ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - la fondue au chocolate ♡ hunhan -

    ลำดับตอนที่ #9 : - 8 - ( 100% )

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 57
















    널 보면 내 눈이 감겨

    몰래 살짝 다가와 또 키스해줄래

    เมื่อมองเธอ ฉันจึงหลับตาลง

    ค่อยๆเข้ามา และมอบจูบให้อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

     

                    เช้าแล้ว

                    แต่ยังไม่อยากตื่น

                    ไม่อยากตื่นจากความฝันที่แสนสวย ฝันที่ว่าเรากำลังนอนกอดกัน ความฝันที่ผมกำลังซุกตัวเหมือนลูกแมวตัวน้อยอยู่ภายใต้อ้อมกอดอันอบอุ่นของเขา เราสองคนนอนกอดกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน สองนิ้วมือที่ผสานเข้าหากันและเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำไปพร้อมๆกัน

                    มันวิเศษสุดๆไปเลยละ

                    ครืน

                    คิ้วข้างซ้ายกระตุก (^_  _)

                    ครืน

                    คิ้วข้างขวากระตุก (_  _^)

                    ครืน

                    “อื้อรู้แล้วอย่าสั่นแรงนักสิเบาๆไม่ได้รึไง” มือเล็กควานหาโทรศัพท์ที่ในตอนนี้กำลังสั่นไม่หยุดหย่อนบนเตียงผืนกว้าง มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของเซฮุนขึ้นมาดูเมื่อพบว่ามีคนโทรเข้ามาพลันคิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากัน

                    P.K. Calling

                    ใครกัน?

                    นัยน์ตาสวยเหลือบขึ้นมองใบหน้าคมของเซฮุนที่ยังคงนอนหลับแน่นิ่งมอบความอบอุ่นให้ร่างเขาผ่านท่อนแขนหนาและกายแกร่งที่แนบชิด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน

                    จะรับแทนดีไหมนะ

                    หากเป็นในเวลาปกติถ้าโดนรบกวนการนอนลู่หานจะไม่สนใจใยดีแล้วนอนต่อ แต่ทว่าในครั้งนี้เหมือนกับมีแรงดึงดูดประหลาด ลางสังหรณ์แปลกประหลาดของสัญชาตญาณที่บอกให้ลู่หานต้องกดรับมัน

                    ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าต้องกดรับกดรับเพียงเท่านั้น

                    ลู่หานกลืนน้ำลายลงคอดังอึกหัวใจเต้นหนักหน่วงอย่างน่าพิศวงกับสายเรียกเข้าชื่อนี้ นิ้วมือเล็กเลื่อนขึ้นหมายจะสัมผัสหน้าจอเพื่อรับโทรศักท์หากแต่ทว่า

                    “อื้อ~

                    “อ๊ะ”

                    แรงกอดรัดที่เอวทำให้คนตัวเล็กปล่อยโทรศัพท์เงยหน้ามองใบหน้าคมที่ในขณะนี้ปรือตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาคมสีเฮเซลทรงเสน่ห์ที่ไม่ว่าสบกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็พาให้รู้สึกเขินอายเสมอ

                    คุณเนื้อคู่เพิ่งตื่นผมยุ่งๆตาปรือๆโคตรน่าแดกเลยอะ T////////T

                    “ตื่นมาก็เจอหน้านายเป็นคนแรกเหมือนฝันเลย” ปากเล็กเม้มหากันแน่นแก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อกำปั้นน้อยยกขึ้นทุบอกแกร่งเบาๆแก้เขินอาย

                    ฝันถึงลู่หานหรอ ถ้าฝันถึงลู่หานก็ต้องฝันเปียกสิ (.///v////.)

                    “ฝันที่ไหนเล่าเรื่องจริงไม่อิงนิยายชัดๆ”

                    ก่อนนอนก็อยู่ในอ้อมแขนคุณเนื้อคู่ ตื่นมาก็ยังอยู่ในอ้อมแขนคุณเนื้อคู่ ก็แบบว่าเราอะจึ้กๆๆ นอนกอดกันทั้งคืน…… โอ้ยเขินจังเลยโอ้ยเขินจังเลยยยยยยยยยยยยยยยย \(///////////)\

                    “หิวรึยัง”

                    ตอนแรกก็หิวนะ พอเขินเท่านั้นแหละอิ่มเลยยยยยยยยยยยย #อิ่มอกอิ่มใจฮิ! (>< )( ><)(>< )( ><)

                    “ยังอะ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นพลันต้องหยุดชะงักค้าง

     เพียงวินาทีเดียวที่นัยน์ตาคู่สวยเผลอสบเข้ากับดวงตาสีเฮเซลที่จ้องมองมา กาลเวลาที่กำลังหมุนเดินก็ต่างหยุดชะงัก รับรู้ได้เพียงหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นส่ำเพียงเพราะลมหายใจที่รินรดปรางแก้ม สองปลายจมูกสัมผัสกัน ริมฝีปากที่ห่างกันเพียงหนึ่งฝ่ามือกั้น ความใกล้ชิดที่พาให้พายุหัวใจจุดขึ้นพัดกระหน่ำจนปั่นป่วนไปทั้งอก

                    ราวกับถูกตราตึงเพียงเพราะผู้ชายที่ได้เข้ามาในอาณาเขตหวงห้ามของหัวใจ

                    และลู่หานก็ไม่เคยคิดปฏิเสธตัวเอง

                    เขากำลังหลงผู้ชายคนนี้จนหัวปรักหัวปรำเชียวละ

                    จุ้บ

                    ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้มกดจูบลงบนริมฝีปากอุ่นร้อนของคนร่างสูงอย่างแผ่วเบา ไร้การสอดแทรก ไร้การรุกร้ำ มีเพียงแค่สองริมฝีปากที่สัมผัสแตะกันอย่างแผ่วเบาเนิ่นนาน จุมพิตบางเบาที่ร้อนรุ่มราวกับแผดเผาหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำให้มอดไหม้ ริมฝีปากที่มอบความอบอุ่นถ่ายเทความนุ่มนวลให้แก่กันและกันราวกับเข้าไปยืนอยู่บนทะเลปุยนุ่น

                    ลู่หานผละจูบออกช้าๆนัยน์ตาเรียวสวยจ้องดวงตาสีเฮเซลก่อนจะอมยิ้มออกมาอย่างน่ารักทิ้งคำพูดให้ชายหนุ่มร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงต้องเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างไร้ข้อกังขา

                    “มอร์นิ่งคิสนะคุณเนื้อคู่ของลู่หาน”

                    คุณเนื้อคู่ของลู่หานงั้นหรอ

                    น่ารักดีแห๊ะ

                    ฝ่าเท้าหนาก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่มีคนตัวเล็กหนีเข้ามาก่อนหน้าแล้ว นัยน์ตาคมเหลือบมองลู่หานที่ยืนอยู่หน้ากระจกพลากยืนแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันเสร็จสรรพมาตรงหน้า มือหนายื่นออกมารับก่อนจะถือเข้าปากแล้วแปรงฟันพร้อมคนตัวเล็กหน้ากระจก

                    ได้แปรงฟันพร้อมกับคุณเนื้อคู่ด้วยแหละพวกเอ็งงงงงง อัพลงทวิตประกาศความฟินดีไหมอะฮื้ออออ #จิกแขน (T//////T)

                    “คุณเนื้อคู่วันนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันดี” ลู่หานเอ่ยถามคนข้างกายทั้งที่ฟองเต็มปาก คนตัวสูงเหลือบมองเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ

                    “อยากไปไหนเป็นพิเศษรึเปล่า”

                    “ไปที่ไหนก็ได้ที่มีคุณเนื้อคู่” คนตัวสูงหลุดยิ้มออกมากับคำพูดของร่างเล็กก่อนจะเอ่ยต่อ

                    “งั้นไปอาบน้ำ ฉันจะพาไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะไปไหนต่อ”

                    ลู่หานพยักหน้าก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องกลับห้องตัวเองไป เซฮุนยืนแปรงฟันอยู่อีกสักพักก่อนจะป้วนทิ้ง เท้าหนาก้าวเดินออกจากห้องน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง

                    และเพียงไม่นานคนตัวสูงก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว หยาดน้ำเกาะพราวตามแผ่นอกหนาที่มีซิกแพค แขนเรียวยาวเอื้อมเปิดตู้เสื้อผ้าคว้าชุดขึ้นมาสวมใส่ก่อนจะก้าวเดินไปตู้หน้ากระจกเพื่อจัดแต่งทรงผมและสวมเครื่องประดับ

    เมื่อตรวจเช็คการแต่งตัวเสร็จเท้าหนากำลังก้าวเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่เพื่อดูวิวภายนอกของโรงแรมหากแต่ประตูห้องที่ถูกเปิดพรวดเข้ามาทำให้ต้องหมุนตัวกลับไปมอง

                    “คุณเนื้อคู่รอนานไหม!!!!!

                    นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กที่วันนี้ใส่เสื้อยืดแยนสั้นสีขาวและกางเกงยีนสีซีดรองเท้าผ้าใบคู่โตดูน่ารัก หากแต่มีบางสิ่งที่สะดุดตา

                    “เสื้ออะไรน่ะลู่หาน”

                    เสื้อยืดสีขาวที่สรีนใบหน้าของเขา

    “อ๋อก็ใส่ไว้ให้คนอื่นรู้ว่ามีเจ้าของแล้ว เดี๋ยวมีคนเข้ามาจีบแล้วคุณเนื้อคู่จะหึง (._.)”

    เสื้อที่มีข้อความใต้รูปว่า เนื้อคู่ขอผมหล่อใช่ม้ะ

    “ฮึฉันจะหึงไปทำไม”

    ใบหน้าคมนิ่งเฉยเมื่อเห็นคนน่ารักตีสีหน้าบูดบึ้งจึงหมุนตัวกลับไปด้านหลังต่อตามเดิม

    หากแต่ทว่า

    “ทำไมถึงไม่หึงละ ต้องหึงสิเราเป็นเนื้อคู่กันนะ!!!

    เมื่อพ้นสายตาคนตัวเล็กใบหน้าคมกลับเผยรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างฉุดไม่อยู่ รอยยิ้มที่มาพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอย่างบ้าระห่ำ รอยยิ้มแฉ่งที่กว้างเสียจนเห็นฟันเกือบครบทุกซี่จนฝ่ามือหนาต้องยกขึ้นปกปิดรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มแห่งความสุขที่บ่งบอกว่าหัวใจกำลังพองโตมากแค่ไหน 

    เนื้อคู่ของผมเขาเป็นคนที่

    “ไปกินข้าวกันเถอะ”

    ท่อนแขนหนายกขึ้นล็อคคอคนตัวเล็กที่เดินเข้ามางอแงใส่อยู่ด้านหลังแล้วก้าวเดินออกจากหน้าห้องพร้อมกับเสียงใสที่ร้องโวกเวกโวยวายใส่ตลอดทาง

    “อะไรอะคุณเนื้อคู่พูดออกมาเลยนะว่าหึงหรือไม่หึง! แต่ไม่รู้ละยังไงก็ต้องหึงนะ! บังคับว่าให้หึง!!!!

    คนอะไร น่ารักจนน่าโมโห ❤️

     

     

     

    ( - la fondue  au chocolate - )

     

    แกร๊ก

    “ทำไมไม่รู้จักเคาะประตูก่อน คนไร้มารยาท”

    ไหล่หนาของปาร์คชานยอลยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่สนใจกับคำด่าทอของบยอนแบคฮยอนที่จู่ๆเขาก็เปิดประตูพรวดเข้ามาไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ในมือถือเอกสารอยู่สองฉบับส่วนตรงหน้าก็คือโน็ตบุคที่เปิดไฟล์งานคาทิ้งไว้

    ทำแต่งานอีกละ ให้ตายสิ-_-

    “เลิกทำงานได้แล้วนี่เรามาพักผ่อนกันนะ ดูสิที่นี่ที่ไหนญี่ปุ่นนะเว้ย เที่ยวกันเหอะ” ขายาวมุ่งตรงไปหาแบคฮยอนเอื้อมฝ่ามือไปหมายมั่นจะหุบหน้าจอโน็ตบุคลงแต่ถูกมือเรียวห้ามไว้

    “ย๊า! ฉันต้องส่งรายงานให้คณะกรรมการพรุ่งนี้คงไปกับนายไม่ได้หรอก! นี่อย่ามายุ่งกับงานของฉันนะ!!

    “แต่นี่มันวันเที่ยว!!” ชานยอลโพล่งออกพลางแย่งโน็ตบุคออกมาถือไว้ในอ้อมแขน

    “ก็ไปเที่ยวสิฉันจะทำงาน! เอามานี่นะชานยอล!!!

    “ไม่เอาเราไปด้วยกันเถอะ” ชานยอลว่าพลางแย่งเอกสารที่อยู่ในมือของแบคฮยอนออกแล้วหันมาดึงคนตัวเล็กให้ยืนขึ้น

    “ย๊าชานยอล!!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่มีงานการทำรึไงวะ!!!!!!!!!

    ถ้ามีแล้วจะมาชวนนายเที่ยวหรอ?”

    “ก็บอกว่ากูไม่ไปไง!!!!”

    “พูดไม่เพราะอีกแล้วนะ :( ”

     “ฮึ้ย ไม่ไปเฝ้าท่านดยุกรึไง

    “ท่านไปแล้วละ”

    “ห๊า!!!!!! ไปไหน!!!?” แบคฮยอนโพล่งขึ้นอย่างตกใจนัยน์ตาเรียวใสเบิกกว้างจ้องอีกคนอย่างคาดคั้นคำตอบ หากแต่ชานยอลกลับตีสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่รู้สึกอะไร

    “ไปกับเพื่อนนายนั่นแหละ ท่านยกเลิกคำสั่งให้คนติดตาม บอกว่าจะไปกับเพื่อนนายแค่สองคน”

    “บะบ้าน่าท่านดยุกเนี่ยนะ? ไปกับลู่หานแค่สองคนงั้นหรอ”

    “ดูท่าทางว่าเพื่อนนายจะได้สิทธิพิเศษเยอะเหลือเกินนะ” ชานยอลมองหน้าแบคฮยอนที่ยังคงมีสีหน้าตื่นตูมไม่หายพลางลอบยิ้มออกมา

    น่ารักแห๊ะ

    “ฉันหวังว่าในวันงานเฮเลเนี่ยนคงไม่

    “ใช่เลยแหละ คนนี้นี่แหละ รับใช้มาหลายปีก็น่าจะรู้จักนิสัยท่านดีนี่” ชานยอลพูดแทรกขึ้น

    “เฮ้อ ทำไมฉันถึงมีลางสังหรณ์ไม่ดี” ชานยอลยืนนิ่งกับคำพูดของแบคฮยอน ไม่บ่อยนักหรอกที่แบคฮยอนจะพูดเช่นนี้ และเป็นใครก็คงต้องนึกหวาดกลัวในเมื่อใครๆก็ต่างรู้ดีว่า

    ลางสังหรณ์ของแบคฮยอนแม่นยิ่งกว่าคำทำนายจากหมอดูชื่อดังเสียอีก

    “อย่าคิดมากสิ ปะไปเที่ยวกันเถอะ” ชานยอลว่าพลางดึงมือคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนหากแต่แบคฮยอนกลับสะบัดทิ้งก่อนจะยืนขึ้นจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขียว

    “บอกว่าไม่ไปไงโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

    ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไงวะ -_-!!!!!!!!!!! #โมโห

                    ชานยอลยืนแคะหูกับเสียงของแบคฮยอนที่ตะโกนใส่หน้าดังลั่นยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลากคนตัวเล็กออกไป แต่ยังไงแบคฮยอนก็ยังคงเป็นแบคฮยอนอยู่วันยังค่ำ มือเล็กเกาะขอบโต๊ะแน่นเป็นการต้านแรงดึงของชานยอลจนต้องยอมปล่อยแล้วหันมาจ้องคนตัวเล็กแทน

                    “จะไม่ไปสินะ?”

                    “เออ!

                    ไม่ไปหรอกโว้ยยังไงก็ไม่ไป !!

                    “จะอยู่ทำงานที่นี่สินะ?”

                    “เออ!!!

                    ยังไงก็ไม่ไป คำสัตย์ของแบคฮยอนยังไงก็ไม่มีวันเปลี่ยน!!!

                    หากแต่ทว่า

     

                    จุ้บ

     

                    “ไปกันเถอะ”

                    มือเรียวยกขึ้นกุมแก้มข้างซ้ายเมื่อถูกหอมโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงเสี้ยววินาทีที่จมูกโด่งสัมผัสแก้มใสของแบคฮยอนร่างทั้งร่างก็นิ่งค้างราวกับถูกแช่แข็ง ก่อนที่หัวใจจะกระหน่ำเต้นรัวไม่หยุดหย่อน แบคฮยอนไม่สามารถรับรู้อะไรได้นอกเสียจากเสียงหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นส่ำเพราะความหวั่นไหว กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็ถูกชานยอลจูงมือลากออกไปข้างนอกเสียแล้ว

                    ขาเล็กก้าวเดินตามชานยอลที่จูงมือนำอยู่ด้านหน้า นัยน์ตาเรียวใสมองแผ่นหลังกว้างพลันหัวใจต้องสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ และในวินาทีต่อมาหัวใจที่เต้นแรงเพราะความหวั่นไหวกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นความปวดร้าวเมื่อความเป็นจริงที่เฝ้าย้ำตัวเองอยู่ร่ำไปได้เข้ามาแวะเยือน

                    ชานยอล

                    เพื่อนกันเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอกนะ

     

     

    ( - la fondue  au chocolate - )

     

    ชินจุกุ

                    “มันเหมือนไอติมที่เกาหลีเลย”

                    “แต่รสชาติไม่เหมือนนะ ลองกินดูสิ”

                    ลู่หานส่งลิ้นออกมาเลียไอศกรีมโคนที่ถืออยู่ในมือ หากแต่เมื่อได้ลิ้มรสของมันใบหน้าหวานกลับต้องเบ้ออกมาเมื่อความเผ็ดจี๊ดของวาซาบิแล่นขึ้นสมอง

                    “อยี๊! นี่มันรสวาซาบินิ แค่กๆ โอ้ยจี๊ดอะมันจี๊ดขึ้นสมองแล้วคุณเนื้อคู่โอ้ยเผ็ด!!!

                    “เอ้าๆน้ำตาไหลแล้วลู่หานอร่อยขนาดนั้นเลยหรอ? ฮ่าๆๆๆๆ” เซฮุนหลุดหัวเราะออกมาเมื่อใบหน้าของลู่หานบิดเบี้ยว ดวงตาสวยแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเพราะความเผ็ดจี๊ดของรสวาซาบิ

                    ไอติมที่เซฮุนแนะนำให้ลู่หานกินเพราะรู้ถึงรสชาติของมันเป็นอย่างดี ไอติมที่เขารู้ดีว่าหากคนตัวเล็กกินไปจะมีอาการอย่างไร ก็แค่อยากแกล้งก็แค่อยากเห็นคนตัวเล็กโวยวายก็เท่านั้น

                    ใครสั่งใครสอนให้น่าแกล้งนักละ โทษตัวเองก็แล้วกันนะลู่หาน

                    “คุณเนื้อคู่นิสัยไม่ดี!! ไม่กินมันแล้ว!!!!” ใบหน้าเล็กหงอลงจนเซฮุนหลุดหัวเราะหึในลอคอ ขายาวก้าวเข้าใกล้คนตัวเล็กก่อนจะล็อคคออีกคนไม่ให้หนี

    ร่างเล็กของลู่หานปลิวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวสูงกว่าทันที เซฮุนย่อตัวลงเอนใบหน้าพิงหัวเล็ก

                    “อย่างอนนะ”

                    “ไม่ได้งอน!!!!

                    เป็นอีกครั้งที่เซฮุนหลุดหัวเราะในลำคอ นัยน์ตาคมเหลือบมองคนในอ้อมแขนก่อนจะพูดลอยๆเหมือนไม่ใส่ใจให้อีกคนได้ยิน

                    “ง้อนะครับ”

                    อิลู่หานหน้าแดงหาพ่อเธอหรือ (.//////.)

                    “ไม่ได้งอนซะหน่อยแต่ว่าหายก็ด้ะ"
                   ก็แบบว่าเห็นหน้าหล่อๆแล้วใจละลาย \(//////)\

                    สองร่างเดินอิงแอบแนบชิดในเมืองชินจุกุ สถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเขา สถานที่ที่ไม่ต้องระวังว่าจะถูกใครจับตามอง ต่างคนต่างเดินโดยหันหน้าหากันหัวเราะใส่กันส่งเสียงคุยกันงุ้งงิ้งใส่กันตลอดทาง

    เส้นทางที่มีเพียงแค่เซฮุนและลู่หาน

    นัยน์ตาคมเหลืยมองคนข้างกายก่อนยกฝ่ามือขึ้นกดหมวกลงให้กันแดดมากขึ้นแล้วผละออก ต่างจากลู่หานที่ยืนนิ่งแทบหยุดหายใจอยู่รอมร่อกับการกระทำที่เอาใจใส่ชวนให้หัวใจเต้นแรง

    งื้อคนบ้า เป็นห่วงเป็นใยไม่อยากให้ร้อนใช่ไหมละ รู้ทันนะ ฮื้อๆๆๆ (  ><)(>< )( ><)(>< )

    สองเท้าที่กำลังก้าวเดินจู่ๆก็หยุดชะงักเมื่อเซฮุนรั้งมือเรียวให้เปลี่ยนทิศทางเดินก้าวเข้าไปด้านข้างแทน ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องนึกฉงนในใจ ร้านสเก็ตบอร์ด?

    เมื่อก้าวเข้ามาในร้านลู่หานแทบร้องว้าวออกมา นัยน์ตากลมกวาดมองรอบร้านอย่างตื่นเต้นเมื่อร้านนี้เต็มไปด้วยสเก็ตบอร์ดหลายชนิดและหลายรุ่น แต่ยังไงเขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันแตกต่างกันยังไง ก็มันเหมือนกันไปหมดเลยนี่-_-!!!

    “นี่คือdeck ที่คุณตามหารึเปล่า บอร์ดอันนี้ของ jason lee ที่ผมประมูลได้มาที่นิวยอร์ค คุณสนไหมละ?”

    เท้าเล็กก้าวเข้าไปหาเซฮุนที่กำลังยืนคุยกับเจ้าของร้าน นัยน์ตาเรียวเหลือบมองใบหน้าคมก็พอเดาได้ว่าอีกคนชอบสเก็ตบอร์ดมากแค่ไหน ก็ในเมื่อดวงตาสีเฮเซลวาววับขนาดนั้นนี่

    ชอบสเก็ตบอร์ดได้แต่ห้ามชอบมากกว่าลู่หานนะ ไม่งั้นจะจับเผาทิ้งให้หมด -^-!!!

    “ราคาละ?”

    “ผมจำคุณได้ คุณเคยมาที่ร้านเราสองสามครั้งแล้วใช่ไหม ถ้าคุณซื้อผมให้คุณ 611,000 เยน”

    “ห๊าหกแสนเยน!!!!!!!!”  กลับกลายเป็นลู่หานเสียเองที่โพล่งออกมาดังลั่นอย่างตกใจกับราคาที่แพงแสนแพงของสเก็ตบอร์ดตรงหน้าซึ่งต่างจากเซฮุนที่ยืนนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกอะไร

    หะหกแสนเยนเท่ากับหกล้านสองแสนกว่าวอน อะอีสเก็ตบอร์ดนี่จะแพงไปไหนวะเนี่ย =[]=!!!!

    หากแต่สิ่งที่ทำให้ลู่หานนึกอึ้งมากกว่านี้คือ

    “ไม่ต้องใส่กล่องให้ผมนะครับ”เซฮุนเปิดกระเป๋าเงินออกก่อนจะหยิบบัตรเครดิตสีดำยื่นไปตรงหน้าอย่างไม่คิดไตร่ตรองอะไร

    หะหกล้านวอน… TOT!!!!

    เมื่อชำระเงินเสร็จเซฮุนถือสเก็ตบอร์ดที่เพิ่งได้มาไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่งก่อนที่มืออีกข้างจะส่งไปกอบกุมมือเรียวของลู่หานพลางกระตุกเบาๆให้คนตัวเล็กเดินตาม

    “คะคุณเนื้อคู่ทำไมไอ้สเก็ตบอร์ดนั่นมันถึงแพงแบบนี้ละ!!!!

    เซฮุนหลุดหัวเราะออกมากับท่าทีตกใจของคนตัวเล็กก่อนจะอธิบายให้ฟัง

    “สเก็ตบอร์ดนี่เป็นของJason lee เขาเป็นดาราฮอลลีวูดคนที่บุกเบิกสเก็ตบอร์ดให้ดังไปทั่วโลกยังไงละ เพราะฉะนั้นราคามันก็เลยสูง แต่ก็แพงแค่เฉพาะรุ่นเท่านั้นแหละ”

    ลู่หานพยักหน้าอย่างเข้าใจทั้งๆที่ก็ไม่เข้าใจนักหรอกว่ามันสมเหตุสมผลยังไง แต่จะยังไงก็เถอะ คุณเนื้อคู่ของเขาเล่นสเก็ตบอร์ดเป็นด้วยหรอ \(T//////T)\!!!! #ตาเป็นรูปหัวใจ _

    “คุณเนื้อคู่เล่นเป็นด้วยหรอ?

    “ถ้าเล่นไม่เป็นจะซื้อมาทำไมละ”

    แหมกวนตีน

    แต่ไม่เป็นไร หล่อให้อภัย _

    “งั้นสอนเล่นหน่อยสิ *v*

    วิธีนี้แหละ

    “งั้นก็ไปสิ”

    วิธีนี้แหละที่จะทำให้ใกล้ชิดคุณเนื้อคู่วววววววววววววววววววววว >O< #อร๊าง

     

    สวนสาธารณะใจกลางชินจุกุ

                    ครืน

                    “ค่อยๆใช้ปลายเท้าข้างซ้ายไถลพื้นไปช้าๆ อย่างนั้นแหละ ช้าๆ”

                    “คะคุณเนื้อคู่มันสั่นอะมันสั่น!!!

                    “ฉันบอกว่าใช้ปลายเท้าไถลไงอย่าเอาลงเต็มเท้าสิ!!

    เสียงเอ๊ะอะโวยวายดังมาจากสองร่างที่ยืนถกเถียงกันบนสเก็ตบอร์ด ก่อนที่คนตัวสูงจะจับมือคนตัวเล็กสอนเล่นสเก็ตบอร์ดต่อไปอย่างหัวเสีย ก็จะไม่ให้หัวเสียได้ยังไงละ!!

    “ลู่หานยืนตัวตรงๆสิ เอียงไปเอียงมาจะบังคับทิศทางได้ยังไง!!

    “ก็มันเอียงเองนิโอ้ย!!!

    โครม

    อีกครั้ง

    “อย่าเกร็งสิปล่อยตัวไปสบายๆใช้เท้านำทาง ฉันบอกว่าอย่าลงเต็มเท้ายังไงเล่า!!!

    “ก็มันบังคับได้ที่ไหนเล่าโอ้ย!!!

    โครม!

    และอีกครั้ง

    “นั่นแหละค่อยๆไถลไปช้าๆ เห้ยลู่หานฉันบอกว่าให้ช้าๆไงเล่า!!!!!

    “ก็ทางมันลื่นนี่โอ้ย!!!!!!

    โครม!!!!!!

    “ไม่เล่น มันแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ลู่หานเหวออกมาดังลั่นเมื่อนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ล้มลงไปกับพื้น ปากเล็กเบ้ออกอย่างรู้สึกขัดใจเมื่อสเก็ตบอร์ดราคาหกล้านนี่มันเล่นยากเล่นเย็นจนนึกหงุดหงิด

    “เป็นอะไรไหม” แม้ปากจะบ่นจะว่าคนตัวเล็กหากแต่เมื่อล้มปุ๊บเซฮุนก็จะวิ่งเข้ามาหาลู่หานโดยเร็วเสมอ คิ้วเรียวขมวดเข้าเป็นปมยกแขนเล็กของลู่หานเช็คบาดแผลไปมาจนกระทั่งเห็นรอยถลอกเลือดออกซิบที่เข่าขวา

    “โอ้ย” ลู่หานหลุดเสียงร้องออกมาเมื่อนิ้วมือหนาสัมผัสเข้ากับบาดแผล

    “ลองเล่นอีกครั้งไหม” เซฮุนเอ่ยถามก่อนจะล้วงหยิบปลาสเตอร์ยาในกระเป๋ากางเกงออกมาแปะลงที่หัวเข่าเล็กต้องขอบคุณความรอบคอบของเขาที่มีมากพอถึงได้พกปลาสเตอร์ติดกระเป๋ามา

    “ไม่เล่นแล้วเจ็บจนจะตายแล้วเนี่ย!

    “จะตายเลยงั้นหรอ”เซฮุนหลุดหัวเราะออกมากับคำพูดของลู่หานก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้ยืนขึ้น

    “ก็มันเล่นไมได้สักทีนิ -^-!!!

    “อยากเล่นเป็นไหม?” ใบหน้าเล็กพยักขึ้นลง ถึงแม้มันจะเล่นยากขนาดไหนแต่เขาก็ไม่คิดจะโกหกตัวเองที่ว่าอยากเล่นสเก็ตบอร์ดได้เหมือนกัน

    ก็มันเท่ออก แล้วอีกอย่างคุณเนื้อคู่เล่นได้ก็อยากเล่นได้เหมือนกันนี่!! คนมันคู่กันอะเข้าใจปะ!!

    “งั้นมานี่”

    เซฮุนใช้เท้าดันสเก็ตบอร์ดมาตรงหน้าก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้ขึ้นไปยืนด้านบนโดยให้เท้าทั้งสองยืนอยู่บนแผ่นกระดาน กายแกร่งอ้อมไปยืนซ้อนหลังเล็กยื่นฝ่ามือไปด้านหน้าจับมือบางทั้งสองข้างไว้มั่น ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งวางบนแผ่นสเก็ตบอร์ดแล้วใช้เท้าอีกข้างดันพื้นเพื่อส่งแรงให้ล้อเลื่อนไปข้างหน้า

    สเก็ตบอร์ดที่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปพร้อมกับคนสองคน และหัวใจทั้งสองดวง

    ลู่หานยืนตัวตรงฉีกรอยยิ้มกว้างออกมามือเล็กกุมฝ่ามืออบอุ่นของเซฮุนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังแน่น นัยน์ตาเรียวใสพราวระยิบระยับจ้องมองทางข้างหน้าอย่างคนมีความสุข ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใสของลู่หานหลุดหัวเราะออกมา

    เพราะนี่คือสิ่งที่เซฮุนต้องการจะรักษาไว้

    “คราวนี้ยังไม่อยากเล่นอยู่อีกไหม”

    “ไม่แล้ว พาฉันเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆเลยนะ”

    “กลับเกาหลีแล้วให้พาไปเล่นอีกยังได้เลย”

    ลู่หานอมยิ้มออกมากระชับฝ่ามือที่กอบกุมกันอยู่แน่น หัวใจดวงน้อยกำลังพองโตขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงการเอาใจใส่ของเซฮุน ระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ยิ่งทำให้ลู่หานมั่นใจในความรู้สึกมากขึ้นทุกที

    แค่เพียงได้ยินชื่อหัวใจก็เต้นแรงแล้ว ถ้าไม่ได้มีความรักอยู่คงคิดว่าตัวเองต้องเป็นบ้าแน่ๆ ที่จู่ๆก็หัวใจเต้นแรงแบบไร้เหตุผล

    ลู่หานเป็นคนตรงคิดอะไรก็จะพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง ลู่หานเป็นคนที่รักใครแล้วจะทุ่มเต็มร้อยโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แม้ว่าเวลาจะยาวนานมากแค่ไหนก็ไม่เคยย่อท้อหากหัวใจบอกว่ารัก และลู่หานก็ไม่รีรอเช่นกันที่จะเอ่ยปากถามออกไป คำถามที่ทำให้สเก็ตบอร์ดของเซฮุนหยุดชะงัก

    “คุณเนื้อคู่เริ่มชอบฉันบ้างรึยัง?”

    กึก

    “ชอบฉันบ้างไหม? รู้สึกชอบฉันบ้างสักนิดรึเปล่า






     

    บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงของสายลมที่พัดผ่านใบหน้า ลู่หานเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนทำใจกล้าหันหลังเผชิญหน้ากับเซฮุนพลันต้องรู้สึกใจเสียกับใบหน้าที่นิ่งเฉยไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกใดๆได้

    คำถามของเขา มันหาคำตอบยากขนาดนั้นเชียวหรือ?

    เพราะสิ่งที่ลู่หานต้องการคือคำว่าสักนิด

    ขอแค่สักนิดเพื่อเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินต่อไป

    “ชอบฉันบ้างสักนิดรึเปล่า แค่สักนิด

    นัยน์ตาเรียวจ้องดวงตาสีเฮเซลอย่างคาดหวังคำตอบ ดวงตาสีเฮเซลที่สวยสง่าแต่ทว่าลู่หานกลับรู้สึกว่ามันช่างมืดมิดเสียเหลือเกิน ความมืดมนของหนทางที่ยากนักจะค้นพบคำตอบตามที่ต้องการ ความรู้สึกของอีกคนที่ไม่เคยได้รับรู้

    “ตอบฉันมาสิ”

    ยิ่งคาดคั้นกลับยิ่งสับสน ความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ยากนักต่อการเข้าใจ หัวใจดวงนี้ทุ่มไปแล้วเต็มรักหากไม่ได้รับกลับมาบ้างย่อมเสียกำลังใจ ไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่รักใครแล้วไม่หวังให้เขารักตอบ และลู่หานก็เช่นกัน ขอเพียงแค่สักนิดให้หัวใจได้ลิ้มรสน้ำทิพย์ เพียงเท่านั้นหัวใจก็พร้อมจะสู้และพยายามในรักอีกครั้ง

    “ทำไมไม่ตอบละ”

    นัยน์ตาเรียวเพ่งมองคนตรงหน้านิ่ง ยิ่งสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆมีเพียงแค่นัยน์ตาที่ยากต่อการคาดเดายิ่งรั้งแต่จะไม่เข้าใจ จนในที่สุดก็เลือกยอมแพ้หลุบสายตาหนีลงต่ำ

    หรือบางทีอาจคิดไปเองทั้งหมด

    หรือจะร้ายแรงกว่านั้นคือไม่มีหวังตั้งแต่แรกแล้ว

    “ถ้าไม่ชอบกันเลยสักนิด ถ้าไม่มีใจให้กันเลยสักนิด ฉันจะได้ไม่พยายามต่ออ๊ะ!

    ชั่วพริบตาที่เสียงใสถูกกลืนกินหายไปเพราะริมฝีปากร้อนที่บดขยี้ลงมา ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ต้องการดูดกลืนคำพูดเหล่านั้น นัยน์ตากลมเบิกโพลงอย่างตกตื่นนึกอยากจะขัดขืนหากแต่ความอ่อนโยนที่ถูกสาดจากอีกคนทำให้ความคิดนั้นปลิวหายไป ริมฝีปากอุ่นร้อนดูดเม้มกลีบปากบางอย่างละเอียดอ่อน ดูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคนตัวเล็กเข่าอ่อนยกฝ่ามือเกาะไหล่หนาเป็นที่พึ่ง

    ลิ้นชื้นส่งมาแตะกลีบปากบางเชิงขออนุญาติ ริมฝีปากเล็กเผยอขึ้นรับอาคันตุกะเข้ามาฉกชิมความหวานฉ่ำภายใน และทันทีที่เข้ามาลิ้นชื้นก็ตวัดเกี่ยวรัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อนทันที ความร้อนจัดที่ถูกจุดขึ้นจนแทบแผดเผาร่างทั้งร่างของลู่หานให้แหลกเป็นจุน

    “อื้อ~

    เสียงหวานร้องครางกระเส่าเมื่อลิ้นร้อนยังคงไล่ต้อนไม่หยุดหย่อน ความหวานล้ำภายในที่เซฮุนได้โยนเชื้อเพลิงเข้าไปให้กองไฟลุกโชน ความร้อนรุ่มที่ลามไปทั่วทั้งกายจนสั่นสะท้านหากไร้อ้อมแขนของเซฮุนที่คอยประคองร่างเล็กคงต้องล่วงกองอยู่ที่พื้นเป็นแน่

    ลิ้นร้อนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างไม่รู้จักพอ ราวกับลิ้นเล็กของลู่หานคือเกสรดอกไม้ที่ผลิตน้ำหวานออกมาให้แมลงได้ฉกชิม และลิ้นของเซฮุนนั้นก็คือแมลง แมลงที่โง่เง่าหลงงมงามแหล่งน้ำหวานแห่งนี้ไม่รู้เบื่อ ชิมแล้วชิมเล่ากลืนกินแล้วกลืนกินเล่าก็ไม่รู้จักอิ่ม

    สำหรับลู่หาน มีแต่ต้องการและต้องการ

    “อ๊ะอื้อ~

    มือเรียวยกทุบไหล่แกร่งเป็นเชิงขอหยุดหายใจ หากแต่เซฮุนที่เปรียบดั่งราชสีห์เวลาลิ้มรสอาหารอันโอชะมันจะไม่มีวันหยุดกินจนกว่าจะอิ่มคนตัวสูงถอนลิ้นออกเปลี่ยนเป็นดูดเม้มกลีบปากล่างสีเชอร์รี่อย่างลุ่มหลง ลิ้นชื้นแตะเลียกลีบปากบางผลัดดูดเม้มไปมา และเหมือนเป็นโอกาสของลู่หานเมื่อพญาราชสีห์กำลังพักคนตัวเล็กก็กอบโกยอากาศเข้าหายใจทันที

    “อื้อ!

    แต่ก็กอบโกยเพียงได้ไม่นานเมื่อราชสีห์ต้องการลิ้มรสอาหารแสนหวานนี้อีกครั้ง เซฮุนบดจูดลงมาอย่างไม่ทันให้ลู่หานได้ตั้งตัว ลิ้นชื้นสอดแทรกเข้าโพลงปากบางตวัดเกี่ยวดึงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ความร้อนดั่งเปลวเพลิงถูกจุดขึ้นอีกครั้ง กองไฟลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางหัวใจจนร้อนระอุไปทั่วทุกอณูผิว

    ฝ่ามือหนาลูบแก้มใสที่สัมผัสได้ถึงความร้อน เกลี่ยเล่นในขณะที่จุมพิตยังคงดำเนินต่อไป สองลิ้นฉกสู้กันภายในโพลงปากอย่างดุเดือดดูดเม้มจนเกิดเสียงจ้วบจ้าบ ความร้อนครั้งใหญ่ที่แทบพรากลมหายใจออกจากร่าง

    ความร้อนที่แทบหลอมละลายหัวใจดวงนี้ให้กลายเป็นธุลี

    “อื้ม

    เสียงประท้วงที่ร้องดังขึ้นจากลำคอลู่หานทำให้เซฮุนต้องละจูบออกมาอย่างเสียดายแต่ก็มิวายส่งลิ้นเลียกลีบปากบางเป็นการส่งท้าย คนตัวเล็กหอบหายใจจนตัวโยนภายใต้อาณัติที่แข็งแกร่งของเซฮุน กลีบปากบางเคลือบไปด้วยน้ำใสจนเซฮุนอดไม่ได้ต้องส่งลิ้นออกมาเลีย

    นัยน์ตาคมสบดวงตากลมใสที่สั่นระริกอย่างรุนแรงของคนในอ้อมแขน นัยน์ตาคมที่หากจ้องมองดีๆจะพบกับความโดยนัยซ้อนอยู่ จุมพิตครั้งนี้ที่เซฮุนจงใจให้ร้อนแรงเป็นพิเศษ ร้องแรงปางตายเพื่อเป็นการลงโทษคนตัวเล็กที่พูดให้รู้สึกขัดใจ

    ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มช้าๆเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงไม่หยุดหอบหายใจ หัวใจดวงน้อยที่เต้นแรงจนคนหูดีอย่างเซฮุนได้ยิน และมันต้องเต้นแรงมากกว่าเดิมเมื่อ

    “ที่ถามว่าฉันชอบนายรึเปล่า

    “แฮ่กๆ”

    “จูบคือคำตอบ”

     

     

                    ภายในห้องพักของโรงแรมเซฮุนหย่อนสะโพกนั่งลงกับโซฟา ใบหน้าคมคายหล่อเหลาประดับรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้เขารู้สึกไม่ต่างราวกับคนบ้าที่ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนก็ยิ้มตลอดเวลา

                    นิ้วมือหนาเคาะเบาะโซฟาไปมาเป็นทำนองเพลง ดวงตาคมสีเฮเซลที่สวยงามอยู่แล้วกลับดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อในเวลานี้กำลังแพรวพราวระยิบระยับไปด้วยประกายแห่งความสุข

                    บางทีผมควรไปพบจิตแพทย์ ผมคิดว่าผมยิ้มจนใกล้เป็นบ้าแล้วละครับ

                    แกร๊ก

                    นัยน์ตาคมหันมองคนมาใหม่ที่เดินเข้าห้องเขาได้ง่ายดายอย่างลู่หานที่อยู่ในชุดนอนลายโดนัลดั๊กสีเหลืองพลันต้องหลุดอมยิ้ม ลู่หานก้าวเข้ามาหย่อนสะโพกนั่งลงข้างกายเซฮุนก่อนจะเม้มริมฝีปากบางมือเรียวเล็กขยำชายเสื้อนอนอย่างคนทำอะไรไม่ถูก

                    กะก็ก็ดะดะดีฟคิสแง้T_T ก็ดีฟคิสเมื่อตอนเย็นยังอยู่ในหัวมันก็เขินสิวะ!!!!! T///////T

                    ทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างกันโดยไม่มีใครปริปากพูดออกมาแต่ที่น่าแปลกคือบรรยากาศกลับไม่กดดันเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองต่างคนต่างนั่งอมยิ้มอยู่กับตัวเองโดยไม่หันมามองกัน ความรู้สึกจั๊กจี้หัวใจผิดปกติที่ค่อยๆขับเคลื่อนเข้าสู่กลางหัวใจ

                     เซฮุนค่อยๆเขยิบสะโพกเข้าหาลู่หานทีละนิดใบหน้าคมแสร้งทำเป็นมองเพดานซ้ายทีขวาที ลู่หานพยายามอย่างหนักที่จะไม่หลุดยิ้มออกมาทำได้เพียงแค่นั่งอมยิ้มเกร็งๆนิ้วมือเล็กเขี่ยพื้นโซฟาไปมาอย่างประหม่า

                    เบื่อตัวเอง ไม่รู้จะเกิดมาหน้าตาดีทำไม ดูสิคุณเนื้อคู่ยังทนไม่ไหวเลย (>//////<)

                    ในที่สุดสองร่างก็นั่งแนบชิดกันบนโซฟาตัวใหญ่แต่ก็ยังไม่มีใครเริ่มบทสนทนาเสียทีจนในที่สุดก็เป็นลู่หานเองที่ชวนอีกคนคุยก่อน

                    “พรุ่งนี้ก็กลับแล้วสินะ”

                    เซฮุนชำเลืองสายตามองคนข้างกายก่อนเอ่ยตอบ

                    “เอาะอ่อ ใช่พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”

                    ลู่หานพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองคนจะเงียบลงอีกครั้งจนเซฮุนพ่นลมหายใจออกมาแล้วเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาบ้าง

                    “นายเป็นคนน่ารักนะ”

                    “หะห๊ะ?” คนตัวเล็กหันขวับไปมองเซฮุนทันที นัยน์ตาเรียวเบิกเล็กน้อยอย่างตื่นตะลึงกับคำพูดของเซฮุน

                    ยะอยู่ดีๆก็มาชมว่าน่ารักกันเฉยเลย คนบร้าๆๆๆๆ ไม่ต้องพูดก็ได้รู้ตัวอยู่หรอก (.//////.) #แทะโซฟา

                    ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นโอบไหล่เล็กให้เข้ามาแนบชิดกายมากขึ้น และทันทีที่กลิ่นคุ้นเคยของเซฮุนลอยแตะจมูกปรางแก้มใสก็เห่อแดงขึ้นทันทีอย่างฉุดไม่อยู่

                    อยากซบอกอะ แต่เดี๋ยวโดนด่าว่าแรดไม่เอาหรอก ฮึ้บไว้นะลู่หานฮึ้บ!!! (T//////T)

                    “ตอนนายยิ้ม ไม่สิ ไม่ว่าจะตอนไหน ไม่ว่าจะทำหน้ายังไงนายก็ดูน่ารักทุกครั้งเลย”

                    “คะคุณเนื้อคู่” ใบหน้าหวานหันมองใบหน้าคมด้านข้างที่ยังคงเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่พาให้หัวใจสูบฉีดแรง

                    “บางทีฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันนะ”

                    ลู่หานนั่งนิ่งรับฟังคำพูดของเซฮุนอย่างตั้งใจด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

                    “ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่าตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไม

                    ฟึบ!

                    ภายในพริบตาร่างของลู่หานก็นอนราบไปกับโซฟาโดยฝีมือของเซฮุนที่ยกตัวขึ้นคร่อมจ้องมองดวงหน้าสวยด้วยแววตาที่จริงจังจนหัวใจดวงน้อยแทบระเบิดออกมาสู่โลกภายนอก

                    และคำพูดถัดมาที่จงใจแผดเผาร่างเล็กให้มอดไหม้

                    “ทำไมฉันถึงชอบนาย”

                    ชะ ชอบ……..

                คุณเนื้อคู่บอกชอบกูหรอ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     
     

    #ช็อค









     

    ( "ทำไมฉันถึงชอบนาย" - Said by Duke Sehun ❤️ )


    แชพเตอร์ที่แปด 100% #ฟองดูฮุนฮาน

     

    Fonduehunhan

     

    รีปริ้นท์ #ฮนครม รอบที่1 มาแล้วจ้า
    http://my.dek-d.com/gingggg/writer/viewlongc.php?id=1004693&chapter=30

    ฝากฟิคเรื่องใหม่ Faded Image แด่ความทรงจำของฉัน
    คำเตือน สำหรับคนที่ชอบอ่านฟิคดราม่าและฟิคจากเรื่องจริงเท่านั้น

    http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1142581



    กรี้ดดดดดดดดดด ครอบร้อยแล้ว เหนื่อย 5555555555
    สงสัยยังเพลียจากสงกรานต์อยู่
    ตอนนี้ฮูนบอกชอบลู่หานแล้วกรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
    แล้วดูไม่ยอมตอบว่าชอบลู่ไหมแต่ดันจับจูบ เออจย้า .//////.
    ตอนหน้าถือว่าเด็ด แต่ไม่สปอยรออ่านเองเนอะ 555555555555555555555
    ขอทอล์คน้อยนะคะ ไม่รู้จะพูโไร 5555555555555555555
    ขอบคุณสำหรับเม้นท์ ขอบคุณโหวต ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณยอดวิว ขอบคุณ#ฟองดูฮุนฮาน
    ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้กัน รักคนอ่านเสมอนะ จูบบบบบบบ <3

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×