู่หานเงยหน้ามองอีกคนก่อนพยักหน้าลง มือเรียวเผลอกำก้านดอกไม้โดยไม่รู้ตัว

    “ดอกไฮเดรนเยียเขาว่ากันคือสัญลักษณ์แห่งความเย็นชา เดิมทีดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ใช้ขอความรัก หากแต่เมื่อขอความรักนานวันเข้าและอีกคนกลับไม่คิดสนใจและเห็นถึงคุณค่า

    ขอความรักอย่างนั้นหรอ

    “ดอกไม้ที่เคยเป็นการร้องขอความรักจึงแปรเปลี่ยนเป็นตายด้านและเย็นชาในที่สุด เย็นชาที่จะปิดกั้นหัวใจของตัวเองเพื่อรำลึกถึงความรักครั้งนั้นและได้แต่เฝ้ารอนี่คือที่มาของดอกไฮเดรนเยีย”

    “หมายความว่า

    ซูโฮมองใบหน้าหวานของดัชเชสที่ซีดลง ดวงตาสวยที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองแล้วจำต้องลอบยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ

    “ผมคงพูดมากความกว่านี้ไม่ได้เพราะนี่เป็นเรื่องของผู้มียศตำแหน่งสูง ผมเป็นแค่ประธานนักเรียนธรรมดาคงเอาเรื่องเหล่านั้นมาพูดก็เห็นว่าจะไม่สมควร แต่หากว่าท่านดัชเชสอยากรู้ก็ควรค้นหา'อดีต'ด้วยตนเอง”

    ริมฝีปากบางของลู่หานขบกัดแน่นกับเสียงเน้นย้ำคำว่า'อดีต' ลู่หานไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ว่าคำนั้นมีความหมายแอบแฝงซ้อนอยู่ ดวงตาสวยเหลือบมองดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอ่อนในมือแล้วแทบอยากปาทิ้งลงพื้นกระทืบให้จมดินเมื่อสิ่งที่เคยเห็นมันไม่ผิดแน่ๆ


    ดอกไม้ชนิดนี้เคยอยู่ในแจกันห้องของเซฮุนไม่ผิดแน่


    “ผมมีงานที่ต้องทำขอตัวก่อนนะครับ”

    ลู่หานพยักหน้าทั้งๆที่ยังคงก้มใบหน้าลงอยู่อย่างนั้นยิ่งทำให้ซูโฮแสยะยิ้มชอบใจมากกว่าเดิม หมุนตัวเตรียมหันหลังเดินจากแต่ก็มิวายทิ้งถ้อยคำสุดท้ายตอกย้ำความคิดของลู่หานให้กระจ่างชัดยิ่งขึ้น


    “ผมแค่อยากบอกให้รู้ใครก็ตามที่เฝ้าทำงานรับใช้ใกล้ชิดท่านดยุคก็ต่างรู้ดีถึงดอกไฮเดรนเยียในสวนนี้










    “เขาปลูกมันเพื่อให้คนสำคัญ”

    !!!


    ขาเรียวของซูโฮก้าวเดินจากมากระตุกยิ้มร้ายเมื่อสิ่งที่หวังเป็นไปตามที่คิด ตัวเขาเองและดัชเชสคนปัจจุบันไม่เคยมีความคิดแค้นเคืองใจต่อกัน หากแต่เมื่อคนที่เขาทุ่มรักให้หมดหัวใจปราถนาสิ่งใด คนที่งมงายกับความรักเช่นเขาก็พร้อมยินดีทำแม้นั่นจะเป็นสิ่งที่ผิด

    “ทำดีมากซูโฮ”

    “ครับ”

    “ฉันคิดไม่ผิดที่เชื่อใจและวางใจนาย”มือใหญ่ลูบแก้มใสทำให้คนตัวเล็กยืนนิ่งค้างหน้าแดงจัดกับความใกล้ชิดของชายหนุ่มอันเป็นที่รักที่ขยับเข้ามาใกล้เสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว

    เขารักผู้ชายคนนี้หมดหัวใจโดยไร้ข้อกังขาใดๆ ยอมทุกอย่างแม้ต้องสั่งให้ฆ่าก็ยินดีทำเพราะนั่นคือความรักในแบบฉบับของซูโฮ
     

    “ถ้าหากได้ทำเพื่อคุณผมพร้อมทุกอย่างแม้ต้องแลกด้วยชีวิตผมก็ยอม... เพราะว่าผมรักคุณเพียงคนเดียว รักตั้งแต่แรกเห็น...





    “...เจ้าชาย ”


    บุคคลในตำแหน่งเจ้าชายยกยิ้มรับถ้อยคำฟังดูสละสลวยของอีกคน คริสไล้ฝ่ามือหนาไปตามโครงหน้าสวยจับจ้องมองดวงตากลมงดงาม หากแต่แม้ร่างและหัวใจของคนตรงหน้าดูสวยสง่าเลอค่ามากเพียงใดแต่ก็น่าเศร้าใจที่ไม่มีทางจะได้ครอบครองหัวใจทรนงของผู้เป็นเจ้าชายคนนี้... ช่างน่าเสียดาย

     

    อาจเพราะหัวใจมอบความรักได้เพียงแค่คนเดียว


    “อย่าทำให้ฉันผิดหวังละ”

    เอ่ยจบชายหนุ่มก็โน้มตัวลงแนบริมฝีปากหยักกดจูบร่างเล็กอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือหนาเชยคางมนให้ใบหน้าสวยแหงนขึ้นรับจุมพิตที่ถ่ายทอดให้ร่างเล็กได้อ่อนระทวยพร้อมกับเสียงหัวใจที่กระหน่ำเต้นไม่เป็นส่ำอย่างบ้าคลั่ง สองลิ้นเกี่ยวกวัดดูดซับมนต์เสน่ห์แห่งรสจูบเนิ่นนานส่งเสียงร้องครางอื้ออึงพึงใจกับความหวาบหวามก่อนผละออกจากกัน

    เสียงนุ่มทุ้มกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูดังกึกก้องคล้ายมนต์ตราชวนให้ร่างเล็กไร้เรี่ยวแรงล้วงลงสู่พื้น และในที่สุดหัวใจไร้เดียงสาก็พ่ายแพ้ต่อความร้ายกาจหลงละเมอติดกับดักปีศาจร้ายตัวฉกาจเข้าเต็มเปา

    “ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับความพอใจของฉัน”

    ดวงตาคมไม่คิดมองร่างที่ล้วงลงไปนั่งกับพื้นกับตวัดมองเจ้าของหัวใจที่แท้จริงที่ยืนกระทืบดอกไฮเดรนเยียบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดีพลางยกยิ้มอย่างชอบใจ

    เขารู้จักนิสัยลู่หานดีที่สุด เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้คนตัวเล็กคิดยอมแพ้กับความรักที่มีเต็มอกได้ง่ายๆหรอก หากลู่หานไม่ยอมแพ้แล้วคริสจะยอมแพ้อย่างนั้นหรือ นี่มันแค่เริ่มต้นเพราะสงครามของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก

    “รีบมาหาฉันเร็วๆเข้าละ”

    ฝ่ามือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์ที่เปิดหน้าข้อความล่าสุดค้างไว้ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มก่อนหมุนตัวเดินจากมา






    ไฟล์ทบินคืนนี้ตีสอง คงถึงเกือบเย็นๆ วันพรุ่งนี้ นายมารับฉันได้ไหม









     

    ใกล้เวลาที่การเล่นละครกับบัลลังก์ของฉันจะจบลงแล้วนะ เจ้าน้องชาย







     

     

    ( - la fondue  au chocolate - )

     




     

    ความรักคืออะไรอย่างนั้นหรอ

    คำถามของลู่หานลอยวนเวียนเข้ามาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่ายามที่กำลังนั่งเรียนอยู่ภายในฝั่งตะวันออกที่เป็นอาคารรวมพลของผู้คุมกฎ นัยน์ตาสวยลอยออกไปยังภายนอกหน้าต่าง คำสอนและคำอธิบายลอยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวากับสิ่งที่ดัชเชสควรทำ

    “เป็นอะไรเหม่อทำไม”

    “อ่าขอโทษครับคุณจงแด”

    “ว่าแต่ดยุคพาไปเรียนยิงปืนรึยัง”

    “ห๊ะ? เรียนยิงปืน?”

    “คงจะยังสินะ ในเมื่อตอนนี้นายเป็นดัชเชสเพราะฉะนั้นการเรียนยิงปืนและฝึกเรียนวิชาป้องกันตัวพื้นฐานถือเป็นสิ่งสำคัญ คงจะไม่แปลกอะไรหากท่านดยุคผู้มีอำนาจสูงสุดครอบคลุมทั่วเอเชียจะเป็นจุดสำคัญในการลอบฆ่าเพื่อแย่งชิงอำนาจ”

    “ถึงกับจะฆ่ากันเลยหรอ

    “ในประวัติศาสตร์ของเฮเลเนี่ยนท่านดยุคคนเก่ารุ่นที่สิบสองถูกลอบยิงฆ่าตายตอนเดินทางไปประชุมใหญ่ที่ปารีส และรุ่นที่สิบแปดถูกลอบวางยาพิษตายและนั่นจึงได้กำเนิดหน้าที่องครักษ์และบรรดาบอดี้การ์ดใกล้ชิดกับพวกลอร์ดขึ้น”

    “แต่ผมต้องเรียนด้วยหรอ”

    “จุดอ่อนของดยุคก็คือดัชเชส เหตุกาณร์ที่ดยุคต้องเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องหัวใจของเขามีมาหลายสมัยแล้ว เพราะฉะนั้นนายก็ต้องระวังตัวให้ดี แต่ที่เซฮุนยังไม่สอนนายอาจเป็นเพราะช่วงนี้กำลังยุ่งกับการไปประชุมหุ้นที่กรีซสินะ”

    “หือประชุมหุ้นที่กรีซ?”

    “นี่ยังไม่รู้อย่างนั้นหรอ อีกสามวันเซฮุนต้องเดินทางไปกรีซเพื่อการประชุมที่สำคัญ”

    ดวงตาใสแวววับขึ้นทันทีเมื่อคิดว่าตนกำลังได้เดินทางไปเที่ยวอีกแล้ว หากแต่คำพูดถัดมาของจงแดกลับฉุดความฝันของลู่หานให้จมดิ่งภายในพริบตา

    “แต่นายต้องอยู่ที่นี่เพื่อต้อนรับเจ้าชายเฮนรี่ผู้มีศักดิ์เป็นลูกของเพื่อนสนิทท่านลุงเซฮุน เขาเดินทางมาเพื่อหาสถานที่ในการลงทุนโปรเจ็คใหม่”

    “งั้นนี่ก็คืองานแรกของผมหรอ”

    “ใช่ เซฮุนไม่อยู่ฉะนั้นหน้าที่นี้ต้องตกเป็นของนาย ดูแลเขาให้ดีเพราะเขาเป็นสหายและคอยให้ความสนับสนุนเฮเลเนี่ยนเสมอและยังมีอำนาจมืดอีกด้วย และในวันนั้นแบคฮยอนจะอยู่กับนาย ตั้งใจทำงานให้ดีละ”

    “ครับ”

    ลู่หานเดินออกจากเขตตะวันออกมุ่งตรงสู่เขตตะวันตกเพื่อทำการพักผ่อนหลังจากพร่ำเรียนมาทั้งวัน หากแต่เมื่อขาเล็กก้าวเข้าสู่เฮเลน่ากลับต้องนึกแปลกใจเมื่อรอบกายดูเงียบผิดปกติ

    “ดัชเชสกลับมาแล้วหรอคะ มื้อเย็นจะรับอะไรดีคะ? จะได้บอกครัวใหญ่ให้เตรียมอาหารและจัดโต๊ะค่ะ”

    ลู่หานนึกเมนูอาหารมากมายที่ลอยหมุนวนเข้ามาในหัว ไอ้อยากมันก็อยากหลายอย่างอะนะ หากแต่คนตัวเล็กกลับส่งคำถามอื่นออกมาแทนคำถามที่สาวรับใช้รอ

    “ดยุคละ?”

    “ท่านดยุคยังคงนั่งทำงานอยู่ด้านในห้องงานไม่ออกมาตั้งแต่หลังมื้อเช้าแล้วค่ะ ท่านดยุคยังมีรับสั่งอีกว่าจะไม่ร่วมทานมื้อเย็น เห็นว่ามีงานด่วนที่ต้องทำให้เสร็จภายในสองวันนี้ค่ะ”

    ลู่หานพยักหน้ารับนึกถึงคำพูดจงแดเมื่อตอนบ่าย คงหมายถึงงานที่จะต้องไปประชุมที่กรีซสินะ

    “งั้นตอนนี้ฉันขอสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ ซุปเห็ดและกาแฟร้อนสักแก้วก็แล้วกันนะ”

    “เอ๋?” สาวใช้เงยใบหน้าขึ้นอย่างสงสัยหากแต่ก็พบกับรอยยิ้มน่ารักของดัชเชสแทน

    “ฉันไม่ได้จะกินเองหรอก”

    เพียงเท่านั้นสาวใช้ก็คลี่รอยยิ้มออกมาก่อนโค้งหัวลงรับคำสั่งของดัชเชสทันที

    ใช่ตอนนี้ฉันเป็นดัชเชส ตอนนี้ฉันเป็นคนรักของเซฮุน ฉันคนนี้ ลู่หานคนนี้เท่านั้น!!!!!!

    ส่วนไอ้พวกอดีตก็คือดีต อย่าสะเออะคิดมาเทียบกับคนในปัจจุบันอย่างกู!!! มันคนละชนชั้นกันหึ!! #ยิ้มนางงาม

    ลู่หานตัดสินใจโยนคำพูดเมื่อตอนสายที่ได้รับฟังจากซูโฮทิ้ง เขาไม่รู้หรอกว่าคนสำคัญนั้นคือใคร และที่มาของดอกไฮเดรนเยียคือใคร แต่ในเมื่อตอนนี้และที่นี่มีแค่เซฮุนและลู่หาน มีแค่ความรักที่เต็มเปี่ยมของลู่หานที่มอบให้เซฮุนหมดหัวใจแล้วเรื่องอื่นจะยังสำคัญอย่างนั้นหรอ

    คำตอบคือไม่มีทาง!!!!!!!!!!!!!!!!!

    รักใครรักจริงและทุ่มเทหมดหัวใจนั่นคือความรักในแบบฉบับของลู่หาน


    คำตอบของคำถามที่เฝ้าพะวงถามย้ำกับตัวเองมาตลอดวัน และในที่สุดก็ได้กระจ่างถึงความหมายที่แท้จริง


    “ได้แล้วค่ะ”

    ลู่หานรับถาดอาหารที่มีแต่ของโปรดดยุคขึ้นมาถือไว้ในมือ ขาเล็กก้าวตรงไปยังห้องงานของดยุคที่ประตูปั้นปิดตายตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าทนหิวไปได้ยังไงกันนะ ไม่กินข้าวแบบนี้ได้ป่วยกันก่อนพอดีนะสิ

    แต่ไม่เป็นไรหรอก

    ม๊าสอนว่าถ้าผู้ชายหิวเราก็แค่นอนให้เขากิน แอร๊ย!!! #แดดิ้น \(//////)\





    ก๊อก ก๊อก ก๊อก


    มือเรียวเคาะประตูห้องและไม่นานก็เปิดออก

    “อ้าวมาทำอะไร? แล้วนั่นอ๋อ โอเคเข้าใจแล้วๆ” แบคฮยอนเปิดประตูออกมาเจอกับร่างเล็กของลู่หานพลางมองอย่างสงสัยหากแต่เมื่อมองลงต่ำก็เข้าใจได้ทันทีกับถาดอาหารที่อัดแน่นไปด้วยของโปรดท่านดยุค แบคฮยอนหมุนตัวกลับไปดึงชานยอลที่นั่งเขียนอะไรบางอย่างออกจากห้องขยิบตาส่งซิกให้ลู่หานอย่างรู้ทัน

    มีเพื่อนฉลาดเป็นกรดมันก็ดีแบบนี้แหละ คิคิ

    “แบคฮยอนใบรับรองตราได้รึยัง”

    ลู่หานลอบถอนหายใจเมื่อในเวลานี้ชายหนุ่มตรงหน้าก็ยังไม่รู้ถึงการมาของเขาและยังไม่ยอมเงยหน้าออกจากกองเอกสารที่วุ่นวายอีกต่างหาก

    “แบคฮยอนอ้าว ลู่หาน”

    หากแต่เมื่อเซฮุนเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของลู่หานชายหนุ่มที่ขะมักเขม้นกับกองเอกสารจึงยอมวางปากกาลงแล้วคลี่ยิ้มออกมา นัยน์ตาคมเหลือบมองนาฬิกาแล้วต้องตกใจเมื่อไม่คิดว่านี่จะเป็นเวลาพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเสียแล้ว

    “หักโหมงานหนักจังเลยนะ”

    “งานด่วนน่ะ แล้วนั่น” ลู่หานยิ้มรับเมื่อสายตาคมมองลงมายังถาดอาหารที่อยู่ในมือเขา ขาเล็กก้าวเดินเข้าไปใกล้ก่อนวางลงตรงหน้าชายหนุ่ม

    “ทานอะไรหน่อยนะคุณเนื้อคู่ เดี๋ยวจะป่วยเอาซะก่อน” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มเมื่อได้รับการเอาใจใส่และการดูแลจากดัชเชสตัวน้อยที่ยืนกระพริบตาปริบๆอย่างออดอ้อน

    “เห้อ ฉันนั่งเซ็นเอกสารจับปากกาทั้งวันจนปวดมือไปหมดแล้วละ”

    ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นใบหน้าสงสัยของคนตัวเล็ก เท้าคางมองใบหน้าสวยก่อนตบตักตัวเบาๆเป็นการคลายปริศนาที่เรียกเลือดฟาดให้ลู่หาน


    “มานั่งนี่สิ”


    เพียงเท่านั้นปรางแก้มใสก็เห่อร้อนระอุขึ้นขาเรียวก้าวเดินยังประมุขแห่งเฮเลเนี่ยนที่นั่งกระตุกยิ้มรออยู่อย่างว่าง่าย ก่อนหย่อนสะโพกนั่งลงบนตักกว้างเรียกรอยยิ้มจากคนตัวสูงกว่าที่เลื่อนวงแขนแกร่งสอดโอบรัดรอบเอวบางซุกใบหน้าคมลงกับแผ่นหลังเล็กอบอุ่นอย่างต้องการผ่อนคลายความเหนื่อยล้า

    ที่ที่เราคิดถึง คือที่ที่เราผ่อนคลาย

    “คะคุณเนื้อคู่

    “หืม” เสียงเหนื่อยอ่อนจากคนตัวสูงทำให้ลู่หานนึกเป็นห่วงกว่าเก่า

    “กินข้าวเถอะ จะได้มีแรงทำงานต่อเนอะ”

    “ป้อนฉันหน่อยสิ” เสียงออดอ้อนและหน้าผากกว้างที่ถูไถไปมากับแผ่นหลังเล็กทำให้คนที่น่งอยู่บนตักกว้างชะงักดวงหน้าสวยแดงจัดกับอาการเขินอาย

    คนบ้า โหมดจะอ้อนก็อ้อนซะจนใจสั่น

    “แล้วจะป้อนถนัดที่ไหนละให้นั่งตักแบบนี้”

    ใบหน้าคมผละจากลาดไหล่เล็กที่พักพิงก่อนจับคนตัวเบาหวิวบนตักหมุนหน้าเข้าหาตัวเองยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นวางคร่อมตักพลางหมุนเก้าอี้ตัวใหญ่ชิดโต๊ะทำงานที่มีถาดอาหารวางอยู่

    ดวงตาสวยเบิกมองใบหน้าเจ้าของตักที่ตีสีหน้านิ่งเฉยต่างกับเขาที่ใจแกว่งเต้นตุบตับๆเหมือนกำลังเป็นบ้าอยู่รอมร่อกับวิธีการเอาแต่ใจที่ทำรวดเดียวโดยไม่รีรอถามความเห็นเขาเลยสักคำ

    “เผด็จการ

    เสียงใสบ่นงึมงำทั้งที่ปรางแก้มขึ้นสีแดงจัดจนชายมากอำนาจนึกขำ ตวัดสายตามองเส้นสปาเก็ตตี้ที่เต็มไปด้วยซอสมะเขือเทศแล้วจู่ๆท้องก็ร้องขึ้นมาเสียดื้อๆ ราวกับรู้ทันลู่หานคว้าจานสปาเก็ตตี้มาถือจับส้อมหมุนเส้นเป็นก้อนกลมแล้วยกขึ้นจ่อปากชายหนุ่มที่อ้าออกกว้างอย่างรู้งาน

    เซฮุนเคี้ยวอาหารที่อยู่ในปากพลางมองใบหน้าใสที่แก้มแดงซ่านแล้วหยุดสายตาลงที่ขนตางอนงามเรียงสวยของลู่หาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของของคนคนนี้หัวใจแกร่งก็จำต้องสั่นไหวอยู่ร่ำไป

    “อีกคำนะ”

    ริมฝีปากหยักอ้าออกอีกครั้งรับสปาเก็ตตี้ที่วันนี้ดูอร่อยเป็นพิเศษเข้าปาก มือหนาที่กอดเอวบางล้วงเข้าไปภายใต้เสื้อยืดสีขาวลูบไล้เอวคอดกิ่วที่น่าสัมผัสอย่างเพลินมือจนคนตัวเล็กบนตักสะดุ้ง

    และลู่หานก็เพิ่งได้ตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงอีกด้านหนึ่งของชายผู้มากอำนาจที่สุดแสนเขร่งขรึมก็ในวันนี้

    เจ้าดยุคคนทะลึ่ง

    ได้แต่นึกบ่นในใจทั้งที่หน้าแดงก่ำผิดกับความคิด คนตัวเล็กยังคงก้มหน้างุดป้อนสปาเก็ตตี้ไม่มีหยุด

    ผลึกตาสีเฮเซลเองก็เอาแต่จ้องคนบนตักที่นั่งตัวสั่นด้วยแววตารักใคร่หยาดเยิ้ม หัวใจเต้นกระตุกยามได้ยลปรางแก้มใสสุกปลั่งใกล้ชิด ไม่ว่าลู่หานจะทำอะไรแสดงท่าทีอย่างไรก็ดูน่ามองจนชายหนุ่มนึกหวงแหนเสียทุกที หัวใจเต้นถี่รัวที่ไม่รู้ว่าเป็นของเขาหรือลู่หานกันแน่ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้ม

    รัก

    คำว่ารักมันดังก้องไปทั่วหัวใจจนแทบลอยได้ หัวใจดวงน้อยที่กล้าบ้าบิ่นจนทำให้จากความถูกรักแปรเปลี่ยนความรักได้ สามารถทำให้เขาไม่สามารถละสายตาออกจากได้ตั้งแต่ครั้งที่เห็น สามารถทำให้เขาลืมเลือนคนที่หัวใจเคยฝังลึกไว้ได้ลู่หานเปรียบเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ที่เปลี่ยนรอบกายของดยุคผู้นี้ได้

    ความวังเวง ความมืดมน ความเย็นชาที่เคยมีกลับมลายหายไปเพียงเพราะความสดใสดั่งดวงตะวันของร่างน้อยบนตัก ฝ่ามือหนาที่ลูบไล้เอวบางนวดคลึงบีบเคร้นปาหากแต่ต้องหยุดชะงักแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะแทนเมื่อมีเสียงประท้วงออกมาจากกายเล็ก

    “โครก

    “ยังไม่ได้กินข้าวงั้นหรอ” ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มเอ็นดูที่ทำให้ลู่หานนึกเขินอายจนเหมือนคนบ้าเมื่ออยู่ดีๆไอ้ท้องไม่รักดีก็ส่งเสียงเรียกร้องอาหารออกมา ฝ่ามือหนาละออกจากเอวบางคว้าจานซุปเห็ดขึ้นมาถือตักขึ้นจ่อปากเล็กที่นั่งเบิกดวงตากว้างอย่างตื่นตะลึง

    “กินสิ หิวเหมือนกันไม่ใช่หรอ”

    ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มก่อนอ้าออกรับช้อนเข้าปาก มือบางก็ม้วนส้อมพันเส้นสปาเก็ตตี้ในจานจ่อปากป้อนชายมากอำนาจที่รองรับน้ำหนักตัวเขากลับบ้าง สรุปว่าในเวลานี้กลับกลายเป็นต่างคนต่างป้อนอาหารให้กันเสียแล้ว

    มือหนาวางช้อนซุปลงก่อนขยับใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปใกล้ดวงหน้าสวยที่นั่งตัวสั่นอย่างตื่นตระหนก ผลึกตาสีเฮเซลสบผสานดวงตาสีคาราเมลสวยจนหัวใจทั้งสองสั่นไหว ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะส่งลิ้นชื้นยื่นออกมาเลียคราบซุปเห็ดที่เลอะติดอยู่มุมปากเล็กอย่างแผ่วเบา

    แผ่วเบาทว่าซ่อนความร้อนแรง ลิ้นชื้นเลียคราบเลอะซุปที่หดหายเข้าไปยังภายใต้การรับรู้รสของตน หากแต่ก็ไม่คิดชักลิ้นกลับเสียทียังคงเลียอยู่อย่างนั้นที่เดิมราวกับความเอร็ดอร่อยก้นจานไม่เลือนหายไป

    “ซุปอร่อยดีนะ”

    ร่างทั้งร่างแทบระเบิดออกมาเป็นผุยผงกับการกระทำของชายมากอำนาจไม่รวมไปถึงสายตาคมที่บ่งบอกความเจ้าเล่ห์เป็นอย่างดีที่ลู่หานไม่รู้ว่าคำว่าอร่อยที่ชายหนุ่มพูดถึงนั้นหมายถึงซุปหรืออะไรอย่างอื่นกันแน่

    ให้ตายสิ ไอ้ดยุคคนบ้าเอ้ย

    หากแต่ว่าในเวลานี้เขินแล้วกลับต้องเขินหนักมากกว่าเดิมจนอยากเอาหน้าที่ป่านนี้คงแดงก่ำสุกไปทั่วมุดลงจานสปาเก็ตตี้ตีเนียนกับสีซอสมะเขือเทศให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อเจอกับการกระทำที่ชวนน่าหยิกจากดยุคผู้เขร่งขรึม

    “อ้ำ”

    ดวงตาสวยมองช้อนซุปที่ตักขึ้นจ่อปากเขาพร้อมกับคำพูดน่ารักและแววตาลุ้นระทึกที่แลคล้ายเด็กน้อย

    “อ้ำสิอ้ำ”

    อ้ำอย่างนั้นหรอ จะน่ารักไปไหนกันนะ

    ริมฝีปากสวยขยับรับช้อนซุปเข้ามาลิ้มรสชาติในปากด้วยหัวใจที่ไม่สงบนิ่ง หัวใจที่สั่นไหวเคลื่อนแรงไปยังดวงตาสวยกับความร้อนจัดที่แทบแผดเผาร่างทั้งร่าง

    ไม่รู้ว่าเผลอมองดวงหน้าคมนานเท่าไหร่ จนมารู้ตัวอีกทีว่าริมฝีปากที่ควรจะอ้ารับช้อนซุปบัดนี้ได้กลายเป็นลิ้นชื้นแทน หัวสมองขาวโพลนรู้สึกอึ้งมึนงง ลิ้นชื้นของอีกคนบุกเข้ามายังภายในโพลงปากตั้งแต่เมื่อไรกัน จานสปาเก็ตตี้กับถ้วยซุปในมือทั้งคู่ก็หายไปตั้งแต่ตอนไหนกัน และลู่หานก็เผลอทิ้งสติที่ควรจดจ่อกับการป้อนอาหารไปตั้งแต่เมื่อไรก็ยังไม่อาจรู้ได้

    ก็จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเวลานี้แค่หักห้ามใจไม่ให้สั่นไหวไปกับรสจูบตรงหน้ายังยากเย็น



                    ปึก!


                    เสียงกองหนังสือและเอกสารมากมายบนโต๊ะทำงานกว้างล้วงหล่นลงพื้นเมื่อฝ่ามือหนาปัดกวาดมันออกก่อนที่จะยกตัวบางบนตักขึ้นวางแนบลงบนโต๊ะทำงานแทนแล้วขึ้นคร่อม

                    “อื้อ”

    เสียงหวานใสร้องครางเมื่อลิ้นชื้นร้อนระอุบุกทำลายความหวานภายในเกี่ยวกวัดลิ้นเล็กจนไม่มีทางหนีรอดฉกต่อสู้กลับอย่างไม่คิดยอมแพ้ ใบหน้าคมเอนเอียงให้ได้องศาเพื่อมอบจุมพิตหวานหลังมืออาหารให้ลึกซึ้งมากขึ้น ฝ่ามือร้อนลูบไล้สัมผัสโครงหน้าสวยที่ชายหนุ่มหลงรัก

    แขนเรียวยกขึ้นโอบกอดรอบลำคอแกร่งอย่างหาที่พึ่ง ปากสวยขยับรับกลับปากหยักตวัดรับความหวาบหวามที่ชายหนุ่มร่างสูงป้อนให้แทนซุปอย่างเอร็ดอร่อย สองเสียงครางดังตามความพึงใจของจุมพิตแสนหวานยิ่งกว่าน้ำเชื่อมที่ได้รับ ถึงแม้ชายหนุ่มตัวสูงจะนึกรังเกียจของหวานแต่ลู่หานกลับเป็นของหวานอันโอชะที่ดูดดื่มเท่าไรก็ไม่เคยหนำใจ

    “อื้ม~

    เสียงหวานร้องครางเมือมือหนาทำการเลิกเสื้อตัวบางขึ้นสัมผัสหยอกล้อหลุมสะดือสวยจนหน้าท้องเล็กหดเกร็งอย่างนึกเสียว รสจูบหลังอาหารร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ หัวสมองของลู่หานขาวโพลนหลงลืมสิ่งที่ต้องทำไปชั่วขณะ ชั่ววินาทีที่นัยน์สวยปรือขึ้นมองเสี้ยวใบหน้าคมที่มอบรสจูบก่อนเบนไปมองมุมโต๊ะที่มีแจกันสวยคุ้นตาตั้งแล้วปิดเปลือกตาลงตอบรับจูบร้อนแรงสอดนิ้วเรียวเข้ากลุ่มเรือนผมหน้าอย่างระบายอารมณ์

    ไม่ใช่ดอกไฮเดรนเยียแต่กลับเป็นดอกเดซี่สีแดงสด


    ผมตกหลุมรักคุณโดยไม่รู้ตัว


    ความหมายของดอกเดซี่สีแดงที่ลู่หานรู้ลอยเข้าวนเวียนมาในหัว หัวใจโหมกระหน่ำเต้นถี่รัวมากขึ้นเมื่อรู้ว่าดอกนั้นคงหมายถึงตัวเองเป็นแน่ ชั่วครู่ที่ริมฝีปากบางสวยเผลอกระตุกยิ้ม

    อดีตมันก็คืออดึตเทียบอะไรไม่ได้กับปัจจุบันอย่างฉันหรอก! หัดรู้จักสำเหนียกตัวเองบ้างเถอะ!

    “อ๊ะ!

    เสียงใสเผลอร้องครางลั่นเมื่อนิ้วมือหนาแกล้งปัดป่ายผ่านยอดอกบาง ริมฝีปากหนาผละจูบก่อนประกบลงไปใหม่อีกครั้ง เขาไม่เคยรู้ตัวว่าเสพติดรสจูบของลู่หานหนักขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

    มันเป็นความต้องการที่แปลกประหลาดและชายหนุ่มก็ไม่เคยพบเจอ เป็นความเสพติดที่ไม่เคยพอต้องการและต้องการมากขึ้นไปอีกเพียงได้สัมผัส

    รสจูบยังคงบรรเลงต่อไปตามผู้ขับขานอย่างเซฮุนและลู่หาน เสื้อตัวบางที่เลื่อนขึ้นสูงจนเผยยอดอกบางให้ชายหนุ่มได้เขี่ยเล่นเรียกเสียงหวานครางกระเส่า เสียงหอบปะปนกับเสียงหัวใจยิ่งปลุกเร้าอารมณ์หวาบหวามให้แปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์ใคร่อยาก

    นิ้วมือหนาข้างหนึ่งละจากยอดอกสวยที่ชูชันเลื่อนลงมาเย้าแหย่หลุมสะดือสวยเล่นพลอยทำให้กายบางที่นอนอวดผิวแดงเพราะความหวาบหวามบิดเร้า ขณะที่ลิ้นชื้นกำลังตวัดเลียละเลงไปทั่วหน้าท้องขาว ขณะที่ทั้งสองคนกำลังหลงระเริงไปกับการปลุกอารมณ์ตัณหาอยู่นั้น





    เก๊ง เก๊ง เก๊ง



    เสียงนาฬิกาโบราณเรือนยักษ์ดังระงมทั่วห้องปลุกสติที่หลุดลอยไปไกลกลับมาเข้าตัว นัยน์ตาสวยลืมโพลงขึ้นอย่างตื่นตกใจก้มใบหน้าสวยมองเสี้ยวหน้าคมที่ซุกไซ้ซอกคอขาวของตนแล้วพลันต้องหน้าแดงขึ้น

    “คะคุณเนื้อคู่อื้อ”

    เสียงหวานใสร้องเรียกไปครางไป ก่อนตัดสินใจทุบไหล่หนาเบาๆเป็นการเรียกสติคนที่หลงเมา

    “คะคุณเนื้อคู่อื้องะงานอ๊ะหยุดก่อนอื้ม”

    มันช่างยากลำบากในการเรียกสติชายหนุ่มที่ในเวลานี้เปรียบดั่งราชสีห์ผู้หิวโหย มือบางยกขึ้นห้ามก่อนตีท่อนแขนกำยำอย่างแรงจนชายหนุ่มที่ลากลิ้นเลียรอบอกสวยสะดุ้ง

    “งะงาน

    ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆเมื่อหลงลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้อย่างงานไปได้อย่างไร หากจะโทษคงต้องโทษคนที่นอนหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงก่ำและมีรอยสีแดงเป็นจ้ำปะปรายบนโต๊ะทำงานแทนก็แล้วกัน

    “ชิท

    สบถหยาบออกมาอย่างลืมตัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะคว้ามือเรียวสวยดึงให้คนตัวเล็กขึ้นนั่งบนโต๊ะแทน ขยับกายเข้าไปใกล้ช้อนกายเล็กขึ้นอุ้มลงสู่พื้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้คนตัวเล็กใหม่ หากแต่จู่ๆปรางแก้มใสก็ต้องฉายวาบขึ้นริ้วสีแดงอีกครั้งติดเกียร์วิ่งหนีออกจากห้องทำงานไปเสียดื้อๆเมื่อเจอกับคำแซวของชายผู้มากอำนาจที่เป็นประมุขแห่งเฮเลเนี่ยน




    “ขอโทษทีพอดีลืมตัว”






    “ดยุคจอมทะลึ่ง!!!!!!!!

     



     

     

    คุณคิดว่าดัชเชสตัวแสบอย่างลู่หานจะกล้าเข้าห้องงานของดยุคอีกครั้งหรือเปล่า...












     

    “ขอโทษทีพอดีลืมตัว” - Said by Duke Sehun )

     


    แชพเตอร์ที่สิบห้า 100% #ฟองดูฮุนฮาน
    Fonduehunhan

     

     

    เปิดโอน จอง #ฟองดูฮุนฮาน vol.1























    รายละเอียด v

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1094220&chapter=16





     

    ********************


     

    มาแล้วน่าาาาาาาาาาา
    ตอนนี้ยังคงความเจ้าเล่์แบบร้ายลึกของดยุค คิคิ
    แล้วพี่ลู่ตอนนี้นางจะดูหงิมๆหน่อยเพราะมีเรื่องคาใจอยู่เลยไม่ค่อยสะดิ้งเท่าที่ควร
    แต่ก็นะ ตอนนี้น่างเขินน่าร้ากกกกก ><
    ละเซฮุนคือไร ขอโทษทีพอดีลืมตัว นี่ขนาดลืมตัวนะ ถ้าไม่ลืมมึงเอ่ยยย สงสัยจะบนโต๊ะทำงานแหงมๆ 555555555


    ตะเองงงงงงงงงงง
    เรารู้นะว่าคิดถึงคริสกันใช่ไหมละ อิอิ เรารู้ว่าคิดถึงเจ้าชายเห็นบทเงียบๆเลยเอามาใส่ให้ อิอิ *v*
    คือแบบเจ้าชายมันร้ายยยย ร้ายมากกก เพราะเป็นคนดีมานานผิดหวังมาเยอะ
    แล้วไหนจะต้องเจอแต่เรื่องช้ำใจอีก เลยทำให้พลังด้านมืด(?)กลืนกินจิตใจทำให้จากเจ้าชายแสนดีกลายเป็นเจ้าชายร้ายกาจ!
    แต่ยืนยันคำเดิมเรื่องนี้คริสน่าสงสารมากจริงๆ รองลงมาก็อดีตดัชเชสอะที่น่าสงสาร #กระซิก
    เราจะค่อยๆเผยปมของเจ้าชายและอดีตดัชเชสออกมาเรื่อยๆนะก๊ะ!
    แต่ตอนนี้ก็หวังว่าจะยังไม่ลืมว่าเจ้าชายต้องได้เป็นดยุคมาก่อน แต่เกิดเหตุขึ้นเซฮุนเลยได้เป็นดยุคแทน
    ขอให้จำอันนี้ไว้นะ เพราะตอนแรกคริสไม่แค้น แต่เดี๋ยวนี้มันชักแค้น 5555555555555555
    ส่วนปมของอดีตดัชเชสยังไม่ถึงเวลา รอให้นางกลับมาก่อนแล้วค่อยเผย 
    ขอยืนยันคำเดิมว่าอดีตดัชเชสของเราคนดีมาก ไม่ได้ประชดนะ แต่ดีจริงๆ ดีกว่าลู่หานอะ
    แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ต้องร้าย อะนะ ความรักมันชนะทุกอย่างแม้กระทั่งนิสัยตัวเอง

    ส่วนตอนนี้เราเชื่อว่าใครหลายคนคิดว่าคนที่พูดกับลู่คืออดีตดัชเชสแต่ไม่ใช่นะเป็นซูโฮจ้า
    แล้วมาอีกแล้ว! ซูโฮชอบคริส! ตอนนี้ถ้าอ่านประโยคของซูโฮแบบเข้าใจจะรู้ว่าความรักของซูโฮเป็นยังไง
    ความรักของซูโฮก็คือการยอมทำทุกอย่างแลกด้วยอะไรก็ตามขอแค่ให้คนที่เรารักมีความสุข
    ความรักของซูโฮเป็นรักแบบโง่ เพราะฉะนั้นอย่าทำตามนะคะเด็กๆ
    ก่อนจะรักคนอื่นเราต้องรักตัวเราเองให้เป็นก่อน ซูโฮรักตัวเองไม่เป็น มีความรักแล้วตาบอดเลยพยายามจะทำให้ลู่หานผิดใจกับฮุน
    แต่นะ คริสก็ร้ายอะแหละ ไม่สนใจซูโฮเหมือนกัน
    แต่ก็อย่างว่าอะนะ คนเรามันเจ็บมาเยอะจนไม่สนใจแล้วอะ
    เหมือนแบบเจ็บจนตายด้านแล้วเพราะฉะนั้นเลยขอให้ตัวเองมีความสุขบ้างแล้วทำให้คนอื่นเจ็บแทนหลังจากที่ตัวเองแบกความเจ็บปวดมานาน
    โอเคทอล็คยาวจังวู้ว
    เนื้อเรื่องกำลังเข้มข้นตั้งแต่ตอนนี้แล้วนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าหากไม่เห็นนิสัยลู่หานแรดๆคนเดิมฃ
    นิสัยนางจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามอารมณ์ในแต่ละช่วงจ้ะ
    แต่ก็ใช่ว่าเราจะยังไม่พบความแรดของนางนะ เราจะไม่ทิ้งคาแรคเตอร์นี้เด็ดขาด 555555555555

    สุดท้ายขอบคุณคอมเม้นท์ ขอบคุณ #ฟองดูฮุนฮาน ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
    รักคนอ่านทุกคนเสมอจ้า ซียูอะเกน!!!!

     

     
    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×